ผมได้ผันตัวเองจากคนเล่นดนตรีเป็นหนุ่มออฟฟิสหน้าที่การงานดีแต่งตัวดูดีใส่สูทผูกไท้ซึ่งตัวผมเหมาะกับการเป็นหนุ่มออฟฟิสมากกว่านักดนตรี
เมื่อก่อนผมได้เล่นดนตรี back up ให้กับค่ายใหญ่และได้เซ็นสัญญาทำอัลบั้มซึ่งตอนนี้กำลังทำอยู่ แต่ด้วยระยะเวลา +กับความเบื่อของวงการเพลงไทยทำให้ผมฉุกคิดที่จะหันไปทำงานเป็นหนุ่มออฟฟิส เมื่อวานผมได้ไปนั่งทานข้าวกับเพื่อนผมซึ่งเรียกตัวเองว่า ร็อคเกอร์ ได้บอกกับผมว่า มรึงไม่เหมาะกับการเล่นดนตรี มรึงเดินมาไกลไกลเกินกว่าจะกลับไปเล่นดนตรี ด้วยลุกซ์แบบนี้ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ขายไม่ได้ มันประหลาด ผมนั่งฟังความคิดของเพื่อนผมซึงเปลี่ยนไปจากเพื่อนผมคนเดิมมาก สิ่งที่เห็นชัดๆคือ EGO ซึ่งมีมากเหลือเกิน ความมั่นใจความคิด คิดว่าสิ่งที่ตัวเขาทำนั้นถูกมันต้อง ต้องเป็นแบบนี้เป็นแบบนั้นมันไม่ได้ ส่วนตัวผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักดนตรี เป็นมือกีต้าร์ เป็น back up ผมคิดว่าผมไม่สมควรมายืนในจุดจุดนี้ด้วยซ้ำคนที่ยืนน่าจะเป็นเพื่อนผมคนนี้มากกว่า ถึงตอนนี้ผมต้องหันกลับมา โฟกัสตัวเองว่าตัวเองชอบอะไรกันแน่ แต่ผมบอกเลยว่าผมรักดนตรีมากแต่ด้วยกระแสดนตรีตอนนี้มันทำให้ไม่อยากทำ ขนาดพี่ป้อมพี่โต๊ะ พูดในรายการนึงว่า ตอนนี้วงการเพลงไทยมันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะทั้งตัวศิลปินเองและ cdเถื่อน แต่ผมสงสัยว่าเพื่อนผมพูดอย่างนี้ ต้องการอะไรกันแน่ ผมไม่เคยสแหวงหาโอกาสในการเล่นดนตรีทำตามฝันแต่มันก็ได้มาง่ายๆแล้วผมก็คว้าโอกาสนั้นไว้ได้แต่เพื่อนผมตามหามันตลอดประกวดโน้นประกวดนี้จากเล่นเป็นมือกีต้าร์คู่กับผมก่อนแยกย้ายกันตอนขึ้นมหาลัย ตอนนี้ผันตัวเองเป็นนักร้องเรียกตัวเองว่า ร๊อคเกอร์ ดูถูกคนเล่นดนตรีแนวอื่นๆ เพื่อนผมต้องการจะบอกผมว่าอะไรครับ ?
แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 50 15:08:16