Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
**กระทู้นี้เพื่อนุกนิก..กว่าที่คุณจะรู้จักตัวตนของเธอ ก็สายไปแล้ว**  

ผมควรจะส่งกระทู้นี้ตั้งแต่เมื่อวานแต่ก็ไม่ได้ทำ.. มาถึงวันนี้ก็สายเสียแล้วหากจะเรียกคะแนนโหวต แต่ยังไม่สายเสมอสำหรับนุกนิกเองที่อาจจะเข้ามาอ่านและสำหรับคนที่ยังรักนุกนิกและคอยติดตามว่า เธอจะดำเนินชีวิตอย่างไรบนเส้นทางบันเทิงหรือสายงานอื่นๆ ในอนาคต


***********เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสที่ 27 สค.ที่ผ่านมา***********

ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านอากาศยาน เคยทำงานให้องค์การนาซ่าที่ USA มาก่อน ต่อมาถูกไล่ออกเพราะแอบใช้เวลาและงบของนาซ่าไปประดิษฐ์คิดค้นสิ่งประดิษฐ์บ้าๆ บอๆ จึงกลับมาเมืองไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อทำการคิดค้นเครื่องมือที่จะเป็นประโยชน์กับมวลมนุษย์ต่อไป

ผมนั่งดูเอเอฟ6 อยู่ที่บ้าน สลับกับการอ่านกระทู้ต้มยำนุกนิกในพันทิปมาหลายสัปดาห์แล้ว บางรสชาติที่พูดถึงเธอก็อร่อยดี บางรสชาติก็ต้องรีบบ้วนทิ้ง โดยเฉพาะข้อความจากบ้านของนักล่าฝันรายอื่นที่พูดถึงเธอ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าดูรายการเดียวกัน เพราะทุกคนต่างก็มี ตาดู หูฟังด้วยกันทั้งนั้น แต่ความต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างคนที่รักนุกนิกจริงใจ กับคนที่เกลียดเข้าไส้ ไม่ได้มาจากสัญญาณภาพหรือเสียงที่รับชมอย่างแน่นอน แต่มาจากเครื่องแปรสัญญาณที่อยู่ในจิตใจของคนดูแต่ละคน

ซึ่งคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะเวลาเครื่องแปรสัญญาณของใครผิดพลาด ก็มักจะโทษว่า ของคนอื่นต่างหากที่ผิดพลาด ของตัวเองคุณภาพชั้นเยี่ยมเสมอ

ต้องยอมรับว่า เด็กคนนี้เป็นจำเลยของทุกข้อกล่าวหาที่เคยมีรายการเรียลิตี้มาเลยก็ว่าได้ ..บ้าผู้ชาย..เฟค..สติแตก..ไม่รู้กาลเทศะ..แอ๊บแบ๊ว..อ้วน..กินจุ..น่ารำคาญ..พูดมากกว่าฟังคนอื่น..สกปรก ฯลฯ อีกมากมาย

แต่..
ทุกข้อกล่าวหาที่โจมตีเด็กคนนี้ ผมก็ยังไม่เคยพบว่ามีใครโจมตีว่า..”นุกนิกเถียงครูว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น” หรือ “นุกนิกไม่รักเพื่อนอย่างจริงใจ”

คงมีเพียงสองข้อกล่าวหานี้ที่คนจับผิดยังละอายใจไม่กล้าตั้งข้อกล่าวหาให้..(คงกลัวศาลยกฟ้อง^^) นอกนั้นโดนมาจนครบแล้ว

ผมจึงอยากชื่นชมคนที่ด่านุกนิกว่า พวกคุณยังเป็นผู้ที่รู้จักแยกแยะและมีความกระดากอยู่บ้างตามวิสัยมนุษย์ผู้มียางอายเป็นคุณธรรมประจำตัว

แต่เอ๊ะ..
แล้วไอ้ที่เห็นส่วนดี (อันน้อยนิด) ในนิสัยส่วนตัวนี้ มันของจริงหรือว่าของทำเหมือนกันแน่หว่า..?

และอีกประเด็นที่ผมคิดว่าคนดูทั่วไปสนใจอยากรู้คือ นุกนิกเป็น..
**คนโรคจิตที่ยังพูดคุยรู้เรื่อง หรือ เป็นคนปกติที่พูดไม่รู้เรื่องกันแน่..??**

น่าสนใจและติดตามค้นคว้าอย่างยิ่งสำหรับนักวิทยาศาสตร์ใกล้บ้าอย่างผม..>< เพราะความจริงที่เป็นข้อเท็จจริงย่อมมีหนึ่งเดียวเสมอ ไม่อาจมีสองได้

วันนี้อดรนทนไม่ไหว อยากค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในตัวของน้องคนนี้แบบลึกถึงไส้ถึงพุงขึ้นมา ผมเลยขับรถไปทีบ้านวิสซ์ด้อมในยามวิกาล..--_--“

ต้องเรียกว่า วิกาลจริงๆ เพราะกว่าน้องคนนี้จะนอนหลับผมก็หลับไปก่อนแล้วสองรอบในรถ..!!

พวกคุณคงสงสัยใช่ไหมครับว่า ผมจะเข้าไปหาน้องได้ยังไง เพราะเจ้าหน้าที่ของรายการตั้งหลายด่านแม้แต่มดยังห้ามเข้า

แต่เขาห้ามมดเข้า ก็ไม่ได้ห้ามยุงเข้านี่..ใช่ไหมครับ

ผมจอดรถอยู่ด้านนอกบ้านที่มองเห็นแสงไฟสว่างจ้าอยู่ลิบๆ..
ในยามวิกาลสมัยอย่างนี้ คงไม่มีใครให้ความสนใจรถเบนซ์สีบรอนซ์ที่ผมใช้อยู่นี้หรอก และผมจะทำอะไรในรถนี่มันก็เรื่องของผมอีกน่ะแหละ ทรูหรือวิสซ์ด้อมไม่เกี่ยว

ผมเปิดฝาช่องเก็บของที่คอนโซนเท้าแขนในรถขึ้นมา ในนั้น มีจานบินรูปทรงกลมขนาดเท่าแมลงวันตัวหนึ่งเท่านั้น
ผมหยิบมันออกมาจากช่องเก็บของอย่างระมัดระวังแล้วเปิดประตูรถออกมายืนอยู่ข้างนอก เดินไปที่กระโปรงท้ายรถ เปิดฝากระโปรงขึ้นแล้วดึงบางสิ่งบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายกระบอกปืนเอ็ม79 ออกมาแล้วหนีบไว้กับข้างลำตัวก่อนจะปิดฝากระโปรงรถแล้วเอามันพักไว้บนฟุตบาทก่อน

ข้างนอกนี่มืดเกือบสนิท แต่ผมจำเป็นต้องอาศัยความมืดมิดอย่างนี้อำพรางการปฏิบัติการบางอย่างที่กำลังจะดำเนินต่อไป..

ด้านข้างรถซีกที่ชิดกับกำแพงรั้วและมีฟุตบาทคั่นอยู่เล็กและแคบ เป็นมุมที่เหมาะพอที่ผมจะปฏิบัติการอย่างเร้นลับโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้
ผมแบมือออกแล้วค่อยๆ ประคองจานบินลำจิ๋วให้วางลงบนพื้นอย่างละมุนละม่อม เสร็จแล้วเดินถอยมาหยิบกล้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่กว่าลำไม้ไผ่ที่เขาไว้สูบกัญชา ผมดึงขาหยั่งสีดำ 3 แฉกออกจากลำกล้องเพื่อให้สามารถตั้งกล้องบนผิวถนนระหว่างตัวรถกับฟุตบาทได้ก่อนจะล้วงเอารีโมทออกมาจากกระเป๋ากางเกง

อ้าว..! นึกขึ้นได้ว่า ผมลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไว้ในรถ จึงเปิดประตูหลังและมุดเข้าไปหยิบออกมา มันเป็นกระเป๋าหิ้วสีแดงขนาดเท่ากับที่เซลล์ขายสินค้ากิ๊กก๊อกทั่วไปใช้
ผมปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมกลับไปยังที่ที่ผมตั้งกล้องเอาไว้อีกครั้ง นั่งยองๆ โดยมีกระเป๋ากอดอยู่แนบอก กะระยะให้ลำแสงที่จะฉายออกมาในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ครอบคลุมทุกส่วนของร่างกาย

ผมกดปุ่มสีแดงบนรีโมทในมือหนึ่งครั้ง..

ปิ๊บ..บ

มีลำแสงสีทองสาดออกมาจากปากกระบอกของลำกล้องในทันที ผมต้องหลับตาปี๋ในช่วงเวลา 5 วินาทีสั้นๆ นั้น

พอลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็พบว่า ตัวเองถูกย่อส่วนให้เหลือเล็กเท่าขนาดไอ้มดแดงในพงหญ้า เครื่องทรานฟอร์โมสโคปของผมทำงานได้ผลเหมือนเคย ผมกลายเป็นมนุษย์ขนาดจิ๋วที่สุดในโลกอีกครั้ง

ผมรีบวิ่งไปที่จานบินที่จอดรออยู่ลิบๆ โดยไม่รอช้า ด้วยเกรงว่า สัตว์ที่ผมเคยรังควานมาตลอดชีวิตจะจำกลิ่นศัตรูของมันได้และกรูกันออกมาต้อนรับ

โชคดีที่ยามนี้พวกมันก็คงหลับไปแล้ว หรือไม่ก็คงมองไม่เห็นในที่มืด ผมจึงมาถึงจานบินได้อย่างปลอดภัย ผมรีบดึงบันไดลงมาแล้วปีนเข้าไปข้างในก่อนจะปิดประตูให้สนิท

ทันทีที่ประตูปิดลง เครื่องปรับอากาศก็ทำงานทันที ในห้องโดยสารที่เย็นสบายนี้มีผมคนเดียวที่ควบคุมจานบินนี้อยู่ แผงหน้าปัดที่มีปุ่มสีแดงสีเขียวกำลังกระพริบอยู่ดูละลานตาไปหมด

ผมเอานิ้วชี้ข้างขวากดปุ่มที่อยู่ตรงกลางเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน ทันทีที่เครื่องสตาร์ทติด วงแหวนรอบจานก็หมุนด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ.. ขณะเดียวกันลำแสงเล็กๆ ขนาดเท่ารูเข็มจำนวนนับร้อยก็สาดออกไปราวกับเส้นใยของไอ้แมงมุม
จานบินเริ่มลอยขึ้นเหนือพื้นถนนแล้ว ทัศนะวิสัยที่เห็นชัดเจนดี ผมกำลังบินเข้าไปหาอาคารที่เป็นเป้าหมายแล้ว..

ไม่ต้องกลัวผมหลงทางหรอกครับ เพราะดูมาเยอะ เห็นจนชินตา จำได้ว่า ต้องผ่านสระว่ายน้ำไปยังประตูบานกระจกบานคู่บานใหญ่ที่มีช่องว่างเล็กๆ ระหว่างกระจกสองแผ่น

จากคุณ : มุมเล็กๆ ที่ไม่มีใครสนใจ
เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 11:08:10 A:124.122.146.55 X: TicketID:018238




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com