ความคิดเห็นที่ 1 แม้ว่าในยุคแรกๆ เลนนอนจะเล่นโซโล้กีต้าแบบ “Chuck Berry” ตอนที่เขาอยู่ในสตูดิโอบ้าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยกตำแหน่งมือโซโล้ (lead guitar) ให้กับจอร์จ แฮริสัน อย่างเต็มใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังชอบการตีคอร์ดในแบบฉบับของตัวเองมากกว่า การโซโล้กีต้า (solo) ครั้งแรกของจอห์นในการบันทึกเสียงปรากฎครั้งแรกในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 1964 ตอนที่เขากำลังประพันธ์เพลง "You Can't Do That" หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาเขาก็ได้โซโล้ในเพลง "Long Tall Sally" (อีกเพลงหนึ่งที่พวกเด็กๆเล่นกันเทคเดียว) และก็ตามมาอีกหลายโซโล้ อาทิ เช่น ในเพลง "Every Little Thing," "Get Back," "I Want You (She's So Heavy)," "Happiness Is a Warm Gun," "Yer Blues," "Honey Pie," "Ballad of John and Yoko," และการสไลด์โซโล้เด็ดๆในเพลง "For You Blue," และท้ายสุดการประชันกีต้าอย่างบ้าคลั่งของสามสหายในเพลงสั่งลา "The End."              Lennon ทำหน้าที่หัวหน้าใหญ่อย่างเต็มตัวครั้งแรก ในอัลบั้มแรกของเขา Plastic Ono Band, แต่สุดท้ายเขาก็จำเป็นต้องชักชวนคนที่ไว้ใจได้ให้เข้ามาช่วยทำเพลงกับเขา อย่างเช่น Harrison, Eric Clapton และ Jessie Ed Davis และก็อีกหลายคน ช่วงนี้ในอาชีพนักดนตรีของจอห์น เขาได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการริฟฟ์กีต้า *(riff หมายถึง การเอาจังหวะกีต้ามาตัดแปะไว้ให้สอดประสานกันอย่างพอเหมาะพอเจาะกับจังหวะกลอง โดยจะต้องอาศัยจินตนาการอย่างมากในการคิดท่อนริฟฟ์ขึ้นมาสักท่อน ซึ่งท่อน riff มักจะเป็นจุดเด่นพอๆกับท่อนโซโล้ และผู้เล่นจะเล่นวนเวียนอยู่ในเพลงๆนั้นตลอดทั้งเพลง เช่นเดียวกับการ solo)มากมายบนเวทีร่วมกับเหล่าเทพเจ้าทางด้านกีต้า อย่างเช่น Chuck Berry, Keith Richard, Eric Clapton และ Frank Zappa จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การเล่นกีต้าครั้งสุดท้ายจริงๆ ของเขาคือการโซโล้กีต้าในเพลง "Walking On Thin Ice" (12/80) ซึ่งเป็นเพลงหนึ่งของโยโกะ โอโนะ แสดงให้เห็นถึงการโซโล้กีต้าแบบเรียบง่ายธรรมดาๆของเขา แต่มันบ่งบอกว่าเขาอยู่ในจุดที่สุดยอดแล้ว...(เศร้าว่ะ!) 1957: Gallotone Champion acoustic guitar *(กีต้าตัวแรกของจอห์น) จอห์นซื้อมันมา มันมีสเกลขนาด 3/4 ของกีต้าจริงและถูกจัดส่งมาทาง ”ไปรษณี”ราคาค่างวดก็ราวๆ £10 (บางตำราบอกว่า 6 ปอนด์)เขาตัดสินใจซื้อมันหลังจากเห็นมันโฆษณาอยู่ในนิตยสารชื่อ Reveille มันผลิตโดย “the Gallo company of South Africa” (ซึ่งรับประกันว่ากีต้าตัวนี้จะไม่เสียหายระหว่างขนส่ง) เนื่องจากจอห์นมีแต่บันโจ ดังนั้นแม่จูเลียจึงสงสารลูกที่ต้องเล่นอยู่อย่างนั้น เธอจึงอนุญาต(ให้ตังค์) ให้เขาซื้อกีต้าตัวนี้ได้ซึ่งดีกว่าที่จะไปขอตังค์ป้ามิมี่เพราะยังไงๆเธอก็ไม่เห็นด้วยกับจอห์นอย่างแน่นอน ไม่นานนักจอห์นก็เริ่มก่อตั้งวง the Black Jacks ร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียนชื่อว่า Pete Shotton แม่จูเลียเพียงแต่สอนการตีคอร์ดบันโจเพียงไม่กี่คอร์ด(บันโจมีห้าสาย) ดังนั้นจอห์นจึงเล่นกีต้าได้นิดหน่อย(หลังจากฝึกด้วยตนเอง) ด้วยเหตุนี้เองทางวงจึงจำเป็นต้องหาสมาชิกเพิ่มอีกเล็กน้อยพร้อมกับเปลี่ยนชื่อวงใหม่ว่า the Quarry Men  และต่อมาก็ได้ไปเล่นที่ the St. Peter's church Fete in Woolton, Liverpool on 6 July 1957 และก็ได้พอลเข้ามาร่วมวงอีกคนหนึ่ง... จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...เวลาผ่านไปหลายปี กีต้าตัวนี้เพิ่งจะปรากฏโฉมได้ไม่นาน มันถูกเปิดตัวในการประมูลที่ the Sotheby's house (น่าจะปี1999)โดยมี Rod Davis สมาชิกดั้งเดิมของวงเป็นผู้บอกเล่าตำนานของมัน จึงทำให้บรรยากาศการประมูลกีต้าคราวนี้ดูจะมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และในหนังสือ Liverpool Echo story นาย Rod Davis ได้บอกไว้ว่า...เขาจำได้ว่าตอนที่ทางวงเล่นที่โบสถ์เซนต์ปีเตอร์นิ้วชี้ของจอห์นถูกของมีคมบางอย่าง(สายกีต้าเส้นหนึ่งขาด!)บาดนิ้วขณะที่กำลังเล่น และเมื่อ Rod Davis เอากีต้าตัวนี้ไปเปลี่ยนสายใหม่เขาสังเกตเห็นว่ามีหยดเลือดหยดหนึ่งติดอยู่ที่ตัวกีต้า ดังนั้น Rod Davis จึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ทาง the Sotheby's ทราบและบอกให้สังเกตดู ซึ่งเท่าที่เห็นในตอนนี้รอยเลือดดังกล่าวมันดูเลือนลางมาก...(เชื่อเค้าเลย!)            หลายปีมานี้มันเคยไปอยู่ในมือใครบ้าง?   the Times of London รายงานว่า”...เมื่อสี่เต่าทองโด่งดังแล้วจอห์นมอบกีต้าตัวนี้ให้ป้ามีมี่เก็บรักษาไว้ หลังจากจอห์นตายแล้ว ป้ามีมี่ก็มอบมันให้แก่เพื่อนบ้านของเธอคนหนึ่งซึ่งมีลูกที่พิการ เมื่อเด็กพิการคนนี้ได้ตายลง กีต้าตัวนี้ก็ตกไปอยู่กับเพื่อนของเด็กพิการคนนี้ ซึ่งขณะนี้เธอก็มีอายุยี่สิบกว่าๆแล้ว ต่อมาพ่อเลี้ยงของเธอได้ขายมันออกไปเพื่อความปลอดภัยของเธอ”(ประวัติสมบุกสมบรรจริงๆ!)            The Sotheby's catalogue ได้เพิ่มเติมว่า... "จากการประมูลกีต้าตัวนี้ เงินที่ได้จากการประมูลได้บริจาคให้ทาง the Olive Mount Learning Disabilities Directorate, Liverpool" แต่ที่น่าสนใจก็คือมันเป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากเอกสารการขอบริจาคอันหนึ่งของป้ามีมี่ที่ไม่ค่อยจะอัพเดทนัก โดยลายมือของหล่อนและตัวกระดาษถูกส่งมาจากบ้านของหล่อนใน Sandbanks, Poole, states          ต่อมา...กีต้าตัวนี้ถูกประมูลไปทางโทรศัพท์(ปี1999)โดยผู้ไม่ประสงค์จะออกนามท่านหนึ่งในราคาประมาณ 250,000 เหรียญ และปัจจุบัน (ปี2000) มันถูกตั้งแสดงที่ “Boston's Museum of Fine Art” จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1959: Hofner Club 40  ข้างในตัวกีต้ากลวงและมีสีน้ำตาลแกมเหลือง (ปีผลิตไม่แน่ชัด) พอลเคยบอกไว้ว่าจอร์จและจอห์นซื้อมันก่อนที่จะไปฮัมบวร์ก และก็มีรูปถ่ายยืนยันรูปหนึ่งที่ถ่ายไว้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1959 หลายเดือนก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปเยอรมันครั้งแรก และในโชว์หลายๆครั้งจอห์นใช้มันที่ Casbah Club ที่ตั้งอยู่ในเมือง Liverpool และในหนังสือ Beatles gear ของ Andy Babiuk เขาได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจถึงต้นตอของกีต้าตัวนี้ว่า  “อย่างแน่นอน สำหรับกีต้าตัวนี้ “ขอรับประกันว่ามันจะไม่แตกหักง่ายแต่อาจจะเสียหายบ้างเล็กน้อย”      ...หนึ่งวันก่อนเล่นที่ Casbah Club (หลังจากป้ามีมี่ยอมปริปากเล่าความจริง) “เอ่อ...จอห์นซื้อมันมาจากร้าน Hessy's music store ในเมือง Liverpool โดยวางมัดจำไว้ก่อนเป็นเงิน £17 และหล่อนได้ค้ำประกันมันซึ่งราคาจริงของมันอยู่ที่ประมาณ £30 ซึ่งจอห์นก็ค่อยๆทยอยจ่ายงวดชนงวด จากจุดนี้เองทางร้านจึงลงหมายเหตุไว้ว่า “ลูกอยู่ที่เยอรมัน-แม่ต้องจ่าย” เขาใช้กีต้าตัวนี้และมันเป็นกีต้าไฟฟ้าตัวแรกของเขา จนกระทั่งเขาซื้อเจ้า Rick มาในปีถัดไป *หมายเหตุ เจ้า Hofner Club 40  ตัวนี้เขายังเคยให้พอลยืมใช้อีกด้วย ซึ่งพอลนำไปสลับสายใหม่และใช้มันจนกระทั่งจอห์นขายมันไป... จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 The Star Club 40 รูปรุ่นใหม่ (ภาพล่าง) ซึ่งออกมาทีหลัง มันดูเหมือนจริง ยกเว้น ก็แต่ตัวลูกบิดปรับสายกับกลไกของมันตรงหัวกีต้าที่เปลี่ยนไป ซึ่งในการผลิตมันถูกตั้งชื่อว่า the Star Club ซึ่งเป็นชื่อผับๆหนึ่งตอนที่พวกบีเทิลส์เล่นอยู่ที่ Hamburg ในเยอรมัน แม้ว่าความจริงแล้วเจ้า the Star Club 40 ของจอห์นไม่เคยถูกใช้จริงในผับแห่งนี้ก็ตาม         *หมายเหตุ: เจ้า The Star Club 40 ของจอห์นตัวนี้ไม่ได้หมายถึงเจ้า the Hofner Club 40 ของจอห์นที่นำมาจัดแสดงใน the Rock and Roll Hall of Fame เมื่อปี 2000 ในนิทรรศการชื่อว่า “Lennon” ซึ่งกีต้าตัวนั้นเป็นรุ่นหนึ่งต่อจากโมเดล Club 50 ที่ถูกอธิบายไว้อย่างผิดพลาดและจำสลับกัน อาจเป็นเพราะว่ามันเป็นเครื่องดนตรีที่จอห์นลงขันซื้อมาพร้อมกับจอร์จช่วงต้นปี60 และในปี74จอห์นให้เจ้า Club 40 ตัวนี้กับจูเลี่ยนลูกชายคนแรก         **(เพิ่มเติมสำหรับกีต้าที่มีเงื่อนงำ) มันคือ เจ้า 1960 Hofner Senator (f-hole acoustic), "Compensator" tailpiece:  ที่โฆษณาในสมัยนั้นออกจะคุยโวว่า “มันทรงพลัง.. มันมีเสียงแหลมสูงบาดแก้วหู” และอย่างแน่นอนวงเดอะควอรี่เมนก็เคยใช้มัน.. แต่ถามว่ามันใช่ของจอห์นรึปล่าว? ตอบ แม่ม้ายหรือเมียเก่าของโรดดี้ Mal Evans ชื่อว่า Lil ได้ประมูลขายกีต้าตัวนี้ในปี 1984 โดยหล่อนบอกว่าจอห์นให้มันกับ Mal และหล่อนก็ได้หยิบจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งหล่อนเคยได้รับจากจอร์จ แฮริสัน ที่ระบุว่ามันเป็นหนึ่งในกีต้าตัวแรกๆของจอห์นที่จอห์นใช้และก็นำมันกลับมาลิเวอร์พูลเมื่อประมาณปี1960 (จริงหรือ?) โดยในที่สุดมันก็ถูกประมูลที่ Sotheby's ในราคา £15,500 และอีก 6 ปีต่อมาก็ถูกนำมาประมูลอีกครั้งและสามารถหาชมได้ที่ AEI Music ใน Seattle ที่ซึ่งมันถูกจัดแสดงไว้ในล็อบบี้รวมกับเครื่องดนตรีอื่นๆภายใต้ชื่องานว่า "Abbey Road Studio Guitar" แถมยังระบุอีกว่ามันเคยถูกใช้ในการบันทึกเพลง "Love Me Do," "From Me to You" และเพลง "This Boy,"         ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วเราแทบจะไม่ได้เห็นมันเลยสักครั้งจะมีก็แต่กีต้ากิบสัน รุ่น J-160E ของจอห์นเท่านั้นที่เราเห็นมันวางอยู่ในแอบบี้โรดสตูดิโออยู่บ่อยๆ ทั้งไม่มีรูปใดๆที่บ่งบอกว่าจอห์นเคยเล่นกีต้าตัวนี้ อีกทั้งตัวจอห์น เลนนอนเองก็ไม่เคยบอกเลยว่าเขาเคยครอบครองมัน กีต้าโปร่ง Hofner รุ่น Senator ตัวนี้ นาย Ken Brown สมาชิกคนหนึ่งของวงเดอะควอรี่เมนก็มีอยู่ตัวหนึ่ง แต่ตัวบราวด์เองก็ไม่อาจจะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจอห์นก็เคยใช้มันเช่นกัน (ยังคงเป็นปริศนากันต่อไปสำหรับกีต้าตัวนี้) จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1960: 1958 Rickenbacker 325 Capri (5/8 สเกล กีต้าไฟฟ้าบอดี้กลวง) ชุดผลิตรหัส #V81 อาหาร(มื้อสุดท้าย)ของพระคริสต์อันศักดิ์สิทธิ์ในหมู่(สาวก)กีต้าทั้งมวล  Lennon ซื้อกีต้าตัวนี้มามันเป็นแบบ "short arm" (ตลอดความยาวของอาร์มทำจากไม้อันเดียว) มีแผ่นกันปิคสีทองและมี vibrato ที่เรียกว่าแบบ Kaufmann vibrato          ตอนที่พวกบีเทิลส์เดินทางไปที่ฮัมบวร์กหนแรก หลังจากที่ได้พบนักดนตรีแจ๊ซฉายา “Toots” นามว่า Thielmans กำลังเล่นกีต้าริคฯ รุ่นหนึ่ง และต่อมาในปี 1960 ทางร้าน Hessy's Music ได้นำกีต้าริคฯ รุ่นนี้มาโชว์        มันเป็นของ Chris Huston แห่งวง The Undertakers โดยกีต้าของเขามีคันโยก (vibrato) แบบ Bigsby B-5 (แบบใหญ่) และมีสะพานสายแบบ "bow tie" ทั้งเปลี่ยนปุ่มปรับเสียงเดิมที่เรียกว่า the "oven" เป็นตัวใหม่ที่นำมาจาก Curry Electronics และบางสถานที่ที่ไปเดินสาย Lennon ถอด pickup ตัวกลางออกและในเดือนกันยายน ปี 1962 ได้เพ้นท์ตัวกีต้าเป็นสีดำ เห็นได้ชัดตอนที่เขาเล่นเพลง Baby's In Black นาย Peter McCormack ที่เคยติดตามผู้รับเหมางานเพ้นท์นี้ที่ชื่อว่านาย Derek Adams และเขาเป็นคนเสนอเองว่าผลงานชิ้นนี้ (การเพ้นท์) ควรจะเข้ากันกับความพยายามของไบรอัน แอปสไตน์ ที่ต้องการให้วงบีเทิลส์ของเขาดูดีเสมอ แต่แหล่งข่าวอื่นที่เชื่อถือได้กลับบอกว่าช่างเพ้นท์ตัวจริงชื่อว่านาย Charles Bantam บอกว่าเขาได้พ่นสีให้มันในช่วงวันหยุดหนึ่งของพวกบีเทิลส์ต่อมาได้มีการตรวจสอบโดย led Ron DeMarino (ภาพล่าง) ซึ่งเขาบอกว่าสีล่าสุดของกีต้าตัวนี้ดูจะมาจากการทาด้วยแปรงทาสีมากกว่า! ดังนั้นบางทีเราอาจจะเริ่มสืบจากจุดนี้ดู หลายครั้งในปลายปี 63 จอห์นเปลี่ยนลูกบิดใหม่ โดยไปเปลี่ยนที่ Burns of London เขาใช้มันทั้งบนเวทีและสตูดิโอ และใช้ครั้งแรกที่ the first Sullivan show (ภาพล่าง) และต่อมาที่ the Carnegie Hall shows (2/12/64) และใช้บ้างบางครั้งตอนทำอัลบั้ม Beatles For Sale และในปี 1972 จอห์นได้ส่งมันให้ Ron DeMarino ทำการยกเครื่องใหม่ที่นิวยอร์ค โดยได้เปลี่ยนปิ๊คการ์ดที่แตกตัวหนึ่งใหม่                 หลายคนเชื่อว่าเขาใช้มันครั้งสุดท้ายในเซสชั่นส์เพลง "Stepping Out" ในอัลบั้ม Double Fantasy แต่ก็ไม่อาจจะยืนยันได้ และอาจจะใช้ในเพลง "Walking On Thin Ice" in December 1980 ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มันถูกจัดแสดงอยู่ที่ the Lennon museum in Japan และปัจจุบัน มันเป็นของ Sean Lennon (ฌอน เลนนอน) ________________________________________ จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 - 1962:1962 Gibson J-160E และ - 1964: 1964 Gibson J-160E; Serial #64309   *คำแปล : สำหรับสองรุ่นนี้ ผมนำมาจากผลงานแปลของคุณเป็ปเปอร์ หรือ (FingerPie) ทั้งหมด... ย้ำ!!ทั้งหมด...       กีตาร์โปร่งกึ่งไฟฟ้า Gibson J-160E กีตาร์ตัวนี้ร่วมสร้างเสียงดีๆมากมาย เช่นใน  Please Please Me , I Feel Fine , I’ll Follow The Sun, I’m a Loser และเพลงที่มี Acoustic Guitar sound ตลอดเรื่อยมาจนกระทั่งบีทเทิลส์แยกวง จอห์นก็ยังคงใช้กีตาร์รุ่นนี้อย่างเหนียวแน่นจนกระทั่ง Bed In อันลือลั่นในเพลง Give Peace A Chance  (สำหรับผู้ไม่เคยได้ยินคำนี้ หมายถึงช่วงที่จอห์นและโยโกะนอนอยู่บนเตียงทั้งวันให้นักข่าวมาสัมภาษณ์และร้องเพลงเพื่อสันติภาพโดยไม่พูดเรื่องอื่นเลย ) ตลอดระยะเวลาประจำการของ J-160E มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตากีตาร์หลายครั้งเช่นเดียวกับกีตาร์ตัวอื่นๆของจอห์น เราไปดูประวัติของมันกันดีกว่า กีตาร์รุ่นนี้ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีกีตาร์โปร่งกึ่งไฟฟ้าที่ต้องถือว่าไม่ค่อยปรกติสำหรับยุคนั้นแม้ว่าเดี๋ยวนี้กีตาร์แบบนี้สามารถเห็นได้เป็นปรกติ เนื่องจากเป็นกีตาร์โปร่ง flat topหน้าตาเหมือนกีตาร์โปร่งธรรมดา (หมายถึงแผ่นไม้ที่เอามาประกบข้างหน้ากีตาร์เป็นไม้แผ่นเรียบ) แทนที่จะเป็น arch-top อย่างกีตาร์โปร่งกึ่งไฟฟ้าจำนวนมากในสมัยนั้น (หมายถึงแผ่นที่เอามาประกบข้างหน้ามีลักษณะโค้งออก และมักเจาะรูเป็นรูปตัว f แบบไวโอลิน) แต่ติด pick up หรือตัวรับเสียงไว้ตรงใต้คอก่อนถึงรูกลางกีตาร์ให้เป็นไฟฟ้า แล้วเดินสายมาต่อกับปุ่มหมุนปรับเสียงตรงด้านล่าง กีตาร์แบบนี้ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในอังกฤษสมัยนั้นแน่นอน แต่กระนั้นบีทเทิลส์ก็ยังกระเสือกกระสนสั่งมาจากอเมริกา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เชื่อกันว่าเป็นเพราะอิทธิพลที่ได้จากการร่วมเล่นดนตรีกับ Tony Sheridan ก่อนหน้านี้ เนื่องจาก Sheridan ใช้กีตาร์โปร่งกึ่งไฟฟ้าอยู่สองตัวที่จอห์นและจอร์จชอบมาก หนึ่งคือ Gibson ES-175 ซึ่งเป็นกีตาร์โปร่งกึ่งไฟฟ้าแบบ Arch-top แต่จอห์นและจอร์จมักเรียกกีตาร์ตัวนี้ผิดๆว่า The Jumbo เมื่อจำชื่อตัวนี้ไปบอกกับที่ร้านก็อาจจะทำให้ที่ร้านเข้าใจผิดเนื่องจากกีตาร์ ES-175 นั้นมีชื่อในแคตาลอกว่า Electric Spanish Model ในขณะที่ J-160E นั้นมีชื่อว่า the Gibson electric Jumbo เพราะอย่างนั้นจึงมีตัวอักษร J และ E อยู่ในชื่อรุ่น สมมุติฐานนี้เป็นไปได้น้อยเพราะในแคตาลอกควรจะมีรูปให้ดูก่อนที่จะลงมือสั่งกันจริงๆ กีตาร์โปร่งกึ่งไฟฟ้าตัวที่สองที่ Sheridan มีคือ Martin D-28E ซึ่งเป็นรุ่นพิมพ์นิยมของนักกีตาร์จำนวนมากมาจนปัจจุบัน (ส่วนใหญ่นิยมรุ่นโปร่งธรรมดา ไม่มีอักษร E ต่อท้าย          แม้แต่เอลวิสในช่วงแรกก็เลือก Martin D-28 เป็นของคู่กาย แถมทำซองหนังใส่ให้เสียด้วย) กลับมาที่บีทเทิลส์ สมมุติฐานนี้เป็นไปได้มากกว่า ว่าพวกเขาประทับใจในกีตาร์รุ่นนี้แต่ไม่มีเงินพอจะซื้อเลยหันไปสั่ง Gibson ที่ถูกกว่าแทน แต่หน้าตาคล้ายกัน ดูจะมีความเป็นไปได้มากกว่า จอห์นซื้อกีตาร์รุ่นนี้ครั้งแรกพร้อมกับจอร์จ แฮริสัน จากร้าน Rushworth's Music House ใน Liverpool เมื่อวันที่ 10 กันยายน 1962 ทั้งคู่ซื้อกีตาร์รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ รวมทั้งเลขการผลิตก็เรียงกันเสียด้วย จะเห็นได้ว่าตอนนั้น The Beatles เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างแล้วในหมู่ชาว Liverpool เนื่องจากได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือ Mersy Beats ถึงเหตุการณ์ซื้อกีตาร์นี้ จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 และมีการประโคมข่าวว่าเป็นกีตาร์รุ่นเจ๋งที่ลัดฟ้ามาเพื่อบีทเทิลส์โดยเฉพาะทั้งที่จริงๆแล้วน่าจะมาทางเรือมากกว่าเพราะตามบันทึกแล้ว กว่ากีตาร์จะเดินทางมาถึงต้องใช้เวลากว่าสองเดือนทีเดียว นอกจากนี้ ยังเชื่อกันอีกว่าการถ่ายรูปนี้ ทำขึ้นหลังจากเหตุการณ์ซื้อจริงเนื่องจากกีตาร์ในรูปมีร่องรอยการถูกใช้แล้ว มีการติดสายคล้องแล้ว และคนตาดียังบอกอีกว่า กีตาร์ไม่ได้ใสปิ๊ง มีรอยนิ้วมือเขรอะไปหมด เอากับเขาสิ พวกเขาใช้กีตาร์สองตัวนี้อย่างเหนียวแน่น เหนียวแน่นมากจนเผลอสลับกัน กีตาร์ของจอห์นกลายเป็นของจอร์จและของจอร์จกลายเป็นของจอห์นเมื่อเทียบกับเลขรหัสลงทะเบียนจากโรงงาน Gibson สาเหตุที่เรารู้ และสาเหตุที่ย่อหน้าแรกผมใช้คำพูดว่า “จอห์นยังคงใช้กีตาร์รุ่นนี้” แทนที่จะเป็น “ตัวนี้” ก็เพราะว่ากีตาร์ตัวแรกของจอห์นนั้น โดนขโมยไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อปีปลายปี 1963 ในคอนเสริ์ทที่ Finsbury Park Astoria Theatre ใน London แต่เนื่องจากทั้งคู่สลับกีตาร์กัน ตัวที่หายก็เลยเป็นของจอร์จซะยังงั้น              จอห์นยังคงรักกีตาร์ตัวนี้อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เขายังคงใช้กีตาร์ของจอร์จ (ซึ่งคือของเขาตามทะเบียน) อยู่เรื่อยๆเหมือนเป็นของตัวเอง แม้เขาจะซื้อ J-160E ตัวใหม่มาในปี 1964 เพื่อทดแทนตัวที่หายไป แต่มักถูกใช้เป็นกีตาร์สำรอง กีตาร์ตัวใหม่นี้ต่างไปจากตัวเดิมเพียงเล็กน้อยตรงที่ลาย Rosetti รอบรูตรงกลางและป้ายรุ่นกระดาษที่ติดอยู่ภายในตัวกีตาร์เปลี่ยนเป็นสีส้มเท่านั้น กีตาร์ตัวใหม่นี้ถูก paint ให้เป็นลาย psychedelic โดยกลุ่มศิลปิน The Fool ซึ่ง paint กีตาร์เกือบทุกตัวของ the Beatles ในยุคนั้น เข้าใจว่าเขา paint กีตาร์ตัวนี้เพื่อเตรียมเอาออกงานถ่ายทอดสด All You need Is Love เนื่องจากมีภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าจอห์นใช้กีตาร์ตัวนี้ซ้อม จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ในวันถ่ายทอดจริงๆ จอห์นร้องเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีกีตาร์ นอกจากนี้จอห์นยังย้าย pickup จากด้านบนของรูเสียงติดกับคอลงไปไว้ด้านล่างของรูอีกด้วย  ต่อมาเมื่อสมาชิกในวงมีความเชื่อว่าสีต่างๆเหล่านี้ทำให้กีตาร์เสียงแย่ลง ก็เลยขัดสีออกจากกีตาร์ ส่วนจอห์นเลือกวิธีเดียวกับที่เขาทำกับกีตาร์ Epiphone Casino อันโด่งดัง ก็คือขัดเอาสีเดิมจากโรงงานออกด้วย ขัดลงไปจนถึงเนื้อไม้พร้อมกับย้าย pickup กลับมาไว้ที่เดิม จอห์นยังคงใช้กีตาร์ตัวนี้เรื่อยมาจนกระทั่งการออกงานครั้งสุดท้ายของมันคือในงาน Bed In ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ระหว่างเวลานั้น จอห์นได้สลักรูป sketch การ์ตูนลายเส้นรูปเขาและโยโกะลงไปในเนื้อไม้กีตาร์แล้วลงดำไว้ กีตาร์ตัวนี้อยู่ในสภาพนี้จนปัจจุบัน             ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นคืออยู่ที่ John Lennon Museum ที่ Tokyo แต่โยโกะมักให้ยืม(ให้เช่า)ออกแสดงไปทั่วโลก ส่วนตัวที่จอห์นขโมยจอร์จมาเล่นนั้น ยังอยู่กับจอร์จจนวันสุดท้ายของเขาในสภาพเดิมเมื่อไม่นานมานี้ Gibson ได้ออกกีตาร์รุ่นนี้เป็นสามลายตามที่จอห์นได้ดัดแปลงในช่วงต่างๆของชีวิต ได้แก่สี original sunburst สีที่ถูก paint โดย The Fool และสีเนื้อไม้ที่มีรอยแกะสลักลายเส้นการ์ตูนของจอห์น สนนราคาตัวละประมาณ 120,000 บาท เมื่อประมาณสามปีก่อน เดี๋ยวนี้ไม่รู้ขึ้นไปเท่าไหร่แล้ว แต่คงไม่มีขายมือหนึ่งเพราะเป็น Limited Edition ทำเพียง 250 ตัวเท่านั้น. จากคุณ : FingerPie           ________________________________________ จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 1964: 1964 Rickenbacker 325 Jetglo; รหัสรุ่น #DB122 อัพเดทใหม่ เป็นแบบ solid-top ถูกดีไซน์ออกมาเพื่อเอาใจจอห์น เลนนอน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ให้ หลังจากนั้นประธาน F. C. Hall จากบริษัท Rickenbacker ได้เดินทางมา New York เพื่อมอบกีต้าให้จอห์นกับจอร์จในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี '64 ก่อนการปรากฏตัวครั้งแรกของวงในรายการ Ed Sullivan Show และทางปธ. F. C. Hall ยังพยายามที่จะให้กีต้าเบสรุ่นหนึ่งแก่พอลด้วย (โดยเป็นครั้งแรกที่ทำขึ้นมาเพื่อคนที่ถนัดซ้ายโดยเฉพาะ แต่เพราะเหตุผลบ้างอย่างพอลได้บอกปัดเครื่องดนตรีชิ้นนี้ไป)           และนอกจากนี้เขายังได้เสนอรุ่นใหม่ล่าสุด 12 สายให้จอห์นและจอร์จด้วย (แต่เนื่องจากจอร์จป่วยเลยต้องเอามาให้ในโอกาสต่อไป) ริค 325 ตัวใหม่ของจอห์น – อัพเดทพิเศษพร้อมตัวปรับเสียงแบบ fine-tune knob, ปิคการ์ดแบบ double-layered, และตัวกีต้าบอบบางกว่าเดิม – มันถูกส่งมาให้จอห์นโดยทางเรือมาถึงที่พักที่ the Deauville Hotel ในชายหาด Miami ช่วงที่พวกเขากำลังฝึกซ้อมเพื่อเล่นใน มันถูกใช้จนถึงทัวร์ในปลายปี '65 และใช้ที่ the Hammersmith Odeon ช่วงปี '64 Christmas show และใช้ในอัลบั้ม A Hard Day's Night. ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ the John Lennon Museum ในประเทศญี่ปุ่น (บินไปดูได้แล้วมาอวดผมบ้าง) จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 1964: 1964 Rickenbacker 325-12 Jet-glo; รหัสรุ่น #DB151: การพบกันที่ New York, Lennon ขอร้องให้ Hall ช่วยผลิตรุ่นที่มี 12 สายให้ เพื่อให้มันคู่กับ 325 ตัวเก่า และใน March '64, ทาง Rickenbacker ก็ได้ส่งมันมาให้เขาโดยทางเรือมายังกรุงลอนดอน สำหรับสองรุ่นนี้ที่ต่างกันคือ headstock กับ tailpiece. กีต้าตัวใหม่นี้มีช่องเฟทแบบ short-scale ง่ายต่อการจับคอร์ด มันถูกใช้ในรายการ Dutch TV show, และใน studio (Beatles For Sale) และใช้เป็น backup ช่วงปี 1964,          ทั้งยังเห็นมันในการแสดงครั้งหนึ่งที่หนึ่ง Boston เมื่อวันที่ 12 กันยายน Mr.Tom Hartman ที่เคยบันทึกเสียงที่ Abbey Road บอกว่าเคยเห็นมันตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า the storage area และกรรมการผู้จัดการ บริษัท Rickenbacker  “John Hall” จำได้ว่า "เห็นกีต้าตัวนี้ ตอนที่มันได้ถูกดัดแปลง ปรับ และ เปลี่ยนตัว vibrato และย้ายตัว trapeze tailpiece ก่อนที่ต้นแบบรุ่นนี้จะถูกส่งให้จอห์นในที่สุด  เมื่อไม่นานมานี้มันถูกจัดแสดงที่ the Rock and Roll Hall of Fame  และเป็นทรัพย์สินของครอบครัวเลนนอน จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 1964: Ramirez A-1 :  บางทีจอห์นอาจจะซื้อมาพร้อมกับจอร์จ มันมีสายเป็นไนล่อน (nylon-string) ตามแบบฉบับของกีต้าคลาสสิกทั่วไป โดยคนมักจะเรียกกีต้ารุ่นนี้กันว่า รุ่น “the Segovia” มันน่าจะถูกใช้ใน the studio: "Any Time at All," "I'll Be Back," "And I Love Her," "Yes It Is" และ "I Need You." เหมือนกับกีต้าตัวอื่นๆของเขา ปัจจุบันมันอยู่ที่ไหนยังเป็นปริศนาต่อไป 1964: 1964 Rickenbacker 325 Fire-glo (sunburst finish) f-hole: จอห์นใช้มัน หลังจากเจ้า Jet-glo 325 ตัวเก่าพังไป ราคาขายขณะนั้นอยู่ที่ 166 ปอนด์ หรือ 159 กวินนี่ซ์ จอห์นใช้มันในระหว่างปี '64-'65 และใน Christmas shows และสุดท้ายเขาก็มอบมันให้แก่ “ริงโก้ สตาร์” โดยริงโก้นำมันมาใช้อีกครั้งเมื่อปี 2005 ในเพลง "Satisfied" on Ringo's Choose Love. 1964: Framus 12-string "Hootenanny" acoustic, เป็นแบบ German guitar, โมเดล 5/024, ราคาขายตั้งอยู่ที่ £42.  Lennon ใช้มันใน "Help!" "It's Only Love" และ "You've Got to Hide Your Love Away," ปัจจุบันไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ไหน หลายครั้งจอร์จก็ใช้มัน กีต้ายี่ห้อ Framus นี้ได้ผลิตรุ่นต่างๆที่ใกล้เคียงออกมาจำนวนมากมาย ในช่วงระหว่างปี '50s ถึงปี '60s 1965: Gretsch 6120 (Nashville) hollow-body (ทรงกรวง), (สีส้ม), double cutaway model , (ไม่ทราบปีผลิตที่แน่ชัด) ข้อมูลเกี่ยวกับกีต้ารุ่นนี้มีน้อยมาก ที่แน่ๆ คือมันถูกใช้ใน "Paperback Writer" session จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 1965: "Russian" acoustic:  A 1987 เป็นของขวัญจากสถานทูตรัสเซียในกรุงลอนดอน ที่ได้จัดส่งให้พวกเขา 4 ตัว มันใช้สายไนล่อน “nylon string” มันถูกผลิตในยุโรปตะวันออก จอห์นใช้ recording ในสตูดิโอ ระหว่างเพลง 'Day Tripper' และ 'Rubber Soul,' และเขาไม่ค่อยได้ใช้มันมากนัก 1965: 1961 Fender Stratocaster สีบลูโซนิค (Sonic Blue) rosewood fingerboard (คอกีต้าด้านหน้า-แผ่นไม้ด้านหน้าทำมาจากไม้โรสวู๊ด) : ใช้ใน studio, ในระหว่าง the Help! sessions, Lennon และ Harrison ส่งให้ roadie Mal นำออกไปให้ช่างเพ้นท์สีใหม่ และหลังจากเดินยิ้มแป้นกลับมาจาก Grimwoods (ตั้งอยู่ในเมือง Kent) พร้อมกับ two '61 models ในรูปลักษณ์ใหม่ที่มีสีแปลกตาไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน (มีรายงานบอกว่า Brian Epstein ยอมจ่ายเพิ่มหากทั้งคู่ยอมทำออกมาให้มันมีสีเดียวกัน) มันถูกใช้ใน "Nowhere Man," และ Sgt. Pepper session จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 *คำแปล : คำแปลส่วนใหญ่ สำหรับกีต้า Epiphone E230TD Casino นั้น ผมเอามาจากผลงานการแปลของคุณ FingerPie (ขอบคุณครับ) 1966: 1965 Epiphone E230TD Casino (hollow-body f-hole electric, sunburst finish, stock trapeze tailpiece); Serial #328393 มันถูกใช้ครั้งแรกช่วงเดือนเมษายน ปี 1966 และใช้แสดงสดครั้งแรก เมื่อวันที่  1 May 1966 ที่ the New Musical Express Annual Poll-Winners' All-Star Concert, Wembley รวมทั้ง the '66 tours และที่ Shea Stadium ตามมาด้วย the "Revolution" video และที่ the Apple rooftop performance ต่อมาที่ the Live Peace in Toronto concert และก็ใช้ที่ the Rock 'n' Roll Circus show         **ย้ำว่ามันไม่ใช่รุ่น ES 335T เพราะรุ่น ES 335T มันเป็นรุ่นของ Gibson ที่หน้าตาเหมือนกัน จริงๆแล้ว Epiphone นั้น ถูก Gibson ซื้อไปเพื่อตัดคู่แข่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้าที่วงบีทเทิลส์จะดัง แล้วถูกแปลงเป็นกีตาร์รองบ่อนของ Gibson เป็นนโยบายมาถึงปัจจุบันก็ว่าได้ที่ Epiphone จะผลิตกีตาร์เลียนแบบบริษัทแม่ของตัวเองออกมาให้ตลาดล่าง Epiphone Casino นั้นคือรุ่นที่ผลิตเลียนแบบ ES 335 แต่ก็เป็นกีตาร์ที่พอลเลือกใช้ จนทำให้จอห์นกับจอร์จซื้อตามในเวลาต่อมา ซึ่งต่างจากที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าจอห์นซื้อกีตาร์นี้แต่เพียงผู้เดียว ถึงตรงนี้ต้องเล่าวิธีการซื้อกีตาร์ของบีทเทิลส์สักเล็กน้อยว่า จอร์จนั้นเป็นคนพิถีพิถันในการเลือกกีตาร์เช่นเดียวกับพอล แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เลือกกีตาร์แพงเสมอไปก็ตาม ต่างจากจอห์นที่มักใช้วิธี "เอาเหมือนเอ็งตัวนึง" มากกว่า ตอนที่พอลได้ Epiphone Casino มา เขามีปัญหาเล็กน้อยเพราะเขาเล่นมือซ้าย จึงต้องถอด pick guard ออกเพราะกีตาร์ชนิดนี้มี pick guard ลอยอยู่เหนือตัวกีตาร์ ไม่ได้ยึดติดกับตัวกีตาร์ทำให้ยื่นออกมาเกะกะเวลาเล่น และคันโยกแบบ Bigsby ซึ่งเป็นคันโยกขนาดใหญ่ ก็กลับไปอยู่ด้านบนเวลาเล่นมือซ้ายทำให้เทอะทะ แต่ด้วยความที่กีตาร์ให้เสียงอันนุ่มนวลเนื่องจากมันกึ่งโปร่ง และใช้ humbucker สองตัว อีกทั้งน้ำหนักเบาและ  body เล็ก ทำให้เล่นง่าย พวกบีทเทิลส์จึงติดใจ พอลถึงกับเคยบอกว่า ถ้าเขาเลือกกีตาร์ไฟฟ้าได้เพียงตัวเีดียว เขาจะเลือกตัวนี้แหละ          แต่ก่อนหน้านั้นจอร์จเคยได้สัมผัสกับของแพงมาก่อนแล้วสมัยที่ยังตระเวณเล่นในอังกฤษ Joe Brown ผู้ซึ่งในเวลาต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทและแนะนำให้จอร์จเล่น ukelele ในช่วงหลังของชีวิต สมัยนั้นเขาครอบครอง Gibson ES 335T ตัวแรกของอังกฤษ และเมื่อเขาลุกไปห้องน้ำระหว่างทัวร์ร่วมกับบีทเทิลส์คราวหนึ่ง จอร์จก็แอบเอามาเล่นและถ่ายรูปเป็นที่เรียบร้อย จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จอห์นได้กีตาร์ Casino มาในช่วงพร้อมจอร์จและใช้คู่มือเรื่อยมา คนส่วนใหญ่คิดว่ากีตาร์มาในสีเนื้อไม้อย่างที่ชินตา แต่จริงๆแล้วพวกเขาซื้อสีเดียวกันหมดคือสี sunburst (น้ำตาลไหม้เหลือบส้ม) ประมาณปี 1967 ระหว่างที่กระแส psychedelic กำลังมาแรง บีทเทิลส์นิยมเอากีตาร์ของพวกเขามา paint เป็นลาย psychedelic รวมไปถึง Casino ตัวนี้ด้วย อย่างน้อย จอห์นพ่นสีขาวหรือเทาลงบนกีตาร์นี้แน่นอน กีตาร์หลายตัวของบีทเทิลส์มีสี paint เหล่านี้อยู่จนกระทั่งประมาณอีกหนึ่งปีถัดมา         บีทเทิลส์จึงเริ่มรู้สึกว่าการเอาสีไปทาบนกีตาร์นั้น ทำให้เสียงแย่ลง พวกเขาจึงเริ่มลอกสีออก Casino ตัวนี้ถูกขัดสีออกรวมถึงสี original ด้วย จนถึงเนื้อไม้จริงของกีตาร์ กลายเป็นสี natural พรอ้มกับถอด pick guard ออกแบบเดียวกับที่พอลทำ ระหว่างนั้น จอห์นเปลี่ยนปุ่มปรับเสียงปุ่มหนึ่งให้เป็นสีดำแทนที่สีทอง (แต่เปลี่ยนกลับภายหลังการบูรณะ) และเปลี่ยนลูกบิดเป็น grover สีทองด้วย (ในปี 1968)         ทาง Epiphone ออก Casino แบบ John Lennon Limited Edition มาด้วยราคาแพงระยับเมื่อประมาณสามสี่ปีที่แล้ว เขาส่งคนไปขอยืม(และจ่ายเงิน)เอากีตาร์จากโยโกะมาวัดและจับรายละเอียดทุกอย่างมีให้เลือกสองสีคือ sunburst แบบ original และสีหลังขัดแบบ natural โดยมีปุ่มดำและลูกบิดให้เปลี่ยนเป็น option ให้เหมือนตามการ "โม" กีตาร์ของจอห์นทุกกระเบียดนิ้ว         ปัจจุบัน กีต้าตัวนี้เป็นทรัพย์สินของครอบครัวเลนนอนและถูกจัดแสดงอยู่ที่  Lennon Museum ในประเทศญี่ปุ่น ขอบคุณ : คุณ FingerPie ________________________________________ จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 1966: Guild Starfire XII 12-string: ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากภายนอกโรงแรม New York's Warwick ในวันที่ 23 August 1966, แต่ขณะเดียวกัน ภายในห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรม กีต้าตัวนี้ถูกเสนอให้จอห์นโดย Mr.Mark Dronge (บุตรชายของ Alfred Dronge ผู้ก่อตั้ง Guild Guitars) กีต้ารุ่นนี้มีลักษณะคล้ายกับกีต้า Gibson 335, ตัว "flamed" ผลิตจากไม้ maple และมีปิคอัพที่เรียกว่า DeArmond และมันน่าจะถูกใช้ใน the recording of "Getting Better." และล่าสุดอาจจะอยู่ที่ Tony Cox สามีคนที่สองของ Yoko Ono.  โดย Cox ซื้อกีต้าตัวนี้มาจาก the Hard Rock Cafe, Honolulu, in March 1980. 1967: 1966 Vox Kensington: มันเป็นอภินันทนาการจากบริษัท Vox จะเห็นมันในวีดีโอโปรโมทเพลง "Hello, Goodbye" และมีรูปจอร์จใช้มันในการฝึกซ้อมเพลง"I Am the Walrus" ช่วงอัลบั้ม Magical Mystery Tour. มีรายงานว่ามีเพียงตัวเดียว!! จากโมเดลทั้งหมดที่ Mr.Mike Bennett จากทางบริษัท Vox ใช้ไม้ mahogany มาทำส่วนของ hollow-body เพื่อ the Beatles เพียงผู้เดียว หลังจากการแสดงครั้งแรกของมันที่ 1966 trade show , Vox นำมันกลับไปที่โรงงานเพื่อใส่ปุ่มเอฟเฟ็คเพิ่ม และนำกลับมาให้จอห์นใหม่ หลังจากนั้นไม่นาน จอห์นก็มอบมันให้กับ "Magic Alex" จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 1967: 1965 Martin D-28.  จอห์นใช้ครั้งแรกใน the "Hello Goodbye" video จอห์น นำมันไป India ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1968 และใช้มากที่สุดในช่วงที่ทำ "White Album" ในเดือนธันวาคม ปี 1969 จอห์นนำมันไป Toronto และให้มันกับกูรูทางด้านดนตรีร็อกอะบิลลี่ นามว่า Ronnie Hawkins               หมายเหตุ : นอกจากนี้ จอห์นยังใช้กีต้าอื่นๆอีกหลายรุ่น อาทิ เช่น Hofner 5140 Hawaiian Standard ใช้ใน "For You Blue" และ Fender Bass VI, a 6-string bass จอห์นและจอร์จใช้ในอัลบั้ม The Beatles กับ Let It Be. มันมีตัว pickup อยู่ 3 ตัว และตัว vibrato ตัวหนึ่ง, และจอห์นใช้มันทำเทคนิค low-end chords ในเพลง "Dig It." และก็เขายังเป็นเจ้าของ Vox "guitar organ" และระหว่าง the '65 tour เขาใช้เจ้า Spanish guitar อาจจะใช้ในอัลบั้ม Rubber Soul.  เช่นเดียวกับจอร์จ จอห์นเองก็มีซีต้าตัวหนึ่ง Danelectro Coral (electric sitar in 1967) และเราก็ไม่เคยได้ยินเสียงของมันเลยสักครั้งเดียว จบครับ”           *สำหรับการหาข้อมูลของผมส่วนใหญ่ ผมก็จะเอามาจากเว็ปไซต์เป็นหลัก และนำข้อมูลที่เจ๋งๆมาเสริม โดยเฉพาะจากคุณเป็ปเปอร์......ขอบคุณมาก             และขอให้มันเป็นความรู้เสริมให้แก่พี่ๆน้องๆทุกคนในคลับของเรา.........ส่วนใครจะติชมส่วนไหนเลือกได้ตามสบาย ............ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาครับ .......แล้วว่างๆผมจะเอาอะไรดีๆมาฝากอีกนะครับ. ((((แล้วจะดีมั่กๆ ถ้าเพื่อนๆกรุณาช่วยกันแปะรูปกีต้าแต่ละรุ่น)))) <LENNONJR> ________________________________________ จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 14 ก.ย. 50 13:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สุดยอดนับถือคับ จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:10:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แปะรูปคับแปะรูป Epiphone Casino แบบsunburst แบบ original จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Gibson J-160E คับ 3 ลายเลย จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ ถ้านึกถึงกีตาร์ของจอห์นนี่ผมนึกถึง Rickenbacker ก่อนเลย ชาตินี้ไม่รู้จะได้เห็นตัวเป็นๆ มั้ยเนี่ย จากคุณ : fab4 - [ 14 ก.ย. 50 15:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Vox Kensington จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หวัดดีคับคุณ fab4 Guild Starfire XII 12-string จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Rickenbacker 325 Fire-glo (sunburst finish) f-hole จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Hofner Club 40 คับ จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กีต้าปริศนาHofner Senator (f-hole acoustic)คับ จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Ramirez A-1 จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 15:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Framus 12-string "Hootenanny" acoustic จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 16:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Gretsch 6120 (Nashville) hollow-body จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 16:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Fender Stratocaster, Sonic Blue, rosewood fingerboard จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 16:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 บีทเทิลส์ตอนตะลุยเยอรมัน จอห์นกับ Rickenbacker ส่วนพอลเอา Hofner Club 40 ของจอห์น(กลับข้าง) ไปทำเท่ห์ จากคุณ : fab4 - [ 14 ก.ย. 50 16:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Martin D-28 หมดสต๊อกแล้วคับ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 16:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 34 รูปตะลุยเยอรมันเท่ส์มากคับ จากคุณ : Lennon_Rev909 - [ 14 ก.ย. 50 16:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมหละชอบ Casino จริงๆ จากคุณ : Pizzles - [ 14 ก.ย. 50 17:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กีต้าร์ของนาย John จากคุณ : Pizzles - [ 14 ก.ย. 50 17:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณที่เอามาให้อ่านครับดีมากๆเลย จากคุณ : Harrison (Harrison) - [ 14 ก.ย. 50 18:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ยกให้เป็นกระทู้ยอดเยี่ยมประจำปีเลย...เพลิน ...แจ่ม จากคุณ : คาปูชิโน - [ 16 ก.ย. 50 10:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 Come on!!  Come on!! Come on!! จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 16 ก.ย. 50 12:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อืมส์..แปะรูปสวยๆกันทั้งนั้น บางรูปผมก็เพิ่งเคยเห็น ขอบคุณมาก   ขอแปะเพิ่มอีกรูป -Hofner 5140 Hawaiian Standard ใช้ใน "For You Blue" จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 17 ก.ย. 50 12:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ จากคุณ : FingerPie - [ 18 ก.ย. 50 00:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แหม! เป็นเกียรติกับกระทู้ผมจริงๆเลย มีเซียนหลายๆท่านให้เกียรติเข้ามา...ขอบคุณๆ ขอบคุณมั่กๆ  แต่มันจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่! หากว่า หมอวัลรัส หมอวินตัน และคุณกาโม่ และเพื่อนๆที่รักช่วยแว่ปเข้ามานิดนึง........คือผมอยากได้ความเห็นของทุกๆคนจริงๆ จะติจะชมแค่ไหนก็ได้ น่ะ น่ะ น่ะ จากคุณ : lennonjr. (lennonjr.) - [ 18 ก.ย. 50 14:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สุดยอดครับ จากคุณ : Duke-ดุ๊ก - [ 20 ก.ย. 50 12:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับ จากคุณ : maew mp3 - [ 27 ก.ย. 50 14:27:58 ]