ความคิดเห็นที่ 1 Brown: You -- we've heard people talk about his use of Demerol, of OxyContin. Did you talk to him about his drug use? Did you ever tell him you were worried? Boteach: Are you kidding me? Here's an example. You know, we went to give a lecture together at Oxford University. One of the main remedies I had for Michael's existence was to get serious. I said very few people in the history of the world, Michael, have achieved your level of notoriety. Do you realize what you could consecrate that to? So, we gave a lecture together at Oxford University on a children's bill of rights. And Michael brings -- Michael -- he goes into these rooms with doctors, comes out light-headed, very woozy and it was always before a performance. Michael -- you know, we think that he wasn't afraid of crowds but as I said, I think because he gave the public a key to his own self esteem, because he substituted love for attention, he was. This was always an issue before he went in front of crowds. And I would say to him, "This is poison. This is killing you. You need to be razor sharp, Michael." And he knew that it was bad for him. But the next night we had dinner together and he stood up during dinner and I said, "Why don't you sit down." He said, "Because I took your advice. My back hurts but I'm not medicating it." เราแปลคร่าวๆ ผิดถูกแก้ไขให้ด้วยนะคะ CNN: คุณรู้เรื่องที่มีคนบอกว่าไมเคิลใช้ยา Demerol หรือเปล่า คุณเคยได้บอกเขาไหมว่ายานี้มันเป็นยังไง และคุณเป็นห่วงเขามากแค่ไหนเกี่ยวกับใช้ยาเหล่านี้ ? Boteach : คุณล้อเล่นหรือเปล่า (ว่าผมจะไม่รู้) ยกตัวอย่างครั้งนึงที่เรา (boteach กับไมเคิล) ไปเป็นวิทยากรที่อ๊อกฟอร์ด ตอนนั้นไมเคิลมีข่าวอื้อฉาวแล้ว คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เราเป็นวิทยากรด้วยกัน เกี่ยวกับเรื่องสิทธิของเด็กๆ และไมเคิลนั้นต้องพาหมอเข้ามาในห้องด้วย เพราะเขารู้สึกไม่ค่อยสบายและเวียนหัว และมันเป็นแบบนี้เสมอก่อนที่จะมีการแสดง .. ไมเคิลจะต้องใช้ยา หาหมอทุกครั้งเวลาที่จะมีการแสดงคอนเสิร์ตหรือต้องอยู่หน้า คนเยอะๆ  Rabbi Boteach บอกว่า เค้าไม่คิดว่านั่นเป็นเพราะไมเคิลกลัวที่จะอยู่ ต่อหน้าคนเยอะๆ แต่เพราะเค้าให้คนทุกคนกำหนดความมั่นใจในตัวเองของเค้า เพราะเค้าต้องการทดแทนความรักที่ขาดหายไปด้วยการได้รับความสนใจ ไมเคิลจึงมีอาการทุกครั้งก่อนที่จะออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน ... Rabbi Boteach บอกว่า เขาพยายามบอกไมเคิลให้เลิกทำแบบนี้ เพราะว่า มันจะเป็นเหมือนยาพิษที่ค่อยๆทำลายชีวิตของไมเคิลเอง ซึ่งไมเคิลก็ตกลง รับปากกับเขาว่าจะไม่ใช้ยาอีก แต่แล้วเมื่อเขาได้ทานอาหารเย็นกับไมเคิล ไมเคิลไม่นั่งลงที่เก้าอี้ แต่กลับยืนอยู่อย่างนั้น Rabbi Boteach เลยถามไมเคิลว่าทำไมไม่นั่ง ไมเคิลตอบว่า เพราะเขาสัญญากับ Rabbi Boteach ไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ยา หลังเขาเจ็บมาก แต่เขาก็ไม่ได้กินยาเพื่อให้มันหายเจ็บ ... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 22:24:31 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 20:31:54 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 20:31:38 จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 20:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พยายามเข้าครับ อยากรู้ด้วยคน จากคุณ : โพสไปงั้นแหล่ะ - [ 1 ก.ค. 52 20:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 I'm speaking specifically as the years went on, I think Michael lived with a profound fear of rejection. And Michael told me once -- and this is a heartbreaking conversation between us -- "Shmuley, I promise I'm not lying to you," he said. "I'm not lying to you." He said that twice. "But everything I've done in pursuing fame, in honing my craft" to quote his words, "was an effort to be loved because I never felt loved." And he used to say that to me all the time. And you can imagine if you're trying to get love from the crowd and you're not sure how they're going to react to you because time is going on, they [call you] "wacko-jacko," -- you've become a tabloid caricature. You live in phenomenal fear. And I think that a lot of this -- the prescription drugs -- was used to address and alleviate the anxiety. And it was just tragic to watch. ไมเคิลกลัวการถูกปฏิเสธ เขาเคยบอกกับ Rabbi Boteach ว่า เขาจะไม่โกหก Rabbi Boteach เขาบอกว่า ทุกสิ่งที่เขาทำไป (การแสดง/ร้องเพลง) เป็นเพราะเขาพยายามที่จะได้รับความรัก เนื่องจากเขาไม่เคยได้รับมันมาก่อน เขาบอกเช่นนี้กับ Rabbi Boteach อยู่ตลอดเวลา Rabbi Boteach บอกว่า ลองคิดดูว่า ถ้าคุณฝากชีวิตไว้กับคนทั่วไป ที่เมือเวลาผ่านไป เขาก็อาจจะลืมคุณ เรียกคุณว่า wakco jacko เอาภาพคุณไปล้อเล่นในหนังสือแทบลอยด์ ไมเคิลต้องใช้ชีวิตอยู่ในฝันร้าย การใช้ยาเหล่านั้น มันช่วยบรรเทาฝันร้ายของเขาไปได้บ้าง แต่นั่นมันก็ช่าง น่าสลดใจอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 20:45:27 จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 20:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กำลังพยายามอยู่ค่ะ ยาวมากเลย แต่อ่านแล้วร้องไห้อะ สงสาร... กำลังคิดว่า น่าจะยินดี ที่ไมเคิลจากไป เพราะเค้าจะได้ไม่ต้องทรมานอีกแล้ว T_T จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 20:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Brown: Did he separate that part of his life from his children? Were they aware of what was going on with him? Boteach: Look, I am not someone who whitewashes Michael's sins. Michael was not a saint. He had great virtue and there was a part of him that unfortunately grew corrupt over time. So, I have no agenda in saying this -- Michael was an extremely responsible father. I know there was that outrageous incident of the baby dangling from that patio but that actually was so out of character because if anything, he was overprotective of his children. So, he was a very responsible father. He did not travel anywhere without the kids. The kids adored him, he adored them. In fact, in the last years of his life, that was probably the only inspiration he still received. He lived for these children and that's why I'm so concerned about their welfare because there's no mother in their life and now there's no father either. CNN ถามว่า ชีวิตที่ด้านทุกข์ทนของไมเคิล ลูกๆของเขารู้บ้างไหม และพวกลูกๆคิดบ้างไหมว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นสักวัน Boteach บอกว่า เขาไม่ใช่คนที่จะมาล้างมลทินให้ไมเคิล ไมเคิลไม่ใช่นักบุญ ตัวไมเคิลเองก็มีด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดีเกิดขึ้นอยู่ด้วย แต่เขาพูดได้ว่า ไมเคิลเป็นพ่อที่รับผิดชอบมากๆ เขารู้ว่าแม้จะมีเหตุการณ์ ที่ดูผิดลักษณะของพ่อทั่วไป ที่ไมเคิลเอาลูกมาห้อยอยู่ตรงระเบียงคราวนั้น แต่มันก็เป็นแค่ครั้งเดียว เพราะจริงๆแล้วเขาจะปกป้องลูกเขาถึงที่สุดเสมอๆ Boteach บอกว่า ไมเคิลไปไหนก็จะพาลูกไปด้วยเสมอ ลูกๆนั้นรักไมเคิล และไมเคิลก็รักพวกเขา อันที่จริงแล้ว ในช่วงหลายปีสุดท้ายของชีวิตของ ไมเคิล ลูกๆคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และตอนนี้ ผมถึงได้ห่วงความเป็นอยู่ของเด็กๆเหลือเกิน เพราะพวกเขาไม่มีแม่ และตอนนี้ เขาก็ไม่มีพ่ออีกต่อไปแล้วด้วยเช่นกัน... จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 20:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Brown: You talk about the people around him and that that needs to be followed up on. Who were the good guys? I mean, was his family trying to get him help? I mean, obviously you talked to him but what could have been done? CNN :คุณพูดถึงคนรอบๆตัวเขา คุณจะบอกได้ไหมว่าใครคือคนดี หมายถึงว่า ครอบครัวของเขาได้พยายามจะช่วยเขาบ้างเหรอเปล่า อย่างที่คุณช่วยพูดกับเขา แต่มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม ? Boteach :**วรรคนี้ เราไม่ค่อยเข้าใจคำตอบ แต่น่าจะประมาณว่า ไมเคิลทำให้เราเห็นด้านที่ไม่ดีในตัวเอง ทั้งในสื่อ และในคนที่ดีๆหลายๆคน ที่สนใจในเรื่องร้ายๆ  ในข่าวเสียๆของไมเคิล จนในที่สุด ทุกคนก็เชื่อในสิ่ง ที่ตัวเองได้รับฟังโดยไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า ( เราเดาว่าประมาณนี้นะคะ) มองดูพวกสื่อทั้งหลายสิ ตอนนี้เราไม่พูดเรื่องไม่ดีของคนที่ตายไปแล้ว อีกแล้ว เราพูดถึงเขาว่าเขาเป็นไอคอน นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่มันช่างดูน่าสับสน ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องใครที่เป็นคนดีรอบๆตัวไมเคิล แต่ถ้าถามว่าใครเป็นคนดี ผมเองก็พยายามที่จะเป็นคนดี ซึ่งการเป็นคนดี หมายความว่าคุณก็ต้องเสี่ยงในการทำลายมิตรภาพระหว่างคุณกับไมเคิล เพราะคุณต้องมองตาเขาแล้วบอกเขาว่า เขากำลังฆ่าตัวเองตาย หรือ ไมเคิล คุณไม่มีความปกติอยู่ในชีวิตของคุณเลย หรือบอกว่า ไมเคิล คุณแทบจะไม่มีวิญญาณเหลืออยู่แล้ว ผมหมายความว่า ไมเคิลเป็นคนที่มีจิตอยู่เต็มเปี่ยมนะ เขาเป็นคนเคร่ง ศาสนา ไม่ใช่แค่พยานของพระยะโฮวาห์เท่านั้น แต่เขาเป็นผู้ประกาศข่าว (ศาสนา) เขาเคยเคาะประตูบ้านผู้คนเพื่อขาย Wash Towels ( น่าจะหมายถึง พยายามเปลี่ยนจิตใจ เปลี่ยนความคิดคนให้เป็นคนดี) แต่แล้วเขาก็ต้องตกลงมาจากโบสถ์ ( ถูกทำลายชื่อเสียง ทำลายความตั้งใจ ) เพราะอย่างนี้ คุณต้องมองถึงเหตุนี้ให้ดีๆ ว่าไม่มีอะไรถูกและผิดเกี่ยวกับ เรื่องนี้ แต่เรื่องเหล่านี้ค่อยๆทำให้ไมเคิลค่อยๆแยกตัวออกมา จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 21:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Brown: So what did he say -- when you confronted him, when you said these things to him, how did he react to you? Boteach: Well, for a year he listened to me and used to tell me how much he loved me and cared about me and we were very close. I mean, I cannot begin to describe the degree of friendship that existed between us. I tried to be a Rabbi to him. But after a year -- and I believed there was a lot of progress in that year. You know, Michael came with me to synagogue. He was never going to become Jewish but he needed some sort of spiritual base. He used to come for regular Sabbath dinners at our home. But after a year he really began to see me almost as a nuisance. I would speak to him and I could see a complete different in body posture. He would begin to cringe. He would almost curl up, evolve into an embryonic position. He was unaccustomed to hearing any kind of criticism. And -- but then he would get his managers to sort of try to stop me and it came to a head one day in his hotel room. We went to give out books to parents of low-income families in Newark, New Jersey. And on the way back I could see Michael was angry at me, although he never had a temper so he wouldn't show it, but he was withdrawn. So, I said, "What's wrong?" So, his manager says to me, in front of him, "Shmuley, you want to make Michael accessible and normal. Don't you understand he's famous because he's not normal. And then I understood the full tragedy of his existence. Michael was terrified that the moment he became average that the public would forget him. CNN : แล้วเขาตอบคุณว่ายังไง เมื่อคุณพยายามบอกเขาแบบนั้น อันนี้เราขอสรุปคร่าวๆว่า Boteach บอกว่า แรกๆไมเคิลก็ฟังเขา (Boteach เป็นพระชาวยิว) ไมเคิลไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนมานับถือยิว แต่เขาเพียงแค่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไมเคิลก็มองว่าเขาเป็นตัวรบกวนไมเคิล เขามองเห็น ได้จากการแสดงออกของไมเคิล ที่แม้จะนอบน้อม แต่ไมเคิลก็แสดงออก ว่าไม่ต้องการฟังคำวิจารณ์อันใดอีก และผู้จัดการของไมเคิลก็เข้ามาเพื่อจะให้ boteach ออกไปจากชีวิตของ ไมเคิล โดยให้เหตุผลว่า Boteach จะทำให้ไมเคิลเป็นคนธรรมดา ผู้จัดการไมเคิลบอกว่า ที่ไมเคิลมีชื่อเสียง เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา นั่นเป็นช่วงเวลาที่ Boteach เข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่ของไมเคิลเป็นเรื่อง ที่น่าสลดใจที่สุด ไมเคิลอยู่กับความหวาดกลัวที่ว่า ถ้าเขาเป็นเหมือนคน ทั่วๆไปแล้วทุกๆคนจะลืมเขา ... นั่นคือจุดที่มิตรภาพของ boteach กับไมเคิลจบลง boteach รู้ว่าไม่สามารถจะช่วยไมเคิลได้อีกแล้ว จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 21:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ตามไปอ่านในลิ้งแล้วน้ำตาไหล ... ขอบคุณพี่อีกทีค่ะ แปลได้ดีมากๆ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 21:37:08 จากคุณ : kwangMJ - [ 1 ก.ค. 52 21:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Brown: Rabbi Shmuley, I mean, there have been so many rumors with regard to this story. What's the one thing that you've heard that you want to clear up about Michael Jackson? What should the public know? Boteach: More than anything else, I want people to understand as they read all of these very unfortunate stories about Michael. And let's face it, Michael may have -- I don't know -- but may have been guilty of very serious, serious crimes. I want people to understand that even if it were true and I have no idea if it is or it isn't, that this was a tortured, tortured soul, who from the earliest age did not know love because he felt that he had to perform to earn love. He lived in permanent insecurity. He was one of the most tortured souls I ever came across. After all the fame and fortune there was a part of him that we almost could not reach and I would hope that the public, in judging and assessing Michael Jackson, would do so ... knowing that that child star suffered these terrible, terrible things. That's why all you parents out there, when you're sitting with your kids and they show you their report card and it's not an A, please don't say to them immediately, you could have done better. That's what happened with Michael. And so he always had to perform and that's what ultimately killed him. Campbell, honestly, when they announced these concerts I thought the end was near. He was in no state to do 50-odd concerts. Not a psychological state, emotional state. Michael was burned out. He was just going to get more medication to deal with his inability to live up to his former glory of self and the outcome was going to have to be tragic. CNN : มันมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับไมเคิล มีอะไรที่คุณอยากจะให้ความ กระจ่างเกี่ยวกับไมเคิลที่คนทั่วไปคนจะรู้บ้างไหม   Boteach : ผมอยากจะพวกให้พวกคนนั้นเข้าใจว่า เขาได้อ่านเรื่องราว ที่แสนโชคร้ายของไมเคิล ไมเคิลคงจะต้องรู้สึกผิดมากกับคดีที่ร้ายแรงนั่น ผมอยากจะบอกให้ทุกคนเข้าใจว่า ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือไม่จริง มันก็เป็นความทุกข์ทรมานในจิตใจอย่างที่สุด เรื่องเช่นนี้กับบุคคลที่ชีวิต ในวัยเด็กของเขาไม่เคยรู้จักความรัก เพราะตอนเด็กเขาต้องแสดง เพื่อที่จะได้รับความรัก เขามีชีวิตอยู่กับความอ้างว้างมาตลอด ไมเคิลเป็นบุคคลที่มีจิตใจทุกข์ทนที่สุดคนหนึ่งที่พบเคยพบมา ... นอกจากภาพที่ทุกคนเห็น ไมเคิลมีบางส่วนที่ใครๆก็ไม่สามารถเข้าถึง และผมหวังว่าทุกๆคน ที่อยากจะตัดสิน หรือเข้าใจ ไมเคิล แจ๊คสัน ได้รู้ว่า วัยเด็กของไมเคิลต้องเจอกับเรื่องที่เลวร้ายเพียงใด ... นั่นคือสาเหตุว่า ทำไมพ่อแม่ทุกคน เมื่อลูกของคุณเข้ามาพร้อมกับให้คุณดู ว่าผลการเรียนของเขาไม่ใช่ A ได้โปรดอย่าเพิ่งต่อว่าลูกๆของคุณทันที คุณสามารถทำได้ดีกว่านั้น พ่อของไมเคิลจะลงโทษถ้าไมเคิลทำได้ไม่ดีพอ เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามอย่างถึงที่สุดในการแสดงเพื่อให้ พ่อของเขาพอใจ และนั่นคือสิ่งที่มันฆ่าเขา ... ด้วยความสัตย์จริง ตอนที่พวกเขาประกาศเรื่องคอนเสิร์ต 50 รอบ ผมรู้ว่าตอนจบกำลังใกล้เข้ามา เพราะไมเคิลไม่สามารถแสดงคอนเสิร์ต 50 รอบนั่นได้อย่างแน่นอน มันไม่ใช่เพราะปัญหาทางร่างกายอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องทางจิตใจด้วย ไมเคิลกำลังถูกเผาทั้งเป็น และเขาต้องใช้ยา ที่มากขึ้นเพื่อช่วยในการแสดงที่จะเกิดขึ้น 50 รอบนั้น และผลลัพธ์มันก็คือเรื่องที่น่าสลดใจนี้เอง ... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 21:31:36 จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 21:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Brown: I do want to ask you, you talk about the accusations against him, criminal accusations. Did he ever talk to you about that? Boteach: Absolutely. He said that they were absolutely not true. He promised me that he would never be alone with a child again. So I said to him, even if they're not true, Michael, after 1993, you can never be alone with a child. And he said he understood that. I also told him, you're not the children's messiah. Like it was his 44th birthday and he invited me and my family to spend it with him at Neverland. And I could see that he was a bit depressed. I said, what's wrong. He said, I want to help kids but I can't because of all -- everything that happened. I said, well, the best way to help kids, Michael, is not to help them directly -- you're not a messiah -- it's to inspire their parents to prioritize them. And that's when we started working together to get parents to read to their children, have regular family meals. So he always said to me, it wasn't true, he could never harm a child, it was all lies, et cetera. I mean, you know, I knew the child who was the second accuser. And the second accusation to be honest, I never believed. I sort of knew the family, I knew the child. I was all around in the first one and he had no business getting so close to other people's children -- that's for certain. And whether he was guilty of a crime or not, he had no right at all -- whatsoever -- to share a bed with a child that wasn't his own. But Michael crossed lines all the time. And this is part of the problem of being a superstar when no one wants to say no to you and when you simply withdraw from anyone who does say no to you. And Campbell, I have to make a plea to the Jackson family. I met Katherine who's a very pious, very religious woman, very devout Jehovah's Witness. And I met Joe Jackson. Michael really wanted his father's approval. And he loved his father very deeply. I know that in many interviews he spoke about anger towards his father. But when he was with me he said that he lived for his father's approval and he told this to his father on the phone when I was in the car with him. CNN : แล้วเรื่องคำกล่าวหาที่เขาได้รับล่ะ เกี่ยวกับคดีเหล่านั้น เขาเคยพูดกับคุณบ้างไหม Boteach : แน่นอน เขาบอกผมว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลย เขาสัญญากับผมว่า เขาจะไม่ยอมอยู่กับเด็กตามลำพังอีกแล้ว ผมจึงได้บอกเขาว่า ถึงแม้ว่าคำ กล่าวหานั้นจะไม่จริง แต่หลังจากนี้ คุณไม่สามารถอยู่ลำพังกับเด็กได้อีกแล้ว (เป็นคำสั่งศาล ??) และเขาก็บอกผมว่า เขาเข้าใจในเรื่องนั้น ... ผมยังบอกเขาอีกว่า คุณไม่ใช่พระเมสสิยาห์ของเด็กๆ (พระผู้คอยช่วยเหลือ กอบกู้ เด็กๆ) อย่างตอนวันเกิดครบ 44 ปีของเขา เขาเชิญผมและครอบครัว ไปร่วมงานที่เนเวอร์แลนด์ และผมเห็นว่าเขาดูเศร้าๆ ผมถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น ไมเคิลบอกผมว่า เขาอยากจะช่วยเด็กๆ แต่เขาก็ทำ ไม่ได้ เพราะเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้น (การถูกกล่าวหาว่าละเมิดทางเพศกับเด็ก) ผมบอกเขาว่า ทางที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือเด็กๆ แม้จะไม่ใช่ทางตรง แต่เราก็สามารถช่วยให้พ่อแม่ของพวกเขาเลี้ยงดูเด็กๆอย่างถูกวิธีได้ เราจึงได้ริเริ่มโครงการด้วยกันที่จะให้พ่อแม่เข้าใจลูกๆของเขา และเลี้ยงดูเขาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เขาบอกกับผมเสมอๆว่า คำกล่าวหาเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง เขาไม่มีทางทำ ร้ายเด็กๆ มันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด คุณรู้ไหม ผมรู้จักเด็กคนที่สองที่กล่าว หาไมเคิล ให้ตายเถอะ ผมไม่เชื่อว่า ผมรู้จักครอบครัวนั้น ผมรู้จักเด็กคนนั้น ผมเคยบอกเขาแล้วว่า เราไม่ควรไปยุ่งกับลูกของคนอื่น ไม่ว่าเขาจะรู้สึกผิด กับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ เขาก็ไม่มีสิทธิตั้งแต่แรก นั่นคือการไปนอนเตียง เดียวกับเด็กที่ไม่ใช่ลูกหลานของเขา ... แต่ไมเคิลก็ฝ่าฝืนกฏนั้นอยู่ตลอด และปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อคุณเป็น superstar คุณก็จะไม่ชอบให้ใครพูดว่า "ไม่" กับคุณ (ไมเคิลไม่เชื่อคำเตือนของ boteach ประมาณนั้น) และผมของพูดถึงครอบครัวของไมเคิล ผมอยากแก้ข่าวให้พวกเขา ผมได้ พบแคทเธอรีน (แม่ของไมเคิล) เธอเป็นคนดีมากๆ ส่วนโจ (พ่อไมเคิล) ไมเคิลต้องการได้รับการยอมรับจากพ่อมากๆ และเขาก็รักพ่อของเขามาก ผมรู้ว่าหลายครั้งที่บทสัมภาษณ์ของไมเคิลเหมือนพูดด้วยความโกรธพ่อของเขา แต่เมื่อไมเคิลอยู่กับผม เขาบอกกับผมว่า เขามีชีวิตอยู่เพื่อทำทุกอย่างให้ พ่อของเขายอมรับ และเขาเคยพูดกับพ่อของเขาแบบนี้ ตอนที่เขาคุย โทรศัพท์กับพ่อตอนที่ผมอยู่ในรถกับเขาด้วย ... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 21:50:40 จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 21:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 And I really think this is the time for the family to really be at the forefront of Michael's legacy and not to cross lines of saying, God forbid, his death as an opportunity for anything aside from that mourning. Because Michael wanted his father's love more than anything else. His father meant the world to him. And I think that one of the things he lived with more than anything else -- the pain he lived with -- was this constant feeling that he never quite earned his father's affection. ผมคิดว่านี่เป็นเวลาที่ครอบครัวของไมเคิลจะได้แสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริง นอกจากความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น เพราะว่าไมเคิลต้องการความรักจากพ่อของเขา มากกว่าสิ่งใดทั้งหมด พ่อของเขามีความหมายมากต่อไมเคิล และผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เขาต้อง อยู่กับความเจ็บปวดตลอดชีวิต กับความรู้สึกที่ยังคงอยู่ว่า เขาไม่เคยได้รับความสนใจจากพ่อเลย จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 21:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Brown: And just finally, for at least now, temporarily, his children are going to be with his mother. Do you think that's the right thing? Is that what he would want? That his family would be involved in taking care of these children? Boteach: Michael adored, adored his mother. He would always call her the saint. That was the expression he used for her. He introduced me to her on two occasions. Both times she was reading the Bible when I walked in. Michael thought the world of his mother. He wanted his children to be very close to his mother. CNN : ในที่สุด ตอนนี้ลูกๆของไมเคิลต้องไปอยู่กับย่าของพวกเขา (แม่ไมเคิล) คุณคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ? มันจะเป็นสิ่งที่ไมเคิลต้องการให้เป็นอย่างนั้นไหม เมื่อครอบครัวของไมเคิลจะต้องเข้ามาดูแลลูกๆของเขา Boteach : ไมเคิลรักแม่ของเขามาก เขาจะเรียกแม่ของเขาว่านักบุญ นั่นคือความรู้สึกที่เขามีต่อแม่ เขาแนะนำแม่ของเขาให้ผมรู้จักสองครั้ง ทั้งสองครั้งที่ผมได้พบ แม่ของเขากำลังอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลอยู่ ไมเคิลจึงต้องอยากให้ลูกของเขาสนิทกับย่า (แม่ไมเคิล) มากที่สุด จากที่ผมเห็น มันอาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ เพราะเขาเชื่อในความดีของแม่ของเขา เชื่อในความเป็นเธอ ไมเคิลพูดถึงแม่ของเขาด้วยความยกย่องและความรัก อยู่ตลอดเวลา เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับแม่ของเขาเลย จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 21:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ ไมเคิ้ลอะเอียดอ่อนจริงๆ สัมผัสได้ จากคุณ : Johan Carey - [ 1 ก.ค. 52 21:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 " And I hope that people will remember Michael in the most charitable light. "ผมหวังว่า ทุกคนจะจดจำไมเคิลในฐานะบุคคลที่เปี่ยมไปแสงแห่งความโอบอ้อมอารี" แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 22:35:24 จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 22:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากๆครับ แปลได้เยี่ยม จากคุณ : โพสไปงั้นแหล่ะ - [ 1 ก.ค. 52 22:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 MJ ได้พักผ่อนซะทีนะ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว ... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 22:43:42 จากคุณ : Hermione Granger - [ 1 ก.ค. 52 22:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณจะอยู่ในใจผมตลอดไป ไมเคิ่ล.. ขอให้คุณจากไปอย่างสงบ ถึงวันนี้ผมมั่นใจว่าคนทั้งโลกไม่มีใครไม่รักคุณแล้ว ความจริงเปิดเผยออกมาแล้ว ดนตรีของคุณให้ความสุขกับคนทั่วโลก และคุณคือ No.1 ตลอดไป แม้จากนี้จะมีคนที่ได้ชื่อว่า ควีน ว่าเรียลคิง ฯลฯ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีคุณ คุณสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด! จากคุณ : เอ็ม เชียงใหม่ - [ 1 ก.ค. 52 23:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมช่างโหดร้ายนัก นี่หรือสิ่งที่ MJ ได้ตอบแทน อ่านแล้วก็ร้องไห้ อยากไปบอกพระเจ้าว่า เอาชีวิต เราไปแทนได้มั้ย ให้ MJ ฟื้นขึ้นมา เด็กๆจะได้มีพ่อทีแสนดีต่อไป จากคุณ : ZOHANZ - [ 1 ก.ค. 52 23:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชีวิตของไมเคิล โด่งดัง ร่ำรวย และ น่าอิจฉามาก แต่พอลึกๆแล้ว น่าสงสารอะไรเช่นนี้ ทำให้ผมเห็นค่าของการเป็นคนธรรมดาไปทันที ต้องขอบคุณชีวิตของแจ็คโค่ ที่สอนให้รู้ถึงความดีในการเป็นคนธรรมดา พักเถิดแจ็คโค่ สร้างความสุดยอดมาเยอะแล้ว เรื่องเด็กๆต้องมีคนสานต่อคุณแน่นอน จากคุณ : NKL - [ 2 ก.ค. 52 00:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เค้าคือบุคคลที่ผมจะไม่มีวันลืม RIP จากคุณ : ร้อยวลี - [ 2 ก.ค. 52 02:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ร้องไห้อีกแล้ว ดูcnn.วันก่อนก็ทีนึง เค้าน่าสงสารมากๆ ไปสู่ดินแดนเนเวอร์แลนด์นะ ปีเตอร์แพนของหนู I luv u too. MJ. จากคุณ : แง้วแง้ว - [ 2 ก.ค. 52 02:35:13 A:119.31.23.151 X:64.255.180.140 TicketID:117372 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ยิ่งโด่งดังมากเท่าไหร่ ความเหงาก็จะใหญ่เท่ากับความดังนั่นเอง นอนหลับให้สบาย แล้วเกิดมาใหม่เป็นขวัญใจของคนทั้งโลกที่เต็มไปด้วยความสุขนะ MJ จากคุณ : อาจจะแก่ - [ 2 ก.ค. 52 03:21:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท. แปลเก่งมากๆ ขอบคุณมากค่ะ อ่านไปน้ำตาไหลไป ไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้วนะ MJ RIP จากคุณ : ROONGPOONGLOW - [ 2 ก.ค. 52 09:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วจะร้องไห้.. จากคุณ : bb (babyL') - [ 2 ก.ค. 52 09:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ จขกท. ครับ ที่แปลมาให้อ่าน ซึ้งมากๆ ไมเคิลเป็นอัจฉริยะอีกคน ที่มีชีวิตน่าสงสาร พระเจ้าส่งไมค์มาเพื่อสร้างความสุขให้คนอื่นๆ แต่ความสุขที่ว่าก็มีอยู่ 2 ประเภท 1. สุขจากเสียงดนตรี มีคนจำนวนมากที่ได้รับความรู้สึกนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ 2. สุขที่ได้เห็นหายนะ และล้อเลียนไมค์ คนกลุ่มนี้ถ้าไม่ได้รับข่าวแบบผิดๆ ก็มีจิตใจสกปรกเป็นทุนเดิม ที่ชอบเหยียบซ้ำชาวบ้าน เห็นโศกนาฏกรรมของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกปาก และในเมื่อมีคนประเภทที่ 2 อยู่ไม่น้อย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมพระเจ้าถึงเอาของที่ดีที่สุดกลับคืนไป พร้อมกับตบหน้าใครหลายๆคนด้วยความจริงอันขื่นขมของไมค์ ยื่นแก้มอีกข้างให้พระเจ้าตบคงไม่พอ คงต้องขอให้โบยตี เพื่อรับความรู้สึกเดียวกับไมค์...ความรู้สึกที่เค้าอยู่กับมันมาตลอดชีวิต แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 10:46:58 จากคุณ : No Nothing - [ 2 ก.ค. 52 10:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 T T ขอบคุณสำหรับบทสัมภาษณ์นี้มากๆ ค่ะ อ่านแล้วรู้สึกผิด เราเป็นคนหนึ่งที่เคยชอบเขามากๆ เราเกิดมาพร้อมช่วงที่เขารุ่งเรืองพอดี จำไม่ค่อยได้หรอกนะคะเกี่ยวกับตัวเขา แต่เสียงเพลงของเขาเราได้ยินมาตั้งแต่เกิดเลยมั้ง เราชอบเสียงเพลงของเขาค่ะ ติดตามมาตลอด แต่พอที่ผลงานเพลงเริ่มหายไป เราก็เริ่มลืมค่ะ เราฟังเสียงของเขาเพลงเดิมซ้ำๆ แต่ไม่เคยสนใจตัวตนของเขา ณ ปัจจุบัน เราชอบเพลงของเขาที่ดูร้องด้วยความสุข แต่ไม่ได้นึกว่า ณ เวลานี้เขาสุขเหมือนที่เราเข้าใจรึเปล่า พอข่าวคาวมากขึ้น เราไม่ได้เชื่อหรอกนะคะ ทุกครั้งที่เห็นข่าวก็คิดว่าไม่จริงหรอก บ่นกับเพื่อนๆ แต่มันก็เท่านั้น เราไม่ได้ติดตามสนใจอะไรมากนัก เราค่อยๆ ลืมเขา เราไม่เคยหาทางบอกเขาผ่านหน้าเวปเพจว่าเรายังชื่นชม และเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นเขานะ ไม่เคยคิดว่าอยากจะทำอะไรซักอย่างให้เขารู้ว่ามีคนอีกมากรักเขาและเป็นห่วงเขา เราไม่เคยรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดและรอคอยความรัก และยินดีเมื่อได้รับมันแค่ไหน เราคิดว่าเขาได้มันมากพอแล้ว ทั้งชื่อเสียง ความรัก ความเข้าใจ จนวันนึงกว่าจะรู้ตัวว่าเราชอบเขามากแค่ไหน ก็วันที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของเขา พอรื้อเทปและวีดีโอเก่าๆ สมัยเด็กๆ มานั่งดูแล้วน้ำตาจะไหล เราลืมเพื่อนเราคนนี้ไปได้ยังไง เราลืมเขาที่รอคอยความรักจากเรา(และทุกๆคน) หลับให้สบายนะคะ คุณเป็นฮีโร่และเป็นแรงบันดาลใจของคนหลายๆ คน คุณมอบความสุขให้คนมากมาย จากนี้เป็นต้นไปขอให้คุณได้รับแต่ความสุขค่ะ อยากให้คุณรับรู้ว่าคุณไม่ได้ขาดความรักนะ ทุกคนรักและคิดถึงคุณค่ะ จากคุณ : g_lunasea - [ 2 ก.ค. 52 11:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 T^T T^T T^T T^T   MJ ต้องทรมานใจถึงขนาดส่งผลออกมาทางกาย เขาคงทรมานและเจ็บปวดมาก ทุกขณะที่เขาทำให้ทุกคนสนุก จะมีใครรู้มั้ยว่า ที่MJ ทำก็เพราะให้คุณรักเขา และต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่ได้รับความรัก ต้องยอมเจ็บ ยอมทรมาน ต้องกินยา พบหมอ ตลอด ขอบคุณมากนะค่ะ ที่แปลมาให้อ่านกัน เราอยากจะให้คนที่มอง MJ ไม่ดี ได้มาติดตาม เรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับ MJ ไม่ใช่รู้เรื่องเพียงนิดเดียว แล้วก็คิดว่า เป็นจริงไปซะหมด เรารุ้สึกเศร้ามาก หลับให้สบาย ในที่ๆ สวยงามและสงบ นะ MJ ไปสบายแล้ว ไม่ต้องเจอกับสิ่งที่ ทรมาน แบบที่เจอมา จะคิดถึงคุณเสมอ จากคุณ : สองเท้าก้าวเดิน - [ 2 ก.ค. 52 12:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อยากจะร้องไห้อีกครั้ง สงสารมาก ขอให้ดวงวิญญาณจงไปสู่สุขคติ พระเจ้าจะดูแลคุณ พระองค์เห็นทุกอย่างที่คุณได้ทำลงไป  หลับให้่สบายนะ ..ไมเคิล คุณจะอยู่ในใจเราตลอดไป จากคุณ : Jamieploy - [ 2 ก.ค. 52 12:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อยากจะนั่งร้องไห้(แต่ทำไม่ได้ อยู่ที่ office) ยิ่งอ่านยิ่งสงสาร MJ มาก โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย เค้าก็เป็น Idol ในวัยเด็กของเรา เทปเพลงสากลอันแรกก็อัลบั้ม dangerous ทำให้เราซึ่งไม่รู้เรื่องภาษาอังกฤษ หัดร้อง หัดฟัง แถมยังฝันหวานอยากไป never land ของ MJ อีกด้วย หลับให้สบายนะคะ ขอให้รู้ว่า หลายล้านคนทั่วโลก รักคุณมาก จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 2 ก.ค. 52 12:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 รัก Michael เสมอ และคงจะรักตลอดไป เค้าให้สิ่งดีๆ กับชีวิตเรามากมาย มาถึงตอนนี้ แม้ว่ามันจะเศร้า แต่ก็คิดว่ามันเหมาะสมแล้วที่เค้าจะจากโลกที่โหดร้ายนี้ไปซะที เราไม่รู้จักชีวิตหลังความตาย ก็ได้แต่หวังว่าเค้าคงจะสบายซะทีแล้ว จากคุณ : Desiree - [ 2 ก.ค. 52 13:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มีคนเคยบอกไว้ว่า เมื่อมีคนๆหนึ่งทำให้ผู้อื่นมีความสุขมากเท่าไร ตัวเขาคนนั้นกำลังซ่อนความทุกข์อย่างมากไว้ในใจ ในกรณีของMichaelเช่นกัน ถึงแม่ว้าดนตรีจะเป็นสิ่งที่เขารักมาก และเขาพยายามสร้างความสุขให้แฟนเพลงทุกคน แต่น้อยคนเหลือเกินที่จะเข้าใจว่าตัวเขากำลังทรมานกับความเหงาและความอ้างว้าง อย่างน้อยถ้าชาติหน้ามีจริงอยากให้เขาไม่ต้องทรมานแบบตอนนี้อีกเลย จากคุณ : แว่นจัง - [ 2 ก.ค. 52 13:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สะเทือนใจมาก พูดไม่ออก หลับให้สบายนะ จากคุณ : p_phet - [ 2 ก.ค. 52 13:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่แปลมาให้อ่านค่ะ น้ำตาไหลเลยค่ะ สงสาร MJ มากๆ เราลืมเค้าไปช่วงหนึ่ง เพิ่งมารู้ตัวอีกที ว่าเราชอบเค้ามากแค่ไหน  ก็ตอนที่เสียเค้าไปแล้ว จากคุณ : kungsee - [ 2 ก.ค. 52 15:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่มีคำพูดอะไร มันตื้อๆ จุกในอก ตั้งแต่เค้าเสียนี่ เราร้องไห้ไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ เราหาอ่านเรื่องของเค้า ฟังเพลงของเค้า  ดู concert เก่าๆ ของเค้า แล้วก็นั่งน้ำตาไหลตลอด  โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้ายอะ วันก่อนที่หนังสือพิมพ์ไทยรั..มั้ง หรือเดลินิวส์ เราจำไม่ได้ ลงว่าเดอะซันอ้างว่าเค้ามีร่างกายผอม หนังหุ้มกระดูก ผมร่วงหมดหัว ต้องใส่วิก มีแต่รอยเข็มฉีดยาทั่วตัว เราเห็นเค้าพาดหัวหน้าหนึ่ง เรานี่แบบ เค้าไปแล้วนะ ทำไมยังต้องเขียนเรื่องแย่ๆ แบบนี้อีก ไม่ไหวแล้ว เสียใจมาก โครตเศร้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่นึกว่าเราจะรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ จากคุณ : goldenfish (goldenfisho) - [ 2 ก.ค. 52 16:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คิดเหมือนคุณ g_lunasea ค่ะ เราลืมเขาไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เขาก็เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ปลอบใจ..อยู่ข้าง ๆ เวลาเหงา... ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจหลาย ๆ อย่าง ทุกครั้งที่หมดแรง ฟังเพลงของเขาแล้วจะเกิดพลังใจ... คิดถึง..และเศร้า... ดู ๆ ก็แปลกๆนะ คนที่เราไม่เคยได้พูดคุย ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็รู้สึกใกล้ชิดเหลือเกิน... ฟังข่าวเขามาก ๆ แล้วรู้สึกดีใจที่เขาถึงวันนี้ซะที คงได้พักผ่อนอย่างสงบสุขซะที.... ยังภาวนาให้เขาอยู่ทุกวัน.... จากคุณ : jeeup (Jeeup) - [ 2 ก.ค. 52 16:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ จากคุณ : ทำไมมองฟ้าไม่เจอะดาว - [ 2 ก.ค. 52 18:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรานึกว่าเรามีอาการเป็นอย่างนี้คนเดียว ที่น้ำตาคลอทุกทีที่เห็นภาพของคุณmj วันนี้นั่งรถกลับบ้านฝนตก เราไม่เปิดเพลงของคุณหรอกนะ เรากลัวน้ำตาเราจะไหล เพราะมีคนนั่งอยู่ข้างๆเราด้วย เราห่างหายจากคุณไปพักใหญ่ๆ มัวแต่ไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิต แล้วเราก็ดีใจที่ได้ข่าวการกลับมาของคุณอีก.... you will always in my heart. จากคุณ : mr.roof (MR.ROOF) - [ 2 ก.ค. 52 21:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ***ขอบคุณ คุณ จขกท. มากๆนะคะ ที่อุตส่าห์แปลให้อ่าน  ให้นั่งอ่านเองวันนึงยังไม่จบหน้าแรกเลย - - ปกติเราก็คิดอยู่ลึกๆว่า ชีวิตวัยเด็กเค้าเป็นแบบนั้น อาจจะขาดความรัก .... แต่ไม่คิดว่าเค้าจะโหยหามันมากขนาดนี้   น่าสงสารจริงๆค่ะ  มันเหมือนกับเบื้องหน้าที่สง่างาม แต่เบื้องหลังคือคราบน้ำตา ยังไงยังงั้นเลยอะ ...เค้าคงรู้สึกน้อยใจและเสียใจ รวมไปถึงมืดแปดด้านไปหมดตอนที่ติดคดี  ผู้คนนำเค้าไปล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน ทั้งในหนังและทอล์กโชว์ หรือแม้กระทั่งมิวสิควิดีโอของบางศิลปิน   แต่ไมเคิลก็ไม่เคยคิดจะฟ้องกลับหรืออะไรเลย อยากรู้จังว่าพวก HATERS มันจะยังคิดได้หรือยัง ที่ตัวเองได้ทำลายและซ้ำเติมศิลปินคนนี้ แต่ถึงจะรู้ความจริงมันก็สายไปแล้วแหละ .... ไม่มีไมเคิลให้มานั่งขอโทษอีกต่อไปแล้ว!!!   อย่างที่คห.25  กล่าวแหละค่ะ จากคุณ : Bovy_Beevo - [ 2 ก.ค. 52 21:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พี่แถวบ้านเราเค้าบอกว่าตอนนี้ถ้ามีเมล์เกี่ยวกับ MJ ระวังด้วย อย่าเปิดซี้ซั้ว มีพวก HATERS หมั่นไส้พวก FANS อย่างพวกเราๆ อะ จากคุณ : goldenfish (goldenfisho) - [ 2 ก.ค. 52 23:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : น้องพี่พ้องเพื่อน - [ 3 ก.ค. 52 07:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 น้ำตาไหลอีกแล้วว สุดยอดขอโลกแล้วครับ ไมเคิล หลับให้สบายนะ จากคุณ : ปูดองในอ่างกะปิ - [ 3 ก.ค. 52 08:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณจขกท.มากๆครับ เชื่อว่าหากดวงวิญญาณไมเคิ่ลได้เห็นคลื่นความเศร้าโศกจากทุกหนแห่งบนโลกนี้ ถ้าเขาได้เห็นว่ามีคนเสียใจกับการจากไปของเขามากขนาดไหน ถึงตอนนั้นเขาคงมีความสุข และคงรู้ว่ามีคนที่รักเขามากแค่ไหน จากคุณ : knine2five - [ 3 ก.ค. 52 09:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อบขนมไป  ร้องไห้ไปด้วยเลย จากคุณ : แม่สลิ่ม - [ 3 ก.ค. 52 10:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เราเข้าใจไมเคิลนะ   เราก็เป็นเด็กหลงคนหนึ่ง(ยกปีเตอร์แพนให้ไมเคิลไปแล้วขอเป็นเด็กๆที่ตามไมเคิลละกัน)  ถ้าเทียบกันแล้วเค้าเป็นคนที่ทุกข์ทนที่สุดในโลกจริงๆ   เค้าไม่มีทางที่จะหนีจากปัญหา   ที่พักใจของเค้ามีแค่ความรักจากแฟนเพลง แต่แฟนๆก็ทอดทิ้งเค้าไป T-T  แถมทำร้ายจิตใจเค้าอีก   เป็นใครก็ช้ำ     อย่างเราหนีไปหาโลกไซเบอร์  หนีไปหาเกม  ยังพอมีที่ให้หนี  แต่ลูกพี่ลูกน้องเราอีกคนตอนนี้จิตใจเค้ากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแล้ว    ญาติคนอื่นไม่รู้ว่าทำไมแต่เรารู้   และเราก็โชคดีกว่าเค้านิดหน่อยที่ตอนมีปัญหาเรายังมีที่พักใจเลยไม่หลุดไปเหมือนเค้า   อยากฝากบอกพ่อแม่ว่าอย่าขีดเส้นให้เด็กตลอดเวลา  ปล่อยให้เค้าคิด  ตัดสินใจเองได้บ้าง     ถ้าบังคับกันมากๆเวลาเด็กมีปัญหาจากนอกบ้านเค้าไม่สามารถปรึกษาคนในบ้านได้มันแย่มากๆ  ยิ่งถ้าในบ้านยิ่งซ้ำเติมเด็กอีกมันสุดทน    ถ้าเด็กพื้นฐานนิสัยเป็นคนเรียบร้อยก็จะเป็นแนวทำร้ายตัวเอง    ถ้าเป็นอีกแนวจะทำร้ายคนอื่นๆ         ความฝันของคุณเป็นความฝันของลูกรึเปล่า   อย่ายัดเยียดความฝันของคุณให้แก่ลูกๆของคุณ    แม้ความตั้งใจจะดีแต่วิธีการ   มันทำร้ายลูกคุณอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว   ยิ่งถ้ามีปัญหาจากภายนอกเข้ามาลูกๆของคุณจะเปราะบางกว่าคนอื่นๆมาก แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 52 11:07:39 จากคุณ : kjung - [ 3 ก.ค. 52 11:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เค้าจะไม่อ้างว้างอีกต่อไปแล้ว เค้าเป็นเทวดาที่ลงมาทำให้โลกนี้รู้ว่ายังมีแสงสว่าง เค้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว เพราะหลังจากส่องแสงแล้วผู้คนมากมายพร้อมที่จะเปิดรับเค้าด้วยก้นลึกของหัวใจ เค้าจะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป จากนี้เค้าจะรับแต่พลังความสุขและหวังดีจากทุกๆคน RIP ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปกี่รอบแล้ว T_T จากคุณ : โต๋เต๋ - [ 3 ก.ค. 52 11:16:37 A:10.30.1.20 X:203.146.133.61 TicketID:222001 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คห. ที่ 9  และ คห. ที่ 10 อ่านแล้วมันจิ๊ดดไปถึงหัวใจ ขอบคุณ คุณ Hermione Granger มากๆๆ นะครับ ที่ช่วยแปลให้ ข้อความยาวมากๆ ด้วย ขอบคุณจริงๆ อ่านหดหู่อย่างบอกไม่ถูก คห. ที่ 26 อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ มันใช่เลย ความรู้สึกนี้ RIP MJ love u alway จากคุณ : kulor - [ 3 ก.ค. 52 14:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทำไมชีวิตเขาน่าสงสารอย่างนี้น้า T^T ต่อไปนี้ก็จะไม่ต้องทรมานอีกแล้ว หลับให้สบายนะคะ MJ เราจะจดจำคุณตลอดไป คุณคือตำนานที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลนะ RIP MJ จากคุณ : นางร้ายหน้าหวาน - [ 3 ก.ค. 52 18:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 วันนี้แอบเนียนบนเวทีรำลึก Michael Jackson ด้วยนะ จขกท อิอิอิ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน - [ 4 ก.ค. 52 00:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แหะๆ อย่าลืมส่งรูปมาให้ดูนะ วันนี้จะร้องไห้อะ เศร้ามาก T_T จากคุณ : Hermione Granger - [ 4 ก.ค. 52 00:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณ สำหรับสิ่งที่ ไมเคิล แจ็กสัน ได้ให้ไว้กับโลกนี้ ความบันเทิง เพลงที่แสนจะไพเราะ ท่าเต้นระดับเทพ ถึงแม้คนทั้งโลกจะรักไมเคิล ถึงแม้คนทั้งโลกจะคลั่งไคล้ไมเคิล แต่คนที่ไมเคิลอยากให้ยอมรับมากที่สุด คือ พ่อ ตอนนี้ สิ่งทีไมเคิลได้ทิ้งไว้ คือ บทเพลง ท่าเต้น ความทุ่มเท และความรักในสิ่งที่ทำ หลายคนรู้จัก ไมเคิล เพราะคดี รู้จักแต่ภาพลบของไมเคิล แต่ผมคนนึงล่ะ ที่ไม่สนใจข่าวนั้น ยังไง ไมเคิล ก็เป็นสุดยอดในใจผมอยู่ดี และสิ่งที่สือออกข่าวมานั้น ไมเคิล รูปร่างผอมอย่างเห็นได้ชัด ศรีษะไม่มีผมอยู่เลย หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกสิ่งในโลก ล้วนเป็น อนิจจัง สังขาร อายุ โรคร้าย ยา และความตาย จดจำภาพดีๆของ ไมเคิล เถอะครับ เค้าจะมีภาพลักษณ์ที่งดงามอยู่ในใจคนเกือบทั้งโลก สิ่งดีๆ มันอยู่กับเราเสมอ อยู่ที่เราเลือก ว่าจะจำภาพไหน จากคุณ : soundboyz - [ 4 ก.ค. 52 09:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 T^T  เศร้ามากมาย ! รู้สึกอยากฟังเพลงของไมเคิลไปเรื่อย ๆ เศร้า  T.T ทำไมถึงได้รู้จักไมเคิลตอนที่เขาไม่อยู่แล้วนะ จากคุณ : โอ๊ต ([[โอ๊ต]] RL56 ~) - [ 4 ก.ค. 52 12:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 52 "ที่ไมเคิลเอาลูกมาห้อยอยู่ตรงระเบียงคราวนั้น แต่มันก็เป็นแค่ครั้งเดียว เพราะจริงๆแล้วเขาจะปกป้องลูกเขาถึงที่สุดเสมอๆ" ผมเคยฆ่าคนแค่ครั้งเดียว ที่เหลือผมปกป้องคนอื่นเสมอๆ... เป็นเรื่องปกติใช่มั๊ยเนี่ย? จากคุณ : lARtZnolASt - [ 4 ก.ค. 52 13:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ ^ ^  คุณก็พูดเกินไป จากคุณ : ส้มสีส้ม - [ 4 ก.ค. 52 19:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เศร้ามากเลย อยากร้องไห้จริงๆแล้วค่ะ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าไมเคิลจากไป เรายังรู้สึกตื้อๆทุกวัน อยากร้องไห้นะ แต่มันเหมือนน้ำตาตกอยู่ข้างใน จนได้มาอ่านบทความที่จขกท.แปลมา มันทำให้เราเศร้าสุดๆเลย สงสารไมเคิล ขอให้วิญญาณเขาไปอย่างสงบเถอะ จบแล้วชีวิตที่แสนทุกข์ทน ... T_T จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 4 ก.ค. 52 22:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 #52 พ่อคนหนึ่งกล้าพอจะอุ้มลูกออกมาทำแบบนั้น นั่นเพราะเขามั่นใจในตัวเองมากพอ และรู้ว่ามือเขามั่นคงที่จะจับลูกอย่างปลอดภัย ชัดเจนแล้วจนถึงตอนนี้ที่ไมเคิลจากไป และเขาเป็นพ่อที่รักลูก ภาพที่ออกมาลูกเขามีสามคนตอนเกิดมา และตอนนี้โตแล้วยัง 3 คนเท่าเดิม ถามว่าจากเหตุการณ์ลูกเขาตายเหรอ คุณเห็นเขาฆ่าลูกหรือไง? -*- แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 52 22:23:33 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 4 ก.ค. 52 22:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เราว่าเค้าดีใจ อยากอวดลูกเค้านะ เพราะข่าวส่วนใหญ่ตอนนั้นประเด็นไม่ได้แสดงความดีใจไปกับเค้าเท่าไร ประเด็นไปพุ่งว่า ลูกมาจากไหน มากกว่า จากคุณ : โต๋เต๋ - [ 5 ก.ค. 52 04:53:30 A:58.8.150.214 X: TicketID:222001 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โห ฆ่าคนตายครั้งนึง กับ เอาลูกมาห้อยอยู่ที่หน้าต่างครั้งนึง ก็เอามาคิดเทียบกันได้ ใช้หัวแม่โป้งคิดรึเปล่าเนี่ย อ่านบางคห.ดูแล้ว รู้สึกว่ากระทู้นู้นที่ตั้งคงจงใจจะสื่อในแบบที่เราเข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นขออภัยไปก็เสียเปล่าสินะ ดูท่าที่พูดไว้ในคห.อีกอัน คงไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆสินะ คนไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กๆ ความผิดพลาดย่อมมีเกิดขึ้นได้ จากประสบการณ์ตัวเองอ่ะนะ หลายอย่างที่ทำแล้วคนอื่นมองไม่ดี โดนแม่ด่า เลี้ยงหลานไม่ได้เรื่อง ทำอะไรไม่เข้าท่า ก็คนมันไม่เคยเรื่องเด็กนี่ ทำเรื่องที่ไม่คิดว่าจะไม่เข้าท่าไปบ้าง แต่เราก็มั่นใจว่าเราไม่พลาดแน่ แต่สายตาคนอื่นมองคงไม่คิดแบบนั้น สมัยที่มีข่าวนี้เกิดขึ้นมา เราไม่เคยเลี้ยงเด็กเลย เลยไม่เข้าใจว่า แค่อุ้มลูกห้อยลงมาจากหน้าต่าง ทำไมต้องด่ากันสาดเสียเทเสีย เป็นข่าวซะใหญ่โต คือตอนนั้นถึงไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็รู้สึกไดว่าเค้าหวังดีอยากให้แฟนๆได้เห็นลูกเค้าด้วย อยากให้แฟนๆ ดีใจกับเค้าด้วย แล้วตอนที่จะทำเค้าต้องมั่นใจสิ ว่าเค้าอุ้มลูกแน่นแล้ว และลูกจะปลอดภัยแน่ๆ เหมือนกับที่เรา ก็มั่นใจเหมือนกันว่าเวลาลองปล่อยให้หลานยืน ว่าเราไม่ปล่อยให้หลานล้มแน่ๆ แต่แม่ก็ด่า กลัวว่าเราจะพลาด ซึ่งมันก็คนละมุมมองอ่ะนะ อีกอย่างคือเค้าจับห้อยมาแค่แป๊บเดียวเอง ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ เอาไปเทียบกับการฆ่าคนตายเลยเหรอ คิดได้เนอะ -*- แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 10:12:27 จากคุณ : น้ำพริกกินกะปลาทู - [ 5 ก.ค. 52 10:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ ^ เห็นด้วยค่ะ "คนเราก็ต้องมีการพลาด มันเป็นเรื่องที่แน่นอนแน่ๆที่จะเกิดขึ้น ไมเคิล เค้าก็แค่พลาด ไปเท่านั้นเอง" เรื่องอุ้มลูก เรามองเหมือน คห. ข้างบนเลยคะ ดูสายตา MJ มองลูกแล้ว อ่อนโยนมากกกกกกกก จากคุณ : สองเท้าก้าวเดิน - [ 5 ก.ค. 52 14:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 59 I love you most MJ จากคุณ : kruBas - [ 6 ก.ค. 52 03:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 โอยยย ไม่ไหวเเล้ว จิตตกเพราะ MJ เสียเนี่ย เเล้วยังมาเรื่องราวๆต่างๆ ที่เราพึ่งเคยรู้ เหอะๆ เศร้ามาก อยากย้อนเวลากลับไป เผื่อจะได้เป็นกำลังใจให้เค้ามั่ง ห่างๆโดยที่เค้าไม่รู้ก่อยังดี เเต่นี่ ไม่เคยรับรู้ถึงความโหดร้ายที่เค้าได้รับเลย เสียใจ... จากคุณ : เต้าฮวยเย็น - [ 6 ก.ค. 52 14:26:46 ]