|
ความคิดเห็นที่ 15 |
|
วันนี้ขออนุญาตมาโพสความหมายแบบประโยคต่อประโยคของเพลงนี้เสริมอีกคนนะครับ ที่คุณเอกแปลมาได้อารมณ์มากๆ ครับ งานนี้ผมกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งเลยถือวิสาสะมาคัฟเวอร์อีกทีหนึ่ง เผื่อใครสนใจภาษาอังกฤษแบบมารายห์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งซับซ้อนอยู่พอสมควร จะได้เข้าใจอย่างกระจ่างมากขึ้น ที่เลือกเพลงนี้เพราะว่า เป็นเพลงชอบมากที่สุดแล้วที่มารายห์แต่งมาครับ บางช่วงที่คุณเอกแปลเอาไว้สวยงามแล้ว ผมขออนุญาตคัดลอกมาเลยละกันครับ
H.A.T.E.U. (Have A Typical Emotional Upset) อย่างที่คุณเอกบอกกล่าวเอาไว้ข้างต้นแล้วนะครับว่า เพลงนี้สะท้อนถึงอารมณ์ของผู้หญิงที่แปรปรวน ยังรักเขาอยู่ แต่ประมาณว่ายังทำใจกับการเลิกกันไม่ได้ อยากจะเกลียด แต่ก็เกลียดไม่ลง โมโหผู้ชายคนนั้นมาก แต่สุดท้ายก็เกลียดไม่ลง เพราะยังรักอยู่ แถมยังรู้สึกอยากให้จะกลับมาคืนดีเหมือนเดิมกันใหม่ เห็นมั้ยครับ วกไปวนมาอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งเพลง
Once upon a time we swore not to say goodbye ยังจำได้มั้ย ที่เราเคยสัญญากันว่าเราจะไม่มีวันจากกันไป (ตามตัว : นานมาแล้วล่ะ ..)
Something got a hold of us and we changed แต่ ณ วันนี้มีสิ่งที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนสถานะไป (ตามตัว : บางอย่างรั้ง, หน่วง, ยึดเราเอาไว้ ทำให้เราเปลี่ยนไป)
And then you sat alone in pride and I sat at home and cried เธอเองก็นั่งเหงาคนเดียวอย่างทะนง ส่วนฉันนั่งอยู่บ้านอย่างทุกข์ระทม (เอาแต่ร้องให้) in pride ตรงนี้ คือ อย่างทะนง แบบว่ามีทิฐิ คือประมาณว่า ผู้ชายทิ้งไปแล้ว ก็ไม่แยแสผู้หญิงแล้วอ่ะ
How did our fairy tale just end up this way ความรักแบบในนิยายของเราสองคน มันมาจบแบบนี้ได้อย่างไร
We went round for round til we knocked love out We were laying in the ring not making a sound สองบรรทัดนี้ เห็นภาพเลยว่า ทั้งคู่อยู่บนสังเวียนมวย เราเดินวนๆ หยั่งเชิงกันอยู่หลายรอบ จนปล่อยหมัดน็อกให้แก่กันจนร่วงทั้งคู่ (ปล่อยหมัดน็อกใส่ความรักที่สร้างกันมา) (พอร่วงแล้ว) เราก็ลงไปนอนกองกับพื้นสังเวียน แล้วก็นิ่งกัน ไม่ส่งเสียงอะไรออกมา ชัดๆ คือ We were laying in the ring, and we were not making a sound ring ตรงนี้คือสังเวียน และสรุปว่าแพ้ทั้งคู่
And if that is a metaphor of you and I แต่ถ้านั่นคือ การเปรียบเปรยถึงรักที่แสนจะย่ำแย่ และควรจบลง (ตามตัว : และหากเปรียบเรื่องดังกล่าวแทนลักษณะความสัมพันธ์ของเรา)
Why is it so hard to say goodbye ทำไมมันยากเหลือเกินที่ชั้นจะต้องปล่อยความรักห่วยๆ ครั้งนี้ไป (ตามตัว : แล้วเหตุใดฉันจึงบอกลา(เธอ)ไม่ได้เสียที)
metaphor แปลว่า อุปมาอุปไมย หรือ การเปรียบเทียบระหว่างสองสิ่ง เปรียบเทียบว่า ทั้งคู่ทะเลาะกัน แตกคอกัน อยากเอาชนะกัน สุดท้ายก็แพ้ทั้งคู่ แต่ผู้หญิงยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเลิกกัน
ช่วงต่อไปนี้เป็นสิ่งน่าทึ่งมากที่มารายห์แต่งเปรียบกันไปแต่ละช่วง คือ ประโยคย่อยแรกเป็นสิ่งที่อยากทำ แต่ประโยคย่อยต่อเป็นสิ่งที่ตัวเองเผชิญอยู่ ด้วยความแปรปรวนทางอารมณ์ทั้งหมด I cannot wait to hate you make you pain like I do (But I) Still cannot shake you off ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะเกลียดเธอ อยากทำให้เธอเจ็บเหมือนฉัน(เจ็บ) แต่ฉันก็ยังสลัดเธอออกไปจากหัวใจไม่ได้
I cannot wait to break through these emotional changes (But it) Seems like such a lost cause ฉันอยากจะก้าวผ่านความผันผวนทางอารมณ์นี้ให้ได้เสียที แต่ดูเหมือนว่าพยายามไปก็ไม่สำเร็จ (a lost cause แปลว่า ความพยายามที่ไร้ผล)
I cannot wait to face you break you down (But I am) So low (and) there is no place left (for me) to go ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะเจอหน้าเธอ เพื่อทำให้เธอรู้สึกแย่ แต่ฉันกลับรู้สึกเศร้า และก็สับสนจนไม่มีที่ไป (break you down ตรงนี้ก็คือ อยากจะ destroy you / hurt you / make you feel bad นั่นเอง)
I cannot wait to hate you อยากเกลียดเธอลงจัง
Ooh, this was a love phenomenon no one could explain ดูเหมือนว่าความรักครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครจะเข้าใจมันได้
And I wish I could press reset and feel that feeling again ฉันเอง อยากเหลือเกินที่จะ เริ่มต้นความรักใหม่อีกรอบ เพื่อจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง
I sit and press rewind and watch us every night ทุกๆ ค่ำคืน ฉันได้แต่นั่งมองย้อนถึงอดีตของเรา
Wanna pause it but I cannot make it stay อยากจะหยุดเวลาไว้ ไม่ให้มันต้องจบลง แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้
Just gotta let it play ต้องปล่อยให้มันดำเนินไป
No need to call my phone Because I changed my number today Matter fact I think I am moving away ไม่ต้องโทรมาหาฉันนะ เพราะฉันเปลี่ยนเบอร์แล้ววันนี้ อันที่จริง ฉันคิดว่าฉันจะย้ายออกไปเลย (moving away ตรงนี้ก็คือ ย้ายบ้าน แบบว่ามารายห์ ใช้โทรศัพท์บ้าน ฮาๆๆ ประมาณว่า อันที่จริงก็ให้ลืมไปเลยว่าฉันอยู่ที่นี่ เพราะฉันจะย้ายบ้านแล้ว ส่วน moving on แปลว่า ก้าวต่อไปข้างหน้าครับ)
Sorry the frustration has got me feeling a way And I just keep having one last thing to say โทษทีนะ คงเป็นเพราะอารมณ์โกรธที่ทำให้ฉันทำแบบนี้ ตามตัว : และฉันก็แค่มีสิ่งสุดท้ายที่อยากจะบอกเธอหลายครั้งแล้วล่ะ (ตรงนี้ มารายห์ต้องการเล่นเสียงของคำว่า a way กับ to say เพราะเมื่อวิเคราะห์ the frustration has got me feeling a way แล้วนั้น จะได้ว่า ความโมโหทำให้ฉันรู้สึกอะไรบางอย่าง ความรู้สึกอะไรบางอย่างก็คือ การประชดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองนั่นเอง กล่าวคือ ทำโน่นทำนี่เพื่ออยากบอกว่า เกลียด อยากเลิก)
And I just wanna hold you, touch you, Feel you, be near you, I miss you baby baby baby ฉันอยากจะกอดเธอเหลือเกิน ฉันอยากสัมผัสรักของเธออีกครั้ง อยากจะได้อยู่ใกล้ๆ เธอเหลือเกิน คิดถึงเธอที่สุด
I am tired of trying to fake through But there is nothing I can do Boy I cannot wait to hate you ฉันเบื่อเต็มทนแล้วที่จะต้องมาแกล้งทำเป็นเกลียดเธอแบบนี้ แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเกลียดเธอได้จริงๆ
ตรงช่วงสุดท้ายนี้ ก็แสดงถึงอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของคนร้องได้เป็นอย่างดี (จิตเสื่อมไปแล้วอ่ะป่าวเนี่ย) I cannot wait to h-a-t-e you Cause right now I need you Cannot wait to make you go ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะเกลียดเธอ เพราะตอนนี้ฉันต้องการเธอ อยากให้เธอไปจริงๆ สักที
จากคุณ |
:
GURU
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ต.ค. 52 13:37:48
A:125.24.173.134 X: TicketID:212005
|
|
|
|
|