ความคิดเห็นที่ 15

เคยขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงที่ไหนบ้างครับ
ที่จริงคุณแม่พยายามจะผลักดันให้น้ำมนต์เข้าประกวดร้องเพลงที่เวทีใหญ่ แต่ตัวเราไม่ค่อยชอบการพรีเซ็นท์ ไม่ค่อยชอบการร้องที่ต้องใส่เพาวเวอร์จัดๆแบบนั้น พอมาเข้าที่ธรรมศาสตร์ก็เลยลองมาประกวดร้องเพลงของ TU BAND ซึ่งเป็นการประกวดครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ตอนนั้นใช้เพลง Saving All My Love For you ผลออกมาก็ได้ที่หนึ่งค่ะ
ทุกวันนี้น้ำมนต์สอนร้องเพลงด้วย?
ค่ะ...ช่วงเกือบๆจะจบปริญญาโท ทราบข่าวว่าโรงเรียนดนตรีมีฟ้ากำลังจะเปิดและต้องการครู ก็เลยลองมาสมัครดู ปรากฏว่าก็สอนมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา ๔ ปีแล้ว
เพราะอะไรถึงอยากเป็นคุณครูสอนร้องเพลงครับ
มันเป็นโอกาสในชีวิตมากกว่า ตอนนั้นมีหลายๆอย่างที่จะให้เราทำ คุณแม่น้ำมนต์อยากให้เป็นทหารเรือ น้ำมนต์ก็ส่งใบสมัครไปเรียบร้อยแล้ว เราเองก็คุ้นเคยกับพี่ทหารเรือมานาน เพราะเคยร้องเพลงในคอนเสิร์ตกับพวกพี่ๆทหารเรือมาก่อน แล้วเครื่องแบบทหารเรือก็สวยด้วย เราก็สองจิตสองใจว่าจะเอาอย่างไรดี น้ำมนต์เป็นคนที่รักความอิสระ ไม่อยากอยู่ใต้กฎเกณฑ์มากนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกที่จะสอนร้องเพลงค่ะ ช่วงแรกๆก็อยากจะเป็นทหารเรือและสอนร้องเพลงในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ แต่คงไม่ไหวหรอกค่ะ งานคงจะหนักเกินไป...
จากวันแรกที่เริ่มบทบาทของความเป็นครูจนมาถึงทุกวันนี้ ได้อะไรจากอาชีพนี้บ้างครับ
ได้ความอดทนกับนักเรียนและกับทุกคนที่เราต้องร่วมงานค่ะ คืองานทุกอย่างเราจะต้องเจอกับปัญหามากน้อยแตกต่างกันไป สำหรับงานนี้น้ำมนต์ต้องอดทนกับเรื่องนั้นเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร มันจะเป็นเรื่องของการแก้สถานการณ์มากกว่าค่ะ อาจจะดูว่าเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เราต้องใช้ทักษะหลายอย่างนะ อย่างการใช้ความอดทนในการรอคอยพัฒนาการของนักเรียนที่เราสอน มันต้องใช้เวลานานมาก มีนักเรียนคนหนึ่งเขาเรียนตั้งแต่วันที่น้ำมนต์มาสอนที่นี่ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้น้องเขาก็ยังเรียนอยู่ และเราก็ได้เห็นว่าเขามีพัฒนาการขึ้นมาเยอะ การร้องเพลงนี่มันเรียนเท่าไรก็ไม่จบหรอกค่ะ เพราะจะมีเทคนิคใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา โลกมันหมุนไปเราก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
น้ำมนต์สอนวันไหนบ้างครับ
ทำงาน ๗ วันเลยค่ะ ไม่มีวันหยุด...วันจันทร์สอน ๓ ชั่วโมง ตั้งแต่ ๑๑ โมงครึ่ง ไปจนถึงบ่าย ๒ แล้วก็ไปสอนที่บ้านต่ออีก ๑ ชั่วโมง วันอังคารเริ่มสอนตอนบ่าย ๓ ช่วงเช้าว่างๆก็ไปออกกำลังกาย งานของน้ำมนต์จะไปหนักช่วงวันเสาร์-อาทิตย์น่ะค่ะ เพราะน้ำมนต์ต้องตื่นเช้า เริ่มสอน ๙ โมง เลิกสอนตอน ๑ ทุ่ม ได้พักแค่ชั่วโมงเดียว แต่หลังจากที่ไปเล่นละครเวทีเรื่องคู่กรรมแล้วก็ไม่ไหว ร่างกายเราต้องพักผ่อน เดี๋ยวจะไม่สบายไปเสียก่อน น้ำมนต์เคยไม่สบายต้องหยุดงานไป ๑ สัปดาห์ เงินหายไปเลยอาทิตย์นั้น เพราะน้ำมนต์ไม่ได้รับเป็นเงินเดือน เราสอนเท่าไรก็ได้เท่านั้น เคยคิดเหมือนกันนะคะ ว่าเมืองไทยน่าจะมีการประกันเสียง อาชีพนักร้องนี่อยู่กันแบบสั่นคลอนมาก ถ้าไม่สบายก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ นอกจากการประกันสุขภาพ แต่ถ้าคุณร้องไม่ไหวหรือเจ็บคอ เขาไม่รับทำประกันให้นะ ต้องให้เป็นถึงขนาดที่ไม่มีเสียงแล้วไปให้หมอเซ็นรับรองว่าไม่มีเสียงจริงๆ พูดไม่ได้แล้ว ซึ่งก็คือเป็นการจบอาชีพนี้ไปเลย
ถามจริงๆว่ารายได้ที่รับมันคุ้มกันไหมกับสิ่งที่เราต้องเสี่ยง
คุ้มค่ะ...(ตอบทันที) คุ้มยิ่งกว่าได้เงินเดือนมากๆ เมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไป เราอาจจะได้เงินมากกว่าเพื่อนๆที่รับเงินเดือนแต่ละเดือนถึง ๒-๓ เท่า ก็มีคุณครูสอนร้องเพลงบางคนที่ขยันๆ เขาสอนสัปดาห์ละ ๔๐ ชั่วโมง ซึ่งก็จะได้เงินประมาณ ๕๐,๐๐๐-๖๐,๐๐๐ บาท ต่อเดือน มันก็ต้องแลกกันน่ะค่ะ
การเป็นครูสำหรับน้ำมนต์นี่ยากไหม?
การสอนนี่มันไม่ยากนะคะ ประสบการณ์มันช่วยได้ เช่น เราจะต้องแก้ปัญหาอย่างไรเมื่อเจอกับคนแบบนี้ หรือบางครั้งเด็กมีปัญหามาจากบ้าน เราจะทำอย่างไร ส่วนที่ยากน่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าค่ะ เพราะเรากับเพื่อนๆจะใช้เวลาทำงานต่างกัน น้ำมนต์จะใช้เวลาอยู่คนเดียวในตอนกลางวัน ช่วงเย็นๆถึงจะได้เจอเพื่อน บางครั้งเขาเลิกงานแล้วแต่เรายังต้องสอนอยู่เลย และที่ไม่ชอบใจที่สุดก็คือวันเสาร์-อาทิตย์ เราจะไม่ได้เจอเพื่อน เพราะ ๒ วันนี้เป็นวันทำมาหากินของเราเลยละ
สอนเด็กมาก็เยอะ เคยประทับใจลูกศิษย์คนไหนบ้าง
ก็มีน้องพลับนะคะ น้ำมนต์ลองให้น้องเขาไปออดิชั่นละครเวทีเรื่องบัลลังก์เมฆ แล้วในที่สุดน้องเขาก็ได้แล้วตอนนี้ก็ดังเป็นพลุไปแล้ว แล้วก็มีลูกศิษย์อีกคนชื่อน้องมิ้นต์ เขาเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่อยู่ ป.๒ จนตอนนี้อยู่ ป.๖ แล้ว ซึ่งคุณแม่เขาบอกว่าน้องเรียนภาษาอังกฤษได้เก่งเพราะเรียนร้องเพลง น้ำมนต์จะให้เขาร้องเพลงภาษาอังกฤษ ล่าสุดเขาไปประกวดร้องเพลงของ UBC ก็ได้ที่ ๒ มาอีก
ตอนนี้มีงานด้านอื่นๆอีกด้วยหรือเปล่า
ก็มีรับงานร้องเพลงทั่วๆไปตามคอนเสิร์ต มีงานอัดเสียงเป็นฟรีแลนซ์บ้าง ก่อนหน้านี้ก็มีแวบไปเล่นละครเวทีมาช่วงหนึ่ง และตอนนี้ก็กำลังจะมีละครของวัฒนาเรื่อง The Sound of Music ประมาณเดือนกรกฎาคม เป็นละครเพลงที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรม พระเอกคือ พี่โอม-พรวิทย์ ศิลาอ่อน
ละครเวทีเรื่อง คู่กรรม เป็นงานแรกของน้ำมนต์หรือเปล่า
สำหรับบทเด่นขนาดนี้เป็นเรื่องแรกค่ะ แต่ก่อนหน้านี้เคยเล่นละครเวทีของ S&P เป็นการ์ตูนเรื่อง ๑๐๑ ดัลเมเชี่ยน เล่นเป็นสุนัขกับ อั๋น-ภูวนาท และน้องพลับ ส่วนมากละครเวทีที่น้ำมนต์เล่นจะเป็นการเต้น...ส่วนที่มาเล่นคู่กรรมได้ก็เพราะ พี่ลิง-สุวรรณดี จักราวรวุธ เคยติดต่อไว้เมื่อ ๒-๓ ปีที่แล้ว ก่อนที่น้ำมนต์จะจบปริญญาโท แล้วแกก็เงียบหายไป เนื่องจากตอนนั้นยังไม่ได้ลิขสิทธิ์จากคุณทมยันตี น้ำมนต์ถูกเรียกมาออดิชั่นคู่กับน้องอีกคน น้องเขาแสดงเก่ง แต่น้ำมนต์ร้องเพลงเก่ง น้องเขาร้องเพลงไม่ดี แต่น้ำมนต์ก็แสดงไม่ดี พี่ลิงก็อยากให้เอา ๒ คนนี้มารวมกันเป็นคนๆเดียว แต่ทีนี้ละครเรื่องนี้เป็นละครเพลง สิ่งสำคัญก็คือการร้องเพลง เขาก็เลยเลือกน้ำมนต์ ก็ต้องขอบคุณพี่ๆเขาที่ให้โอกาส เพราะน้ำมนต์อยากเรียนการแสดงมานานแล้ว
สิ่งที่ได้รับจากการเล่นละครเวที
ได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บกดมานาน ชอบมากๆค่ะ บนเวทีเราได้ด่าคนกลางตลาด ได้แสดงความเกรี้ยวกราดออกมา ซึ่งสิ่งนี้เราถูกสังคมสั่งสอนมาว่าไม่ควรกระทำ ใครทำก็ถือว่าบ้า นอกจากนี้เรายังได้ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น ได้เล่นบทบู๊ กลิ้งตกบันได ทรมานมาก มีอยู่รอบหนึ่งขณะที่น้ำมนต์กำลังแสดง แล้วเท้าไปเกี่ยวกับฉากที่เป็นไม้ เลือดก็ออกต้องวิ่งไปแปะพลาสเตอร์ยาแล้วกลับไปเข้าฉาก เรื่องคู่กรรมนี่เล่นกันทั้งหมดประมาณ ๔๐ กว่ารอบ ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ภูมิใจค่ะ
จำได้ว่าน้ำมนต์เคยออกเทปด้วยใช่ไหมครับ
อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ ชุดนั้นยังไม่โดนใจมากนัก มันไม่ใช่สไตล์เราทั้งหมดไงค่ะ คือบุคลิกของน้ำมนต์นี่ คนนอกจะดูว่าเรียบร้อย แต่ที่จริงแล้วเราก็ไม่ได้เรียบร้อยเท่ากับที่ทำเพลงออกมา อาจจะเป็นด้วยความไม่พร้อมหลายๆประการ ความไม่ถนัดของทางค่ายด้วยมั้งคะ
เคยเข้าประกวดนางสาวไทยด้วย
ปี ๒๕๔๕ ค่ะ ก็มีพี่คนหนึ่งเขาเห็นน้ำมนต์บนปกสกุลไทยนี่แหละค่ะ เขาก็บอกว่าตามหาเรามานานแล้ว อยากให้ไปประกวดนางสาวไทย กำลังจะตกลงใจกับเขาแล้ว เผอิญมีพี่อีกคนที่เขาเคยเรียกเราใช้งานบ่อยๆมาชวนเข้าประกวดเวทีเดียวกันเลย แล้วจะเอายังไงดี พี่คนหนึ่งก็เป็นคนจุดประกายให้เรา ส่วนอีกคนก็ส่งงานให้น้ำมนต์มาตลอด เลยตัดสินใจไม่ไปกับใครทั้งนั้น สมัครเองดีกว่า หาสปอนเซอร์เอง ไปที่ร้านชาร์มเซ็นเตอร์เขาก็ให้ยืมชื่อและตัดชุดให้หนึ่งชุด ช่วงนั้นก็ต้องลาสอนไป แล้วโกหกทางโรงเรียนว่าลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ๒ สัปดาห์ ไม่กล้าบอกเขาเพราะกลัวว่าตกรอบแล้วจะโดนประณาม ในที่สุดก็กลับมาอย่างมีชัยค่ะ น้ำมนต์ได้ตำแหน่งนางงามบุคลิกภาพ
น้ำมนต์มีวิธีรักษาเสียงอย่างไรครับ
ไม่นอนดึกค่ะ แล้วไม่ทานของทอด น้ำแข็งก็ไม่ควร ก่อนร้องเพลงถ้าเราทานพวกขนมนมเนยมันจะทำให้มีเสมหะ น้ำลายเหนียว พวกชา กาแฟ แอลกอฮอล์ นี่ทานมากๆเสียงจะแห้ง ยาบางตัวก็ทำให้คอแห้ง จมูกแห้งได้ นั่นจะทำให้เราร้องเพลงลำบาก
มีงานอื่นๆที่อยากจะทำอีกบ้างไหม
อยากลองเล่นละครทีวี แต่ยังไม่มีใครมาติดต่อเลยค่ะ เห็นเขาบอกว่าเป็นงานที่เหนื่อยและทรหดมาก
มองภาพรวมของวงการเพลงบ้านเราว่าตลาดค่อนข้างแคบไปหรือเปล่า
ค่ะ...ดูจากตัวของน้ำมนต์เอง ถ้าไม่มีละครเพลงเรื่อง คู่กรรม ก็คงไม่มีใครรู้จักน้ำมนต์ ภาพของนักร้องสมัยนี้ต้องเต้นเก่ง หุ่นบางๆ ร้องดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเรื่องของรูปลักษณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นักร้องอย่าง พี่ตู่-นันทิดา พี่ตุ๊ก-วิยะดา พี่เบิร์ด พี่แหวน พี่อุ้ย ที่เขาเป็นนักร้องจริงๆเขามีคุณภาพ เลยทำให้อยู่ได้นานมาจนถึงทุกวันนี้ แต่สมัยนี้มันยากตรงที่บ้านเรามีนักร้องใหม่ๆออกมาแทบทุกวัน แทบไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร
อยากทำเทปอีกสักครั้งไหมครับ?
อยากทำเพลงแบบละติน หรือบอสซาโนว่า แจ๊ซซ์ แต่ยังไม่มีใครจ้างค่ะ
จากคุณ :
เพลงบรรเลงกลางพงไพร
- [
22 มิ.ย. 52 18:44:59
]
|
|
|