ความคิดเห็นที่ 2
มีสัญลักษณ์เกี่ยวกับบ็อบ มาเลย์ อีกมากมายเกินจะนับ แต่สำคัญเหนืออื่นใดคือลมหายใจแห่งดนตรีเร็กเก้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้การปฏิวัติเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเมื่อราวปลายทศวรรษ 1960 จะกลายเป็นอดีตและดำรงอยู่ในฐานะ บทบันทึกแห่งประวัติศาสตร์ แต่บทเพลงของบ็อบที่ร่วมยืนหยัดเรียกร้องสันติภาพและภราดรภาพในครานั้น ยังคงโลดแล่นขับกล่อมผู้คนทั่วโลกตราบจนวันนี้ เพลง No Womam No Cry ที่บ็อบส่งน้ำเสียงของอดีตเด็กสลัมแห่งย่านเทรนช์ทาวน์ซึมซาบเข้าสู่หัวใจคนฟัง คล้ายจะเป็นเพลงชาติของสาวกเร็กเก้หลายล้านชีวิต ไม่ต่างจาก Redemtion Song, Get Up Stand Up และแทบทุกบทเพลงของบ็อบกับผองเพื่อน เดอะ เวลเลอร์ส ที่กาลเวลาไม่อาจลดทอน หรือทำลายมนต์เสน่ห์ใดๆ ให้ด้อยลง *การกำเนิดขึ้นของเร็กเก้-สกา ในหน้าประวัติศาสตร์ของดนตรีพื้นเมืองจาเมกาอย่าง เร็กเก้ ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าบ็อบ มาเลย์ คือตำนานผู้ปลุกให้ชาวอเมริกันและคนทั้งโลกหันมาฟังพวกเขา แต่ก่อนการมาถึงของบ็อบ ก่อนการกำเนิดของเร็กเก้ รากที่แท้จริงนั้นยึดโยงอยู่กับจังหวะดนตรีที่ดิบกว่า สดกว่า เร้าอารมณ์ได้อย่างรุนแรง ทรงพลังและ...ซื่อตรงยิ่งกว่า จังหวะดนตรีดังกล่าว มีชื่อเรียกว่า สกา (SKA) ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 หากถามว่าชาวสลัมทั้งในย่านเทรนช์ทาวน์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของบ็อบ และแหล่งสลัมอื่นๆ ในประเทศยากจนอย่างจาเมกาเมื่อราวทศวรรษ 1960 รับฟังเพลงจากสถานีตามคลื่นวิทยุต่างๆ ด้วยวิธีไหน
คำตอบที่มีการบันทึกไว้ทำให้เราเห็นถึงวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของพวกเขาที่เพียงแค่ต้องการเสียงดนตรีเพื่อความสนุกสนาน ความสุนทรีและความรื่นรมย์ของชีวิต พวกเขาใช้เพียงรถแวนหรือรถบรรทุกบรรจุแผ่นเสียงจำนวนมากทั้งจากฝั่งอเมริกาและจาเมกา พร้อมด้วยสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือเครื่องเสียงสเตอริโอทันสมัย เพียงเท่านี้ รถดนตรี ก็ตระเวนจัดงานเต้นรำในสถานที่ต่างๆ ตามสลัมเหล่านั้นได้อย่างไม่ยากเย็น
จากคุณ :
neobkk
- [
6 มี.ค. 52 13:09:53
]
|
|
|