ความคิดเห็นที่ 1 ตามมานั่ง o_O' อยู่ที่ แห-ลม จากคุณ : สาระหามีไม่ (Learn To Be Lonely) - [ 21 เม.ย. 52 19:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ห้องสมุดมีกระทู้น่าสนใจ (อีกแล้ว) ครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7775082/K7775082.html ................................................................................................. ผมบ้าใบ้ตั้งนาน กับหนังสือเล่มนี้ เคยเห็นภาพ แต่ไม่ได้สนใจ จนเมื่อวานได้ฟังเพลง I dreamed a dream จึ่งสืบสาวต่อไป และพอทราบว่าเป็นละครเพลง ที่คลาสสิกพอสมควร จึงอยากทำความรู้จักเพิ่มเติมกับ Les Miserables ครับ คุณพี่มักเกิ้ล ผู้ชาญการเพลงละคร เพลงหนัง และท่านๆทั้งหลาย พอจะมีคอมเมนต์ไหมครับ จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 19:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 susan boyle - i dreamed a dream --- YOUTUBE.COM - 36,438,950 views MARVELLOUS!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : HARD BOYLE 666 - [ 21 เม.ย. 52 19:52:02 A:10.100.1.5 X:58.10.167.18 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ประกาศ จากคณะค.ม.ช. (คณะคลาสสิกผู้มีชีวิตชีวา) เนื่องจากเราได้กระทำการสำรวจรายนาม ท่านที่ได้กรุณาเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยน ณ ห้องคลาสสิก ในช่วงที่ผ่านมา ตามปรากฏดั่งนี้... 1. :-) 2.1812Overtureyoot 3.A Muggle 4.BlueWhiteRed 5.breaka 6.Cherokee1 7.davebartus 8.Disapon 9.ErShiYi 10.Genzo 11.Horrible Member 12.HotChoc 13.jassb1 14.Learn To Be Lonely 15.like 16.Mr.Tea 17.penwin 18.Panthera 19.RAKANG 20.sitt666 21.shallow sea 22.short ride in a fast machine 23.St@rGazer 24.TAN2527 25.Vitamin_C 26.Younger Pat 27.โคอาล่าบ้องแบ๊ว 28.ชายลังเล 29.ซัวเถาบอย 30.<เซ็นเซอร์> 31.ติ๊ด 32.<โหน่ง> 33.อี้จับซา 34.Rarm41 35.ing_ab 36.musicman (Kiat_Su) ########################################### หากท่านเห็นข้อความนี้ กรุณาแสดงตนด้วย เพราะคิดถึงมาก สวัสดี ด้วยความคิดถึงยิ่ง โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความคิดถึงยิ่ง ค.ม.ช. (คณะคลาสสิกผู้มีชีวิตชีวา) หมายเหตุ - รายชื่อมีการตกหล่นเนื่องจากมิได้สำรวจอย่างถ้วนถี่ ขอให้ช่วยกันแจ้งรายนามที่ขาดหายไปด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง ############################################## แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 20:13:30 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 20:11:52 จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 19:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ภาคที่ 13 -----------ความเห็นที่ 145 กาเหว่าที่บางเพลง --------- ศรัณยู วงศ์กระจ่าง, หัทยา เกษสังข์ copy มาจาก Village of the Damned -----christopher reeve ---เรื่องนี้เคยฉายที่เมืองไทยด้วยนะ จากคุณ : sitt666 - [ 21 เม.ย. 52 20:24:46 A:10.100.1.5 X:58.10.167.18 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกติดลบแฮะ คุณชาย K. ... มีอะไรพอหักล้างให้เป็นสมดุลบ้าง ไม่นับงานที่แกไป "ยืม" โครงเรื่องชาวบ้านเขามาอะ หุหุ จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 20:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แม่พลอย.................ไงจ๊ะ แต่ ส. ศิวรักษ์ก็อ้างอีกว่า kukrit เขียน 4 แผ่นดิน โดยเอาข้อมูลมาจาก--เชื้อพระวงศ์สตรี --ท่านหนึ่ง ( ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ) โดยไม่ได้ให้ credit สตรีท่านนั้นเลย จากคุณ : แม่ช้อย 666 - [ 21 เม.ย. 52 20:48:45 A:10.100.1.5 X:58.10.167.18 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 8 to คุณสิทธิ ฉบับภาษาอังกฤษ ได้ดูเหมือนกันค่ะ แต่มาดูตอนโตแล้ว แต่ของฝรั่งไม่ได้ต่อมน้ำตาแตกอ่ะค่ะ แปลกใจเหมือนกัน สงสัยเราเป็นผู้ใหญ่แ้ล้ว ตอนดูฉบับภาษาไทยนั้น เรียน ม.ต้นอยู่เลยค่ะ ออกมาน้ำตาท่วม แต่จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นร้องไห้ทำไม จากคุณ : Vitamin_C - [ 21 เม.ย. 52 21:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณจ๊าบครับ "Les Miserables" นี่ผมไม่เคยดูภาคละครเลยครับ ว่าจะหาดีวีดีมาดูก็ไม่มีโอกาสซะที แต่ภาคหนังนี่ผมดูมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว รวมทั้งภาคของฮอลลีวู้ดของปี 1952 และ ปี 1998 ที่มี Liam Neeson เล่น ชอบเพลงจากละครมากเหมือนกันครับ แต่คิดว่าภาคที่ดีสุด (สร้างได้ใกล้เคียงกับหนังสือที่สุด) คือภาคของปี 1934 ครับ เป็นหนังขาวดำ ของผู้กำกับชาวฝรั่งเศสชื่อ Raymond Bernard ยาว 281 นาที "Les Miserables" นี่ผมยกให้ป็นหนึ่งในวรรณกรรมโลกที่ยาวเกิน 1,000 หน้าที่นักอ่าน ทุกท่านควรได้สัมผัสอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิตครับ มีเป็น e-book ภาคอังกฤษให้ d/l อ่านฟรีกันด้วย http://www.gutenberg.org/etext/135 (เป็นสำนวนแปลของ Isabel F. Hapgood) "Village of the Damned" เคยสร้างเป็นหนังเมื่อปี 1960 มาก่อนด้วยครับ เรื่องนี้สร้างจาก นิยาย sci-fi "The Midwich Cuckoos" ของ John Wyndham (1903 - 1969) ยุคนั้นเขาดังมากเลยครับ เดี๋ยวนี้หนังสือของเขาแทบไม่มีใครรู้จักแล้ว อีกเรื่องที่คุณชาย K. เอาโครงเรื่องฝรั่งมาคือ "หลายชีวิต" โครงเรื่องมาจากนิยายคลาสสิก "The Bridge of San Luis Rey" ของ Thornton Wilder จากคุณ : A Muggle - [ 21 เม.ย. 52 21:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "แต่คิดว่าภาคที่ดีสุด (สร้างได้ใกล้เคียงกับหนังสือที่สุด) คือภาคของปี 1934" โอ้ ... เก่ากึ้ก มากๆ ... พอๆกะ คลาซาบลังก้า เลยมังนั่นครับ ^^ จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 21:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สรุป คุณชายK. นำ "The Bridge of San Luis Rey" มาทำ "หลายชีวิต" นำ "The Midwich Cuckoos" มาทำ "กาเหว่าที่บางเพลง" และนำ "The Little World of Don Camillo" มาทำไผ่แดง แหม ... แซบนัว และจิตคารวะแด่ "สี่แผ่นดิน" โดยแท้ จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 21:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "Les Miserables" นี่ผมยกให้ป็นหนึ่งในวรรณกรรมโลกที่ยาวเกิน 1,000 หน้า ที่นักอ่านทุกท่านควรได้สัมผัสอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิตครับ .............................................................................................. แสดงว่า ... "ต้องมีมากกว่านี้" ...อย่ารอช้า ถ้าเวลาท่านอำนวย จงชี้แจงแถลงไขมาเถิด ข้าพเจ้าจะไปตามอ่านโดยพลัน (ถ้าหาเจอ) จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 21:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โอ๊ะ...ดีจริง เก่าจนเป็นสมบัติของโลกไปซะแล้ว แต่จริงๆชอบเป็นหนังสือมากกว่า อ่านหนังสือในจอคอมพ์นานๆ สมาธิกับสายตามันไม่ค่อยไหว แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 22:22:29 จากคุณ : Vitamin_C - [ 21 เม.ย. 52 22:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นอกจาก the miserable แล้ว งานชิ้นเอกอีกชิ้นของ victor hugo ก็คือ the Hunchback of Notre Dame disney เอามาดัดแปลงเป็น animation ---------------------------------------------- ในนิยาย--------------------ตายเกลี้ยง ใน animation ------------happy ending --------------------------------------------- มีคนใจดีเอามา post ให้ดู---ทั้งเรื่อง youtube.com ----------- 9 part จากคุณ : hugo reyes 666 - [ 21 เม.ย. 52 22:23:16 A:124.120.189.52 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Dear Mr. จ๊าบ หนังสือดีในโลกนี้มีแยะมาก ตายแล้วเกิดอีกสิบชาติก็อ่านไม่หมด ตอนผมเริ่มอ่านนิยายคลาสสิกใหม่ ๆ เคยคิดว่าก่อนตาย ต้องอ่านพวกนี้ให้หมด แต่เดี๋ยวนี้เลิกคิดแล้วครับ นิยายคลาสสิกยาว ๆ ที่ผมยกขึ้นแท่นก็มี 1. "War and Peace" - Leo Tolstoy 2. "Anna Karenina" - Leo Tolstoy 3. "The Brothers Karamasov" - Fyodor Dostoevsky 3. "Don Quixote" - Miguel de Cervantes 4. "Les Miserables" - Victor Hugo 6. "The Count of Monte Cristo" -  Alexandre Dumas ทุกเรื่อง ยกเว้น "The Count of Monte Cristo" (เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่ามีภาคไทยภาคสมบูรณ์หรือเปล่า) มีแปลเป็นไทยหมดแล้วครับ บางเล่มเกินหนึ่ง version ด้วย  ส่วนภาค e-book d/l ฟรีได้จากเว็บ Gutenberg ครับ http://www.gutenberg.org/wiki/Main_Page จากคุณ : A Muggle - [ 21 เม.ย. 52 22:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 1. "War and Peace" - Leo Tolstoy - - - - - ผ่าน (ไปอย่างสาหัส สะบัก สะบอม) 2. "Anna Karenina" - Leo Tolstoy - - - - - ยัง 3. "The Brothers Karamasov" - Fyodor Dostoevsky - - - - - ยัง 3. "Don Quixote" - Miguel de Cervantes - - - - - ผ่าน (อย่างสนุกสาน) 4. "Les Miserables" - Victor Hugo - - -- - ยัง 6. "The Count of Monte Cristo" -  Alexandre Dumas - - -- -  ยัง จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 22:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 to muggle นิยายข้างต้น-----คุณอ่านหมดเลยหรือครับ แจ๋วจริง-------นับถือ จากคุณ : sancho pancha 666 - [ 21 เม.ย. 52 22:39:21 A:124.120.189.52 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เบอร์ 6 นี่ เคยทำเป็นหนังด้วยนิ หรือเปล่าคะ? แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 22:49:18 จากคุณ : Vitamin_C - [ 21 เม.ย. 52 22:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 no. 6 james caviezel เล่นเป็นพระเอก --- mel gibson ประทับใจเขามาก เลยให้เขาเล่นเป็น jesus christ ใน the passion of the chirst จากคุณ : judas 666 - [ 21 เม.ย. 52 22:53:25 A:124.120.189.52 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แฮ่ๆๆ เคยดูๆๆ สนุกดี แต่งตัวสวย เคยดูฉบับการตูนด้วยหล่ะค่ะ แต่วาดไม่สวย เลยดูไม่จบ (รู้จักอยู่เรื่องเดียวโม้ไม่หยุดเลย ) จากคุณ : Vitamin_C - [ 21 เม.ย. 52 23:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ sancho pancha 666 ครับ ผมอ่านหมดเลยครับ(ภาคอังกฤษ) บางเรื่องอ่านเกินหนึ่งรอบด้วย (คนละสำนวนแปล) หนังสือยาวอีกเล่มที่พยายามอ่าน แต่พิชิตไม่ลง คือ "Remembrance of Things Past" ของ Marcel Proust ทนประโยคและ paragraph ที่ยาวเป็นหน้า ๆ ไม่ได้ แต่ตั้งใจไว้ว่า ก่อนจากโลกนี้ไป ต้องผ่านด่านนี้ให้ได้ "The Count of Monte Cristo" นี่ถูกสร้างเป็นหนังหลายหนมาก ผมพยายามตามดูหมด ไม่สะใจสักที คือหนังสือมันยาวมาก รายละเอียดและตัวละครแยะ หนังสร้างอย่างไง ก็ไม่สามารถเก็บรายละเอียด ตามหนังสือได้ทุกตอน เป็นหนังสือแนว bestseller ของสมัยก่อนที่สุดยอด ... การเขียนของยุคโน้นไม่ใช่ dialogue driven เหมือนอย่างนิยาย bestseller สมัยนี้ เริ่มอ่านแล้ววางไม่ลงจริง ๆ ครับ (ผมอ่านแบบหามรุ่งหามค่ำประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจบเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ให้ทำแบบนี้อีกคงทำไม่ได้แล้วครับ) มีนักวิจารณ์ท่านหนึ่งเคยเขียนว่า ถ้าหากผู้ที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ทุกคนจะสละเงินแค่คนละหนึ่งสตางค์ คงจะ รวบรวมเงินพอที่สร้างรูปปั้นของ Dumas ด้วยทองคำแท้ขนาดเท่าตัวจริงได้เลย ซึ่งผมคิดว่าเป็นคำชมเชยที่ประเสริฐมาก จากคุณ : A Muggle - [ 21 เม.ย. 52 23:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แต่ Don Quixote ของสเตร๊าส์ ทำผมเมาหมัดมาจนกระทั่งบัดกระเดี๋ยวนี้ จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 23:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 my top hat is off to you "Remembrance of Things Past" ของ Marcel Proust -----------ได้ยินมานานแล้วครับว่า--โคตรยาก จากคุณ : the 666 musketeers - [ 21 เม.ย. 52 23:30:42 A:124.120.189.52 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 24 "The Count of Monte Cristo" -  Alexandre Dumas เล่มนี้ไม่รู้จักครับ เกี่ยวกับอะไรหรอครับ จากคุณ : ErShiYi - [ 21 เม.ย. 52 23:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พักฟังเพลงข้างทางกันนะจ๊ะ ดอนกิโฆเต้ ... ฉบับสเตร๊าส์ จากคุณ : jassb1 - [ 21 เม.ย. 52 23:42:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ ErShiYi ครับ "The Count of Monte Cristo" เป็นสุดยอดของนิยายล้างแค้นครับ เริ่มเรื่อง พระเอก Edmond Dantes อายุยังไม่ถึง 20 ดี มีอนาคตไปไกล มีแฟนสวยชื่อ Mercedes ถูกใส่ร้ายจากศัตรู 3 คน ชื่อ Fernandes Danglars และ Villefort คนแรกใส่ร้ายเขาก็เพราะอยากแย่งสาว Mercedes ... Danglars ทำไปก็เพราะอิจฉา Edmond ที่เขาได้เลื่อนยศเป็นกัปตันเรือสินค้า ข้ามหน้าเขาไป ... Villefort เป็น Magistrate ที่ไม่รู้จักเขามาก่อน แต่ตัดสินลงโทษเขาก็เพราะ หวังเป็นใหญ่ และเพื่อปกป้องบิดากับชื่อเสียงของตระกูล Edmond ถูกจับเข้าคุก Chateau d'If  ซึ่งอยู่เกาะเล็ก ๆ เป็นการกักขังแบบโลกลืม ไม่มีโอกาสได้รับอิสระภาพ ... ในคุก เขาเจอหลวงพ่อ Faria ซึ่งถูกขังด้วยเหตุผลทางการเมือง หลวงพ่อ Faria ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่าง ๆ ให้กับ Edmond และบอกแหล่งขุมทรัพย์ของตระกูล Borgias ที่ซ่อน อยู่บนเกาะ Monte Cristo ให้ด้วย หลายปีผ่านไป หลวงพ่อ Faria เสียชีวิตในคุก พระเอกหนีออกมาได้ เขาตามไปหาสมบัติ กลายเป็นคนร่ำรวย เรียกตัวเองว่า Count of Monte Cristo กลับมายังประเทศ ฝรั่งเศสเพื่อล้างแค้นคนที่เคยทำร้ายเขา ซึ่งแต่ละคนบัดนี้ได้กลายป็นคนใหญ่โต มีอำนาจ ในสังคมกันหมด Fernandes นั้น ได้แต่งงานกับ Mercedes อดีตคนรักเขาด้วย มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ Albert ... พระเอกตามล้างแค้นศัตรูทีละคนด้วยแผนอันแยบยล จากความฉลาดเนื่องมาจากความรู้ และทรัพย์สมบัติที่เขา มี ทำให้หลงตัวเองไปว่า เขาเปรียบเสมือนพระเจ้าที่จะทำอะไรก็ได้ (ให้รางวัลคนดี ลงโทษ คนร้าย) แต่เขาก็ไม่มีความสุข จนกระทั่งในที่สุด เขาตระหนักดีว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่สำคัญกว่าการให้อภัย .. Plot แนว reversal of fortune ของนิยายเรื่องนี้เป็นแม่แบบของนิยายล้างแค้นทั้งหลาย หนังเรื่อง "Ben-Hur" ที่ผมเคยพูดถึง ก็มีพล๊อตเช่นนี้ครับ ... จากคุณ : A Muggle - [ 22 เม.ย. 52 05:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดียามเช้าครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องย่อนะครับ ไว้หนังสือที่ตัวเองซื้อ ลดลงในปริมาณที่น่าพอใจจะไปหามาอ่านครับ ( อ่านไม่ทันซื้อซะที ) จากคุณ : ErShiYi - [ 22 เม.ย. 52 08:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห.26 นี่ บู๊ล้างผลาญมากๆเลยแฮะ อิอิ วันนี้มีเมลล์ น่าสนใจครับ เลยนำมาแปะ เผื่อใครสนใจ http://celebratesalonen.com/#/home จากคุณ : jassb1 - [ 22 เม.ย. 52 12:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่มี celebrate r. chailly รึ จากคุณ : gebouw666 - [ 22 เม.ย. 52 18:09:45 A:10.100.1.7 X:58.10.167.123 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เรียน คุณ muggle ที่นับถือ korngold --- piano concerto FOR THE LEFT HAND พอจะทราบ--เบื้องหลัง--ไม๊ครับ คือว่าผมไม่เก่ง ENGLISH ครับ จากคุณ : SITT666 - [ 22 เม.ย. 52 18:25:45 A:10.100.1.7 X:58.10.167.123 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณจ๊าบครับ "The Count of Monte Cristo" ในหนังสือมันไม่บู๊เหมือนกับในหนังครับ ฉากสู้กันแทบไม่มีเลย แต่ที่สุดยอดคือพระเอกล้างแค้นศัตรูแต่ละคนด้วยการ สร้างสถานะการณ์มาทำลายคู่แค้น (ซึ่งรวมไปถึงครอบครัวและทรัพย์สิน ของคู่แค้นด้วย) และบางทีก็มีผลสะท้อนแบบพระเอกคาดไม่ถึง และลูกหลาน ของคู่แค้นก็ไม่ได้เป็นคนชั่วกันหมดทุกคน อันนี้แหละครับที่ทำให้ พระเอกตระหนักว่าตัวเองไม่ใช่ "พระเจ้า" ในที่สุด นิยายเรื่องนี้ฉบับสมบูรณ์ยาวประมาณ 1,100 หน้า เพียงแค่ 300 หน้าแรกเท่านั้น ก็เดินเรื่องมาจนถึงพระเอกหนีออกจากคุก Chateau d'If  และเจอสมบัติแล้ว ... 800 หน้าที่เหลือเล่าถึงการล้างแค้นครับ ตอนนี้แหละครับ ที่เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นและ ซับซ้อนมาก คุณ Sitt ครับ ผมฟังดนตรีคลาสสิกของ Korngold น้อยมากครับ งานของเขาที่ผมค่อยคุ้นหน่อย คือดนตรีประกอบหนังที่เขาแต่ง (ที่บ้านมีซีดี soundtrack ของ Korngold ประมาณ 10 แผ่น) ทราบแต่ว่า Paul Wittgenstein (1887 - 1961) นักเล่นเปียโน ชาวออสเตรียมอบหมายให้ Korngold และ composers ท่านอื่น เช่น Ravel แต่งผลงานเปียโนที่เล่น ด้วยมือซ้ายสำหรับเขา หลังจากเขาสูญเสียมือขวาในสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ หาคลิปของคุณ Wittgenstein เล่น "Piano Concerto in C Sharp for the left hand alone, Op.17" (แต่งเมื่อปี 1923, เล่นครั้งแรกเมื่อปี 1924) ของ Korngold ใน YouTube ไม่เจอ เลยเอาคลิป Piano Concerto for the left hand ของ Ravel ที่เขาเล่นมาฝากแทนครับ จากคุณ : A Muggle - [ 22 เม.ย. 52 19:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผลงานของ Korngold ชิ้นหนึ่งที่ผมชอบมาก เป็นหนังปี 1940 นำแสดงโดย Errol Flynn จากคุณ : A Muggle - [ 22 เม.ย. 52 19:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 thank you จ้ะ จากคุณ : robin hood 666 - [ 22 เม.ย. 52 19:46:31 A:10.100.1.8 X:58.10.167.123 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ วันนี้เป็นจอมโจรแล้วหรอครับ อิอิ จากคุณ : ErShiYi - [ 22 เม.ย. 52 19:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กระผมเล่น--มุข--จ้ะ korngold แต่ง score ---------- robin hood ด้วย จากคุณ : โฮคาเงะ รุ่นที่ 666 - [ 22 เม.ย. 52 19:56:47 A:10.100.1.8 X:58.10.167.123 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอเชิญฟังเพลงจาก "The Sea Hawk" ครับ (ไม่ได้มาจากซีดีรูปหน้าปกข้างบน) เป็นการ arrange ของ Charles Gerhardt  ... เขา conduct วง National Philharmonic Orchestra อัดเมื่อปี 1972 เป็นอัลบัมที่ขายดีมาก แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 52 20:43:55 จากคุณ : A Muggle - [ 22 เม.ย. 52 19:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาแสดงตัุวว่ายังอยู่นะคะ งานยุ่งเลยนานๆเข้ามาที Les Mis นี่เป็นละครเพลงสุดโปรด ดูมาเป็นสิบครั้งได้ เราว่าเพลงไม่ค่อยติดหูถ้าเทียบกับของ Lloyd Weber แต่ดัดแปลงจากหนังสือได้ดีมากๆ ควรจะหามาดู น่าจะมีเป็นดีวีดี พูดถึงละครเพลง Phantom of the Opera มึภาคต่อแล้วนะคะ ชื่อ Love Never Dies จะเิปิดแสดงปลายปีนี้ ไว้ดูแล้วจะมาเล่าให้ฟัง อิอิ จากคุณ : Panthera - [ 22 เม.ย. 52 22:35:54 A:194.83.68.105 X: TicketID:172787 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรียนคุณสิทธิที่เคารพอย่างยิ่ง ประโยคข้างล่างนี้หมายถึงหนังสือเล่มไหนหรอครับ กรุณาไขความกระจ่างให้ผมด้วย ผม รู้จักคุณธรรมเกียรติ กันอริ มาตั้งแต่เขาเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม และนิยมชมชอบสำนวนการเขียนหนังสือของเขามาแต่สมัยนั้น หนังสือของเขาที่ดีที่สุดเมื่อเขายังอยู่ในวัยฉกรรจ์ คือเล่มที่ว่าด้วยคึกฤทธิ์ ปราโมช ลอกคราบคุณชายผู้นั้นอย่างสะใจ ป.ล. จะถามมานานแล้ว ทำไมถึงเอาเรื่องนารูโตะมาคุยกับผมเนี่ย ผมงง จากคุณ : คาคาชิ ศิษย์รุ่นสี่ (ErShiYi) - [ 23 เม.ย. 52 00:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โอจะได้ไปดู ภาคต่อของ Phantom ด้วยหรือครับ น่าอิจฉาจัง จากคุณ : Genzo - [ 23 เม.ย. 52 01:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สวีดัด สวัสดีคุณแพน ด้วยครับ ^^ ดีใจจัง ... ที่คุณพี่มีโอกาสได้ชมดนตรีดีๆ ... เพลงไพเราะๆ อิจฉาๆๆ อิอิ ปล. ท่านที่ยังไม่ไปเล่นเกมส์ ข้าพเจ้า "งอน" นะ อิอิ อิอิ อุอุ อุตส่าห์หาเรื่องแจกของงงงงงงงง จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 01:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ว่าแต่พูดถึงหนังกันหลายเรื่อง ไม่มีใครชอบ Life is Beautiful Shawshank Redemtion กันเลยหรอครับ หนังในดวงใจผมทั้งสองเรื่อง จากคุณ : ErShiYi - [ 23 เม.ย. 52 09:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีทุกท่าน ... ฝนตกทำเอาบ้าคลั่ง ตอนนี้กำลังเริ่มอ่าน The Mahler Family Letters ถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจ จะนำมาเล่าอย่างสบายๆ คล้ายๆไฮเฟต ของเจ้าป้านะจ๊ะ .... จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 10:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ ^ ได้เหยื่อ เอ้ย คนเล่าเรื่องใหม่แ้ล้วคุณ ไวตามินซี จากคุณ : ErShiYi - [ 23 เม.ย. 52 16:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 44 to ershiyi ไม่รู้เหมือนกันครับ ---------------------------------- เล่มที่ว่าด้วยคึกฤทธิ์ ปราโมช ลอกคราบคุณชายผู้นั้นอย่างสะใจ -------------------- ผมนึกถึงหนังสือ 2 เล่มของ สนพ.มติชนครับ คึกฤทธิ์กับประดิษฐกรรม "ความเป็นไทย" ผู้แต่ง : สายชล สัตยานุรักษ์ ----------------------------- หนังสือชุดนี้ ----จักรภพ เพ็ญแข ชื่นชมอย่างมากครับ (ว่าแต่ว่า --เขาหายไปไหนเนี่ย ) ปล. ไม่บอก จากคุณ : อิทาจิ 666 - [ 23 เม.ย. 52 17:02:52 A:10.100.1.3 X:58.10.167.121 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความเห็นที่ 42 แปล--ทั้งเล่ม--เลยดีกว่า อยากอ่านโว้ย จากคุณ : sitt666 - [ 23 เม.ย. 52 17:05:06 A:10.100.1.3 X:58.10.167.121 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 46 From Alma to Justine Rose                                                                           Postcard                                                  [Postmark: Neuilly, 8.5.11]                                                          [No arrival postmark]                                                                             Monday Pulse : 120 Temp. : 37.7 Appearance : good Appetite good—? satisfactory Mood : better Night : bad—fever Sleep : no sleep Medicine : —no effect ................................................................................................ นี้เป็นไปรษณียบัตร ฉบับสุดท้าย ที่ อัลมา ส่งไปแจ้งอาการป่วยของมาห์เลอร์ ให้แก่ จัสติน ผู้น้องสาวของมาห์เลอร์ อีกสิบวันต่อมา ... หลังจากการทนทุกข์ทรมานด้วยอาการแทรกซ้อน และหมดความสามารถของหมอ ... กุสตาฟ มาห์เลอร์ ก็ถึงแก่กรรม แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 52 17:37:32 จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 17:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอาเป็นว่าผมจะค่อยๆแปล ... ในส่วนของจดหมายที่มาห์เลอร์ส่งไปหาครอบครัว เรื่องที่เกี่ยวกับงานดนตรี และความรู้สึกในช่วงสูญเสียลูกสาว (ซึ่งเป็นจุดสำคัญพอสมควร) นะครับ จากการอ่านคร่าวๆ ดูแกเป็นคนรักครอบครัวและน่าสงสารมากครับ หนังสือเล่มนี้ เริ่มรวบรวมจดหมายตั้งแต่คราวที่มาห์เลอร์ไปเรียนดนตรีที่เวียนนา (คงต้องขอคำแนะนำคุณโหน่งและผู้รู้ท่านอื่นพอสมควร เพราะจดหมายเหล่านี้บางตอนเป็นแค่ ข้อความสั้นๆ รำพึงถึงบ้าน ถึงครอบครัว แจ้งความขัดสน) จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 17:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ ^ จิ้มไปที่ 42 จะรอชมนะคะ จากคุณ : Vitamin_C - [ 23 เม.ย. 52 18:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ...แหม ... กระผมล่ะก็ นอนรอ "เกน กูลด์ ที่ข้าพเจ้ารู้จัก" อย่างใจจดใจจ่อ จนไม่เป็นอันทำอะไรเลยเจ้าค่ะ ขอให้รีบเข็นออกมาประทังไปก่อนนะ โฮะๆๆๆ จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 18:42:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นด้วยกับ ความเห็นที่ 49 จากคุณ : sitt666 - [ 23 เม.ย. 52 19:18:32 A:10.100.1.3 X:58.10.167.121 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 51 รออ่านด้วยคน จากคุณ : Genzo - [ 23 เม.ย. 52 19:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สรุปแปลทั้งคู่เลย พลัดกันลง จากคุณ : ErShiYi - [ 23 เม.ย. 52 20:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แหม............................................................ ... เปลี่ยนประเด็นดีกว่า เนอะป้าเนอะๆๆ ขอเอาบทกวี เต็มๆ จากกระทู้เกมส์ ที่มีผู้ร่วมแข่งขันท่านหนึ่งนำมาลงนะครับ สวยงามดี ............................................................................................... "White Bee" By Pablo Neruda White bee, you buzz in my soul, drunk with honey, and your flight winds in slow spirals of smoke. I am the one without hope, the word without echoes, he who lost everything and he who had everything. Last hawser, in you creaks my last longing. In my barren land you are the final rose. Ah you who are silent! Let your deep eyes close. There the night flutters. Ah your body, a frightened statue, naked. You have deep eyes in which the night flails. Cool arms of flowers and a lap of rose. Your breasts seem like white snails. A butterfly of shadow has come to sleep on your belly. Ah you who are silent! Here is the solitude from which you are absent. It is raining. The sea wind is hunting stray gulls. The water walks barefoot in the wet streets. From that tree the leaves complain as though they were sick. White bee, even when you are gone you buzz in my soul You live again in time, slender and silent. Ah you who are silent! จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 20:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ความเห็นที่ 53 มีแปลเป็นไทยแล้วจ้ะ กวีนิพนธ์แห่งรักยี่สิบบท และบทเพลงความสิ้นหวังหนึ่งบท เขียน : ปาโบลฺ เนรูด้า แปล : ภาสุรี ลือสกุล พิมพ์ : พ.ศ. ๒๕๔๘ ราคา : ๖๙.๐๐ บาท สนพ. ผีเสื้อ จากคุณ : 666 years of solitude - [ 23 เม.ย. 52 21:01:15 A:10.100.1.3 X:58.10.167.121 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ^ ^ โอ้ ... ราคานี้ แสดงว่าเล่มบางจิ๊ดเดียวแหงมๆ วันนี้คุณมักเกิ้ล ซึ่งกระผมเรียก คุณแมกกี้ ไม่มีดนตรีมาขับกล่อมหรือครับ ^^ จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 21:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ความเห็นที่ 54 มีให้อ่านฟรี 5 บทจ้ะ http://www.bflybook.com จากคุณ : smoke monster666 - [ 23 เม.ย. 52 22:08:55 A:124.120.192.200 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เรียน คุณ muggle อยากให้คุณ muggle ตอบกระทู้นี้หน่อยครับ --------------------------------------------- คุณ new kid in town post ไว้ใน--ห้องสมุด --------------------------------------------- The Catcher in the Rye มันเป็นแรงบันดาลใจให้อีตา Mark David Chapman ยิง John Lennon ยังไงอ่ะครับ จากคุณ : sitt666 - [ 23 เม.ย. 52 22:25:41 A:124.120.192.200 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอลิ๊งค์เหอะ ... ชื่อกระทู้ก้ได้ ... "งง" จากคุณ : jassb1 - [ 23 เม.ย. 52 22:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณสิทธครับ ผมไม่เคยอ่าน "The Catcher in the Rye" ครับ รู้แต่ว่าตัวละครเอกเป็น วัยรุ่นในวัย rebellious ชอบท้าทายกฏของสังคม เป็น antihero ...  ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ดังมากในกลุ่มวัยรุ่น ก็เพราะคนอ่านวัยนั้นเอาตัวเองเข้าไปเปรียบเทียบได้ง่ายมั๊งครับ ตามข่าว อีตา Chapman พก "The Catcher in the Rye" ติดตัว ขอลายเซ็นจาก John Lennon ตอนเช้าของวันที่เขาสังหาร John (เขามีหนังสือเล่มนี้ ติดตัวตอนยิงคุณ Lennon) จนกระทั่งทุกวันนี้ ยัง เดากันไม่ถูกว่า นิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับการฆาตกรรมของ John Lennon ได้ยังไง ถ้าให้ผมเดา อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกันเลย นาย Chapman ซึ่งคงมีจิตใจไม่ปกติอยู่แล้ว อาจจะชอบหนังสือเล่มนี้มากเท่านั้นเอง จากคุณ : A Muggle - [ 23 เม.ย. 52 23:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คุณจ๊าบครับ ผมเอาเพลงไปแปะในกระทู้ข้างบนแล้วนะครับ จากคุณ : A Muggle - [ 23 เม.ย. 52 23:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุยกันเรื่องหนังสือแล้วหรือนี่ ในฐานะแฟนหนังสือของ มรว.คึกฤทธิ์ตัวยง (ขนาดอ่านคึกฤทธิ์กับประดิษฐกรรม "ความเป็นไทย" ของสายชล แล้วยังเห็นด้วยกับแนวคิดของคุณชายเลย) ผมว่าเราต้องให้ความเปนธรรมกับยุคสมัยพอสมควรนะครับ ว่าการเขียนของ มรว.คึกฤทธิ์ เปนการเขียนเปนตอน ๆ ลงหนังสือพิมพ์ ซึ่งผมว่าต้องการให้เกิดผลทางแสดงความคิดและความเห็นทางการเมืองของผู้แต่ง มากกว่าต้องการให้เปนนวนิยายแท้ และในสมัยนั้นการลอกโครงเรื่องของฝรั่งมาใช้ในนวนิยายไทย เปนเรื่องธรรมดา เพียงแต่ว่า มรว.คึกฤทธิ์ เปนบุคคลสำคัญทางการเมือง การถูกจับผิด ก็เปนเรื่องที่มีมากกว่านักเขียนอื่น ๆ เปนธรรมดา ส่วน The Catcher in the Rye เคยด่านฉบับแปลก่อนหน้าของปราบดา เปนหนังสือที่เยี่ยมมากครับ แต่ชีวิตนี้ขออ่านครั้งเดียวพอ จากคุณ : RAKANG - [ 24 เม.ย. 52 09:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ^ ^ อิอิ สวัสดีทุกท่านครับบบบ วันนี้ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสืออะไรกันเอ่ยยยย จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 13:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ได้เมลล์มาสองวันแล้วครับ This month is Handel Month – Monday, April 13, marked the anniversary (1742) of the first performance of Messiah and Tuesday, April 14, marked 350 years since his death (1759). ก็ขอบูชาท่านบรมครูแห่งยุคบาโรค อีกสักครั้ง สนใจอ่านฟรี ก้เชิญไปตามลิ๊งค์นี้ครับ มรหลายเรื่องทางดนตรีคลาสสิกที่น่าสนใจ http://www.gramophone.net/ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 14:05:22 จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 14:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มีภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเนรุดาเรื่อง Il Postino ผมดูมานานพอสมควร (ตั้งแต่ยังเป็นวิดีโอ) เนื้อเรื่องหลักเป็นช่วงชีวิตของเนรุดาที่ลี้ภัยมาอยู่อิตาลี และได้รู้จักกับพระเอกคนส่งไปรษณีย์ เรื่องราวความผูกพันจึงเริ่มขึ้น ...หนังให้ความรู้สึก “อบอุ่นในหัวใจ” เหมือนกับหนังอิตาเลียนหลายๆเรื่อง เพลงประกอบก็ไพเราะมาก ... คนที่แสดงเป็นเนรุดา คือ ฟิลิปป์ นัวเร่ต์ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่แสดงเป็น อัลเฟรโด ในเรื่อง Cinema Paradiso ด้วย... เรื่องนี้แม้ว่าดูมานาน แต่ประทับใจมาก ผมยังจำตอนจบได้ดี ฉากจบหนังขึ้นตัวหนังสือบทกวีของเนรูด้า  “And it was at that age . . . poetry arrived in search of me. I don't know, I don't know where it came from, from winter or a river. I don't know how or when, no, they were not voices, they were not words, not silence, but from a street it called me, from the branches of night, abruptly from the others, among raging fires or returning alone, there it was, without a face, and it touched me.” แม้ชีวิตเนรุดาเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตลอด แต่พื้นฐานของเขาเป็นกวีโรแมนติค มีอารมณ์เร้าในความรัก หนังสือช่วงแรกที่เขาเขียนก็เป็นบทกวีโรแมนติคทั้งนั้น ... นี่เป็นบทกวีของเนรุดาที่ผมชอบมากที่สุดบทหนึ่ง - Love Sonnet XVII I do not love you as if you were a salt rose, or topaz or the arrow of carnations the fire shoots off. I love you as certain dark things are to be loved, in secret, between the shadow and the soul. I love you as the plant that never blooms but carries in itself the light of hidden flowers; thanks to your love a certain solid fragrance, risen from the earth, lives darkly in my body. I love you without knowing how, or when, or from where. I love you straightforwardly, without complexities or pride; So I love you because I know no other way than this: where I does not exist, nor you, so close that your hand on my chest is my hand, so close that your eyes close as I fall asleep. ส่วน The Catcher in the Rye ผมอ่านตอนประมาณ 18-19 ก่อนอ่านคิดว่าจะชอบ แต่พออ่านเข้าจริงๆกลับไม่ชอบ หนังสือเต็มไปด้วยคำ “four-letter words” ความจริงผมชอบงานเขียนที่มีตัวเอกแบบ anti-hero อย่างดอสโตเยฟสกี้, ฮัมซุน, กามูส์, เฮสเส ฯลฯ ทว่าเล่มนี้กลับไม่ถูกรสนิยมเท่าไหร่ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 เม.ย. 52 16:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ว้าววววววว ^_______^ จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 17:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 66 to jassb1 ---catcher in the rye http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C7772182/C7772182.html จากคุณ : holden666 - [ 24 เม.ย. 52 17:15:53 A:10.100.1.2 X:58.10.167.86 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ้อ แนะนำหนังญี่ปุ่นที่ได้รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศเวทีออสการ์ปีนี้เรื่อง Departures (Okuribito) นี่เป็นหนังที่สงบนิ่ง ติดตรึงใจ ให้ความรู้สึกถึงช่วงขณะของการดำรงอยู่และความตายที่เข้ามาเยือน หนังถ่ายภาพได้งดงาม และบทเพลงที่เล่นด้วยเชลโลก็ให้อารมณ์ละเมียดละไมมาก ในเรื่องพระเอกมีอาชีพเป็นนักเชลโลในวงออร์เคสตรา แต่ต้องตกงาน พระเอกเดินทางกลับบ้านเกิดที่ชนบท เขาได้งานใหม่คืออาชีพ “รับทำศพ” มีหน้าที่ต้องทำความสะอาดศพคนตาย ทำหน้าตา เช็ดตัว และจัดเสื้อผ้าให้คนที่ตายแล้ว ท่ามกลางครอบครัวและญาติมิตรของผู้ตายที่คอยเฝ้าดู จากความสะอิดสะเอียนไม่คุ้นชินในช่วงแรก เขาได้เริ่มเรียนรู้ถึงคุณค่าของงานที่ทำ การได้ใกล้ชิดกับ “ความตาย” ทำให้พระเอกได้ “ตกผลึก” อะไรบางอย่างในชีวิต แต่เขาจะทำอย่างไรที่จะอธิบายงานที่ทำอยู่ให้ภรรยาของตัวเองเข้าใจ กล้องถ่ายฉากที่พระเอกและหัวหน้าทำความสะอาดศพไว้นานมาก ดังนั้นจึงให้อารมณ์คะนึงถึงความตายแก่ผู้ชมอย่างนิ่งสงัดจับใจ ตัวละครแสดงได้ดีเยี่ยม คงต้องฝึกทักษะการทำศพก่อนแสดง จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 เม.ย. 52 17:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตัวอย่างหนังครับ ในเรื่องมีเพลงประกอบที่แต่งขึ้นสำหรับหนังเรื่องนี้ และมีฉากพระเอกเล่นเชลโล Ave Maria ของ บาค/กูโนด์ในวันคริสต์มาส ซึ่งทำเอาผมซึมไปชั่วขณะ (ราวกับวิญญาณยอดนักเชลโลอย่างคาซาลส์หรือรอสโทรโปวิชเข้าสิงพระเอก ^^) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 เม.ย. 52 17:28:48 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ ทำหยั่งไหงถึงจะได้ชมเรื่องนี้เต็มๆครับ ... มีใครนำเข้ามาฉายรึยังเอ่ย ? น่าสนใจมากครับ จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 17:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เรียน คุณ blue white red ที่เคารพ หลังจากที่ผมรอ คุณพี่มา 14 ภาค ในที่สุดก็ปรากฎตัวจนได้ ------------------------------------------------- “The Myth of Sisyphus” --- ALBERT CAMUS หนังสือเล่มนี้ผมชื่นชอบเป็นอย่างมาก (ผมชอบทุกอย่างที่กามูส์เขียน) เป็นงานปรัชญาอันลึกซึ้ง พูดถึงภาวะมนุษย์สมัยใหม่, ความตาย, การสร้างคุณค่าความหมายในโลกที่ไร้ซึ่งจุดหมายใดๆ ------------------------ sitt666 ---อยากให้คุณ blue white red ขยายความซักหลาย ๆ บรรทัดครับ --------------------------------------------- from --- Krzysztof Kieślowski ps. ใน series เรื่อง lost มี symbolic เกี่ยวกับ Sisyphus ด้วย จากคุณ : sitt666 - [ 24 เม.ย. 52 17:42:08 A:10.100.1.2 X:58.10.167.86 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ผมอยากทำความรู้จักกับ Heitor Villa-Lobos (1887 - 1959) และ Ildebrando Pizzetti (1880 - 1968) คีตกวีนอกกระแส (ไหมนะ?) ท่านใดที่เคยฟังผลงานของทั้งสองท่าน กรุณามาเล่าสู่กันฟังบ้างเถิด ................................................................................................ มิใช่อะไรหรอก กระผมเห็นปกซีดีของ Lobos และ Pizzetti สวยดีครับ ทำให้อยากหาโหลดมาลองฟัง (อิอิ) อันนี้ของ Lobos เชลโลคอนแชร์โต (ที่หน้าปกรกได้ใจ) จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 17:54:54 ]

ความคิดเห็นที่ 72 หวังว่าปกนี้ คุณพี่บลู คงพึงใจ กระผมไม่ทราบว่าใครวาด หรือที่ไหน อะไรยังไง แต่เดาว่าเป็นอิตาลีแน่นอน Ildebrando Pizzetti: Orchestral Works จะเหมือนเพลงของเรสปิกี ไหมนะนี่ จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 17:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ความเห็นที่ 61 to rakang และในสมัยนั้นการลอกโครงเรื่องของฝรั่งมาใช้ในนวนิยายไทย เปนเรื่องธรรมดา ----------------------- sitt666 -- คงจะใช่กระมังครับ อุษณา เพลิงธรรม ( ลูกศิษย์คนหนึ่งของ kukrit ) ก็เคย copy ฝรั่งมาเรื่องหนึ่ง ( อาจจะมากกว่านี้ ) ----------------------------------------- ส่วน The Catcher in the Rye เคยอ่านฉบับแปลก่อนหน้าของปราบดา ------------------------------ sitt666 ---- หมายถึง ฉบับไหนครับ 1--คำระวี-ใบเตย แปล 2--ศาสนิก แปล ว่ากันว่า no. 1 -- แปลได้ชุ่ยมาก ( ผมไม่เคยอ่าน ) จากคุณ : Stradlater 666 - [ 24 เม.ย. 52 19:58:32 A:10.100.1.8 X:58.10.167.86 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คิดว่าเปน ศาสนิก นะครับ ถ้าจำไม่ผิดของสำนักพิมพ์เรจิน่า ผมได้ยินคนคุยกันว่าปราดาแปลได้อารมณ์ที่สุดแล้ว แต่เรื่องนี้ในความรู้สึกผมมันไม่ชวนอ่านรอบสองจริง ๆ ไม่เหมือน the wall ของ pink floyd ที่ฟังซ้ำเปนร้อยรอบได้ จากคุณ : RAKANG - [ 24 เม.ย. 52 20:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 to rakang ผมเพิ่งอ่านของ--ปราบดา-- เมื่อวานนี้เองครับ แต่กระผม ขอแนะนำให้อ่าน-- version english ครับ ไม่ค่อยมีศัพท์ยากมาก จากคุณ : roger waters 666 - [ 24 เม.ย. 52 20:21:36 A:10.100.1.8 X:58.10.167.86 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กราบเรียนท่านพี่นักอ่านทั้งหลาย ช่วยเเนะนำหนังสือเกี่ยวกับ นโปเลียนให้หน่อยครับ กำลังอิน บีโทเฟน อยู๋เลยอยากศึกษาช่วงนี้ไปดด้วยเพราะมีความเกี่ยวพัน กันสูง ขอบคุณครับ จากคุณ : breaka - [ 24 เม.ย. 52 20:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เอ้า ... ทุกท่านที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในสงครามปี 1812 มา โปรดช่วยคุณน้องเบรกกา ของกระผมด้วย อิอิ .............................................................................................. วันนี้มีคุณในห้องนี้ บรรเลงเพลงอันแสนไพเราะเป็นบุญหูกระผมมากๆครับ ขอคารวะมาด้วยประการนี้ ... แลประกาศให้เป็นกิติยศสืบไปในกระทู้ อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 20:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 78 จักรพรรดินักรบ นโปเลียน -- 2 เล่มจบ ผู้แต่ง: บรรยงค์ บุญฤทธิ์ สนพ. อนิเมท - animate ----------------------------------- สนุกดีจ้ะ จากคุณ : Josephine 666 - [ 24 เม.ย. 52 20:49:06 A:10.100.1.8 X:58.10.167.86 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณมากครับอิอิ จากคุณ : breaka - [ 24 เม.ย. 52 20:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พรุ่งนี้วันหยุด ... ใครหยุด หยุดไป ... เราไม่หยุด ฮือออ เซงบ่ะ ฟังเพลงไรแก้เซงดีทุกท่าน จากคุณ : jassb1 - [ 24 เม.ย. 52 22:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ^ ^ ^ พรุ่งนี้ก็ทำงานเลิก 6 โมง แต่จะไปร่อนพารากอน อิจฉาไหมจ๊ะ ฮี่ๆๆๆๆ จากคุณ : Vitamin_C - [ 24 เม.ย. 52 23:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อรุณสวัสดิทุกท่าน มีคลิปมาฝาก เช้านี้นั่งดูคลิปเปิดไปเจอะ jessye norman ตอนยังสาวๆ ปี 1994 และยังผอมๆอยู่ (อย่างน้อยๆก็ผอมและน่ากลัวน้อยกว่าตอนนี้มาก) แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 10:24:05 จากคุณ : Vitamin_C - [ 25 เม.ย. 52 10:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เพลงโปรดๆ Les chemins de l'amour คลิปนี้ย้อนกลับไปปี 1984 สาวกว่าคลิปข้างบน แต่ทำไมรู้สึกว่าบวมกว่า จากคุณ : Vitamin_C - [ 25 เม.ย. 52 10:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คลิปนี้ปี 2001 เพลงชุด MYTHODEA by Vangelis ว่าแต่เรามาสนใจหน้าตาคุณ norman ทำไมเนี่ย คุณภาพเสียงมันไม่ได้แปรผันตามน้ำหนักตัวหรือหน้าตาซักกะหน่อย จากคุณ : Vitamin_C - [ 25 เม.ย. 52 10:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เรื่อง Okuribito หาโหลดได้จากหลายเว็บครับ jessye norman เสียงดีจริงๆ.. แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 11:29:51 จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 25 เม.ย. 52 11:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทีแรกแปลกใจว่าคุณ sitt ทำไมเขียนถึง “The Myth of Sisyphus” ของกามูส์ .. นึกได้ว่าผมเคยเขียนใน blog ตัวเองไม่นานมานี้ถึงหนังสือเล่มดังกล่าว เพราะ "นายกอภิสิทธิ์" เคยให้สัมภาษณ์สื่อตปท.ว่าเป็นหนังสือโปรด .. ผมชอบกามูส์มากๆครับ เล่มนี้ผมมีฉบับเก่าหน้าปกเป็นรูปก้อนหิน เป็นหนังสือบางๆรวมบทความทางปรัชญา บท Sisyphus เป็นตอนเดียวของหนังสือ ที่กามูส์ยกตำนานโบราณที่พระเจ้าลงโทษให้เข็นก้อนหินขึ้นภูเขา พอถึงยอด หินก้อนนั้นก็ตกลงมา แล้วต้องผลักขึ้นไปใหม่ ทำวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิตมนุษย์ที่ absurd ดูเหมือนไร้ความหมาย แต่กามูส์ก็บอกว่าในภาวะไร้ความหมาย มนุษย์ก็สามารถมีความสุข สามารถสร้างคุณค่าขึ้นมาได้ กามูส์ไม่ใช่นักอัตถิภาวะนิยมแบบสุดขั้ว เขาเป็นนักมนุษยนิยมมากกว่า ซึ่งต่างจากซาร์ตร์ ผมนับถือยกย่องซาร์ตร์ แต่ไม่ได้รู้สึกเป็นฮีโร่แบบกามูส์ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 11:29:10 จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 25 เม.ย. 52 11:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คุณ sitt ชอบ Kieslowski ด้วยรึครับ? จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 25 เม.ย. 52 11:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ซักนิดกับเพลงชุด MYTHODEA อันนี้ NASA จัดคอนเสิร์ตส่งเสียงไปดาวอังคารเลย ลงทุนไปเยอะสุดๆ กะว่าให้มะนาวต่างนุชฟัง งานชุดนี้เห็นว่าผสมทั้งดนตรีสมัยใหม่และคลาสสิกเข้าไปด้วยกัน เห็นใน amazon เขียนว่าเอาแนวของ Gustav Holst Gustav Mahler  Carl Orff เข้าไปด้วย แล้วก็มีภาษาหลายหลาก ใส่เข้าไปในเนื้อร้อง  คอนเสิร์ตนี้จัดที่วิหารซุส ที่ประเทศกรีก ทั้งบรรยากาศและงานดนตรีอลังการมาก น่าไปดูสุดๆ... คลิปนี้ mov 1 ฟังแล้ว Holst ลอยมาเลยจริงๆด้วย ฟังแล้วเหมือนจะไปออกรบเลย ไม่รู้ว่า มะนาวต่างนุชทั้งหลายฟังแล้ว เขาจะคิดยังไงเนี่ย จากคุณ : Vitamin_C - [ 25 เม.ย. 52 11:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คห. 72 ปกถูกใจมากครับ ภาพ Piazetta di San Marco ในเวนิส มองออกไปผ่านเวิ้งน้ำ เห็นโบสถ์ ซาน จอร์โจ มัจจอเร่ ถือเป็นภาพมุมบังคับเลย จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 25 เม.ย. 52 11:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 90 จากที่คุณ Jassb เขียนถึงเรสปิกี เพิ่งได้ฟังแผ่น Mariss Jansons/Oslo Philharmonic Orchestra ชอบทีเดียวครับ ชอบไม่แพ้แผ่นเดิมที่เคยฟังของ Maazel/Cleveland Orchestra จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 25 เม.ย. 52 11:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 91 Sisyphus เข็นหินตามเทวบัญชานี้ เคยเรียนในวิชาปรัชญา อ.ก็ พร่ำพรรณณา ... ... เราก็ฟังไป หลับไป กินไป คุยไป .... "อย่างซาบซึ้ง ชนิดรักใคร่ชอบพอกับนักคิดบรรพชนแต่โบราณกาล กันเลยทีเดียว" เหอะๆๆๆ ... จากคุณ : jassb1 - [ 25 เม.ย. 52 12:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผมกำลังหาผู้ชอบพอและชื่นชมในศิลปะอิตาลีอยู่ทีเดียว ว่าเสาหินรูปสิงห์ ที่เห็นในปกซีดีนั้น มีชื่อเสียงเรียงนามอะไรไหมครับ ผมเห็น อ.เฟื้อ หริพิทักษ์ ท่านเคยวาดลายเส้นไว้ และชอบมาก หาภาพไม่เจอ แต่มีผลงานใกล้เคียงกัน ของอ.เฟื้อ มานำเสนอ ปล.เรสปิกี  Mariss Jansons/Oslo Philharmonic Orchestra ... ท่านได้แต่ใดมา ^^ จากคุณ : jassb1 - [ 25 เม.ย. 52 12:21:15 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ลืมรูป ... แต่นี่ไม่ใช่เสาสิงห์นะครับ ลายเส้นท่าน ชั้นครูมากกกก จากคุณ : jassb1 - [ 25 เม.ย. 52 12:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เรียน คุณ blue white red ความเห็นที่ 87 ผมไม่เคยดูหนังของ Kieslowski เลยครับ แต่รับทราบมานานนับ 10 ปีแล้วว่า trilogy ชุดนี้--ลือลั่นมาก โดยเฉพาะเรื่อง white จากคุณ : sitt666 - [ 25 เม.ย. 52 17:18:58 A:10.100.1.6 X:58.10.167.68 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ความเห็นที่ 86 ใน series เรื่อง lost มี symbolic เกี่ยวกับ Sisyphus ด้วย ---------------------------------------------------- -----Horace Goodspeed ( ตัวละครตัวนี้เป็น --ผี ) is seen cutting down a tree, only to have that tree reappear uncut, which he then cuts down again in a seemingly repetitive loop. This is an apparent reference to the myth of Sisyphus, whom the gods punish by forcing him to push a boulder up a hill, only to have the boulder roll back down for him to push again in a eternally repeating loop. จากคุณ : john locke 666 - [ 25 เม.ย. 52 17:25:21 A:10.100.1.6 X:58.10.167.68 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณสิท คิดถึงคุณโหน่งไหม ... ถามดู ... ตอบด้วย จากคุณ : jassb1 - [ 25 เม.ย. 52 22:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ว่าแต่ วันนี้ร้างเชียว ... กระเดี๋ยวให้คุณสิทเลกเชอร์เพลง บอลลีวู๊ด ซะเลย ... ขอซักเพลงสิครับ คุณสิท จากคุณ : jassb1 - [ 25 เม.ย. 52 22:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ความเห็นที่ 96 ไม่ทราบว่า คุณเห็นผมเป็น homosexual หรืออย่างไร ผมคิดถึงคุณโหน่ง เหมือนกับ--ปลา คิดถึง น้ำ --ฉะนั้น จากคุณ : sitt666 - [ 25 เม.ย. 52 22:35:12 A:124.120.191.204 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เสียดาย ใน pantip ไม่มี bollywood club ซะด้วย จากคุณ : aamir khan 666 - [ 25 เม.ย. 52 22:37:34 A:124.120.191.204 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 100 วันนี้มีข้อข้องใจครับ นั่งฟัง คาร์เมน แฟนตาซี ทั้งสองฉบับ คือของท่านซาราซาเต้ และท่านแวกแมน ... แหม จักจี้หูชะมัด ... อยากทราบว่า ผลงานสองชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกันขนาดไหนครับ หรือคาร์เมน แฟนตาซี มีมนต์ขลังอย่างไร ถึงมีคีตกวีได้อุตสาหะรจนาไว้ถึงสองท่าน สองฉบับน่ะครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 22:43:23 จากคุณ : jassb1 - [ 25 เม.ย. 52 22:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ผลงานทั้งสองชิ้นได้แรงบันดาลใจจาก โอเปร่าเรื่องคาเมน ของ จอร์จ บิเซทครับ โดยท่านแรกคือ Pablo de Sarasate นักไวโอลินอัจฉริยะและนักแต่งเพลงชื่อดังชาวสเปน แต่งในปี 1883 อีกชิ้นเป็นของท่าน Franz Waxman แต่งขึ้นเพื่อหนังเรื่อง Humoresque.1946 ซึ่งมีความสั้นกว่าชิ้นแรก ส่วนตัวผมคิดว่ามันคือเวอร์ชั่น " ย่อๆ " ของชิ้นแรกครับให้เหมาะแก่งานที่แต่งขึ้นเพื่อ คำว่า fantasy คือ การแต่งเพลงโดยมีพื้นฐานจากการดัดแปลงเพลงอื่น หรือเครื่องอื่น แต่เคยได้ยินมาว่าเพลงของ Sarasate ชิ้นนี้พอแต่งเสร็จแกก็ไม่รู้จะเรียกงานนี้ของแกว่า คอนแชโต้หรือ แฟนตาซี ดีครับ ผิดถูกยังไงรอท่านอื่นมาเสริมแล้วกัน จากคุณ : ErShiYi - [ 25 เม.ย. 52 23:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ส่วนตัวผมชอบ Red และ Blue มากกว่า White นิดหน่อยครับ เป็นการ cast นักแสดงนำที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เพราะได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง จูเลียต บิโนช, จูลี เดลปี และไอรีน จาคอบ รุ่นพี่ที่ทำงานผมคนนึงอยากดู White เพราะเห็นว่านางเอกเป็นคนเดียวกับ Before Sunrise/ Before Sunset พอถามแล้วถึงทราบว่าไม่รู้จักจูเลียต บิโนช ทั้งที่เธอดังมาก เล่นหนังดังๆมากมาย ไอรีน จาคอบ ก็เล่น The Double Life Of Veronique ด้วย จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 เม.ย. 52 10:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ที่คุณ breaka ถามมา ถ้าประวัตินโปเลียนในภาษาไทยแบบละเอียดยังไม่เคยห็นครับ ผมมีฉบับอังกฤษเล่มของ Frank Mclynn เล่มหนามาก จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 เม.ย. 52 10:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 104 หมายถึงรูป “สิงโตมีปีก” รึครับ? นั่นเป็นสัญลักษณ์ของเวนิส เป็นสัญลักษณ์ของนักบุญมาร์คซึ่งถือเป็นนักบุญประจำเมืองเวนิส ในตำนานอดีตชาวเมืองเวนิสเคยไปนำร่างของนักบุญมาร์คมาจากหลุมศพในอียิปต์ ลงเรือมาที่เวนิส ซึ่งต่อมาทางเมืองถือว่าเป็นนักบุญประจำเมือง และรูป “สิงโตมีปีก” ก็เป็นสัญลักษณ์ของนักบุญมาร์ค จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 เม.ย. 52 10:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 105 พูดถึงรูปนี้ ผมนึกถึงปกหนังสือ Less Than One ของบร็อดสกี้ ซึ่งเคยยืมอ่านที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ (นานมาแล้ว) หน้าปกเป็นรูปนี้แหละครับ บร็อดสกี้ชอบเวนิส ตอนมีชีวิตต้องบินจากสหรัฐไปเวนิสในช่วงคริสต์มาสทุกปี จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 เม.ย. 52 10:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถ้าคุณ jassb1 ชอบศิลปะอิตาลี ชอบเลโอนาร์โด น่าอ่านหนังสือเล่ม Leonardo da Vinci : The Flights of the Mind  ซึ่งแปลเมื่อปีที่แล้ว เล่มนี้ลองแนะนำเพื่อนๆพี่ๆที่รู้จักหลายคน ไม่มีใครสนใจ (HA) สำนักพิมพ์และผู้แปลตาม link ครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=boris&date=23-10-2008&group=9&gblog=72 จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 เม.ย. 52 10:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ฟัง Albrecht Mayer กับ Oboe Concerto ของวิวัลดี ไพเราะมากครับ รูปหน้าปกประกอบงดงามมั้ยครับ? จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 เม.ย. 52 10:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ^ ^ โอ้ว ... อิจฉาตาร้อนผ่าว ภาพสวย ... เพลงน่าฟัง โอโบนิสต์ คนนี้ แกประจำวงเบอร์ลิน ฟิลฮามอนิกใช่ไหมครับนั่น ผมขอถามผู้รู้หน่อย ว่าถ้าผมมีเพลงเป็น APE และ CUE ผมสามารถไรท์ลงซีดีได้ด้วยโปรแกรมอะไรบ้างไหมครับ หรือแปลงมันเป็นเอมพีสาม (แบบแยกแต่ละแทร๊ค) ได้ไหมครับ ผมไม่ชอบเลย ไฟล์เพลงมันเป็นไฟล์เดียว ฟังลำบากมั่กๆ ขอคำแนะนำด้วยครับ^^ จากคุณ : jassb1 - [ 26 เม.ย. 52 12:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เราขอเอา วิวาลดี มาประชันปกมั่ง ...อันนี้ล่ะ สวยไหม ... ^^ จากคุณ : jassb1 - [ 26 เม.ย. 52 12:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณจ๊าบครับ ถ้าใช้ Nero แล้วมี APE plugin สามารถ burn ได้ครับ (ผมยังใช้ Nero 6 อยู่) ที่สำคัญคือ .cue ไฟล์ต้องสมบูรณ์ครับ มีอะไรเพี้ยนนิดเดียว จะ burn ไม่ได้เลย จากคุณ : A Muggle - [ 26 เม.ย. 52 17:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เรียน คุณ blue white red ----------------------------------- shostakovich - symphonies โดยส่วนตัวผมชื่นชอบซิมโฟนีหมายเลข 4,5,7,8,10 มากเป็นพิเศษ ---------------------------- sitt666 - อยากทราบเหตุผลครับ no. 4 -- 5 ของ andre previn + chicago bears เป็นอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : sitt666 - [ 26 เม.ย. 52 22:06:54 A:124.120.190.5 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ทุกท่าน ... โปรดทราบ กระทู้ร้อยแผ่น และ เมาส์เรื่องมาห์เลอรื หายไปจากห้องเราแล้ว ขอได้โปรดให้ทุกท่าน ร่วมด้วยช่วยกัน ไปกดเก็บเข้าคลังกันหายอีกซักรอบนะครับ สำหรับกระทู้ที่ยังอยู่ในห้อง ขอบพระคุณครับ จากคุณ : jassb1 - [ 26 เม.ย. 52 22:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 113 กลับมาอีกทีดึกๆ .... ความคิดเห็นที่ 106 หนังสือเล่มนี้ผมเห็นมาหลายหน ไม่เคยจับซะที ถ้าคุณพี่ให้คะแนนเป็นบวกกระผมคงต้องขวนขวายมาอ่านแล้วละครับ สอบถามคุณพี่บลูต่อไป ว่า อีกวันเดียวก็จะถึงวันคล้ายวันเกิด โปรโคเฟียฟ แล้วครับ มีงานดนตรีของท่านชิ้นไหน ที่น่าสนใจไขว่ขว้ามาฟังบ้างครับ ผมเห็นอัลบั้มนี้ ... Alexander Nevsky, cantata for mezzo-soprano, chorus & orchestra, Op. 78 ลองฟังแล้วไม่เกิดดวงตาเห็นธรรม ไม่ทราบว่าท่านใดมีประวัติคร่าวๆไหมครับ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : jassb1 - [ 27 เม.ย. 52 01:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คุณบลูยังไม่มา คุณจ๊าบอ่านความเห็นของผมไปพลาง ๆ ก่อนก็แล้วกัน ขอแนะนำดนตรีจาก "Alexander Nevsky" เป็นอย่างยิ่งครับ ผลงานชิ้นนี้ เป็นงานที่ Prokofiev แต่งให้กับหนังชื่อเดียวกับของ Sergei M. Eisenstein ซึ่งเป็นผู้กำกับหนังที่ยิ่งใหญ่ของรัสเซีย และของวงการภาพยนตร์คนหนึ่ง เขาเป็นคนกำกับหนังเรื่อง "Battleship Potemkin" (1925) ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่ นักศึกษาวิชาภาพยนตร์ทุกคนต้องดู Eisenstein สร้างหนังเรื่องนี้เมื่อปี 1938 (โดยมีรัฐบาลโซเวียตรัสเซียหนุนหลัง) เพื่อจะเตือนชาวรัสเซียให้ตระหนักถึงภัยที่จะมาจากเยอรมันของฮิตเล่อร์ เนื้อหาของหนังเกี่ยวกับวีรบุรุษของรัสเซียยุคกลาง ซึ่งตอนโน้นยังไม่เป็น รัสเซีย ชื่อ Grand Duke Alexander Yaroslavich of Vladimir (ค.ศ. 1220 - 1263) ที่นำกองพลอันน้อยนิด (เป็นทหารราบประมาณ 1,000 คน) ต่อสู้กับกองทัพ Teutonic Knights ประมาณ 5,000 คน ที่มาบุกรุกดินแดนรัสเซีย Alannder Nevky ป้องกันเมือง Navgorod และต่อสู้กับพวกอัศวิน Teutonic ที่ทะเลสาป Peipus ช่วงฤดูหนาวมีน้ำแข็งปกคลุมบนผิวทะเลสาป การต่อสู้ครั้งนี้เรียกกันว่า "The Battle on the Ice" ซึ่งอัศวิน Teutonic พ่ายแพ้ และเริ่มล่าถอยไปรวมกำลังทางด้านหนึ่ง บนน้ำแข็ง และน้ำแข็งได้แตก (พวกอัศวิน Teutonic ขี่ม้า และสวมเกราะหนัก) ทำให้พวกอัศวิน Teutonic จมน้ำตายไปแยะ หลังจากชัยชนะสงครามที่ Nagovrod แล้ว ... Alexander Nevsky ได้ค่อย ๆ รวบรวบ รัสเซียให้เป็นปึกแผ่น ชาวรัสเซียถือเขาเป็น national hero และได้รับแต่งตั้งให้เป็น saint ของ Russian Orthodox Church เมื่อปี ค.ศ. 1547 Eisenstein ต้องการสร้าง "Aleander Nevsky" แบบตั้งใจให้มี image และ เสียงกลมกลืนกันที่สุด เขาร่วมมือกับ Prokofiev ด้วยการเขียนบท และการถ่ายภาพ ให้เข้ากับดนตรี (อาจจะเป็นหนังเรื่อง แรกในประวัติศาสตร์ที่ทำเช่นนี้) เพราะฉะนั้น Prokofiev จึงเป็นส่วนหนึ่งของ team งานตลอดเวลา ซึ่งมีหนังน้อยเรื่องมากที่ทำเช่นนี้ เพราะส่วนใหญ่ ผู้กำกับจะไม่สนใจเรื่องดนตรีประกอบ มีหนังหลายเรื่อง ที่สร้างจนเกือบเสร็จแล้ว ค่อยมาหาผู้แต่งดนตรีให้ก็มี (หนังของฮอลลีวู้ดบางเรื่อง composer มีเวลา แต่ 3-4 อาทิตย์เองที่ต้องแต่งดนตรีประกอบก่อนหนังออกฉาย) คุณจ๊าบต้องฟังดนตรีตอนดูหนังเรื่องนี้ไปด้วยนะครับ ถึงจะซาบซึ้งกับความเป็น genius ของ Eisenstein และ Prokofiev "Alexander Nevsky" ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังต่างประเทศ 100 เรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ AFI ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 23:07:12 แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 23:03:09 จากคุณ : A Muggle - [ 27 เม.ย. 52 20:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 115 โอ ... ขอบคุณคุณมักเกิ้ลมากๆเลยครับ สำหรับกถาธิบาย ผมพึ่งได้อ่าน เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับล่าสุด พูดถึง คริสตศาสนานิกายรัสเซีย ออธอดอกซ์ ก็พึ่งทราบว่า แม้จะยอมรับศาสนจักรใหญ่ที่โรม แต่ก็มีศาสนพิธี ในรูปแบบของตัวเอง ทั้งการตั้งบุญราศรี และนักบุญ ก็ไม่ต้องอาศัยโองการจาก โรม เช่นกัน ........................................................................................... เอ ... ... เหมือนผมเข้าใจว่า คริสตศาสนาในรัสเซีย จะมีมากกว่าออธอดอกซ์ด้วยใช่ไหมครับ เห็นมีอีกนิกายหนึ่ง ที่เคร่งกว่ามาก และเป็นกลไกทางสังคมที่สำคัญในยุคราชาธิปไตย จากคุณ : jassb1 - [ 27 เม.ย. 52 20:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 116 Albrecht Mayer มายืนเป่าบนเรื่อแบบนี้ ระวังหน้าทิ่ม @^_^!@ หลังจากไม่มี Abbado แล้วตอนนี้แกสังกัดวงไหนกันนะ จากคุณ : Genzo - [ 27 เม.ย. 52 22:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เรียน คุณ muggle ไปยังไง มายังไงครับ ถึงได้จับมือกับ joshua bell จากคุณ : ring my bell 666 - [ 28 เม.ย. 52 17:36:02 A:10.100.1.7 X:58.10.167.43 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณสิทธครับ เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อต้นปี 2007 มีนักข่าวจาก The Washington Post ไปทำการทดลองว่า ถ้ามีใครเอาดนตรีคลาสสิก เล่นโดยศิลปินระดับโลก ไปเล่น ให้ฟังฟรีแบบศิลปินเปิดหมวก (แบบ incognito) จะมีใครสนใจหยุดฟังหรือเปล่า เขาเชิญ Joshua Bell พกไวโอลิน Stradivarius ราคา $ 3.5 ล้าน ไปยืนเล่นที่สถานีรถไฟใต้ ดิน ณ กรุง Washington D.C. เป็นเวลานานถึง 45 นาที ผลก็คือ แทบจะไม่มีใครสนใจเลย (มีคนจำเขาได้คนเดียว) มีคนหยุดฟังจริง ๆ แค่ 7 คน (คนเดินผ่านทั้งหมดกว่าพันคน) มีคนให้เงินทั้งหมดแค่ $ 32.17 (ไม่นับ $ 20 เพราะได้จากคนที่เดินผ่านคนหนึ่ง ที่จำเขาได้) บทความอันนี้ออกพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Washington Post เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2007 เป็นที่ฮือฮากันมาก มีคนส่งเป็น forwarded mail ทาง Internet กันมากมาย เพราะมันตั้งคำถามกับคนอ่านว่า "ถ้าคุณอยู่ที่นั่น และได้ยินเสียงเพลงจาก นักเล่นระดับเทพที่คุณไม่รู้ว่าเป็นใคร คุณจะหยุดฟังไหม?" ผมได้อ่านแล้ว รู้สึกประทับใจ (แถมค้างใจ) กับบทความมาก เล่นเอานอนไม่หลับไปทั้งคืน (ผมเป็นคนเช่นนี้ ถ้ามีอะไรประทับใจ หรือมีอะไรค้างอยู่ในใจ จะนึกแต่เรื่องนั้น ไม่ได้หลับนอนกันเลย) ตอบไม่ได้เหมือนกันว่า จะหยุดฟังหรือเปล่า อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ (มีคลิปตอนคุณ Bell เล่นไวโอลินให้ดูด้วย) http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2007/04/04/AR2007040401721.html?referrer=emailarticle ส่วนภาคไทยฉบับย่ออยู่ที่นี่ http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000042401 แต่อ่านภาคอังกฤษดีกว่าครับ รายละเอียดต่างกันลิ่วเลย (เมื่อปี 2008 Gene Weingarten ผู้เขียนได้รับรางวัล Pulitzer Prize เพราะบทความนี้ด้วยครับ) แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 09:02:31 แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 21:15:03 จากคุณ : A Muggle - [ 28 เม.ย. 52 19:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อีก 3 เดือนต่อมา คุณ Bell มาเล่นคอนเสิร์ตแถวที่ผมอยู่ ผมเลยไปดู จำไม่ได้แล้วครับว่าเล่นงานชิ้นไหนบ้าง ครึ่งหนึ่งของโปรแกม เป็นดนตรีที่ผมไม่รู้จักเลย แต่มีงานของ Bach ชิ้นหนึ่งเพราะมาก หลังงาน คุณ Bell มายืนขาย CD ของเขาที่ lobby โรงคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินช่วยเหลือ วง orchestra ประจำเมือง ผมซื้อแผ่น "West Side Story" และเข้าแถวรอให้เขาเซ็นชื่อ บนปก พอถึงคิวผม ผมตื่นเต้นมาก พูดตะกุกตะกักไปว่า "I couldn't sleep all night after I read the article about you in The Washington Post." เขาได้แต่ยิ้ม แล้วตอบว่า "Really?" (คงนึกในใจ" ไอ้หมอนี่เป็นอะไรของมันฟ่ะ") แค่นี้แหละครับ สัมผัสมือเขาหน่อย แล้วก็ต้องรีบเดินออก เพราะมีคนรอคิวยาวมาก ... รูปหลังปกซีดีที่มีลายเซ็นเขาครับ ผมยังเก็บไว้อย่างดี แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 20:40:07 จากคุณ : A Muggle - [ 28 เม.ย. 52 19:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 120 to muggle ----แสดงให้เห็นเลยนะครับเนี่ยว่า ในโลกของเรานี้ มีคนฟังเพลง--classic น้อยมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พวกเขาก็เลยไม่รู้จักว่า joshua bell เป็นใคร ถ้าเป็น black eyed peas ละก็ ...............แหะ แหะ ใน youtube ก็มี clip นี้เหมือนกันครับ ----stop and hear the music จากคุณ : sitt666 - [ 28 เม.ย. 52 20:18:11 A:10.100.1.3 X:58.10.167.43 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ผมรู้จัก joshua bell ครั้งแรก ก็ตอนที่เขา ดวลกับ anoushka shankar ( ลูกสาวของ ravi shankar ) clip นี้ ประมาณ 1 ชม. ผมจำชื่อ web ไม่ได้แล้ว ใน youtube มีให้ดู 6 นาที --Anoushka Shankar - Verbier Festival จากคุณ : sitt666 - [ 28 เม.ย. 52 20:36:49 A:10.100.1.3 X:58.10.167.43 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 122 โอ ... ... ... ประสบการณ์วิเศษสุด กับศิลปินระดับโลก น่าอิจฉายิ่งๆ ... จากคุณ : jassb1 - [ 28 เม.ย. 52 20:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เคยอ่านเจอบทความตามคุณ A Muggle เล่าเหมือนกัน และได้คิดเล่นๆ จนนอนไม่หลับเช่นกันว่า..... ทำไม เค้าไม่มาเล่นเมืองไทยบ้าง เราอยากฟังมากกกกกกกกกกกก เพราะถ้าเป็นเรา ถึงหูจะไม่เทพ แต่ถ้าเล่นดี ก็ทำให้เราหยุดฟังได้ ถึงคุณ jassb1 พยายามเข้าไปหากระทู้ 100 แผ่นแล้วแต่ไม่เจอ จำได้ว่าเคยกดเก็บเข้าคลังหลายหน เพราะเหตุใด จึงหลุดหายไปเสียได้ วานแถลง จากคุณ : Learn To Be Lonely - [ 28 เม.ย. 52 22:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 124 คุณ lonely ชอบ joshua bell หรือครับ --- เพิ่งรู้ จากคุณ : hell bells 666 - [ 28 เม.ย. 52 23:02:37 A:124.120.192.96 X: TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ต้องบอกว่า คนที่เข้าใจว่าดนตรี ทีได้ฟังนั้น "ดี" หรือ "ไม่ดี" และ "อย่างไร" นั้นมีน้อยมากและนับวันนั้นก็ยิ่งจะน้อยลงเรื่อยๆ บางครั้งตัวเราก็อาจจะไม่ได้มีเวลาพอที่จะได้รู้หรือทำอะไรได้อย่างที่ต้องการ ท่ามกลางสังคมอันเร่งรีบ ทำให้ชีวิตเราดำเนินอยู่ด้วย การรอดตัวไปวันๆ ผมมีโอกาสได้ไป ที่เมืองหนึ่งในยุโรป บ่อยครั้ง ในวันอาทิตย์ที่เมืองนี้ จะมี ดนตรีเปิดหมวก จำนวนมากออกมาแสดง แต่ในนักดนตรีที่วาดลวดลายอยู่บนถนนคนเดินใจกลางเมืองนั้น ต้องบอกว่า หาผู้มีฝีมือแทบไม่ได้ แต่ก็ยังได้รับความสนใจ เสียงปรบมือ และ เงิน จากคนดูที่ผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนถึงขนาดที่ บางวงปักหลักเล่นดนตรีเร่อยู่ที่เมืองนี้ เป็นเวลาอย่างน้อยที่ผมเห็นก็น่าจะ 10 ปีได้ บางคนใช้ฝีปากเป็นจุดขายมากกว่าฝีมือที่มีอยู่น้อยนิด  บางวงถึงขนาดเลือกเล่นเพลงแต่ท่อนง่ายๆ แต่ก็ยังมีให้เห็น ที่บางครั้งเราอาจะเจอป้าอ้วนๆแก่ๆที่น่าจะกำลังจ่ายตลาด เล่นเปียโนเพลงของ Bach ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อเทียบกับเรื่องของ Bell ที่เคยได้ยินมา ที่ผมรู้สึก ก็คือ ชีวิตในแบบ อเมริกันนั้นช่าง สุกเอาเผากินแก่งแย่งเร่งรีบสิ้นดี ต่างจากชีวิตที่ราบเรียบสุขสงบ แบบชาวยุโรปเป็นอยู่(โดยเฉพาะนอกเมืองหลวง) อาจจะเป็นได้ที่ผู้คนในเมืองที่ผมไป อาจจะรู้ว่าดนตรีที่ฟังอยู่นั้นไม่ได้ดีอะไร แต่ที่เขาหยุดดูหยุดฟังนั้น เนื่องจากชีวิตที่ไม่เร่งร้อน จึงมีเวลาเสพงานศิลป์ ได้ดั่งใจต้องการ จากคุณ : Genzo - [ 29 เม.ย. 52 00:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 126 บางครั้งก็เป็นที่ฝึกฝีมือลองวิชาของ เด็กๆ ซึ่งก็มี คนจำนวนมากสนใจ จากคุณ : Genzo - [ 29 เม.ย. 52 01:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 127 บางแก๊ง ก็มาเล่นกันชิวๆ หนุกๆ จากคุณ : Genzo - [ 29 เม.ย. 52 01:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 128 บางพวกเล่นอย่างตั้งใจก็เพื่อหาประสบการณ์ จากคุณ : Genzo - [ 29 เม.ย. 52 01:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เรื่องของเบลน่าสนใจมากครับ แต่สภาพเมืองใหญ่ๆแม้แต่กรุงเทพของเรา ไม่เปิดโอกาสให้เราใช้ชีวิตช้าๆได้ น่าเห็นใจเหมือนกัน ส่วนตัวชอบเวลาฟังเบลสีเพลงสั้นๆครับเสียงไวโอลินเขาหวานดี มากกว่าเพลงยาวๆอย่างคอนแชโต้ จากคุณ : ErShiYi - [ 29 เม.ย. 52 08:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เคยอ่านเรื่องนี้ในบล๊อกของคุณเซนเซอร์ อ่านแล้วก็ขำดีเหมือนกัน มีคลิปเค้าถ่ายตอน bell สีด้วยค่ะ เร่งภาพเร็วๆให้เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา จากคุณ : Vitamin_C - [ 29 เม.ย. 52 08:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ชอบเบลอัลบั้มนี้ครับ จากคุณ : ErShiYi - [ 29 เม.ย. 52 09:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ของ Previn ผมไม่เคยฟังครับ สำหรับชอสฯผมฟังซ้ำไปมาของ Barshai, Haitink, Bernstein โปรโกเฟียฟผมชอบเปียโนคอนแชร์โต 3 เป็นพิเศษครับ (โรเมโอ & จูเลียตด้วย) คุณ A Muggle เขียนถึง "Battleship Potemkin"  ทำให้นึกถึงฉากคลาสสิคบันไดเมืองโอเดสสา เรื่องนี้หามาดูเพราะตำราทุกเล่มเขียนถึงหมด ผมก็ไม่แน่ใจว่าสมมติให้ จูเลีย ฟิชเชอร์ ไปเล่นไวโอลินแบบนี้ในเมืองอื่นเช่น ลอนดอนจะมีคนจำได้รึเปล่า คุณ Genzo หมายถึง เมืองมิวนิครึครับ? จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 29 เม.ย. 52 10:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ^ ^ ^ คุณBlueWhiteRed ครับ ถ้า จูเลียเล่นไม่ว่าที่ไหนก็ตามผมว่ามีคนมุงแน่นอนครับเพราะว่า...... เธอสวย แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 11:04:15 จากคุณ : ErShiYi - [ 29 เม.ย. 52 11:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 134 HA HA.. นำมาทั้ง Julia Fischer, Janine Jansen, Hilary Hahn บรรเลงพร้อมกันสามคนเลยดีมั้ยครับ ฝาก Genzo ด้วยครับ เห็น Barenboim พูดยกย่อง Furtwangler ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ (ไปเขียนในบล็อกไว้) http://boris.bloggang.com จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 29 เม.ย. 52 14:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ตอนนี้ผมคิดว่ากระทู้ร้อยแผ่น และเมาส์ภาคแรก ที่หายไปนั้น กำลังอยู่ในช่วงของการแปรสภาพเป็นกระทู้ในคลังนะครับ (มองในแง่ดี) แต่ถ้าหายไปจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ห้องเราคนไม่พอจะกดเข้าคลังได้ ... แง๊ๆๆ ..................................................................................................... เจ้าป้าและกระผมเคยเปรยๆกันว่า "ถ้า"มีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองฝรั่งแบบพร้อมหน้าพร้อมตา และตังค์หมด ถังแตก (อิอิ) ถ้าไปเปิดหมวกโดยรำไทย - เล่นลาวกระทบไม้ ในที่ประชุมชนบ้านเขา จะมีคนดู และให้เงินเปิดหมวกสักกี่มากน้อย แฮ่ๆๆๆๆ จากคุณ : jassb1 - [ 29 เม.ย. 52 15:47:07 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ที่เมืองไทยเมื่อนานแสนนานมาแล้ว เคยเห็นมีคนเล่นไวโอลินเปิดหมวกอยู่ที่สยาม ตอนเย็นๆเวลาเรียนพิเศษเสร็จจะได้แวะดูเรื่อยๆเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ยังมีอยู่ไหม ขอเอารูปนักเปิดหมวกมาร่วมแจม แก๊งค์นี้อยู่หน้าปราสาทปรากกลางแดดเลย มีคนมาดูเยอะเลยค่ะ  มีขาย CD ด้วย จากคุณ : Vitamin_C - [ 29 เม.ย. 52 17:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 137 อยากดูเล่นลาวกระทบไม้บนสะพานชาร์ลส์จังครับ ^o^ แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 17:31:56 จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 29 เม.ย. 52 17:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 138 อันที่จริงบ้านเรา มันไม่ค่อยมีลานใหญ่ๆให้รวมตัวกัน ครั้นจะเป็นสนามหลวงก็....... ที่ดูจะเหมาะก็น่าจะเป็นลานหน้า CTW อาจจะร้อนไปซักหน่อย แล้วก็มักจะมี event มาจัดเรื่อยๆ แต่ถ้ามีการสนับสนุน เราว่าลานเนี่ยอ่ะน่าจะ work อันนี้เป็นแก๊งค์เด็ก อยู่หน้าโบสถ์สเตฟานที่ เวียนนา จากคุณ : Vitamin_C - [ 29 เม.ย. 52 17:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ความจริง ลานสำหรับนักดนตรีหรือการแสดงหลายหลากมีเยอะมาก แต่เนื่องจากบางแห่งเป็นที่หลวง.....การขอใช้ ยากกกกมากกกก และบางแห่งเป็นที่เอกชน.......การขอใช้บางครั้งต้องมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เชียงใหม่ ถนนคนเดิน มีหลายสำนักมาเปิดหมวกให้ดู ให้ชม ไม่ว่าจะคณะหุ่นเชิด เล่นกันเป็นจริงเป็นจัง ใกล้ๆ กับอนุเสารีย์ สามกษัตริย์ หรือ ละอ่อนน้อย หน้าตาพริ้มเพรา มาดีด สี ตี เป่า ดนตรีไทย ก็หลายวงอยู่ กรุงเทพฯ หลังจากงาน street show แล้ว ยังไม่เห็นที่เป็นเรื่องเป็นราว มิฉะนั้น ต้องไปถึง ป้อมพระสุเมรุ ที่จะมีต่างชาติ มาเล่นอะไรกลิ้งๆ ให้ดูชม หากชาวคณะ classic อย่างคุณป้า VC และ คุณน้า 21 จะแสดง ก็จะได้กาลงปฏิทิน ตัวแดงและลาหยุดงานเพื่อการนี้แน่นอน จากคุณ : Lonely (Learn To Be Lonely) - [ 29 เม.ย. 52 19:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 140 .. จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 30 เม.ย. 52 11:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ... จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 30 เม.ย. 52 11:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 142 .. จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 30 เม.ย. 52 11:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ... จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 30 เม.ย. 52 11:14:23 ]