Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    Michael jackson ของผม

    ได้เวลาซักทีที่จะมีพลังมาเขียนถึง คนๆหนึ่ง ที่ทั้งชีวิตของผมอยากจะเป็นแบบเค้า วันที่ทราบข่าว แทบหมดความรู้สึก ชา สับสน แต่ยังมีสติ พอความรู้สึกที่เรียกว่า sudden  shock ผ่านไป 15 นาที สิ่งแรกที่เค้ามาในหัวคือความรู้สึกที่ว่า  เราโชคดีเหลือเกิน โชคดีที่ตลอดเวลากว่า 25 ปี เราสามารถพูดได้เต็มปากและจริงใจอย่างที่สุดว่าเรามีเค้าอยู่เคียงข้างมาตลอด



    ครั้งแรกพบ

    จำได้คร่าวๆ  ถ้าจะบอกว่าจำได้ชัดคงจะโกหก แต่จำได้คร่าวๆว่าดังนี้

    ในวันหนึงตอนที่เรายังอายุประมาณ 9 ขวบ วันนั้นเป็นวันหยุดพิเศษ พ่อแม่พี่น้องทุกคนอยู่ที่บ้าน เราเด็กๆก็เปิด TV ดูรายการกาตูนกัน พอกาตูนจบ พ่อก็มาแย่ง remote เปลี่ยนช่องไป แล้วก็หยุดที่ช่องหนึ่งที่กำลังฉาย MV เพลงสากล อันนี้จำได้แม่นว่า โมโหพ่ออยู่เหมือนกันว่า เปิดมาให้ฟังอะไรเนี่ย แบบนี้ออกไปเล่นกับเพื่อนนอกบ้านดีกว่า ยังไม่ทันไร พ่อบอกว่า ดูก่อนนี้ คนนี้เค้าเป็นนักร้องที่ดังที่สุดในโลกตอนนี้เลยนะ ร้องแค่ 1 เพลงซื้อประเทศไทยได้ทั้งประเทศเลย.....  พ่อเวอร์มาก แต่เวอร์ๆแบบนี้ เราสะดุดเลย จึงต้องดูต่อ ซึ่งพอดูก็เห็นว่า มีคนตัวดำๆเดินไปเดินมา เดินตรงไปเหยีบตรงไหนไฟก็สว่างขึ้นมา ทนดูได้ไม่นาน ก็บอกกับพ่อว่า เนี่ยนะดังเหรอ เป็นไปได้ไง ดำมากๆ เพลงก็ไม่เห็นเพราะเลย (ตอนนั้นไม่ได้ฟังหรอก แค่ทำเป็นดูไปงั้น กะจะแกล้งพูดกับพ่อแบบนี้แหละ) พ่อก็หัวเราะบอกว่าประมาณว่า คนเค้าชื่นชมที่ความสามารถไม่ใช่ที่หน้าตา แล้วก็ออกไปเล่นกับเพื่อน แต่ถึงว่าจะไม่ได้ดูจนจบ สิ่งที่จำติดตาและหูของเราคือ คำว่า michael jackson กับคนที่เดินแล้วไฟติด!!!

    พอไปเล่นกับเพื่อน เรื่องนี้เป็นกระแสในหมู่เพื่อนที่อยู่ในซอยเดียวกันเลย แต่ละคนพูดถึงนักร้องคนนี้ แล้วเราก็ทำเป็นเล่นเดินเหยียบลงไปที่พื้นปูกระเบืองแล้วจินตนาการว่า นี่ไง ไฟติด แล้วด้วย :)

    แต่สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจชอบนักร้องคนนี้ คือตอนที่หลังจากนั้นไม่นาน บ้านเราก็ไปเที่ยวเยี่ยมปู่ย่าที่ต่างจังหวัด ที่นั่นจะมีร้านค้าที่มีตู้เพลง และนั่นทำให้เรารู้จักและได้ยินเพลงฝรั่งเพลงหนึ่งที่มีคนมาหยอดเหรียญเปิดฟังทั้งวัน แล้วพวกลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายทั้งหลายในตะกลูเรา ก็ฟังจนจำทำนองได้แม่น แต่ภาษาอังกฤษไม่อำนวย จึงเวลาถึงท่อนฮุก เราก็เลยร้องออกมาว่า  '' ป อี ไม้โท เด็ก''   ขออภัยที่ดูจะหยาบไปหนึ่ง แต่อยากให้เห็นอารมร์ทะเล้นแบบเด็กๆ ที่อยากจะร้องแปลเพลงฝรั่งไปตามประสา...   เพลง Beat it เป็นเพลงสากลเพลงเดียวที่ผ่าด่านกำแพงแห่งรสนิยมคนต่างจังหวัดที่ชอบฟังลูกทุ่งได้อย่างขาดลอย แม้แต่หนุ่มๆขี้เมาตามต่างจังหวัด ก็ยังร้องท่อนฮุค นี้ได้อย่างคล่องปาก

    ตอนนั้นเราแค่ 9 ขอบ ความสามารถในการชื้อของเป็น 0  และสมัยนั้น จะไปหาเทปฝรั่งฟัง ไม่ใช่ง่ายๆ

    แต่เพลง Beat it เป็นเพลงที่ดังอยู่ในหัวของเรามาตลอด และในระยะนั้นก็มี MV ใน TV ออกมาให้ดูเรื่อยๆ เราจำได้ว่ามีหนังไทยเรื่องหนึ่ง เป้นหนังแนวตลก เกี่ยวกับอะไรไม่รู้ใครนึกออกช่วยให้ข้อมูลด้วยล่ะกัน  key words เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ที่เราพอจะจำได้ลางๆ คอื ผีตองเหลือง, ฉากที่นักสแดงออกมาเต้นเลียนแบบเพลง Thriller จนกระทั้ง 2-3 ปีผ่านไป (มั้ง) เราเริ่มโตมาอีกหน่อย มาได้ยินชือ่ MJ อีกครั้งตอนที่ TV นำเสนอข่าว MJ ทำหนังสั้น 3 มิติให้แก่ dysney's land โดย MJ เป็นผู้นำพิทักษ์โลก เราจำภาพได้ในข่าวนั้นได้แม่นมาก (ไม่โกหก) จำได้ว่า MJ อยู่ในชุดขาวแล้วเต้นได้แบบเร้าใจมาก มีการปล่อยแสงออกมาได้ขณะเต้นด้วย อะไรจะสุดยอดปานนี้ ดูแล้ว ขนลุก ไม่ไหวแล้ว ณ เวลานั้นแหละที่ทุกอย่าง connected อย่างสมบูรณ์  แต่เราจะไปหาซื้อ video เทปเพลงของ MJ ได้ที่ไหนล่ะ เพราะเรายังอายุแค่ 11 ขวบและยังนั่งรถเมล์ไม่เป็นเลย .... ก็เลยได้แต่ติดตามดูใน TV เอา

    จนกระทั้งจากนั้นไม่นาน เราขึ้น ม 1  และเป็นครั้งแรกที่เราฝึกนั้งรถเมล์ไปโรงเรียน นั่ง ปอ. 12 ได้เท่านั้น สายอื่นไม่กล้าขึ้นกลัวหลง แต่ ปอ 12 เป็นสายที่เยี่ยมมากเลย เพราะมันพาเราไปถึงสยามได้เลย ...  แต่ก็ไม่กล้านั่งไปไกลเกินโรงเรียนหรอก .. ...  จนวันหนึ่ง พี่นิด เพื่อนรุ่นพี่บ้านตรงข้ามแก่กว่าเรา 6 ปี แกช่ำชองในการนั่งรถเมล์มากๆ  เราจำรายละเอียดไม่ได้ดี แต่จำได้ประมาณว่า คงจะมี moment หนึงที่เราบอกพี่นิดไปว่า เราอยากซื้อเทปของ MJ มาฟัง ไม่รู้ว่าจะไปซื้อที่ไหนเราไม่รู้จัก กทม เลยนอกจาก บ้าน และ โรงเรียน  พี่นิดจึงพาเราไปเดินที่นี่เลย คลองเตย .....   อ่อ ใช่แล้ว เราไปคลองเตยเพราะ เรากับพี่นิดบ้าเล่น video games มากๆๆๆ  และที่นั่นคือแหล่งเลย

    ไปถึงคลองเตยเพื่อไปซื้อเกมส์ แต่ได้ติดมือมาคือ album BAD ของ MJ แทน และ ALBUM super HITS ของ MJ  คงนึกออกใช่ป่ะครับ ว่าเทปพวกนี้ของก๊อปทั้งนั้น แต่เทปปลอม 2 ม้วนนี้ เปิดโลกแห่งจินตนาการของเราได้อย่างชนิดที่ว่าจากวันนั้นจนวันนี้ จินตนาการนี้ก็ยังไม่ตาย

    BAD album ก็มีเพลงใน BAD นั่งแหละ ยกเว้น leave me alone (ขนาดมัน ก๊อป ก็ยังไม่ลงทุนซื้อ CD มาเป็นต้นแบบนะ เลยทำให้กว่าเราจะได้รู้จักเพลง leave me alone ก็เกือบ 2 ปีหลังจากนั้น) ส่วนรวม HIT album ดีมากเลย รวมตั้งแต่ JACKSON 5 ยันมาถึง Thriller เลย

    เรากลับมาบ้านเปิดฟังมันอย่างดัง ทั้งวันทั้งคืน สิ่งที่เกิดแก่คนรอบข้างคือ ความน่ารำคาญ 5555  เพราะเพลงใน album BAD ของ MJ หนักมากๆ (ในสมัยนั้น) คนไทยที่จะฟังต้องชอบจริงๆ ตอนนั้นเราจำได้ว่าเราก็บ้าฟังอยู่คนเดียว ขนาดเพื่อนๆมันยังไม่ชอบฟังเลย  

    จนกระทั้ง MJ เริ่มเป็นกระแสในกลุ่มวัยรุ่น (เดียวกับเราในตอนนั้น) ก็ตอนที่ MJ โปรโมทหนัง Moonwalker นั่นแหละ หลายๆคนจึงได้เห็นลีลาการเต้นอันร้อนแรงของ MJ ในเพลงจาก album BAD และหลายๆคนเริ่มชินและเข้าใจจังหวะของเพลงแนว MJ มากขึ้น (เพราะชอบดู MJ เต้นไง เลยต้องได้ยินเพลงด้วย) นั่นแหละพอหนังออกมาฉาย เราจึงเริ่มได้เจอคนในวัยเดียวกับเรา ( ม 1) เริ่มพูดถึงแล้วเริ่มเลียนแบบท่าเต้นของ MJ.  เราน่ะหรือ บ้าไปแล้ว บ้ายังไงถึงต้องถามพ่อแม่พี่น้องเราญาติๆ และเพื่อนๆเราดู ว่าคนที่บ้า MJ ถึงขั้น coma นั่นอาการเป็นไง

    เราอยู่ในโลกของ MJ ในยุค BAD อย่างมีความสุขมากๆ และถือว่าเป็นยุคที่เราเริ่มพัฒนาบุคลิค แนวคิด รสนิยม ของเราโดยอยู่บนอิทธิพลของ MJ. สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในช่วงเวลาตั้งแต่ BAD (เราอยู่ ม 1)  จนถึง History (ตอนเราอยู่ ปตรี ปี 3 จนถึง ป. โท) เรามีอาการดังต่อไปนี้เป็นเวลาต่อเนื่อง 10 กว่าปี

    - อาบน้ำร้องเพลงอะไรก็ได้ เป็นของ MJ หรือเพลงไทย เราต้องใส่เสียง effect ประกอบออกไปว่า  ฮี๊ฮี่ และตามด้วย AOWW!!! อย่างดังแบบให้สะใจหายบ้ากันไปเลย (อาการนี้ยังเป็นอยู่จนเดี๋ยวนี้)

    - เดินๆไปอยู่ดี นึกอยากจะเป็นโรคชักกระตุก เตะขา ชี้นิ้ว เก๊บเท่ห์แบบ MJ ก็ทำเลยซะอย่างงั้น (อาการนี้ดีขึ้น แต่จะเป็นเวลาอยู่ครอบครัว  แต่กับ public ควบคุมได้แล้ว)

    - พูดถึงแต่ MJ ... up date ข่าวและเอาไปเล่าต่อให้เพื่อนฟัง มันจะรำคาญหรือเปล่าไม่สน แต่อยากให้เพื่อนรับรู้ว่า  กรูบ้า MJ มากๆๆๆ (อาการนี้ก็ยังคงเป็นอยู่)

    - โรงเรียน มหาลัยมีงานอะไร จะเสนอหน้าขอไปโชว์แสดงเป็น MJ ตลอด เพลงที่เคยแสดงมาคือ Billie Jean กับ Black or White

    ผลจากที่บ้ามากคนเป็นที่เด่นชัดในสายตาเพื่อน ไม่ว่าจะเพื่อนยุคไหน กลุ่มใดก็ตาม ปรากฏการเกิดขึ้นหลังจาก MJ เสียชีวิตคือ เราได้ email จากเพื่อนจากทุกกลุ่ม มาถามว่า เรา OK ไหม เพื่อนๆเป็นห่วงนะ ได้ฟังข่าวแล้วนึกเราเป็นคนแรกเลย เดี๋ยวเราค่อยกลับมาเล่าถึงปฏิกิริยาของเพื่อนๆเราในตอนหลัง

    10 กว่าปีตั้งแต่ BAD จนถึง History คือช่วงเวลาที่เรา Happy ที่สุด วัยเด็กของเราอยู่ ณ ตรงนั้น  มีเรื่องราวเกิดขึ้นมามากมาย  ไม่ว่าจะการได้ไปดู concerts  การโดดเรียนจนติด ศูนย์วิชาเคมี เพราะ MJ  (แต่เราก็กลับมา resit จนได้เกรด A เป็นที่ 1 ของ class) ได้ทำ ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตโดยมามาตราฐานของ MJ เป็นแรงผลักดัน ได้ทุกอะไรๆเยอะมากๆโดยมี MJ เป็นส่วนหนึ่ง

    แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่ได้ทำแต่ฝันที่อยากจะได้ทำมาตลอดทั้งชีวิตคือ การได้ไปดู concert MJ ที่กลางกรุง London โดยเฉพาะที่ wembley stadium เพราะที่นั้น และเป็นเทศอังกฤษ เป็นที่ที่คนคลั่ง MJ ที่สุดแล้ว ว่ากันว่า ALbum BAD ในเกาะอังกฤษ ทุกๆ 3 จะต้องเจอคนมี album นี้ที่บ้าน และ concert BAD ที่ wembley ก็มีคนไปดูกว่า 5 แสนคน อยากเหลือเกินที่จะได้ดู live concert ของ MJ ในเมืองที่มีคนคลั่งเค้ามากที่สุด อยากได้ไปอยู่ในบรรยากาศที่มีได้เห็นแบบใน video

    การเดินทางแห่งชีวิตเพื่อไล่ล่าความฝัน ดำเนินอย่างต่อเนื่อง จนตังเองได้มีอยู่ที่อังกฤษแล้ว ฝันเหมือนจะเป็นจริงๆ เมื่อบัตร concert   "This is it" 3 ใบที่ซื่อไปกำลังมาอยู่ในมือแล้ว   concert รอบที่ 9 คือนัดแรกของเรา กำลังจะใกล้แล้ว  แต่แล้ว...... ฝันก็ยังเป็นความฝัน ผมเข้าใจเลยว่า จินตนาการ หากถูกเติมเต็มแล้ว แน่นอนว่าเกิดความสุข แต่จินตนาการก็อาจจะตายไป  ผมพยายามมองโลกในแง่ดีและคิดปลอบตัวเองว่า MJ คงรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดระหว่างผมกับเค้าคือ จินตนาการที่เรา connect กันมาตั้งแต่ผมยังเด็ก การที่ไปแบบนี้ แท้จริงแล้ว ไม่ได้ไปไหนเลย หากแต่กลับทำให้จินตนาการในวัยเด็กของผมกลับเด่นชัดและแรงกล้าขึ้นมากว่าเดิม

    ขณะที่มีแฟนเพลงหลายๆบอกว่า รู้สึกเสียใจที่ช่วงหลังลืม MJ ไปบ้าง  แต่ผมไม่ใช่แบบนั้น  ผม ฮี๊ฮี่ มาตลอด 25 ปีที่ผ่านมา และภูมิใจตลอดเวลาที่บอกกับคนที่รู้จักทุกคนว่าเรารัก MJ ช่วงเวลาของ MJ ไม่เคยหายไปไหนเลย

    ผมหายเศร้าแล้วหละ เพราะผมทำหน้าที่เป็นแฟนเพลงที่ดีที่สุดคนหนึงมาตลอด 25 ปีเต็ม จนกระทั้งวันสุดท้ายที่ MJ หมดภาระกิจบนโลก เหมือนกับว่า เมื่อทั้งผมและ MJ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองมาดีที่สุดโดยตลอดแล้ว ดังัน้นเมือถึงนาทีสุดท้าย เราจะเสียดาย เสียใจไปทำไม ผมเข้าใจคำว่า celebration of the life of MJ เลย   เพราะนั่นแหละคือสิ่งทีผมอยากจะทำต่อไป ผมจะ celebrate ให้กับ MJ และให้กับวันเวลาดีๆที่ผ่านมาของผม เพราะตลอดเวลาทีแต่ความสุขทั้งนั้น

    ผมยังอยากจะเล่าเรื่องราวระหว่างผมกับ MJ ให้ฟังอีกเยอะ แต่ตอนนี้ ตี 2 แล้ว คงขอพักยกไว้เท่านี้ก่อน  สังเหตุดูซิ ช่วงท้ายเริ่มเขียนไม่เป็นเรื่องราวแล้ว แล้วเดี๋ยววันหลังนึกอะไรจะมาเล่าเพิ่มเติมแล้วกันครับ

    คนนี้ ขอจบเรื่องราว michael jackson ของผมไว้เท่านี้ก่อน

    Got to be there(here) again, heeeeee  hee!

    แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 52 08:21:57

     
     

    จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ วันเข้าพรรษา 08:00:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com