ขออนุญาตก็อบมาแปะครับ เผื่อเน็ตใครช้าเหมือนผม จะได้่อ่านสะดวกขึ้น ************************************************** แม่นาคเดอะมิวสิคัล เวอร์ชั่นของดรีมบอกซ์ ละครผีที่สวยงาม บทละครซึ้ง เพลงไพเราะ เทคนิคแสง ภาพ ผสานเชิดหุ่น สุดประทับใจ
"โหดร้ายหนักหนา ทารุณเกินกว่าจะเข้าใจ ฉันจะสร้างโลกนี้ขึ้นมาใหม่ ให้มีเพียงเราเท่านั้นพอ จะมีแต่คนที่ฉันรักและรักฉัน มีแต่เสียงหัวเราะเบิกบานมีความสุข ไม่มีใครเจ็บไม่มีใครตายไม่มีใครเป็นทุกข์ มีแต่พ่อ แม่ และลูกน้อยกลอยใจ
ยามกลางวันตะวันทอแสงอบอุ่น จันทราส่งแสงอ่อนละมุนในยามค่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างช่างหมดจดงดงาม น้ำในคลองเป็นสีครามเย็นใจ มีแต่ความรัก เมตตาปรานี มีเสียงดนตรีกังวานหวานใส หอมรื่นรวยรินกลิ่นละไม อวลอบด้วยกลิ่นไอนุ่มนวล โลกนี้สร้างขึ้นจากความรักมั่น พื้นกระดานแทนความผูกพันแน่นหนา
ฝาบ้านแทนความอบอุ่นใจในอุรา หลังคาแทนสัญญาที่มีต่อกัน คานขื่อคือความมั่นใจในรักแท้ ว่าจะไม่เปลี่ยนแปรพลิกผัน เสาเรือนคือรักที่ค้ำใจไว้นิรันดร์ โลกของฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จะมีแต่คนที่ฉันรักและรักฉัน มีแต่เสียงหัวเราะเบิกบานมีความสุข ไม่มีใครเจ็บไม่มีใครตายไม่มีใครเป็นทุกข์ มีแต่พ่อ แม่ และ ลูกน้อยกลอยใจ"
เพลง โลกของแม่นาค ในละครเพลง แม่นาคเดอะมิวสิคัล เขียนคำร้องโดย ดารกา วงศ์ศิริ (เป็นผู้สร้างสรรค์การแสดงและเขียนบทละคร) ทำนองโดย พลรักษ์ โอชกะ เป็นหนึ่งในฉากที่แม่นาค ที่นับว่าบทร้องทุกตอนมีความหมาย ใช้ภาษาสละสลวย ทั้งเสียงร้องแสนไพเราะ และโมโลดี้ฟังแล้วรื่นรมย์ การดำเนินเรื่องน่าสนใจไม่น้อย สมกับเป็นฝีมือของนักการละครมืออาชีพ
แม่นาคในเชิงเสมือนจริงเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของแม่นาค มากกว่าที่เคยรู้จัก ได้รู้ว่าแม่นาคก่อนหนีตามพ่อมากมาอยู่คลองพระโขนง เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านขุน และตัวพ่อมากเองก็มีแม่ ชื่อแม่เหมือน (รับบทโดย มณีนุช เสมรสุต) อีกทั้งยังมีคู่หมายชื่อสายหยุด (รับบทโดย ณัฎฐพัชร วิพัธครตระกูล) เรียกได้ว่าด้านการร้องและการแสดงทุกคนทำได้ดี ไม่เสียทีเป็นฝีมือกำกับของ สุวรรณดี จักราวรวุธ ละครเรื่องนี้ร้องทั้งเรื่องไม่มีบทพูด หลายคนที่ไม่ใช่แฟนละครแนวนี้อาจจะมีบ่นกันบ้าง แต่เชื่อว่าทุกคนได้ลิ้มรสความแตกต่างระหว่างเรื่องของแม่นาคที่ได้เคยผ่านตามาเรื่องนี้ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย ผู้รับบทแม่นาค แม้จะไม่ดุดัน น่ากลัวเหมือนกับผีทั่วไป แต่เธอก็ชวนหลอน ในตอนที่เธอลอยอยู่บนสลิงอย่างนุ่มนวล แลดูเบาหวิว ราวกับวิญญาณที่ล่องลอย เรียกได้ว่าเอฟเฟคท์เรื่องนี้มีพอประมาณ พอสมน้ำสมเนื้อไม่มากไม่น้อยจนเกินไป มีฉากเอฟเฟคท์เล็กๆ เช่น เรือนผุพังหลังคาร่วง แม่นาคเอื้อมมือยาวเก็บมะนาว ฯลฯ เขาก็ทำได้แนบเนียนไม่น้อย
สิ่งที่ต้องชมคือภาษาที่ใช้สละสลวย เน้นการเล่าเรื่องราวในเชิงลึกให้กระทบจิตใจคนดู ได้รู้สึกถึงความรักและสัจธรรม ความตลกขบขัน ใส่ไว้ในตัวละครหมอตำแย (รับบทโดย นรินทร ณ บางช้าง) เวอร์ชั่นนี้หมอตำแยเป็นภรรยาของ สัปเหร่อ (รับบทโดยเด๋อ ดอกสะเดา) ที่ทั้งสองครวญเพลงตอบโต้กันว่าระหว่างหมอตำแย กับสัปเหร่อ ใครสำคัญกว่ากัน เลยเถิดถกเถียงว่า ตอนเกิด หรือว่าตอนตายเวลาไหนที่สำคัญ ฟังแล้วได้แง่คิดหลายๆ อย่าง
แม่นาคของดรีมบอกซ์ เป็นลูกสาวคนเดียวของขุนนาง ที่แม้จะอยู่ในครอบครัวที่มีบิดาที่เข้มงวด และมีมารดาที่ตกอยู่ใต้อำนาจของสามี แต่แม่นาคก็ยังได้เรียนหนังสือ ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากในสมัยนั้น ดังนั้นเมื่อเธอหนีตามพ่อมากที่มีพื้นเพเป็นชาวนามาอยู่ที่พระโขนง เธอจึงเหมือนปลาที่ผิดน้ำ ไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ ในชุมชนนี้ตัดสินคุณค่าของผู้หญิงด้วยการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแม่สามี ญาติหรือคนอื่นๆ ในชุมชน ล้วนมองแม่นาคด้วยความชิงชัง และด้วยอคติที่มีต่อคนที่มาจากชนชั้นและพื้นเพที่ต่างกัน การอ่านหนังสือออกนั้นมีค่าน้อยกว่าการต้อนควายเป็นเสียอีก จะมีก็แต่ความรักของพ่อมากเท่านั้น ที่ทดแทนความทุกข์ต่างๆ และทำให้แม่นาคมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความสุข ดังนั้นเมื่อพ่อมาก ต้องโดนเกณฑ์ไปรบแม่นาคที่กำลังท้องแก่จึงแทบไม่เหลือความสุขในชีวิตอีกเลย... ผู้เขียนบทบอกอย่างนั้น
สิ่งแปลกใหม่ในเวอร์ชั่นนี้ยังมีอีกเรื่องคือ สาเหตุการตายของแม่นาคมีเงื่อนงำที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ซึ่งเป็นแผนร้ายของใครบางคน การตายของแม่นาค เกี่ยวข้องกับแม่ของพ่อมาก สายหยุด หมอตำแย อันนี้ก็น่าจะเป็นคติสอนใจได้แง่คิดเช่นกัน ยกตัวอย่างคนเราเก่งและดีเพียงใด วันหนึ่งหากพลาดไป สังคมอาจไม่ให้อภัย
ฉากที่หมอตำแยพายเรือเพื่อไปขอขมาแม่นาค ที่ตนเองเผลอดื่มเหล้าจนเมามายไม่ได้ไปทำคลอดให้แม่นาค เป็นเหตุให้แม่นาคต้องตาย ถือว่าเป็นอีกฉากที่ประทับใจ เพราะใช้เทคนิคทางด้านการละครครบครัน โดยเฉพาะตอนที่หมอตำแยจมอยู่ในน้ำ เป็นภาพที่สวยงามอีกฉากหนึ่ง มีเทคนิคของแสง การฉายภาพลงบนจอ และเทคนิคการเชิดหุ่น เข้ามาเกี่ยวพันในฉากนี้ โดยยกตัวนักแสดงที่ทำท่าแหวกว่ายจมน้ำให้ลอยเคว้งเสมือนอยู่ใต้น้ำจริงๆ อีกความประทับใจก็คือ ฉากที่วิญญาณของแม่ทองคำ (แม่ของแม่นาค) นั่งเรือแห่งมรณามารับวิญญาณแม่นาค เป็นฉากที่มีมิติสวยงามและยังมีอีกหลายๆ ฉาก
หลายคนอาจจะชื่นชมแกมบ่นนิดๆ ว่า ละครเขาทำได้ลึกซึ้งดี เสียอย่างเดียวยาวไปหน่อย แถมยังไม่ค่อยตื่นเต้นสมกับเป็นละครผีเท่าที่ควร นั่นก็เป็นอีกความคิดหนึ่ง แต่สำหรับคนที่กลัวผี อยากดูละครที่สวยงาม ซาบซึ้งกับบทละครและเสียงเพลงที่ไพเราะ ก็น่าจะชื่นชอบและมีความสุข อิ่มเอมกับโลกของแม่นาคใบนี้ อย่างน้อยผู้เขียนบทละครเขาก็ตื้นตันใจที่ได้ให้ความเป็นธรรมกับดวงวิญญาณของแม่นาค และขอบอกว่าสิ่งที่เขียนมาทั้งหมดยังไม่ได้เศษเสี้ยวแห่งความประทับใจที่ผู้เขียนอยากจะเขียนถึงละครเรื่องนี้ ดังนั้นน่าจะไปชมกันให้ได้
สำหรับแม่นาคเดอะมิวสิคัล เรื่องนี้ยังคงเปิดฉากถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2552 ณ โรงละคร M Theatre ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สอบถามกันได้ดรีมบอกซ์ที่ โทร.(02) 715-3547-9
จากคุณ |
:
ลำปาว
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ค. 52 10:57:05
|
|
|
|
|
|