 |
ความคิดเห็นที่ 17 |
|
ได้ไปดูมาเมื่อวันอาทิตย์รอบบ่ายสองโมงครับ ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมและแสดงความเคารพในความเห็นของทุกๆท่านครับ โดยส่วนตัวผมเอง ขอแสดงความคิดเห็นบ้าง แต่ด้วย ประเด็นหลักของเรื่องที่ยังคงแสดงพลังอยู่ในกระทู้นี้และหลายกระทู้ ทำให้ผมออกจะเกรงๆอยู่ว่า เป็นการยากพอดูที่จะแสดงความเห็นต่อละครเรื่องนี้ เพราะประเด็นเรื่องของ "เหตุผลและอารมณ์" ที่อยู่ในละคร ก็จะถูกหยิบยกมาใช้ในการพูดถึงละครเรื่องนี้ ด้วยเช่นกัน กลายๆจะคล้ายกับประเด็นไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันนั่นแหละครับ แต่จะพยายามพูดถึงละครโดยใช้เหตุผลและอารมณ์ อย่างพอเหมาะที่สุดนะครับ บางช่วงมีสปอยล์ใครกลัวก็ขออภัย และข้ามไปเลยก็ได้นะครับ
สำหรับผมชื่อเรื่อง "The Legend of เร่ขายฝัน เฉลียง เดอะมิวสิคัล" ถ้ามองด้วยอารมณ์(ความรู้สึก)แล้ว เป็นชื่อเรื่องที่น่าสนใจมาก ด้วยชื่อ เร่ขายฝัน ถ้าใครเกิดทันเฉลียงยุคนั้น มิวสิควิดีโอเพลงนี้ ถือเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ นำเสนอด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
ตามด้วยการต่อท้ายด้วย เฉลียง เดอะมิวสิคัล บวกับแนวคิด แบบ Jukebox มิวสิคัล ที่จะนำเพลงของเฉลียงมาร้อยเป็นเรื่องราว ยิ่งน่าสนใจ ผมเองยอมรับว่าอิทธิพลของคำว่า เร่ขายฝัน และ ภาพเอ็มวี เพลงนี้ มีผลต่อความคาดหวังของผมในระดับหนึ่งทีเดียว
เมื่อได้ชม รู้สึกผิดหวังประมาณนึงกับการที่ไม่มีเพลงๆนี้อยู่ในเรื่อง ทั้งๆที่มีการโปรโมท ด้วยเพลงนี้ เพราะผมอยากรู้ว่า เร่ขายฝันจะถูกตีความอย่างไรในละคร แต่ผมว่าไม่ค่อยมี หลายท่านอาจจะบอกว่ามีสิ ที่ตัวละครพูดถึงความฝัน อย่าทิ้งความฝันแสนสวยงาม ผมก็ยอมรับครับว่ามี แต่(ด้วยมาตรวัดทางความรู้สึก) ผมว่ามันน้อยและน้ำหนักเรื่องความฝันก็น้อยด้วยเช่นกัน แต่เรื่องกลับไปเน้นถึงเรื่อง เหตุผลและอารมณ์ ความแตกต่างทางความคิดและคาแร็กเตอร์ของคนสองเมืองเป็นหลัก ซึ่งผมว่าไม่ผิด เป็นแนวคิดและ Conflict ที่ดี แต่เหมือนชื่อเรื่องกับธีมที่นำเสนอในละคร จะไปคนละทางไปหน่อย ถ้าสามารถนำความฝันมาเป็นจุดสำคัญของเรื่อง แล้วให้ตัวละครต่อสู้เพื่อความฝันโดยฝ่ายหนึ่งต่อสู้ด้วยเหตุผลเป็นหลัก กับอีกฝ่ายสู้ด้วยอารมณ์เป็นหลัก คงจะตอบโจทย์มากกว่านี้ หรือบางท่านจะมองว่ามันถูกสอดแทรกอยู่ในละครแล้ว ผมก็ขอยอมรับว่าผมเข้าไม่ถึงจริงๆ ในขณะที่อ่านความเห็นบางท่านบอกว่า ก็ละครเรื่องนี้แหละคือความฝัน คือตำนาน ที่กำลังเร่ขายตัวมันเอง ผมก็ขอชมครับว่าลุ่มลึกมากๆ แต่ผมว่ามันอาจลึกไปสำหรับบางคน (หนึ่งในนั้นคือผมเองครับ ^^ )
ขอพูดในเรื่องของเพลง ผมว่าทีมบทเลือกเพลงมาใช้ได้ดีมากครับ หลายเพลงนำมาแบ่งวรรคให้ตัวละครร้องโต้ตอบกันได้อย่างลงตัว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันคือเพลงเดียวกัน คนร้องคนเดียว พูดเรื่องเดียวกัน แต่พอมาอยู่ในละคร ประโยคที่เคยเป็นเหตุผลของกันและกัน กลับตีความออกมาได้ต่างกัน เมื่อร้องผ่านตัวละครคนละตัว ขอชมทั้งคนเขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดง แต่จุดอ่อนที่ผมเห็นคือ การแต่งเพลงใหม่ และเนื้อใหม่ ในเพลง "อื่นๆ อีกมากมาย"ซึ่งผมว่า ไม่จำเป็น หรือถ้าอยากเล่นประเด็น(คนเกิดมาได้ยังไง?)นี้ ก็ทำเป็นบทพูด แทรกอยู่ในช่วงดนตรีบรรเลงจะดีกว่า (ผมไม่แน่ใจด้วยครับว่าเพลงของคุณจุ้ย ที่เป็นบทเล่าเรื่อง, เพลงเด็กล้างจาน ที่ต้อลร้อง,เพลงที่ลูกโป่งร้อง เป็นเพลงของเฉลียงด้วยรึปล่าว? ใครเป็นผู้รู้ช่วยบอกด้วยครับ) ผมมองว่า เสน่ห์และความยากของ Jukebox Musical ก็คือการเอาเพลงที่มีอยู่แล้วมาร้อยเป็นเรื่องราว โดยคงถ้อยคำในเพลงนั้นทั้งหมดไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่มีการตีความที่แตกต่างออกไป นั่นละครับจะเป็นการโชว์วิธีคิด ท้าทายสมองคนทำงานมากกว่า (ตัวอย่างเช่น Mammamia ทางวง ABBA เจ้าของเพลง เค้าให้เซ็นต์สัญญาเลยครับว่าห้ามเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงเด็ดขาด และทีมงานเค้าก็สามารถทำเป็นเรื่องได้ อย่างดีและลงตัว)
ดนตรีและระบบเสียง ผมเห็นด้วยกับหลายท่านว่าดนตรีของละครเรื่องนี้ดูจะเป็นจุดอ่อนจุดนึง... ในทัศนะของผม เฉลียงเป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ระดับตำนาน สมาชิกหลายท่านของวงเป็นนักแต่งเพลง นักดนตรี ที่มีฝีมือ เพลงของพวกเค้า เคยนำไปตีความบนเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ๆดีๆโดยศิลปินอื่นๆอีกมากมาย มาแล้วหลายครั้ง ในละครครั้งนี้นอกจากจะนำเพลงของพวกเค้ามาใช้และตีความใหม่แล้ว การตีความทางดนตรีก็น่าจะให้ใหม่และยิ่งใหญ่นี้ บางท่านอาจมองเป็นเรื่องเล็ก แต่เด็ดดอกไม้ก็สะเทือนถึงดวงดาวได้นะครับ ระบบเสียงที่ไม่ค่อยดี ทำให้ความขลังของเพลงหายไป การเรียบเรียงทีเรียบง่าย(บางครั้งจนเกินไป) การใช้วงที่น้อยชิ้นผสมกับ Backing Track ที่คุณภาพเสียงฟังดูแตกต่างกันมาก เสียงคอรัส ที่ฟังดูแล้วไม่ใช้เสียงร้องของนักแสดง Ensemble ทำให้ความเป็นละคร มิวสิคัล ของเรื่องนี้ ไปไม่ถึงฝันเท่าที่ควร( ความ"เรียบง่าย" กับ "ง่ายง่าย" ฟังดูคล้ายแตกต่างกันนะครับ)
ผมว่าไม่ผิดที่จะใช้วงกับBacking Track แต่ควรจะบาลานซ์ ให้เนียนกว่านี้ หลอกหูคนฟังให้ได้ คอรัสถ้ากลัวร้องสดไม่แน่น ไม่เนียน จะอัดเสียงก็ไม่ผิดครับ แต่น่าจะใช้เสียงที่หลากหลายอีกนิด ใช้เสียงนักแสดงEnsemble ที่เล่นจริงๆก็ได้ครับ เท่าที่ฟังผมได้ยินเสียงคอรัส (ที่ทีอยู่สองคน ชาย1 หญิง1) เท่านั้น ไม่ผิดถ้าเป็นเพลงเปิดฟังตามวิทยุ แต่เมื่อเป็นละครเวทีแล้ว เหล่านี้เป็นรายละเอียดเล็กๆแต่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามครับ
บทละคร ผมชอบแนวคิดครับ แต่อย่างที่บอกครับว่า ความฝัน เหตุผล และอารมณ์ มันน่าจะส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในทางกลับกันก็น่าจะมีconflict ที่แข็งแรงและมี้หตุผลเชื่อได้มากกว่านี้ การเขียนบทละครเวที แบบ Jukebox ยากมากครับ(ผมเองก็ทำไม่ได้ครับ) ทีมงานทำได้ขนาดนี้ผมว่าเก่งมากแล้ว แต่จะเก่งมากๆ ถ้าชัดเจนกว่านี้ กระชับกว่านี้ ความยาวของละครเป็นจุดอ่อนอีกจุดหนึ่งครับ ผมว่าละครยาวไป (ขอโทษที่ต้องเปรียบเทียบนะครับ) แม่นาคเดะมิวสิคัล ของดรีมบกซ์ ก็สามชั้วโมงกว่า แต่ด้วยเรื่องที่เข้มข้น ฉากที่มีทุกฉากมีเหตุผลในการมีอยู่ เป็นฉากที่เป็นเหตุเป็นผลกัน ชวนติดตาม จึงไม่น่าเบื่อ ในขณะที่ เร่ขายฝัน มีความยาวใกล้ๆกัน แต่อย่าโกรธนะครับ ถ้าจะบอกว่า กลางๆองก์2 ผมไม่ง่วงแต่กระสับกระส่าย ว่าเมื่อไหร่จะจบ ละครต้องการจะบอกอะไรอีกเหรอ?ก็เปล่า
นี่คือความรู้สึก(อีกแล้ว)ของผมที่มีต่อบางฉากครับ
-ฉากจับไก่ ต้นองก์ 2 ไม่มีผลต่อเรื่องครับ นอกจากได้โชว์เพลง กุ๊กไก่
- ชนะลม ร้องเพลง "ฝากเอาไว้" ผมชอบเพลงนี้ครับ และชอบที่ตัวละครร้องเพลงนี้ และมีประเด็นนี้อยู่ในเรื่อง แต่ผมมองว่า ไม่มีเหตุการณ์ไหนเลยที่ทำให้รู้สึกว่าชนะลมรักป่า รักธรรมชาติ (นอกจากพูดกับสัตว์ได้ และไม่ตัดต้นไม้เพราะนกขอร้อง) ในขณะเดียวกัน ชาวเมืองเอกขเนก ที่รักสนุก อยู่ในเมืองนี้อย่างมีความสุข ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเลยที่แสดงว่าพวกเขารัก และหวงแหนดินแดน ต้นไม้ ท้องฟ้า ของพวกเขา สุดท้ายแล้ว เมื่อ มินต์(ปุยปุย) ร้องเพลงนี้อีกครั้ง ผมเลยไม่รู้สึกว่าโดนใจเท่าที่ควร
มีผู้ชมบางท่านบอกว่า ดูแล้วรู้สึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร ผมเองก็คิดนะครับว่ามันไปได้ถึงขนาดนั้นจริงๆ ถ้้าบทจะส่งให้ ชนะลม ปุยปุย และชาวเอกเขนกทุกคน มีเหตุการณ์ ที่แสดงถึงความผูกพัน ความรัก ความหวงแหน ดินแดนของตัวเองอย่างจริงจัง (แบ่งๆฉากสนุกสนานบางฉาก มาใส่รายละเอียดตรงนี้บางคงจะดี) มันจะทำให้ฉากรอระเบิด และเพลงฝากเอาไว้ โดนใจมากกว่านี้
แต่ก็ต้องโค้ง เคารพ พี่เหมี่ยวครับ ว่า monologue ที่พี่เหมี่ยวพูดตอนสุดท้าย ทำผมน้ำตาไหลครับ เพราะตัวละครที่ดูตลกแต่จริงๆแล้วจิงจังมาก พูดได้กินใจจริงๆในช่วงวิกฤตสุดท้ายของชีวิต (แล้วคิดดูสิครับว่าถ้าชาวเอกเขนก มีmoment แบบนี้ด้วย มันจะกินใจอีกแค่ไหน)
- ฉาก montage ที่ตัดสลับ ระหว่างผู้นำคนใหม่ (แสนเก้า) ตัดสินใจว่าจะทิ้งระเบิดหรือไม่ กับชาวเอกขเนกนั่งรอจุดจบอยู่ที่เฉลียงบ้านพระจันทร์ เป็นฉากที่น่าจะเป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง แต่ในความรู้สึกผม ผมว่าไปไม่ถึง ด้วยจังหวะ ที่ช้าไป แสงใช้การ Fade ไปมา (เหมือนการ Dissolve) Sound +ดนตรี(ที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว)ไม่ส่ง และอย่างที่บอกครับว่า ความรักความผูกพันของ ชาวเอกขเนกที่มีต่อดินแดนอันเป็นที่รัก มีไม่มากและไม่ชัดพอ ทำให้ฉากที่ควรจะโดนมากที่สุด(ในความรู้สึกผม) ไปไม่ถึงจุดที่มันควรจะเป็น
แต่ขอชม การใช้เกสรดอกไม้ที่ปลิวลงมาในตอนท้ายของฉากนี้ครับ เป็นวิธีคิดที่สวยงาม ลุ่มลึก และยอดเยี่ยมมาก
- ฉาก ชายตาบอด ตาย(แบบไขว่ห้าง) ออกจะเป็นการ anti climax มากเกินไปหน่อยครับในความเห็นของผม ส่งผลให้ฉากต่อๆมา ที่น่าจะทำให้คนดูรู้สึกแรงกว่านี้ กลับไม่แรงเท่าที่ควร (นี่แหละครับที่ผมบอกว่า ฉากนึง มันส่งผลต่ออีกฉากนึงได้)
นักแสดง รุ่นใหญ่ทุกท่านยอดเยี่ยมมากครับ ส่วนน้องๆAF มินต์มีพัฒนาการทางแสดงสูงมากขึ้นเรื่อยๆ (แต่ห่วงเรื่องเสียงของน้องจังครับ) พอๆกับต้อล ที่ได้รับบทที่กลมลึกและท้าทายมากๆและทำได้ดีมากๆ โบว์ ผมเห็นว่าน้องมีประกายจะเป็นนางเอกละครตั้งแต่อยู่ในบ้านแล้วครับ อยากเห็นน้องแสดงละครอีก ในบทที่ได้ฝึกและใช้ความสามารถมากขึ้นอีก นัท บอย ตี๋ ลูกโป่ง (รอบบ่ายวันที่4 ตค.) ทำหน้าที่ได้ดี และพัฒนาจากเรื่องที่ผ่านมาทุกคนครับ
Ensemble แสดงได้ดีทีเดียวครับ แต่number แรกที่ปรากฏตัวในเมืองตรรกะ ความแข็งแรงและพร้อมเพรียงต้องปรับปรุงอีกนิด โดยเฉพาะการลงฝีเท้าที่ควรจะต้องพร้อมเพรียงกัน เพราะมันเป้นจุดขายของฉากนี้นะครับผมว่า แต่พอเป็นชาวเอกขเนกแล้ว ดูด๊เป็นธรรมชาติและน่ารักมาก ทุกคนครับ
อื่นๆ คนดูเข้าโรงละครช้ามากครับ พนักงานเดินตัวส่องไฟส่วางมากในขณะที่การแสดงกำลังจะเริ่ม
ขอโทษนะครับ ถ้าที่กล่าวมามันเป็นความรู้สึกส่วนตัวซะเยอะ ถามว่าผมชอบมั้ย ผมก็ตอบว่าชอบครับ แม้จะมีข้อผิดพลาด อยากให้ทำงานดีๆออกมาเรื่อยๆ เพื่อวงการละครเวทีบ้านเราจะได้โตขึ้น
อยากให้ทุกท่านที่อ่านและลังเลว่าจะไปดูดีมั้ย ตัดสินใจไปดูเถอะครับ ผมเองอาจจะเป็นคนตาบอดที่คลำช้างเจอส่วนที่เป็นหาง คุณลองไปชมเอง อาจจะเจอช้างในส่วนอื่นที่ไม่เหมือนกัน หรืออาจพบดอกชบาสวยๆ หรือพบความฝันที่ตามหา อืมม์ หรือไม่แน่คุณอาจจะเจอ ฝันที่พวกเขาเร่ขาย แต่เผอิญผมโชคร้าย ตามหาไม่ได้ อย่างที่บอกไปตอนต้น ถ้าเจอแล้วก็เอามาฝากกันบ้างนะครับ ขอบคุณครับ
จากคุณ |
:
Mathan
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ต.ค. 52 04:08:43
A:124.121.35.126 X: TicketID:205182
|
|
|
|
 |