ขอบคุณๆ borderline มากๆ สำหรับลิงค์
โหลดมาดูไปหลายรอบแล้ว งานนี้จัดได้สมพระเกียรติสมเด็ดอย่างมากเลย
ให้เวลาตั้ง 40 นาที จัสตินก็ถอดใจพูด พร้อมกับมุขแพรวพราว อีตานี่มีพรสวรรค์ทางเอนเตอร์เทนและการแสดงไม่เบา (อย่างที่สมเด็ดเคยชมเอาไว้ว่าบนเวทีนั้นจัสตินเยี่ยมมาก)
จัสตินพูดแนะนำสมเด็ดสองแง่สองง่ามตอดนิดตอดหน่อยเรียกเสียงฮาได้ตลอด
เริ่มด้วยลีลาการพูดอย่างนักประพันธ์ชั้นดีว่า
"มาดอนน่าจะอยู่ในวงการดนตรีได้ไม่เกิน 6 เดือน"
มีเสียงฮือฮาแสดงความไ่ม่เห็นด้วยจากผู้ชมเล็กน้อย แล้วหยอยตวาดเอาว่า "ให้กรูพูดให้จบก่อนสิฟะ"
"มาดอนน่านั้นร้องเพลงไม่เป็น เสียงก็ยังกะมินนี่เม้าส์กลืนก๊าซฮีเลี่ยมเข้าไป....."
แล้วหยอยก็ตบท้ายว่า
"คนที่วิพากษ์นินทามาดอนน่าวันนั้นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ไม่ได้มีโอกาสมาอยู่ในห้องนี้หรอกในวันนี้"
(เสียงคนฮา)
หยอยถามแทนใจคนทั่วไปที่อยากรู้กันนักหนาว่า ได้ร่วมงานกับสมเด็ดแล้วเป็นยังไงบ้าง มาดอนน่าเป็นคนยังไง
เป็นนางซูสีไทเฮา control freak หรือเปล่า? หยอยตอบทันทีว่า อ๋อ...
ใช่เลย มาดอนน่าโคตะระจะ control freak เลยหละ (ฮา)
มีอยู่วันนึงหยอยรู้สึกไม่ค่อยสบาย มาดอนน่าสังเกตเห็นก็ถามหยอยว่า ไม่ค่อยสบายหรือ?
จะฉีด บีทเวลฟ์ (วิตะมินบี 12) มะ?
หยอยก็นึกว่าจะเรียกหมอมาฉีดให้ ไอ้บี12 อะไรเนี่ยมันคงจะดีแหละ ก็ตอบไปทันทีว่า เอาสิ
แต่ที่ไหนได้ มาดอนน่าก็ล้วงเอาหลอดฉีดบี12 ออกมาจากกระเป๋าผู้ช่วย แล้วก็ออกคำสั่งเอา
กับหยอยทันทีว่า "ถอดกางเกงออกซะ" (drop them) ว่าแล้วหยอยก็นอนให้มาดอนน่าฉีดตรูด
เฉยเลย ฉีดไอ้เจ้าบี12 เนี่ยแหละ
พอฉีดเสร็จแล้วมาดอนน่าก็ชมหยอยว่าอะไรไม่รู้ เราฟังไม่ออก แต่เดาว่าคงชมว่าก้นสวยกระชับได้รูปหรือเปล่า? (ท่านผู้รู้โปรดบอกด้วยว่าผิดหรือถูกอย่างไร)
หยอยก็บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของหยอยเชียว (เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ไม่น้อย)
แล้วจากนั้นหยอยก็ชื่นชมมาดอนน่าออกมาจากใจทุกประโยค พร้อมกับสอดมุขสองแง่สองง่ามตลอด
พร้อมกับแกล้งจิกหยอกนังบริ๊ทไปสองดอก ดอกแรกแกล้งเอ่ยถึงการจูบสะท้านโลกันตร์ ที่ลงท้ายแล้วหยอยก็หักมุมเฉไฉไปพูดถึงตอนที่มาดอนน่าจูบกับ ชอน เพ้นท์ แทน แล้วก็พูดถึงว่าเด็กสาวนับไม่ถ้วนที่อยากจะเป็นมาดอนน่า (Madonna Wanna Be)
ในจำนวนนี้ผมก็เคยเดทด้วยสองสามคน (เว้นให้คิดเอาเองว่ารวมนังบริ๊ทเข้าไปด้วย)
แล้วหยอยก็หยอดว่า "แต่ก็มี Madonna แค่หนึ่งเดียวคนนี้เท่านั้น"
มาดอนน่าก็ถอดใจร่ายยาวพูดถึงอดีตของเธอที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่ตกอับอยู่ใน NY
จนเริ่มหัดเล่นกีต้าร์ และได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัด Sire Record กับซีมัวร์ สไตน์ ตอนทีเขายังนอนให้น้ำเกลืออยู่ในเตียงโรงพยาบาลอีกตะหาก (ซีมัวร์นั่งหัวเหม่งยิ้มแป้นอยู่ในงานด้วย ตายยากแฮะ)
เธอไม่ลืมว่ามาถึงทุกวันนี้ได้เพราะใครบ้าง เธอไม่ลืมบุญคุณคน (เยี่ยมมากเพคะสะเด็ดแม่) เธอขอบคุณทุกคนเท่าที่เวลาจะอำนวยให้
เธอแบ่งปันความเก่งและความสามารถให้คนอื่นได้รับไปพร้อมๆ กัน
พร้อมกับร่ายยาวขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ ให้คำแนะนำ คนที่เป็นครูคอยสั่งสอน และคนเบื้องหลังที่สนับสนุนเธอมาตลอด 25 พรรษา
เ่ธอขอบคุณวอร์เนอร์บราเธอร์ ค่ายเพลงที่เธอสังกัดมาตลอด 25 ปี
และแน่นอนเธอขอบคุณซีมัวร์ สไตน์ ที่รับเธอเข้า Sire Record
เธอขอบคุณครูสอนบัลเล่ต์คนแรก (ชื่ออะไรเราก็ลืมไปแล้ว เดวิดๆ อะไรเนี่ยแหละ) ครูคนนี้
บอกว่าเธอต้องเชื่อมั่นในตนเอง เขาบอกว่าเธอเป็นคนที่มีความพิเศษอยู่ในตัว
(มาดอนน่าบอกว่าตอนนั้นเธอยังไม่รู้สึกว่าตัวเองจะมีอะไรพิเศษเลย)
เธอขอบคุณกิ๊กที่สอนกีต้าร์ให้เธอ 4 คอร์ดครั้งแรก ที่เธอเพียรฝึกหัดซ้ำซากอยู่นั่น
เธอขอบคุณหัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอ Liz Rosenberg (สะกดชื่อคงถูกนะ?)
เธอขอบคุณผู้จัดการส่วนตัวในอดีตซึ่งก็คือ Freddy Deman (ก็คนที่เธอเคยอาละวาดใส่ตอนไม่ได้ดังใจในสารคดี
Truth or Dare น่ะแหละ เธอแหวใส่เอาว่า ฟัคยู แน่ะ อย่ามาเถียงกรู)
เธอบอกว่าตอนนั้นถามตัวเองว่า ในวงการเพลงขณะนั้น ใครประสบความสำเร็จที่สุด (ซึ่งผู้จัดการส่วนตัวต้องเก่งฉิบด้วยหละ ไม่งั้นศิลปินคงรวยได้ยาก)
ก็ได้คำตอบว่า "ป้าไมเคิ่ล แจ๊คสัน" ไงล่ะ (มาดอนน่าทำเสียงแหลมๆ เล็กๆ ล้อเลียนป้าไม้ค์ซะด้วย) ว่าแล้วก็เธอก็บินตรงดิ่งไปแอลเอทันที ไปเจรจากับเฟรดดี้
แ้ล้วเฟรดดี้ก็ขับรถพอร์ชมาส่งเธอถึงโรงแรม ถึงตอนนั้นเฟรดดี้ก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของมาดอนน่าซะแล้ว
(ตอนนี้เรียกเสียงฮาจากผู้ชม เพราะการงาบผู้จัดการป้าไมค์มาครอบครองแบบด่วนได้มันแสดงถึงตัวตนของมาดอนน่าได้เป็นอย่างดีว่านังนี่เป็นนักธุรกิจตัวแสบ)
แล้วระหว่างที่ได้อยู่กับเฟรดดี้มา 15 ปี เธอก็ได้รู้จักกับหนุ่มยิวอัจฉริยะอายุ 18 ที่กระตือรือร้น มีพลังเหลือเฟือ
มีไฟที่ล้นเหลือ มีมันสมองที่ยอดเยี่ยม นิยมไขว่คว้าหาความรู้ใหม่ๆ และเป็นคนที่ให้กำลังใจเธอตลอด เขาเน้นย้ำบอกเธอแทบทุกวันว่าเธออยากจะเป็นอะไรจะฝันอะไรก็เป็นจริงได้ทั้งนั้น
เขาคนนี้คือผู้จัดการส่วนตัวในปัจจุบัน (ซึ่งมายืนยิ้มให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เวทีด้วย) ก็นาย กาย โอเซียรี่ ไงล่ะ เธอขอบคุณเขาด้วยใจ
แล้วเธอก็ขอบคุณนักแต่งเพลงและโปรดิวเซ่อร์ที่เคยร่วมงานกับเธอทุกคน เธอเอ่ยถึงเขาเหล่านั้นด้วยคำสุภาพว่า "พวกมาเธ่อร์ฟัคเกอร์ส" ทั้งหลาย
รวมถึง นายหยอยจัสติน ทิมเบอร์เลค ที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วย เธอบอกว่าพวกเขานั้น
อะเมซซิ่งมาก เธอซาบซึ้งและจะลืมเขาเหล่านี้ไม่ได้เลย
เธอขอบคุณแม้กระทั่งคนที่นินทาว่าร้าย (กล้องจับไปที่หน้าทอม แฮ้งค์ ที่มาร่วมงานด้วย เขานั่งยิ้มชื่นชมมาดอนน่าจนออกนอกหน้าเชียว) ว่าเธอนั้นร้องเพลงไม่เป็น อ้วนเตี้ยม่อต้อ ไร้ความสามารถ และจะได้เป็นแค่ดาราคืนเดียว ดังแค่วูบเดียวก็ดับ
เธอบอกว่าคนพวกนี้ก็เป็นพลังให้เธอพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป
และสุดท้ายเธอก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่อยู่กับเธอเหนียวแน่นมาตลอด ไม่ว่าจะช่วงร้ายหรือดี
ซึ่งเธอก็ออกตัวว่า ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงร้ายๆ มากกว่า (ฮา)
งานนี้จัดได้สมเกียรติทุกๆ ประการ ทั้งสปีชของหยอยและสมเด็ดนั้น ซาบซึ้งกินใจ และออกมาจากใจจริงๆ ไม่มีเสแสร้ง ทั้งๆ ที่ยาวเหยียด ดูแล้วดูอีกก็ไม่เบื่อ
ที่แปลนี่ก็แปลจากความทรงจำที่ได้ดูไป 3 เที่ยวเมื่อคืนนี้ ไม่ได้ถอดคำต่อคำ ถ้าไม่ถูกใจไม่ถูกต้องก็ขออภัยทุกท่าน (ถ้าผิดก็โปรดชี้แนะด้วย)
อยากได้ไฟล์วีดีโอนี้เป็นต้นฉบับ HQ เต็มๆ มาเก็บไว้ดูนานๆ
ขอบคุณๆ borderline มากๆ
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 18:50:14
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 18:43:58
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 18:39:46
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 11:37:15
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 10:07:58
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 10:04:13