Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    /// He is my REAL IDOL!!!! ///

    เขาคนนี้เกิด 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1976 ที่โรเชสเตอร์ ในนิวยอร์ก สัญชาติอเมริกัน
    เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งใน ไต้หวัน จีน ฮ่องกง และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    คุณพ่อเป็นหมอ ส่วนคุณแม่ของเขานอกจากจะเป็นบรรณารักษ์แล้ว ก็ยังเป็นนักร้องโอเปร่าสมัครเล่นอีกด้วย
    เขามีพี่ชายที่แก่กว่า 3 ปี ชื่อ ลีโอ เรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยเยล ปัจจุบันเป็นหมออยู่ในชิคาโก้
    และน้องชายชื่อ หวาง ลี่ ข่าย อ่อนกว่าเขา 9 ปี

    ปี 1990 เขาเรียนในโรงเรียนพิทส์ฟอร์ด ซัทเธอร์แลนด์ มิดเดิ้ล สคูล
    จบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากวิลเลียมส์ คอลเลจเมื่อปี 1998 เอกสาขาดนตรี โทสาขาเอเซียศึกษา
    ปริญญาโทจากวิทยาลัยดนตรี เบิร์คลีย์

    หนุ่มเชื้อสายไต้หวันที่เกิดในอเมริกา เป็นลูกคนกลางในครอบครัว สนใจเรื่องดนตรี ทั้งที่ผลการเรียนเขาอยู่ในระดับดี เขาได้เรียนไวโอลินตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ที่โรงเรียนดนตรีหรูระดับอีสต์แมนสคูลในโรเชสเตอร์ พอ 8 ขวบเขาได้เรียนเปียโน แต่ตอนนั้นเขารู้สึกว่าชอบไวโอลินมากกว่า แต่ปัจจุบันเขาค้นพบเทคนิคการเล่น ก็หลงเสน่ห์เปียโนอย่างจัง จนยกให้วิชาเปียโนแจ๊ซเป็นวิชาโปรด

    พออายุ 13 ขวบ เขาก็เป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุด ของวงโรเชสเตอร์ ฟิลฮาร์โมนิก้า ยูธ ออเคสตร้าในฐานะนักเล่นไวโอลิน และรับเล่นละครดนตรีของโรงเรียนเป็นครั้งแรกเรื่อง Once Upon A Mattress 15 ขวบเริ่มแต่งเนื้อร้องกับทำนองเพลง พอถึงวันเกิดเพื่อน ๆ เขาก็จะแต่งเพลงให้เป็นของขวัญวันเกิด เวลามีแขกมาบ้านก็เล่นไวโอลินโชว์

    ปี 1994 หลังจากผ่านการทดสอบไวโอลินจากอีสต์แมน มิวสิก สคูล เขาก็มีสิทธิเข้าเรียนดนตรีต่อที่วิลเลียมส์ คอลเลจในแมสซาชูเซ็ตส์ ที่บ้านเขา(ยกเว้นคุณแม่)ต่างไม่เห็นด้วยกับการที่เขาจะยึดดนตรีเป็นอาชีพ ต่างลงความเห็นว่าดนตรีเหมาะเป็นงานอดิเรกเท่านั้น แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของเขา ทุกคนก็ยอมรับและเข้าใจในที่สุด

    ระหว่างเรียนที่วิลเลียมส์ คอลเลจ เขาได้เข้าร่วมกิจกรรมมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งชมรมดนตรีวิลเลียมส์ กราสรูทส์ มิวสิก ในขณะเดียวกันก็ลงเรียนภาษาจีนกลางไปด้วย

    และเขาคนที่ว่านั้นก็คือ หวังลี่หง นั่นเอง

    หวังลี่หง มีโอกาสเข้าวงการดนตรีในไต้หวันตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นเขายังเรียนอยู่ปีสอง ทางโรงเรียนมีโปรเจ็กต์ให้ทำ ระหว่างปิดเทอมฤดูหนาว หัวข้อรายงานชื่อ Demographics of the Pop Music Phonomenon เขาจึงถือโอกาสบินกลับไต้หวันหาข้อมูล รวมทั้งไปเยี่ยมคุณยายที่ยังคงอยู่ที่นั่น แถมยังได้เอาผลงานของตัวเอง อัดลงวิดีโอส่งให้สังกัดแผ่นเสียง ที่ไต้หวันหลายแห่งพิจารณา นั่นเป็นการเดินทางไปไต้หวันครั้งแรกของเขา เมื่อไปถึงเขายังได้เข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลง เขาเลือกร้องเพลง Too Silly ของ เอริค มู่ กับเพลง Mong Ching Shui ของ หลิวเต๋อหัว ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแต่ก็ไม่ชนะเลิศ บริษัทริโอ มิวสิก โปรดักชันในเครือเด็คคา เร็คคอร์ดส์สนใจเซ็นสัญญาเขาเข้าสังกัด

    ผลงานชิ้นแรกของ หวังลี่หง เป็นอัลบั้มภาษาจีนกลางชื่อ Beethoven, My Rival วางขายเดือนธันวาคมปี 1995 มีเพลงที่เขาแต่งทำนองเองรวมอยู่สามเพลงคือ Listen To The Rain, Last Night และ Hate To Say Goodbye เป็นที่สนใจในหมู่นักวิจารณ์อย่างมาก แต่ไม่มีโอกาสทำกิจกรรมโปรโมตอัลบั้มได้ เพราะยังเรียนหนังสืออยู่ ทำให้ยังไม่ดังเท่าที่ควร

    กรกฎาคม 1996 มีอัลบั้ม If You Ever Heard My Song ออกมาเป็นผลงานชุดที่สอง ชุดนี้นอกจาก หวังลี่หง จะได้แต่งทำนองเพลงที่เป็นไตเติ้ลแทร็คแล้ว ยังได้แต่งทำนองให้เพลง Headline Rock, Better Off Alone ฯลฯ ด้วย ธันวาคมปีเดียวกันมีอัลบั้มตามออกมาอีกชุด Missing You ชุดนี้มีเพลงที่เขาแต่งอยู่สองเพลง An Appointment For Your Love กับ Noah จากนั้นก็ออกคอนเสิร์ตแสดงสดเป็นครั้งแรกที่ K K Disco

    หลังจากออกอัลบั้มที่สี่ White Paper ซึ่งเริ่มทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในไต้หวันเมื่อปี 1997 หวังลี่หง ก็กลับไปอเมริกาและรับตำแหน่ง Music Director ของ Spring Streeters วงอาคาเปลล่าของวิลเลียมส์ คอลเลจ เมษายนปีถัดไปเขาเขียนเนื้อเพลงและทำนองให้ The Bite That Burns ซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ในปีสุดท้ายของเขาด้วย พล็อตละครเวทีเรื่องนี้เกี่ยวกับแวมไพร์ ซึ่งเขาแต่งสกอร์ไว้ถึงกว่า 570 หน้า

    ต่อมาในเดือนสิงหาคม 1998 หวังลี่หง ก็ออกอัลบั้มที่ห้า แต่เป็นอัลบั้มชุดแรกกับสังกัดโซนี่ ฮ่องกง Revolution ครึ่งหนึ่งเป็นเพลงที่เขาเขียนและโปรดิวซ์เอง ขายได้ถึงหนึ่งแสนแผ่นในหนึ่งสัปดาห์ อัลบั้มชุดนี้ซึ่งมีเพลง Frozen Dream ที่เขาแต่งให้เด็กกำพร้าในไต้หวัน ทำให้เขาคว้ารางวัล Best Producer และ Best Male Singer จากงานแจกรางวัล Golden Melody Awards ของไต้หวัน

    ในปี 1999 หวังลี่หง เข้าเรียนการร้องเพลงและดนตรีแจ๊ซที่ เบิร์คลีย์ มิวสิก สคูล มิถุนายนปีนั้นเขาออกอัลบั้มมาอีกชุดคือ Impossible To Miss You มีเพลงฮิต คือ Julia เพลงที่เขาบอกว่าแต่งโดยใช้เวลาแค่ห้านาทีระหว่างตัดผม อัลบั้มชุดนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของในเอเซียมากขึ้น ทำให้เขาครองรางวัล Best Producer Award จากงานแจกรางวัล Singapore Hit Awards และรางวัล Most Promising Newcomer จากงานแจกรางวัล RTHK ครั้งที่ 22 ของฮ่องกงได้สำเร็จ หวังลี่หงพักการเรียนหนึ่งเทอมเพื่อเทรนการร้องกับ วิลเลียม ไรลีย์ ครูดนตรีที่ทางโซนี่แนะนำมา วิลเลียมส เคยโค้ชเสียงให้ ไมเคิล โบลตัน, ไบรอัน อดัมส์ และ สตีวี่ วันเดอร์ มาแล้ว ในปี 1999 เช่นกันที่เขาพากย์เสียงการ์ตูนเป็นครั้งแรก ให้กับเรื่อง Iron Giant รวมทั้งแต่งทำนองเพลง ให้ศิลปินรายอื่นร้องเป็นครั้งแรก กับเพลง Love Will Never Disappear ที่ จางฮุ่ยเหม่ย (A-Mei) ร้องรวมไว้ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตของเธอ ซึ่งวางขายในเดือนธันวาคมปี 1999

    เมื่อเรียนจบปริญญาโทจากเบิร์คลีในปี 1999 หวังลี่หง ก็เริ่มรับงานแสดงเรื่องแรกคือ The Iron Giant ตามมาด้วย China Strike Force ของ สแตนลีย์ ทง ในปี 2000 เรื่องนี้เขายังได้ร่วมโปรดิวซ์อัลบั้มซาวด์แทร็ค ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้กับ คูลิโอ แร็พเปอร์ชาวอเมริกันด้วย ปีเดียวกันนี้เขายังได้ออกอัลบั้มชุดที่เจ็ด Forever's First Day ออกมาด้วย เขาใช้เวลาปีกว่าในการทำงาน ทั้งแต่งและเรียบเรียงเอง 11 เพลง ในอัลบั้มมีการหยิบเอา Descendent Of The Dragon มาร้องใหม่เป็นเพลงแด๊นซ์ เป็นเพลงเก่าของ เฮอเต๋อเจียนเมื่อต้นยุค 80 แต่คนที่ร้องจนเพลงนี้ฮิตได้คือคุณลุงแท้ ๆ ของเขา หลีเจี้ยนฟู เขาบอกว่าที่เลือกคัฟเวอร์เพลงนี้ เพราะเหตุผลส่วนตัวหลายอย่าง นอกจากว่าเป็นเพลงเก่าของคุณลุงแล้ว ก็ยังเพราะช่วงนั้นเป็นปี 2000 ปีมังกร แล้วเขาเองก็เป็นหนุ่มราศีมังกรอีกด้วย


    หวังลี่หง รับรางวัล เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส 2006 สาขา Favorite Artist Taiwanอัลบั้มชุดที่เจ็ด Forever's First Day ออกขายในเดือนมิถุนายนปี 2000 หวังลี่หง แต่งทำนองเอง 10 เพลงจากทั้งหมด 11 เพลง เขียนเนื้อเพลงเองห้าเพลง โปรดิวซ์และเรียบเรียงเองทุกเพลง งานชุดนี้เขาพยายามผสมผสานดนตรีทั้งแร็พ ฮิปฮอป แจ๊ส อาร์แอนด์บี หรือแม้แต่ดนตรีคลาสสิก เนื้อเพลงก็มีทั้งกวางตุ้งและจีนกลาง

    หลังจากลุยงานมาโดยตลอด ไม่ได้หยุดแม้แต่วันเดียวเกือบสองปีเต็ม ช่วงเดือนสิงหาคม 2001 หวังลี่หง เขามีโอกาสไปพักผ่อนกับครอบครัว ที่เกาะไมโคโนส ประเทศกรีซ ที่นั่นเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงได้อย่างดี จนกลายเป็นอัลบั้ม The One And Only อัลบั้มที่ทำให้หวังลี่หงคว้ารางวัล Producer Of The Year, Composer Of The Year กับ Song Of The Year (จากเพลง THe One And Only)

    ต่อมา หวังลี่หง ได้ออกอัลบั้มตามมาหลายชุดอย่าง Unbelievable, Shangri-la จนประสบความสำเร็จ ไม่แพ้ F4 หรือ เจย์ โจว ร่วมสังกัดคือ SONY BMG และยังได้ถ่ายโฆษณาสินค้าในเมืองไทย กับศิลปินหญิงอันดับ 1 ของเมืองไทย อย่าง ทาทา ยัง อีกด้วย นอกจากนี้ เพลงฮิตของเขายังเข้าตาศิลปินแจ๊ส เคนนี จี จนนำไป Arrange ใหม่และรวมไว้ในอัลบั้มใหม่ของเขาอีกด้วย

    ต่อมา หวังลี่หง ออกอัลบั้มใหม่ล่าสุด กับ 10 เพลงใหม่ เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรก Hua Tian Cuo และจะตามมาด้วยเพลงซึ้งอย่าง Kiss Goodbye นอกจากนี้ ยังมี ศิลปินรับเชิญอย่าง เรน และ Lim Jeonghee จากเกาหลีอีกด้วย ในเดือน พฤษภาคม 2006 หวังลี่หง ได้รับเชิญเป็นพิธีกรร่วมกับ เคลลี่ โรว์แลนด์ ในงานประกาศรางวัล เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดสและได้แสดงเพลง Heroes of earth และยังคว้ารางวัลศิลปินยอดนิยมจากไต้หวัน ไปครองอีกด้วย

    เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2549 ลี่หงได้รับรางวัล Best Male Singer จากอัลบั้ม Heros of Earth ในงาน Taiwan Golden Melody Awards ครั้งที่ 17

    หวังลี่หงยังร่วมแสดงใน “Lust, Caution” ภาพยนตร์โดยผู้กำกับคนดัง “อั้งลี่” อีกด้วย ปี 2007 หวังลี่หงกลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มใหม่ Change My Ways ภายใต้สังกัด Epic โดยโซนี่ บีเอ็มจี มิวสิก เปิดตัวกับซิงเกิ้ลแรก LUO YE GUI GEN

    ผลงานอัลบั้ม
    1995 Love Rival Beethoven  
    1996 If You Heard My Song
    1996 Thinking Of You  
    1997 Whitepaper
    1998 Revolution
    1999 Impossible To Miss You
    2000 Forever First Day  
    2001 The One And Only
    2002 Evolution
    2003 The only one
    2003 Unbelievable
    2004 HERE MY VOICE  
    2004 Shangri-La
    2005 Heroes Of Earth

    ผลงานภาพยนตร์
    The Iron Giant (1999)
    China Strike Force (2000)
    From Ashes To Ashes
    ภาพยนตร์สั้นรณรงค์การสูบบุหรี่กำกับโดย เลสลี่ จาง นำแสดงโดย หวังลี่หง, ม่อเหวินเว่ย และ เหม่ยเยี่ยนฟาง (2001)
    The Avenging Fist (2001)
    Moon Child (2003)
    Starlit High Noon (2005)

    เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย
    หวังลี่หง เป็นคนถนัดซ้าย
    ชุดแรกที่ หวังลี่หง ได้ฟังเป็นอัลบั้ม Forgettable Waters ของ หลิวเต๋อหัว ตอนนั้น หวังลี่หง อายุ 17 ปี
    เพื่อนสนิทของ หวังลี่หง ในวงการเพลงมี เดวิด เถา หรือ เถาเจ๋อ (หรือ Tao Zhe ศิลปินจีนที่มาจากอเมริกา), Shunza, โคโค่ ลี, อีสัน, เจฟฟ์ ชาง, เมวิส แฟน, วิลเลียม โซ, ปีเตอร์ โฮ และ วิเวียน ฉู่
    หวังลี่หง มีนิสัยการทำงานประหลาด ๆ อยู่บ้าง ก่อนบันทึกเสียงเขาจะต้องแปรงฟันทุกครั้ง แล้วก็จะต้องติดเนื้อเพลงตัวหนังสือใหญ่ ๆ ไว้ทั่วผนังสตูดิโอ
    หวังลี่หง ชอบใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้า
    หวังลี่หง มีสตูดิโอเป็นของตัวเองอยู่ที่นิวยอร์กชื่อโฮมบอย สตูดิโอ
    รักครั้งแรกของ หวังลี่หง เกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 13 ครั้งที่สองอายุ 15 แต่ทั้งสองครั้งเป็นความรักแบบเด็ก ๆ
    เขามีความรักจริงจังตอนอายุ 17 เขาถือว่าคนนั้นเป็นแฟนคนแรก ปัจจุบันถึงเลิกกันไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอยังมาช่วยร้องประสานเสียงให้เขาด้วยในเพลง I Want เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม....ปี 02
    หวังลี่หง เคยร้องดูเอ็ตคู่กับศิลปินหญิงมากมาย อาทิ Cass Phang ในเพลง Let Me Have Some Warmth ในอัลบั้ม Passionate Love ของ Cass เมื่อปี 1999 รวมทั้งกับ ลาร่า ฟาเบียง ศิลปินสาวจากเบลเยียมในเพลง Light Of My Life จากอัลบั้ม Lara Fabian ซึ่งออกขายเมื่อปี 2000

    ************************************************
    เหตุที่เขาเป็นตัวจริงของฉันคือ
    1.เขาเป็นคนที่มีความสามารถ เช่นเดียวกับมารายห์
    2.เขาเหมือนฑูตสวรรค์ (หล่อ เก่ง ครบสูตรทีเดียว)
    3.เขาสามารถร้องเพลงได้แทบจะทุกแนว แถมร้องสด และอิมโพรไวซ์ได้เก่งมากๆด้วย

    จากคุณ : boy_mc_carey - [ 2 พ.ค. 52 10:51:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com