ความคิดเห็นที่ 1 วงดนตรี Van Halen ถือกำเนิดขึ้นในปี 1974 (เลขสวยมาก) จากการก่อตั้งของวัยรุ่นเลือด rock 3 คนคือ Eddie Van Halen - Guitars and Vocals Alex Van Halen - Drums Mark Stone - Bass โดยแรกเริ่ม ใช้ชื่อวงว่า "Mammoth" จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เนื่องด้วยความเป็นวัยรุ่นหน้าใหม่ ยังไม่มีชื่อเสียง ทางวงจึงยังไม่มี P.A. System เป็นของตัวเอง จึงต้องทำการเช่าเครื่องมาใช้ โดยทางวง Mammoth ได้ขอเช่าเครื่องจาก David Lee Roth ผู้ซึ่งเคยมา Audition เป็นนักร้องกับ Mammoth แต่ "ไม่ผ่าน" การคัดเลือก และเพราะค่าเช่าเครื่องที่แพง กอรปกับ Eddie เริ่มเบื่อกับการเป็นนักร้อง ทางวงจึงยอมให้ David Lee Roth เข้าเป็นนักร้องของวง เพราะต้องการประหยัดค่าเช่าเครื่องนั่นเอง เมื่อเริ่มออกแสดงได้ไม่นาน ทางวงพบว่า Mark Stone - Bass ไม่เหมาะกับวง Michael Anthony จึงถูกเรียก หรือ ทาบทามมาเล่น bass โดยมา jam กันในบ้านของพ่อนาย David Lee Roth นั่นเอง . . . แล้ว Michael Anthony ก็กลายมาเป็น Bass player + Back up vocalist แทนที่ Mark Stone จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในเวลาต่อมา ทางวงพบว่า ชื่อ Mammoth นั้นมี local band แถวนั้นเคยใช้อยู่แล้ว จึงต้องการเปลี่ยนชื่อใหม่ และนาย David Lee Roth ก็เสนอชื่อ Van Halen ขึ้นมา พร้อมๆกับชื่อ Rat Salad ซึ่งเป็นชื่อเพลงของวง Black Sabbath แต่ในที่สุด Van Halen ก็ถูกใช้เป็นชื่อวง โดย Roth บอกว่า มันฟังดูมีพลังในตัวมันเองอยู่แล้ว จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากนั้น พวกเขาก็ออก tour กันมากขึ้น ใน Pasadena, Hollywood อยู่ในรัฐ California, USA และจากการออกตระเวณเล่นดนตรีนี้เองทำให้พวกเขาได้กลุ่มแฟนที่เหนียวแน่นขึ้นมา กลุ่มนึงที่คอยติดตามดู live show ของพวกเขาเสมอๆ Van Halen ก็ promote วงตนเองโดยการแจกใบปลิว ก่อนขึ้นเล่นดนตรี ตาม high school และนั่นทำให้แฟนเพลงเพิ่มจำนวนขึ้นมาก และมากเกิน ส่งผลให้ Van Halen ถูกห้ามไม่ให้เข้าเล่นใน club ต่างๆ เพราะแฟนๆของพวกเขานี่เอง แม้กระทั่งการเปืด concert ในสนามหญ้า ก็ถูกตำรวจเข้าควบคุม เพราะแฟนเพลงเขาก่อปัญหาโดยการพลิกรถตำรวจจำนวนมากด้วยความคึกคะนอง แต่ชื่อเสียงที่มีมากขึ้นส่งผลให้พวกเขาได้เข้าเล่นในสถานที่ ที่มีชื่อเสียงอย่าง Whisky a Go Go และในปี 1977 Gene Simmons จากวงสุดเจ๋งอย่าง KISS ก็ได้เห็นการ แสดงสดของ Van Halen เข้าและตัดสินใจให้ทุนกับทางวงสำหรับทำ Demo Tape และย้าย Van Halen ไปที่ Electric Ladyland ใน New York แล้วทางวงก็อัดเสียงเพลง House of Pain , Runnin with the Devil ขึ้นมาสำหรับ demo songs แต่ Eddie ไม่ชอบนักเนื่องจากเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์ของตัวเองบันทึกเสียง อีกทั้ง Gene Simmons ยังอยากให้เขาใช้ชื่อวงว่า Daddy Longlegs แทน แต่ทางวงไม่เห็นด้วย จึงแยกย้ายกันไปในเวลาต่อมา จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในช่วงปลายปี 1977 Mo Ostin และ Ted Templeman ก็ได้เห็นการแสดงของ Van Halen ใน Hollywood เข้าให้ ถึงแม้ว่าจะมีคนดูการแสดงในวันนั้นน้อย แต่ทั้ง 2 คนก็ชื่นชอบ Van Halen มากๆ และเสนอให้เซ็นสัญญากับทาง Warner Bros Records ในเดือนตุลาปี 97 นี้เองที่ทางวงได้ออกอัลบั้มชื่อเดียวกับวงออกมา คือ Van Halen และทำยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมๆกับการไต่ chart ไปถึงอันดับ 19 ของ Billboard pop music chart จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อัลบั้มนี้เองที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในอัลบั้ม Rock ที่มีอิทธิพลต่อวงการเพลง Rock มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพลงที่ได้รับการพูดถึงมากในอัลบั้มนี้คือ Ain't Talkin''Bout Love, Eruption, Runnin with the Deveil.... และเพลง cover อย่าง You Really Got Me แล้วตามมาด้วยการ Tour ตลอดปี และเป็นวงเปิดให้ Black Sabbath. จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แน่ยื่งกว่าแช่แป้ง ว่า . . . สิ่งหนึงที่ดึงดูดคนดู คนฟังจำนวนมากนั้น มาจาก technique การเล่น guitar ของ Eddie นั่นเอง เมื่อมารวมกับลีลาการร้องของ David Lee Roth เข้าจึงเหมือนไฟกับน้ำมันมาพบกัน Eruption ได้แนะนำให้โลกของ Rock and Roll รู้จักกับการเล่น Guitar ด้วยวิธีที่เรียกว่า Tapping หรือแบบที่เราๆเรียกกันว่า จิ้ม นั่นเอง ขอคารวะสักร้อยที...... จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1979 อัลบั้มที่สองของพวกเขาก็ออกมาในชื่อ ตามน้ำ เอ้ยยยย! Van Halen II แน่นอนว่า style ต้องตามน้ำไปกับอัลบั้มชุดแรกซึ่งถือเป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ไปแล้ว แน่นอน และ Van Halen II ก็ทำให้ชื่อเสียงของวง โด่งดังยาวนานเพิ่มขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย เพลงเด่นในชุดนี้ที่แฟนพันธ์แท้ต้องจำได้ คือ Dance the night away จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 1980 ก็ตามมาด้วย album ที่ 3 ในชื่อ Women and Children First ในยุคนี้ Van Halen ถือเป็นวง Rock ที่โด่งดังที่สุด และมีอิทธิพลที่สุดในวงการเพลง Rock เลยทีเดียวเชียว VH1 ยกย่องให้เขาเป็นอันดับ 7 จาก 100 Greatest Artist of Hard Rock เพลงเด่นๆในชุดนี้ก็เช่น The Cardle Will Rock, Everybody Wants Some!! จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 1981 พวกเขาก็เข้าห้องอัดอีกครั้งในอัลบั้มที่ 4 ที่ชื่อ Fair Warning ในชุดนี้ Eddie ต้องการทดลองทำเพลงที่ซับซ้อนมากขึ้น และ Serious มากขึ้น ซึ่งขัดกับ style ของ Roth ที่ออกไปทาง POP และการแต่งการแนว Cartoon และแฟนซี ซึ่งผลที่ออกมาทำให้ ยอดขายตกลงอย่างน่าใจหาย และไม่มีเพลง Hit ติด Chart เลยในอัลบั้มนี้ จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อัลบั้มที่ 5 ในนาม Diver Down ก็ออกตามมาในปี 1982 ซึ่งมีเพลง Cover ที่ Hit ไปทั่วโลกอย่าง Oh,Pretty Woman ของ Roy Orbison อยู่ด้วย เหมือนเป็นการแก้ตัวจาก Fair Warning และหน้าปกก็ใช้ pattern ที่จำกันได้ดีอยู่แล้ว เรียกว่า กะมาขายกันเต็มที่ละครับ หลังจากแป๊กไปเมื่อครั้งที่แล้วกับ Fair Warning จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สองปีให้หลัง คือปี 1984 พวกเขาออกอัลบั้มในชื่อ 1984 อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นอีกอัลบั้มประวัติศาสตร์ของวงการเพลง Rock อีกเช่นกัน ในชุดนี้พวกเขาบันทึกเสียงกันใน 5150 Studios ของพวกเขาเอง ซึ่งจุดเด่นคือการนำ Keyboard เข้ามาใช้กับ Hard Rock ได้อย่างลงตัวและเป็น sound ของ Van Halen เอง ถือเป็นการก้าวไปอีก step ของการแต่งเพลงและสร้างเสียงเฉพาะตัว (สมัยนั้น ไม่ค่อยมีใครใช้ Syn เล่นกับ Hard Rock) Jump เป็น single ที่โดดเด่นในเรื่องของ Synthesizer sound และคำร้องที่ลงตัวจาก Roth ส่งผลให้เพลงนี้เป็นเพลงแรกและเพลงเดียวของ Van Halen ที่ไต่ขึ้นสู่อันดับ 1 ของ POP HIT Chart และทำให้วงได้เป็น Grammy nomination. Panama, I'll Wait และ Hot For Teacher ก็ตามติดเข้าถล่ม Chart เพลง Hit และหัวใจของแฟนเพลงของพวกเขา หลายๆเพลงถูกทำเป็น MV และถูกเปิดเป็นเพลงหลักใน MTV โดยเฉพาะ Hot for Teacher และ 1984 ก็ขึ้นถึงอันดับ 2 ของ Billboard ซึ่งที่ 1 ในขณะนั้นคือ Thriller จาก Michael Jackson นั่นเอง โดยในเพลง hit ของ Michael ที่ชื่อ Beat It ก็ได้ Eddie Van Halen เป็นคน solo จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 และเหมือนเป็นสูตรสำเร็จของวงดนตรีดัง เมื่อถึงจุด อิ่มตัว ก็เริ่มมีความขัดแย้ง โดย Roth ไม่พอใจที่ Eddie เริ่มโดดเด่นและทำตัวเป็น Artists มากเกินไป ในขณะที่ Eddie ก็ไม่พอใจที่ Roth ยังคง present ตัวเองในลักษณะ Cartoonish และ นิสัยที่ชอบทำตัวหรูหรา แล้ว Roth ก็แยกตัวออกจาก Van Halen ในที่สุด จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อขาด Roth ก็ต้องหานักร้องใหม่ และ Van Halen ก็ได้พบกับ Sammy Hagar ซึ่งเคยร้องให้กับวง Montrose มาก่อน อีกทั้งอัลบั้มเดี่ยวของ Hagar ยังขึ้น pop chart ได้ถึงอันดับ 26 และนี่คือยุคใหม่ ของ Van Halen และเป็นยุคที่ผมชอบที่สุด หรือเรียกว่าเป็นยุคที่ 2 ของ Van Halen ก็ว่าได้..... จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 5150 คือชื่ออัลบั้มต่อมาที่ออกในปี 1986 เสียงของ Keyboard ที่ผสมผสานกับ Hard Rock และ solo ของ Eddie ทำให้ 5150 กลายเป็นอัลบั้มที่ Hit อย่างรวดเร็ว เพลงอย่าง Why Can't This Be Love? Dream และ Love Walk In ก็กลายเป็นเพลง Hit ที่เข้าสู่อันดับ 1 ของ Billboard ได้ในเวลาต่อมา 5150 ถือเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดของ Van Halen ในยุคของ Hagar จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตลอดสิบปีในยุคของ Hargar นั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่การเปรียบเทียบระหว่าง Hagar และ Roth ถูกถกและวิจารณ์เป็นระยะๆ รวมถึงกระแสของการกลับมาของ roth แต่ Eddie กล่าวว่า เขา Happier กับ Hagar และHagar ก็ทำให้ Van Halen เข้าถึงกลุ่มคนฟังได้ง่ายและมากกว่าเดิม ในยุคของ Roth นั้น ทุกเพลงถูกกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 3.5 นาที แต่ในยุค Hagar มีบางเพลงยาวถึง 5 นาที ส่งผลให้การสร้างเพลงทำได้กว้างและแตกต่าง และส่วนผสมใหม่นี้เองที่ทำให้เกิด New Sound of Van Halen ขึ้น แล้ว OU812 ก็ถูกปล่อยออกมาในปี 1988 เพื่อย้ำความสำเร็จของ 5150 ด้วยเพลงคุณภาพอย่าง When It's Love, Black and Blue, Cabo Wabo, Feel So Good และ Finish What Ya Started จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในขณะที่วง Hard Rock อื่นๆเริ่มล้มหายตายจากไปด้วยกระแสของ Grunge Music แต่ Van Halen ยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขายังคงยอดเยี่ยม และสามารถชนะใจแฟนเพลงได้เสมอมา โดยในปี 1991 อัลบั้ม....(ดูภาพเอาเองนะครับ) ก็ถูกปล่อยออกมา พร้อมกับคว้าสองรางวัล Grammy Awards ไปครองอย่างภาคภูมิใจ กับ Best Hard Rock Performance with Vocal award. เพลงเด่นๆในอัลบั้มนี้ คือ PoundCake , Runaround, Top of The World, The Dream is Over และ Right Now ชุดนี้เจ๋ง จ๊าบ จี๊ด โดนใจจริงๆ เก๋า และ มะ มากๆ จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 และนอกจากอัลบั้มที่เต็มไปด้วยคุณภาพแล้ว Eddy ยังออกแบบ guitar เป็นของตัวเองกับทาง Ernie Ball ในชื่อ Music Man EVH ที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับผม ที่ไม่ยอมซื้อไว้สักตัวในยุคนั้น เพราะปัจจุบันกลายเป็นของหายากไปแล้ว เนื่องจาก เลิกผลิต แบบที่ทุกคนคงจะทราบดี MM EVH ให้เสียงที่ใส หวาน และดุดันในตัวเดียว คอ bird eyes maple ที่แข็งแรงทนทาน และ Quilt Top ที่สวยงาม และรูปร่างที่เป็นส่วนผสมระหว่าง Strat + Les Paul จน เป็นเอกลักษณ์ของ Music Man ไปแล้ว จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 1995 พวกเขากลับมาถล่มแผงเทปและ CD อีกครั้งด้วย อัลบั้มที่ใช้ชื่อว่า ..... Balance กับเพลงเจ๋งๆอย่าง... Can't Stop Lovin' You, Not Enough, Amsterdam แน่นอนครับ แฟน evh อย่างผมก็ไม่ยอมพลาดด้วยประการทั้งปวง กลมกล่อม พอดี ๆ สมชื่อ Balance ล่ะครับ ชุดนี้ . . . นอกจากอัลบั้ม balance แล้ว Van Halen ได้มีโอกาสแต่งเพลงให้กับหนังเรื่อง Twister ด้วย และในช่วงนี้เองที่เกิดปัญหาขึ้นระหว่าง Hagar และ พี่น้อง Van Halen ในที่สุดจึงมีข่าวว่า Hagar ถูกไล่ออก แต่ Van Halen กล่าวว่าเขาลาออกไปเอง นับเป็น Big news ที่สร้างความเสียใจให้ผมอย่างมาก เพราะเสียดายเสียงร้องของ Hagar และความลงตัวของ Sound ในยุคนี้ จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร Eddy จึงย้ายค่ายจาก Ernie Ball, Music Man มาสร้าง guitar ตัวใหม่กับ Peavey โดยใช้ชื่อว่า Wolfgang ซึ่งเป็นชื่อของลูกชายของเขาเอง และแน่นอนว่า Wolfgang ก็มี design ที่มาจาก music man แต่มี การปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้เป็นไปตามที่ eddy ต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Arch Top, Drop E tuner, คอที่กว้างขึ้น และน้ำเสียงที่ดุดันมากขึ้น ทั้งๆที่ Wolfgang หรูหรากว่า...แต่ผมชอบ Music Man มากกว่าครับ....อาจจะเพราะรู้สึกว่ามันเป็น Original เป็น First Impression ก็ได้ จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 1998 Van Halen3 เป็นอัลบั้มของ ยุคใหม่ กับน้องร้องนำ Gary Cherone อดีตนักร้องนำ Extreme นั่นเอง ซึ่งส่วนตัวแล้วผมฟังงานชุดนี้น้อยมาก หรือ แทบไม่ได้ฟังเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ First impression ของผมกับอัลบั้มนี้นั้นไม่ประทับใจเท่าไหร่ ด้วยผมรู้สึกว่า Sound และ Style เพลงเอนเอียงไปทาง Extreme มากเกินไป และเสน่ห์ของ Sound แบบ Van Halen ที่คุ้นหูผม หาย ไป แล้ว . . . (อคติส่วนตัว) อาจเป็นเพราะผมชอบ Hagar มากกว่า Gary ก็ได้ แต่ผมก็ชอบ Gary มากๆสมัยที่เขาอยู่ Extreme จุดที่เห็นได้ชัดในชุดนี้คือ หลายๆเพลง มีความยาวมากขึ้นและมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น ยั่วยุอารมณ์มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้องเสียแฟนเพลงเก่าๆที่ชอบ Roth , Hagar ไปจำนวนมาก และขณะเดียวกันก็ไม่ได้เข้าถึงแฟนเพลงใหม่ๆเท่าที่ควร ไม่มีเพลงไหนเลยในชุดนี้ที่เข้า Chart เพลง Hit เหมือนชุดอื่นๆ แน่นอนว่า ยอดขายก็ตกลงไปด้วย จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่น่าแปลกใจคือ track ที่ชื่อ That's why i love you กลับถูกปล่อยสู่ Internet เท่านั้น โดยไม่ได้อยู่ใน Album ไหนเลย แม้จะมีข่าวลือในช่วงต้นปี 1999 ว่า Van Halen กำลังทำ new album ในชื่อว่า Love Again กับ Gary นักร้องคนล่าสุด แต่ในช่วง Nov 1999 Gary Cherone ก็ลาออกจากวงไปในที่สุด จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นอกจาก Studio Album แล้ว ในปี 1993 พวกเขายังออกแผ่นแสดงสด แผ่นคู่ ออกมาดูดเงินในกระเป๋าผมด้วย จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 4 ปีที่สาปสูญ . . . . 2000 - 2004 ยังไม่มี album ใหม่ออกมาแต่อย่างใด แม้กระทั่งข่าวของการทำ ablum ใหม่ก็ไม่มีให้แฟนๆได้มีลุ้นกัน จะมีก็แต่ข่าวคราวส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคนเท่านั้น ข่าวที่น่าสนใจสำหรับผมคือ เรื่องของการขึ้นเล่นที่ Booth ของ Peavy ใน Namm 2003 ด้วยอาการเมามายของ Eddie และขาดสติ แต่ก็ทำให้ Booth ของ Peavey นั้นเต็มไปด้วยแฟนๆมากมาย ด้วยอาการเมานี้เองที่ทำให้ CEO ของ Peavey โกรธมาก และหลังจากนั้นเราจึงได้รู้ข่าวว่า Chavel-Jackson เป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการสร้าง Signature Guitar รุ่นต่อไปของ Eddie โดยผลิตอกมา 3 รุ่นด้วยกัน จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 และ Fender คือผู้ที่ซื้อหรือ Take over Chavel-Jackson ไป ทำให้เราได้เห็น Fender Tribute Serie ของ Eddie ในงาน Namm ล่าสุดที่ผ่านมา <<< อยากได้จริงๆนะเนี่ย แต่ราคาน่ะ............... ล้านแล้วจ้า !!! จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ลงมือทำด้วยตัวเองเลย.... สุดยอดครับ อยากด๊ายยยยยยยย.... จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 2004-2005 ผมก็พบกับข่าวดีที่รอคอย นั่นคือ การ Reunion with Sammy Hagar ในช่วงปลายมีนา Van Halen ไปประกาศข่าวการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของนักร้องที่ผมโปรด นั่นคือ Sammy Hagar เพื่อบันทึกเสียงเพลงใหม่ 3 เพลงที่ถูกบรรจุอยู่ใน Greatest Hits Album เพลงใหม่ทั้งสามคือ It's About Time, Up For Breakfast, Learning to See. แต่ผลตอบรับก็มีทั้งดีใจและไม่ดีใจ และท้ายที่สุดก็มีการ Reunion กับ Roth ด้วย แต่เพลงของ Roth และ Hagar กลับถูกแยกไว้คนละแผ่นกัน ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ เพราะเหมือนกับออกมาลองเชิง ไม่ฟันธงเลือกใครสักคนไปเลย ที่น่าสังเกตุคือ ไม่มีเพลงจาก Van Halen III ถูกรวมอยู่เลย โธ่....พี่ Gary Sherone ของผม จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ในปลายปี 2005 Michael Anthony ก็เปิดเผยว่า เขาไม่ได้ติดต่อกับพี่น้อง Van Halen มาสักพักแล้ว แต่ไม่ได้มี detail ของข่าวอะไรนัก และในช่วงต้นปี 2006 จึงมีการเปิดเผยข่าวว่า Van Halen ไม่ต้องการออก Tour กับ Michael Anthony ในการ tour 2004 reunion tour และเขาได้รับเงินส่วนแบ่งน้อยมาก เทียบกับสมาชิกคนอื่น ปลายปี 2006 Eddie กล่าวว่า ลูกชายของเขา Wolfgang จะร่วมเล่นในวงด้วย และ Michael Anthony สามารถไปทำอะไรก็ได้ ตามที่เขาต้องการ (Do Whatever he wats) ไล่ออกกันง่ายๆงี้เลยนะเพ่ . . . จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ข่าวดีของ Van Halen อีกครั้งเมื่อพวกเขาได้รับการประกาศให้รับรางวัล Rock and Roll Hall of Fame โดยคนที่ได้รับรางวัลคือสมาชิกทั้งหมด ทุกยุค ยกเว้น Gary Cherone และ Wolfgang โธ่ พี่ Gary ของผม . . . และตามมาด้วยการประกาศ Tour กับ Roth ในเดือน Feb 2007 ที่ผ่านมา แต่ก็มีการเลื่อน tour ออกไปแบบไม่มีกำหนดเนื่องจากต้องเข้ารับรางวัล Hall of Fame ที่ NYC และ Eddie อาจจะต้องการท่องเที่ยวหลังจากนั้น แต่ Wolfgang เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดการ reunion ขึ้น ทุกๆอย่างเลยยังไม่ clear เช่นเดิม และ March 12, 2007 ทางวงก็ได้รับรางวัลที่ Waldofg-Astoria ใน NYC แต่คนที่ไปร่วมงานกลับมีแค่ Michael Anthony และ Sammy Hagar เท่านั้น จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ Rock and Roll Hall of Fame ทั้งทีดันไม่ไปร่วมงาน ไม่ไปรับซะงั้น เก๋า อีกแล้ว ลุงแวน ฮาเล่น . . . ท่าทางลุง Eddie จะเมา หรือ เกเร หนักครับ งานนี้ . . . โดยทาง Anthony กล่าวถึง Eddie ว่ากำลัง "Getting Help" ส่วน Hagar กล่าวว่าเขาหวังว่า Eddie จะ "Came out better on the other side" โดยทั้งคู่ยังหวังจะได้ร่วมงานกับ Van Halen อีกครั้ง . . . จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 และนี่คือวงดนตรีที่ทำให้ผมจับ guitar ไฟฟ้า...... อยาก Solo อยากเล่นดนตรี Rock และแน่นอนครับ....อยาก tapping ทุกวันนี้ก็ยังชอบมากที่สุด และยกให้เป็น the best hard rock band ในดวงใจครับ จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Studio Album 1978 Van Halen 1979 Van Halen II 1980 Women and Children First 1981 Fair Warning 1982 Diver Down 1983 1984 1986 5150 1988 OU812 1991 For Unlawful Carnal Knowledge 1995 Balance 1998 Van Halen 3 Live Album 1993 Live: Right Here, Right Now จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอได้รับความขอบคุณจาก..... นาย วี เซเว่นตี้ โฟร์ v74 Enjoy จากคุณ : v74 - [ 4 ก.ย. 50 14:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ครับ เดี๋ยวรบกวนปีหน้าโพสท์อีกทีนะครับ  ผมมั่นใจว่าพวกมันต้องมาเหยียบกรุงเทพแน่ๆครับ จากคุณ : เคราครึ้ม - [ 4 ก.ย. 50 14:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 .....อูย...ข้อมูลแน่นดีคับ เยี่ยมๆ .....เหมือนกันคับ ผมชอบยุค เฮการ์มากว่าเดวิด ก๋วยเตี๋ยวหลอด .....ชอบที่สุดเป็น For Unlawful Carnal Knowledge .....เฉยๆ(ไม่อยากบอกว่าเสียดายตังค์) ชุด Van Halen III อุตส่าห์อุดหนุน ซีดี ผมชอบอยู่เพลงเดียว (แกรี่แกเหมาะกะเอ็กซ์ตรีมจิงๆ) ชอบซะจนผม ต้องเอาไปเลหลังขาย (แต่ตอนนี้เสียดายคับ) .....ทุกวันนี้ผมยังมันส์กับเพลง Human Beings / Soundtrack Twister จากคุณ : โก๋โรงเรียนเก่า (โก๋โรงเรียนเก่า) - [ 4 ก.ย. 50 15:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านกระทู้นี้เงียบๆ แต่มีเพลง DREAM ก้องในหู จากคุณ : Doraemyung - [ 4 ก.ย. 50 15:30:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เล่าได้อิ่มท้องเลยครับ สงสัยว่าวันนี้ไม่ต้องกินข้าวเย็น กลับบ้านไปเปิดเพลงของพวกเขาดีกว่าฮ่า ๆ  +555   PS . สนุกมากครับ ไว้มีโอกาสมาเล่าต่อนะครับ จากคุณ : wicked man - [ 4 ก.ย. 50 15:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อยากให้กระทู้แบบนี้เป็นกระทู้แนะนำจัง เบื่อเอเอฟเต็มแก่ สุดยอดฮะ ในฐานะแฟนแวน ฮาเลน ขอคารวะเลย จากคุณ : โตนิค - [ 4 ก.ย. 50 17:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แต่แปลกแฮะ ผมชอบยุคของ เดวิด ลี รอท มากกว่า แฮ่ ๆ อย่างว่าหล่ะครับ First Impression เหมือนกัน ผมไล่ฟังจากอัลบั้มแรก ๆ ก่อน จากคุณ : Soul To Squeeze - [ 4 ก.ย. 50 18:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เยี่ยมเลย ครับ เคยไปอ่านครั้งนึงที่เวปกีต้าร์ไทย เพิ่งจะซื้องานรวมเพลงของ VH มาฟังพอดีเลย อัลบัม The best of oth world 2 แผ่นคู่ราคาไม่แพงด้วย จากคุณ : melodic - [ 4 ก.ย. 50 21:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีทุกท่านครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาทักทายกันครับ จากคุณ : v74 - [ 5 ก.ย. 50 03:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ทำเอาผมต้องเอามาฟังอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ไม่เคยชอบเลย..   แจ่มครับ..  แจ่ม!! จากคุณ : ก๊วกกี้ (earth the RippeR) - [ 5 ก.ย. 50 08:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ... เยี่ยมครับ  มีกระทู้แบบนี้บ่อย ๆ นะครับ  ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้วงใดก็มาแบ่งปันกัน  (ส่วนผมรออ่านอย่างเดียวครับ อิอิอิ)  จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีกระทู้เกี่ยวกับวง Firehouse ด้วย... ... ปีหน้าขอให้มากรุงเทพฯ จริง ๆ เหอะ  ถึงแม้จะร่วงโรยลงไปมากแล้วผมก็จะดูครับ... จากคุณ : noprock - [ 5 ก.ย. 50 09:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แอบมาอ่าน วงในดวงใจ อิๆๆ มีวงไหนอีกครับท่าน ขอเป็น Iron Maiden ได้ไหม ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : experimental - [ 6 ก.ย. 50 03:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สุดยอดจริง ๆ ทีม Eddie / Hagar / Anthony / Alex ผมว่าลงตัวที่สุดแล้ว..ในสายตาผมนะ อาจเป็นเพราะผมไม่ชอบอีตา Roth ก็ได้ เวลาแสดงสด เหมือนหื่น ๆ บางทีก็เหมือนเกย์ ไงไม่รู้ ชอบชุด เอฟ ยู ซี เค สุด ๆ เทพไร้ที่ติจริงๆ จากคุณ : ซุ่มอยู่ - [ 6 ก.ย. 50 11:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบมากๆๆ หวัดดีครับพี่วุฒิ อิอิ จากคุณ : boydrum - [ 8 ก.ย. 50 16:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับชอบกับบทความที่ละเอียดมากๆแบบนี้จริงๆ ยังไงขอให้จขกท ชอบKissด้วยเถิดดดดดดดดด จะได้รู้ประวัติของพวกเค้าซักที อิอิ จากคุณ : i_candyman - [ 8 ก.ย. 50 21:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ข้อมูลปึ๊กมากคับ วงโปรดของผมเลย จากคุณ : 5150_b - [ 9 ก.ย. 50 21:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีทุกท่านครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาทักทายกันครับ ผมไม่ใช่แฟนวง Kiss ครับ เลยไม่มีข้อมูล ไม่มี CD เลยครับ จากคุณ : v74 - [ 10 ก.ย. 50 13:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ชุด 1984 ออกปี 1983 ไม่ใช่หรือครับ ส่วนชุด 5150 นั้น ไม่มีเพลงอันดับ 1 เลยนี่นา Why ...... ไปได้สูงสุดอันดับ 3 ส่วนชุด OU812 เพลง When it's love สูงสุดอันดับ 5 ครับ ส่วนชุด Greatest Hits Album ที่คุณกล่วถึงนั้น 3 เพลงร้องโดย Roth ครับ หลังจากไปเปิดตัวกันในงาน American Music Award  ออกในปี 01 กระมังครับ ชุดรวมฮิตที่ Sam กลับมาร้องออกเป็น CD แผ่นคู่หลังจากนั้น 2-3 ปีถ้าจำไม่ผิด คือปี 2004 ที่คุณกล่าวในชุดบนนั่นล่ะครับ (หลังๆไม่ได้ติดตามข่าวคราววงการแบบใกล้ชิดน่ะครับ...ขออภัย) เอ....หรือผมจำผิด ก็ต้องขออภัยครับ จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ - [ 29 ก.ย. 50 02:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Double Check ดูจาก wiki เห็นว่า 1984 ออกเมื่อ January 9, 1984 ครับ อันนี้ผมก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันแล้ว 83 หรือ 84 กันแน่นะ 5150 ขอบคุณครับที่แก้ข้อมูลให้ครับ OU812 ขอบคุณครับ Greatest Hits Album เป็นแผ่นเดียวที่ผมไม่ได้ซื้อครับ (สังเกตุจากภาพถ่ายรวม) ไม่รู้ตอนนั้นคิดยังไง เห็นมันเป็นรวม hit เลยไม่ค่อยสนใจอยากเสียเงินครับ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ขอบคุณ คุณผีเพื่อนหงส์ มากครับ จากคุณ : v74 - [ 29 ก.ย. 50 13:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่เป็นไรครับ.... ชอบวงนี้เหมือนกัน พอมีข้อมูลบางส่วนอยู่ในความทรงจำบ้าง เลยทักนิดนึง อัลบั้มรวมเพลงคู่ชุดนั้นเหมือนจะเป็น CD ชุดสุดท้ายที่ซื้อเลยนะนั่น หลังจากนั้นก็เบื่อๆวงการเพลงรุ่นปัจจุบันครับ มีแต่สะใจ   ไร้ซึ่งวิญญาณ ครับ ว่าแล้ว ฟัง Led Zep. HWWW ต่อดีกว่า.... ปล.ไม่ได้เข้ามาเล่นนานแล้วด้วยครับ ปล.2 อยากเห็น ร่ำไร เป็นแบบ Queen Live at Wembley จัง คงมันส์โคตร จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ - [ 29 ก.ย. 50 23:34:12 ]