ความคิดเห็นที่ 37
ไม่ค่อยได้เขียนแสดงความเห็น แม้จะดูละครมานาน นานจนคิดถึงบรรยากาศละครอักษรสมัยยี่สิบกว่าปีก่อน ละครฟอร์มเล็กที่ใหญ่ในคุณภาพการแสดงและแนวคิด จนเมื่อได้ดูระบำนิพพาน เหมือนได้เจออาหารทางปัญญาที่โหยหามานาน ผมไม่อาจกล่าวว่าละครเรื่องนี้ดีวิเศษ แต่ที่สำคัญนี่คืองานศิลปะที่มีคุณค่าในการกระตุ้นเตือนให้เราได้คิด เท่าที่จะหาได้จากละครเวทีไทยขณะนี้ ผู้กำกับผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอักษร จุฬา ได้ลงหลักปักฐานมั่นคงที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพมานานักหนา ผมติดตามงานของอาจารย์ท่านนี้มานาน พอจะจับได้ถึงแก่นความคิดในการแสวงหาตัวตนอันเป็นอุดมคติ จากละครตะวันตกอย่าง after the fall, equus, pippin คราวนี้ผมว่าพัฒนาการที่ผ่านมาตามวัยคือเขาหาความไร้ตัวตน หรือ สุญญตา หรือนิพพาน อันเป็นปัญญาสูงสุด ตามที่เขาได้บอกไว้ในสูจิบัตรว่า เขาแสวงหาปัญญา แต่เขลาและไม่อาจหลุดพ้น แต่จากงานชิ้นนี้ แม้เขาจะไม่หลุดพ้น แต่นี่ไม่ใช่งานของคนเขลาอย่างที่ถ่อมตัว บทภาษาบาลีที่ใช้ในเรื่องอาจฟังไม่เข้าใจ หรือใครอาจไปหาจากบทสวดมนตร์ แต่คงไม่พบหรอกครับ เพราะเราสืบพุทธศาสนาจากอรรถกถาฏีกาต่างๆ พุทธพจน์ที่ได้ยินในละครนั้นเป็นมหายาน แต่มีในบาลีพระไตรปิฎก เรื่องนี้ผมว่าเป็นเรื่องยากที่คนจะเข้าใจ เพราะพุทธทาสเคยกล่าวว่า ภาษาธรรมนั้นไม่เหมือนภาษาคน ดังนั้นที่ตัวละครพูดว่า ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง หลายคนอาจตีความตามตัวอักษร แต่นั่นคือหัวใจศาสนาที่ปรากฎอยู่ในละครเรื่องเล็กๆ ผมไม่แน่ใจว่านักแสดงทุกคนซาบซึ้งในแก่นแท้นี้เพียงใด แต่พลังในการสื่อความหมายของทุกคนกระทบอายตนะของผู้ชมอย่างน่าทึ่ง งานนี้ชื่อก็บอกว่าเป็นระบำ ดังนั้นนาฏยประดิษฐ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ และก็ไม่ผิดหวังที่ท่วงท่าของระบำสอดคล้องไปกับความคิดของเรื่องเป็นอย่างดี ผมว่าน่าเสียดายหากละครเรื่องนี้จะแสดงกันในวงแคบคือในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งที่ละครคณะนี้มักออกมาแสดงข้างนอกทุกปี ผมไม่แน่ใจว่าทำไมเรื่องนี้จึงจัดแสดงอย่างค่อนข้างภายใน หรือผู้ผลิตคาดหวังที่ทางในต่างประเทศมากกว่า ถ้าเช่นนั้นก็เสียดายแทนคนดูละครไทยน้ำดี ที่ถึงแม้จะมีอยู่น้อยแต่ก็ยังอยากได้อาหารทางปัญญาอยู่ ผมไม่อยากให้ผู้จัดหมดหวังกับคนดูละครไทยจนต้องออกแสดงในต่างประเทศเป็นหลัก เพราะอย่างน้อย มหาวิทยาลัยที่มีภาควิชาการละครต้องมีหน้าที่ที่จะสร้างงานที่ดีเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนไทยไม่ใช่หรือครับ เหมือนอย่างที่อักษรจุฬา หรือ ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์กระทำมาในอดีตยุครุ่งเรืองของสองปรมาจารย์คนสำคัญของไทย อย่าให้เจตนรมย์ของท่านต้องหายไปกับกระแสของละครเพลงราคาแพงที่เหล่าดารานักร้องพากันหันหน้าสาดอารมณ์ใส่คนดู เพราะคิดว่าละครต่างจากคอนเสิร์ตตรงที่ใส่อารมณ์ได้เยอะจนถึงที่สุด หากนักการละครไทยไม่ทำหน้าที่เพื่อคนไทย เราก็คงต้องเสพละครในราคาสูง และการไปดูละครก็เป็นแค่กิจกรรมบันเทิงสนองอารมณ์เท่านั้น ผมขอเป็นกำลังใจให้และขอชื่นชมผู้ร่วมสร้างสรรค์ละครเรื่องนี้ทุกคน
จากคุณ :
คนรักละครวัดธารน้ำไหล
- [
2 ต.ค. 50 22:37:32
A:124.120.19.172 X:
]
|
|
|