Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    New Eagles Album Review!!!

    EAGLES Long Road Out Of Eden (2007) ****

    28 ปี...เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำ นั่นเป็นเวลาที่วง Eagles ทิ้งช่วงจากสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้ายของพวกเขา The Long Run จนมาถึงอัลบั้มล่าสุดนี้ ถ้าเป็นการรอคอยก็ต้องเรียกว่ายิ่งกว่าเหงือกแห้ง โดยส่วนตัวผมแทบจะเลิกหวังไปแล้วว่าพวกเขาจะออกงานใหม่แบบเต็มๆอย่างนี้

    Eagles คือวงดนตรีอเมริกันที่ประสบความสำเร็จสูงสุดวงหนึ่งตลอดกาล พวกเขาเริ่มจากแนวดนตรีคันทรี่ร็อคหรือเรียกกันว่า “เวสต์โคสต์” ซาวนด์ และมีพัฒนการทางดนตรีขึ้นตลอดเวลา พร้อมๆกับแนวคันทรี่ที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ งาน Hotel California ในปี 1976 ถือเป็น  masterpiece ของวง และแนวทาง classic rock ส่วนงานรวมฮิตยุคแรก Their Greatest Hits 1971-1975 ที่มีแค่สิบเพลงก็ขายดีราวกับเป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งๆที่มีแค่สิบแทร็ค (มันเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในอเมริกาตั้งแต่....มีคนทำอัลบั้มกันมา)

    หลังจากอัลบั้มสุดท้าย The Long Run พวกเขาเลิกรากันไปอย่างปวดร้าว นานถึง 14 ปีก่อนที่จะกลับมาคืนดีกันอีกในปี 1994 เมื่อ”นรกเยือกแข็ง” อย่างที่ดอน เฮนลีย์เคยพูดเล่นๆเอาไว้เมื่อนักข่าวถามว่าเมื่อไหร่จะรียูเนียนกันอีก งานแสดงสดที่ MTV มีอัลบั้มและดีวีดีตามออกมา พร้อมมีเพลงใหม่อีก 4 เพลง (ใครยังจำได้หมดว่ามีเพลงอะไรบ้าง?) หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยพรากจากกันอีก นอกจากมือกีต้าร์ ดอน เฟลเดอร์ที่ถูกตะเพิดออกไปในปี 2001 (ทำให้พวกเราคนไทยอดดูเขาโซโล Hotel California กับ โจ วอลช์ในปี 2004) Eagles ออกตระเวนทัวร์ทั่วโลกเป็นล่ำเป็นสัน ด้วยค่าตั๋วที่แพงระยิบแต่ก็มีการแสดงที่สุดเพอร์เฟ็คเป็นการตอบแทน ข่าวลือเกี่ยวกับงาน studio ใหม่มีมานานแสนนานแล้ว น่าจะย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000 แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมา นอกจากซิงเกิ้ล Hole In The World ที่โชว์เสียงประสานสุดไพเราะออกมาพร้อมกับอัลบั้ม Complete Greatest Hits

    ผมเคยนั่งคิดว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ออกงานใหม่กันเสียที? เดาว่าพวกเขาคงไม่มีแรงบันดาลใจที่จะทำเท่าที่ควร เพราะแค่การเล่นคอนเสิร์ตเพลงเก่าๆที่พวกเขาหลับตาเล่นถอยหลังได้เหล่านี้ก็มีกินกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ดีไม่ดีงานใหม่ที่ทำออกมาถ้าไม่ถึงขั้น อาจเป็นการบั่นทอนศักดิ์ศรีตัวเองเปล่าๆ

    แต่ถ้าไปถามเกลนและดอน หัวเรี่ยวหัวแรงหลักของวง คำตอบคือ พวกเขาไม่มีเวลาเหมือนเมื่อก่อน ต่างคนต่างมีครอบครัวและธุรกิจธุรกรรมของตนเอง จะมานั่งรวมหัวแต่งเพลงบันทึกเสียงกันเหมือนยุค70’s นั้นมันก็ช่างยากเข็ญ แต่สองสามปีหลัง ดอนพอจะมีเวลาว่างมากขึ้น สองนักแต่งเพลงตำนานเวสต์โคสต์จึงได้ใช้เวลาร่วมกันเต็มที่ จัดการกับเพลงเก่าๆที่แต่งค้างไว้ และเพลงใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามา ดอนเคยคิดจะทำให้อัลบั้มนี้มีสุ้มเสียงแบบโมเดิร์นเหมือนยุค 00’s นี้ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำตามกระแส เกลนเห็นด้วย สำหรับนักกีต้าร์นัยน์ตาโศกผู้นี้ อัลบั้มนี้ต้องผ่านจุดประสงค์ 3 ประการ หนึ่งก็คือ มันต้องมีเสียงร้องแบบ Eagles เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่แฟนๆต้องการฟังที่สุดคือเสียงร้องของพวกเขา สองมันต้องมีการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างดอนและเกลน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำกันมา และสาม มันต้องมีเพลงที่ทิมโมธี่ และโจ ร้องด้วย และต้องมีโซโลเจ๋งๆของโจให้ได้ฟังกันในอัลบั้มด้วย

    จะด้วยการที่อัดอั้นมานาน หรือว่าการที่มีนักร้องสี่คน ก็ไม่ทราบได้ ปริมาณเพลงในอัลบั้มจึงขยายขึ้นไปถึง 20 แทร็ค และแม้ว่าดอนจะอยากให้ตัดทอนลงเหลือแค่ซีดีแผ่นเดียว แต่จากการซาวเสียง ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ามันน่าจะทำเป็นแผ่นคู่ไปเลย

    แผ่นคู่? มันคือมรดกแห่งยุค 70’s ที่วงดนตรีร็อคระดับอ๋องทุกวงควรจะมีแผ่นคู่อย่างนี้สักแผ่น ซึ่ง Eagles เองในยุคนั้นก็ไม่เคยมี (ไม่นับ Eagles Live ที่เป็นงานแสดงสด)

    ถึงแม้ผมจะแน่ใจแล้วว่าปีนี้งานใหม่ของ Eagles คงจะมาแน่ๆไม่ใช่โคมลอยอีก แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นสักนิด เพราะจาก 4 เพลงใน Hell Freezes Over หรือ Hole In The World ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรให้ผมนัก มันเป็นเพลงที่เนี้ยบ และมีการขับร้องที่เฉียบคมไม่ถดถอย ความไพเราะก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มันไม่มีความเป็น Eagles แบบในยุค 70’s จะไปโทษอะไรได้ เพราะศิลปินยุค 70’s แทบทุกรายก็ไม่อาจทำงานใหม่ได้เทียบกับยุคพวกเขายังครองโลกได้ทั้งนั้น (ถ้ายังมีโอกาสออกงานอยู่นะ)

    แต่เมื่อผมได้ยิน How Long ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม โอวววววว!!!! นี่สิ Eagles ที่ผมรุ้จัก มันก็น่าจะเป็นอย่างงั้น เพราะนี่คือเพลงเก่าตั้งแต่ปี 1972 ที่แต่งโดยเพื่อนรักของพวกเขา J.D. Souther วงเคยนำมันมาเล่นในการแสดงอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่เคยนำมาบันทึกเสียง ลูกชายของเกลนเห็นคลิปเพลงนี้ใน youtube และรีบเรียกพ่อมาดูด้วยความขบขันในทรงผมที่ยาวเฟื้อยของผู้เป็นพ่อ (ผมว่าเท่เป็นบ้า) ส่วนภรรยาของเกลนได้ฟังแล้วถึงกับให้ความเห็นว่าเกลนน่าจะนำเพลงนี้มาเล่นอีกครั้ง How Long เป็น pop-country ที่มี feel ของ Take It Easy และ Already Gone สองเพลงดังของพวกเขา เกลนและดอนสลับกันร้องคนละท่อนบนทำนองที่ติดหูอย่างร้ายกาจ อีกทั้งเนื้อหาก็เหมาะเจาะ ใครจะหาเพลงที่ประกาศการกลับมาของ Eagles ได้ดีกว่านี้อีกไหม?

    แต่การที่ซิงเกิ้ลนำร่องทำได้ซู่ซ่าขนาดนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าอีก 19 แทร็คที่เหลือจะเยี่ยมไปหมด

    ก่อนที่อัลบั้มจะออกวางแผง ผมได้มีโอกาสฟัง “ตัวอย่าง” และขอแสดงความยินดีกับสาวก Eagles ทุกท่าน เท่าที่ผมได้ฟังมันจบไปหลายรอบ ขอยืนยันกับท่านว่า มันเป็นการกลับมาอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีและเป็นความเพลิดเพลินเหลือเกินที่ได้ฟังดนตรีที่เป็นดนตรี ประณีต ไพเราะ หลากหลาย และชวนให้ระลึกถึงคืนวันอันสวยงามในขณะเดียวกันก็ไม่เชยจนกู่ไม่กลับ

    และเป้าประสงค์ของเกลนที่วางไว้ก็ผ่านฉลุยทั้งสามข้อ Eagles มีนักร้องเสียงดีอย่างน้อยสามคน ในโทนเสียงและลีลาที่ต่างกัน แถมยังเป็นอัจฉริยะในการร้องฮาร์โมนี่ ซึ่งพวกเขาไม่มีการกั๊กในการใช้เสียงประสานที่สุดหวานและไม่เหมือนใครในอัลบั้มนี้ กล่าวคือถ้ามีช่องเป็นใส่ และมันก็”โดน”ทุกท่อน  เอาหนังสือพิมพ์มาให้ดอน เกลน และ ทิม อ่านประสานเสียงก็คงจะยังเพราะอยู่ดี... ส่วน โจ นั้น เสียงร้องอาจจะไม่เข้าพวก แต่กลับเป็นเสน่ห์เมื่อเขาร้องเพลงของเขาเองด้วยเสียงที่ดุดันผสมเหน่อ

    No More Walks In The Wood คือการประกาศความเป็นราชาแห่งฮาร์โมนีย์เปิดอัลบั้ม ไม่มีแฟน Eagles คนไหนจำเสียงนี้ไม่ได้ How Long เป็นแทร็คต่อมา ซึ่งเมื่อฟังมันใน context นี้แล้วยิ่งได้อารมณ์ยิ่งขึ้น

    Glenn เล่าว่าเขาใช้เวลาถึงสองวันเต็มๆในการเรียงเพลงในอัลบั้ม และในแผ่นแรก เขาตั้งใจว่าจะใส่เพลงฟังง่ายๆในสไตล์ที่แฟนๆรับได้ไม่ยากเพื่อเป็นการประกาศการกลับมา “มันคงไม่เข้าท่านัก ถ้าจะเปิดอัลบั้มด้วยเพลงฟังยากยาว 10 กว่านาที” และก็จริงเสียยิ่งกว่าอะไร แผ่นแรกของ Long Road เต็มไปด้วยเพลงที่จะมัดใจ Busy Being Fabulous คือ คลาสสิก Eagles ทำนองติดหูทันที(อีกแล้ว) ด้วยเสียงร้องของดอนในจังหวะโซลหวานๆแบบโมทาวน์  ตัวเก็งซิงเกิ้ลที่สอง เสียงร้องของดอน แทบไม่เปลี่ยนจากสมัยที่เขาตะเบ็ง The Long Run เมื่อเกือบสามสิบปีก่อน

    แฟนๆของทิโมธี่ก็ย่อมต้องคาดหวังจะได้ฟังงานซึ้งขาดใจแบบ I Can’t Tell You Why หรือ Love Will Keep Us Alive และพวกเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพียงแต่ว่า I Don’t Want to Hear Anymore (แต่งโดย Paul Carrack) และ Do Something อาจจะไม่ลงตัวและกินใจเท่าสองเพลงเก่านั่น เพลงที่อาจจะขโมยซีนในแง่บัลลาดขวัญใจสาวๆกลับอาจจะเป็น What Do I Do With My Heart ของเกลน ที่ไปเป็นเพลงของบอยแบนด์ได้เนียนๆ ขณะที่เพลงที่ดอน เฮนลีย์แต่งและร้องดูจะมีความลึกและหลากหลายมากกว่าของคนอื่นๆ Waiting In The Weeds ทำนองสบายๆแต่ยาวถึง 7 นาทีกว่าๆ เนื้อหาอาจจะหมายถึงการรอคอยการกลับมาของพวกเขา “ผมรอจังหวะเหมาะๆให้ดนตรีแนวอื่นๆตายไปหมด เราจึงออกอัลบั้ม” ดอนให้สัมภาษณ์ไว้กับ Billboard Fast Company เป็นฟังกี้นิดๆแบบ Prince ในแผ่นแรกนี้  Joe ก็ได้โชว์ความเป็น rocker ของเขาหนึ่งแทร็คใน Guilty Of The Crime เสียงร้องและกีต้าร์ของพี่โจยังเฉียบสมราคา

    Long Road Out Of Eden เป็นมหากาพย์ยาว 10.17 นาทีจากการแต่งของ ดอน เกลน และ ทิม ที่มีดนตรีซับซ้อนที่สุดในแผ่นด้วย (อาจจะที่สุดของ Eagles) เนื้อหาเป็นมุมมองเกี่ยวกับสงครามอิรักที่กว่าดอนจะเขียนเนื้อเสร็จก็หลายปี เกลนเล่นเพลงบรรเลงสั้นๆให้พักหูกันนาทีกว่าๆด้วย I Dreamed There Was No War ก่อนที่จะต่อกันแบบเข้มข้นจริงๆในแผ่นสองนี้  ทั้งสองแทร็คสุดร็อคจากดอน Frail Grasp On Big Picture (มีเสียงออร์แกนโบสถ์เข้ามาอย่างเหมาะเจาะรับกับเสียงร้องแบบนักเทศน์ของดอน) และ Business As Usual ส่วน Glenn ก็มี Somebody ที่มีเนื้อหาแบบออกแนว Thriller แต่ดนตรีคล้าย Smuggler’s Blues ผสม The Heat Is On งานโซโลสุดดังของเขา  ส่วน Joe มาในเพลงสนุกสนานยาว 7 นาทีกว่าเหมือนกัน Last Good Time In Town และสำหรับคนชอบอคูสติกทำนองดีๆ น้าดอนขอมอบ Center Of The Universe ให้ฟัง

    อัลบั้มปิดท้ายด้วยเพลงจังหวะ exotic นุ่มๆ It’s Your World Now ที่อาจจะไม่ได้เรื่องถ้าไปวางที่อื่น แต่เมื่อมันเป็นแทร็คสุดท้ายของอัลบั้มที่เต็มไปด้วยอารมณ์ผสมผสานระหว่างความยินดีและความคิดถึงนี้ มันคือแทร็คที่คุณจะยิ้มทั้งน้ำตาได้ไม่ยาก

    ยอดขายหรือเสียงวิจารณ์คงไม่ใช่ปัญหาของงานชุดนี้ เหลืออีกแค่เป้าหมายเดียวที่เกลนเองก็ยังอาจจะไม่นึกถึง คือ Long Road Out Of Eden จะขึ้นแท่นไปอยู่ในชั้นเดียวกับงานคลาสสิกของ Eagles อย่าง Desperado, One Of These Nights หรือ Hotel California ได้หรือไม่  คงต้องให้เวลากับมันสักหน่อยถึงจะให้คำตอบได้

    (หมายเหตุ เพลงของ Eagles เป็นงานที่ละเมียดละไมและเน้นความละเอียดในการบันทึกเสียง จึงไม่สมควรจะไปฟังและตัดสินเพลงของพวกเขาจากการฟัง stream เสียงแย่ๆในเน็ตนะครับ...รอซื้อแผ่นจริงไปเล้ย...)

     
     

    จากคุณ : winston - [ 28 ต.ค. 50 22:51:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom