Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ตัวเราคือ ดอน กิโฮเต !

    เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่การซ้อมละครลามานชายังเต็มไปด้วยความระส่ำระสายทั้งที่ใกล้ถึงกำหนดออกโรงเต็มทีแล้ว
    ศรัณย์ ทองปาน ผู้แสดงเป็นพระ ถามผมว่าที่ผมเคยบอกไว้ก่อนหน้านั้นว่า ดูแค่บทก็แน่ใจแล้วว่าละครเรื่องนี้ต้องเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมแน่ๆ นั้น ผมยังแน่ใจอยู่หรือ ผมตอบว่าแน่นอน แม้หากโปรดักชันจะเหลวเป๋วแค่ไหนก็ตามแต่ เนื้อเรื่องแบบนี้มันประโลมโลกย์โดนใจคนไทยเต็มๆ แน่
    และผมบอกว่าผมกังวลด้วยว่า อิทธิพลของละครเรื่องนี้ อาจทำให้มีวัยรุ่นที่กำลังเครียดอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ตัดสินใจอะไรผิดๆ ไป
    แต่ปรากฏว่า ยี่สิบปีผ่านไป กลับมีผู้ชมในคราวนั้นหลายคนเล่าว่า ละครเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขากล้าเลือกทางชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ แล้วก็พบว่าเลือกทางถูก
    แต่ผมก็ว่าพวกที่พบว่าเลือกทางนี้ผิดอาจจะมีมากกว่าก็ได้ และถึงในหมู่พวกที่บอกว่าเลือกถูกก็เถอะ ลึกๆ อาจจะรู้สึกว่าเลือกผิดก็ได้ ( หรือไม่ก็มาพบว่าตนกลายเป็นมาโซคิสท์ไปแล้ว เลยเป็นอันว่าเลือกถูก )

    ตอนจับบทละครเรื่องนี้เมื่อคราวนั้น ผมก็คิดตีความว่าพฤติกรรมแบบกิโฮเตนี่ เปรียบเทียบได้กับอะไร
    แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องของผู้กล้าลุกขึ้นมาสู้อธรรม เพราะเขาสู้ได้ด้วยวิธีร่วมสมัย แต่การสวมเกราะโบราณออกไปสู้กังหันลมและต่างๆ นานานั้น มันเป็นเหมือนการสำเร็จความใคร่กับโปสเตอร์ดาราแท้ๆ
    ผมคิดได้อย่างเดียวว่า ดอน กิโฮเต ก็คือนักวิทยาศาสตร์ (ที่พระพุทธเจ้าถือว่าเป็นพวกเดียรัจฉานวิชชา คือนำพาไปในแนวระนาบเดิม ไม่ยกระดับ คือไม่นำไปสู่การตื่น(พุทธ)ขึ้นจากมายา) เพราะความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้นถมไม่มีวันเต็ม รู้มากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งพบเรื่องที่ยังไม่รู้มากขึ้นเท่านั้น(หรือกว่านั้น) แต่คนขี้สงสัยก็ไม่หยุดกระหายใคร่รู้ และอุทิศชีวิตให้กับการเดินทางที่ไม่มีวันถึงจุดหมายนั้น
    ดังนั้น แมนออฟลามานชา จึงเป็นละครเชิดชูนักวิทยาศาสตร์โดยแท้ !

    ยี่สิบปีผ่านไป วันนี้ผมเป็นหนึ่งในทีมวิจัยภาวะไร้น้ำหนักของนาซา ไม่ใช่ครับ ผมว่างงาน มานั่งดูละครเรื่องนี้ด้วยตั๋วฟรี
    ระหว่างดู นึกขึ้นได้ว่า ดอน กิโฮเต เปรียบเทียบได้กับอะไรอีกอย่างหนึ่ง
    นั่นคือภาพของคนที่เรานึกว่าตัวเองเป็น คนจำนวนมากเป็น ดอน กิโฮเต คือคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันมีคุณสมบัติอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันเห็นความอยุติธรรมแล้วตัวสั่น (ที่จริงเพราะฉันขี้อิจฉา) ฉันเป็นกบฏ ( ที่จริงเพราะฉันไม่มีปัญญาจะเป็นอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกันได้) ฉันมีอุดมคติ (ความจริงฉันอีคิวต่ำ) อะไรทำนองนี้
    ซึ่งลึกๆ แล้วเราก็อาจรู้ตัว ว่ามันเป็นภาพปรุงแต่ง แต่ครั้นจะกำจัดมันเสีย ความจริงมันก็เสียดทานความรู้สึกเกินไป และไอ้มายาภาพนี้ เราก็ได้ใช้มันเป็นน้ำหล่อลื่นชีวิตให้มันมีชีวาอยู่ได้
    (ไม่งั้นล่ะก็ คนเราคงเผชิญความจริงกันจนพากันถึงนิพานภายในวัยไม่เกิน 30-40 กันเป็นแน่)

    ผมคิดว่า ผมนึกอย่างนี้ขึ้นได้คงเพราะการตีบทของพระ ที่แสดงโดยศรัณย์ ทองปานอีกครั้ง เป็นตัวเดียวที่ใช้นักแสดงคนเดิม และ(เข้าใจว่า)เป็นตัวเดียวที่ถูกตีความต่างไปจากเดิม(อย่างมีนัยยะ) คืออันเดิมนั้น พระเข้าข้างกิฆานาเต็มที่ แต่คราวนี้ พระมีความเข้าใจ เห็นใจ แต่ก็เจ็บปวด สังเวชใจ ในความเป็นไปของกิฆานา

    จากคุณ : อ.ทร. - [ 18 มิ.ย. 51 05:58:03 A:58.10.93.110 X: TicketID:056192 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom