ความคิดเห็นที่ 1 พึ่งจะฟังแบบเต็มๆอัลบั้มเมื่อวาน ก่อนหน้านั้นได้ฟังอยู่5เพลง รวมๆ ผมชอบมากกว่า2ชุดก่อนนะ เพลงล่าสุดที่ได้ฟังคือ The Best of Times ผมว่ารวมๆเพลงนี้ออกไปทางRush นะ ไม่รู้ซิ ผมอาจจะคิดเองเออเองก็ได้ แต่อินโทรแทบร้องให้ โคตรเศ้ราเลย(แหงละ เขียนให้คนตายนี้หว่า) Wither นี้ป๊อบสุดๆ เปิดออกเอ็มทีวีได้สบายเลย ฮาๆ The Shattered Fortress อันนี้จะชอบมากช่วงนี้ มีทั้งแปลกใจ และ ไม่แปลกใจ ที่ไม่แปลกคือ ริฟ เมโลดี้ เนื้อร้อง ของ4เพลงก่อน 9พาร์ต ก่อนหน้านี้ มาหมด แต่ที่แปลกและเจ๋ง คือ เอามาเล่นได้อย่างไม่สะดุดเลยนี้ซิ เพลงนี้ผลประโยชน์ลงตัวนะ Jordan กับ JP  แบ่งกันโซโล่ยาวๆไปเลย ไม่ต้องสลับกันไปมา The Count Of Tuscany เพลงนี้ไม่รู้จะพูดยังไงแฮะ แต่ชอบ จากคุณ : Xelong - [ 20 พ.ค. 52 14:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Wither นี่คือเพลงคิดถึงของ Silly Fools ใช่มั้ย ฮา จากคุณ : JPMR - [ 20 พ.ค. 52 19:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เผลอแผล็บเดียว งานห้องอัดของวงโรงฝันตะบันหมาก เอ๊ย ตะบันเมทัล ล่อเข้าไป 10 ชุดแล้วหรือนี่? ผมจำได้ว่า ครั้งแรกที่ผมรู้จักวงนี้จากงานชุดเทพของพวกเขา Images And Words ตอนนั้นรู้จักจากรีวิวของคุณอนุสรณ์ ไม่แน่ใจว่าจากมิวสิค เอ็กซ์เพลสหรือไงนี่แหละ หลังจากนั้นผมก็รักวงนี้เหลือหลาย ยกให้งานห้องอัดแผ่นที่ 2 ของพวกเขาชุดนี้ เป็นงานเมทัลอันดับหนึ่งตลอดกาลของตนเองมาจนถึงเดี๋ยวนี้ (โม้เว่อร์ซะ!) นับจากอัลบั้มนั้นที่มีเควิน มัวร์มือคีย์บอร์ดที่มีเซ้นต์ดนตรีดีเลิศ เขาอาจจะบรรเลงคีย์บอร์ดสู้รูเดสไม่ได้ในด้านเทคนิค แต่ในด้านการประพันธ์ดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามี"ความพอดีและลงตัว"แบบที่หาตัวจับยาก เพราะหลังจากออกจากวงไป ผมรู้สึกว่า บทเพลงของวงนี้เหมือนขาดๆเกินๆนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขาดด้าน"ท่วงทำนอง" เกินด้าน"เน้นเทคนิค"จนเกินงามในบางครั้ง (บางทีมันยืดยาวจนรู้สึกเฝือ) ในช่วงอัลบั้มหลังๆ คงต้องยอมรับว่า วงโรงฝันฯคล้ายจะตันๆไปบ้างในการทำดนตรี สังเกตว่า พวกเขา (จริงๆก็แค่เพทุคซีกับพอร์ทนอยนั่นแหละ) พยายามหาทางออก เพื่อสร้างความแตกต่างและหลากหลายให้กับรูปลักษณ์และซาวด์ดนตรี โดยการไปหยิบยืมวิธีแต่งดนตรีมากจาก U2 บ้าง Muse บ้าง Slipknot บ้าง จนทำให้ผมรู้สึกเป็นการส่วนตัวว่า อัลบั้มหลังๆของวงนี้ ออกจะยำใหญ่ใส่สารพัดไปสักหน่อย จนดูคล้ายขาดความเชื่อมั่นในการเป็นตัวของตัวเองไป แต่ความรู้สึกด้านลบทั้งหมดที่กล่าวมา ดูจะปลาสนาการไปทันทีเมื่อได้ฟัง (ตอนนี้ก็รอบที่ 2 เอง) สตูดิโออันดับที่ 10 ของวงอย่าง Black Clouds & Silver Linings เพราะในความเห็นผม วงโรงฝันฯกลับมาเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในแนวทางในแนวทางของตนเอง หายอาการเกร็งเรื่องโชว์ฝีมือ และแต่งเพลงได้พอดีมีความลงตัว จากคุณ : Younger Pat - [ 20 พ.ค. 52 23:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1. เชื่อมั่นในแนวทางของตนเอง   ไม่มีอาการหยิบยืมแนวทางการประพันธ์ดนตรีในลักษณะหยิบยืมมาใช้อีก แม้ในเพลงเปิดอัลบั้มดนตรีในส่วนของออร์เคสตัล อาจทำให้เรารู้สึกถึง Dimmu Borgir บ้าง บทเพลงสุดท้ายมีสีสันแบบ Pink Floyd บ้าง แต่มันก็ถูกใช้เฉพาะอินโทร กับตอนกลางเพลง ซึ่งมันส่งอารมณ์ในบทเพลงได้ดี แปลกแตกต่าง และลงตัวเข้ากับเนื้อหาของบทเพลงที่พูดถึงคืนทรงจำอันเลวร้ายของจอห์น ดนตรีทั้งอัลบั้มดูเป็นวงโรงฝันฯเก่าๆ ในกลิ่นสีแบบใหม่บ้าง แต่หลักๆแล้วทุกเพลง มีความสอดรับกันแบบไม่ทำให้รู้สึกเหมือน ผู้ฟังถูกยัดเยียดให้ฟังงาน"ยำใหญ่ใส่สารพัด" 2. หายอาการเกร็งเรื่องโชว์ฝีมือ ในอัลบั้มก่อนหน้านี้ผมเคยรู้สึกว่า หลายๆเพลงดูเหมือนกลุ่มนักดนตรีเทพวงนี้ ตั้งใจ๊ตั้งใจจะโชว์ฝีมือบรรเลงดนตรีมากไป จนบางทีมันมากจนเกินพอดี เพราะต้องยอมรับว่า งานห้องอัดของพวกเขามิใช่ งานไซด์โปรเจ็คแบบ Liquid Tensionฯ ดังนั้น บทเพลงมันควรจะพอดีๆ ลงตัวทั้งภาคร้อง ภาคบรรเลง แบบสอดรับกับเนื้อหาและอารมณ์เพลง มากกว่าจะเน้นเป็นอัลบั้มบรรเลงแบบงานไซด์โปรเจ็คภาคบรรเลงอย่างที่กล่าวถึง 3. แต่งเพลงได้พอดีมีความลงตัว ตามความรู้สึกส่วนตัวของผม บทเพลงที่ดีควรมีความพอดี/ลงตัวระหว่าง ท่วงทำนองไพเราะ-ช่วงบีบคั้นบุกตะลุย-ช่วงผ่อนคลาย-คลี่คลายทางดนตรี ผมว่าอัลบั้มหลังๆที่แล้วมาของวงนี้ เหมือนจะขาดเรื่องเมโลดี้ที่พอเหมาะพอดีในบทเพลง หลายเพลงในอดีต (หลังยุคเควิน มัวร์ออกไป) มันฟังดูไม่ดึงดูด เพราะขาดเมโลดี้ที่ดีในเพลง แต่บางเพลงก็เน้นเมโลดี้จนเกินงาม ฟังคล้ายเพลงป้อปของวงยูทูมากกว่าจะเป็นโรงฝันฯ แต่กับอัลบั้มนี้ผมว่า เขาสร้างเมโลดี้ในเพลงได้ลงตัวกับความเป็นดรีม เธียเตอร์ครับ จากคุณ : Younger Pat - [ 20 พ.ค. 52 23:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พอร์ทนอยบอกว่า Black Clouds & Silver Linings จะคล้ายกับจับเอา A Change of Seasons, Octavarium, Learning to Live, Pull Me Under และ The Glass Prison มารวมอยู่ในอัลบั้มเดียวกัน ผมว่ามันก็ใช่เลย แม้ไม่ได้ทั้งหมดทุกเพลงอย่างที่ว่ามาก็ตาม รูเดสบอกว่า เราใส่ความเป็นกอธิกเมทัลลงในอัลบั้มนี้ นั่นก็ใช่อีก แต่ผมว่ามันให้อารมณ์เป็นซิมโฟนิกแบล็คในเพลงแรกมากกว่านะ ภาคเนื้อร้องทุกเพลง (ยกเว้น A Rite of Passage เพลงที่ 2 ซิงเกิลแรกของชุดนี้) แต่งโดยจอห์นกับไมค์ อัลบั้มนี้เขียนถึงเรื่องราวประสบการณ์-ความทรงจำในอดีตของทั้งคู่ มากกว่าจะมาแบบ fiction หรือ sci-fi แบบอัลบั้มก่อนๆ A Nightmare to Remember จอห์นเขียนถึงประสบการณ์คืนวันอันฝันร้ายในอุบัติเหตุรถชนของตนเอง ดนตรีภาคซิมโฟนิกตอนเริ่มต้นส่งอารมณ์เพลงมากๆ (ภาคเสียงร้องยังดีที่เจมส์ไม่ทำเสียงร้องสูงปรี๊ดแบบแบล็ค กดต่ำแบบเดธ หรือร้องโหนเสียงแบบโอเปร่าอย่างกอธิก ยังเป็นโปรเกรสสีฟแบบโรงฝันฯครับ 555) ภาคดนตรีบรรเลงหายห่วง จอห์นกับจอร์แดนซัดกันไปคนละดอกสองดอก นับจังหวะลุยจังหวะขัดจังหวะยกกันแทบไม่ทัน หุหุ โดยเฉพาะจอห์นในอัลบั้มหลังๆนี้ยิ่งเล่นยิ่งใส่สปีดนิ้วจนน่ากลัว (แบบกลัวนิ้วแกพันกัน 555) ผมสงสัยจริงๆ วงไหนจะเล่นคัฟเวอร์เพลงของวงนี้ได้เนียนแบบต้นฉบับหรือดีกว่าบ้าง 555 บทเพลงแม้ยาวได้ใจ 14 นาทีกว่า แต่ไม่ทำให้รู้สึกเฝือหรือถูไถใส่ๆไปเรื่อย สักแต่ว่าให้เพลงมันยาวๆเลย เป็น"โปรเกรสสีฟ"ที่ลงตัวดี มีหลาย movement แต่สอดรับกันดี บรรยากาศโดยรวมเป็นความฝันที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ตอนนี้หลังจากฟังไป 2 รอบผมชอบเพลงนี้ที่สุดในชุดนี้ จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 00:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 A Rite of Passage บทเพลงนี้จอห์นเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับ Freemasonry และ secret societies ขออนุญาตไม่แปล เพราะผมอ่านในวิกิฯถึงสองคำนี้แล้ว ตนเองก็ยังงงๆอยู่เลย 555 ซิงเกิลแรกที่ทำให้ผมหวนระลึกถึงสีสันและท่วงทำนองในอัลบั้มยุคแรก เมโลดี้สะดุดหูมาก แต่ก็ไม่ได้เน้นแต่เมโลดี้ ในบทเพลงยังมีช่วงริฟฟ์และบรรเลงมารับแก้เลี่ยนได้ดี จริงๆช่วงบรรเลงผลัดกันรุกไล่ระหว่างจอห์นกับรูเดสมันไม่ค่อยรับกับจังหวะเมโลดี้หวานๆของเพลงเท่าไหร่ แต่ผมชอบจัง สมกับเป็นความตั้งใจจะส่งมาเป็นซิงเกิลให้คนฟังเป็นเพลงแรก น่าจะถูกเปิดออกอากาศในสถานีวิทยุได้ไม่ยาก แม้กับความยาวเพลง 8 นาทีกว่า ซึ่งถือว่าสั้นแล้วสำหรับงานชุดนี้ ที่ส่วนใหญ่มีความยาว 10 นาทีขึ้นทั้งนั้น หุหุ จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 00:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Wither มาแล้วครับ สูตรสำเร็จสำหรับวงดนตรีแฮร์แบนด์ในยุค 80 คือ ในอัลบั้มต้องมีเพลงบัลลาดช้าๆ สำหรับวงโรงฝันฯก็ไม่เว้น แต่ทำได้ดีครับ แม้จะไม่ถึงกับเทพแบบคราว Another Day ในอัลบั้ม I & W แต่ก็ถือว่า สมควรจะเป็นซิงเกิลยิ่งกว่าเพลงก่อน 5 นาทีกว่าๆ จอห์นเขียนเพลงนี้เพื่อพูดถึง writer's block ประมาณนักเขียนหรือศิลปินที่สูญเสียความสามารถจะสร้างงานใหม่ๆออกมา คงแบบโดนบล็อกตนเองอะไรงั้นมั้ง... งงม่ะ.. ไม่แปลกหรอก... ผมเองพิมพ์ไปยังงงๆตัวเองเลย  - -' อ้าว..ดึกละ เมื่อยละ ไปนอนก่อน จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 00:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 A Rite of Passage นี่ท่อน solo ของรูเดส เสียงแปลกๆนั่นใช้อะไรเล่นอ่ะครับ เหมือนไม่ใช่ keyboard เลย จะเป็น Continuum ก็ไม่ใช่ จากคุณ : ตองพี - [ 21 พ.ค. 52 09:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ รอให้ Agent Fox Mulder มาตอบดีกว่า ขานั้นเก่งเรื่องเครื่องดนตรีในงานโปรเกรสสีฟ จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 10:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่ะ..ต่อดีกว่า เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ตอนหลังๆเลยง่วงๆ+เบลอๆ 555 The Shattered Fortress หากสิ่งที่รูเดสพูดไว้ว่าเราใส่ความเป็นกอธิกเมทัลลงในอัลบั้มนี้ น่าจะเป็นสีสันและจังหวะคีย์บอร์ดในตอนต้นของเพลงนี้แหละครับ (เพลงแรกมันเหมือนซิมโฟนิกแบล็คมากกว่าอ่ะ) The Shattered Fortress เพลงนี้เป็นซีรี่ส์บทเพลงภาคสุดท้ายของ Twelve-step Suite เนื้อหาเพลงในตอนต้นที่ว่า A shattered glass prison wall behind me และ A long lost fortress จึงไปเอามาจากเพลง The Glass Prison จากชุด Six Degrees Of Inner Turbulence (ซึ่งไมค์ใช้ลูกเล่นการดึงเอาท่อนดนตรีเช่นริฟฟ์ และอื่นๆพวกเนื้อร้องจากซีรี่ส์เพลงก่อนหน้านี้มาใช้ เพื่อส่งทอดความต่อเนื่องของบทเพลงในซีรี่ส์นี้เป็นปกตินิสัย) นอกจากนี้ในภาคดนตรีก็ยังรวมเอาสิ่งที่เคยใช้ในงานเพลงซีรี่ส์ก่อนมารวมไว้เกือบทั้งหมดในเพลงนี้ เข้าใจเรียงร้อยภาคดนตรีที่แตกต่างเข้าหากันได้เนียนดี ผมยังไม่เคยลองแปลเนื้อหาเพลงทั้งหมดของซีรี่ส์นี้ เลยสงสัยจังว่าไมค์เอาเรื่องราวประสบการณ์ alcoholism ของตนเองมาเรียนอะไรได้กันหนักกันหนาตั้ง 5 ภาค (รายละเอียดดูได้ในคห. ต่อไป) ทางวงโรงฝันฯเขามีโปรเจ็คจะเอาบทเพลงในซีรี่ส์ Twelve-step Suite นี้มาเล่นทีเดียวพร้อมกันใน Live สักโชว์ในอนาคตด้วย (เข้าใจเล่น..เตรียมตัวเสียตังค์กันได้เลย) แต่ผมมีความรู้สึกเองว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของบทเพลงนี้มันน่าจะเทียบเท่า(หรืออาจจะมากกว่า) ซีรี่ส์เพลง Metropolis หรือ Change of Seasons ที่ทางวงเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 10:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Twelve-step Suite หรือ Twelve-step Saga เป็นซีรี่ส์ของไมค์ที่เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าประสบการณ์และเรื่องราวด้านขี้เมาของตนเองขึ้นมา ที่เรียกว่า 12 ขั้น (Twelve-steps) เพราะมันเป็นขั้นตอนการบำบัดอาการติดอัลกอฮอล์ของหน่วยงาน Alcoholics Anonymous (AA) เขา บทเพลงในซีรี่ส์นี้ประกอบขึ้นด้วยบทเพลง 5 บทจากงานเก่าๆอันประกอบด้วย 1. The Glass Prison (จาก Six Degrees Of Inner Turbulence) ที่ยังซอยย่อยเป็น I. Reflection  II. Restoration  III. Revelation 2. This Dying Soul (จาก Train of Thought) ประกอบด้วยงานภาคต่อ IV. Reflections of Reality (Revisited) และ V. Release 3. The Root of All Evil (จาก Octavarium) มีภาคต่ออย่าง VI. Ready VII. Remove 4. Repentance (จาก Systematic Chaos) มีภาคต่ออย่าง VIII. Regret IX. Restitution และภาคสุดท้าย Finale 5. The Shattered Fortress (จาก Black Clouds & Silver Linings) ในงานชุดนี้ นอกจากนี้บทเพลง The Mirror (จาก Awake) ของไมค์ก็เขียนถึงด้านขี้เมาของตนเอง แฟนๆจึงถือเอาบทเพลงนี้เป็นงานโหมโรงก่อนเข้าเรื่อง (Prologue) ของซีรี่ส์ Twelve-step Suite นี้เสียเลย นี่ผมยังคิดว่าไมค์จะเขียนบทส่งท้าย (Epilogue) อีกสักเพลงให้กับประสบการณ์ขี้เหล้าของเขาหรือเปล่า 5555 ในฐานะแฟนๆ เราน่าจะทำอัลบั้มพิเศษด้วยตนเอง โดยเอาบทเพลงทั้งหมดมาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ไว้ในอัลบั้มพิเศษของเราเองนะ เออจริง...เด๋วผมทำดีกว่า (ใครจะทำด้วยอย่าลืมเอา The Mirror ใส่เป็นบทโหมโรงด้วยนะครับ) จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 10:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 The Best of Times ไมค์เขียนเพลงนี้ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพ่อของเขาที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง แน่นอนขึ้นต้นเพลงก็ต้องแสดงความเคารพกับพ่อแน่ๆ ซึ้งและเศร้าเหลือเกินกับท่วงทำนองช้าๆ ก่อนเข้าท่อนแยกสู่บทเพลงจริง แต่เมื่อยละ...เด๋วมาต่อทีหลังครับ จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 11:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เฮ้อ... โหลดมา แต่ดันเป็นเพลงหลอกอ่ะครับ หุหุ มีครบทุกเพลงเลยนะ แต่ไม่ใช่ DT น่ะ สงสัยต้องรอ Collector's Boxset ที่ผมสั่งไปซะละมั้ง อีกตั้งนานแน่ะ เฮ้อ... จากคุณ : Headbanger - [ 21 พ.ค. 52 11:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ หลังมือ เอ๊ย หลังไมค์มาครับ เด๋วส่งไฟล์ BitComet ไปให้ เอาไปคลิกก็ลิงค์โหลดได้เลย จะบอกลิงค์ไปเลยผมก็หาลิงค์ไม่เจอซะละ เอ่อ...เราทำกันเพื่อการศึกษานะครับ (Academic Purpose) เป็นความรู้ ไม่ได้ต้องการจะละเมิดฯ รอของจริง โน้นแหละ 23 มิย. เดือนหน้า โฮะๆๆ จากคุณ : Younger Pat - [ 21 พ.ค. 52 12:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากครับพี่ ผมสั่งไปแล้วครับ Box Set รวมค่าส่งก็ $140 แต่คงอีกนานกว่าจะมาถึง เฮ้อ... จากคุณ : Headbanger - [ 21 พ.ค. 52 14:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 140 $ เอือกกกก... ผมคงไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ของวงนี้ เพราะถึงจะชอบยังไงก็คงยอมจ่ายแค่อัลบั้มปกติที่ไม่บ็อกซ์ครับ ไม่ไหว ไม่มีเงินซื้ออย่างอื่น ------------------------------------------------------- The Best of Times อย่างที่บอกไมค์เขียนเพลงนี้ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพ่อของเขาที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ขึ้นต้นด้วยการแสดงความไว้อาลัยกับคุณพ่อ ด้วยท่วงทำนองซึ้งๆ ปนเศร้าเล็กๆ สีสันดนตรีเริ่มจากเสียงนาฬิกาติ๊กต๊อกๆ อารมณ์ฟิงค์ฟรอยด์มาแต่ไกล แต่แล้วมีเสียงไวโอลินเดี่ยวด้วยท่วงทำนองนึกว่าเป็น เพลงประกอบหนังจันดารา (ฮานิดๆ ไม่กล้าฮามาก เสียงมารยาท กลัวไอ้ไมค์มันเตะ... เพลงพ่อตูนะ) แต่พอเข้าท่อนแยกเท่านั้น กลิ่นสีวงรัชฉุนกึก....ริฟฟ์คล้ายๆเพลง Freewill นะถ้าจำไม่ผิด ผมว่าไมค์ตั้งใจจะสื่อให้เห็นรากเหง้าทางดนตรีของตนเอง ที่ได้รับอิทธิพลมาจากวงรัช เยส และฟิงค์ฟรอยด์ ในบทเพลงที่พูดถึงความสัมพันธ์ฉันพ่อลูก ถือเป็นช่วง"เวลาที่ดีที่สุด"ในชีวิตของเขาตามชื่อเพลง เหมาะสมและคู่ควรด้วยประการทั้งปวง ช่วงกลางเพลงจอห์นโซโล่กีต้าร์ได้หวานหยด ปานประหนึ่ง Gary Moore มาเองจริงๆ นานๆจอห์นจะเล่นสำเนีงหวานๆขนาดนี้ ผมว่าจอห์นติดสำเนียงของอาจารย์ของเขา (สตีฟ มอร์ส) มาเยอะ มอร์สก็เล่นหวานได้ไม่ค่อยหวาน สังเกตเวลาเขาไปเล่นเพลงของดีพ เพอรืเพิ่ลแทนริชชี่ แบล็คมอร์ เขาจะทำได้ไม่ดี (หวาน) เท่า แม้ว่าในด้านทักษะโดยรวม มอร์สจะเก่งกว่าแบล็คมอร์มากก็ตามที แต่ในเชิงความหวานนนนน..หยด นี่สู้กันไม่ได้จริงๆ จากคุณ : Younger Pat - [ 22 พ.ค. 52 19:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 The Count Of Tuscany เพลงก่อนว่าตอนขึ้นต้นได้รับอิทธิพลจากวงพิงค์ฟรอยด์แล้ว แต่เพลงนี้มันฟรอยด์ได้ใจยิ่งกว่า เป็นเพลงที่ยาวที่สุดในอัลบั้มด้วย เพทุคซี่สวมวิญญาณสุนทรภู่ โดยเขียนเพลงนี้ขึ้นมาเป็น"นิราศเมืองแกลง" เอ๊ย "นิราศเมืองทุสคานี่" เพราะจอห์นย้อนรำลึกนึกถึงเรื่องราวของท่านเคาน์ท์ (แต่ไม่ใช่แดร็กคูล่า) แห่งเมืองทุสคานี่ในสมัยเมื่อแกเคยไปเยี่ยมเยือนเมืองนี้ในประเทศอิตาลีละมังครับ อย่างว่า เพลงมันยาวเกือบ 20 นาที มีพื้นที่ให้ใส่รายละเอียดได้มากมายก่ายกอง แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยพิสมัยรูปแบบของดนตรีโปรเกรสสีฟจ๋าๆ แบบนี้อาจจะพาลเบื่อเอาได้เหมือนกัน เพราะมันมิใช่เมทัลลุยแหลก แต่ค่อยๆเก็บบรรยากาศของเพลงไปเรื่อยๆ มีโซโล่แข่งกันลุยระหว่างจอห์นกับรูเดสบ้างในบางช่วง แต่เพลงนี้ผมว่าเขาเน้นที่บรรยากาศมากๆ รับรองหลายคนเปิดตอนง่วงๆ ฟังมา 4-5 เพลงแล้ว เจอเพลงนี้มีสิทธิหลับพล๋อยยยยย... แต่ถ้าคนชอบดนตรีโปรเกรสสีฟจ๋าๆ เข้าทางคุณแล้ว ผมว่าโดยรวม งานชุดนี้มีความโดดเด่นและลงตัวมากกว่า 2-3 อัลบั้มหลังสุดแน่ๆ โดยส่วนตัวผมอยากยกให้เป็นงานที่ดีรองจาก Images and Words ด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็คลาสสิกและลงตัวดีในระดับเดียวกับ Train of Thought และ Metropolis pt. 2ฯ ละในความเห็นผม จากคุณ : Younger Pat - [ 22 พ.ค. 52 19:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถามคุณ pat ครับ ตกลง count นี่หมายถึงอะไรเหรอครับ หรือว่าเป็นเมืองที่ petrucci ประสบอุบัติเหตุยังงั้นเหรอครับ อยากได้เนื้อเพลงเร็วๆจัง ตอนนี้ฟังกี่รอบๆก็ไม่เบื่อเลยครับ จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 23 พ.ค. 52 00:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาตอบเรื่อง เครื่องดนตรีที่จอร์แดนใช้ในท่อนโซโล่ของ A Rite of Passage ครับ จริงๆ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะยังไม่ได้ฟังชุดนี้อย่างละเอียด แต่ก็ไปค้นมาให้ครับ จอร์แดนใช้ซอฟท์แวร์ที่ชื่อ Bebot ครับ ซอฟท์แวร์ตัวนี้รันบท Apple iPhone ครับ เป็นซอฟท์แวร์ซินธ์ที่ใช้นิ้วเล่นบนทัชสกรีนครับ น่ารักดีมากๆ ลองดูตัวอย่างในคลิปด้านล่างได้เลยครับ สาธิตโดยจอร์แดนเองครับ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 23 พ.ค. 52 01:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอ้ว เจอคนสั่งBoxsetแล้ว เดี๋ยวจะไปดักปล้นคนส่งพัสดุนะครับ เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Ball_In_Flames - [ 23 พ.ค. 52 07:22:23 A:82.28.222.207 X: TicketID:197089 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Freemasonary และ secret societies คือกลุ่มลึกลับในสมัยก่อน(หรือตอนนี้อาจจะยังมี?) มีหน้าที่ในการทำพิธีกรรมบางอย่างครับ ไม่ขอพูดรายละเอียดนะครับ ลองไปหาอ่านกันเองๆ จากคุณ : GD Doi - [ 23 พ.ค. 52 08:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาขอรับความรู้เบื้องลึกของวงนี้ ดีจังครับได้อ่านเนื้อหาสาระจากบทเพลงของวงนี้ ฟังและนำมาวิเคราะห์เป็นความรู้เสริมในการฟังมากๆเลยครับ ผมฟังได้แค่ท่วงทำนองดนตรี ที่บรรเลงกันได้ไหลลื่นของวง ขอบคุณ คุณYounger Pat ที่โพสข้อมูลให้อ่านครับ จากคุณ : neo classic - [ 23 พ.ค. 52 11:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชุดนี้ ติดหูเร็วผิดปกติครับ ฟังเพลงยาวๆ โดยรู้สึกว่ามันแป้ปเดียว นับวัน เค้ายิ่งทำให้เพลงมันฟังดูสั้นลงเรื่อยๆ(ทั้งๆที่เพลงมันยาวว) โดยรวมทั้งชุด ชอบมากๆ ฟังจบแล้วอยากดูโชว์ ซะเดี๋ยวนั้นเลย จากคุณ : น้องหมูแฮม - [ 23 พ.ค. 52 12:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อัลบั้มนี้คงได้อุดหนุนของแท้ ยอมรับว่า อัลบั้มหลัง ๆ ไม่ได้ซื้อเพราะมันไม่โดน แต่อัลบั้มนี้มันมีเรื่องของ melody ที่เข้ามาด้วย ทำให้เพลงฟังติดหูดีครับ และอยากให้อัลบั้มต่อ ๆ ไปคงงานในลักษณะนี้อีก ตอนนี้ก้ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่แผ่นแท้ออก จากคุณ : csap - [ 23 พ.ค. 52 16:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จาก # 18 count เป็นตำแหน่งประมาณขุนนางของฝรั่งเขา (น่าจะนะครับ) ในเพลงที่ว่า The Count Of Tuscany ก็คือ ท่านเคาท์แห่งเมืองทุสคานี่ ส่วนเรื่องประสบการณ์อุบัติเหตุรถยนต์ในวัยเด็กของจอห์นนั้น อยู่ในเพลงแรกครับ A Nightmare to Remember ไม่เกียวกันครับสองเพลงนี้ จากคุณ : Younger Pat - [ 24 พ.ค. 52 09:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่รู้คนอื่นๆจะรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า? ถึงตอนนี้ผมฟังงานชุดนี้มาสัก 10 กว่ารอบแล้วเห็นจะได้ครับ ย้อนไปเมื่อผลงาน 2-3 อัลบั้มก่อนหน้านี้ของวงโรงฝันฯ ฟังครั้งเดียวหรือรอบเดียวแล้วผมมักรู้สึกเหนื่อยๆ จนไม่อยากฟังรอบสองอีก รู้สึกตัวเพลงนอกจากความหวือหวาในภาคบรรเลงลุยแหลก-บุกขยี้กันเองของกีต้าร์-คีย์บอร์ด-กลอง-เบสแล้ว นอกนั้นมันก็ไม่ค่อยมีเสน่ห์ดึงดูดเราเท่าไหร่ ผิดกับผลงานชุดนี้ ทั้งที่ความยาวของเพลงในอัลบั้มจำนวนแค่ 6 เพลงก็ไม่ใช่น้อยๆเลยเกือบ 1 ชม. 15 นาที แต่ฟังรอบแรกแล้วเราสามารถเปิดรอบที่ 2 ฟังอีกได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลย ผมคิดว่าเป็นเพราะ ความลงตัวของเพลง ความพอดีระหว่าง ท่วงทำนอง-เนื้อร้อง-ช่วงบรรเลงโซโล่-บรรเลงไล่บดขยี้-ช่วงผ่อนคลาย-คลี่คลายของเพลง มีความเหมาะเจาะในสัดส่วนที่ทำให้เพลงมีเสน่ห์ดึงดูดใจที่จะฟังแล้ว ฟังอีก ฟังแล้ง ฟังอีก ผลงานของวงนี้แม้ผมจะชอบมาก แต่ก็มีไม่กี่อัลบั้มของวงนี้ที่ผมฟังต่อเนื่องได้รอบที่ 2 ที่ 3 ของเขาดีจริงๆชุดนี้!! จากคุณ : Younger Pat - [ 24 พ.ค. 52 16:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณน้อง Headbanger คุยกับผมทางหลังไมค์ บอกว่า The Best of Times มีริฟฟ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเพลง The Spirit of Radio มากกว่าจะเป็นเพลง Freewill นะ (ทั้งสองเพลงนี้อยู่ในอัลบั้มชุดเดียวกันชื่อ Permanent Waves) ผมกลับไปฟังดูก็ใช่เลยครับ แย่จัง อายุเริ่มเยอะ ความจำ/ความสับสนชักเริ่มถามหา 555 จากคุณ : Younger Pat - [ 25 พ.ค. 52 20:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่อง Freemason กับ Secret Societies หารายละเอียดได้ในหนังสือ Angels & DemonS (เทวากับซาตาน) ผลงานของแดน บราวน์เลยครับ ในหนังสือจะบอกละเอียดครับ ส่วนในภาพยนตร์ไม่มีรายละเอียดตรงนี้ครับ จากคุณ : นายไผ่ - [ 25 พ.ค. 52 22:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ เคยดูสารคดีเรื่อง Angels & Demons (เทวากับซาตาน) นานแล้ว แต่ไม่ใช่หนังใหญ่ที่กำลังดังในตอนนี้ เห็นเขาบอกว่า ในอดีตเคยมีองค์กรที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานตำรวจลับของรัสเซีย KGB ซึ่งพยายามลอบสังหารองค์สันตะปาปาในยุโรปใช่ไหมครับ? หรือจะเป็นไอ้เจ้าองค์กรที่ว่านี้ Secret Society แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 02:49:37 จากคุณ : Younger Pat - [ 26 พ.ค. 52 02:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมได้จัดทำปกซีดีชุดพิเศษ Twelve-Step Suite ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ใครเห็นว่าใช้การได้ ก็สามารถ print เอาไปใช้ได้เลยนะครับ ปล. แต่รู้สึกว่าขนาดจะไม่ได้ -_-" (ด้านกว้าง กว้างไปนิด ด้านสูง รู้สึกจะสูงไปเยอะเหมือนกัน ยังไงลองย่อลงจากขนาดปัจจุบัน สัก 80 % นะครับ) แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 11:32:36 แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 11:15:36 จากคุณ : Younger Pat - [ 26 พ.ค. 52 10:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โอเค...อันนี้ปรับขนาดละ น่าจะได้ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 11:33:09 จากคุณ : Younger Pat - [ 26 พ.ค. 52 11:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 -_-"    ก็ยังสูงไปว่ะ เอาใหม่อันนี้ใช้ได้แน่! แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 11:33:48 จากคุณ : Younger Pat - [ 26 พ.ค. 52 11:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 555    อ้าว...คราวนี้ดันยาวไป...เอาใหม่อันนี้ชัวร์! แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 11:40:19 จากคุณ : Younger Pat - [ 26 พ.ค. 52 11:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^_^ จากคุณ : Younger Pat - [ 26 พ.ค. 52 11:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ููู^ ^ ^ ขอบคุณสำหรับปกครับ จากคุณ : neo classic - [ 29 พ.ค. 52 11:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากคร๊าบสำหรับปก ;D จากคุณ : waspy - [ 12 มิ.ย. 52 19:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ชุดนี้ดูเงียบเหงานะครับ เหมือนกับแฟนๆที่ชอบริฟติดหูของ DT ใน Images and Words จะตีจากกันไปหมดแล้ว แต่ผมว่า DT มาทางที่ผมชอบแล้ว มีการใส่อารมณ์ Metal สอดแทรกเข้ามาเยอะเลย ในหลายๆชุดที่ผ่านมา จากคุณ : A. D. I. D. A. S. - [ 22 มิ.ย. 52 12:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จริงๆไม่ได้เงียบหรอกครับ กำหนดของจริงจะออก 23 มิย. 52 (วันนี้) จากคุณ : Younger Pat - [ 23 มิ.ย. 52 15:30:46 ]