ความคิดเห็นที่ 1 Moscow State Symphony Orchestra เดินทางมาเปิดการแสดง ในประเทศไทยเมื่อ ปี 1991 นำโดย Music Director อย่าง Pavel Kogan โดยที่เปิดการแสดง สองรอบ ด้วยกัน คือ วันที่ 20 June 1991, 8:00pm ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย Program Sergey Prokofiev: Romeo and Juliet, Op. 64 Sergey Rachmaninov: Rhapsody on a Theme of Paganini, Op. 43 (Derek Han: Piano) Intermission Peter Ilyitch Tchaikovsky: Symphony No.5 in E minor, Op. 64 วันที่ 21 June 1991, 8:00pm ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย Peter Ilyitch Tchaikovsky: Capriccio Italien, Op. 45 Max Bruch: Violin Concerto No.1 in G minor Op. 26 (Eugene Watanabe: Violin) Intermission Dmitri Shostakovich: Symphony No.5 Op.47 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:22:49 จากคุณ : Genzo - [ 2 ก.ค. 52 22:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รอบที่ผมได้มีโอกาสได้เข้าไปดู คือรอบที่สอง โดยที่เพลงที่ผมรู้จักในขณะนั้นก็มีแค่ Capriccio Italien ของ Tchaikovsky เท่านั้น ส่วน ไวโอลิน ของ Bruch กับ Symphony ของ Shostakovich เนี่ยผมไม่เคยฟังมาก่อนเลย บัตร ราคา 800 บาทกับที่นั่ง ชั้นล่าง Block หน้า ออกมาทางขวามือเล็กน้อย ทำให้ผมไม่ได้เห็น ความใหญ่ของวงเท่าไรนักเพราะว่าเห็นแค่ แถวผู้เล่น Cello และ Bass อยู่ขอบเวที แต่อ่านจากรายชื่อนักดนตรีแล้ว คาดว่าน่าจะประมาณ ร้อยกว่าคนขึ้นไปแน่นอน จำได้ว่าผมได้บัตรนี้ ฟรีมาจากทางโรงเรียน ได้ Sponsor บัตรนี้มา ผมกับเพื่อนๆ ได้ไปฟัง Concert สองรอบนี้ กันหลายคนเลยทีเดียว สิ่งแรกที่ประทับใจที่สุด เห็นจะเป็น เพลงสรรเสริญพระบารมี ในลีลา รัสเซีย ที่กระหึ่มขึ้นก่อนที่ Concert จะเริ่มต้นขึ้น ด้วยอานุภาพ อันทรงพลัง ของมือ Trumpet (แรงจริงๆเกิดมาจนวันนี้ก็ไม่เคยเห็นเคยฟังที่ไหนที่Trumpetแรงได้เท่านี้อีกแล้ว) พร้อมกับกลุ่มเครื่องสายที่ยกโขยงกันมาย่างล้นเวที จำได้ผมคิดในใจเลยว่า ฟังเพลงสรรเสริญรอบนี้ ก็คุ้มค่าบัตรแล้ว แถมยังมีคิวของ Capriccio Italien ซึ่งจะได้รับอานุภาพกลุ่ม Trumpet อย่างเต็มอีกครั้ง แล้วก็เป็นอย่างที่คาด จริงๆ เสียดายที่สองเพลงหลังในตอนนั้นผมไม่เคยได้ฟังมาก่อนที่จะได้ชม Concert ในครั้งนั้นเลยทำให้จำ Detail อะไรได้ไม่มากนัก แต่ Moscow State ก็แสดงความเป็น รัสเซีย ของ คีตกวีรัสเซียได้อย่าง น่าเกรงขาม จำได้ไม่ผิด ว่ามีเพลงแถมเป็น March Slave ของ Tchaikovsky ด้วย (ไม่แน่ใจ) แต่ว่าแถมกันได้ยาวเหยียด เลย แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 23:14:23 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:41:28 จากคุณ : Genzo - [ 2 ก.ค. 52 22:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วน อีก Concert ที่ได้มีโอกาสไปดูนั่นเป็นการมาแสดง Concert ในโอกาส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ของ Munchner Philharmoniker นำโดย Sergiu Celibidache ในรูป ด้านซ้ายเป็นสูจิบัตร Concert ของไทยทำ ส่วนด้านขวา เป็น สูจิบัตร การ Tour Concert รอบโลก ของ Munchner โดยที่วง แสดง Concert ในหลายประเทศ คือ ญี่ปุ่น ไทเป ฮ่องกง ไทย และ สิงค์โปร แล้วกลับไปทัวร์ ต่อที่ยุโรป ที่ Bremen Leipzig Cologne Hamburg และ Madrid แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:49:34 จากคุณ : Genzo - [ 2 ก.ค. 52 22:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นได้ว่าสูจิบัตรสมัยก่อนนั้นนอกจากจะ หนาแน่นด้วยเนื้อหาแล้ว ยังทำออกมาได้สวยงาม เต็มไปด้วย ภาพสวยๆ มากมาย โดยที่ Program ที่มาเล่นในคราวนั้นมาเล่นรอบเดียวคือ วันที่ 4 October 1992, 8:00pm ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย Wolfgang Amadeus Mozart: Symphony No.39 in Eb Major KV543 Intermission Ludwig van Beethoven: Symphony No.5 in C minor Op. 67 จากคุณ : Genzo - [ 2 ก.ค. 52 22:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่น่าเชื่อ เมื่อผมพบบัตรเข้าชม Concert ครั้งนั้นสอดอยู่ใน สูจิบัตรที่หยิบออกมา ผมดู Concert ของ Celibidache ด้วยเงินเพียง 200 บาท ที่ปัจจุบันสามารถดูได้เพีย Concert การเดี่ยวเปียโน ของคนแถวนี้!!!! (@^0^@ ล้อเล่นนะคร๊าบ) จำได้ว่า ผมนั่งอยู่ชั้นบนหรือไม่ก็แถวหลังๆ แต่จำไม่ได้แล้วว่า นั่งอยู่ชั้นไหน แต่ว่า เยื้องออกมาด้านซ้ายมือของหอประชุมเล็กน้อย ผมเห็น Celibidache ครั้งแรกก็เมื่อเขาเดินอย่างช้าๆ จากหลังเวทีมา เดินนานมากเพราะตอนนั้น Celibidache ก็อายุปาเข้าไป 80 ปีแล้ว แต่สำเนียดนตรี ของเขาที่ผมได้ยินครั้งแรก เกือบจะทำผมตกบันได เพราะ เป็นลีลาที่แช่มช้า ต่างจาก Symphony ของ Mozart และ Beethoven ที่ผมเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ทุก Version เป็นครั้งแรก ที่ผมเห็น Conductor นั่ง คุมวงในการแสดง Concert ทุกวันนี้ ผมยังตามหาแผ่น Beethoven Symphony No.5 ของ Celibidache มาฟังไม่ได้แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะ เพลงๆนี้ อยู่ในความทรงจำของผมอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 23:27:59 จากคุณ : Genzo - [ 2 ก.ค. 52 23:11:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เทียบรูปแบบ ของ บัตร กับสูจิบัตร ในงานแล้ว ดูน่าสะสมกว่า Concert สมัยนี้เยอะเลย มันถึงได้อยู่ในบ้านผมมาถึงทุกวันนี้ ถ้าถามว่า ตั๋ว Concert งาน Zubin Mehta อยู่ไหน ตอนนี้ ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเก็บไว้ที่ไหน เดี๋ยวลองหาดูว่า มี Concert ไหนอีกไหม แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 52 01:52:29 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 23:32:22 จากคุณ : Genzo - [ 2 ก.ค. 52 23:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 1991.... น่าอิจฉาจริงๆ จากคุณ : Vitamin_C - [ 2 ก.ค. 52 23:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้ เจอ มาใน internet http://genzo.pbworks.com/f/keynotes_moscow_state_symphony_orchestra.pdf จากคุณ : Genzo - [ 3 ก.ค. 52 01:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โห เสียดายจังผมเกิดช้าไปนิด สมัยนั้นผมยังประถมอยู่เลยครับ โห ระดับเซลิบิดาเค มาคอนดัคบ้านเราเลยเรอะเนี่ย  โห อิจฉาจังครับ เสริมนิดนึงครับ อาจารย์ท่านนึงเคยเล่าให้ผมฟังว่า มีคอนเสิร์ตที่ศูนย์ฯครั้งนึงเล่นเพลงไวโอลินคอนแชร์โตองฟิลลิป กลาส แสดงเดี่ยวโดยกิโดน เครเมอร์ มีคนดูไม่ถึงครึ่งชั้นหนึ่ง โห เสียดายมากๆเลยครับ โตไม่ทันๆได้รู้เรื่องพวกนี้เลย ............................ ตอนนี้ภาวนาว่าขอให้มีโอกาสไเด้ชมท่านเซจิ โอซาว่า ท่านอับบาโด คอนดัควงบิ๊กเนมสักครั้ง ก่อนตาย(ไม่รู้ว่าผมหรือปู่ๆจะตายก่อน) จากคุณ : short ride in a fast machine - [ 4 ก.ค. 52 23:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โอ้ววววววว จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 6 ก.ค. 52 11:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดูจากสูจิบัตรแล้ว  ... นานเหมือนอายุเจ้าของมั้ยคะ  ^^ จากคุณ : บวมแบ๋ว - [ 6 ก.ค. 52 16:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถอดความจากสูจิบัตร Sergiu Celibidache เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1912 ที่เมืองโรมาน (ประเทศโรมาเนีย) และ เติบโตที่เมือง Jassy แถบโมดาวา เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและ สนใจศึกษาด้วยตนเองในเรื่องเสียงประสานและทฤษฎีดนตรี หลังจากที่ศึกษาด้านคณิตศาสตร์ไปได้ระยะหนึ่ง ก็ได้เดินทางไปษีกษาด้านการประพันธ์เพลงกับ Heinz Thiessen ที่วิทยาลัย ดนตรีแห่งเมืองเบอร์ลิน 2 ปีต่อมาเขาเริ่มศึกษาการอำนวยเพลงกับ Walter Gmeindl นอกจากนี้ยังศึกษาด้านการดนตรี ที่มหาวิทยาลับฟรีดริช วิลเฮล์ม ในเมืองเบอร์ลิน โดยศึกษากับ Arnold Schering  และ Georg Schuennemann และเขียนวิทยานิพนธ์สำหนับปริญญาเอกว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับ Josquin Des Pres คีตกวีชาวเนเธอร์แลนด์ Sergiu Celibidache เคยเป็นวาทยากรคนสำคัญของวง Berlin Philharmonic ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปี ค.ศ. 1952 การได้ร่วมงานกับ Wilhelm Furtwangler ในช่วงนี้ได้มีความสำคัญอย่างมากต่อวาทยากรหนุ่มชาวโรมาเนียผู้นี้ Celibidache จะเลือกทำงานกับวงออร์เคสตราที่ยอม ปฏิบัตงานตามเงื่อนไขของเขาและมีเวลาฝึกซ้อมเพียงพอเท่านั้น เพราะเขาถือว่าการซ้อมเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมตัวเพื่อที่จะแสดงบทเพลงซิมโฟนีต่างๆ ในปีค.ศ. 1979 Celibidache ได้เป็นผู้อำนวยการเพลงประจำวง Munich Philharmonic Orchestra ซึ่งเป็นออร์เคสตราเพียงวงเดียวที่เขายังทำหน้าที่อำนวยเพลงให้ในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1976 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ และทำหน้าที่สอนด้านการดนตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองไมนซ์ มาจนถึงปัจจุบัน Celibidache ไม่ยอมให้มีการอัดแผ่นเสียงการแสดงดนตรีของวงเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าจะทำให้จินตนาการที่จะเกิดจากเสียงดนตรีนั้นหายไป Sergiu Celibidache มีความสนใจในพุทธศาสนามาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในเมืองเบอร์ลิน เขาเป็นสาวกของลัทธิไสบาบา และเป็นผู้หนึ่งที่มีความคิดแบบเดียวกับพวก "นอสทิค แนวใหม่" คือไม่เชื่อว่าภาษา หรือการใช้ความคิด จะเป็นหนทางนำไปสู่ความเป็นจริง Celibidache เห็นว่าการสอนนั้นเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าสูงสุดของมนุษย์ การสอนจึงเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตการงานของเขามาโดยตลอด เขามีผลงานประพันธ์บทเพลงซิมโฟนี่ 4 เพลง คอนแชร์ติโนสำหรับเปียโนและวงออร์เคสตรา เพลงสวดนอกจากนั้นก็ยังมีผลงานประพันธ์เพลงชุดอีกหลายบทเพลงด้วยกัน จากคุณ : Genzo - [ 16 ก.ค. 52 02:02:19 ]