ความคิดเห็นที่ 1 ทริปนิวยอร์ครอบนี้ ผมกับผบ.ทบ. เพิ่งไปมาเมื่อตอนปลายเดือนมีนาคมนี้เอง เมืองนิวยอร์คนี่ผมเคยไปมาแล้วครั้งนึงในช่วงก่อนคริสต์มาสปีที่แล้ว ตอนนั้นติดใจเลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะมาอีกซักรอบก่อนกลับเมืองไทย วางแผนกันว่าจะไปแค่เสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวแบบ relax หน่อยเพราะสถานที่เที่ยวสำคัญก็วิ่งรอกเก็บไปหมดแล้วเมื่อคราวที่แล้ว รอบนี้เลยกะว่าจะไปเที่ยวแบบชิวๆเดินพิพิธภัณฑ์+กินของอร่อยๆ ดีกว่า แต่ที่สำคัญที่สุด เพียงแค่ไม่กี่วันก่อนออกเดินทางผมก็ได้เรียนรู้จากหนังสือนำเที่ยวว่านิวยอร์คมีสมบัติลำ้ค่าชิ้นหนึ่ง(สำหรับผม)ซึ่งต้องไปดูให้ได้ นั่นคือ รูปหล่อศรีษะของ Mahler (ซึ่งปกติเรียกกันว่า Mahler bust) โดย Auguste Rodin ประติมากรนามกระเดื่องชาวฝรั่งเศสนั่นเอง เป็นรูปหล่อที่เรามักจะได้เห็นตามหน้าปกซีดีหรือหนังสือเสมอๆ ตามประวัติแล้วรูปหล่อนี้ Carl Mol พ่อตาของ Mahler นั้นเป็นผู้ติดต่อ Rodin มาทำรูปหล่อให้ลูกเขย เนื่องจาก Mahler bust ชิ้นนี้หล่อมาจากต้นแบบที่ปั้นโดย Rodin ก็เลยมีได้หลาย copies เท่าที่ทราบตอนนี้มีอยู่ที่ Vienna Opera House, ที่พิพิธภัณฑ์ในเมือง St. Petersburg, ที่ National Gallery of Art ในกรุงวอชิงตันดีซี, ที่ University of Western Ontario ในแคนาดา ส่วนในนิวยอร์คนั้นมีถึงสองชิ้นนั่นคือที่ Brooklyn Museum และที่ Avery Fisher Hall ซึ่งเป็นรังของ New York Philharmonic  ในทริปนี้ก็เลยกะว่าจะไปเยี่ยมถิ่น New York Philharmonic พร้อมกับไปยล Mahler bust ที่ร่ำลือกันเสียหน่อย ส่วนผมจะหาเจอหรือไม่นั้นไปติดตามกันได้เลย แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:50:52 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อุปสรรคแรกที่เจอเลยก็คือ &#8216;รถติด&#8217; ครับ (ติดแบบไม่เป็นภาษามนุษย์เลยวุ้ย) จริงๆจากที่ผมอยู่นั่งไปนิวยอร์คนั้นใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงเท่านั้น แต่พอรถทัวร์ขึ้นทางด่วนเท่านั้นแหละก็ติดทันทีไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน แต่กว่าที่คนขับรถจะหาทางซอกแซกหลบช่วงที่รถติดไปได้ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน ทำให้การเดินไปนิวยอร์ครอบนี้กินเวลาถึงหกชั่วโมงเลยทีเดียว กว่าจะไปถึงก็ดึกแล้วทำให้พลาดพิพิธภัณฑ์ที่กะจะไปเดินไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ในรถเสียนานสองนาน พอรถถึงที่หมายก็เลยรีบเอาของไปเก็บที่โรงแรมแล้วออกมาเดินยืดเส้นยืดสายพร้อมกับหาอะไรกินไปด้วยเสียให้หายอยาก หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว ก็เลยเดินชมบรรยากาศนิวยอร์คยามค่ำคืนกันเสียหน่อย จุดหมายปลายทางแห่งหนึ่งก็คือที่นี่ครับ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 14:57:42 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นที่ร่ำลือกันว่า Apple Store แห่งนี้เป็นสาขาที่อลังการที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา ข้างบนนั้นเป็น cube ใส พอเดินเข้าไปจะมีบันไดวนทำด้วยแก้วไปยังตัวร้านซึ่งอยู่ใต้ดิน เท่าที่ดูเป็นสาขาที่กว้างขวางที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่โดยรวมๆดูค่อนข้างสกปรก เดาว่าเป็นเพราะจำนวนผู้ชมที่มาเยี่ยมชมในแต่ละวัน บนโต๊ะต่างๆนั้นก็มีผลิตภัณฑ์ของ Apple ให้ลองลูบคลำได้ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ยัน iphone ส่วนที่เป็นคอมพิวเตอร์นั้น แต่ละเครื่องเชื่อมต่อกับ internet ทำให้บางคนถือโอกาสมาใช้เล่นเนตฟรีซะเลย บรราดาข้าวของที่ขายอยู่ในร้านนั้นเห็นราคาแล้วอาจลมจับได้ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจะเดินเล่นจนหนำใจแล้วก็เลยกะว่าจะอาหารรอบดึกกินเสียหน่อย เดินๆมาก็เห็นคนเข้าคิวทำอะไรกันดึกๆดื่นๆ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาดูต้นแถวก็เจอร้านนี้ครับ ใครว่าร้านข้างถนนคนตรึมแบบนี้มีแต่ในเมืองไทย ที่นิวยอร์คนี่ก็มีเหมือนกัน ว่าแล้วก็ไปต่อคิวกับเค้าดีกว่า จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ร้านนี้ขายอาหาร Halal Food ครับ เป็นอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน อย่างร้านนี้จะเป็นข้าวสีเหลืองคล้ายข้าวหมกบ้านเราแล้วโปะหน้าด้วยเนื้อแกะสับ, ไก่ฉีกและขนมปัง pita ส่วนซอสนั้นเติมเอาเองตามสบาย พอซื้อแล้วส่วนใหญ่ก็นั่งกินกันแถวนั้นแหละ แต่ผมเดินเหนื่อยแล้วก็เลยเอากลับไปนั่งกินสบายๆในโรงแรม รสชาดอร่อยดีจริงๆสมกับที่มีคิวยาว ซอสขาวที่เห็นนี่อย่างอร่อยเลยเสียดายที่ใส่มาน้อยไปหน่อย ส่วนสีแดงนี่ก็เผ็ดดีจริงๆ อย่าคิดว่าเป็นคนไทยแล้วจะประมาทได้ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตื่นเช้าวันเสาร์ plan เช้าวันนี้ก็คือเดินทะลุ Central Park ไปยัง Avery Fisher Hall เพื่อชม Mahler ให้เสร็จก่อน ตอนบ่ายจะได้มีเวลาทำอะไรจิปาถะอื่นๆ พอดีโรงแรมผมอยู่ block เดียวกับ Carnegie Hall ก็เลยได้เดินผ่านอีกรอบหลังจากที่เมื่อคืนเดินผ่านไปรอบแล้ว ประตูทางด้านทิศใต้ของ Central Park นั้นอยู่ไม่ห่างจาก Carnegie Hall เท่าไหร่ ว่าแล้วก็เดินเข้าไปกันเลยดีกว่า ตอนที่ผมไปนั้นเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิต้นไม้ทั้งหลายก็เลยยังไม่ผลิใบออกมาเท่าไหร่นัก จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเดินผ่านบริเวณทางเดินสายหลักที่เรียกว่า Mall สองข้างทางก็มีรูปปั้นประดับอยู่เป็นระยะๆ สุดทาง Mall จะเป็นน้ำพุ Angel of the Waters Fountain ซึ่งเป็นจุดหมายของเราใน Central Park วันนี้ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เดินๆมาเจอใครนี่หน้าคุ้นๆ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อีกคนที่อยู่ติดๆกัน เห็นสองคนนี้แล้วผมก็เหมือนได้ยินเสียงเพลงๆหนึ่งแว่วมากับสายลม จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงแล้วครับ Angel of the Waters Fountain แต่ในเวลานี้ของปียังไม่ได้เปิดน้ำพุเลย คนก็เลยเงียบเหงาหน่อย เนื่องจาก Central Park นั้นมีอาณาเขตกว้างใหญ่มาก วันนี้ก็เลยได้เวลาลา Central Park ไปยัง Avery Fisher Hall เสียที แต่ก่อนจะออกไปจาก Central Park นั้นเราจะเดินผ่านอีกหนึ่งบริเวณซึ่งนับว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ดนตรียุคใหม่ไม่น้อยทีเดียว บริเวณนั้นเป็นสวนรูปหยดน้ำตาที่มีชื่อว่า Strawberry Field จากชื่อพอจะเดาได้ไหมครับว่าเกี่ยวกับใครเอ่ย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พอเดินมาถึง Strawberry Field พบว่าเป็นสวนเล็กๆดูไม่มีอะไร แต่เอ๊ะ! เห็นเค้ามุงดูอะไรกันที่พื้นก็เลยไปมุงมั่ง ปรากฏว่าเจอสิ่งนี้ที่พื้นครับ ทีนี้บอกได้หรือยังว่าหมายถึงใคร จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทำไมถึงมีอนุสรณ์สถานนี้อยู่ใน Central Park ตรงนี้?  Strawberry Field นั้นอยู่ตรงประตูด้านตะวันตกของ Central Park พอดี พอเดินออกมาก็เจอตึกนี้ครับ The Dakota เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปี 1980 John Lennon ถูกยิงเสียชิวิตอยู่ตรงทางเข้าตึกนี้เอง ผมลองไปเดินวนรอบตึกก็ไม่พบว่ามีป้ายแสดงจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด จะมีอนุสรณ์ก็แต่ใน Central Park เท่านั้น จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จาก Central Park ตรงนี้ไป Avery Fisher Hall ก็อีกเพียงไม่กี่ block เท่านั้น ที่เห็นอยู่นี้เป็นด้านหลังของ Avery Fisher Hall จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอเดินข้ามถนนมาเงยหน้าเจอป้ายชื่อถนนชื่อคุ้นๆแฮะ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Avery Fisher Hall นี้อยู่ในคอนเพล็กซ์ที่เรียกว่า Lincoln Center ซึ่งเป็นที่รวมโรงละครสำหรับการแสดงมากมาย ที่เห็นตรงหน้านั่นคือ Metropolitan Opera ส่วนทางด้านขวามือคือ Avery Fisher Hall ช่วงนี้ Lincoln Center กำลังมีการก่อสร้างก็เลยมีการกั้นรั้วดูรกๆนิดหน่อย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเดินตรงแหน่วเข้าไปยัง Avery Fisher Hall ทันที ชั้นล่างนั้นเป็น box office ดูหรูไม่น้อย ตามผนังมีโปรแกรมการแสดงปีนี้อยู่ ผมเห็นมีเล่น Mahler หลายเบอร์อยู่เหมือน เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ฟัง ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของ Larin Maazel ที่่จะเป็น music director ของ NY Philharmnic ตอนนี้ก็เลยมีแผ่นพับ-โปสเตอร์โปรโมต music director คนต่อไปซึ่งก็คือ Alan Gilbert วาทยากรท่านนี้เป็นวาทยากรหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นอายุเพียงแค่ 42 ปีเท่านั้น ผมไม่เคยผ่านงานของวาทยากรท่านนี้เลยก็เลย no idea ผมเดินสอดส่ายสายตาหา Mahler จนทั่ว floor ก็ยังไม่เจอ พอดีตรงนั้นมีบูธขายทัวร์ Lincoln Center อยู่ก็เลยเดินไปถาม "ขอโทษครับ พอจะทราบไหมครับว่า Mahler Bust ที่ปั้นโดย Rodin นั้นอยู่ตรงไหน" "อ๋อ อยู่ชั้นบนครับ ถ้าพี่ไม่ซื้อทัวร์ เข้าไปดูไม่ได้นา" น้าน เจอขายของเข้าแล้ว ดันไปบอกจุดอ่อนมันซะด้วย งานนี้ก็เลยต้องกลับมาคิดหนัก พอดีผมไม่ได้วางแผนมาใช้เวลาที่ Avery Fisher Hall นาน ทัวร์นั้นใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงแถมตอนบ่ายมีโปรแกรมจะไปเดิน Museum of Sex ในเมืองซะด้วย คงต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง อืม คิดหนักจริงๆ Mahler กับ Sex เนี่ยเลือกไม่ถูกเลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจข้าง Mahler ก็เลยอดรีวิว Museum of Sex ให้ฟังกันตามระเบียบ (หูแว่วๆได้ยินคนห้องนี้ร้อง NO...O...O...O! กันเป็นแถว) แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:26:55 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:26:32 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 14:27:47 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมก็เลยตัดสินใจเดินไปซื้อทัวร์ราคา $16 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินทัวร์อาคารต่างๆในบริเวณ Lincoln Center ไฮไลท์ของทัวร์เลยก็คือการได้เข้าไปใน Concert Hall ตามอาคารต่างๆ เริ่มจาก Alice Tully Hall สำหรับ Chamber Music มา Vivian Beaumont Theater สำหรับ Broadway Musicals (ช่วงนั้นกำลังเล่นเรื่อง South Pacific อยู่) มา Avery Fisher Hall สำหรับ New York Philharmonic มาจบที่ Metropolitan Opera เสียดายอยู่ที่ตอนที่ผมไปทัวร์มีการซ้อมอุปรากรอยู่ก็เลยไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปทัวร์ในโรง ได้แต่เดินอยู่ที่ lobby ในรูปแทน แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:27:49 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 14:29:58 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:28:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตรงทางเข้าโรงสองข้างมีตู้โชว์ costume อยู่ อย่างในรูปนี้คงพอบอกกันได้ว่ามาจากอุปรากรเรื่องอะไร ในระหว่างที่อยู่ที่ lobby คุณปู่ที่เป็นไกด์ก็บอกให้พวกลูกทัวร์ร้องเพลง La donna e mobile แน่แหละทุกคนฮัมทำนองได้แต่ไม่รู้เนื้อร้องซึ่งก็ไม่เป็นไร คุณปู่ร้องนำให้แล้วพวกเราฮัมตาม พอร้องจบแกก็สรุปว่า "ทีนี้พวกยูก็กลับไปบอกญาติพี่น้องได้แล้วว่าเคยมาร้องเพลงนี้ที่ The Met มาแล้ว!" ด้านหน้า The Met ก็มีป้ายตารางการแสดงตั้งอยู่ ผมเห็นตารางแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ปกติโรงโอเปร่าทั่วๆไป อย่าง Seattle Opera นั้นปีหนึ่งเล่นอยู่ 4-5  เรื่อง เรื่องนึงก็เล่นอยู่เรื่องเดียวทั้งเดือนประมาณนี้ แต่ของ The Met นี่เล่นเป็นสิบเรื่องภายในเดือนเดียว แบบว่าวันนี้เล่นเรื่องนึง พรุ่งนี้เล่นอีกเรื่องนึงเลย ไม่รู้ว่าทำได้ยังไงเหมือนกัน ระหว่างที่เดินทัวร์อยู่ใน Avery Fisher Hall นั้นผมก็ยังมองไม่เห็น Mahler ซักที ก็เลยต้องถามคุณปู่ไกด์ "เอ่อ ขอโทษนะครับ เคยได้ยินมาว่ามี Mahler Bust ที่ปั้นโดย Rodin อยู่ในตึกนี้" "อ๋อ ใช่ครับ อยู่ที่ใดที่หนึ่งในตึกนี้นี่แหละ มันชอบถูกย้ายไปย้ายมา ผมก็อยากพาไปดูหรอกนะเพียงแต่ว่าผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนเหมือนกัน" อ้าว งานเข้าแล้วไงกรู เสียไป $16 กับอีกหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เจอ เอาไงดีวะ นั่งนึกนอนตีนก่ายหน้าผากนึกอยู่สามตลบก็ได้ข้อสรุปว่าขณะนี้เหลืออยู่แค่ option เดียวเท่านั้น นั่นคือคืนนี้ต้องตีตั๋วเข้ามาดูคอนเสิร์ต แล้วค่อยไปวิ่งหาเอาเองช่วงพักครึ่ง จริงๆคืนนี้มีแผนจะไปดูละครบรอดเวย์แต่ยังไม่ได้ซื้อตั่วเพราะกะจะไปรอซื้อตั๋วถูกที่บูธตอน 3 โมงเย็น ตอนแรกอยากมาดูอุปรากรที่ The Met เหมือนกัน คืนนี้เล่นเรื่อง La Sonnambula ของ Bellini ซะด้วย แต่เข้าไปดูราคาปรากฏว่าตั๋วถูกสุด $250! ก็เลยต้องขอบาย ส่วนคอนเสิร์ตที่ Avery Fisher Hall นั้นไม่ได้กะมาดูเพราะคืนนี้เป็น all Handel program ผมเองก็ไม่ใช่แฟน Handel ซะด้วยแถมจองตอนกระชั้นชิดก่อนมาอาจไม่มีตั๋ว แต่ถึงตอนนี้จำเป็นต้องเสี่ยงเข้าไปซื้อตั๋วซะแล้ว มีไม่มีค่อยมาว่ากัน "เอ่อ พอจะมีตั๋วเหลือสำหรับคอนเสิร์ตคืนนี้ไหมครับ" "อ้อ มีครับ มีตั๋วราคา $35, $..........." ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็กดตั๋ว $35 ทันที ราคาประมาณนี้นับว่าถูกมากสำหรับวงระดับนี้ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะมีตั๋วเหลือแถมถูกอีกต่างหาก ถึงตอนนี้ผมก็ได้แต่บรรจงหย่อนตั๋วใบนั้นลงไปในกระเป๋าเสื้อด้านในของ Jacket  รุดซิปตรวจเช็คว่ามันจะไม่หล่นหายไปไหนพร้อมกับลุ้นระทึกว่าคืนนี้ผมกับ Mahler จะมีวาสนาได้พบกันหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:28:13 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงตอนนี้ก็ประมาณ 11 โมงครึ่งพอดี คอนเสิร์ตจะเริ่มตอนสองทุ่ม ก็ยังมีเวลาเดินเที่ยวได้อีกหน่อย ว่าแล้วก็ไปหาข้าวกลางวันกินกันดีกว่า รูปนี้ตอนโผล่ออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินแถวๆ midtown จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มารอบนี้ทำวิจัยมาแล้วว่าต้องมากินร้านนี้ครับ ก๋วยเตี๋ยวญี่ปุ่นชื่อร้าน Ippudo ร้านดั้งเดิมอยู่ในญี่ปุ่น ที่ห้องก้นครัวเค้าชอบกันมาก ส่วนร้านนี้เป็นสาขาที่เปิดในอเมริกา ขนาดมาเร็วแล้ว เข้าไปข้างในคนยืนรออยู่อีกเพียบ ก็เลยต้องไปต่อคิวยืนรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะได้กิน แต่ไม่เป็นไรครับ มีสาวหมวยสาวญี่ปุ่นยืนรอเป็นเพื่อนด้วยอีกหลายคน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาแล้วครับราเม็งเจ้าตำรับของร้านนี้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าชามนี้เรียกว่าอะไร แต่มันเป็น tonkotsu soup ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของเกาะคิวชู รสชาติเข้มข้มสมกับที่รอคอยจริงๆ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หลังจากนั้นผมวางแผนไว้ว่าจะไปเดินช๊อปปิ้งหาซื้อซีดีติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเสียหน่อย เพราะที่นิวยอร์คนี้นับเป็นสวรรค์ของคนชอบเพลงคลาสสิคก็ว่าได้เนื่องจากมีร้านซื้อขายแลกเปลี่ยนซีดีใหญ่ๆอยู่มาก ร้านที่ผมจะไปวันนี้ก็เสิร์จหามาจาก Yelp ล่ะครับ ก็คือร้าน Academy Records & CDs ซี่งรีวิวกันไว้ค่อนข้างดี มีซีดีเพลงคลาสสิคเยอะ พอดีผมไม่ได้ถ่ายรูปร้านไว้ครับ รูปนี้เป็นถนนใหญ่ ส่วนร้านจะอยู่ในซอยอีกที จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เดินเข้าไปเลือกสักพักก็ได้มือสองมาสองแผ่นครับนั่นคือ Mahler: Symphony No. 9/Kurt Sanderling/Berlin Symphony, Mahler: Symphony No.8/Seiji Ozawa/Boston Symphony และแผ่นสุดท้าย Weber: Der Freischutz/Eugen Jochum/Bavarian Radio Symphony Orchestra เป็นแผ่นใหม่ แผ่นหมายเลขเก้าของ Sanderling นั้นในท้องตลาดมีอยุ่สาม recording แผ่นที่เล่นโดย Berlin Symphony ว่ากันว่าดีที่สุด (แต่บางคนก็ว่าของ BBC ดีกว่า) ปัจจุบันนั้นออกอยู่ภายใต้สังกัด Berlin Classics แผ่นที่ผมซื้อมานั้นเป็นแผ่นเก่าของอีกสังกัดหนึ่ง ของ Ozawa นั้น out of print ไปนานแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยังไม่ reissue ออกมาใหม่ซะที  (ผมฟังหมายเลขแปดครั้งแรกในชีวิตก็ของ Ozawa นี่ล่ะครับทางวิทยุจุฬาฯ) ส่วนเจ้าลูกปืนผีสิงของ Weber นั้นอยากฟังเป็นการส่วนตัวครับ ของ Sanderling กับ Ozawa นั้นมีชุดละสองแผ่น ชุดละ $16 ซึ่งไม่ถูกเลยสำหรับแผ่นมือสอง แต่ทางร้านก็มีแผ่นที่ราคา $5 เหมือนกันเพียงแต่มันกองๆกันอยู่ไม่เรียงตามอะไรทั้งนั้น ผมไม่มีเวลาไปคุ้ย ก็เลยจำเป็นต้องเลือกตรง section ที่เค้าเรียงไว้แล้ว แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:24:50 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:03:27 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พอโผล่ออกมาจากร้าน ก็รีบเดินไปลง subway ไปยัง downtown เพื่อถ่ายรูปเจ้าสิ่งนี้ครับ Charging Bull อันโด่งดังแห่ง Wall Street  มีคนมุงกันถ่ายรูปกันเยอะแยะเลย ที่ตลกคือมีคนไปมุงถ่ายรูปก้นวัวเยอะไม่แพ้กันแถมบางคนยังเต๊ะท่าจับไข่วัวถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานกันซะด้วย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 One hell of a depressing panda! ใกล้ๆ Charging Bull นั้นก็มีแพนด้า(เทียม)อยู่ตัวแต่ไม่ใครสนใจเลย ดูมันเหงาๆก็เลยถ่ายรูปมา สงสัยต้องลองมาอยู่เมืองไทย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ร้านนี้ชื่อ Lady M ครับ อยู่บริเวณ uptown เป็นร้านเบเกอร์รี่ที่เก๋และมีเค้กอร่อยมาก ภายในร้านดูไม่เหมือนร้านเบเกอร์รี่เลยครับ ดูเหมือนร้านเสื้อผ้าเดิ้นๆมากกว่า ถ้าใครชอบเค้กไม่ควรพลาด จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 New York Subway รูปนี้ผมชอบครับ ดูให้อารมณ์แปลกๆดี นิวยอร์คเป็นเมืองที่การคมนาคมขนส่งดีมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ เรียกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ไม่ต้องมีรถยนต์เลยก็ได้ การคมนาคมเข้าไปถึงหมด ส่วนสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นแค่ subway ก็สามารถพาเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆได้เกือบหมด ทุกๆเช้าชาวมหานครนิวยอร์คก็ต้องโดยสาร subway ระยะไกลเหล่านี้จากบริเวณรอบนอกไม่ว่าจะเป็น Bronx, Queens, Brooklyn เข้ามาทำงานบนเกาะ Manhattan แห่งนี้ สำหรับเราๆนักท่องเที่ยวก็ได้แต่ร่วมอาศัยโดยสารรถ subway ไปๆมาๆก็แต่ในเกาะ Manhattan ก็ดูทุกสิ่งทุกอย่างตื่นตาตื่นใจดี แต่สำหรับชาวเมืองผู้โดยสารขาประจำทั้งเช้าและเย็นอาจจะไม่เป็นสิ่งบันเทิงเริงใจเท่าไหร่นักก็ได้ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วผมก็แวะมาร้านนี้ตามแผนที่วางไว้นั่นคือร้าน Nintendo World ซึ่งเป็นร้านอย่างเป็นทางการของเจ้าพ่อวิดีโอเกม Nintendo ซึ่งร้านแบบนี้มีแค่แห่งเดียวในอเมริกาเท่านั้น ภายในมีส่วนที่ให้ลองเล่นเกมฟรีไม่ว่าจะเป็น Wii หรือ DS ภายในร้านดูเล็กกว่าที่คิด แล้วก็มีของให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ แถมของที่ระลึกทั้งหลายนั้นไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาหรือเสื้อยืด(นำเข้าจากญี่ปุ่น)นั้นราคาแพงหูฉี่ แต่สุดท้ายก็ต้องควักกระเป๋าซื้อตุ๊กตาตัวหนี่งเพราะผมเป็นแฟนเกม Animal Crossing ของ DS อยู่ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ร้าน Nintendo World นั้นอยู่ในบริเวณ Rockefeller Center ที่เห็นอยู่ในภาพนี้ครับ หลายๆคนคงคุ้นภาพลานสเก็ตน้ำแข็งและรูปปั้น Prometheus ก็อยู่ใน Rockefeller Center นี้แหละครับ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ในบริเวณเดียวกันก็เป็นที่ตั้งของ Radio City Music Hall ซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงครึ่งแล้วครับ ต้องรีบกลับโรงแรมอาบน้ำแล้วหาข้าวกินก่อนไปคอนเสิร์ตด้วย ข้าวเย็นเลยเป็นอะไรง่ายๆ นั่นคือแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง ร้านนี้มีชื่อว่า Burger Joint ซึ่งว่ากันว่าเป็นร้านที่อร่อยที่สุดในนิวยอร์ค ร้านนี้ตั้งอยู่ในโรงแรมสุดหรู ตอนแรกผมก็คิดไปว่ามันต้องเป็นร้านออกหรูๆแน่ๆ แต่ที่ไหนได้เป็นร้านแบบชาวบ้านๆบรรยากาศคล้ายๆผับ เมนูยังเขียนบนกระดานอยู่เลย ผมเข้าไปต่อคิวสอยชีสเบอร์เกอร์มาหนึ่งชิ้น ราคาประมาณ $7 ซึ่งค่อนข้างแพง เมื่อได้ลองดูแล้วนี่เบอร์เกอร์เจ้านี้นี่เนื้อเป็นเนื้อครับ พวกขนมปังหรือส่วนประกอบอื่นๆดูธรรมดา แต่เนื้อนี่อร่อยสุดๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นที่ร่ำลือกันนัก จริงๆผมถ่ายรูปตอนที่ผมกัดไปแล้วครึ่งนึงเลยดูไม่น่าดูนัก เอาเป็นว่าดูรูปจากเว๊บดีกว่า (เครดิตภาพ:http://www.ehow.com/) จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หลังอาหารเย็นมื้อรีบด่วนก็ต้องรีบจับรถไฟใต้ดินไป Avery Fisher Hall ทันที คอนเสิร์ตวันนี้เป็น all Handel program เพื่อเฉลิมฉลอง 250 ปีหลังการเสียชีวิตของ Handel ปัจจัยหนึ่งที่คิดว่าทำให้มีตั๋วเหลือก็คือ NY philharmonic วันนี้เล่นไม่เต็มวงเพราะเพลงในยุคนั้นใช้วงดนตรีขนาดเล็กแล้วแถมวาทยากรวันนี้ก็ไม่ใช่ Lorin Maazel ด้วยแต่เป็นวาทยากรรับเชิญนามว่า Nicholas McGegan ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ Handel มีแขกรับเชิญอีกคนคือนักร้องโซปราโน Christine Schafer โปรแกรมวันนี้ก็มี: -Concerto a due cori , No. 3 in F major -Selected Arias from Partenope, Julius Caesar, and Alcina -Concerto Grosso in C major, Alexander's Feast -Music for the Royal Fireworks ตอนนนี้คนมารอเข้าโรงกันเยอะแล้ว เห็นมีเด็กๆเยอะเหมือนกันสงสัยจะมาดูกันทั้งชั้นเรียน ที่นั่งถูกของผมนั้นอยู่ชั้นบนสุดบน third tier ทางด้านข้าง หลังจากเริ่มฟังไปบ้างผมก็ชักจะเริ่มมีปัญหากับ hall นี้ เพราะถึงแม้ว่าอคุสติกจะดีแต่ที่นั่งบนชั้น tier นั้นหันหน้าเป็นมุมฉากกับเวที ไม่มีการเอียงเข้าหาเวทีใดๆทั้งสิ้น พูดง่ายๆก็คือถ้าคนดูที่ชั้น tier นี่มองตรงไปข้างหน้าก็จะเห็นคนดูบน tier อีกข้าง ถ้าจะมองเวทีก็ต้องเอี้ยวตัวหันคอมาดู ทำให้เมื่อยคอหน่อย ภายในโรงนั้นห้ามถ่ายรูปครับ ผมเลยเอารูปจากเว๊บมาให้ดู เครดิตภาพ: www.andreagallo.info/Concerthalls.html จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พอพักครึ่งปุ๊บผมก็รีบวิ่งออกมาตามหา Mahler ทันที ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน ผมดูจากแผนที่พบว่าที่ชั้นหนึ่งด้านริมนั้นมีมุมเล็กที่มีนิทรรศการเกี่ยวกับ Mahler อยู่ก็เลยรีบวิ่งลงไปทันที ปรากฏว่าก็ยังไม่เจอ Mahler bust อยู่ดี แต่ที่ตรงนั้นเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับตอนที่ Mahler นำซิมโฟนีหมายเลขหนึ่งของตัวเองมาเล่นในนิวยอร์ค มีการนำสกอร์ซิมโฟนีหมายเลขหนึ่งฉบับที่ Mahler ใช้มาตั้งให้เปิดดูได้ตามสบาย ที่เห็นสีแดงๆนั้นเป็นส่วนที่มีแก้ไขโดย Mahler เอง ส่วนสีน้ำเงินนั้นเป็นฝีมือของ Bruno Walter และ Bernstein มีผู้ให้ข้อสังเกตว่ากว่าที่ Mahler จะนำซิมโฟนีหมายเลขหนึ่งมาเล่นเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินอเมริกานั้นก็ห่างจากการแสดงรอบปฐมทัศน์เป็นสิบปี แต่ Mahler ก็ยังคงแก้ไขอยู่เลย ไม่แน่ว่าถ้า Mahler มีชีวิตยืนยาวกว่านี้ ซิมโฟนีบทต่างๆนั้นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราฟังกันอยู่ทุกวันนี้ก็ว่าได้ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถัดจากตรงนิทรรศการซิมโฟนีหมายเลขหนึ่งก็เป็นรูปของ music director ที่ผ่านมาทั้งหมดของ NYP เรียงตามตัวอักษร อย่างในรูปนี่ก็เรียงมาเลยครับ Maazel - Mahler - Masur แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 14:45:20 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถัดมาอีกหน่อยตรงบริเวณทางเข้าด้านหน้าจะเป็นบริเวณที่เรียงว่า Bruno Walter Gallery ตั้งชื่อซะสวยหรูเลยแต่จริงๆคือตู้กระจกสองตู้สำหรับนิทรรศการที่จะหมุนเวียนมาแสดง ในกรอบนี้ไม่มีคำบรรยายแต่เดาว่าน่าจะเป็นไม้บาตองของ Bruno Walter จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เอาล่ะครับ ไม่เจอสิ่งที่ตามหาอยู่ซักที แต่เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะเจอร่องรอยเกี่ยวกับ Mahler เยอะขึ้นเรื่อยๆ พอเดินมาอีกด้านตรงข้ามก็เห็นอะไรแว๊บๆวางอยุ่ก็เลยรีบวิ่งเข้าไปดู โอ พระเจ้า ในที่สุด จะก้มลงไปกราบดีมั๊ยเนี่ย หายากหาเย็นเหลือเกิน แต่อย่าดีกว่าไม่ได้เตรียมธูปเทียนมาด้วย (แต่ลองขูดดูเลขเด็ดน่าจะดี) ผมเลยเดินเข้าไปถ่ายรูปเสียชุดใหญ่ ฝรั่งที่ยืนอยู่ข้างคงงงน่าดูว่าไอ้นี่มันทำอะไร ที่ฐานมีป้ายเขียนไว้ว่า Gustav Mahler by Rodin. Gift of Helene and Erich Cohn. เท่าที่เคยอ่ายเจอมา เมื่อรวมกับฐานแล้วจะเป็นความสูงของ Mahler จริงๆซึ่งผมกะๆดูก็ประมาณ 170 เศษๆ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ใกล้จะหมดเวลาพักครึ่งแล้วก็เลยต้องรีบกลับเข้าไปในโรง เพลงสุดท้ายที่เล่นซึ่งก็คือ Music for the Royal Fireworks นั้นอลังการดีจริงๆสมกับเป็นดนตรีราชสำนัก ผมหันไปมองเด็กๆที่นั่งอยู่ชั้นสามเหมือนกันสลบไปหลายคนแล้ว พอเล่นจบผมก็วิ่งออกมาถ่ายต่ออีกรอบ ส่วนในรูปนี่เป็นบรรยากาศภายใน Avery Fisher Hall หลังงานเลิกแล้ว Mahler Bust นั้นก็ตั้งอยู่ในห้องโถงแบบในรูปนี่แหละครับ แต่อยู่อีกด้านหนึ่ง จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเดินลงมาบริเวณ box office ก็เจอเด็กกลุ่มเดิมกำลังถ่ายรูปหมู่กันอยู่ มีอาจารย์ด้วย ก็เลยคาดว่าเป็นทีมทัศนศึกษามาจากรัฐอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะผมเห็นผู้ปกครองยืนประกบอยู่ด้วย ปกติในสหรัฐฯถ้ามีการทัศนศึกษาไกลๆทางโรงเรียนจะอนุญาตให้ผู้ปกครองตามมาเป็นพี่เลี้ยงได้ด้วย ผมเดินออกมาจาก Avery Fisher Hall ก็หันกลับมาถ่ายรูป Hall นี้ยามค่ำคืนเสียหน่อย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนนี่ก็เป็น The Met ยามค่ำคืนเช่นกัน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พอออกจาก Lincoln Center ข้ามถนนมากก็มาเจอกับร้าน Barns and Noble ซึ่งเป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่มีสาขาอยู่ทั่งอเมริกา ปกติในร้านจะมีขายซีดีด้วยก็เลยแวะเข้าไปดูหน่อย พบว่าร้านนี้มีซีดีเพลงคลาสสิคมากกว่าสาขาอื่นๆที่เคยไปมา (สมกับเป็นสาขาที่ตั้งอยู่หน้า Lincoln Center จริงๆ) พบก็เลยสอย Mahler มาอีกแผ่นนั่นคือ Symphony No.10 (Cooke I) โดย Philadelphia Orchestra อำนวยเพลงโดย Eugene Ormanday จริงๆแผ่นนี้ผมเคยมีแล้วแต่เป็นแผ่นผี รอบนี้เลยขอซื้อของแพกเกจดีๆเสียงดีๆหน่อย recording ชิ้นนี้เป็น commerical recording ชิ้นแรกของซิมโฟนีหมายเลขสิบบทนี้ ซึ่งถึงปัจจุบันแล้วก็ยังเป็นหนึ่งใน recording ที่ดีที่สุดของซิมโฟนีหมายเลขสิบ จริงๆคืนนี้มีแผนจะไปกินอาหารเกาหลีมื้อดึกแถบตึก Empire State แต่ไปไม่ไหวแล้วเพราะเหนื่อยและง่วงจริงๆก็เลยต้องรีบกลับไปนอนโดยพลัน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตื่นเช้ามาวันอาทิตย์ รถทัวร์จะออกประมาณ 11 โมง วันนี้ก็พักเต็มที่เลยตื่นสายหน่อย เสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นนิดหน่อย Carnegie Hall อยู่ติดโรงแรมเลย หลังจากนั้นก็เลย check out แล้วก็ไปขึ้นรถกลับบ้านเป็นอันจบทริปนิวยอร์คของผม มีเวลาน้อยไปนิดแต่อย่างน้อยก็บรรลุเป้าหมายสำหรับการมาครั้งนี้แล้วล่ะน่า จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มีของแถมให้อีกสองเรื่องครับ เรื่องแรกหลังจากไปตะลอนๆตามหา Mahler อย่างยากลำบากที่นิวยอร์ค พอกลับมาตอนหลังถึงเพิ่งมารู้ว่าใกล้ๆบ้านก็มี Mahler Bust อีกชิ้นหนึ่งนั่นคืออยู่ที่ National Gallery of Art ที่กรุงวอชิงตันดีซีนี่เอง ผมก็เลยต้องรีบขับรถไปดูทันที ก็นี่เลยครับตามรูปข้างล่าง Mahler Bust ชิ้นนี้บริจาคโดย Lotte Walter Lindt ซึ่งเป็นบุตรสาวของ Bruno Walter ที่ฐานเขียนไว้ดังนี้ครับ August Rodin. French, 1840-1917. Gustav Mahler 1909 bronze. Gift of Lotte Walter Lindt in memory of her father, Bruno Walter 1972.78.1 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 44 บริเวณที่วาง Mahler Bust นั้นเป็นมุม Rodin ครับ มาผลงานชิ้นอื่นๆของ Rodin อยู่ด้วย อย่างในรูปที่ตรงที่ Mahler มองไปนั้นจะเป็นรูปปั้น The Thinker ครับ ในหนังเรื่อง Night at the Museum 2 ยังมีบทให้เจ้า The Thinker นี่ด้วย (ดีที่ไม่มีบทให้ Mahler ออกมาวิ่งเล่นกับเค้าด้วย) แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 14:55:48 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ของแถมเรื่องที่สองคือการไปชมคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในแดนอเมริกาของผม นั่นคือ Mahler -  Symphony No. 9 โดย Baltimore Symphony Orchestra อำนวยเพลงโดย Marin Alsop ตอนต้นเดือนเมษาฯ ในรูปที่คือ Meyerhoff Symphony Hall รังของ Baltimore SO แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 15:12:38 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ณ วินาทีนี้ ป้า Marin Alsop อาจนับได้ว่าเป็นวาทยากรหญิงที่ดังที่สุดในโลกแล้ว โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาเป็น music director ของ Baltimore SO ซึ่งเป็นวาทยากรหญิงรายแรกที่ได้เป็น music director ของ major orchestra ก่อนเล่นหนึ่งชั่วโมงมีการบรรยายโดยคุณป้าวาทยากรเองก่อน เนื่องจากคุณป้าเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของ Bernstein มาก่อน โปรแกรมวันนี้ก็เลยเปิดด้วยผลงานของ Bernstein ก่อนนั่นคือ Opening Prayer แล้วตามด้วย Mahler พอเล่นจบแกก็ยังนั่งอยู่ต่อเพื่อเปิดโอกาสให้คนฟังซักถามได้ มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ การเป็นลูกศิษย์ของ Bernstein ทำให้ Bernstein มีอิทธิพลต่อการอำนวยเพลงมากน้อยเพียงใด คุณป้าแกก็ให้ความกระจ่างว่าแน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นมีอิทธิพลของ Bernstein อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตัวเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับ Bernstein ทุกอย่าง แล้วคุณป้าก็ให้ความเห็นว่า Bernstein นั้นเล่นท่อนที่สี่ของซิมโฟนีหมายเลขเก้าของ Mahler ช้าเกินไป พอฟัง Q&A เสร็จก็ต้องรีบไปขึ้นรถไฟใต้ตินกลับบ้านเลยครับ เพราะ Baltimore ตอนกลางคืนนั้นไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ซิมโฟนีหมายเลขเก้ากับการอำลาชีิวิตอเมริกาของผมนี่ก็ช่างเข้ากันเสียนี่กระไร ~FIN~ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 14 มิ.ย. 52 14:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Welcome back my wayfarer ....เจอกันวันพรุ่งนี้นะครับ คุณพี่โหน่ง... ^__________^ จากคุณ : St@rGazer - [ 14 มิ.ย. 52 15:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ประทับจาย.................ยยยยยยยยยยยย จากคุณ : paul mariner 666 - [ 14 มิ.ย. 52 20:02:36 A:10.100.1.7 X:58.10.167.114 TicketID:169971 ]

ความคิดเห็นที่ 49 น้ำหูน้ำตาไหลพรากๆ ... พรุ่งนี้เราจะได้เจอกันครับ "My Master" จากคุณ : jassb1 - [ 14 มิ.ย. 52 21:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมาเที่ยวด้วยครับ :) จากคุณ : <เซ็นเซอร์> - [ 14 มิ.ย. 52 22:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มาลงชื่อเข้าชมไว้ก่อน เดี๋ยวตามเก็บรายละเอียดอีกทีครับ เราตั้งกระทู้ตามรอยศิลปินที่เวียนนาบ้่างดีกว่า จากคุณ : Cherokee1 - [ 14 มิ.ย. 52 23:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : Vitamin_C - [ 15 มิ.ย. 52 06:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณที่แบ่งปันครับ รูปในความเห็น ผมเดาว่าเป็นจุดที่ John Lennon โดนยิง ใช่ป่าวครับ จากคุณ : davebartus - [ 16 มิ.ย. 52 05:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สุดยอดกระทู้ตามรอยมาห์เลอร์นะคะ อ่านแล้วเหมือนตามไปเองจริงๆขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : kandida - [ 26 มิ.ย. 52 11:53:02 ]