PANTIP.COM : C5807170 ใครชอบเปิดอ่านเครดิตในปกซีดีหรือปกเทปบ้าง (เห็นชื่อมารายห์ร่วมทำงานแล้วปลื้ม) [Mariah Carey Fanclub]

ความคิดเห็นที่ 8

อ้อกลับมาให้ข้อมูล กับเกร็ดความรู้เพิ่มเติมจ้ะ

การเลือกเพลงนี้มาถามของพี่กอล์ฟ ถือว่า เก่งมากๆ

เพราะว่าคนส่วนมากมักคิดว่า Diane Warren จะมาคู่กับ David Foster เสมอ แล้วเพลง Johan's Theme เพลงนี้ ก็ฟังแล้วดูไม่ค่อย จิมมี่ แจมด้วยสิ ฟังแล้วมันไม่ต่างจากงานของเดวิด ฟอสเตอร์เท่าไหร่ พวก Unbreak My Heart, I Learned From The Best อะไรพวกนั้น เพราะปกติเอกลักษณ์ของค่าย Flyte Tyme (อ่านว่า ฟลาย ไทม์ นะจ้ะ มาจากชื่อเพลงของเจ๊เจเนทที่ชื่อว่า Funny How Time Flies จ้ะ สำหรับบางคนที่ยังไม่เคยรู้) ก็คือดนตรีสังเคราะห์กับเครื่องสายไฟฟ้าไรเทือกนั้น ดนตรีเลยจะมีลักษณะใสๆ เป็นเอกลักษณ์ พวกงานออเคสตรา เครื่องสายอลังๆ ถ้าเทียบกันเลย ระหว่าง Never Too Far ของค่ายนี้ กับ Unbreak My Heart จะดูองค์ประกอบแอบใสดๆ แยกเสียงชัดเจนกว่า เพราะค่ายนี้เค้าอิเลกโทรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกว่าอยู่กับเครื่องดนตรีไฟฟ้ามาตลอด คู่ใจของ 2 ลุง ก็คือ คีย์บอร์ด กับ ซินธ์ Roland ของยามาฮ่า ใช้ทำงานมาตลอด งานของค่ายนี้เลยแบ่งเป็นหลายส่วนชัดเจน คือ การกำหนดภาพงานคร่าวๆจะเป็นแผนงานดังนี้
1. สองลุงจิมมี่ แจม และ เทอร์รี่ ลิวอิส จะเป็นคนคุยกับค่าและศิลปิน และวาดภาพงานคร่าวๆ ว่าเพลงที่แต่งดนตรีและเนื้อมาแบบนี้ จะเอามาทำเป็นเพลงอารมณ์ไหนแบบไหนอย่างไร

2.หลังจากนั้นจึงจะส่งงานเรียบเรียงไปให้ James "Big Jim" wright ซึ่งเปรียบเสมือนคนที่คุมด้านดนตรีอย่างเดียวเพียวๆ จะรู้จักเครื่องดนตรีทั้งหมดว่าอยากให้ใช้อะไร โครงสร้างเพลงนี้ควรมีอะไรๆอย่างไรบ้าง จะให้ท่อนไหนเป็นอย่างไร อยู่ตรงไหน มีอะไรบ้าง

3. แล้วจะส่งไปให้แผนกที่เรียกว่า Engineer ซึ่งตรงนี้เป็นงานที่เพิ่งมามีหน้าที่กันชัดเจนในช่วงยุคต้น 90 หลังจากที่เริ่มมีการใช้แมคอินทอชในงานดนตรีเต็มตัว หลังจากที่เคยใช้ระบบ แมนวลๆ มิกซ์ๆผสมกันมานาน งานตรงนี้ Dana Jon Chapelle จะเป็นคนคุมงานทั้งหมดว่าต้องการได้เสียงเหล่านั้นมาอย่างไร แล้วต้องบันทึกอย่างไร พูดง่ายๆ นี่คือแผนกห้องอัดนั่นเอง ตำแหน่งนี้เห็นชื่อชัดในอัลบัมมารายห์แบบโต้งๆว่าใช้คอมเป็นครั้งแรกในอัลบัม Daydream ว่าแทบทุกเพลง ถึงขั้นว่า มีชื่อตำแหน่งเป็น McIntoch Engineer เลยนะนี่

4. งานต่อจากนี้ก็คือ การบันทึกเสียงดนตรีแยกชิ้นกัน แยกเสียงร้องกันมา อย่างงานนี้ Steve Hodge จะเป็นเจ้าประจำคุมพวกนักดนตรีมา ซึ่งมีทั้งดนตรีจริงบ้าง ดนตรีคอมบ้าง สั่งให้มาส่งงานตรงนี้ แล้วจะรวมไปให้ Dana ดูอีกที ถ้าผ่านก็จะส่งย้อนขึ้นเรื่อยๆไปให้เจมส์ ไรท์ และ 2 ลุง รวมถึง เจ๊ลัยของเรา ดูตามลำดับ (จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจึงมักจะเห็นว่า ยัยโล ยัยบริท ที่ดูไม่น่ามีเซนส์ทางดนตรีอะไรมาก สามารถตามรอยเจ๊ลัยของเราได้ง่ายๆ แค่ขออะฮั้นเขียนคำว่า อู้ อ้า ไปสัก 2 -3 คำ ก็ได้เครดิตผู้แต่งเนื้อแล้ว และ แบบบขอดูภาพรวมงานหน่อย แบบไม่ตรงใจชั้น ก็สั่งไปแก้ แต่แก้ไงไม่รู้ เค้าใช้อะไรกัน ไม่รู้สักอย่าง แต่ชั้นภูมิใจฮ่ะว่ามีส่วนร่วมแล้ว ก็เขียนลงไปเลยสิคะว่าชั้นคือ โพรดิวเซอร์ คนหนึ่ง จะได้ทำให้เป็นจุดดึงดูดใจให้เหล่าแฟนเพลงทั้งหลายภาคภูมิใจว่า อุ๊ย แม่ไอดอลของชั่นทำไมเก่งจัง ให้สัมภาษณ์มาเต็มปากเต็มคำว่าอัลบัมนี้ ฮั้นมีส่วนร่วมมากขึ้น หรือมีส่วนร่วมทั้งหมดค่ะ (กรณีศึกษานี้กำลังเกิดขึ้นเจ๊ช่า ณ ไทยแลนด์ กับอัลบัมใหม่ของเธออีกแล้วฮ่ะ)

คนที่เจ๋งจริงในแง่การทำงาน มันต้องแบบโด่ๆไปเลยว่าชั้นทำเองเพียวๆ ตรงนี้มีคนที่เห็นความสามารถกันชัดๆที่พอนึกได้ในแวดวงดิว่าของพวกเราก็อย่าง แม่มะลัยของพวกเรา ยัยบี ที่เธอมักจะแต่งเนื้อร้องเองเป็นประจำ และมีชื่อในเครดิตอย่างน่าภาคภูมิใจว่า Lyric: Mariah หรือ Beyonce Knowles เดี่ยวๆ และในภาคดนตรีก็มีเธอทั้ง 2 แหยมไปปรากฏชื่อด้วยเกือบทุกเพลง โดยเฉพาะเจ๊ลัยของเรานั้นสิ่งที่พึ่งนึกขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ก็คือ

"90% ของเพลงมารายห์ตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงปัจจุบัน (ไม่นับเพลงคัฟเวอร์ หรือ ที่ใช้แซมเปิ้ล) ทั้งหมดมีชื่อผู้แต่งเนื้อร้องคือ มารายห์ แครีย์ เพียงคนเดียว!"

แต่มีคนที่ขอคารวะให้ และถ้าไม่พูดถึงอาจเกิดศึกคือ คุณป้าข้างบ้าน รายนั้น เก่งกาจสามารถทุกขั้นตอน ทุกขั้น ตั้งแต่เข้ายุค like A Prayer เธอจะมีส่วนร่วมในหน้าที่หลักๆ คือ ดนตรี เนื้อร้อง และโพรดิวซ์ ครบทั้ง 3 ขั้นตอน เกือบทุกเพลงเชียว โดยที่ว่า เคยมีคำกล่าวที่ว่า หากใครทำงานกับป้า จะถูกป้าดูดกลืนวิญญาณมาได้ทั้งหมด! (ลองคิดกันเองละกันว่า ประโยคนี้หมายความว่าอะไร? อิอิ คิดไม่ออกลองฟัง The Beat Goes On กันดูสิจ้ะ)

กลับมาที่เรื่องทีมโพรดิวซ์ต่อ ว่าน่าเสียดายยิ่งนักที่หลังๆ เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นเครดิตแบบนี้จากค่ายฟลายไทม์ อีกแล้ว เพราะ 2 ลุง เริ่มปล่อยมือมาห่างอีกขั้น โดยการหาตัวแทนใหม่มาแทน อย่างเช่น Bobby Ross Avila และอีก 2 -3 คนที่จำชื่อไม่ค่อยได้ ที่เริ่มปรากฏเครดิตชัดเจนตั้งแต่เจเนทชุด ดามิตาโจ และ อัชเชอร์ - คอนเฟชชั่น เป็นต้นมา ในหน้าที่ผู้แต่งเนื้อ ดนตรี และโพรดิวซ์ ร่วม แบบที่ตรงไหนเคยมีชื่อ 2 ลุง เพียวๆ เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว ทำให้พวกเราอาจรู้สึกว่าความขลังของเพลง 2 ลุง ในยุคหลังลดต่ำลงมาบ้าง เพราะแก่แล้วไม่ไหวจริงๆ

และถ้าใครแน่จริง ก้ยกมือขึ้นบอกว่าเลยว่า มั่นใจว่าอัลบั้มมีมี่ที่ผ่านมา ไม่มีชื่อ จิมมี่ แจม และเทอร์รี่ ลิวอิส ปรากฏในเครดิตเลยสักกะแอะ

เหตุผลที่ระบุคือ 2 ลุงหง่อมมากแล้วจริงๆ (แต่ให้เหตุผลในบทความต่างๆอย่างสวยหรูว่าไม่ว่าง นึกดูว่าขนาดดูตอนเพลงเดบิวท์เจ๊เจนเนทอย่าง Control ที่2ลุงไปโชว์ตัวเป้นนักแสดงเต็มๆทั้งเพลงในปี 85 ยังโคตรแก่แล้วอ่ะ) เจ๊เลยเลือกคนที่เก่งที่สุดรองลงมาแทน อย่าง บิ๊ก จิม ไรทส์ ที่เก่งด้านเครื่องดนตรีมากๆ มาแทน โดยไม่เลือกพวกหน้าใหม่มาด้วย เพราะ พวกหน้าใหม่ถนัดแต่ดนตรีสังเคราะห์เชิงอาร์แอนด์บี แต่ บิ๊ก จิม ของเรา เก่งด้านเครื่องดนตรีสดมากๆ เจ๊จึงวางใจที่จะให้ทำเพลงช้าที่ให้อารมณ์สดๆแบบโซล70 อย่างที่พวกเราได้เห็นกันในอัลบั้มมีมี่ที่ผ่านมา

ไปไกลมาก กลับมาที่ เดวิด ฟอสเตอร์ โพรดิวเซอร์ ขวัญใจพวกเรากันดีกว่า รายนี้เป็นมือเปียโนมาก่อน แนวๆจิม บริคแมน ยุคนี้ แต่มาดังกะการทำเพลงบัลลาดได้โป๊ะเช๊ะขึ้นเรื่อยๆในปลายยุค 80 จากการมือขึ้นทำเพลงหวานๆดังในยุคที่เพลงกับหนังคือสิ่งที่ขาดกันไม่ได้อย่างยุคปี 80 ปลายๆช่วงนั้น จนกระทั่งมาโป๊ะเช๊ะกว่าเดิมอีก เมื่อมาเจอเซียนเพลงหวานบัลลาดซึ้งอย่าง ป้าไดแอน วอร์เรน และเริ่มมาจับร่วมกันทำงานช่วงกลางยุค 90 ได้เป้นเพลงบัลลาดตลาดแตกดังสะเทือนโลกมากมาย แต่ความเป้นจริงแล้ว ทั้ง 2 คน ทำงานคนละส่วนกัน และมีบริษัทคนละบริษัทกันนะ ต่างจาก ของ 2 ลุง ที่ใช้ชื่อ ว่า โพรดักชั่นเลย เพราะ มาที่ลุง ลุงมีครบหมด แต่ของป้าไดแอนนี่ แล้วแต่อารมณ์เจ๊แกจะเลือกคนมาโพรดิวซ์งานให้ ซึ่งหลากหลายมาก เพราะป้าทำงานเพลงได้ทั้ง อาร์แอนด์บี คันทรี่ ป๊อบบับเบิลกัม และบัลลาดมหาอลังการ ซึ่งแต่ละงานก็จะเรียกโพรดิวเซอร์มาตามแต่ความต้องการของลูกค้า เราจึงได้เห็นกันไงจ๊ะว่า อัลบั้มรวมเพลงของ ป้าไดแอน กับ ลุงเดวิด มีเพลงที่ต่างกันค่อนข้างเยอะนะ และหลังๆดูเหมือนลุงเดวิดจะกู่ไม่กลับแล้ว ผลงานสุดท้ายที่เห็นทั้งคู่ทำร่วมกันนั้น นานจนลืมไปแล้วนะเนี่ย หยั่งกะจะเป็น ยุค Spanish Guitar อะไรเทือกนั้นเลยล่ะ (ใครนึกออกช่วยบอกที) เพราะว่า ลุงเดวิดตอนนี้หันไปขุดกรุดันแต่เด็กสร้างที่ดันไหวคนเดียวของตัวเองอย่าง ไมเคิล บูเบล อย่างเดียว จนไม่ทำงานอื่นแล้ว (แต่ตามความรู้สึก รู้สึกว่างานหลังๆมือตกด้วยแหละ)

ด้วยความที่เป้นนักเปียโน ถ้าพี่กอล์ฟ จะเอาเครดิตเพลง After Tonight มาแปะต่อ จะเห็นเลยว่ารายละเอียดดนตรีจะยุ่บยับน้อยกว่านี้มาก จะเขียนสั้นๆไปเลยว่า String, Orchresta, Choir อะไรประมาณนั้น และไอ้ตำแหน่งที่ว่ามาทั้งหลาย ลุงเดวิดควบเองไปซะครึ่ง ดังนั้น เลยจะเขียนเครดิตให้แก่พวกนักมิกซ์ ที่หมายถึง คนเอาเสียงร้องที่ปรับแล้ว กับดนตรีสำเร็จรูปมาโบ๊ะกัน ได้เป็นเพลงในขั้นตอนสุดท้าย แค่นั้นเองแหละ และดนตรีก็มักจะเป็นพวกของจริง ไม่ค่อยสังเคราะห์ ความดิบของเครื่องดนตรีเลยฟังทุ่มอื้ออึงกว่ามาก แต่ก็ให้ความอลังการในแบบสมจริงมากกว่าเช่นกัน

จริงๆโจทย์ข้อนี้จะยากมากถ้าพี่กอฟไม่ใบ้มาตอนต้นว่ามีนักแต่งเพลงชื่อดังมาร่วมแต่งด้วย (แต่ตอนที่มาตอบไม่เห้นคำใบ้นี้นะ เพิ่งเห็นตะกี้เอง) เพราะถ้าไม่เห้น Realsongs จะเตียมบ่นพี่กอฟแล้ว เพราะจะบอกว่า อิเพลง Against All Odds, Petals, Rainbows , Thank God i Found You เครดิตอย่างนี้หมด การไม่ให้ชื่อคนแต่งเนื้อร้องและทำนองมา งานนี้ถึงขั้นมีตบได้ (ดีที่เลือกเพลงมาถูกนะ ไม่งั้นโดนข้าพเจ้าบ่นไม่เลิกแน่ๆ) แต่อีกอย่างก็แอบรู้แหละว่าเพลงนี้มันเจ๊กอฟ ธีมมั่กๆ ใครจะกล้าตอบเป็นเพลงอื่นได้ละคระ

เอาละ ถึงคำถามถามกลับบ้าง

ขอถามคนเก่งทั้งหลายว่า เพลงไหนน้อออออออ ที่เป็นเพลงเดียวเท่านั้นที่เจ๊มะลัยของเราได้เครดิตโพรดิวซ์เองเดี่ยวๆ โดยไม่มีใครมาแหยมด้วยเลย นี่สิประกาศศักดา ว่าข้าเจ๋งจริงเว้ย (ใบ้ให้ว่า ตัวดนตรีมีคนมาช่วยแต่งคนนึงเอ้า!) ลองทายกันดูละกาน

แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 01:42:42

จากคุณ : พระนายหมื่นไร่ (พระนายหมื่นไร่) - [ 12 ก.ย. 50 01:41:55 ]