Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    Heifetz As I Knew Him (3)

    บทที่ 5 และ 6

    พอดีว่าบทที่ 5 ค่อนข้างสั้น และเรื่องส่วนใหญ่ คนเขียนเค้าบรรยายถึงบ้านของเธอที่อินโดนีเซียค่อนข้างละเอียด และหลายเรื่องไม่เกี่ยวกับดนตรีเท่าไหร่ ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าพอสังเขป ดังนั้น เดี๋ยวเล่าควบต่อกันไป 2 บทเลยแล้วกันนะคะ

    ---------------------------------------------------------------------------------


    Heifetz เป็นคนที่จำกัดเรื่องที่ใครจะคุยกับเขา แต่ตัวเขากลับอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นไปซะหมด

    เขามีมุมนั่งเล่น ซึ่งเป็นโต๊ะไม้ไผ่ มีทีวีวางอยู่พร้อมเก้าอี้ ซึ่งเขาชอบมานั่งคุยกับแขก และเมื่อถึงตอนที่ทุกคนบังเอิญเงียบพร้อมๆกัน เขาจะบอกใครก็ได้ซักคนช่วยพูดอะไรหน่อย ไม่ก็พูดติดตลกว่า นี่มันเงียบไป 20 นาทีแล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่า


    แต่ด้วยความที่ Heifetzใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนเวทีมากเกินไป ทำให้เขามักทนไม่ได้ถ้าเห็นใครเป็นจุดสนใจนานๆ หรือมีคนเล่าเรื่องยาวๆ เขาจะบ่นว่า “เล่าสั้นๆหน่อย มันยาวไปแล้ว”

    ดังนั้น เขาจะเป็นผู้คุมเวทีในการสนธนาเสมอ

    เมื่อไหร่ที่มีการคุยถึงเรื่องที่เขาไม่ชอบหรือไม่สนใจ เขาจะแกล้งทำโน่นนี่, ลุกไปจุดไฟ, หรือมองไปทางอื่น เพื่อให้มีการพูดคุยเฉพาะเรื่องที่เขาสนใจเท่านั้น แต่หากคนคุยด้วยเป็นคนต่างชาติ เขาคอยจับสำเนียงและการออกเสียงต่างๆเสมอ แต่ถ้าคนที่เล่าเรื่องเป็นผู้หญิง เขาจะไม่ค่อยชอบด้วยเหตุผลที่ว่า “ผู้หญิงพูดมากเกินไป” หยอกเย้า


    ในระหว่าง 15 ปี ที่ฉันได้คลุกคลีกับ Heifetz เราได้มีโอกาสเล่าเรื่องต่างๆแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะได้คุยกันในคืนฝนตก เมื่อเราติดอยู่ที่บ้านพักชายทะเลที่ Malibu หรือไม่ก็ ช่วงบ่ายในฤดูร้อนใต้ร่มชายหาด


    แต่ที่สำคัญคือ เขาชอบฟังเรื่องของฉัน เฉพาะตอนเวลาที่เราอยู่กัน 2 คน เพราะเขารู้สึกว่ากำลังเป็นเจ้าของฉันผ่านเรื่องที่ฉันเล่า โดยไม่ต้องแบ่งให้ใคร และที่สำคัญคือ เขามักจะเล่าเรื่องของเขาสลับกับเรื่องของฉันว่าในช่วงเวลาของเรื่องที่ฉันเล่านั้น ทางฝั่งเขาเป็นอย่างไร

    แล้วก็มีบ่อยๆ ที่เขามักจะต่อว่า หาว่าฉันเล่าเรื่องโกหก เขาอยากจะฟังแต่เรื่องจริงเท่านั้น แต่ฉันเองก็ไม่ถือโทษโกรธเขาหรอก  เพราะเรื่องราวชีวิตอันแปลกประหลาดที่อินโดนีเซียของฉัน มันฟังดูไม่น่าเชื่ออยู่แล้วในสายตาของชาวตะวันตก ดังนั้นจึงแทบไม่มีครั้งใดเลย ที่ฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างผ่านไปได้ง่ายดายโดยไม่มีการขัดคอจากเขา

    “ แต่เมื่อตอนที่ฉันอายุเท่าเธอ”  หรือไม่ก็  “ ในสมัยที่ฉันไปเมืองนั้น”

    หลังจาก 2 ประโยคนี้ Heifetz ก็จะเล่ารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของเขา ซึ่งหลายเรื่องฉันเคยถามเขาตรงๆแต่เขากลับไม่ยอมเล่าให้ฟัง

    ชีวิตของเรา 2 คน มีทั้งส่วนที่คล้าย และส่วนที่แตกต่าง Heifetz เกิดในรัสเซียช่วงที่ ซาร์ล่มสลาย และกำลังอยู่ในช่วงปฏิวัติคอมมิวนิสต์ ส่วนฉันเอง ก็เกิดในช่วงที่อินโดนีเซียประกาศตนเป็นเอกราชจากชาวดัทซ์เช่นกัน เราทั้ง 2 คน ต่างเกิดในช่วงเวลาที่กดดันและเต็มไปด้วยการแข่งขัน
    ชีวิตในวัยเด็กของ Heifetz ต้องเติบโตมาในชุมชนแออัดของชาวยิว ที่รัฐบาลรัสเซียจัดสรรไว้ให้ ส่วนฉันก็เป็นชาวจีนส่วนน้อยในอินโดนีเซีย ซึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัว


    Heifetz สนใจที่จะฟังเรื่องของ อินโดนีเซียจากฉัน เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศของฉันเท่าไหร่ เพราะเค้าใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงแรมหรูๆซะส่วนใหญ่ ดังนั้น เรื่องของบ้านเกิดของฉัน จึงมักทำให้เขาประหลาดใจ หรือเห็นเป็นเรื่องตลกๆอยู่เสมอ


    และนี่คือเรื่องที่ฉันเล่าให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ แล้วฉันจะบอกว่าเขาเล่าอะไรกลับมาให้ฉันมั่ง

    __________________________________________________

    Heifetz กับ ภรรยา ที่ชายหาด Malibu

    แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 52 23:59:03

     
     

    จากคุณ : Vitamin_C - [ 28 ก.พ. 52 23:58:26 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com