ความคิดเห็นที่ 1 ตอนที่ ๒: กำเนิดบอสซาซาวด์ จาว จิลแบร์โต้ The Girl from Ipanema บทเพลงบอสซาโนว่าอันเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของโลกเพลงนี้ของอันโตนิโอ้ คาร์ลอส โจบิมและวินิชิอุส เดอ มอเรส เพลงนี้เวอร์ชั่นที่ได้แอสตรึดร้องนำนั้นได้รับการบันทึกเสียงและเผยแพร่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในอัลบั้ม Getz/Gilberto ในปี ค.ศ. 1964 ภายใต้สังกัด Verve งานเพลงชุดนี้ได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง 4 รางวัลในปีนั้น ถือเป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ในวงการดนตรีแจ๊สสาขาบอสซาโนว่าที่ยังมียอดจำหน่ายสูง และยังขายได้เรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ความจริงแล้วในปี 1963 บทเพลงThe Girl from Ipanema ถูก เพอรี่ ริเบโร่และวง The Tamba Trio ของเขานำไปร้องอัดเสียงเป็นคนแรก และในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ทอม โจบิม ได้รวมเอาเวอร์ชั่นบรรเลงของเพลง Garota de Ipanema นี้ไว้ในอัลบั้ม The Composer of “Desafinado” Plays  ของเขาด้วย ในแง่ของปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักดนตรีที่มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ไว้ในอัลบั้มนี้ ซึ่งประกอบด้วย อันโตนิโอ้ คาร์ลอส โจบิม (เพียโน) จาว จิลแบร์โต้ (กีต้าร์) และสแตน เกตซ์ (เทเนอร์แซ็กโซโฟน) ถูกยกย่องว่าเป็น ดรีมทีมของวงการบอสซาโนว่าที่สร้างมู๊ฟเม้นต์ทางดนตรีที่น่าจดจำ และมีความสร้างสรรค์ลงตัวอย่างพอเหมาะพอดีครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีแจ๊สเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 09:10:15 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 07:57:54 จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 07:57:09

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ใครเลยจะคิดว่า ดนตรีบอสซาโนว่าที่แสนจะรุ่มรวยและรื่นรมย์นี้ เกิดจากการค้นพบด้วยพรสวรรค์ของนักกีต้าร์หนุ่มผู้เป็นหนึ่งในทีมนักดนตรีที่ร่วมสร้างอัลบั้มประวัติศาสตร์ดังกล่าวขึ้นมา แต่กว่าจะมีวันนี้ จาวเคยถูกมองว่าเป็นคนมีปัญหาทางจิตในสายตาของคนรอบข้างที่ไม่อาจเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของอัครศิลปินเช่นเขาได้ จาว จิลแบร์โต้ (Joao Gilberto) มีชื่อเต็มๆว่า Joao Gilberto do Prado Pereira de Oliveira เขาเกิดเมื่อ 10 มิถุนายน ปี 1931 ในจัวเซโร่ (Juazeiro) เมืองชนบทเล็กๆในมลรัฐบาเฮียของบราซิล พ่อของจาวเป็นพ่อค้าที่ต้องเพียรพยายามส่งลูกๆที่มีถึง 7 คนของเขาเข้าโรงเรียนเพื่อความสำเร็จในชีวิต แต่จาวซิลโญ่ (จาวน้อย) เป็นลูกชายคนเดียวที่เรียนไม่จบ นั่นเพราะว่าไม่มีวิชาใดเลยที่เรียกความสนใจจากจาวน้อยได้ สิ่งเดียวที่จาวซิลโญ่ชื่นชอบคือดนตรี! จาวน้อยเริ่มใช้ชีวิตวัยรุ่นในช่วงวัย 14 ขวบของเขากับกีต้าร์ที่เจ้าคุณปู่ซื้อให้ ถึงเรียนไม่ดีแต่จาวก็เป็นประธานกลุ่มนักดนตรีวัยรุ่นในเมืองจัวเซโร่   ในช่วงเริ่มต้นชีวิตของศิลปินน้อยนี้.. จาวเติบโตมากับเพลงสวิงแจ๊สในยุค 40 อย่าง Caravan ของดุ๊ก เอลลิงตั้น และเพลงบราซิลเลี่ยนพื้นเมือง จนอายุ 18 ปีจาวจึงออกเดินทางจากจัวเซโร่มุ่งหน้าสู่ซัลวาดอร์ เมืองหลวงของมลรัฐบาเฮีย เพื่อไปแข่งขันเป็นนักร้องของสถานีวิทยุ แม้หนุ่มจาวจะไม่ประสพความสำเร็จกับสิ่งที่หวัง แต่เสียงของเขาก็ละลิ่วลอยไปเข้าหูของอันโตนิโอ้ มาเรีย (Antonio Maria) ผู้อำนวยการ“หูถึง”ของสถานีวิทยุตูปีแห่งกรุงริโอ เดอ จาเนโร (ต่อมาอันโตนิโอ้ได้ประพันธ์เนื้อร้องของเพลง Manha de Carnaval ธีมของหนังเรื่อง Orfeu Negro อันโด่งดัง) แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 17:29:26 จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:03:35

ความคิดเห็นที่ 3 ผอ.นักประพันธ์ชื่นชอบในน้ำเสียงของจาวเป็นพิเศษ จึงชวนจาวเป็นนักร้องนำของวงกาโลตอส ดา ลัว (Garotos da Lua) แทนนักร้องคนเดิม จากจุดนี้เองจาวจึงได้เริ่มอาชีพนักร้องอย่างจริงจัง ด้วยสไตล์การร้องที่ประสมประสานระหว่างเสียงของลูซิโอ้ อัลเวส (Lucio Alves) และ ออร์ลันโด้ ซิลวา (Orlando Silva) ซึ่งยังเป็นการร้องในลักษณะที่ใช้พลังเสียงและลูกคออย่างเต็มที่ อาชีพนักร้องในสถานีวิทยุของจาวประสพความสำเร็จเป็นที่รู้จักกันดีในกรุงริโอฯ แต่นิสัยศิลปินไม่ค่อยมีความรับผิดชอบของจาวทำให้เขามาทำงานสายบ้าง ไม่มาทำงานบ้าง จนในที่สุดจาวก็มีอันต้องระเห็จออกจากวงกาโลตอส ดา ลัว หลังออกจากวง จาวก็ทำตัวเรื่อยๆเปื่อยๆไม่ยอมทำงานเป็นเรื่องเป็นราว เที่ยวอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นต์ของเพื่อนคนโน้นทีคนนี้ที จาวทั้งติดกัญชา ไว้ผมยาว ทำตัวตกต่ำสุดขีด ชื่อเสียงเก่าๆของเขาหายไปจากวงการ จาวอยู่ในสภาพเช่นนี้ถึง 7 ปีเต็ม! จนถึงปี 1955 หากจะมีสักคนที่จะได้รับเครดิตว่าสามารถดึงอัจฉริยะศิลปินอย่างจาวจากสภาพเสื่อมโทรมในกรุงริโอฯ  ขึ้นมาผงาดในฐานะนักร้องนำวง กีตันดิญญ่า เซเรเนเดอส์ (Quitandinha Serenaders) ได้อีกครั้ง เขาคนนั้นคือหลุยส์ เทลเลส (Luís Telles) จาวกลับมาเป็นนักร้องในเมือง Porto Alegre อันเป็นบ้านเกิดของเทลเลส เขาได้พักในโรงแรมหรู จาวทำให้ “เดอะคีย์คลับ” ที่ไปเล่นประจำโด่งดังและเจิดจรัสแสง รัตติกาลของเมืองปอร์โต้ฯแห่งนี้ไม่เคยหลับใหลอีกเลยเมื่อจาวมาถึง แฟนๆเพลงต่างเฝ้าคอยชมการแสดงของเขาทุกๆคืน จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:11:20

ความคิดเห็นที่ 4 ที่นี่จาวกลายเป็นดาวเด่น  เขาจะปรากฏกายในเดอะคีย์คลับพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจ จาวยังมีนิสัยศิลปินเอาแต่ใจตนเองอยู่มาก มีอยู่คืนหนึ่งจาวไม่ยอมเล่นดนตรีทั้งๆ ที่มีแฟนเพลงมารอฟังเขามากมายในคลับ เมื่อแฟนเพลงขอให้จาวร้องเพลง เขากลับตอบว่า “ไม่ล่ะ ผมไม่อยากเล่นกีต้าร์ตัวเก่า (ที่เคยเล่นอยู่ทุกวัน) อีกแล้ว ผมอยากเล่นกีต้าร์สายไนล่อนมากกว่า” แฟนเพลงกลุ่มหนึ่งถึงกลับยอมลงขันเอาเงินไปซื้อกีต้าร์สายไนล่อนตัวใหม่มาให้จาวเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว แต่เมื่อได้กีต้าร์ตัวใหม่จาวก็ยังไม่ยอมเล่น จาวบอกอยากได้กีต้าร์อีกตัวหนึ่งที่เขาเล็งไว้ เจอมุขนี้ของจาวเข้าไป.. หากเป็นเราคงแทบอยากจะเอากีต้าร์โขกศีรษะพ่อนักดนตรีเอก! แต่เชื่อหรือไม่ว่า แฟนเพลงกลุ่มนั้นยอมกลับไปที่ร้านค้าอีกที และเปลี่ยนเอากีต้าร์แบบที่ใช้กับดนตรีคลาสสิคมาให้จาว หลังจากที่ได้กีต้าร์สายไนล่อนอย่างที่ต้องการแล้ว จาวก็ตอบแทนเหล่าแฟนานุแฟนโดยการร้องเพลง และเล่นดนตรีอย่างมาราธอน และนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจาวก็เล่นแต่กีต้าร์สายเอ็นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่สุดท้ายก็เข้าสู่ฟอร์มเดิมๆ จาวไม่ยอมไปโชว์ในคลับอีก เขาเดินทางมาพักภายในบ้านของพี่สาวชื่อ ดาดิญญ่า (Dadainha) ที่อาศัยอยู่กับสามีของเธอภายในเมืองเล็กๆชื่อ เดียมันติน่า (Diamantina) ของมลรัฐมินาส เจเรส (Minas Gerais) ที่นี่จาวก็ดังอีกครั้ง คนทั้งเมืองรู้ว่าดาดิญญ่า และสามีของเธอมีแขกมาพักในบ้าน เป็นเด็กหนุ่มที่วันๆไม่ยอมออกมาจากห้องพัก และไม่ยอมทำอะไรนอกจากนั่งดีดกีต้าร์ในสรรพสำเนียงซ้ำๆเดิมอยู่วันแล้ววันเล่า เป็นใครก็ต้องคิดว่าจาวเป็นบ้า! จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:14:22

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ในความเป็นจริง ด้วยสำนึกของศิลปินเอกจาวกลับรู้สึกว่า มีสรรพเสียงหนึ่งที่แว่วๆมาจากจิตใต้สำนึกของเขา สุ้มเสียงที่ไม่มีใครเคยเล่นมาก่อน แต่จาวกลับสัมผัสถึงมันได้อย่างลางๆเลือนๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง อัตลักษณ์ของอัจฉริยะศิลปินในตัวจาวก็แสดงตัวตนออกมาจนได้ เมื่อวันหนึ่งจาวเอากีต้าร์เข้าไปเล่นในห้องน้ำด้วย! จาวค้นพบว่า สภาพเงียบๆชื้นๆของห้องน้ำภายในบ้านพัก ทำให้เกิดลักษณะของห้องอคูสติกในอุดมคติ ที่ส่งผลให้ประสาทหูของเขารับสัมผัสถึงเสียงร้อง และเสียงกีต้าร์ได้ดีกว่าในสภาพปกติมาก นั่นทำให้จาวทดลองเล่นและร้องต่อไปจนพบว่า การร้องด้วยลีลาเบาๆจนแทบเป็นเสียงกระซิบ โดยไม่ใช้เทคนิคการเปล่งคำร้องด้วยพลังเสียงสั่นกังวาลตามแบบที่นักร้องดังๆนิยมร้องกันอยู่ในช่วงเวลานั้น ทำให้เขาสามารถที่จะควบคุมการร้องด้วยการเพิ่มหรือลดความเร็วในการออกเสียงได้อย่างมีปฏิสัมพันธ์กับเสียงของกีต้าร์สายเอ็นได้เป็นอย่างดี โดยเทคนิคการร้องแบบนี้จาวต้องใช้จมูกร่วมในการควบคุมการเปล่งเสียงมากกว่าแค่การใช้ปากอย่างที่นักร้องดังคนอื่นๆนิยมใช้กัน ในช่วงเวลานี้เองที่จาวหลอมรวมเอาเทคนิคการร้องเพลงและการเล่นดนตรีจากนักดนตรีหลากสไตล์หลายลีลาเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวในตัวเขา ทั้งการออกเสียงอย่างเป็นธรรมชาติของ Orlando Silva และ Frank Sinatra การร้องด้วยใช้โทนเสียงนุ่มนวล (Velvet tones) ของ Dick Farney เทคนิคการใช้เสียงคู่แปด (Tibres) ของนักทรอมโบนอย่าง Frank Rosolino แห่ง วงสแตน เคนตั้นแบนด์ น้ำเสียงเย็นๆตามแบบของ Joe Mooney รวมถึงการบรรเลงเพียโนด้วยแนวการเล่นขืนจังหวะ (syncopate) ในแนวทางแจ๊ส อันเป็นสไตล์ของ Joao Donato ซึ่งเป็นเพื่อนของจาวเอง จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:19:06

ความคิดเห็นที่ 6 จาวสามารถหลอมรวมเทคนิคเหล่านี้เข้าด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง เขามีความมุ่งมั่นกับการค้นหาสุ้มเสียงใหม่ของตนเองเป็นอย่างยิ่ง และเพื่อเป็นการฟื้นสภาพร่างกายของตนเอง ในช่วงนี้ไม่เพียงแต่จาวจะปฏิเสธการอัพกัญชาเท่านั้น แต่เขายังเลิกทั้งบุหรี่และเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ทุกชนิดที่แรงกว่าน้ำส้มคั้น! แต่ด้วยความอุตสาหะและมุ่งมั่นนี้เองก็ทำให้จาวค้นพบตัวเองจนได้ แต่พี่สาวของจาวและสามีของเธอไม่ได้คิดเช่นนั้น จาวเหมือนคนมีอาการทางประสาทในสายตาคนรอบข้าง ด้วยความเป็นห่วง..พี่สาวของจาวตัดสินใจส่งตัวเขากลับมายังบ้านเกิดที่เมืองจัวเซโร่ เพื่อเข้ารับการบำบัดจิต จาวต้องกลับมาอยู่กับพ่อ ผู้มีอคติเป็นทุนเดิมกับลูกชายที่ไม่เอาไหนในสายตาของตน จาวยังร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ในสุ้มเสียงใหม่ที่เพิ่งค้นพบต่อไปอย่างกระตือรือล้น แต่เขากลับถูกดูหมิ่นดูแคลนจากผู้คนรอบข้าง ว่าสิ่งที่เขาร้องนั้นมันเป็นแค่เสียงบ่น หาใช่ดนตรีไม่ เพื่อตัดปัญหากวนใจ จาวปลีกตัวมาเล่นกีต้าร์ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ซาว ฟรานซิสโก (Sao Francisco) เพียงลำพัง   และนั่นก็กลายมาเป็นจุดเริ่มแห่งตำนาน..จังหวะการเดินของกลุ่มแม่บ้านที่เทินห่อผ้าไว้บนศีรษะ หลังจากที่นำผ้าเหล่านั้นมาซักริมฝั่งแม่น้ำ ขณะที่พวกเธอกำลังขยับกายเอนไปเอนมา (sway) เพื่อรักษาสมดุลในการทรงตัวอยู่นั้น ท่วงท่าเหล่านี้ทำให้จาวปิ๊งถึงแนวจังหวะหนึ่งขึ้นมาได้อย่างฉับพลันทันใด ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตนักดนตรีของจาวอย่างใหญ่หลวงตั้งแต่นั้นมา ความประทับใจต่อจังหวะดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจทางศิลป์ (Muse) ให้จาวประพันธ์บทเพลงบอสซาโนว่าเพลงแรกของโลกชื่อ Bimbom ขึ้นมาดังนี้ จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:22:13

ความคิดเห็นที่ 7 *Bim-bom, bim-bim-bom Bim-bom, bim-bim-bom Bim-bom* (repeat *) E so isso meu baiao E nao tem mais nada nao O meu coracao pediu assim So (repeat *) จาวให้สัมภาษณ์ถึงเพลง Bimbom ในภายหลังว่า “เพลงๆนี้ไม่มีอะไรอื่นมากไปกว่าจังหวะที่เขาเห็นซึ่งส่งกระทบถึงจังหวะที่เขาได้ยินจากหัวใจของตนเอง” จาวได้รับการยกย่องในเวลาต่อมาว่าเป็นอัจฉริยะศิลปินผู้เรียนรู้การเล่นกีต้าร์ด้วยตนเอง รูปแบบการเล่นกีต้าร์ของจาวล้วนเกิดจากนวัตกรรมทางดนตรีของตัวเขาเองทั้งสิ้น นับตั้งแต่จาวแต่งเพลงนี้ในปีค.ศ. 1956 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน  เพลงบิมบอมได้รับการยอมรับจากวงการดนตรีว่ามีความลงตัวสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก แต่ระหว่างนั้นพ่อของจาวกลับเห็นว่าลูกชายตัวเองเป็นคนที่มีความผิดปกติทางจิตประสาท พ่อจึงส่งจาวเข้าสถานบำบัดจิตในเมืองซัลวาดอร์ ในระหว่างที่แพทย์ด้านจิตเวชกำลังพยายามสัมภาษณ์จาวอยู่นั้น จาวกลับมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพของต้นไม้ที่กำลังถูกสายลมพัดพลิ้วจนโอนเอนให้กิ่งใบร่วงละลิ่วลงสู่พื้นดิน คือภาพวิจิตรศิลป์ที่งดงามในความรู้สึกนึกคิดของศิลปินอย่างจาว เขาจึงชวนคุณหมอให้มองไปที่นอกหน้าต่างของสถานบำบัดฯ  จาวพูดขึ้นว่า แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 08:25:44 จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:24:43

ความคิดเห็นที่ 8 “ดูนั่นสิ... สายลมพรมพัดพลิ้วปลิวยอดไม้  ให้กิ่งส่ายสลัดขนบนเกศา” คุณหมอผู้อยู่กับโลกวิทยาศาสตร์ที่แข็งทื่อของเธอมาทั้งชีวิต จิตของเธอคุ้นเคยที่จะสัมผัสโลกภายนอกเฉพาะ“fact”ของมันเท่านั้น  เธอไม่พร้อมจะรับวิจตรศิลป์ในความรู้สึกของศิลปินอย่างจาว  คุณหมอจึงแย้งขึ้นว่า     “แต่ต้นไม้ไม่มีเส้นผมนะคะคุณจาว” จาวได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนและหันมามองคุณหมอ ก่อนพูดว่า “ผู้คนก็ไม่มีกวีในหัวใจครับ” (ฮา) ภายหลังที่อยู่ในสถานบำบัดจิตนานร่วมอาทิตย์ ปลายปี 1956 จาวมุ่งหน้ากลับสู่กรุงริโอ เดอ จาเนโรอีกครั้ง จาวพยายามเอาเพลงที่เขาแต่งขึ้นมาใหม่คือ Bimbom และอีกเพลง Ho-Ba-La-La ไปเสนอให้กับเพื่อนๆนักร้องนักดนตรีที่เขารู้จักมากมาย แม้เพื่อนๆจะไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีใครที่จะเข้าใจและเข้าถึงมันได้อย่างจริงจัง และเป็นอีกครั้งที่ทำให้เราทราบว่า “มีเพียงอัครศิลปินในระดับเดียวกันเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจในผลงานของอัจฉริยะศิลปินได้” เพราะในจำนวนผู้ที่จาวติดต่อด้วยนั้น มีเพียงอันโตนิโอ้ คาร์ลอส โจบิม หรือทอม โจบิม คนเดียวที่“เก็ต”กับสิ่งที่จาวค้นพบ จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:28:16

ความคิดเห็นที่ 9 ทอม โจบิมประทับใจในจังหวะของเพลง Ho-Ba-La-La ในทันทีที่จาวเล่นให้เขาฟัง นั่นทำให้ทอมนึกไปถึงบทเพลงที่เขาพึ่งประพันธ์ร่วมกับวินิชิอุส เดอ มอเรสไว้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพลงๆนั้นคือ Chega de Saudade โจบิมได้ใส่จังหวะแบบบอสซาโนว่าของจาวลงในบทเพลงนี้ และต่อมาในปี 1958 จาวก็ได้ร้องเพลงนี้จนมีชื่อเสียง เพลง Chega de Saudade จึงถือได้ว่าเป็นเพลงเปิดตัวของบอสซาโนว่าที่ทำให้โลกได้มีโอกาสทำความรู้จักกับดนตรีชนิดนี้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ แต่กว่าที่จาวจะมีโอกาสได้ร้องเพลง Chega de Saudade ก่อนหน้านั้นเพลงๆนี้ถูกนำไปให้ใครต่อใครร้องอัดแผ่นกันหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครทำให้เพลงๆนี้ดังได้เลยนอกจากจาว จิลแบร์โต้ ทั้งนี้เป็นเพราะนักร้องทุกคนร้องเพลงนี้โดยใช้สไตล์การร้องแบบเก่า แต่พอจาวนำเทคนิคการร้องที่เขาพัฒนาขึ้นมาใหม่มาใช้กับเพลงๆนี้  จาวก็โด่งดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียว ดาวดวงใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว! ในช่วง 3 ปีต่อมาจาวได้ร้องอัดแผ่น 3 ชุด คือ Chega de Saudade (Odeon, 1959), O Amor, o Sorriso e a Flor (Odeon, 1960) และ Joao Gilberto (Odeon, 1961) โดย LPs ทั้งสามชุดนี้ถูกนำมาทำใหม่ในรูปแบบ CD โดยใช้ชื่อชุดว่า The Legendary Joao Gilberto (World Pacific, 1990) ในเวลาต่อมา จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:30:31

ความคิดเห็นที่ 10 จนกระทั่งถึงปี 1964 อัลบั้มชื่อ Getz/Gilberto (Verve, 1964) ที่ได้นักแซ็กโซโฟนชาวอเมริกันชื่อ สแตน เกตซ์ มาร่วมงานกับดรีมทีมของวงการบอสซาโนว่าอันประกอบไปด้วย จาว-โจบิม และ แอสตรึด (ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของจาวในขณะนั้น) ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ให้บทเพลง The Girl from Ipanema ในอัลบั้มนี้กลายเป็นเพลงบอสซาโนว่าที่ลือลั่นที่สุดของโลก อัลบั้มอื่นๆของจาวจนถึงปัจจุบันมีดังนี้ Joao Gilberto en Mexico (Philips, 1970) Joao Gilberto ("The White Album",PolyGram/Verve, 1973) The Best of Two Worlds (Columbia, 1976) Amoroso (Warner Bros., 1977) Joao Gilberto Prado Pereira de Oliveira (Warner Bros., 1980) Brasil (Warner Bros., 1981) Live in Montreux (Elektra, 1987) Joao (PolyGram/Verve, 1991) Eu Sei Que Vou Te Amar (Sony, 1995) Joao Voz E Violao (Sony, 2000) เอกสารอ้างอิง: ดัดแปลงจาก Joao Gilberto, The Man Who Invented Bossa Nova เขียนโดย Daniella Thompson ซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในชื่อ Plain Joao ในนิตยสาร Brazzil Magazine ฉบับเดือนพฤษภาคม 1998 สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำ ห้ามคัดลอกทั้งหมด หรือบางส่วนของซีรี่ส์บทความนี้ เว้นแต่จะได้อนุญาตจากผู้เขียนเท่านั้น Pat @ 2009 จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 08:34:16

ความคิดเห็นที่ 11 เสริมปกอัลบั้มใน คคห.ที่ 1 อัลบั้มประวัติศาสตร์ของวงการเพลงแจ็ซในสไตล์บอสซาโนวา ที่ทำให้เพลง The Girl From Ipanema ที่ร้องโดย Astrud Gilberto และ Joao Gilberto โด่งดังไปทั่วโลก ถูกบันทึกลงบนแผ่นเสียง LP เมื่อวันที่ 18 และ 19 เดือนมีนาคม ค.ศ.1963 ( ชื่อศิลปินหลักๆก็ตามที่ปรากฎบนหน้าปกแผ่นเสียง ) และก็น่าเสียดายที่ยังไม่เจอวีดีโอของศิลปินทั้ง4 ที่ร่วมเล่นปรากฎใน YouTube สำหรับนักฟังหน้าใหม่ๆกดฟังเพลงตามลิ้งค์ได้เลย... The Girl From Ipanema : Astrud Gilberto-Joao Gilberto-Stan Getz-Antonio Carlos Jobim # http://www.youtube.com/watch?v=mjxeussd8Ls # http://www.youtube.com/watch?v=j8VPmtyLqSY # http://www.maama.com/music/view.php?id=011676 จากคุณ : tanodom เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:36:10

ความคิดเห็นที่ 12 เสริมปกอัลบั้ม คคห.ที่ 1 อัลบั้ม Antonio Carlos Jobim The Composer of Desafinado, Plays นี้ก็ถือว่าเป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ของศิลปิน Antonio Carlos Jobim ยุคแรกอีกชุดหนึ่ง รายละเอียดก็ตามที่ปรากฎบนหน้าปก ในชุดนี้เป็นเพลงบรรเลงทั้งหมด ถูกบันทึกลงบนแผ่นเสียง LP ที่นิวยอร์คเหมือนกัน เกือบสองเดือนให้หลัง ในวันที่ 9 & 10 เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1963 The Girl From Ipanema : Antonio Carlos Jobim ( instrumental )       http://www.maama.com/music/view.php?id=013179 จากคุณ : tanodom เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:59:54

ความคิดเห็นที่ 13 (เสริม คห.ที่1) อัลบั้ม Pery e Todo Bossa นี้ในปี 1963 ของ Pery Ribeiro ที่นำเพลง Garota de Ipanema (The girl from Ipanema) ของ Antonio Carlos Jobim ไปอัดเสียงเป็นคนแรกของโลก Pery Ribeiro - Garota de Ipanema       http://www.youtube.com/watch?v=VpNgax1C820       http://www.youtube.com/watch?v=xfYTU2vuwqo&feature=PlayList&p=3CC58BD8E8FE35D4&index=0&playnext=1 จากคุณ : tanodom เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 22:13:20

ความคิดเห็นที่ 14 (จาก คห.ที่ 1) ในปีเดียวกันนั้น (1963) คณะ Tamba Trio ก็บรรจุเพลง Garota de Ipanema ลงในอัลบั้ม Avanco Tamba Trio : Garota de Ipanema       http://www.youtube.com/watch?v=u9FCtH6J8zs จากคุณ : tanodom เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 19:13:16

ความคิดเห็นที่ 15 จาก คห.ที่ 1 และ 7 (อ่านไปอ่านมาเดี๋ยวจะงง! ว่าเพลง bossa nova เพลงไหนกันแน่ที่เป็นเพลงบอสซาโนวาเพลงแรกของโลก!?) เพลง Bim Bom ของ Joao Gilberto ที่กล่าวว่าเป็นต้นกำเนิดบทเพลงบอสซาโนวาเพลงแรกของโลก! (อย่างไม่เป็นทางการ) เพลง Chega de Saudade ที่ได้รับการยอมรับและบันทึกไว้อย่างเป็นทางการว่าเป็นบทเพลงบอสซาโนวาเพลงเพลงของโลก! http://en.wikipedia.org/wiki/Chega_de_Saudade จาก คห.ที่ 9 เพลง Chega de Saudade เพลงบอสซาโนวาเพลงแรกของโลกถูกบันทึกเป็นแผ่นเสียงโดยนักร้อง Elizete Cardoso ในอัลบั้ม Cancao do Amor Demais และเป็นอัลบั้มบอสซาโนวาแรกของเธอ (ในปี ค.ศ.1958) (ศิลปินที่ร่วมมี Antonio Carlos Jobim - arrangements, direction, and piano ; Joao Gilberto - guitar) http://en.wikipedia.org/wiki/Can%C3%A7%C3%A3o_do_Amor_Demais ลองไปฟัง Chega de Saudade เพลงบอสซาโนวาเพลงแรกของโลกอย่างเป็นทางการ Chega de Saudade : Elizete Cardoso      http://www.maama.com/music/view.php?id=016555 จากคุณ : tanodom เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 21:12:41

ความคิดเห็นที่ 16 อัลบั้ม Chega de Saudade ของ Joao Gilberto อัลบั้มแรกของเขาในปี ค.ศ. 1959 ( http://en.wikipedia.org/wiki/Jo%C3%A3o_Gilberto ) ตามหลังอัลบั้มของ Elizete Cardoso ในเพลงเดียวกันนี้มาติดๆ ลองไปฟังบางเพลง ตามที่ คห.8-9 ว่าไว้ด้วย...Ho-ba-la-la 01. Chega de Saudade : Joao Gilberto      http://www.maama.com/music/view.php?id=016593 02. Lobo Bobo 03. Brigas Nunca Mais : Joao Gilberto      http://www.maama.com/music/view.php?id=016594 04. Ho-ba-la-la : Joao Gilberto       http://www.maama.com/music/view.php?id=017732 05. Saudade fez um Samba : Joao Gilberto      http://www.maama.com/music/view.php?id=016596 06. Maria Ninguem : Joao Gilberto      http://www.maama.com/music/view.php?id=016597 07. Desafinado 08. Rosa Morena 09. Morena Boca de Ouro 10. Bim Bom       http://www.youtube.com/watch?v=yfy2ggYnxsk 11. Aos Pes da Cruz 12. E Luxo So จากคุณ : tanodom เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 22:51:46