PANTIP.COM : C8058049 Michael Jackson 1958-2009 มีเรื่องให้คิดดีๆอย่างนึงนะ จากกรณีคนไม่ธรรมดาอย่างไม่เคิล [ศิลปิน-นักร้อง]

Michael Jackson 1958-2009 มีเรื่องให้คิดดีๆอย่างนึงนะ จากกรณีคนไม่ธรรมดาอย่างไม่เคิล

พอดีเราได้คุยกับแฟนคลับคนนึงของไมเคิล นั่งดูข่าวไป ดูคลิปเก่าๆ ดูอะไรหลายๆอย่าง เสพข้อมูลต่างๆ หลายด้าน พร้อมทั้งฟังการวิจารณ์จากนักวิจารณ์อย่างคุณ มาโนช เมื่อวานตอนถ่ายทอดสด เราก็ได้รวบรวมข้อมูลบางอย่างมาให้อ่านกันน่ะค่ะ

คือว่า เมื่อคืนดูคุณ มาโนช มาวิจารณ์ เขาก็พูดถูกนะ ที่ไมเคิลเขาคิดว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เพราะค่ายเพลงเห็นเขาเป็นสินค้าที่ขายได้ตลอด และ สื่อเห็นเขาเป็นข่าวที่ขายได้ ประชาชนแฟนเพลงส่วนมากมองเขาเป็นเทพ เพราะความพิเศษ ความแตกต่าง และเพราะการสร้างสรรปรุงแต่ง ทำให้กลายเป็นคนธรรมดาเดินดินอย่างเราๆไม่ได้(เหตุทำให้เขาเดินตลาดไม่ได้เหมือนคนทั่วไป) แต่แล้วครอบครัวก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเป็นคนธรรมดา สุดท้ายคนบางคนในครอบครัวเขาก็เคยร้องเรียกเงินจากไมเคิลด้วย คือแทบจะไม่มีใครจริงใจกับไมเคิลเลย ขนาดผจก.ส่วนตัว ยังกีดกันไมเคิลจากศาสนาเลย ไม่ให้คุยกับพระ บอกว่าไมเคิลจะเป้นคนธรรมดาไม่ได้

"ยิ่งเก่งแค่ไหน ยิ่งรวยเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งน่าสงสารมากเท่านั้น" คำพูดจากพี่เปีย แฟนคลับ

คุณมาโนชบอกมันคือวัฒนธรรมของอเมริกัน ที่มองว่าศิลปินต้องมีจุดเด่น และเป็นคนธรรมดาไม่ได้ ก็เหมือนดาราที่ต้องเกลียดอะไรแปลกๆ ชอบอะไรแปลกๆ เช่นเป็นดาราต้องเกลียดลูกชิ้น ไรเงี้ยะ เลยเป็นเหตุให้ไมเคิลจมไม่ลง ทำให้ใช้เงินไม่เป็น บริหารเงินก็ไม่เป็นอีก คนที่จะเอาเขาอยู่อ่ะต้องเก่งจริง มีพ่อมั้งที่เอาเขาอยู่คนเดียว แต่ด้วยวิธีผิดๆ แต่พอเขามีเงิน แยกออกมาอยู่ ลยเอาแต่ใจตัวเองเต็มที่ ปมในใจเอาหล่ะ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ตอนเด็กโดนพ่อบังคับเยอะ พอออกมาได้ก็ปล่อยเต็มที่เลย วัยรุ่นด้วยตอนนั้นไม่คิดว่า ช่วงสุดท้ายของเขา มันก็ยังโดดเดี่ยว เหมือนตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ที่เขาก็รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ตลอดเวลา

เมื่อคืนดูจนจบก็ตาบวม เพราะร้องไห้ให้เขาครั้งแรกหลังจากที่เขาจากไป ตอน Usher ร้องเพลง Gone too soon เราก็ซึ้งมากๆๆ แบบมันคือ เฮ้ย อะไรอ่ะ ทำไมครอบครัวยังดูสบายดีกันทุกคน ทำไมไมเคิลถึงแย่อยู่คนเดียวอ่ะ ตอนนี้ก็เลยมานั่งดูข่าวติดตามที่พี่เลี้ยงลูกไมเคิลที่อยู่กันมา 17 ปีได้ให้ส้มภาษณ์ หลังจากไมเคิลไล่ออกไปเมื่อไม่นาน ที่บอกว่าต้องล้างท้องไมเคิลทุกวันเพราะยา ต้องไปอาศัยห้องใต้ดินลูกน้องเก่าอยู่เพราะไม่มีเงินสด นอกจากทรัพย์สิน หนวดก็ไม่โกน เงินคุณหายไปไหนหมด

เราอ่านนิตยสารเล่มนึงที่ซื้อมา คอนเสริต BAD in Tokyo ไมเคิลทำรายได้มหาศาล ประมาณ 45 ล้านบาท แต่ตัวเขากลับได้แค่ 200,000 ดอลลาห์ หรือราวๆ 9 ล้านบาทเองอ่ะ อันนี้ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่เคยได้ยินว่า โดนโกงค่าตัวไปเยอะ แต่ไม่เคยเอะใจหรือไม่ได้สนใจอะไรด้วยซ้ำ

รักไมเคิลนะ ไม่ว่าจะแก่ จะจน จะไม่หล่อเหมือนเดิม แต่ยังไงไมเคิลก็คือไมเคิลที่ยิ้มสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ขี้เล่นที่สุด และ คุณคือคนธรรมดาที่อยู่เหนือคนอื่นๆ ไม่ใช่เทพเจ้าอะไร แค่คุณมีพรสวรรค์มากกว่าคนธรรมดาๆคนอื่นๆนั่นเอง

มิวสิคนี้ เราขอบอกว่า ไมเคิลดูธรรมดาดี แต่งตัวสบายๆ ไม่หนัก ยิ้มน่ารักเหมือนที่เป็นมาค่ะ

They dont really care about us

http://www.youtube.com/watch?v=d5q59xIFMrg&feature=related

แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 52 14:40:12

แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 52 14:17:53

จากคุณ : แพรวพรรณรายพราวพิลาศ

เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 14:14:46

ความคิดเห็นที่ 10

อุทิศแด่....ไมเคิล

“ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งหว้าเหว่” จากเด็กลูกครึ่งอเมริกันแอฟริกัน ที่สังคมไม่ยอมรับ สูญเสียช่วงชีวิตที่น่าจดจำและสำคัญที่สุดในชีวิตไป ผันตัวเองมาเป็นนักร้อง เพียงเพราะเหตุผลเดียวคือเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักจากผู้เป็นพ่อซึ่งยึดสุภาษิตเดียวกับคนไทยที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”

ก้าวมาเป็นนักร้องนำของวงดนตรีครอบครัว มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่วัยเยาว์ ทิ้งการเรียน ทิ้งเพื่อน ทิ้งโอกาสการเข้ากับสังคม ตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตจากรัฐหนึ่งไปอีกรัฐหนึ่ง เมื่อมีโอกาสจึงได้แยกออกจากวง ท่ามกลางเสียงคัดค้านและความไม่พอใจของครอบครัว

เมื่อมีอิสระ มีชื่อเสียง มีเงินทอง ไมเคิลน้อยก็ปลดปล่อยตัวเองเต็มที่ เพื่อเติมเต็มซึ่งที่ขาดหายไปในอดีต สร้างเนเวอร์แลด์ เที่ยวเล่นกับเด็กๆ หรือไม่ก็คนที่มีอายุมากกว่าแต่มีความเป็นเด็กเหมือนเขา ดูเหมือนโลกนี้จะไม่มีที่สำหรับเขาในคนของวัยเดียวกัน ทุกคนตัดสินว่าเขาแปลก แตกแยกจากคนทั่วไปและสังคม ไม่มีใครคิดจะหาเหตุผล หรือเข้าใจ ในสิ่งที่เขาต้องเผชิญมาในวัยเด็ก

ไมเคิลใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน หรูหร่า ฟุ่มเฟือย ท่ามกล่างผู้ใหญ่รอบข้างซึ่งหวังเพียงเผื่อประโยชน์และเงินจากเขา ไม่มีใครแคร์เขาอย่างจริงใจ ไม่มีใครคอยแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีใครกล้าคัดค้านในสิ่งที่ไม่ควร ไมเคิลตอนนั้นเหมือนม้าหนุ่มพยศที่พึ่งหนีออกจากกรง มันเหมือนกับว่าหากใครทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังจะต้องกลับไปอยู่ในกรงอีกครั้ง เขาก็จะห่างจากคนๆนั้นทันที ตัวอย่างเหมือนที่อดีตพี่เลี้ยงลูกของไมเคิลโดนไล่ออก เพราะโทรไปหาแม่และน้องสาวให้มาเตือนไมเคิลเรื่องใช้ยา ประกอบกับที่ผู้จัดการส่วนตัวของไมเคิลพยายามกันให้เคิลออกห่างจากทุกอย่างแม้แต่ศาสนาด้วยเพียงเหตุผลที่ว่า “ไมเคิล แจ็คสัน จะเป็นคนธรรมดาไม่ได้”

ถึงไมเคิลจะใสซื่อ บริสุทธิ์ และอ่อนต่อโลก แต่เขาก็ห่วงใยคนอื่น และเป็นผู้ให้มาตลอด แต่กลับมาโดนทำร้าย ทรยศหักหลังจากคนและเด็กที่เขาช่วยเหลือ โดนตัดสินจากสังคมว่าผิดทั้งที่ไม่มีหลักฐาน เพียงแค่เห็นว่าเขาคิดและทำตัวแปลกจากคนอื่น เสียทั้งชื่อเสียง เสียทั้งเงินทอง แต่นั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่เขาได้เสียความรู้สึกไว้วางใจในคนรอบข้างไปเสียแล้ว

ไมเคิลเคว้งคว้าง เหมือนตัวคนเดียวบนโลกนี้ ลองจินตนาการดูว่าเราจะรู้สึกยังไงเมื่อเราคิดว่าเราไม่สามารถเชื่อใจใครได้เลย ไมเคิลเลยคิดว่าคนๆเดียวที่เขาจะวางใจ เชื่อใจ และมาเติมเต็มทุกๆอย่างได้คือลูก หลายคนกังขาว่าเด็กเป็นลูกของเขาหรือไม่ แต่เรากลับไม่สนใจ ตราบใดที่เรารู้ และเห็นว่าไมเคิลรักลูกแค่ไหน เขารักลูกมากกว่าชีวิตและเลี้ยงดูลูกมาเป็นอย่างดี

มรสุมยังเข้ามาเรื่อยๆ สื่อยังคงขุดคุ้ย เรื่องของเขาไม่หยุด ทั้งการเปลี่ยนสีผิว ทั้งเรื่องศัยกรรม ทั้งเรื่องลูกๆของเขา ทุกคนเชื่อตามสื่อโดนที่ไม่มีหลักฐาน ถูกประนาม ถูกทำวีดีโอล้อเลียน แต่
ใครกี่คนจะรู้ว่าเขาเป็นโรคด่างขาว
ใครกี่คนจะรู้ว่าไมเคิลทุมเทซ้อมหนักแค่ไหน ผ่านการหกล้ม ผ่านอุบัติเหตุ ผ่าตัดมากี่ครั้ง
ใครกี่คนจะพยายามเข้าใจในอาชีพนักร้องที่มีการแข่งขันสูง ที่ต้องขายทั้งความสามารถและหน้าตา
ใครจะรู้บ้างว่าไมเคิลแคร์แฟนเพลงแค่ไหน เขาไม่อยากให้แฟนเพลงผิดหวัง เอาง่ายๆอย่างเราไปเจอดาราหรือนักร้องที่เราชื่นชอบสักคน แล้วพบว่าเขาไม่เห็นจะสวยหรือหล่ออย่างที่เราเห็นในทีวีเลย เราก็คงผิดหวังมิใช่น้อย

เราไม่ค่อยยอมรับในคำว่าสังขารไม่เที่ยง เราไม่ค่อยยอมรับว่าเขาก็คนๆหนึ่ง ที่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เขาก็คงเข้าใจในจุดนี้ถึงได้พยายามดูแลตัวเองตลอดมา เราไม่เคยเห็นเขาปฏิเสธแฟนเพลง เขายังคงยิ้ม โบกมือทักทาย ส่งจูบให้แฟนเพลงเสมอมา ไม่ว่าที่ไหน และเมื่อไหร่

แต่สุดท้ายเขาคงทนแรงกดดันไม่ไหว ทั้งยังอยากจะปกป้องลูกๆซึ่งเป็นสิ่งที่เขารักที่สุดในชีวิตจากทุกอย่าง เขาจึงย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ยอมเปลี่ยนแม้แต่ศาสนาเพื่อตอบแทนความช่วยเหลือทางการเงินและที่อยู่จากเจ้าชายบาร์เรน ถึงแม้สุดท้ายเงินส่วนนั้นจะถูกครอบครัวขอนำไปใช้ก็ตาม

ไมเคิลเป็นพ่อที่รักลูกมาก ไม่เคยให้ลูกรู้ถึงความลำบากที่เขาต้องเผชิญอยู่ เขายังคงพยายามให้ลูกได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม จนสุดท้ายหนี้สินเพิ่มพูน ลำบากขนาดต้องนั้งเครื่องบินชั้นประหยัด ไม่มีเงินจ่ายค่าแรงแม่บ้าน ถึงขั้นต้องไปอาศัยนอนในห้องใต้ดินของลูกน้องเก่า ไมเคิลเริ่มเครียด ไม่ทาน ไม่ดูแลตัวเองแม้กระทั้งไม่โกนหนวด และเริ่มใช้ยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่พอจะมีคอนเสิร์ต ไมเคิลเริ่มมีหวังที่จะสะสางหนี้ เขาเริ่มแต่งเพลง เริ่มซ้อมเต้น แต่เมื่อมาพบว่าต้องแสดงถึง 50 รอบ ทั้งที่ไมเคิลแสดงได้เพียง 10 รอบเท่านั้น เขาก็เริ่มกังวลและเริ่มเครียด ทุกคนทุกฝ่ายกดดันเขา ไมเคิลเริ่มกลัว ถึงขนาดพูดว่า เขาติดหนี้คนอื่นไปทั่ว ถ้าเขาไม่แสดงทุกคนคงฆ่าเขาแน่ จนสุดท้ายเมื่อร่างกายและจิตใจเขาไม่ไหว เขาก็จากเราไปในที่สุด…..

เขียนมายาว ทุกคนอาจจะเบื่อ แต่อย่างน้อยอยากให้ทุกคนได้ข้อคิดอะไรจากชีวิตเขาบ้าง นอกเหนือจากผลงานที่เขาทิ้งไว้ อย่างน้อยต่อไปเราจะได้รู้จักคิดเป็นกลาง เข้าใจในกฏของธรรมชาติ เข้าใจว่าทุกอย่างมีเหตุและผล รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่ไมเคิลทำ ไม่ตัดสินใครหรืออะไรโดยที่เราไม่มีหลักฐาน อย่าไปตัดสินใครว่าผิด แล้วต้องมานั่งร้องไห้ และกล่าวขอโทษทีหลังเมื่อเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ถ้าเราทำได้ โลกนี้คงเป็นโลกที่น่าอยู่อย่างที่ไมเคิลหวังไว้แน่นอน.

จากคุณ : พี่เปีย

เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 19:15:37 A:210.86.145.21 X: TicketID:222788