ความคิดเห็นที่ 1 credit Thai translation : พี่ตา English translation : biebiebie@www.asianfatatics.net วิค  โจว, หลี่ปิงปิง ถ่ายฉากรักบนเตียง ถึงกับเตียงสั่น เป็นเพราะภาพยนตร์เรื่อง Linger” ที่มีข่าวลือว่าทั้งสองคนไม่ค่อยถูกกัน -  ทั้ง หลี่ปิงปิงและวิค  โจว(ไจ่ไจ๋)  ก็ไม่ได้ใส่ใจกับข่าวลือนั้น  ควงคู่กันมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ไม่เพียงแต่ทั้งคู่จะมี chemistry ระหว่างกันมากมายตอนที่ถ่ายรูปเท่านั้น แม้แต่ในขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทั้งสองก็ยังดูแลกันและกันเป็นอย่างดี    กล่าวกันว่าทั้งสองต้องถ่ายฉากรักบนเตียงกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรก  ไจ่ไจ๋ไม่ได้รู้สึกประหม่าแต่อย่างใด แถมยังพูดอย่างเปิดเผยว่า “ มีประสบการณ์มานานแล้ว”   แถมยังบอกว่าปิงปิงแสดงอารมณ์ “ตื่นเต้น” ออกมาได้อย่างง่ายๆ BB :  ในบรรดานักแสดงมากมายที่ฉันเคยพบมา  ไจไจ๋เป็นนักแสดงที่ซีเรียสมากที่สุดคนหนึ่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกริยาท่าทางของเขา  เพราะบทที่เขาได้รับเป็นบทที่เข้าถึงได้ยาก  ดังนั้นทุกๆวัน หลังจากมาถึงกองถ่าย เขาจะไปหลบมุมเพื่อทำอารมณ์ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาอั้นไว้นานเกินไปหรือเปล่า   เพราะหลังจากที่เขาถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ เขาได้ทำเรื่องตลกมากๆอยู่อย่างหนึ่ง คือ  เมื่อผุ้กำกับสั่ง “cut” เขาดีใจมากๆ กระโดดโลดเต้นไปตามถนน แล้วก็ตรงไปขึ้นรถผู้ช่วยของเขาโดยไม่ได้บอกลาผู้กำกับเลยสักนิด และรถก็แล่นหายไปเลย  ทำให้คนอื่นๆประหลาดใจไปตามๆกัน ZZ :   ใช่แล้วครับ   ใช่แล้วครับ ! วันนั้นพอผมถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ  ผมรู้สึกโล่งจริงๆ จนไม่รู้จะอธิบายยังไง   ผมกระโดดไปมาแล้วบอกลาทุกคนด้วยในเวลาเดียวกัน แล้วก็ไปขึ้นรถ   หลังจากที่หายเบลอแล้ว ผมจำได้ว่าผมคงยังไม่ได้บอกลาผู้กำกับ  แล้วหลังจากนั้นทุกครั้งที่ผมเจอเขา  ผมมักจะรู้สึกหวั่นๆเสมอ  ผมกลัวว่าเขาจะมาทำโทษผม! จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 01:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บทของ “ผี”  เล่นยาก BB :   ฉันรู้ว่า "Linger" เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของคุณ การแสดงหนังเรื่องนี้ทำให้คุณกดดันมากไหม? ZZ :  ผมชอบการแสดงมาก ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกกดดันอะไร  แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมกลัวเหมือนกันในบางครั้ง คือบทของผมเป็นบทที่เป็นธรรมชาติมาก เล่นได้ยาก แม้ว่าคนดูแล้วอาจจะไม่คิดแบบนั้น แต่ทำอย่างไรถึงจะทำให้คนดูประทับใจได้ในหนังที่ดูเหมือนหนังสยองขวัญเรื่องนี้ นี่เป็นการทดสอบ และการท้าทายที่ยิ่งใหญ่     BB :   สำหรับฉันแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือฉากรักบนเตียง  ฉันยังคงจำได้ว่าเราถ่ายฉากนี้ในวันแรกที่เราพบกัน ฉันกลัวมากและประสาทจะกิน แต่พอแอบชำเลืองดูไจ่ไจ๋  ฉันเห็นว่าเขานิ่งมากๆ  ฉันถามตัวเองว่า(อีตาผู้ชาย)คนนี้เขาไม่รู้สึกประหม่าบ้างเลยหรือไง ? ZZ :   55555 !  จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้  ตอนที่ผมถ่ายละครชุด  ผมรับบทต่างๆมาแล้วหลายรูปแบบ  ผมก็เลยชินกับมัน  ถ้าจู่ๆมาขอให้ผมเปลือยหน้าอก ผมก็เล่นได้อยุ่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร!(โห  ดูลูกชายมันตอบ...มั่นมากฮับ)  แต่ถึงปิงปิงจะพูดว่าเธอรู้สึกกลัว แต่พอตอนถ่ายจริงๆ เธอกลับแสดงความรู้สึกว่าเธอตื่นเต้นออกมาได้อย่างง่ายๆ เธอมืออาชีพมากๆเลยครับ BB :  โชคดีที่ฉากนั้นถ่ายกันแค่ 2-3 ครั้ง แล้วผู้กำกับก็บอกว่าโอเค ใช้ได้   ไม่งั้นฉันคงต้องอายมากจริงๆ! ZZ :  จริงๆแล้วตอนนั้นก็มีเรื่องขำๆเยอะเหมือนกัน เหมือนในหนัง  ถึงแม้เราทั้งสองจะรักกัน  แต่ทะเลาะกันบ่อย  ถ้าผมไม่มีความสุขเรื่องแฟนของผม   ผมก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยซะจะดีกว่า, เพราะบางทีมันเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรจะทำ, ยิ่งรู้...กลัวว่ามันจะยิ่งนำปํญหามาสู่เรา (คือถ้ารู้มาก  ก็ทะเลาะกันมาก) จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 01:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คู่รักที่แคร์กันมากก็ทะเลาะกันง่าย BB :  ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีประสบการณ์ในการออกเดทมากนัก แต่ฉันคิดว่าฉันจะเลือกวิธีพูดจากันแบบดีๆ  เพราะยังไงการทะเลาะและทำร้ายกันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆเลย แต่ฉันเข้าใจว่าคนที่แคร์มากก็จะโกรธได้ง่ายๆ  เหมือนฉันและครอบครัวของฉัน  บางครั้งฉันเห็นพวกเขาไม่ยอมกินยอมใช้ หรือไม่แต่งตัวซะบ้าง  เพราะพวกเขาคิดว่ามันน่าเสียดาย  ฉันก็จะดุเขาแบบไม่ตั้งใจว่าทำไมไม่ใส่ใจดูแลตัวเองให้ดีขึ้น  ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าพวกเขาเคยชินต่อการประหยัด (ครอบครัวของปิงปิงเคยจนมาก่อน) ZZ :   ในภาพยนตร์  คุณไว้ทั้งผมยาวและผมสั้น พูดจริงๆเลยว่า  ผมว่าคุณไว้ผมยาวดูดีกว่า ดูเป็นผู้หญิงกว่า  คุณคิดว่ายังไงครับ? BB :   ไม่จริงค่ะ !  จริงๆแล้ว เรื่องผมสั้นมันมีที่มา  ตอนแรกทีมงานเลือกแบบผมสั้นจากทรงผมหลายแบบ และในนั้นมีวิกผมอยู่อันหนึ่งที่ทุกคนชอบมาก   ผู้กำกับพุดหลังจากที่ได้เห็นมันว่า  “ถ่ายหนังแล้วสวมวิกนี่น๊ะ  ดูเหมือนหนังตลกเลย ! “ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 01:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไจ่ไจ๋สูญเสียเพื่อน..ทำให้เขาเข้าใจ ไจ่ไจ๋และหลี่ปิงปิง ทั้งคู่เป็นคนที่จิตใจเปิดกว้างมาก ดังนั้นเรื่องแบบนี้พวกเขาไม่สนใจ  อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น เรื่องใหญ่แค่ไหน หลังจากเวลาผ่านไปมันก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กๆ ZZ :   ถึงแม้ว่าจะมีข่าวบ่อยๆว่าผมไม่ถูกกับคุณ แต่จริงๆแล้ว ผมอยากจะบอกว่าเราไม่มีปัญหาใดๆกันเลยจริงๆ  ตรงกันข้าม ปิงปิงเป็นคนที่ผมชื่นชมเป็นอย่างมาก  อย่างแรก เธอเป็นนักแสดงที่เก่งจริงๆ ก่อนเริ่มถ่าย  เธอจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี  แม้แต่ตอนที่ไม่มีบท เธอยังเต็มใจที่จะเสียเวลานั่งอยู่ที่นั่นเพื่อทำให้ผมเข้าถึงอารมณ์ได้มากขึ้น อย่างที่สอง เธอรู้จักมุมกล้องดีมาก  รู้จักวิธีใช้สายตา  และเธอสามารถเข้าถึงบทละครได้อย่างลึกซึ้ง   ประการที่สาม นักแสดงจำนวนมากหลังจากที่แสดงมานานแล้วยังไม่รู้ว่าจะใช้เทคนิคของการแสดงยังไงเลย  แต่ปิงปิงรู้  เธอแสดงด้วยอารมณ์ความรู้สึกจากข้างใน   เธอมีแบบฉบับเฉพาะของตัวเอง จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 02:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ปฏิเสธเรื่องแย่งกันร้องเพลงนำของเรื่อง BB :  ฉันต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่ได้จ่ายเงินใดๆให้ไจ๋ไจ๋เลยน๊ะ ! (ขณะที่พูด หน้าเธอยิ้มหวานเชียว)  จริงๆแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าข่าวแย่ๆแบบนั้นมาจากไหน  ข่าวว่าเราสองคนเข้ากันไม่ได้ในกองถ่าย  แล้วก็แย่งกันเพื่อให้ได้ร้องเพลงนี้  หลังจากที่เห็นข่าวฉันโกรธมากจริงๆ  ทำไมทุกคนถึงไม่ไปเน้นที่หนังมากกว่า?  ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแล้วมันก็ไม่ได้สำคัญเลยด้วย เปรียบเทียบกับบทที่เธอต้องสูญเสียคนที่รักมากที่สุดไป ยังสำคัญน้อยกว่าอีก ZZ :  ปีที่แล้ว มีเพื่อนของผมหลายคนจากไป บางคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ  บางคนเสียชีวิตเพราะสาเหตุอื่น  ผมรู้สึกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการถนอมความรักที่เรามีต่อเพื่อนไว้ในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องรอให้เขาจากไปแล้วจึงค่อยมาตำหนิตัวเอง  “ทำไม่เราไม่ทำอย่างนี้ ทำไมเราไม่ทำอย่างนั้น” (อืมมมม.....ไจ๋คงเสียดายอดีตที่ไม่ได้ทำดีต่อคนคนหนึ่งให้มากเพียงพอ    เราก็เสียดายแทนเหมือนกัน) BB :  ฉันรู้สึกว่าประเด็นสำคัญคือการไม่ยึดติดกับอดีต แต่กล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับปัจจุบัน  เพราะสิ่งที่คุณไม่กล้าทำในตอนนี้  อีก 8 ถึง 10 ปีต่อมา คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กนิดเดียว จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 02:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พี่ป๋อบสู้ๆ เป็นPRของเรื่อง เย้ๆ วิ่งไปตามที่บ้านเก่าก่อนฮับ จากคุณ : mukie (muk**Zai) - [ 12 ม.ค. 51 02:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 credit English translation : sytwo@asianfanatics.net Thai translation : ป๊อป ปิงปิง : เราทั้งคู่ต่างรู้สึกได้ถึงความกดดันของกันและกัน รวมถึงความสำคัญที่เราให้กับหนังเรื่องนี้ ไจ่ไจ๋ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันใหญ่หลวงเช่นเดียวกับฉัน ในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ฉันจำได้ว่าไจ่ไจ๋พูดออกมาคำหนึ่งว่า “ผมถูกกดดันจนจะแบนติดผนังอยู่แล้ว” (ตรงนี้คุณ sytwo คนแปลภาษาอังกฤษเค้าไม่ค่อยแน่ใจนักนะว่าแปลถูก) ฉันก็พูดแบบเดียวกัน มีความรู้สึกกดดันอย่างสูงอยู่ตลอดการถ่ายทำ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 02:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้าว.........ค.ห.6 หายซะงั้น......เพิ่งนึกได้ว่าเค้าห้ามแปะลิงค์ยูทูปใช่ไหมเนี่ย...........เลยโดนลบเลย...... น้องมุก...........หวัดดียามดึก...........พีอาร์เริ่มง่วงแล้วอ่ะ.....คืนนี้จาแปะคลิปนี้จบไหมเนี่ย............. จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 02:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไจ่ไจ๋ : เวลาที่ผมแสดง ผมไม่มีความกดดันอะไรเลย แล้วผมก็ไม่แคร์นักด้วยว่าสถานการณ์ในกองจะเป็นยังไงบ้าง สิ่งที่ผมต้องการจะทำคือเอ็นจอยกับความรู้สึกที่ได้แสดง ผมคิดว่าแรงกดดันที่ปิงปิงพูดถึงนั้นหมายถึงเรื่องที่ว่าผมจะสร้างตัวละครนี้ออกมายังไง เพราะว่าเขา (ต่ง) ไม่ใช่คนจริงๆ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 02:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก่อนหน้านี้ เวลาที่มีใครพูดถึงผีก็จะมีความรู้สึกกลัวตามมาด้วย แล้วเวลาที่ใครได้ยินว่าคุณกำลังแสดงหนังผีอยู่ ความคิดแรกเลยก็คือ “ช่างน่ากลัวจัง” แต่เราไม่เคยคิดกันถึงอารมณ์ความรู้สึกข้างในของผีกันเลย จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 02:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนที่ผมแสดง ผมรู้สึกถึงแรงกดดันใหญ่หลวงเพราะว่าผมให้ความสำคัญกับความรู้สึกของครอบครัวเป็นอย่างมาก ตอนที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น มองดูพ่อนั่งอยู่เพียงลำพังบนโซฟา บรรยากาศนั้นสามารถทำให้ผมอินกับความรู้สึกของตัวละครตัวนั้นได้ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ตระหนักว่า.....เวลาที่คุณสูญเสียคนที่รักไป แล้ววิญญาณกลับมาในวันที่ 7 แต่ไม่มีใครในหมู่พวกเราเลยที่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนที่จากไปเวลาที่พวกเขามองมายังคุณ.......... นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมสามารถที่จะรู้สึก และมีประสบการณ์เกี่ยวกับความเศร้า ไม่เต็มใจที่จะจากไป แล้วก็ความเสียใจ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปิงปิง : เรารู้สึกซาบซึ้งกันในทุกๆฉาก จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไจ่ไจ๋ : ปิงปิงนั้นเข้าถึงตัวละครแล้วก็หนังเรื่องนี้มาก เธอแสดงได้ดีเอามากๆ ตอนที่ผมเห็นเธอร้องไห้ ทั้งๆที่กล้องจับอยู่ที่ผม ส่วนเธอก็แค่นั่งแสดงอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อช่วยส่งบทให้ผมเท่านั้น แต่เธอก็ยังอินกับบทจนกระทั่งร้องไห้ออกมา เก่งมากจริงๆครับ (พูดเสร็จก็ตบมือให้ปิงปิงใหญ่เลย) แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 51 03:36:17 จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ปิงปิง : ไม่จริงซะหน่อย ไจ่ไจ๋ต่างหากที่เป็นคนดีมาก ฉันรู้สึกว่าหลังจากที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมาเป็นจำนวนมาก การแสดงของไจ่ไจ๋ การเตรียมตัวแล้วก็ทัศนคติของเขาทำให้ฉันประทับใจมาก แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 51 03:44:14 จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เขาทุ่มเทความพยายามอย่างมากให้กับหนังเรื่องนี้ เวลาที่เขามาถึงกองถ่าย เขาจะไปนั่งอยู่กับตัวเองในที่ห่างไกลออกไป นั่งคิดอยู่เงียบๆคนเดียว จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พักสายตาด้วยภาพหวานๆ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ปิงปิง : ไจ่ไจ๋ คุณจำได้ไหมว่าคุณเป็นยังไงหลังจากที่ถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ ไจ่ไจ๋ : ผมลืมไปแล้ว วันสุดท้ายของการถ่ายทำ..... ปิงปิง : ตอนที่ฉันได้พบกับผู้กำกับอีกครั้งหนึ่ง ฉันบอกท่านว่า คุณรู้รึเปล่าว่าหลังจากที่ไจ่ไจ๋ถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ............ตอนนั้นคุณกำลังถ่ายทำฉากสุดท้ายของคุณให้เสร็จ ส่วนฉันก็ยืนมองมาจากคนละฟากถนน..........อยู่ดีๆเขาก็กระโดดขึ้นๆลงๆ แล้วก็โยนของที่อยู่ในมือตอนนั้นออกไป เหมือนกับเด็กเล็กๆ (ปิงปิงทำท่าตบมือด้วย) กระโดดด้วยความดีใจไปรอบๆ แล้วก็จากไปทั้งแบบนั้น ฉันไม่มีโอกาสกล่าวลากับเขาด้วยซ้ำ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไจ่ไจ๋ : ผมมีความสุขมากแล้วก็เข้าไปในรถ หลังจากนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่า ผมได้บอกลาตากล้องแล้วก็คนอื่นๆที่เหลือทุกคน แต่ดันลืมบอกลาผู้กำกับ! (ดูมันทำ...) แต่ว่ารถได้วิ่งไปที่สนามบินแล้ว ผมก็เลยคิด “อืมมมมม ผมถ่ายเสร็จแล้ว ผมถ่ายเสร็จแล้ว ผมถ่ายเสร็จแล้ว” จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 03:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปิงปิง : หลังจากนั้นฉันก็บอกกับผู้กำกับว่าไจ่ไจ๋มีความสุขมากที่ถ่ายทำเสร็จจนลืมบอกลากับคุณ ซึ่งผู้กำกับก็เอาแต่หัวเราะ ผู้กำกับชื่นชมไจ่ไจ๋มาก เขารู้สึกว่าไจ่ไจ๋ทำงานหนักแล้วก็ใส่หัวใจเข้าไปในหนัง จบแล้วจ้า จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 04:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ใครอยากโหลดคลิปนี้......น้องส้มอัพเอาไว้ให้แล้วที่ลิงค์นี้นะ http://www.mediafire.com/?cdlcomcmn2o จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 12 ม.ค. 51 04:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ป๊อป....ต่อมอยากดูลิงเก้อ ทำงานหนักเลย.... http://ent.tom.com/2008-01-11/0021/85276343.html ป๊อป...ข่าวอันนี้ไงที่บอกว่าตอนเขาจัดที่ให้นั่งแถลงข่าว พอดีที่นั่งปิงปิงกับไจ๋ห่างกัน ไจ๋มันแสดงให้เห็นมากว่าอยากนั่งใกล้กับปิงๆมาก เพื่อให้ดูสนิทสนม จนต้องจัดที่ให้นั่งใกล้กันอะ ไจ๋ยังบอกอีกว่า ในเรื่องปิงปิงแสดงทางสายตาได้อบอุ่นมาก.... แปลคร่าวๆตามนี้ อิอิ.... จากคุณ : หมวยเจริญผล - [ 12 ม.ค. 51 23:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พี่นุช...................อิอิ............ชักจะยังไงๆเสียแล้วนะเนี่ย........ นี่พี่พีเพิ่งโทรหาบอกว่าให้สังเกตอาการอิไจ๋ในคลิปๆหนึ่งด่วน........ เดี๋ยวหนูกำลังจะรีบไปโหลดมาดูว่าที่พี่เค้าว่ามันจริงอ๊ะป่าว............ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 00:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาต่อด้วยบทสัมภาษณ์ไจ๋กับปิงปิงที่เว็บ Sina ตอนไปปักกิ่งนะคะ...... ลิงค์ต้นฉบับคืออันนี้ค่ะ http://ent.sina.com.cn/m/c/2008-01-09/01471867270.shtml credit English translation : biebiebie@asianfanatics.net Thai translation : ป๊อป ปิงปิงล้อเลียนไจ๋....ช่ำชองฉากบนเตียง 8 มกราคม 2551 หนังเรื่อง “Linger” ของผู้กำกับตู้จากฮ่องกงได้เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ไจ่ไจ๋กับปิงปิง 2 ดารานำ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง Sina เนื่องในโอกาสนี้ เมื่อพูดถึงหนังเรื่องนี้ ทั้งคู่ต่างเก็บความทรงจำอันลึกซึ้งเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉากรักที่แสนจะเคอะเขิน ฉากฝนตกอันแสนเจ็บปวด และไจ่ไจ๋ต้องใช้เวลา 4 ชั่วในการเมคอัพทุกครั้ง เพื่อให้ลุคออกมาตามที่ต้องการ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 00:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ฉากบนเตียงเป็นฉากที่เขินที่สุด หลี่ปิงปิงกับไจ่ไจ๋ร่วมงานกันเป็นครั้งแรก ไจ่ไจ๋เล่นหนังใหญ่เป็นครั้งแรก แต่สิ่งที่ผู้กำกับตู้เตรียมเอาไว้รอพวกเขาคือฉากแรกเป็นฉากที่ติดเรทที่สุด ไจ่ไจ๋บอกว่า “เป็นเรื่องบังเอิญที่การถ่ายฉากแรกเป็นฉากที่โชว์เนื้อหนังมากที่สุด ในตอนแรก ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย ผมจำได้ว่าปิงปิงเอาแต่พูดว่าทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าต้องถ่ายฉากนี้ ซึ่งทำให้ทุกคนเป็นกังวลกันนิดหน่อย แต่เพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้ผมเห็นความเป็นมืออาชีพของปิงปิง เพราะไม่ว่าจะเป็นยังไงเธอก็สามารถเข้าถึงบทบาทได้เป็นอย่างดี” จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 01:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทางด้านปิงปิงได้ล้อเลียนไจ่ไจ๋ว่า “ฉันรู้สึกว่าไจ่ไจ๋ค่อนข้าง “ช่ำชอง”  เรื่องนี้ คิดไม่ถึงเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาถ่ายหนัง” ไจ่ไจ๋ที่ตกอกตกใจรีบบอกกับปิงปิงว่า “พูดมาให้เคลียร์เลยนะ” ปิงปิงตอบว่า “ทุกคนโปรดอย่าตีความผิด ในวันนั้น ฉันรู้สึกว่าไจ่ไจ๋เป็นคนดีมาก เขารู้ดีว่าจะปกป้องดาราหญิงยังไง ฉันคิดในใจว่า นักแสดงคนนี้เป็นผู้ชายที่ดีมีศีลธรรมมาก เขาเข้าใจปกป้องนักแสดงผู้หญิง แล้วก็เคารพนักแสดงคนอื่น ในตอนนั้น คุณวิตกกังวล เคอะเขิน พูดตามตรง วันนั้นฉันรู้สึกเขินแล้วก็เป็นกังวล แต่พอตอนแสดง ฉันก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปเพราะว่าคู่ของคุณเป็นมืออาชีพ ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกว่าในฐานะผู้ชาย เขารู้ว่าจะปกป้องนักแสดงผู้หญิงยังไง มันทำให้ฉันมีความสุขแล้วก็ประทับใจมาก จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 01:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ฉากที่ลืมไม่ลงคือฉากตากฝน ไจ่ไจ๋เรียนรู้จากปิงปิงว่าจะทำให้ตัวอุ่นยังไง ทุกคนสนใจฉากรักกันมากที่สุด แต่ถ้าพูดถึงฉากที่ลืมไม่ลงในลิงเกอร์ ช่างบังเอิญที่ไจ่ไจ๋กับปิงปิงต่างเลือกฉากตากฝนเหมือนกัน “มันเป็นฉากตากฝน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าฉากนี้สะเทือนอารมณ์แค่ไหน จริงๆแล้วตอนถ่ายฉากนี้เรามีแทงค์น้ำ 2 แทงค์แล้วก็เครื่องเป่าลม 2 ตัว ปิงปิงเตรียมมาพร้อมทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอุ่น แถมยังใจดีแนะนำผมให้ทำแบบเธอด้วย แต่ผมปฏิเสธไปอย่างโง่เขลา สุดท้าย ผมก็เกือบแข็งตาย” ไจ่ไจ๋บอก ด้านปิงปิงเสริมด้วยเสียงหัวเราะว่า “ฉากนั้นลมพัดแรงมาก ฉันไม่เคยเห็นลมแรงแบบนี้มาก่อนเลย เครื่องเป่าลมมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 1.50-2 เมตร ตัวมันใหญ่มาก ตอนที่เปิดพร้อมกันทั้ง 2 ตัว ต้นไม้เอนลู่ กระถางต้นไม้ถูกพัดปลิว ทำให้เกิดเอฟเฟคที่เราต้องการ ฉันพูดว่า มันจะต้องหนาวมาก ต้องทำให้ตัวเองอุ่นเข้าไว้ เขาบอกว่าไม่จำเป็น ฉันคิดในใจว่า เจ๋ง แมนนักใช่ไหม เขาไม่ฟังฉัน จากนั้นเราก็สวมกอดกัน ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าฉันกำลังตัวสั่นเทา” หลังจากได้รับบทเรียนนั้น ไจ่ไจ๋ก็กลับมาที่ไต้หวันแล้วก็ต้องถ่ายฉากแบบเดียวกันนี้อีก ปฏิกิริยาของไจ๋คราวนี้คือ อย่าลังเลใจ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอุ่นเข้าไว้ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 01:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ฉากศพเป็นฉากที่เหนื่อยที่สุด ไจ่ไจ๋เอาหลิวเต๋อหัวเป็นแม่แบบ นอกจากพล็อตที่แปลกแล้ว ภาพลักษณ์ของดารานำเรื่อง Linger ทั้ง 2 คนยังดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไจ่ไจ๋ ผู้ที่ปรากฏตัวเป็นศพ พร้อมรอยเย็บที่หน้าอก ทำให้คนแทบลืมหายใจ “มันเป็นบาดแผลพิเศษรูปตัวยู มีการเอาผิวหนังปลอมมาติดบนตัวผม เหมือนดินอะไรซักอย่าง แต่เป็นอีลาสติก เลยทำให้เย็บลงไปบนหนังนั้นได้ ในตอนนั้น ทุกครั้งเราต้องใช้เวลา 4-6 ชั่วโมงเพื่อตกแต่งให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วผมก็ต้องเปลือยครึ่งตัว มันรู้สึกเจ็บปวดมาก” ไจ่ไจ๋บอก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้กำกับถามว่าโหดไปรึเปล่า แล้วก็บอกว่าอากาศค่อนข้างหนาวนะเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้ง่ายๆ หลังจากนั้น ท่านก็บอกว่าตอนที่หลิวเต๋อหัวถ่ายหนังเรื่อง Running on Karma ต้องใช้เวลาเมคอัพตั้ง 10 ชั่วโมง ตอนที่ทุกคนกลับบ้านหลังจากเลิกงานแล้ว เขาต้องเริ่มเมคอัพเพื่อที่ว่าหลังจากนั้นเขากับคนอื่นๆจะได้เริ่มงานกันได้ เขาเหมือนคนเหล็กเลยหละ พอได้ฟังอย่างนั้น ผมเลยคิดว่าของผมแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย เอาไปเปรียบกับของหลิวเต๋อหัวไม่ได้เลย จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 01:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไจ่ไจ๋ยังยอมรับด้วยว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจดูหนังซักเท่าไร แต่กับหนังของหลิวเต๋อหัวแล้ว เขาดูมันหมดทุกเรื่อง หลิวเต๋อหัวเป็นไอดอลของเขา “เวลาที่ผมเจออะไรโหดๆ ผมจะคิดถึงหลิวเต๋อหัวเป็นแบบอย่าง มันจะให้พลังงานแล้วก็ความแข็งแกร่งกับผม” หลังจากแต่งเป็นศพแล้ว ร่างของไจ่ไจ๋ก็ปรากฏบนแผ่นฟิล์ม แฟนจำนวนมากรู้สึกว่าเขาผอมไป แต่ตัวไจ่ไจ๋เองไม่คิดอย่างงั้น เขาบอกแค่ว่า ถ้าผมมีกล้ามหน่อยก็จะดีหรอก แต่ร่างกายของผมตอนนี้ก็เป็นที่น่าพอใจแล้ว ผมก็เป็นแบบนี้มาตลอด คนที่รู้จักผม ผมหวังว่าพวกเขาจะรู้จักตัวจริงของผมมากขึ้น ผมไม่ต้องการทำอะไรเป็นพิเศษสำหรับหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกตอนไขว่คว้าหารูปร่างที่ดี ผมคิดว่ามันดีมากเลยทีเดียว ผมก็ชอบมันเหมือนกัน ผมหวังว่าผมจะดูสุขภาพดีกว่านี้ แต่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองผอมไป ผมคิดว่ายังดีอยู่ แต่ถ้ามีกล้ามซักหน่อยก็จะดีกว่านี้ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 01:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ป๊อป พี่ขอปาดเลยนะ อิอิ....สองคนนี้เขาให้สัมภาษณ์ชมกันไปชมกันมา แถมหลังๆไจ๋มันส่งสายตาให้ปิงปิงบ่อยมาก สงสัยเจอปิงปิงฟ่างเตี้ยนเข้าไป เคลิ้มเลย 555555 พี่เปี๊ยก อิอิ คลิปอันไหนเหรอคะ จะตามไปดู แต่ยังไม่โหลด อิอิ... จากคุณ : หมวยเจริญผล - [ 13 ม.ค. 51 01:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คำแปลข่าวต้นฉบับจากลิงค์นี้ http://www.sc.xinhuanet.com/content/2008-01/12/content_12199725.htm credit English translation : biebiebie@asianfanatics.net    Thai translation : ป๊อป ไจ่ไจ๋-ปิงปิงสยายปีกบินที่เฉิงตู Linger หนังเรื่องแรกของผู้กำกับตู้ที่เน้นมุมมองของผู้หญิงได้เริ่มลงโรงฉายทั่วประเทศแล้ว ดารานำทั้งคู่ ไจ่ไจ๋กับหลี่ปิงปิงได้มาที่เฉิงตูเพื่อโปรโมทหนัง หนุ่มหล่อสาวสวยคู่นี้เล่นเป็นคู่รักกันในหนังซึ่งมีทั้งความรัก ความหลง ไปจนถึงความตาย แต่ในชีวิตจริง ทั้งคู่ไม่ได้เข้าใจกันและกันอย่างแท้จริง แม้แต่จะเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งคู่กล่าวว่าการแสดง และความเป็นมืออาชีพของอีกฝ่ายทำให้พวกเขาแสดง และเข้าถึงบทบาทได้ดีขึ้น ดังนั้น เรื่องที่พวกเขาจะเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆหรือไม่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร  เมื่อคืนวาน ทั้งคู่มาปรากฎตัวที่โรงหนังใหญ่ 2 แห่งเพื่อพบปะกับแฟนๆจากเฉิงตู แน่นอนว่าพวกแฟนๆที่กระตือรือร้นนั้นไม่ยอมปล่อยไจ๋เอาไว้แน่ พวกเขาไม่เพียงแต่ให้การต้อนรับไจ๋อย่างอบอุ่นเท่านั้น แต่ยังบุกฝ่าการ์ดเพื่อเข้าไปกอดไจ๋จนได้ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 51 22:21:50 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 51 19:52:03 จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 19:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ปิงปิงกับไจ๋สวมชุดดำมางานด้วยกันทั้งคู่ แถมพิธีกรยังพูดว่าเป็นชุดคู่รักอีก (ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน/เข้าชุดกัน) ไจ่ไจ๋ซึ่งมีแฟนอยู่แล้ว (อยากใช้คำว่าเมียจัง...55555) วุ่นวายอยู่กับการอธิบายว่า “จริงๆแล้วเราไม่ได้คุยกันมาก่อนว่าเราจะใส่ชุดอะไร พอมาถึงงานแล้วพวกเราถึงได้เห็นว่าใส่เสื้อผ้าสีเดียวกันเลย” อาจจะเป็นเพราะว่าในงานโปรโมทหนังที่ผ่านๆมาทั้งคู่รักษาระยะห่างเอาไว้จะได้ไม่เกิดข่าวลือขึ้นมา (5555........นี่เรียกรักษาระยะห่างแล้วใช่ไหม......ถ้าไม่รักษาจะขนาดไหนเนี่ย........55555) แต่ที่เฉิงตูนี่ ทุกครั้งที่ปิงปิงพูด ไจ๋จะมองเธอด้วยดวงตากลมโตของเขา เมื่อบรรดานักข่าวสังเกตเห็นเรื่องนี้แล้วบอกไจ๋ ไจ๋ก็หัวเราะเสียงดัง หลังจากนั้นก็ใช้น้ำเสียงซีเรียสมากตอบว่า “ทุกคนต้องรู้ว่าปิงปิงเป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองจากด้านข้าง งดงามมาก ผมไม่สามารถถอนสายตาเพื่อมองไปทางอื่นได้” แล้วจู่ๆก็มีนักข่าวคนหนึ่งถามโพล่งขึ้นมาว่า “แล้วถ้าเทียบกับต้าเอสล่ะ” ทำให้ไจ่ไจ๋ไม่รู้จะทำท่ายังไง “อ๋อ พวกเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากด้วยกันทั้งคู่” (5555....ก็ใครมันจะกล้าตอบอย่างอื่นล่ะเนอะไจ๋) ด้านปิงปิงชี้แจงกับนักข่าวว่าไจ่ไจ๋ชอบแกล้งคนอื่น ยิ่งเขาชมคุณมากเท่าไร คุณก็ยิ่งรู้สึกไม่แน่ใจ (ว่าชมจริง) มากเท่านั้น (ชอบคำตอบนี้ของปิงปิงจัง.........เป็นการถ่อมตัวที่ดูดีมีกึ๋นมากกกก) แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 51 19:53:50 จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 19:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ในหนังเรื่องนี้ปิงปิงกับไจ่ไจ๋มีความรักที่อยู่เหนือชีวิตและความตาย พวกเขาต้องมีฉากรักร้อนแรงกันด้วย ซึ่งปรกติแล้วดาราชายกับหญิงจะต้องพูดคุยแล้วก็สร้างความสนิทสนมกันก่อน ต้องรู้จักกันและกันมากขึ้นนิดเพื่อหลีกเลี่ยงความเก้อเขินในการถ่ายฉากนี้ ทว่า ปิงปิงได้สารภาพกับผู้สื่อข่าวว่าพวกเขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อนที่จะถ่ายฉากนี้เลย จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 19:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 “ก่อนถ่ายฉากนี้ เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย เราแค่มีความรู้สึกของคู่รักกันตอนที่เรากำลังถ่าย" ปิงปิงบอกกับนักข่าวว่าครั้งแรกที่เธอมองไจ๋ในกองถ่าย เธอก็เห็นว่าเขาอินกับบทไปเรียบร้อยแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อมเร็วมากๆ ฉากแรกที่ถ่ายเป็นฉากเลิฟซีน ด้านไจ่ไจ๋กระตือรือร้นมากมาตั้งแต่ก่อนถ่ายทำ และอยากจะเห็นว่าปิงปิงจะถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองออกมายังไง ดังนั้น ก่อนถ่ายไจ๋ก็เลยเอาแต่จ้องมองปิงปิง แต่ไจ๋ไม่คิดว่าปิงปิงจะสามารถเข้าถึงบทได้เร็วขนาดนั้น แม้ว่าทั้งคู่จะไม่คุ้นเคยกันเลย แต่พวกเขาก็สามารถเข้าถึงบทบาทได้อย่างรวดเร็วมาก จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 19:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คำแปลนี้ยังต่อเนื่องมาจากลิงค์ข้างบนนะ.....แต่เลื้อยมาหน้า 2 ที่ลิงค์นี้ด้วย http://www.sc.xinhuanet.com/content/2008-01/12/content_12199725_1.htm credit English translation : biebiebie@asianfanatics.net Thai translation : ป๊อป ไจ่ไจ๋พูดจ้อ ทั้งเรื่องงาน เรื่องรัก เรื่องเพื่อน คำพูดของต้าเอสที่ล้อเลียนไจ่ไจ๋ แฟนหนุ่มว่า “เธอนิ่งมาก อยู่ข้างฉันเหมือนกับเครื่องปรับอากาศ” ก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าไจ่ไจ๋พูดน้อยแค่ไหน แต่เมื่อวานนี้ ไจ๋กลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเรื่องหนัง การแต่งงาน หรือเรื่องเอฟโฟร์ ไจ่ไจ๋เผชิญหน้ากับนักข่าวอย่างกล้าหาญ เขาตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ กลายเป็นเครื่องตอบรับที่ไม่มีข้อจำกัด ระหว่างที่พูดคุยกับนักข่าว เขาถึงขั้นเล่าเรื่องตลกฝืดๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเด็กโข่งจากข้างบ้าน เรื่องหนัง Linger ทำให้ทัศนะเรื่องชีวิตเปิดกว้างขึ้น นักข่าว : พอหนังเรื่องแรกก็เจอผู้กำกับใหญ่อย่างผู้กำกับตู้เลย แล้วตอนนั้นคุณตื่นเต้นมากไหม ไจ่ไจ๋ : ครับ คุณก็รู้ว่าหนังผู้ชายของผู้กำกับตู้นั้นเท่ห์จริงๆ ผมคิดว่า.......เฮ้อ! ท้ายที่สุด ผมกลับต้องเล่นเป็นวิญญาณ (5555......สงสารไจ๋จัง....สงสัยมันคงอยากเล่นหนังเท่ห์ๆจะแย่) นักข่าว : แล้วการเล่นเป็นผีเป็นยังไงบ้าง กลัวว่าจะมองดูน่าเกลียดรึเปล่า ไจ่ไจ๋ : จริงๆแล้วในตอนแรก ผมคิดว่าผีจะต้องบินได้ เดินทะลุผนังได้ (5555.....ขำมันจัง) แต่แล้วพวกเขากลับบอกผมว่าผมจะเป็นผีที่ “เหมือนมนุษย์” มากกว่า นักข่าว : หนังเรื่องนี้พูดเรื่องความรู้สึกเศร้าเสียใจเพราะคุณต้องสูญเสียโอกาสไป คุณเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกันนี้บ้างหรือเปล่า ไจ่ไจ๋ : ครับ แต่ว่าตอนนั้นเป็นแฟนสาวของผมครับที่หักหลัง จริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้โดนใจผมมาก ทำให้ผมต้องการที่จะทนุถนอมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ คุณอาจจะสังเกตเห็นว่าผมกลายเป็นคนที่พูดเก่งขึ้น เพราะว่าผมกลัว ว่าหากวันหนึ่งทุกคนเกิดเบื่อผมขึ้นมา ผมยังคงมีอะไรให้พูด มีอะไรให้ทำอยู่ ดังนั้น ผมจึงเอ็นจอยกับการได้เจอกับนักข่าวและแฟนๆทุกครั้ง เรื่องพวกนี้ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่เปิดกว้างมากขึ้น บุคคลิกของผมก็สว่างไสวมากขึ้นด้วย ภาพพจน์ ผู้เชี่ยวชาญเทควันโดจำเป็นสำหรับหนังผู้ชาย นักข่าว :  คุณมีภาพพจน์ของเจ้าชายมาตลอด แล้วคุณอยากจะเล่นหนังแมนๆบ้างรึเปล่า ไจ่ไจ๋ : อันที่จริงแล้ว ผมมีศักยภาพสำหรับหนังแบบนั้นนะ แต่ติดตรงที่ว่าพวกผู้กำกับยังไม่ตระหนักเรื่องนี้ซักทีน่ะสิ (5555......ตอบได้จี้ดีมากไจ๋) นักข่าว : เป็นเพราะคุณผอมเกินไป ยังมีกล้ามไม่โตพอรึเปล่า ไจ่ไจ๋ : ตอนอยู่โรงเรียนประถม ผมก็ได้สายดำเทควันโดแล้วนะ (ขี้โม้อ่ะไจ๋...5555) สำหรับเทควันโด คุณจำเป็นต้องมีร่างกายที่ผอมแล้วก็ยาว จะได้มีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว นักข่าว : แล้วคุณยังเล่นเทควันโดอยู่รึเปล่า แล้วทำไมคุณถึงไม่เคยแสดงให้เห็นในละครเลยล่ะ ไจ่ไจ๋ : จริงๆแล้วผมก็มีฉากต่อสู้ในละครมาแล้วหลายเรื่องนะ คนสอนศิลปะป้องกันตัวทุกคนรู้หมดแหละ แอคชั่นของผมน่ะทั้งเร็วทั้งแหลมคมมาก (5555555.........โอย........แปลอันนี้แล้วขำกลิ้งจนน้ำตาเล็ด......อิไจ๋ทำไมมันถึงได้ขี้โม้อย่างนี้เนี่ย) นักข่าว : แต่ในรักใสใส ในบรรดาเอฟโฟร์ ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สู้กับใครเขาเลยนะ ไจ่ไจ๋ : ถูกแล้ว ตอนนั้นทุกคนคิดว่าผมผอมสูง ผมจะสู้ได้ยังไง ผมถูกตัดสินจากบุคคลิกภายนอกน่ะ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 20:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องเพื่อน เอฟโฟร์ไม่เคยแยกแล้วกลับมารวมกันใหม่ นักข่าว : อัลบั้มเดี่ยวชุดใหม่ของคุณชื่อ “ผมไม่ใช่เอฟโฟร์” คุณไม่อยาก “ผูกติด” กับชื่อนั้นเหรอ ไจ่ไจ๋ : ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราเอฟโฟร์จะมีคอนเสิร์ตในเร็วๆนี้ วงของพวกเราไม่เคยแยกกันไปแล้วกลับมารวมกันใหม่ มันอยู่ตรงนั้นเสมอ นักข่าว : ในตอนนั้น ที่จู่ๆคุณก็ดังมากขึ้นมา ความดังได้นำอะไรมาสู่คุณบ้าง ไจ่ไจ๋ : จริงๆแล้ว ความโด่งดังของพวกเราเกิดขึ้นแบบกระทันหันจนพวกเราไม่ได้เตรียมตัวรับเลย พวกเราได้สร้างปาฎิหาริย์ให้เกิดขึ้นจริงๆ ทำบางสิ่งที่ศิลปินจำนวนมากไม่สามารถทำได้ตลอดชั่วชีวิตของพวกเขา ในตอนนั้น พวกเราเป็นแค่สินค้าชิ้นหนึ่งที่มีความต้องการมากเกินไปเท่านั้น (โอ้.....ตอบได้เจ๋งมากไจ๋...ชอบๆๆ) ไม่มีเวลาที่จะ .ตัวเอง (ป.ล. ตรงที่จุดๆไว้ไม่เข้าใจภาษาปะกิตที่เค้าใช้อ่ะ) เราสามารถทำได้แค่หันไปทางนั้นทีทางนี้ทีเพื่อทำตามความต้องการของทุกคนเท่านั้น นักข่าว : ช่วงนี้คุณกำลังถ่ายละครอยู่หลายเรื่องใช่ไหม ไจ่ไจ๋ : ครับ ผมไม่เหมือนนักแสดงจีนแผ่นดินใหญ่ที่สามารถไปเข้าโรงเรียนการแสดงได้ ผมได้แค่เรียนรู้ด้วยตัวเองเท่านั้น หรือไม่ก็จากผู้อาวุโส ทางเดียวที่จะทำให้ดีขึ้นคือเล่นให้มากขึ้น เรียนรู้ไประหว่างที่ทำงาน นักข่าว : เค้าว่ากันว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเอฟโฟร์ค่อนข้างจะจืดจาง ไจ่ไจ๋ : ไม่มีทาง เป็นเพราะว่าพวกเราต่างยุ่งมากๆด้วยกันทุกคน เราไม่มีเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน แต่เวลาที่เราเจอกันพวกเราจะสนุกสนานแล้วก็พูดคุยกัน ผมคิดว่านั่นคือมิตรภาพที่แท้จริง ผมมักจะพูดขำๆอยู่บ่อยๆว่าพวกเราเป็นหญิงทอผ้ากับชายเลี้ยงวัวที่ได้เจอกันปีละครั้ง (55555.....ฉลาดอีกแระไจ๋) เรื่องรัก ชอบผู้หญิงมีประสบการณ์ นักข่าว : คุณใช้ “หญิงทอผ้ากับชายเลี้ยงวัวมาบรรยายความสัมพันธ์ของคุณกับเอฟโฟร์ แล้วความสัมพันธ์ของคุณกับต้าเอสล่ะ ไจ่ไจ๋ : (ทำหน้าทำตา) แบบว่า........เราไปด้วยกันได้ดีมาก แต่ผมยุ่งมากไปหน่อย ดังนั้น เวลาที่เราจะได้เจอกันก็เลยน้อย นักข่าว : ใน Linger เป็นความสัมพันธ์แบบ “เจี่ยตี้เลี่ยน” (ผู้หญิงแก่กว่าผู้ชาย) เป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่าที่เหมือนคุณกับต้าเอสเลย ไจ่ไจ๋ : ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นเพราะผมอยู่ในวงการบันเทิง มีประสบการณ์มากกว่าแล้วก็ซับซ้อนกว่าคนอื่นๆที่อายุเท่ากัน ดังนั้น ผมจึงโตกว่าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ดังนั้น ผมจึงชอบอยู่กับผู้หญิงที่โตกว่า ผมสามารถพูดได้ว่าผมชอบผู้หญิงที่มีประสบการณ์ชีวิต นักข่าว : ตอนนี้ความสัมพันธ์ของคุณมั่นคง ทำไมถึงไม่มีข่าวเรื่องแต่งงานล่ะ ไจ่ไจ๋ : ตอนอายุ 19 ผมอยากแต่งงานตอนอายุ 25 มาตลอด แต่หลังจากที่อายุ 25 ผมก็ตระหนักได้ว่าการแต่งงานนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด สำหรับผมแล้ว เป้าหมายของการแต่งงานคือการมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วก็มีลูก ไม่งั้นแล้วจะแต่งหรือไม่แต่งก็เหมือนกัน จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 13 ม.ค. 51 20:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ว้าวววววววว....เยี่ยมมากป๊อป.... อ่านไปน้ำตาไหลอ่ะ ทั้งขำ...ทั้งซึ้ง...ทั้งลุ้น..อิอิ น้องไจ๋โตขึ้นมากแล้ว... มีมิติความคิดที่น่าสนใจทีเดียว ส่วนปิงปิงก็...สวยมากกก มองผ่านจอยังสัมผัส "ฟางเตี้ยน" ของเธอได้ แล้วอิไจ๋จะรอดเร้อ...55 ยังไม่จบใช่มั๊ย...รออ่านต่อเด้อ... แต่อย่าดองนานนักนะ...คนสวย...55 จากคุณ : ม่วนไจ๋ - [ 13 ม.ค. 51 21:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ม่วนมานพูดเก่งแต่ทำไม่ไม่ถึงครึ่งดิ 5555 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 07:37:37 จากคุณ : ขนมถ้วย - [ 13 ม.ค. 51 21:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 40 นา...ข้างบนเนี่ย...ด่าตรูใช่มั๊ย...งงอ่ะ...55 แล้ว จขกท. มานหายก้นไปหนายล่ะเนี่ย... จากคุณ : ม่วนไจ๋ - [ 14 ม.ค. 51 01:28:36 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตรูด่าลูกตรูหลังจากพูดพูด............แล้วก็แป้ก 55555 จากคุณ : ขนมถ้วย - [ 14 ม.ค. 51 07:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เอ่อ.........คุณพี่คะ......... ขอเวลาให้คุณน้องใช้ชีวิตส่วนตัวบ้างสิคะ........ จะให้อยู่กับอิไจ๋ตลอด 24 ชม. ทั้งในยามหลับและยามตื่นเลยหรือไร........ ไอ้คำแปลชิ้นข้างบนน่ะจบแล้วค่า....... ส่วนชิ้นต่อไปกำลังจรดมือลงแป้นพิมพ์อยู่........555......... จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 15:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอ test แปะลิงค์โหน่ยย..........อยากรู้ว่าจะโดนลบค.ห.อีกป่าว......... http://www.tudou.com/programs/view/ZyyjWaxELyc/ (2:33 min) จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 21:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โอเช.....ลิงค์ไม่หาย......ถ้าไม่ใช่ youtube เป็นอันว่าแปะได้ใช่มะ...... คำแปลต่อไปนี้มาจากคลิปข้างบน......... เป็นตอนที่ไจ๋กับปิงปิงไปโปรโมทลิงเกอร์ที่กวางโจว.............. งานที่ปิงปิงมีรอยลึกลับที่แถวๆเนินอกน่านแหละ.......5555.......... ขี้เกียจแคปรูป......อัพคลิปเพราะไม่มีเวลา........... กำลังติดพันภารกิจอีกอย่างอยู่............เลยเอารูปงานนี้มาแปะประกอบคำแปลคลิปแทนแล้วกันนะ............. credit English translation : sytwo@Asianfanatics.net-Vic’s thread Thai translation : ป๊อป จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไจ่ไจ๋กับปิงปิงโปรโมทลิงเกอร์ที่กวางโจว พิธีกร : ตอนนี้เรากำลังอยู่ในกวางโจวเพื่อโปรโมทหนังเรื่อง Linger แม้ว่าหนังจะยังไม่เริ่มฉาย แต่ความตื่นเต้นของแฟนๆก็ได้พุ่งปรี๊ดไปเรียบร้อยแล้วเพราะไอดอลของพวกเขา ไจ่ไจ๋กับปิงปิง มาที่นี่เพื่อพบปะกับพวกเขา จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เสียงบรรยาย : หนังเรื่อง Linger โดยบริษัท......มากวางโจวเพื่อโปรโมทภายหลังจากเสร็จสิ้นการเดินสายที่ฮ่องกง ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ดารานำทั้งคู่ ไจ่ไจ๋ กับ ปิงปิง มาปรากฎตัวด้วยกันในการโปรโมทครั้งนี้ ในหนัง ปิงปิงเจอรักสามเส้ากับไจ่ไจ๋ และหวังโย่วหนาน แต่ในชีวิตจริง นักแสดงชายทั้งคู่อายุน้อยกว่าปิงปิง ระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นักข่าวได้ถามว่าปิงปิงยอมรับความสัมพันธ์แบบ “ผู้หญิงแก่กว่าผู้ชาย” หรือเปล่า ทำให้ปิงปิงเขินอายขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินคำถาม จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ปิงปิง : ทั้งคู่อายุน้อยกว่าฉัน ดังนั้น............ฉันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้.... ไจ่ไจ๋ : คุณอายอะไรอ่ะ ปิงปิง : (หัวเราะแบบเขินๆ) พวกเขาทั้งคู่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันรู้แน่แก่ใจว่า ในชีวิตจริง.....แต่ฉันรู้สึกว่าความรัก.....ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ........หน้าฉันร้อนไปหมดแล้ว.......ฉันเขินจัง..... พิธีกร : ทำไมคุณถึงได้เขินจนหน้าแดง หน้าคุณแดงไปหมดเลย ปิงปิง : เพราะว่าจริงๆแล้วฉันกลัวที่จะตอบคำถามเรื่องความรัก แล้วฉันก็พบว่าสื่อในกวางโจวอยากรู้อยากเห็นเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ สำหรับเรื่องนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีอะไรจะมาแชร์กับทุกคนมากนัก หรือไม่มีเรื่องอะไรมาบอกเล่าให้ฟัง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกเขิน จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:31:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เสียงบรรยาย : หลังการแถลงข่าว ทั้งคู่ก็ได้มาพบปะกับแฟนๆหลายร้อยคนอย่างใกล้ชิด พวกแฟนๆมีอารมณ์ร้อนระอุมาก แล้วกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นไอดอลของพวกเค้า มีแฟนสาวคนหนึ่งถึงกับประกาศความรักที่มีต่อไจ่ไจ๋ออกมา แฟน : ฉันชอบคุณมา 6 ปีแล้ว สิ่งที่ฉันอยากจะพูดก็คือ คุณหล่อจริงๆ (เห็นด้วย...55555) ไจ่ไจ๋ : (พูดล้อแฟน) นั่นเค้าเรียกว่าคำถามเหรอ ป.ล. ที่ไจ๋แซวแฟนแบบนี้คงเป็นเพราะในงานเค้ายื่นไมค์ให้คนที่ต้องการถามคำถามไจ๋ แต่แฟนคนนี้กลับพูดประโยคนี้ออกมา.........แทนที่จะถามคำถามเกี่ยวกับหนังหรือกับไจ๋.......... ไจ๋ก็เลยแซวกลับไปแบบนั้น........ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 22:37:20 จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เสียงบรรยาย : ในการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ผู้กำกับตู้ได้ชมเชยไจ่ไจ๋เอาไว้ โดยบอกว่าเขามีศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดในอนาคต ทว่า มีนิสัยบางอย่างที่จำเป็นต้องแก้ไข ไจ่ไจ๋รู้รึเปล่าว่านิสัยที่ว่าคืออะไร ไจ่ไจ๋ : เอ่อ....นิสัยเหรอ.....ไม่ชอบสุงสิงกับใครรึเปล่า การไม่ชอบสุงสิงกับใครเป็นนิสัยเฉพาะตัวของผม....อืมม์.....มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าผมสามารถพัฒนาขึ้นได้ นั่นคือ ความสามารถทางภาษาของผมเอง ยกตัวอย่าง อย่างหนึ่งที่ผมเสียใจก็คือว่าจริงๆแล้วผมอยากจะพากย์เสียงกวางตุ้งของตัวเองในหนังเรื่องนี้ เรามีการพิจารณาเรื่องนี้กัน แต่ผู้กำกับเป็นห่วงว่า หากผมใส่เสียงของตัวเองลงไป ผมอาจจะมีปัญหาในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาในหนัง ผมจึงหวังว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมจะสามารถเรียนรู้วิธีการพูดภาษาจีนกลาง และกวางตุ้งให้ถูกต้องมากขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ต้องทำ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 50 พิธีกร : งั้นก็มาฮ่องกงบ่อยๆสิ ไจ่ไจ๋ : ถูกแล้วครับ ควรจะถ่ายหนังฮ่องกงให้มากขึ้น แล้วก็มีกิจกรรม พบปะกับเพื่อนๆฮ่องกงให้มากขึ้น (หาแฟนจีนดิไจ๋....จะได้ออกเสียงจีนกลางชัดๆ....โดยเฉพาะจีนกลางสำเนียงปักกิ่ง......555555) ไจ่ไจ๋ : เนื่องจากช่วงหลังๆนี้เราต่างยุ่งกับงานมาก ผมเลยอยากจะได้ยินฟีดแบ็คแล้วก็คำแนะนำจากผู้กำกับเรื่องการแสดงของผมมาก ตราบใดที่ผู้กำกับเต็มใจจะบอกผม ผมก็เต็มใจจะฟังแล้วยอมรับครับ จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เสียงบรรยาย : นับตั้งแต่เข้าวงการ ไจ่ไจ๋ก็หว่านเสน่ห์ใส่แฟนๆจำนวนมากด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แต่หนุ่มรูปงามคนนี้ไม่ได้พอใจกับเรื่องนั้น และต้องการแสดงบทบาทอื่นที่ไม่ผูกติดกับภาพลักษณ์นั้นของตัวเอง ไจ่ไจ๋ : ผมอยากแสดงเป็นคนไข้โรคจิต คนที่เป็นโรคจิตเภท ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่าผมรักความรู้สึกที่ได้แสดงมาก ผมรักที่จะเอาตัวเองไปใส่ในชีวิตของตัวละครที่ผมแสดง ชีวิตจริงของผมน่าเบื่อมาก แล้วผมก็รู้สึกว่าการใช้ชีวิตของตัวละครนั้นน่าสนใจกว่า ดังนั้น ผมสามารถที่จะเล่นเป็นตัวละครหลายตัวได้ในหนัง เพราะว่าพวกจิตเภทจะมีหลายบุคคลิก นั่นหมายความว่า ผมสามารถได้เล่น 3-4 บทบาทในหนังเรื่องเดียวเมื่อเทียบกับคนอื่น ผมจะรู้สึกพอใจมาก (อิไจ๋......แกพูดเหมือนพวกโรคจิตเลย.......ช้านกลัวง่า......เพราะเพิ่งดูหนังเรื่องฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนอื่นแล้วไปสวมรอยเป็นคนๆนั้นแทนมาหมาดๆ) จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เสียงบรรยาย : นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ปิงปิงได้ร่วมงานกับผู้กำกับตู้ ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2546 หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ปิงปิงบอกว่าผู้กำกับตู้ไม่เปลี่ยนไปมากนัก และยังไฟแรงอยู่มาก ปิงปิง : ตอนที่ฉันได้พบผู้กำกับตู้อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมา 4 หรือ 3 ปีครึ่ง สิ่งแรกที่ฉันบอกกับท่านคือ “ผู้กำกับ คุณยังหล่อเหมือนเดิมเลย” เพราะว่าในสายตาของฉัน ผู้กำกับตู้เป็นคนที่หล่อเอามากๆ ท่านจะระมัดระวังรูปร่างหน้าตา ผมเผ้า แล้วก็การแต่งกายของท่านมาก ทุกครั้งที่ท่านอยู่ที่กองถ่าย ท่านจะต้องแน่ใจว่าตัวเองสะอาดและประณีต ท่านไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงดูหนุ่ม เต็มไปด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม แล้วก็ยังหลงใหลงานกับภาพยนตร์เป็นอย่างมากด้วย อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าระหว่างถ่ายหนังเรื่องนี้กับผู้กำกับตู้ ฉันได้เพื่อนที่สำคัญมากมาคนหนึ่ง ฉันมีความสุขมากที่ได้กลายมาเป็นเพื่อนกับผู้กำกับ และมีความสุขมากที่ท่านปฏิบัติกับฉันราวกับเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เสียงบรรยาย : หนังของผู้กำกับตู้มักจะมีผู้ชายเป็นตัวเด่น แต่ครั้งนี้ หนังได้สำรวจตรวจสอบความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว แถมตัวนางยังมีบทบาทมากกว่าด้วย ปิงปิงบอกว่าเธอรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณผู้กำกับตู้มาก ในฐานะนักแสดงมือรางวัล ความสามารถของเธอไม่เป็นที่น่าสงสัย แต่คราวนี้ตัวละครที่เธอเล่นมีความซับซ้อนมาก และได้กลายมาเป็นความท้าทายใหญ่หลวงสำหรับปิงปิง จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ปิงปิง : ตอนที่คุณได้รับบทหนัง บทของตัวพระกับตัวนางนั้นมีความคล้ายคลึงกัน เหมือนกับการตกหลุมรัก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรักแรกพบ แต่คุณก็ยังต้องใช้เวลาบ่มเพาะความสัมพันธ์อยู่ดี ฉันมักจะมองดูบทบาทที่ฉันได้รับว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน ฉันต้องการเอาตัวเองเข้าไปในบทนั้น แต่การจะทำแบบนั้นได้ คุณยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 1 หรือวันที่ 2 นี่คือเวลาที่คุณยังคงค้นหาที่ทางของคุณอยู่ เป็นกระบวนการในการตัดสินใจเลือก ฉันต้องการเวลาแบบนั้น เมื่อเวลามากพอ ฉันจะสามารถค้นพบบทบาทนั้นจากภายในตัวฉัน หลังจากนั้น ฉันจะกลายเป็นตัวละครตัวนั้นโดยสิ้นเชิง มันเหมือนกับจิตวิญญาณนั้นเข้ามาครอบงำตัวคุณ วิธีที่ใครคนหนึ่งพูด ทำท่าทำทาง แล้วก็บุคคลิกลักษณะอื่นๆของคุณที่จะกลายมาเป็นแบบเดียวกับตัวละครในหนัง แต่จะไม่ใช่ลักษณะนิสัยส่วนตัวของหลี่ปิงปิงอีกต่อไป (สุดยอดดดดด...........ปิงนี่ฉลาดจริงๆ....ชอบๆ) จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คลิปนี้จบแค่นี้นะ.......... ต้องบอกไว้เดี๋ยวมีใครบางคนมาทวงเหย็งๆอีก.........55555......... ว่าแต่ดูรูปประกอบแล้วเห็นสายตาที่อิไจ๋มองดูปิงปิงแต่ละรูปแล้ว......เฮ้อ........ มันชักยังไงๆอยู่นะเนี่ย.......... จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 14 ม.ค. 51 22:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 56 กรี๊ดดดด ขอบจายหลายๆ น้องป๊อป มาถึงบ้านได้อ่านพอดี.. พี่ว่าคู่นี้ยังไม่ค่อยเอ้าต์จากบทเท่าไหร่ม้าง...55 แล้วคลิปอื่นมีอีกมั๊ย..คนสวย...อิอิ จากคุณ : ม่วนไจ๋ - [ 14 ม.ค. 51 23:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 57 วันนี้คงไม่มีอารมณ์แปลอะไร.......... เลยเอารูปที่เกี่ยวกับลิงเกอร์มาแปะแก้ขัดไปก่อน......... เห็นว่าเป็นรูปที่เพื่อนของปิงปิงซึ่งเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดังของจีนวาดให้........... สวยดีเนอะ.......... จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 15 ม.ค. 51 18:41:04 ]