ความคิดเห็นที่ 1 ===================================== Musica Amante : งานคอนเสิร์ตจบไปแล้ว feed back เป็นอย่างไรบ้าง พี่โอมพอจะเล่าที่มาต้งแต่ต้นได้ไหมว่า คอนเสิร์ตนี้ ที่มาที่ไป เป็นอย่างไร พี่โอม : เอาตั้งแต่ต้นเลยนะครับ ผมจะค่อยๆเล่าไป คือเนื่องจากงานที่ทำ งานนี้จริงๆแล้วต้องออกตัวก่อนเลยว่า โดยหน้าที่ผมจริงๆ ผมแทบจะแยกตัวเองไม่ออก ว่าตัวเองมีบทบาทเป็นอะไร เป็นสมาชิกตัววงอยู่แล้วโดยตั้งแต่ที่มา เราเป็นผู้ร่วมจัดอยู่แล้ว ด้วยบทบาทและที่มาที่ไปเหมือนกัน แล้วด้วยความจำเป็น ผมก็เลยรั้งตำแหน่ง show producer, show director เป็น creative เองด้วย อันนี้ด้วยความจำเป็น เนื่องจากว่า จากประสบการณ์ หรือจากการลองทำงานดูแล้ว ในการทำงานร่วมกับวงอินโนเซ้นท์ คือผมอาจจะยังอยู่ในวงการ แต่วงอินโนเซ้นท์หายไปจากวงการไปเลย 20 ปี หรือบางคนเกือบ 20 ปี รวมถึงตัวผมเองความเป็นอินโนเซ้นท์ก็หายไปด้วย เพราะเราไม่ได้ไปทำอะไรในนามอินโนเซ้นท์อีกเลย Musica Amante : หมายถึงการออกผลงานใหม่ที่เป็นของวงเองน่ะหรือครับ พี่โอม : ไม่ใช่แค่งานใหม่ครับ วงอินโนเซ้นท์นี่แปลก วงอื่นเค้ายังมีทำโน่นทำนี่เป็นระยะ แต่อินโนเซ้นท์นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย โดยเฉพาะตัวผม แทบจะเรียกว่าไม่ไปแต่กิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับอินโนเซ้นท์เลยด้วย เหตุผลหลายๆด้าน ถ้าใครได้อ่านพ๊อกเก็ตบุ๊คของผมก็จะเข้าใจตรงนี้ จะเขียนไว้ตรงนั้นค่อนข้างละเอียด ทีนี้ในการที่กลับมาทำคอนเสิร์ตอันนี้อีกที มันก็มีความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องใช้คนที่รู้จักโปรดักส์ดี ซึ่งสำหรับผมเป็นความโชคร้ายที่คนทำงาน ในส่วนครีเอทีฟ หรือโปรดักชั่นที่รู้จักอินโนเซ้นท์ดีมีอยู่น้อยมาก ส่วนคนที่รู้จักอินโนเซ้นท์ มองจากมุมข้างนอกยังมีอยู่เยอะ รู้จักแบบผิวเผิน มีอยู่เยอะมาก ซึ่งสำหรับผมมันไม่เพียงพอที่จะพึ่งพาคนนั้นให้มาเป็นครีเอทีฟของโชว์ อันนี้คือเหตุผลที่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผมต้องทำการบ้านนี้ด้วยตัวเอง Musica Amante : มีทีมงานที่คอยช่วยอยู่ด้วยหรือเปล่า พี่โอม : พอเริ่มจะทำงานอันนี้ ผมก็ต้องมีทีมงานน้องๆอยู่ส่วนหนึ่ง ผมก็ต้องคัดคนที่รู้จักโปรดักส์ดีที่สุด คือเป็นคนที่เรารู้ว่าเค้ารู้จักเพลง รู้จักประวัติวงอะไรอย่างนี้ ผมก็จะมีน้องๆอยู่ซักคนสองคนคอยปรึกษาหารือกัน ผมก็ตระเวนไปคุยกับคนที่เป็นคนเก่งๆในวงการ ยกตัวอย่างเช่น คุณบอยด์ โกสิยพงศ์นี่แหละเป็นคนแรกเลยที่ผมไปคุยด้วย เรียกว่าโทรศัพท์แล้วแวะไปหาที่บ้านบอยด์เลย Musica Amante : คือติดต่อคุณบอยด์ หลังจากที่ตัดสินใจทำคอนเสิร์ตแล้ว ทำไมถึงต้องเป็นคุณบอยด์ พี่โอม : ผมก็ไปเพื่อขอคำแนะนำครับ เพราะว่า ผมมีความเชื่อเกินร้อย ว่าคุณบอยด์ เป็นแฟนเพลงอินโนเซ้นท์ที่แท้จริง หลังจากนั้นทุกๆอย่างที่ได้แชร์กับคุณบอยด์ในวันนั้นก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งสิ้นในการที่ผมจะเอามาเป็นข้อมูลในการทำโชว์ แล้วผมก็คุยแบบนี้กับหลายๆอย่าง คุยกับสมาชิกอินโนเซ้นท์ตั้งแต่วันแรกที่เราคิดจะทำคอนเสิร์ต ผมก็จะเปิดรับไอเดียทุกอย่าง จากคนที่ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นท์ว่าเค้ารู้จักวงอินโนเซ้นท์ดี ตั้งแต่ตัววงอินโนเซ้นท์จนถึงกลุ่มแฟนเพลงซึ่งไม่ได้เป็นการถ่อมตัวแต่อย่างใด ซึ่งผมรู้สึกว่าในเบื้องต้นที่จะทำว่า มีอยู่ไม่มาก แม้แต่สมาชิกในวงเค้าก็มีความมั่นใจน้อยมากที่จะมีคนดูเต็มอิมแพค Musica Amante : เพราะอะไร ถึงไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น พี่โอม : ผมว่า ถ้าใครได้อ่านบทสัมภาษณ์สมาชิกวงมาบ้างแล้ว ก็จะเห็นว่า เค้าไม่ได้คิดว่าวงของเค้ามีความยิ่งใหญ่แต่อย่างใดเลย คำว่า Legend ที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ ก็เป็นคำที่ผู้จัดเค้าให้เกียรติ เรา ซึ่งทีแรกเราก็มีการพูดคุยกันแล้วว่า มันมากเกินไปหรือเปล่า ซึ่งทางผู้จัดเค้าก็ยืนยันว่า พวกเรานี่เป็น legend ในมุมมองของเขา ในมุมของ marketing มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในมุมของเรามันดูอวดอ้างเกินไปมั๊ย เพราะเราไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดแกรนด์เอ็กซ์ เราไม่ใช่วงซุปเปอร์สตาร์ ต่อให้ใครมาบอกผม ผมก็ไม่เชื่อ จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:41:14

ความคิดเห็นที่ 2 Musica Amante : พี่โอมคิดว่า วงที่ควรจะถูกเรียกว่า legend ควรจะมีลักษณะอย่างไร พี่โอม : ในความรู้สึกของผม ในยุคของเรา เราคิดว่า เรายังเป็นวงที่ยังไม่เคยได้รับความสำเร็จอย่างที่วงระดับดาราเขาเป็นกัน ผู้คนอาจจะพูดไปต่างๆนานาได้ว่าอินโนเซ้นท์ยิ่งใหญ่ แต่สำหรับผมเองเรารู้ความเป็นจริงอยู่ ในยุคของเราๆรู้ว่า ถ้าทุกอย่างลงตัวหมด เราก็คงไม่มีการแยกย้าย หรือไม่เราก็คงมีงานประกาศสลายวงอย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว อินโนเซ้นท์คอนเสิร์ตซักครั้งที่ดีๆในอดีต ก็ยังไม่เคยมี เรามีคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดที่เราเคยมีก็คือที่ลาน สวป. (ม.รามคำแหง) แล้วเป็นคอนเสิร์ตที่วงจดจำกันว่าเราต้องไปวิ่งเต้นคุยกับนักศึกษาเองเพื่อที่จะจัดคอนเสิร์ตนั้นขึ้นมา เป็นคอนเสิร์ตเดียวที่จะบอกได้ว่า เรามีคอนเสิร์ตใหญ่ๆกับเขา ซึ่งมันฟรีคอนเสิร์ต คนที่มาดูก็ดูฟรีหมด เล่นกลางแจ้ง แอร์ก็ไม่มี นั่นคือคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดที่เราเคยมี ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นมันก็ถูกยุติบทบาทลงไปเพราะว่าเงื่อนไขต่างๆของวันเวลา หลังจากนั้นทุกอย่างมันก็ถูก skip มา 20 ปี มันนานมากที่สุด ถ้าผมไปอยู่อเมริกาเลย แล้วอยู่ด้วยความเพ้อฝัน ว่าอินโนเซ้นท์ เป็นซุปเปอร์ ตำนาน อะไรก็ตาม ผมอาจจะมีมุมมองว่าอินโนเซ้นท์มันยิ่งใหญ่อะไรมากมาย แต่ผมยังอยู่เมืองไทย ยังอยู่ในวงการ ผมเลิกอินโนเซ้นท์ ผมก็มาทำงานให้คริสติน่า(อากีล่า) ทำงานให้ปีเตอร์(คอร์ป ไดเรนดัล) ผมก็พบว่า ระยะเวลาต่างๆของ อินโนเซ้นท์ไม่ได้เป็นอะไรที่ big deal อะไรมากมายนัก ในมุมมองของผมบางทีแอบคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าขบขันสำหรับคนบางกลุ่มด้วยซ้ำ เพราะว่าบ้านเรา ดนตรีที่มันผ่านยุคไป มันก็กลายเป็นอะไรที่ Out ที่ล้าสมัย อินโนเซ้นท์ก็ไม่ได้รอดพ้นจากคำเหล่านี้ ซึ่งผมเองนี่ ผมแบ่งชีวิตของผมเองเป็น 3 ยุคใหญ่ๆ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 22:42:46 จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:41:44

ความคิดเห็นที่ 3 ยุคแรกคือ early years ผมไม่นับแล้วกัน ทุกคนมียุคนี้อยู่แล้วคือวัยเด็ก แต่บังเอิญวัยเด็กของผม เป็นวัยที่ผมฝึกดนตรี แต่ยังไม่ได้เป็นโล้เป็นพายอะไร ผมก็จะเริ่มนับยุคของอินโนเซ้นท์น่ะเป็นยุคแรก ก็คือยุคทีผมเริ่มยึดอาชีพนักดนตรีแล้วเป็นที่รู้จัก ผมเรียกว่า The Innocent years แล้วผมก็จะมี GMM years เมื่อก่อนเรียกว่า Grammy years คือยุคที่ผมทำงานเป็น Producer มีเวลาร่วม 20 ปีที่ร่วมกับแกรมมี่แล้วก็สร้างผลงานไว้เยอะแยะ ในยุคนั้นผมก็พบว่า งานของอินโนเซ็นท์มันไม่ได้ข้ามยุคมา มันไม่ได้เกิดอะไรที่ โอ้โห.... เป็นความต้องการ หรืออะไรมากมาย Musica Amante : พี่โอมถ่อมตัวไปหรือเปล่า พี่โอม : อันนี้ไม่ใช่การถ่อมตัวนะครับ ผมกล้าพูดได้ เพราะว่าอยู่ในวงการอยู่แล้ว คือเราเห็นสิ่งนี้เป็นสัจจะธรรม อันนี้คือยุคแรกๆของการแยกย้ายกันไป แต่พอหลังจากเวลาผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว มันก็มีค่านิยมที่มีผู้จัดเขาอยากให้วงเก่าๆ มาเล่นคอนเสิร์ตกัน ก็มีวงแล้ววงเล่า ก็มีวงแกรนด์เอ็กซ์ วงนูโว วงไมโคร ทุกอย่างก็เป็นไปตามครรลอง อินโนเซ้นท์ก็เริ่มเป็นที่สนใจของผู้จัด โดยเฉพาะทีมงานทางเอไทม์ เมื่อก่อนผมอยู่แกรมมี่ ก็จะมีเอไทม์ กับคลิกเรดิโอนี่แหละ ทุกคนก็อยากจัดอินโนเซ้นท์ ผมจะได้รับข้อเสนออยู่ทุกปี ทุกครั้งที่มีคนคุยกับผม ผมจะรู้ว่าอินโนเซ้นท์นี่มีคนอยากทำมาก แต่ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่า ทำไมทุกคนอยากทำ เพราะว่าผมรู้สึกตลอดเวลาว่า การจัดคอนเสิร์ตต่างๆเหล่านี้ ถ้าเขาทำคอนเสิร์ตเพื่อต้องการจะสร้างกำไร เขามีโอกาสน้อยในการทำกำไรจากอินโนเซ้นท์ ผมมีความรู้สึกอย่างนี้ตลอดเวลา เค้าจะมีโอกาสมากกว่าถ้าเป็น จาก NUVO , Micro เพราะผมนึกไม่ออกว่า เค้าจะทำกำไรได้จากอินโนเซ้นท์มากมายได้อย่างไร ความรู้สึกนี้มันมีอยู่ตลอด ไม่ว่าใครจะมาคุยด้วย ผมก็ไม่มีความรู้สึกอยากทำเลย เพราะผมนึกไม่ออกว่า เหตุผลหลักๆเพราะผมรู้ว่า เพราะผมจะมีภาพของแฟนเพลงอินโนเซ้นท์อยู่ในใจอยู่แล้ว ถึงจะมีบางส่วนที่เหนี่ยวแน่นกัน แต่จำนวนอาจจะไม่มากพอ เมื่อเวลาผ่านมานานแล้ว อินโนเซ้นท์ไม่มีทางทำรายได้เป็นเม็ดเงินให้ใครได้มากมาย อินโนเซ้นท์ไม่ใช่วงขายอะไรล้านตลับ ไม่ได้เป็นวงที่มีดารา หรือเป็นขวัญใจสาวๆ เราคิดของเราอยางนี้ Musica Amante : ผมฟังพี่โอมเล่าแล้ว นึกไม่ออกว่า มันจะออกมาเป็นคอนเสิร์ตครั้งที่ผานมาได้อย่างไร ดูเหมือนยังไม่มีเค้าลางเลย พี่โอม : แต่ว่าวันเวลาผ่านไปนานๆ ผมก็พบว่า การที่อินโนเซ้นท์มันมีลักษณะเฉพาะตัว เพลงอินโนเซ้นท์ผ่านกาลเวลามาหลายๆครั้ง มันก็ถูกพูดถึง โดยเฉพาะที่วงหลายๆวงเอาเพลงมา cover อย่างเช่น - Blackhead เอาเพียงกระซิบมา cover แล้วก็เป็นที่นิยมขึ้นมา - มีหลายๆเพลงที่ค่ายเบเกอรี่ เอาไปทำใหม่ เพลงของอินโนเซ้นท์ คุณบอยด์ โกสิยพงษ์ก็เคยเอาไปทำเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ โดยเฉพาะเพลง "ฝากรัก" ที่มันเป็นเพลง bubble gum ซึ่งเพลงนี้สำหรับผม มันเป็นเพลงเด็กๆมากๆ หลังจากนั้นเพลงฝากรัก มันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จัก โดยผ่านวันเวลา เดี๋ยวคนโน้นคนนี้เอาไปร้อง เออมันก็เป็นเรื่องดีนะ เวลามันก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้อะไรมันชัดเจนขึ้น พูดแบบบัญญัติไตรยางศ์ เพลงของอินโนเซ้นท์นี่ เวลามันมีไม่พอให้เพลงเป็นที่รู้จัก ต้องใช้เวลามากกว่านั้นเป็น สิบๆปี ซึ่งสำหรับผมเอง เวลาสิบปี วงดนตรีวงหนึ่งมันรอไม่ได้ บางทีมันต้องเลิกวงไปเสียก่อน เพื่อที่จะนั่งรอเพลงนั้นมันฮิตขึ้นมา อินโนเซ้นท์นี่บางทีมันอาจจะใช้เวลาตั้งสิบปีกว่าที่เพลงของตัวเองจะเป็นที่ต้องการ ฉะนั้นสำหรับผมไม่แปลกเลยที่พออินโนเซ้นท์ยุติบทบาทลงแล้ว สิบปีผ่านไปอินโนเซ้นท์จะมีคนพูดถึงเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเพลงอินโนเซ้นท์มันอาจต้องใช้เวลาประมาณนั้นถึงจะเป็นที่ต้องการ นี่คือเหตุผลหลักที่ผมรู้สึกว่า อินโนเซ้นท์ไม่ใช่วงประเภทเรียกคนดูมาดูได้ทันที เราไม่ใช่เป็นแบบพี่เบิร์ด ไมโคร หรือนูโว ที่พอประกาศขายบัตรปัง แล้วจะมีคนมาดู ผมไม่มีความเชื่อแบบนั้นอยู่เลย ผ่านมาเรื่อยๆจะกี่ปีก็ตาม จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:43:47

ความคิดเห็นที่ 4 Musica Amante : แล้วเมื่อไหร่ มันจะถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับ คอนเสิร์ต อินโนเซ้นท์ ในความรู้สึกของพี่โอม พี่โอม : จนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมก็รู้สึกว่า บางทีมันก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว คือเวลามันผ่านมาซะจนผมทำอะไรมาเยอะแยะ จนออกจากแกรมมี่มาแล้ว มาทำบริษัทเอง เราก็เริ่มรู้สึกว่าเหมาะสมถ้าเราจะลองกลับมาทำโชว์อินโนเซ้นท์ซักครั้งหนึ่ง Musica Amante : แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หรือครับ พี่โอม : ผมใช้คำว่า ซักครั้งหนึ่งนะครับ แต่ความรู้สึกที่ว่าอินโนเซ้นท์ไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ก็ยังฝังแน่นอยู่ในความรู้สึกอยู่เสมอ ตรงนี้แหละ นานวันมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นข้อเท็จจริงหรือภาพลวงตา แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีคนพูดถึงว่าอินโนเซ้นท์เป็นตำนาน เป็นวงที่ยิ่งใหญ่ในอดีต แม้ว่าผมเองจะไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นเลย ที่แปลกกว่านั้นคือเพื่อนร่วมวงก็ไม่รู้สึกแบบนั้น ซึ่งก็แปลว่าวงอินโนเซ้นท์ทั้งหมดรวมทั้งผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นตำนานหรืออะไร Musica Amante : แล้วจุดที่ลงตัว ที่นำมาให้เกิดการตัดสินใจทำคอนเสิร์ต มันคืออะไรครับ หรือว่า ใคร ที่มีส่วนในการช่วยพี่โอมในการตัดสินใจ พี่โอม : คนที่ดูว่าจะมีความภูมิใจกับวงมากที่สุด หรืออาจจะเป็นคนที่จุดไฟให้ผมลุกขึ้นทำคอนเสิร์ตนี้ก็เป็นคุณปื๊ด มือเบสของวง คุณปื๊ดแกจะเป็นคนที่มองอะไรด้านบวกเยอะ แกก็เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นว่าอินโนเซ้นท์มีแฟนเพลงเยอะ ถ้าทำก็น่าจะมีคนมาดูเราเยอะ ซึ่งคุณปื๊ดก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการเทียวไล้เทียวขื่อแล้วก็พยายามผลักดันให้ผมทำคอนเสิร์ตนี้ แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สมาชิกอินโนเซ้นท์ส่วนมากก็จะมีความรู้สึกไปในทางคิดเล็กๆไว้เสมอ Musica Amante : คิดเล็กๆ คือยังไม่มั่นใจหรือยังไง พี่โอม : คือไม่ได้รู้สึกว่า อินโนเซ้นท์มีความเหมาะสมใดๆที่จะทำคอนเสิร์ตใหญ่ที่อิมแพคอารีน่า ด้วยความที่ผมมีความรู้สึกว่า การทำคอนเสิร์ตในที่ขนาดนั้น มันต้องมีกำลังซื้อจากคนดูเท่านั้นเอง มันไม่มีคำตอบอื่นเลยครับ การทำคอนเสิร์ตที่อิมแพค อารีน่า มันคือการขายบัตรให้ได้แล้วให้คนมาดูเท่านั้นเอง ผมไม่เห็นว่ามีใครทำอะไรฟรีๆที่อิมแพคฯ ส่วนมากมีการเช่าสถานที่แล้วซื้อตั๋วเข้าไปดู ตรงจุดนี้แหละที่ผมมองว่ายังไง ใครจัดมันก็คงเหมือนๆกัน พอผมเริ่มได้รู้จักกับผู้จัด ทีมงานผู้จัดอินโนเซ้นท์ครั้งนี้ บอกตรงๆว่าวันแรกที่คุณปื๊ดโทรมาบอกว่า เค้าอยากให้ผมรู้จักคุณสอง(คุณวิชย์ สุทธิถวิล) ที่ I-Works คุณสองเป็นโปรโมเตอร์หน้าใหม่ไฟแรง ก็นัดผมไปกินข้าว ผมก็ไปกินข้าวด้วยแบบไม่ได้คาดหวังอะไร ก็ไปกินข้าวแบบทุกครั้งที่คนอยากจะจัดคอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์มาทาบทาม คอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์นี่แปลกนะครับ ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้จัดคอนเสิร์ตเกือบทุกเจ้าในประเทศนี้เคยติดต่อมาหมดแล้ว แล้ววันที่ผมจะคุยกับคุณสองนี่ผมไม่รู้สึกอะไรเลยว่ามันจะเป็นครั้งที่เราจะได้จัดหรืออะไร มันก็คงเหมือนกับทุกๆครั้ง อันนี้คือที่มาของคอนเสิร์ต พอได้เจอกันผมก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไป ผมบอกว่าถึงอินโนเซ้นท์จะมีกลุ่มแฟนเพลงอยู่ส่วนหนึ่งก็จริง แต่คงไม่ได้มากมายอะไรที่คุณจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนั้นได้ ================================== คืนสู่เหย้า : เป็นชื่อเพลงหนึ่ง ของวงดิอินโนเซ้นท์ ในอัลบั้มที่ 3 ขวัญใจนักเรียน ซึ่งพี่โอมชอบพูดเสมอๆในหลายๆที่ว่า งานเลี้ยงรุ่น ซึ่งหมายถึง การจัดคอนเสิร์ต ครั้งนี้ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=musica-amante&month=19-10-2009&group=1&gblog=28 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 23:06:33 จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:44:50

ความคิดเห็นที่ 5  เกาะขอบกระทู้ พี่โอมค่ะ  อิอิ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 23:14:28 จากคุณ : i-Yui เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:12:48

ความคิดเห็นที่ 6 เอาอีกครับเอาอีก ... จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:18:51

ความคิดเห็นที่ 7 รออ่านครับ จากคุณ : ผู้ชายพายเรือ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:39:16

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าผม Update ผมจะเอามาลงในกระทู้นี้เท่านั้นนะครับ เพื่อให้อยู่ในจุดๆเดียว ไม่เปลืองกระทู้ จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:43:55

ความคิดเห็นที่ 9   สุดยอดค่ะ ไม่รู้จะบอกอะไรได้ดีกว่านี้ค่ะ ขอบพระคุณคุณ Musica ด้วยนะคะ จากคุณ : บี๋เอง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:44:31 A:61.91.113.94 X: TicketID:200757

ความคิดเห็นที่ 10 ยังไม่จบใช่ไหมครับ รออ่านอยู่ครับ^^ จากคุณ : นักเปลี่ยนแปลง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 00:01:09

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากค่ะ   จะค่อยๆ ละเอียดอ่านอย่างช้าๆ  จะได้อ่านไป คิดถึงวันนั้นไปอย่างมีความสุข  ^___^ และจะรอตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : เจี๊ยบเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 00:07:54

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ :) จากคุณ : -นักเลงเพลงสยาม- เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 00:26:08

ความคิดเห็นที่ 13 รออ่านนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : nanut เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 01:18:28

ความคิดเห็นที่ 14 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : ทางหนึ่งซึ่งหวัง ในช่วงแรกที่เริ่มคุยกัน พี่โอม ยังดูเกร็งๆ แต่พอได้พูดได้พักนึง ความเป็นกันเองอย่างที่เคยเป็น ก็กลับมาอีกครั้ง ผมไม่มีอะไรจะเกริ่นมากกว่านี้ครับ เข้าเรื่องต่อเลยดีกว่า แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 52 02:50:20 จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 02:46:21

ความคิดเห็นที่ 15 Musica Amante : พี่โอม กำหนดเงื่อนไข กับทางฝ่ายผู้จัดอย่างไรบ้างครับ พี่โอม : ผมก็พูดกับเขาตรงๆว่า ถ้าผมจะทำ ผมจะคิดอย่างเดียวว่า ผมจะทำคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดที่ผมเคยทำ อินโนเซ้นท์ต้องมีโอกาสซักครั้งที่จะทำคอนเสิร์ตที่เต็มที่จริงๆ ซึ่งคนจัดเขาก็สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ ถามว่าตอบยังไง อธิบายยาก มันเหมือนอาจจะเป็นเรื่องที่ฟ้าลิขิตมาแล้วก็ได้(หัวเราะ) แต่มันก็มีวิธีนึงที่ผมมั่นใจได้ว่าคำพูดจากทีมนี้ เขาตั้งใจจริงๆที่จะทำ อย่างน้อยก็มั่นใจในขั้นต้น เพราะไม่ได้ถึงขนาดรู้อะไรไปทุกเรื่อง ผมก็ตัดสินใจเลือกร่วมงานกับทางทีม I-Works แล้วก็ S2O (S2 Organizer) คุณสอง(วิชย์ สุทธิถวิล) ก็จะเป็นฝ่าย I-Works ผมก็จะได้รู้จักกับคุณเต้ย( ศุภโชค สกุลทอง)ของ S2O เป็นบริษัทออร์กาไนเซอร์ คุณเต้ยนี่ก็เป็นคนมีประสบการณ์มาแล้ว เคยทำงานอยู่แกรมมี่เหมือนผม เคยทำงานร่วมงานกับคุณชนินทร์ นินจา (ชนินทร์ โปสาภิวัฒน์) มาก่อน ก็พบว่าแกเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ผมก็รู้สึกว่า เออ เราก็มีทีมออร์กาไนซ์ มีทีมมาร์เก็ตติ้ง ส่วนผมก็จะทำหน้าที่เป็นโปรดักส์ชั่น ผมก็บอกเค้าว่า ถ้าทำนี่ผมคงต้องขออนุญาตดูแลโปรดักส์ชั่นเองทั้งหมด เพราะผมนึกไม่ออกว่าผมจะให้ใครมาดูแล เพราะอาชีพผมเคยเป็น Music Director อยู่แล้ว ผมไม่เคยถูกดูแลโดยทีมดนตรีที่ไหน ก็เลยนึกไม่ออกว่าทำอินโนเซ้นท์แล้วจะให้ใครมาดูแลดนตรีได้ตามใจเรา (หัวเราะ) Musica Amante : ตอนนี้เริ่มเป็นการร่วมงานที่ลงตัวแล้วใช่ไหมครับ พี่โอม : ใช่ครับ อันนี้เป็นที่มาถึงว่า ผมก็เลยได้มีโอกาสร่วมจัดกับทาง S2O แล้วก็ I-Works ก็เป็นการร่วมกันกับ Mister Music เป็น 3 Party ร่วมกันระหว่าง มาร์เก็ตติ้ง ออร์กาไนเซอร์ และมิวสิคโปรดักชั่น เราก็ตกลงกันทั้งหมด 3 ส่วน ว่าเราจะทำคอนเสิร์ตนี้อย่างที่คุยกัน ทำให้มันเป็นคอนเสิร์ตให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยที่ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น Musica Amante : หมายถึงอย่างไรครับ ที่ว่าไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขใดๆ พี่โอม : หมายถึงว่า เราก็จะมีการคุยกันก่อน ว่าเราจะทำรูปแบบไหน เช่นการที่จะเอาอินโนเซ้นท์มาเล่นที่อิมแพค ผมเองจะรับเป็นส่วนที่ดูแลวง หมายถึงว่าผมไม่ต้องการให้อินโนเซ้นท์อยู่ภายใต้แรงกดดันอะไรทั้งสิ้น ตอนตกลงจัดคอนเสิร์ตปั๊บ ผมก็จะคุยว่าผมต้องการใดๆบ้าง ทางผู้จัดเค้าก็โอเค เมื่อเห็นตรงกันแล้ว ผมก็เอาตรงนี้แหละคุยกับวงอินโนเซ้นท์ โดยทางวงจะไม่ต้องรับแรงกดดันอะไรจากทางมาร์เก็ตติ้งเลย Musica Amante : หมายถึงว่า ทางสมาชิกวง ไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับความเสียงต่างๆในการจัดคอนเสิร์ตด้วย ใช่ไหมครับ พี่โอม : ใช่ครับ การทำโชว์นี้ อินโนเซ้นท์ต้องเป็นศิลปินอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ ขาดทุนหรือกำไรใดๆก็ตามของโชว์ มันคือเงื่อนไขข้อแรกของผมเลย อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยู่ในวงการนี้มาผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า การจัดคอนเสิร์ต มันมีเงื่อนไขใดๆบ้างที่มันจะเป็นปัญหา หรือไม่เป็นปัญหา ตรงนี้แหละคือการเตรียมงานขั้นต้นก่อน พอทุกอย่างเริ่ม มันก็พามาซึ่งความมั่นใจระหว่างผมกับผู้ร่วมจัด การทำงานที่เป็นลักษณะนี้ Musica Amante : เรียกว่า วัดใจกันเลยหรือครับ พี่โอม : คล้ายๆแบบนั้น (หัวเราะ) แต่มันทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้ บางอย่างที่มันเป็นความกังวล เราก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเรื่อยๆ สำหรับผมพอตกลงทำงานกับทีมนี้ ความเต็มที่ของพวกเขามันมีมาตั้งแต่วันแรกแล้วมันไม่เคยลดลงเลย เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆนะครับ ว่ามีตรงไหนบ้าง แล้วจะเห็นว่าคอนเสิร์ตนี้เริ่มจัดขึ้นมาด้วยความที่ไม่ได้มีการประเมินสูงใดๆทั้งสิ้นเลย จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 02:47:04

ความคิดเห็นที่ 16 จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 02:47:37

ความคิดเห็นที่ 18 เราต้องเข้าใจก่อนว่า เวลามันผ่านมาแล้ว 20 ปี มันนานไม่ใช่ธรรมดานะครับ มันนานมากๆ นานจนยิ่งกว่านาน นานจนทุกๆอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ผมเองแทบจะนึกไม่ออกแล้วว่า แฟนเพลงอินโนเซ้นท์ในยุคนั้น หน้าตาเป็นยังไง(หัวเราะ) พอผ่านมา 20 ปี มีแต่คนบอกว่าอยากดูอินโนเซ้นท์ แต่วงดนตรีดีๆในประเทศนี้มีอยู่เยอะแยะ มันก็ไม่ได้มีแต่เรา คนที่เค้าเป็นแฟนเพลงเรา เค้าน่าจะเป็นแฟนวงแมคอินทอช แฟนเพลงพี่ภูสมิง แฟนเพลงอิมพอสซิเบิ้ลอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่ค่อยรู้สึกว่า วงอินโนเซ้นท์เรามีแฟนคลับที่มากพอ จนถึงวันนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ====================================== คงไม่ต้องบอกว่า ทางหนึ่งซึ่งหวัง เป็นชื่อเพลงฮิตของอินโนเซ้นท์ นะครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=musica-amante&month=20-10-2009&group=1&gblog=29 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 52 03:53:03 จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 02:49:42

ความคิดเห็นที่ 19 พี่โอม ถ่อมตัวมากเลยครับ เมื่อวานไปซื้อหนังสือ ภูธรสู่นครบาล มาแล้ว  ได้ถ่ายรูปคู่กับพี่โอมด้วย อ่านแล้วก็ทึ่ง ที่พี่โอมเป็นคนถนัดซ้าย รออ่านต่อนะครับ จากคุณ : dj booboo เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 02:57:33

ความคิดเห็นที่ 20 เอาอีก... จากคุณ : Meursault เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 03:22:23

ความคิดเห็นที่ 21 ผมรู้สึกน้อยใจแทนวงอินโนเซนต์อยู่เสมอๆ ว่าวงที่มีฝีมือขนาดนี้ น่าจะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมากกว่าที่เป็นอยู่ จริงอยู่ที่อินโนเซนต์มีเพลงฮิตอยู่ทุกชุด และทุกชุดก็ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่อินโนเซนต์ก็ไม่เคยดังระดับไมโคร นูโว หรือพี่เบิร์ด หรือแม้กระทั่งศิลปินร่วมค่ายตัวเองบางคน ผ่านมา 20 ปี ยังเห็นคนพูดถึงอินโนเซนต์ มีคนจัดคอนเสิร์ตให้ ก็ปลื้มใจแทน บางสิ่งบางอย่างก็ต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสินคุณค่าของมัน จากคุณ : udom_su เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 08:24:40

ความคิดเห็นที่ 22 พี่โอม : ผมใช้คำว่า ซักครั้งหนึ่งนะครับ แต่ความรู้สึกที่ว่าอินโนเซ้นท์ไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ก็ยังฝังแน่นอยู่ในความรู้สึกอยู่เสมอ ใครก็ได้ ช่วยไปแกะคราบที่ฝั่งแน่นในความรู้สึกพี่โอมหน่อยครับ จะขอบคุณมากครับ จากคุณ : by_scan เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 09:50:31

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาอ่านครับพี่มิวสิคก้า จากคุณ : thaandcat เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 11:29:10

ความคิดเห็นที่ 24   ผมขอคารวะในอุดมการณ์ของ วงอินโนเซ็นต์ ที่ยึดมั่นในการทำดนตรีคุณภาพแล้วความดีที่ทำไว้ก็ปรากฎขึ้นในเวลาต่อมา ขอใช้คำว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน+ฝีมือ ผมขอยืนยันว่า ผมภูมิใจที่เป็นแฟนเพลงอินโนเซ็นต์ เพราะการฟังเพลงของอินโนเซ็นต์ต้องมีความตั้งใจและมีสมาธิ เพราะ อินโนเซ็นต์ผสมผสานทุกแนวดนตรีได้อย่างลงตัว (ซื้อเทปอินโนเซ็นต์ ได้ฟังดนตรีครบทุกแนวคุ้มค่า)ไม่ใช่ฟังแบบฉาบฉวย บ้าเห่อ ขอให้พี่โอมและสมาชิกอินโนเซ็นต์ทุกคนจงภูมิใจในความเป็นอินโนเซ็นต์ เหมือนที่พวกผมภูมิใจที่เป็นแฟนเพลงอินโนเซ็นต์ "เรามันคนกันเองไม่ต้องเกรงใจใคร" ผมรู้สึกว่า ดูคอนเสิร์ตครั้งนี้เหมือนได้ดูหนังเรื่อง แฟนฉัน ( อินโนเซ็นต์อยู่ราชบุรี.แฟนฉันอยู่เพชรบุรี) ปล.อยากให้ทำชุดใหม่ อยากรู้ผ่านไป 20 ปี ฝีมือไปถึงไหนกันแล้ว จากคุณ : ม.6รุ่นแรก เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 13:06:42 A:203.113.0.206 X: TicketID:238582

ความคิดเห็นที่ 25 ทำไมตอนที่ 2 สั้นลงจากที่อ่านเมื่อคืน จากคุณ : Meursault เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 13:19:38

ความคิดเห็นที่ 26 กำลังเพลินเลยครับ . มีต่ออีกหรือเปล่าครับ  เอาอีก .เอาอีก สำหรับผม อินโนเซนท์ คือตำนานของผมเสมอครับ  เป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมเสมอครับ วงดนตรียุคแรก วงแรก ช่วงวัยเด็กของผม  ที่ผมหลงรักมาโดยตลอด ก็คือ อินโนเซนท์ ครับ ทุกวันนี้ก็ยังฟังเพลงของ อินโนเซนท์ ครับ ส่วนวงที่สอง เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงนั่น อินโนเซนท์ ยุบวงไปแล้วครับ  ผมก็หันไปฟัง วงดนตรีอีก วงหนึ่ง  นั่นก็คือวง T-Square ครับ วงนี้ผมก็รัก มี CD DVD เกือบจะทุกชุดครับ หมดเงินไปเยอะมาก และผมก็ฟังมาตลอดชีวิตของผม กว่า 25 ปี ครับ จนทุกวันนี้ ส่วนวงที่สามในชีวิต ก็คือ วง อีทีซี ครับ เป็นวงที่ทำให้ผมนึกถึงวง อินโนเซนท์ เสมอครับ เป็นวงดนตรีที่ มีแนวทางดนตรี หลากหลาย คล้ายกับ วง อินโนเซนท์ครับ  วงอีทีซี ทำให้ผมได้มีโอกาส  ได้เจอ พี่ๆ อินโนเซนท์ตัวเป็นเป็น  เพราะ อีทีซี เป็นน้องๆ ที่ผมสนิท อยู่ ที่สำคัญ อีทีซี ได้มาร่วมเล่น คอนเสิรต์ อินโนเซนท์ในครั้งนี้ด้วย  เป็นอะไรที่ประทับใจสุดๆ ครับ จากคุณ : ton T-Square เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 15:29:04

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านมาถึงตอนนี้ ก็รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนเล็ก ๆ ในงานครับ รออ่านต่อครับพี่ จากคุณ : ม.6 รุ่นแรกเหมือนกัน (สุพจน์) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 17:11:41

ความคิดเห็นที่ 28 ยังไม่จบใช่ไม๊คร๊าบบบบ ^^ รออ่านต่อไป.... ปล. ถ้าบทสัมภาษณ์นี้ไปอยู่ใน DVD ด้วยก็จะดีไม่น้อย ฮิฮิ จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 17:44:26

ความคิดเห็นที่ 29 รออ่านต่อ ด้วยนะคะ ^_________________^ จากคุณ : SLOTTS เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 19:00:10

ความคิดเห็นที่ 30 รออ่านด้วยค่ะ จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 19:11:15

ความคิดเห็นที่ 31   รออ่านต่อเหมือนกันค่ะ ม.6 รุ่น 1 เหมือนกัน.... จากคุณ : Nostalgia เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 19:44:23 A:125.26.159.203 X: TicketID:237453

ความคิดเห็นที่ 32 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : ทีมเวิร์ค ไปอ่านจากที่นี่เลยครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=musica-amante&month=20-10-2009&group=1&gblog=30 จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 21:59:29

ความคิดเห็นที่ 33   ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : jsujinda@hotmail.com เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 00:38:03 A:124.121.241.3 X: TicketID:237582

ความคิดเห็นที่ 34 ยังอินจากในคอนเสิร์ตอยู่เลยครับและรอตอนต่อๆ ไปอย่างใจจดใจจ่อครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 08:56:38

ความคิดเห็นที่ 35 ใส่เสื้อที่ซื้อจากคอนเสิร์ทแทบทุกวัน จากคุณ : cyberean (cyberean) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 09:40:40

ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อผมเริ่มหัดเล่นดนตรี ผมเริ่มรู้จักและสนใจเพลงเสียงจากแม่กลอง ขวัญใจนักเรียน ภาพเด็กหนุ่มต่างจังหวัด จากราชบุรี ซ้อนท้ายจักรยานกันสี่คน... พวกเขามีความฝัน พวกเขาทำให้เราได้เห็นว่าเขาทำได้ และเริ่มเห็นพัฒนาการทางดนตรีที่โตขึ้น ๆ แบบก้าวกระโดด รูปแบบทางดนตรีที่แหวกแนว จังหวะที่ไม่เคยได้ฟัง จากเสียงกีตาร์หวาน ๆ เป็นอินโทรเพลงเพียงกระซิบ คลาสสิก ในตอนต้นแล้ว เร่งเร้ากระชากอารมณ์ จาก เห็นใจกันหน่อย รวมถึงเพลงที่ จินตนาการทางตนตรี เลยล้ำยุคสมัย อย่าง โลกใบเก่า และ เมื่อเวลา 10 นาฬิกา... เวลาของวงดิ อินโนเซ้นท์ ก็หยุดลง ....จนผมได้ยินเสียงนาฬิกา เริ่มเดินต่ออีกครั้ง ในอิมแพ็ค วันนั้น.... มันก็ปลุกความรู้สึกรับรู้ ความอบอุ่นในอดีตของผม ให้กลับมาอีกครั้ง ดิ อินโนเซ้นท์ ที่นำความสุขวัยเยาว์ของผมกลับคืนมาให้อีกครั้ง   ขอบคุณครับ จากคุณ : วจีวิจารณ์ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 10:44:35

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนที่ 4 ครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=musica-amante&month=21-10-2009&group=1&gblog=31 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : Guest ..who จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 10:54:24

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณคร้าบบ อ่านแล้วแบบว่า ...นี่สิ คนดนตรี จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 14:30:52

ความคิดเห็นที่ 39 อย่างนี้ละมั้ง ที่เขาเรียกว่า วงดีไม่จำเป็นต้องดัง วงดังไม่จำเป็นต้องดี นี่แหละคุณค่าที่เราคู่ควร (ว่าแล้วก็สะบัดผม) บางคนพอมารู้ว่าคอนเสิร์ตนี้ดีก็อยากดูขึ้นมาทีเดียว ตอนแรกไม่ยอมซื้อบัตร เพราะรู้สึกว่าวงไม่ได้ดังอะไร ชิ.... ยังไงหนูก็รักพี่.. จากคุณ : Nothing Is Real เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 18:05:32

ความคิดเห็นที่ 40 ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในวันคอนเสิร์ต อยากจะบอกว่า ตั้งแต่ดูคอนเสิร์ตมา โปรดักชั่น + ดนตรี คอนเสิร์ต ดิ อินโนเซนต์ สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ประทับใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คุ้มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ดีใจมากที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตนี้คะ แล้วจะตามไปอ่านในบล๊อคนะคะ ขอบคุณที่นำเอาเรื่องราวกว่าจะมาเป็นคอนเสิร์ตครั้งนี้มาให้อ่านคะ จากคุณ : i_love_f4 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 22:36:10

ความคิดเห็นที่ 41 รอตอนต่อไปอยู่นะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 10:25:53

ความคิดเห็นที่ 42 มาแล้วครับ ตอนสุดท้าย http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=musica-amante&month=22-10-2009&group=1&gblog=32 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : กับคำถามและความทรงจำที่ยังคงเหลือ จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 14:10:53

ความคิดเห็นที่ 43 พี่โอมไม่ยอมรับว่าเป็น ซุปเปอร์สตาร์ งั้นเป็น ซุปเปอร์มูน ละกัน.. (มูนใหญ่กว่า อยู่นานกว่าสตาร์อีกน๊า ไม่มีล่วง) อยากขอบคุณสำหรับคอนเสิร์ต หากมีโอกาส ต้องเลี้ยง ไอติมกระทิ แถวหนามหญ้าที่ไม่มีหญ้าซะแหล่ว(ราดรี) เหอ เหอ จากคุณ : ยัยเขี้ยว เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 21:14:52

ความคิดเห็นที่ 44   พี่โอมและวงฯ ถ่อมตัวมาก ถึงมากที่สุด...แต่สำหรับผมแล้ว ดิ อินโนเซ็นต์ เป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่มีความสามารถมาก เพราะแต่งเพลงเอง เรียบเรียงเสียงประสานเอง ซึ่งเป็นเพลงที่มีคุณภาพทั้งคำร้องทำนอง และความลงตัวไม่เพียงแต่ในยุคนั้น แต่จวบมาถึงทุกวันนี้ ฟังแล้วก้อยังไม่ล้าสมัย การเรียบเรียงมีความละเอียดปราณีตในดนตรี คนในยุคนั้นที่ไม่เห็นค่าของ ดิ อินโนเซ็นต์ ได้มองข้ามคุณค่าทางศิลปะทางดนตรี อย่างคาดไม่ถึงจริง ดิ อินโนเซ็นต์ เป็น Idol ของผมในวัยที่เพิ่งหัดเล่นดนตรี ดีใจมากที่วงฯกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง...ช่วยทำให้ความทรงจำในอดีตกลับมาอีกครั้ง...ชอบที่พี่โอมให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ รู้เลยว่าการทำโชว์ครั้งนี้วงฯ และผู้จัดตั้งใจมาก ไม่เสียทีที่ตัดสินใจไปดู เกือบจะไม่ไป เพราะหาคนไปดูด้วยไม่ได้ ยอมไปดูคนเดียว ทั้งที่ไม่เคยดูคอนเสิร์ตที่ Impact มาก่อนเลย พอจบคอนเสิร์ต ตอนจะเดินออกมาคิดเลยว่าคงไม่มีโอกาสเห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว ก้อได้แต่หวังว่าจะมีคอนเสิร์ตอีกครั้ง และอยากให้ วงฯ มารวมกันเฉพาะกิจทำอัลบัมอีกสักครั้ง แม้ว่าบทสัมภาษณ์ของพี่โอมที่พี่โอมบอกว่าโอกาสจะมาทำคอนเสิร์ตและร่วมงานออกอัลบัม เป็นไปได้ยาก....แต่ยังไงก้อแอบหวังว่าน่าจะมีซักครั้งนะครับ ขอบคุณ Musica ที่เอาบทสัมภาษณ์มาลงให้เข้าใจวิธีคิดวิธีทำงานของพี่โอมและวง และผู้จัดในครั้งนี้...และสุดท้าย...พี่โอมครับเข้าใจแล้วครับว่าทำไมเสียงร้องถึงเปลี่ยนไป ( ความจริงก้อเข้าใจตั้งแต่ดูคอนเสิร์ตแล้วแหละ...แต่อดคิดถึงวันเก่าๆ ไม่ได้ ) จากคุณ : Mr.Altis เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 21:30:24 A:124.122.153.61 X: TicketID:237392

ความคิดเห็นที่ 45   ขอบคุณมากคะ คุณ Musica Amante สำหรับคำตอบ และก็จะคอยติดตามตอนต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ จากการสัมภาษณ์ก็รู้ว่าคอนเสิรท์ครั้งนี้ไม่ง่ายในการจัดเลย มันมีเรื่องของธูรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก แต่ก็อยากจะบอกพี่โอมเหมือนกันว่าแฟนเพลงของวง The Innocent... (อ่านต่อ) มีเยอะ แต่อาจไม่แสดงออกมากเหมือนปัจจุบัน เช่น ดงบังชิก หรือ กอล์ฟ ไมค์ เพราะสมัยนั้นการแสดงออกก็แตกต่างจากปัจจุบันนี้มาก แต่แฟนเพลงของวงอาจจะเป็นประเภทรักนะแต่ไม่แสดงออก มันก็เหมือนพลังเงียบ ก็เลยทำให้พี่ในวงไม่รู้ว่าตัวเองมีแฟนเพลงเยอะหรือเปล่า และสงสัยว่าถ้าจะคอยดูคอนเสิรท์ดิอินโนเซนท์ครั้งต่อไปละก็ คงจะนานมากกกกกก ไม่รู้ว่างวดหน้าต้องถือไม้เท้าไปดูหรือยัง หรือว่าศิลปินของเราจะถือไม้เท้ามาเล่นด้วย... จากคุณ : Nandeshiko เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 21:50:47 A:124.120.79.108 X: TicketID:237582

ความคิดเห็นที่ 46 ในความคิดผม สุดยอดครับ จากคุณ : ปัจเจกชน เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 23:57:26

ความคิดเห็นที่ 47   ดีใจจังที่เราไม่ยอมพลาดโอกาสครั้งนี้ไป เย้ห์ จากคุณ : my heart will go on เขียนเมื่อ : 23 ต.ค. 52 18:29:01 A:110.164.8.68 X: TicketID:168509

ความคิดเห็นที่ 48 ตอนแรกเดินวนเวียนอยู่นานว่าจะซื้อเสื้อยืดดีไหม เพราะสไตล์ตัวเองไม่ร๊อคขนาดจะใส่เสื้อยืดดำสกรีนสีเงิน แต่ในที่สุดก็ซื้อเพราะอยากได้รายชื่อเพลงหลังเสื้อ(ตอนแรกก็ยังงงว่า list ตามอะไร) พอคอนเสิร์ตเริ่มถึงรู้ว่าเป็น List ส่วนหนึ่งของเพลงในคอนเสิร์ต ซื้อมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะใส่ไปไหนอยู่ดี สงสัยต้องรอคอนเสิร์ตอินโนเซนต์คราวหน้า ..แฮ่ม.. คิดว่าเรื่องราวของพี่ๆ วงดิอินโนเซนต์น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีให้น้องๆ นักดนตรีนักร้องสมัยใหม่ ว่าคุณค่าของผลงานดนตรีควรจะเป็นอย่างไร ตกลงหนังสือ"จากภูธร ถึงนครบาล" พี่โอมเขียนเองหรือคะ อ่านเพลินทีเดียว :) ขอบคุณคุณ Musica Amante สำหรับบทสัมภาษณ์และรูปจากคอนเสิร์ตอีกทีค่ะ จากคุณ : แสนแสนแสด (แสนแสนแสด) เขียนเมื่อ : 23 ต.ค. 52 21:50:59

ความคิดเห็นที่ 49 แวะมาตอบนะครับ หนังสือ ภูธรสู่นครบาล พี่โอม ไม่ได้เขียนเองครับ แต่เป็นการเขียนโดย นักเขียนคอลัมนิสอาชีพ โดยทั้งหมดมาจากการเล่าเรื่องของพี่โอม และผ่านการตรวจความถูกต้องของสำนวนและเนื้อเรื้องโดยพี่โอมอีก พี่โอมไม่มีเวลาเขียนเองหรอกครับ เพราะหนังสือฉบับนี้ เริ่มทำก่อนคอนเสิร๋ตประมาณ 2 เดือน กำลังซ้อมคอนเสิร์ตอย่างหนักเลย จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 23 ต.ค. 52 23:17:51

ความคิดเห็นที่ 50 อยากรบกวนให้พี่ musica ก็อปข้อความมาโพสที่นี่ด้วยค่ะ เผื่อว่ามีใครที่ไม่สามารถเข้าไปอ่านที่บล็อกได้ (เช่นเจี๊ยบ เข้าจากเครื่องที่ออฟฟิศไม่ได้) ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เจี๊ยบเหมียว เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 04:22:04

ความคิดเห็นที่ 51 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : ทีมเวิร์ค Musica Amante : หลังจากตัดสินใจทำคอนเสิร์ตแล้ว พี่โอม เริ่มจากอะไรก่อน ที่ดูว่าเป็นการ Kick off สำหรับงานนี้ พี่โอม : สิ่งแรกที่เริ่ม ผมเริ่มที่scriptเพลงก่อนเลย เรียงเพลงก่อนเลยว่า จะขึ้นด้วยเพลงอะไร แล้วจบด้วยเพลงอะไร ในระหว่างนั้นเราก็จะนั่งมองว่า ในตัวโชว์มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครควรจะมาเป็นแขกรับเชิญ หรืออะไรต่ออะไร scriptโชว์ถูกคิดขึ้นมาพร้อมกับการทำโปรดักชั่นทุกๆด้าน หลายๆอย่างมันถูกคิดขึ้นมาพร้อมๆกันเลย ผมโชคดีมากที่ทางทีมงาน S2O เค้าจัดมา เค้ามีความตั้งใจที่จะเห็นวงอินโนเซ้นท์กลับมารียูเนี่ยนและเล่นคอนเสิร์ตที่มีพวกแสง สี เสียง และVisual, Stage Design กราฟฟิคเต็มรูปแบบ เราได้ทีมงานที่มีฝีมือมาก ทุกอย่างมันจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยความประณีต อะไรที่แฮนด์เมด มันจะมีความละเมียดละไม และมีความลึกซึ้ง การทำคอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์หนนี้ มันแฮนด์เมดมาตั้งแต่วันแรก มันเป็นการลงทำด้วยมือนะครับ Musica Amante : การเลือกเพลง การวางscriptเพลง ทำกันอย่างไร พี่โอม : วิธีการทำงานก็คือ เริ่มต้นผมก็จะคิดไอเดียคร่าวๆขึ้นมาก่อน แล้วก็ก็ดูfeed back ให้ตัวสมาชิกวงทั้งหมดเป็นมอนิเตอร์ ก็จะทำงานแบบนี้ แต่จริงๆไม่ใช่เฉพาะวง ผมก็จะปรึกษาทั้งทีมงานที่จัดทุกๆส่วนด้วย Musica Amante : แล้วการเลือกทีมงานหลักทางด้านดนตรี พี่โอมเลือกยังไง พี่โอม : สำหรับผม ใช้การสรุป concept กับที่วงก่อน สรุปให้ได้ว่าเราจะเล่นโชว์เล็ก หรือโชว์ใหญ่ แม้กระทั่งบนเวที เราให้วงเลือกได้เลยว่า เราจะเล่นน้อยๆคนหรือเราจะเล่นเยอะๆคน ที่วงเค้าก็เลือกที่จะเล่นเป็นวงใหญ่ ซึ่งสำหรับผม มันได้ทั้งสองอย่าง เล่นเป็นวงเล็กๆก็ได้ เล่นกันแบบเหมือนวงร๊อกเขาเล่นคอนเสิร์ตกัน 5-6 คนก็พอ แต่ทีนี้พอเราเลือกเล่นวงใหญ่ โชว์ก็เลยออกมาเป็นเซทอัพใหญ่ มีทั้ง Brass section มีทั้ง กลอง 2 ชุด มี percussion มี Chorus 2 คน มายืนร้อง ไอเดียก็จะมาจากการคุยกันที่วง Musica Amante : ตอนนี้ตัดสินใจแล้ว เลือกเพลงแล้ว พี่โอมแบ่งงานแต่ละด้านกันยังไงบ้าง พี่โอม : งานนี้มันแทบจะเป็นผลพวงจากงานคอนเสิร์ต Into The Light ที่ผมทำเมื่อปีที่แล้วเลย ผมเรียกว่าเป็นอานิสงจากคอนเสิร์ตนั้น คอนเสิร์ตนั้นเรียกว่าเป็นคอนเสิร์ตทดลอง เป็นครั้งแรกที่ผมกลับมาทำคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบอีกหนหนึ่ง ทีมงานเกือบทั้งหมด เป็นทีมงานที่เคยทำคอนเสิร์ตนั้นมาเกือบทั้งนั้น แม้กระทั่งระบบเสียงก็เป็นทีมงานเดียวกันหมดเลย ทีมงานที่ทำคอนเสิร์ตนี้ ก็จะมาจากสองส่วน คือส่วนหนึ่งมาจากทีมงานที่ผมคุ้นอยู่แล้ว คือคอนเสิร์ต Into The Light ซึ่ง Feed back ก็ออกมาดีมาก แล้วก็นำเอามาเป็นทีมงาน ในการทำระบบเสียง เราก็ร่วมงานกับ Jack Sound System (JSS) ในการร่วมงาน Into The Light Musica Amante : คนควบคุมเสียงล่ะครับ มาจากไหนกันบ้าง พี่โอม : คนที่ Mix เสียงก็จะเป็นคุณเวช (ประเวส อู่ทอง) คนนี้เป็นคนมิกซ์เสียงมือฉมัง มิกซ์คอนเสิร์ตมาทั่วราชอาณาจักรแล้ว แล้วก็พี่ต้น แมคอินทอช (วงศกร รัศมิทัต) ก็จะเป็นคนที่ทำงานอยู่ตรงโชว์ Into The Light ด้วย ตรงจุดนี้ผมก็จะหายห่วง พอดีตรงนี้ JSS ยิ่งเพิ่มระบบ Surround เข้ามา เราเห็นทีมงานที่มีอยู่เราก็เชื่อมั่น เป็นคนที่ทำงานด้วยกันเดิมหมดเลย เค้าแทบจะรู้ด้วยว่า ผมเล่นกีตาร์ดังประมาณไหน เค้ารู้ด้วยซ้ำว่าโชว์จะออกมายังไง แล้วจะคอนโทรลอย่างไร เรื่องเสียงนี้ผมก็ตัดไปได้เลย ผมแค่ถามคำเดียวว่า พี่ต้น งานนี้เสียงดังพอแน่นะ เพราะว่า Impact มันต่างกับ Paragon แค่มันใหญ่กว่า พี่ต้นบอกไม่มีปัญหา ผมก็ผ่านเลย Musica Amante : มีทีมไหนที่เปลี่ยนแปลงจากทีมงาน Into The Light บ้าง พี่โอม : ทีมที่เปลี่ยนเห็นได้ชัด ก็คือทีมที่เล่น Back up เนื่องจากวิธีคิดก็คือว่า จากตอนที่ผมเล่น Into The Light นี่ ตอนนั้นเป็นทีมที่ set กัน เป็น พี่เม๋, จั๊ก, ลูกแก้ว แมน พอเป็นอินโนเซ็นท์แล้วเนี่ย ผมคิดว่า เบื้องต้นมันควรจะเป็นการ setup นักดนตรีให้เหมาะกับตัววงจริงๆ เพราะอินโนเซ้นท์เขาเป็นวงที่จำเป็นมากๆที่จะต้องเล่นกับวงที่รู้จักพวกเขาน่ะครับ ผมก็เลยคัดตัวนักดนตรี ง่ายๆเลย ผมเลือกนักดนตรีที่เป็นแฟนเพลงของวงก่อน ผมก็จะมีผู้ช่วยคนหนึ่ง คือโอ๊ต (อนุสรณ์ คงสุวรรณ) จะเป็นคนที่ช่วยประสานงานติดต่อศิลปินต่างๆ เราก็จะรู้ว่าคนไหนเป็นแฟนเพลงเรา ผมเลือกง่ายๆเลย คนที่จะเล่นกับอินโนเซ้นท์ ก็ต้องเป็นแฟนเพลงอินโนเซ้นท์ ทีมงานเดิมอาจจะมี Inspiration จากดนตรีอีกทางหนึ่ง แต่อันนี้สังเกตได้ อย่างเช่น คุณเมา มือกลอง เค้าก็จะเป็นคนที่เล่นอยู่กับ Into The Light ด้วย แต่เมานี่เป็นแฟนเพลงอินโนเซ้นท์ตัวยง ร้องเพลงอินโนเซ้นท์ได้เกือบหมด วงเค้าก็จะมั่นใจ เขาจะรู้สึกเหมือนว่า เค้าได้สมาชิกวงมาเพิ่ม ผมก็คัดง่ายๆอย่างนี้เลยครับ นั่นคือที่เห็นทั้งหมดก็คือแฟนเพลงอินโนเซ้นท์ทั้งนั้น หรืออย่าง คุณเต้ย อินคา นี่ก็เป็นมือกีตาร์ที่รู้จักกับสมาชิกวงหลายคน มานานแล้ว โดยฝีมือเขาก็เป็นมือกีตาร์ที่เก่งรอบด้าน อีกส่วนก็เป็นส่วนที่เป็นทีมงานกันอยู่แล้ว เช่น ทีมงานที่ช่วยซัพพอร์ตทางด้านเทคนิคต่างๆ น้องออย จีจ้า(กวิตา คุณาวงศ์), คุณเอ๋ (กุญช์ชาญ สวัสดี), คุณแมน (เกรียงศักดิ์ เกรียงไกรนิยม) เคยเป็นทีมงาน AF ด้วยกันเข้ามาช่วยทำ Surround ทีมงานที่ร่วมงานกันเดิมๆก็ยังอยู่ ก็ใช้วิธีคิดอย่างนี้ ส่วนทีทีมงาน Production อื่นๆผมก็ไม่ห่วง ทีม lighting ก็เป็น Light Source ที่ทำคอนเสิร์ตส่วนมากอยู่แล้ว ทำ AF ทำ Into the Light อะไรอย่างนี้ก็คือทีมเดิมนี่แหละ ทุกอย่างทีมเดิมเกือบหมดเลย จริงๆแทบไม่ต้องเลือกทีมงานเลย เพราะว่าพอเริ่มงานเราก็ใช้ทีมงานเดิม มีความเชื่อว่าเป็นทีมงานที่ดีที่สุดอยู่แล้ว แล้วก็ทำงานเข้าขากันอยู่ จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:23:49

ความคิดเห็นที่ 52 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : Guest ..who Musica Amante : การทำscriptเพลงทั้งหมด ในบางเพลงมี Guest พี่โอม เลือกยังไง พี่โอม : ทีแรก guest นี่มาเป็นอันดับรองครับ สิ่งแรกเลือกตัวเพลงก่อน มันเหมือนเราเดินถูกทางตั้งแต่ก้าวแรก คือการทำscriptเพลงสำหรับคอนเสิร์ต ผมว่ามันเป็นหัวใจของงานเลย Musica Amante : ความคิดที่แบ่งเพลงเป็นชุดๆ เป็นก้อนๆ เป็น Retro เป็น Medley มันมาจากอะไร หรือในวงอยากให้เป็นอย่างนั้น พี่โอม : scriptเพลงของงานนี้มันจะออกมาลื่นไหลมาก มันไม่ใช่เพราะว่าใครเป็นยอดฝีมือในการทำscript ผมว่ามันมีความเหมาะเจาะลงตัวตั้งแต่แรกๆที่มีการเลือกเพลง แล้วก็จัดลำดับเพลง จะมีอยู่แค่เพลงเดียวที่มีการเปลี่ยนลำดับอยู่บ่อยๆ ก็คือเพลงฝากรัก ทีแรกเราไม่แน่ใจว่าจะอยู่ตรงกลางโชว์หรือว่า ตรงท้ายโชว์ดี ก็มีการประชุมในวง สุดท้ายมติก็สรุปว่า เราควรเอามาปิดเป็นเพลงสุดท้าย เหตุผลก็เพราะความยิ่งใหญ่ของ Guest ในเพลงนี้ครับ เดี๋ยวจะพูดถึงต่อไป Musica Amante : การกำหนดscriptเพลง แล้วเป็นที่มาของแขกรับเชิญ เรากำหนดยังไง อยากได้ใครมาเป็นแขกรับเชิญแต่ละเพลง เพราะเหตุผลยังไงบ้าง พี่โอม : แขกรับเชิญก็จะมีที่มาเหมือนเราหาวงแบ็คอัพครับ ใช้วิธีคิดง่ายๆดื้อๆ ก็คือเอาคนที่เป็นแฟนเพลงของวงมาก่อน ก็ง่ายเลย วงETC ก็มาก่อนเลย วงนี้ผมชื่นชอบเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว ETCนี่ขนาดคอนเสิร์ตผม Into the Light เค้ายังมาดูกันทั้งวง ผมไปร่วมงานคอนเสิร์ตเค้า เขาก็ให้ความรู้สึกเต็มที่ว่าเขาเห็นวงเราเป็น Idol วง ETCนี่มาก่อนเลย ด้วยฝีมือของเค้าด้วย และความที่เราเชื่ออย่างแรงว่าเค้าเป็นแฟนเพลงเรา คนอื่นที่มาร่วมด้วยหลายๆคน อย่าง คุณหนึ่ง จักรวาร,คุณโก้ แซ๊กแมน เค้าก็แสดงตัวชัดเจนว่าเค้าเป็นแฟนเพลงของวงอินโนเซ้นท์ ทางกลุ่ม Love Is ไม่ต้องสงสัยเลย คุณบอยด์ โกสิยพงษ์ ตัวโต้โผใหญ่ คือคนแรกที่ผมไปคุยด้วย ทางกลุ่ม Love Is นี่สำหรับผมถ้าคุณบอยด์ไม่มา คงไม่ได้แน่ๆ เพราะผมนึกไม่ออกว่าใครจะเป็นแฟนเพลงอินโนเซ้นท์ได้มากเท่านี้ ทางกลุ่ม Love Is และ คุณบอยด์นี่ say yes ตั้งแต่วันแรกแล้วก็ให้ความรู้สึกว่า อะไรก็ได้ เต็มที่เลย เป็นสิ่งที่เราไม่มีทางข้ามตรงนี้ไปได้เลย Musica Amante : แล้ว Guest ในเซทRetro ล่ะครับ พี่โอม : เซ็ท Retro มันเกิดขึ้นมา ที่มามันเกิดจาก พอทำscriptผมจะมีปัญหามาจากเพลงส่วนหนึ่งที่มันเป็นเพลงที่เป็นยุคเก่ามากๆ อย่างเพลงอยู่หอ. เสียงจากแม่กลอง ที่ตอนจะเล่นเราก็คิดไปว่า เราจะเล่นยังไงให้ดูแล้วมันคึกคัก เราคงไม่สามารถนำมาเล่นเป็นแบบโฟล์คซอง หรือเล่นเป็นแบบสตริง 3-4 ชิ้นแบบเมื่อก่อนได้ ถ้าทำแบบนั้นมันก็เป็นการไม่ดูแลคนดูส่วนหนึ่ง เพราะอิมแพค อารีน่า มันไม่ใช่ที่จะเล่นอะไรที่นุ่มๆเบาๆโหวงๆ คือผมในฐานะศิลปินและผู้จัดเราก็ต้องให้เกียรติคนดู มันก็เลยต้องเล่นให้สมกับสถานที่ ฉะนั้นโจทย์ที่ผมแก้ได้ยากมากก็คือการนำเอาเพลงเก่าๆที่มันฟังดูเบาๆสมัยก่อนมาเล่นเพื่อให้มันได้อารมณ์ด้วย แล้วก็เหมาะกับสถานที่ด้วย จนปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าผมนำเพลงเหล่านั้น เอามาทำให้เป็นย้อนยุค แต่ว่าเต้นรำได้ พอคิดได้ ก็เลยลองไปเซทขึ้นมา เอ้า ถ้างั้นก็เอาไปทำเป็น Medley มันก็เลยไปเอาเพลงอินโนเซ้นท์มาเรียงกันเยอะๆเลย แล้วก็ชวนคนให้เค้าเต้น เพราะเราเป็นวงที่มาจากยุค เดอะพาเลซ ยุค '80 การโชว์ก็ทำเป็น Discotheque ขึ้นมาเลย เท่านั้นแหละครับ หน้าพวกเพื่อนเก่าๆก็ลอยมาเต็มเลย พอได้ไอเดียแบบนี้ เราก็เล่นอยู่หอ สอบตก ก็อยู่ในชุดนี้ มันก็อัตโนมัติ หน้าพี่ต้น แมคอินทอช (วงศกร รัศมิทัศ) ก็ลอยมา เพราะพี่ต้นแกเป็นทีมงานของผมอยู่แล้ว พอนึกถึงพี่ต้น หน้าวงพลอย หรือว่า จิ๊บ วสุ พี่รัก(รักษ์ สวัสซิตัง) พี่เม๋(อนุสาร คุณะดิลก) ก็ลอยมา คือมันมาแบบออโตเมติกน่ะครับ ลอยมาตามกันเลย Musica Amante : แล้วการเชิญ สาว สาว ล่ะครับ พี่โอม : นึกถึงศิลปินในยุคเดียวกัน ก็นึกถึงสาว สาว สาว ทีแรกไม่ได้นึกว่าจะกี่คนหรือยังไง ก็แล้วแต่ที่วงเค้า ผมก็พบว่า ที่วงเค้าก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่จะรียูเนี่ยนกันครบทุกคน หรืออาจจะมีความยังไม่ลงตัวในเรื่องค่ายหรืออะไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายตรงนี้ เราก็ให้เกียรติเค้าตั้งแต่แรก ด้วยการเชิญเท่าที่เค้าสะดวก ก็คือมาสองคน แล้วผมก็รู้สึกว่า มันอาจจะเป็นการเกินงามนิดนึง ถ้าเราไปเอาเขามาทั้งวง เพราะว่า สาว สาว สาว เค้าก็เป็นวงที่มีแฟนเพลง เยอะแยะ มากมาย การเชิญคุณแหม่ม คุณปุ้ม มาเพื่อร่วมสนุก มันก็เพียงพอแล้ว ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ผมคิดอย่างเดียวเลยว่า อยากให้แฟนเพลงสนุก ผมตั้งใจว่า น่าจะมีซักครึ่งชั่วโมงที่จะทำให้คนในฮอลล์เค้าได้เต้นรำกัน ฉะนั้นถ้าใครได้ดูเซทนี้ จะพบว่า set retro จะเริ่มจากเพลงอินโนเซ้นท์เริ่มกัน 4-5 เพลงก่อน ซึ่งเราเองรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า เราไม่ใช่เอ็นเทอร์เทนเนอร์ เราเป็นนักดนตรี เราร้องเพลงได้ ฉะนั้น การที่คนจะลุกขึ้นมาเต้นตามที่เราขอ คงเป็นไปได้ยาก ก็เลยมีการวางไว้เป็นหน้าที่ของคุณจิ๊บ พี่ต้น สาว สาว สาว ที่จะให้ความบันเทิงกับคน แล้วทุกคนก็จะให้เกียรติอินโนเซ้นท์ด้วยการร้องเพลงสอบตกเป็นเพลงสุดท้าย เซทนี้ผมว่าลงตัวมากๆ แล้วก็ Guest ทั้งหมด มาเพราะว่า เราคิดถึงเค้า เราต้องการให้เขามาสร้างความสุขให้คน แล้วเราก็มั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจว่าคนจะมีความสุข ศิลปินที่เราเตรียมมาให้เป็น guest ที่ผมว่า ไม่มีใคร ไม่คิดถึง ทุกคนจะคิดถึงเค้า มั่นใจอย่างยิ่งว่า แฟนเพลงอินโนเซ้นท์ ก็เป็นแฟนเพลงของเค้าด้วย Musica Amante : Guest อีกคนที่อยากให้พี่โอมพูดถึง คือน้องโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ซึ่งบางกระแสกล่าวว่า โต๋ยังเด็ก ไม่ทันกับวงดิอินโนเซ้นท์มาก่อน พี่โอม : มันน่าประหลาดมาก ผมเองทุกวันนี้ เห็นน้องโต๋ เป็นน้องนุ่ง เป็นเหมือนหลานๆ จริงแล้วๆผมเรียกคุณพ่อน้องโต๋ ว่าพี่ต้อง(นคร เวชสุภาพร) พี่ต้องนี่เป็น Idolของผมเลย เป็นกีตาร์ฮีโร่ของผม แล้วน้องโต๋นี่ผมเห็นมาตั้งแต่แบเบาะ พอวันหนึ่งแกก็โตขึ้นมาเป็นนักเปียโนชั้นเยี่ยม เป็นเด็กที่เก่งมาก มีความพร้อมทุกๆด้าน ผมยังไม่เคยเห็นคุณพ่อ คุณแม่ คนไหนโชคดีเท่า คุณพ่อน้องโต๋ ที่ได้ลูกได้ดังใจแบบนี้ ผมพบว่าน้องโต๋เป็นสมบัติล้ำค่าของวงการเพลง ฉะนั้นผมทำอะไรก็ตามถ้าผมมีโอกาสผมจะต้องร่วมงานกับน้องโต๋ ผมคิดแบบนี้ Musica Amante : พี่โอม ก็เคยร่วมงานกับน้องโต๋ มาก่อน พี่โอม : ตอน Into The Light ผมก็ได้น้องโต๋มาเป็น Guestร่วมด้วย งานนั้นผมให้เค้าเล่นเปียโนคลาสสิค เล่นโชว์ฝีมือแบบว่าผมดูเพลินเลย งานนี้ก็เลยติดใจอยากได้น้องโต๋มาช่วย ผมทราบว่าน้องโต๋อยู่โซนี่ โซนี่เค้ามีภารกิจให้น้องโต๋ต้องไปอยู่ที่เมืองจีน โต๋ก็เลยไม่อยู่วันคอนเสิร์ต ก็เลยคลาดกันไปเลยในตอนแรก แต่โต๋เค้าอยากเล่นคอนเสิร์ตนี้มาก โต๋เค้าแสดงความจำนงเสียจนผมยิ่งกว่าเชื่อว่าเค้าอยากเล่นมากจริงๆ แล้วเค้าแสดงความเสียดายทุกครั้งที่พูดถึงความคืบหน้าในคอนเสิร์ต อย่างตอนแถลงข่าวเขาก็ไม่อยู่ต้องไปเมืองจีน ตอนวันคอนเสิร์ตจริง ทีแรกก็ทราบว่าเค้าไม่อยู่ ทีนี้ด้วยความบังเอิญมันมีเพลงนึงของอินโนเซ้นท์ ที่เป็นเพลงที่ผม กับพีรสันติและวงเรารักมาก คือเพลง 14-16-18 (วัยบริสุทธิ์) เป็นเพลงที่พูดถึงความสดใสของวัยรุ่น เพลงนี้เราชอบเล่นกันมาก แต่วัยพวกเราเลยมาแล้วไง เพลงนี้ก็เลยหาคนร้องไม่ได้ ผมมองไม่ออกเลยว่าใครจะมาร้องเพลงนี้ อินโนเซ้นท์ร้องเองก็จะรู้สึกเฟคๆ ผมเห็นแต่หน้าโต๋คนเดียวเลย ผมยังบอกเลยว่าถ้าโต๋ไม่เล่น เราต้องทำยังไง นึกก็ยังนึกไม่ออก ทีแรกก็นึกว่า สายชลร้องไป เพราะเรานึกไม่ออกจะเอาใครมาร้อง ก่อนงานผมก็ได้มีโอกาสเจอโต๋อีกที ผมก็บอกว่า ถ้ามีอะไรก็ตามที่ทำให้โต๋มาเล่นคอนเสิร์ตได้ ให้รีบบอกเลย เพราะผมอยากได้โต๋มาเล่นมากจริงๆ ก็คือเปิดมาอย่างนี้เลย จนใกล้ๆงานไม่นานเลย ผมก็ทราบข่าวดีว่าเขาเลื่อนไปเมืองจีน โต๋ก็ถามว่า ยังต้องการเค้าในโชว์อยู่มั๊ย ทุกอย่างของโชว์มันก็เลยลงตัวหมดเลย โต๋ก็เลยมารับหน้าที่ในการร้องเพลงวัยบริสุทธิ์ แล้วก็มาเล่นเปียโนด้วยความเหมาะเจาะ จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:27:39

ความคิดเห็นที่ 53 Musica Amante : ทำไมเพลงวัยบริสุทธิ์ต้องเฉพาะให้น้องโต๋เป็นคนร้อง พี่โอม : มองในมุมหนึ่ง ก็คือเราก็เอาดาราวัยรุ่นมาร้อง วันแรกที่โต๋มาซ้อมด้วยกัน โต๋พูดอยู่คำหนึ่ง พี่โอมครับ เพลงนี้ฟังแล้วมันได้อารมณ์เหมือนวงของคุณพ่อเลย(วงแกรนด์เอ็กซ์) ผมก็หัวเราะเลย เออ เนี่ยสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจ เหมือนผมเลือกคนถูกเลย เพราะเหตุผลที่ผมเลือกโต๋ ที่ผมไม่เคยบอกใครเลยเพราะเพลงวัยบริสุทธิ์ มัน Inspire มาจากเพลงของวง แกรนด์เอ็กซ์ ก็คือมันมีแรงบันดาลใจมาจากเพลงร๊อกแอนด์โรล สไตล์วงแกรนด์เอ็กซ์น่ะครับ แล้วผมรู้สึกตลอดว่า ถ้าผมได้โต๋มาเล่นเปียโนเพลงนี้ มันก็เหมือนกับผม Tribute ให้กับที่มาของเพลง ผมเอาลูกชายของพี่ต้อง นคร ที่เป็นหัวหน้าวงแกรนด์เอ็กซ์ มาเล่นเพลงที่ผม inspire มาจากวงแกรนด์เอ็กซ์ จุดๆนี้จึงเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่คนเดียวว่าต้องเป็นโต๋เท่านั้นที่มาเล่นเพลงนี้ แล้วโต๋เค้าพูดออกมาเองว่าเพลงนี้มันได้อารมณ์เหมือนเพลงของวงคุณพ่อ เลยยิ่งแน่ใจว่าเข้าทาง นี่คือเหตุผลที่ผมมองว่าโต๋มีความเหมาะสม หลังจากนั้นพอโต๋มาซ้อม เค้าก็บอกว่า จริงๆเค้าอยากเล่นเพลงเพราะเธอหรือเปล่านะ ผมก็ยิ่งชอบใหญ่เลย เพราะว่าไหนๆก็มาแล้วผมก็เลยเชิญโต๋เขาเล่นอีกสองเพลงปิดท้ายเลย โต๋จะค่อนข้างเข้ามาสวมตรงนี้ได้เหมาะเจาะ เนื่องจากว่าเค้ามีจุดหนึ่งที่ผมต้องการให้อยู่ในเพลงวัยบริสุทธิ์คือโต๋เค้าอินกับเพลงของเราอยู่แล้ว Musica Amante : Guest ที่เป็น surprise ของงานล่ะครับ ทำไมจึงเป็น พี่ต้อย เศรษฐา พี่โอม : ทีแรกสุด ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะเชิญพี่ต้อย เศรษฐา มาร้องเพลง ฝากรัก ไม่มีอยู่ในหัวเลย เพราะว่า ถ้าใครติดตามเรื่องราว จะทราบดีว่า วงดิอิมพอสซิเบิ้ลและพี่ต้อย เศรษฐา เป็นฮีโร่ของผมเลย แต่ถึงแม้ว่าผมจะมีความคุ้นเคยกับพี่ต้อยในโชว์AFทุกๆวีคก็ตาม ผมก็ยังไม่เคยคิดว่าพี่ต้อยจะมาร้องเพลงอินโนเซ้นท์ วงอินโนเซ้นท์ต่างหากที่ควรจะไปร้องเพลงของพี่ต้อย แต่ถ้าเราเอาเพลงอิมพอสซิเบิ้ลมาร้องในโชว์อินโนเซ้นท์มันก็ดูจะแปลกๆ คนดูจะงง ผมก็เลยนึกไม่ออกว่าจะยังไง จนวันหนึ่งผมก็ปรึกษากับผู้ช่วย คือถ้าเราเอาวัยรุ่นร้อง มันก็เหมือนเดิมเพราะว่าเพลงนี้ cover กันเยอะมาก ล่าสุด ต้า AF ก็เพิ่งร้องไป ถ้าเป็นนักร้องวัยรุ่นมันก็เหมือนเดิม เป็น ฝากรัก เวอร์ชั่นเดิม เพลงฝากรักสำหรับผมมันเป็นเพลงพิเศษมาก เพราะมันเป็นเพลงแรกในชีวิตที่ผมแต่งเพลง มันเป็นที่มาของผมทุกอย่างเลย เป็นงานชิ้นแรกในชีวิต ผมก็เลยนึกถึงว่า ถ้าพี่ต้อยจะยอมร้องเพลงนี้ในโชว์ของเราได้มั๊ย เพลงฝากรักถ้ามันมีเสียงพี่ต้อย เศรษฐาแห่งวงอิมพอสซิเบิ้ล สำหรับผมมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากเกินคำบรรยาย แรกๆผมก็คิดว่าอาจจะมีผมคนเดียวก็ได้นะครับ ผมก็เลยเอาตรงนี้ปรึกษาที่วงดู ที่วงอินโนเซ้นท์เค้าก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย ด้วยความที่ไม่ได้มีความหวังอะไรเลย ก็เลยให้ผู้ช่วยลองทาบทามพี่ต้อยดูว่า แกจะให้เกียรติมาเป็น guest งานนี้ได้มั๊ย เป็นการทาบทามเบื้องต้น แต่ก็เผื่อใจไว้แล้วว่าอาจจะไม่ได้ วงก็เป็นวงเด็กๆ เพลงก็เป็นเพลงของเด็กๆ คำตอบที่ได้ทำให้ผมนอนไม่หลับเลย เค้าบอกมาว่า พี่ต้อยโอเค ยินดีมากที่จะมาร่วมตรงนี้ ผมก็เลยเก็บsceneนี้ไว้รู้กันเองในวง ทีมงานอื่นๆไม่มีใครรู้ เพราะว่าผมต้องการเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรซ์จริงๆ ไม่รู้แม้กระทั่ง Guest ที่มาร่วมงานก็ยังไม่มีใครรู้เลย Musica Amante : แล้วทำไมเพลง ฝากรัก ที่พี่ต้อยร้องจึงต้องมาอยู่เพลงสุดท้าย พี่โอม : เกิดจากผมประชุมกับวงกันลับๆว่าพี่ต้อย ตกลงจะมาร้องกับเรา ก็ปรึกษากันว่าจะเอาเพลงนี้ไว้ตรงไหนดี ทีแรกก็ว่าจะอยู่ตรงช่วงกลางๆ สายชลเป็นคนบอกว่า น่าจะอยู่ตรงปิดท้ายเลย ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า อ้าว งั้นได้เลย อยู่เพลงสุดท้าย เราก็ต้องทำให้เป็นsceneใหญ่ ก็ต้องมีการ Arrange เพลงขึ้นมาใหม่ ก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น เป็นสิ่งที่ผมเองเรียกว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้ตัวเองเลย Musica Amante : ตอนนั้นคิดมั๊ยว่า เพลงนี้จะดูยิ่งใหญ่ตามแบบที่เราคิด พี่โอม : ทีแรกตอนที่คิดรันโชว์นี้ ผมไม่รู้ว่าคนดูจะชอบมั๊ย แต่ผมมีความมั่นใจว่าพี่ต้อย เศรษฐา เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนที่ทุกคนในวงการรัก ผมแน่ใจว่า ไม่ว่าแกจะร้องเพลงหรือไม่ แกเดินออกมาผู้คนก็จะรักแก ผมก็เลยมีความมั่นใจพื้นฐานว่า ไม่รู้ว่าคนจะชอบพี่ต้อยร้องเพลงของผมหรือเปล่าแต่ผมว่าไม่มีใครไม่แฮปปี้แน่ ถ้าแกเดินออกมา ก็เลยเซทsceneปิดของโชว์เป็นเพลงฝากรักเวอร์ชั่นพี่ต้อยเศรษฐาเนี่ยแหละ โดยการที่ตรงนี้เป็นของขวัญให้กับตัวผมและวงอินโนเซ้นท์ ผมพูดกับพีรสันติเล่นๆว่า เราจากราชบุรีมาเพราะsceneนี้แหละ Musica Amante : ผมได้ยินมาว่า นอกจากอิมพอสซิเบิ้ลจะเป็นไอดอลของพี่โอมแล้ว ยังเป็นไอดอลของสมาชิกทั้งวงอินโนเซ้นท์เลยด้วย เลยมีความรู้สึกกับเพลงสุดท้ายกันมากใช่มั๊ยครับ พี่โอม : วงอิมพอสซิเบิ้ลเป็นไอดอลของคนเยอะแยอะเลยครับในยุคนั้น แต่ถ้าถามผมเอาแบบขำๆเนี่ย ผมนึกไม่ออกว่า จะมีใครชอบอิมพอสซิเบิ้ลมากเท่าผม ในฐานะแฟนเพลง เรากล้าพูดแบบนี้ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมนี่เป็นแฟนเพลงตัวยงอิมพอสซิเบิ้ล ร้องได้ทุกเพลง ถ้าในยุคนั้นนะครับ อิมพอสซิเบิ้ลนี่จะเป็น Topic ในการคุยกับคนหลายคน อย่างเช่นผมคุยกับคุณปุ้ม พงษ์พรหม เนี่ย คุณปุ้มก็เป็นแฟนเพลงอิมพอสซิเบิ้ล พี่ต้น แมคอินทอช ก็เป็นแฟนเพลงอิมพอสซิเบิ้ล คุณบอยด์ โกสิยพงษ์ก็เป็นแฟนอิมพอสซิเบิ้ล ทุกคนแย่งกันเป็นแฟนหมดเลย ฉะนั้นผมก็ไม่รีรอเลยที่จะฝากฝังตัวเองตรงนี้ คือผมพบว่าอินโนเซ้นท์นี่ ไม่มีsceneไหนจะยิ่งใหญ่เท่ากับเราได้ฮีโร่ของเรามาส่งพวกเราเป็นsceneปิดงานที่อิมแพคอารีน่า ผมไม่รู้ว่าเพลงฝากรักก่อนหน้านั้นมันจะประมาณไหน แต่พอเราลองซ้อมกันกับพี่ต้อยแล้วมันเพราะมาก เที่ยวแรกที่พี่ต้อยมาซ้อมที่ห้องซ้อม โอ้โห โมเม้นท์นั้นมันเป็นโมเม้นท์ที่พิเศษในชีวิตของผม เราก็รอมาทั้งชีวิตที่เราจะได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับพี่ต้อย เศรษฐา นักร้องนำอิมพอสซิเบิ้ล ซึ่งตรงนี้อินโนเซ้นท์ทุกคนก็ภูมิใจเสนอsceneสุดท้ายมาก มันอาจจะเป็นsceneที่ทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มอยู่ในใจตลอดเวลาที่เราเล่นในโชว์นี้ เรารู้ว่าเพลงสุดท้ายจะเป็นเพลงอะไร ไม่ว่าในโชว์จะเป็นอย่างไร เรารู้ว่าเพลงสุดท้ายจะเป็นเพลงที่เรามีความสุขมาก โดยเฉพาะตัวผมเอง ตอนนั้นคุยกับที่วงผมยังบอกว่า จะเอาเพลงนี้มาเป็นเพลงสุดท้ายนี่ ผมออกตัวว่าผมดีใจมากเลยนะ แล้วผมภูมิใจมากๆนี่ก็ไม่ว่ากันนะ อะไรคล้ายๆอย่างนี้แหละ ก็เป็นเรื่องที่น่าปลื้มน่ะ แล้วพอโมเม้นท์ในโชว์ออกมา ทุกๆอย่างเป็นมากกว่าที่เราคิด คนดูมีความสุข ตัวพี่ต้อยก็ดูมีความสุข เต็มที่ แล้วก็รู้สึกดีมากๆกับโชว์นี้ เกินจะบรรยายน่ะครับ Musica Amante : แล้วเรื่องที่มาของแขกรับเชิญพิเศษ คุณสิทธิศักดิ์ กิจแต่ง ล่ะครับ พี่โอม : คือ Sceneนี้ คิดขึ้นมาตอนสุดท้าย เพราะว่าผมมองว่าถ้าคิดกันอย่างง่ายๆ อินโนเซ้นท์ ทุกคนก็อยากเห็นอะไรที่ย้อนอดีต ถ้านุ่งกางเกงขาสั้นได้ ก็คงอยากให้นุ่งกางเกงขาสั้นแบบอยู่โรงเรียน แน่นอนมันเป็นสิ่งที่คนคิดอยู่แล้ว แต่ผมก็ปรึกษาทั้งพีรสันติ ทั้งสายชลว่า เอายังไงกันดี ถ้าเราจะย้อนเอาสมาชิกรุ่นก่อตั้งมาเล่นกัน แล้วเราจะเล่นยังไง เพราะว่าเราไม่ได้เล่นคอนเสิร์ตเป็นโฟล์คซองหรืออะไร เราเล่นคอนเสิร์ตเป็นเพลงร่วมสมัย เป็นคอนเสิร์ตร๊อก ที่มันมีจังหวะจะโคน ก็ยังนึกกันไม่ออก จนวันหนึ่งผมก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณสิทธิศักดิ์ แกก็โทรมาแสดงความยินดี แล้วแกก็ถามไถ่ถึงเรื่องคอนเสิร์ต โดยส่วนตัวผมกับสาท (ชื่อเล่น คุณสิทธิศักดิ์) จะสนิทกันมาก ช่วงที่เค้าออกจากวงไปแล้ว เค้าก็จะเข้ามาเรียนกรุงเทพ ก็จะมาพักอยู่ด้วยกันที่อินโนเซ้นท์นี่แหละ แล้วก็อยู่หอพักด้วยกัน กินนอนด้วยกันกับวง ตอนหลังแยกย้ายกันไปก็โทรมาคุยกันเป็นระยะๆ ผมก็รู้สึกว่าเออ คิดถึงกัน แต่ผมก็ยังคิดว่าเราจะเอายังไง จนวันหนึ่งปรึกษากับสายชล ปื๊ด พีรสันติ ว่าจะยังไงดี ทุกคนก็นึกถึงสาทว่าน่าจะเชิญมาขึ้นเวทีด้วย แต่เอามาอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง แล้วในที่สุด ก็มาเป็นอย่างที่เห็น จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:27:51

ความคิดเห็นที่ 54 The Innocent Concert ในมุมของ โอม ชาตรี : กับคำถามและความทรงจำที่ยังคงเหลือ Musica Amante : เมื่อมีสมาชิกก่อตั้งมาร่วมงานกันครั้งนี้ แล้วอดีตสมาชิกอินโนเซ้นท์ท่านอื่นบางส่วน ที่ไม่ได้มาร่วมด้วยล่ะครับ เพราะอะไร พี่โอม : ก็เป็นเพราะว่าคอนเสิร์ตนี้มันเป็นการรียูเนี่ยน สมาชิกที่เหลือ 4 คนล่าสุดไงครับ ซึ่งมันจะหมายถึงช่วงที่เป็นตั้งแต่ชุดสอบตก(ขวัญใจนักเรียน) เป็นต้นมา ช่วงก่อนมันเป็นโฟล์คซอง ก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง อาจจะไม่มีความเกี่ยวพันกับปื๊ด หรือว่ากับผม ซึ่งก็จะได้ร่วมงานกับสิทธิศักดิ์ ในระยะสั้นๆ แล้วก็มีอันต้องแยกย้ายกันไป สมาชิกหลักๆก็จะเหลือ 4 คน ผม ปื๊ด พีรสันติ สายชล นี่แหละ แล้วก็มีเข้าๆออกๆกันไปบ้าง แต่ก็เป็นสมาชิกที่มาเสริมทัพเป็นบางช่วงเวลา ทุกคนก็ไม่ได้อยู่ในแวดวง เนื่องจากดิอินโนเซ้นท์ชุดสุดท้ายมันเป็นชุดที่เราทำงานเกาะกลุ่มกันค่อนข้างลึก อย่างที่ผมเล่าในหนังสือว่า เป็นชุดที่ผมพยายามเซททุกอย่างให้อยู่ในระบบที่ถูกต้องอีกหนหนึ่ง อินโนเซ้นท์ในยุค 10 นาฬิกา เป็นยุคที่ต้องรบทัพจับศึกกันหนักหนาน่ะครับ (หัวเราะ) และมันก็เป็นยุคที่ตกตะกอนแล้ว ทุกคนเดินทางมาด้วยกันไกล จนมายืนอยู่ตรงปลายทางด้วยกันสี่คน แล้วก็ตัดสินใจยุติพักงานวง ฉะนั้นในการที่จะกลับมารียูเนี่ยนกัน ผมก็จะนึกถึงปลายทางที่เรามายืนกัน มันเป็นไปได้ยากที่เราจะนึกย้อนกลับไป ตรงสิ่งที่เป็นต้นน้ำ เพราะว่ามันยาวนานมาก แล้วก็ทั้งปื๊ด พีรสันติ และสายชล ยังปรากฏตัวอยู่ในวงการ เป็นสิ่งที่จับต้องได้ เราจึงไม่ต้องพยายามไปนึกมากว่า เราจะเล่นดนตรีกันได้มั๊ย หรืออะไรยังไง อันนี้ก็เป็นเหตุผลหลักๆที่เราไม่ได้มีการย้อนอดีตกันมากมายที่แฟนเพลงบางส่วนมีมุมมอง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เอาแค่จะรียูเนี่ยน 4 คนนี่ยังเป็นไปได้ยากเลย จริงๆถ้าเราจะทำขึ้นมาแล้วไม่ได้ทีมผู้จัดที่ยกย่องทุ่มเทเราขนาดนี้ เราก็ไปไม่รอดแล้ว(ห้วเราะ) หลายๆอย่างมันไม่ใช่นิยาย มันเป็นชีวิตจริงครับ มันเป็นสิ่งที่ทีมผู้จัดเค้าไม่จำเป็นต้องมาสนใจวงโบราณๆอย่างพวกเราด้วยซ้ำ (หัวเราะ) ไม่มีความจำเป็นใดๆ เค้าจัด ดงบังชินกิ ก็ได้จริงๆ(หัวเราะ) เค้าจัดกอล์ฟไมค์ ก็ได้ซะยังดีกว่า แต่นี่เค้าได้จัดดิอินโนเซ้นท์ที่ไม่มีผู้จัดคนไหนในประเทศนี้เคยมั่นใจ นั่นคือ guest ที่มาทั้งหมดลงตัวมาก ไม่ได้มาจากการคัดสรรหรือใดๆทั้งสิ้นเลย ผมเรียกว่าเป็นฟ้าลิขิตน่ะ ฟ้าลิขิตไว้แล้วว่าต้องเป็น guest เหล่านี้ ในโชว์นี้ ก็มี guest อีกหลายๆส่วน ถามว่าทำไมไม่มีคนโน้นคนนี้ ถ้าผมเลือก guest ไปตาม connection เนี่ย มันก็คงต้องจัด Music Festival น่ะครับ แล้วเล่นซัก 2 วัน ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะว่า หนึ่ง ผมต้องให้เกียรติความเป็นวงอินโนเซ้นท์ เพราะมันคอนเสิร์ตของอินโนเซ้นท์ ฉะนั้นแนวคิดที่เราguest ที่เรามีความสัมพันธ์ มีความเกี่ยวข้องหรือว่าเป็นแฟนเพลงของวงเป็นอันดับแรกก่อน แล้วก็คนที่วงเป็นแฟนเพลง เป็นอันดับสอง มันคือความลงตัวที่บอกมาทั้งหมด Guest ทั้งหมดก็เลยประกอบไปด้วย น้องๆที่เป็นแฟนเพลงของเรา ประกอบไปด้วยเพื่อนๆที่ร่วมสมัยกับเรา ประกอบไปด้วยพี่ๆที่เป็นฮีโร่ของเรา ทั้งหมด guest ก็เลยมีความลงตัวมาก Musica Amante : เคยมีคำถามบางกระแส คาดหวังว่าจะได้เห็น น้องๆ AF(Academy Fantasia) บนเวทีนี้ด้วย พี่โอม : อาจจะมีบ้าง เพราะว่า ผมทำงานใกล้ชิดกับน้องๆAFมาก่อน แต่ในที่สุดแล้วผมคิดว่าเป็นคนละยุคกัน แล้วผมไม่รู้สึกว่า น้องๆเหล่านั้นเค้าเป็นแฟนเพลงเราเท่าไหร่ เนื่องจากงานมันคนละยุคกัน แล้วน้องๆ AF เค้าก็เพิ่งร้อง Tribute ไป ทีแรกก็จะมีแฟนเพลงกังวลด้วยซ้ำว่า เอ๊... เราจะคิดscriptง่ายๆด้วยการเอาน้องๆมาขึ้นคอนเสิร์ตเยอะแยะไปหมดหรือเปล่า(หัวเราะ) เราอาจจะอยากขายบัตรด้วยการเอาแฟนเพลงAFมา ผมบอกว่าถ้าผมทำอย่างนั้น เท่ากับผมไม่ให้เกียรติคนดูเลย ขณะเดียวกันผมก็ไม่ให้เกียรติน้องๆAFด้วย เพราะมันเหมือนเราไปใช้เค้าในจุดที่เกินความจำเป็น เพราะว่าเค้าให้เกียรติเราด้วยการ Tribute เราไปแล้ว เค้าออกทีวีร้องเพลงเราเสร็จแล้วเราก็เอาเค้ามาขึ้นเวที ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ดูแล้วได้อารมณ์ทั้งเราและทั้งน้องๆ ด้วยความที่ผมรับผิดชอบโชว์อยู่แล้ว ก็เลยข้ามตรงนี้ไปเลย ผู้คนก็เลยกังวลไปเองว่า เราจะทำsceneตรงนี้หรือเปล่า(หัวเราะ) Musica Amante : แต่ก็มีคนบางส่วนคาดหวังนะครับ การคาดหวังมันก็เหมือนไปกดดันศิลปินด้วยหรือเปล่า พี่โอม : ผมว่าไม่หรอกครับ ความจริงน้องๆAF เค้าเป็นเด็กรุ่นใหม่อยู่แล้ว ที่เค้ามองอินโนเซ้นท์ เค้าก็มองว่าเป็นวงรุ่นพี่ รุ่นอา ที่ต่างยุคต่างสมัย อย่างน้องพะแพงเค้าเกิดไม่ทันวงเราด้วยซ้ำ ตอนวงเราเลิกเขาเพิ่งเกิด แค่เขามาร้อง Tribute ในงานแถลงข่าว ก็เยอะแยะมากมายแล้ว ผมว่าทุกอย่างมันมีความลงตัวซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ทางAFก็มีการคุยกันถ้าตรงไหนที่ต้องการให้น้องๆมีส่วนร่วมก็บอกได้นะครับ เค้าก็แสดงมิตรไมตรีมา ผมกับAF เป็นอะไรที่คุ้นเคยกันจนมันเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว ความเหมาะสม ความลงตัว ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว โชว์นี้ก็เลยแยกเรื่อง AFก็เป็นเรื่องของปัจจุบัน อินโนเซ้นท์ก็เป็นเรื่องของโชว์แฟนเพลงตัวเอง คิดว่าอันนี้ก็เลยทำให้โชว์ออกมาลงตัว AFเค้าเป็น Tribute to The Innocent อยู่แล้ว Musica Amante : ขอถามเรื่องตัวพี่โอมเองบ้าง อยากให้พูดถึงเรื่องการใช้เสียงร้องของพี่โอม หรือวิธีการร้องที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีคำอธิบายได้อย่างไรบ้างได้แรงบันดาลใจอย่างไร จึงเปลี่ยนมาเป็นแบบที่เห็น พี่โอม : เรื่องสไตล์การร้องเพลง ต้องขอออกตัวก่อนเลยในฐานะเป็นเจ้าตัวเองว่า ตัวผมเองที่ผมร้องในเพลงของอินโนเซ้นท์ในยุคเดิมๆ บางทีผมก็ขัดเขินอยู่เหมือนกันครับ(หัวเราะ) เนื่องจากว่าเวลามันนานมาก แล้วผมก็ไม่ได้ยึดติดกับสไตล์การร้องแบบเดิม โดยเฉพาะเราเป็นเจ้าตัวเอง บางทีเราก็ไม่ได้ซีเรียสมากมายหรอกครับ บางทีเราก็มองว่า เราก็ร้องเพลงอย่างที่เรามีความรู้สึก เมื่อก่อนเรารู้สึกแบบนั้น เราก็ร้องแบบนั้น หลังๆผมก็หันมาสนใจการร้องเพลงอีกรูปแบบหนึ่งมากขึ้น ผมก็ไม่ได้ร้องเพลงสไตล์เสียงนุ่มๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมก็จะชอบร้องเพลงร๊อกมากขึ้น เราก็จะรู้สึกว่าเราโตพอที่จะมีการใช้ฟีลลิ่งของตัวเอง การแสดงคอนเสิร์ตผมก็ว่าไปตามอารมณ์ของเรา ทีแรกผมอยากจะบอกกับแฟนเพลงด้วยว่า งานนี้ผมอาจจะขออนุญาตร้องไปตาม Feel ของผมนะ แต่เราก็ลืมขออนุญาตแฟนเพลงไป แต่จริงๆก็เป็นเรื่องเข้าใจกัน เป็นเรื่องสนุกๆน่ะ เพราะผมมองว่า เรื่องตรงนี้มันเป็นเรื่องมองต่างมุมกันในบางส่วน แฟนเพลงในฮอลล์วันนั้น น่าจะประกอบด้วยคนหลายๆส่วนนะครับ คงไม่ได้มาจากแฟนเพลงเก่าๆอย่างเดียว มองในองค์รวม ผมว่าตัวโชว์รวมๆมันทำหน้าที่ของมันเองอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้มีความสามารถ มีกำลังที่จะตอบโจทย์ทุกอย่าง ทำให้ทุกคนย้อน time machine กลับไป เนื่องจากความตั้งใจของผมเพียงแต่ต้องการกลับมาเล่นคอนเสิร์ตของอินโนเซ้นท์ให้ดีที่สุดในปีที่ยี่สิบที่เราเดินทางมาไกลแล้ว หลายๆอย่างผมไม่ได้มีความคิดที่จะแปลงร่างกลับไปเพื่อที่จะคนเดิมเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว (หัวเราะ) ผมก็เลยมองว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือโชว์อินโนเซ้นท์ในวันเวลานี้ ทุกวันนี้ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองในวันนี้ให้เป็นในอดีต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสไตล์ไหนก็ตาม มันก็เป็นตัวเรา ผมว่ามันอาจจะตลกถ้าผมไปเปลี่ยนสไตล์การร้องของคนอื่น แต่ถ้ามันเป็นตัวเองผมก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผมเองก็ควรภูมิใจ บางทีมันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ผมว่าแฟนเพลงบางส่วนอาจจะไม่ได้คาดคิดว่าเราจะเปลี่ยนสไตล์การร้อง แต่ถ้าเรามองทุกอย่างในภาพรวม แล้วก็มีความสุขไปกับบทเพลงเหล่านี้ ผมว่าอันนี้มันเป็นความหมายที่แท้จริงของตัวโชว์มากกว่าการที่พยายามจะย้อนวันเวลาไปซะทีเดียว ซึ่งผมเองก็คงมีกำลังทำได้ประมาณหนึ่งเท่านั้นเอง Musica Amante : พี่โอมมีโอกาสได้ชมความอลังการ ของ โปรดักชั่นที่ลงไปทั้งหมดแบบเป็นรูปธรรม ก่อนวันโชว์หรือเปล่า พี่โอม : ความที่รับหน้าที่เป็นทุกอย่างของโชว์ ตั้งแต่ดูแลscript ดูแลการซ้อม ดูแลทุกๆสิ่ง ผมก็เลยไม่ได้มีโอกาสมองไปดูข้างหลังมาก ผมก็ซ้อมดนตรีไป Lighting ก็ทำงานไปเรื่อยๆ แต่ผมจะเห็นโมเดลอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นของจริง เพราะผมหันหลังให้เวทีตลอด แล้ววันที่ซ้อมใหญ่ผมกลับไปบ้าน มีพี่ที่เค้าถ่ายรูปมาให้ดู ผมตกใจมากว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ มันสวยงามมาก แสง สี ที่เห็น มันเกินบรรยายครับ แล้วเราก็มีการ Run Through ไปเรื่อย ทุกอย่างมันยิ่งปรากฏต่อสายตาเรา ผมเชื่อว่า ในเวลานั้นวงอินโนเซ้นท์ทุกคนรวมถึงผมเอง ไม่มีใครกังขาที่ผู้จัดอีกต่อไป เพราะเรามาที่อิมแพคแล้วน่ะครับ ไม่ใช่ว่าจัดมั๊ยจัด ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ มันเป็นเรื่องเกิดขึ้นจริงแน่ๆ ผมคิดว่าในวินาทีนั้น ทุกคนรู้เลยว่า เรามาถูกทาง เราเลือกทีมผู้จัดที่ถูกต้อง ผมไม่รู้ว่าถ้าเป็นทีมจัดทีมอื่น เค้าอาจจะขอลดงบประมาณ ขอเปลี่ยนคอนเซ็ป ขอทบทวนใหม่ ขอเลื่อนวันจัดหรือเปล่าอะไรไม่รู้ แต่ทีมนี้ไม่มีซักครั้งเดียวที่จะลังเล เค้าทุ่มเททุกอย่าง แล้วก็อันหนึ่งที่ผมคิดว่าไม่มีใครเค้าทำกับเรา คือการไปเช่าสตูดิโอใหญ่ๆให้เราไปทดลองซ้อม อย่างที่เห็นในสกู๊ปอะไรพวกนั้น ผมไม่เห็นใครเขาทำ แล้วใช้งบประมาณเยอะ ผมก็ถามว่ามันไม่สิ้นเปลืองเหรอ เค้าพูดตลอดว่า อ้าว พวกพี่เล่นทั้งทีต้องเต็มที่ ผมก็เอาใจช่วยเค้าอยู่ลึกๆ ผมมีความเชื่ออยู่ว่า ใครทำอะไรดีๆ ก็จะได้สิ่งนั้นตอบแทน ตรงนี้แหละที่ผมคิดเชียร์เค้าอยู่ในใจตลอด งานที่มันออกมาสำหรับผมเองผมไม่ได้ตื่นเต้นกับมันมาก คนทำงานนานๆ มันจะรู้สึกชาๆ ไม่ได้ดีใจ ไม่ได้เสียใจอะไรทั้งสิ้น มองเห็นทุกอย่างเป็นสัจจธรรม (หัวเราะ) Musica Amante : หลังจากนี้ วงอินโนเซ้นท์ จะมีงานอะไรอีกบ้างที่เป็นการทำงานร่วมกันในนามของวง จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:29:53

ความคิดเห็นที่ 55 พี่โอม : สำหรับวงอินโนเซ้นท์ ตอนนี้ภารกิจทำคอนเสิร์ตสำเร็จแล้ว ก็เหลือการตัดต่อทำ DVD ให้มันได้ภาพที่สวยงาม ผมเองก็คงมาทำอัลบั้มชุดที่สองอย่างที่ตั้งใจไว้ คุณสายชลก็คงทำงานอยู่กับคุณบอยด์ โกสิยพงษ์ คุณพีรสันติก็มีโปรเจคอะไรที่จะทำของเขา คุณปื๊ดก็มีโปรเจคมากมายที่เขาทำอยู่แล้ว เห็นว่าคุณปื๊ดอาจจะนึกสนุกอาจจะมีเพลงบรรเลงอินโนเซ้นท์ออกมา ผมว่าหลังจากนี้อินโนเซ้นท์ทุกคนก็จะมีโปรเจคอะไรต่างๆ แล้วแต่ว่าใครจะอยู่ในเส้นทางไหน ส่วนผมเองแบบว่าการทำคอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์หนนี้ เป็นความตั้งใจที่ตั้งท่ามาหลายปีเหมือนกัน ความรู้สึกเดียวของผม วันที่อิมแพค พอหลังจากเดินลงจากโชว์แล้วนี่ ผมบอกกับตัวเองว่า สำเร็จแล้ว ผมไม่แน่ใจว่า มันแปลว่าอะไร เพราะว่ามันเยอะแยะมากมาย คือไอ้ที่เราตั้งเป้าไว้มันเยอะมาก สำหรับผมมันไม่ง่ายเลย ผมต่อสู้กับความรู้สึกเหล่านี้มาหลายปีมาก ผมแทบจะเป็นคนเดียวที่จะต้องเผชิญหน้ากับผู้จัดกลุ่มต่างๆ ผมต้องรับแรงกดดันว่าจะไหวเหรออินโนเซ้นท์ อะไรแบบนี้อยู่ตลอดเวลา จนวันหนึ่งผมเลือกทีมผู้จัดที่ ผมไม่รู้จักมาก่อนด้วยซ้ำ วันนี้จัดเสร็จปั๊บ ผมก็ได้เพื่อนใหม่ ก็คือทีมผู้จัดนี่แหละ เรื่องที่ผมอยากจะพูดมากๆเลย ก็คือว่า พอจบคอนเสิร์ตปั๊บ เวลาทำงานสำเร็จเราก็จะมีความยินดีอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ทีมผู้จัด คุณสอง(I-works) คุณเต้ย(S2O)นี่ เค้าก็เดินมากอดผม แล้วก็พูดว่า เราทำสำเร็จแล้ว ผมก็บอกเค้าว่า จริงๆเราแค่ทำอย่างที่เราตั้งใจไว้แล้วเราไม่ถอยเท่านั้นเอง ผมบอกเค้าว่า จริงๆแล้วนี่ สิ่งนี้สำหรับผมเองไม่ใช่เรื่องแปลก คอนเสิร์ตนี้มันมีสิทธิ์จะล้มไม่เป็นท่าก็ได้ ถ้าใครซักคน ถอย เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ผมบอกว่า ถ้าคุณสองลงโปรดักชั่นใหญ่ขนาดนี้แล้วผมถอย หมายถึงว่าผมก็แค่มาหลอกเล่นคอนเสิร์ตไปหนนึง ไม่ได้ทำจริง หรือผมทำจริงแล้ว คุณสองไม่ซัพพอร์ตจริง ผมก็ทำงานนี้ไม่ได้ จริงๆแล้ว เราต่างฝ่ายต่างก็ได้ประสบการณ์ว่า การทำงานที่ไม่ทิ้งกัน แล้วก็ทำอย่างที่ตั้งใจ โดยที่ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ เวลาถึงเป้าหมายแล้วมันก็จะเป็นอย่างนี้ ผมว่าอันนี้สำคัญมาก ผมยังไม่คิดว่า ถ้าผมมีโอกาสทำคอนเสิร์ตนี้กับองค์กรใหญ่ๆมากๆระดับประเทศที่เค้ามีทุนทรัพย์มหาศาล ผมจะทำได้ดีกว่านี้มั๊ย ผมตอบตัวเองว่า ผมไม่แน่ใจ เพราะว่าบางครั้งการมีอุปกรณ์เยอะแยะมากมาย มีทุนเยอะมากมาย แต่ว่าเราใช้เวลากับการไตร่ตรองว่าดีมั๊ย กับการที่เริ่มจากไม่มี แล้วก็มีความตั้งใจที่จะหาเอามา และตั้งใจจริง ผมคิดว่าอย่างหลังอาจจะคล่องตัวกว่า แล้วก็ทำได้สำเร็จมากกว่า งานนี้เป็นงานที่ทำด้วยความรู้สึกอย่างหลัง 100% ผมยินดีกับผู้จัดมากจริงๆ ผลที่ออกมาผมเชื่อว่า ผู้คนจะชื่นชม ส่วนตัววงวันนั้นผมพบว่าสิ่งที่ผมตั้งคำถามมาตลอดหลายๆปี ก็รู้ว่า เราก็พอจะมีแฟนเพลง มาดูเราเต็มอิมแพค ในนี้ไม่รู้ว่ามีแฟนเพลงผมอยู่กี่เปอร์เซ็นท์ แต่คิดเข้าข้างตัวเองก็น่าจะเกินครึ่ง เพราะคนที่มาดูเค้าคงไม่สละเวลามาดูเราเรื่อยเปื่อยถ้าไม่ใช่แฟนเพลงเรา ก็อย่างน้อยครึ่งอิมแพค ผู้รู้ว่าต้องเป็นแฟนเพลง ส่วนที่เหลือถ้าเป็นทั้งหมดก็สุดยอดเลย แต่ถ้ามาดูเพราะว่าต้องการมาเสพคอนเสิร์ตที่มีอรรถรสดีๆซักอันนึง เค้าก็ได้กลับไป อันนี้ก็เป็นความสำเร็จของผู้จัดอย่างแท้จริง Musica Amante : มีความเป็นไปได้มั๊ย ที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของอินโนเซ้นท์อีกในอนาคต พี่โอม : ถ้าพูดในเวลานี้ ผมตอบว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ครับ เพราะผมไม่คิดว่าผมจะสามารถพบผู้จัดที่จะจัดคอนเสิร์ตแบบนี้ได้อีก ผมเชื่อว่าคอนเสิร์ตนี้ โดยเจตนาของผู้จัดมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าจริงๆที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ของการทำคอนเสิร์ต เป็นไปไม่ได้เลยครับที่ผู้จัดใดๆก็ตามในประเทศนี้ที่เค้าจะลงทุนเต็มที่ขนาดนี้ แล้วให้ได้ผลกำไรในคอนเสิร์ตรอบเดียว เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นอันนี้อาจจะเป็นหนแรกและหนเดียวที่ผมได้สัมผัสการจัดคอนเสิร์ตที่มีความตั้งใจจะยกย่องให้เราเป็นตำนาน ผมว่าตำนานของโชว์นี้มันไม่ใช่ตำนานของอินโนเซ้นท์ มันเป็นตำนานของการร่วมกันทำโชว์นี้มากกว่า ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่เล่าขานต่อไปว่า ครั้งหนึ่งเคยมีผู้จัดที่เขาตั้งใจจริงและทุ่มทุนขนาดที่เอาวงดนตรีเก่าๆวงหนี่งมาขึ้นอิมแพคอารีน่า แล้วก็เนรมิตทุกอย่างออกมาให้ยิ่งใหญ่ สิ่งนี้ต่างหากน่าจะเป็นตำนานมากกว่าชื่ออินโนเซ้นท์ (หัวเราะ) Musica Amante : หลังจากภารกิจของคอนเสิร์ตจบแล้ว มีการพูดคุยกันในวงหรือไม่ว่า จะทำอะไรร่วมกันต่อไป พี่โอม : คือคอนเสิร์ตนี้ อินโนเซ้นท์ทุกคน สิ่งที่ผมได้มาจากการที่เรากลับมาเล่นคอนเสิร์ตหนนี้ คือทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เราแยกย้ายหยุดการทำงานวงมายี่สิบปี เรากลับมาร่วมงานกันหนนี้ ผมรู้สึกว่าทุกคนกลับมาร่วมงานกันด้วยเหตุและผลที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกคนก็จะมีความเป็นตัวเองกันหมดแล้ว เราไม่ใช่เด็กๆที่มายึดกันไว้ ทุกคนก็มีภารกิจการงาน มีครอบครัวกันหมด ใดๆก็ตาม คงไม่ใช่เป็นเรื่องการจัดงานปาร์ตี้ หรือสังสรรอะไรกันหลวมๆแบบสมัยเด็กๆ คอนเสิร์ตนี้เราก็พูดคุยกันว่า เราจะกลับมาเล่นเพลงที่เราภูมิใจ แล้วทำให้เป็นประวัติศาสตร์ของเรากันเอง แค่หนึ่งหน ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่เราคุยกันไว้ สำหรับผมเองมันเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ผมจะพาพรรคพวกขึ้นอิมแพคอารีน่า ให้เป็นเกียรติประวัติแก่วงอินโนเซ้นท์ แล้วเราก็จะทำบันทึกการแสดงสดที่ยอดเยี่ยมไว้ ผมก็ Bet เอาว่า ถ้าโชว์ออกมาดี ผมจะพูดกับสื่อเสมอว่า ถ้าโชว์ออกมาดี ก็คงจะมี DVD ให้ดูกัน ในใจผมก็ไม่อยากจะคิดว่า โชว์มันจะออกมาไม่ดีหรืออะไร ทุกอย่างก็คงเป็นไปอย่างที่พูด ก็คือ โชว์นี้จะถูกบันทึกออกมาเป็น DVDมีการทำออกมาให้ดีที่สุด ก็จะเป็นผลงานจารึกไว้ หน้าหนึ่งของวงการเพลง เท่านั้นเองครับ จากคุณ : Musica Amante เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:30:36

ความคิดเห็นที่ 56   OMG อ่านไปน้ำตาไหลไป หากวันนั้นไม่เอาตัวไปที่อิมแพ็ค วันนี้คงลงไปนอนแดดิ้น ชักดิ้นชักงอ ให้อกแตกตายเป็นแน่ ขอบคุณสวรรค์ ที่ทำให้มีวันนั้น และมีวันนี้ ขอบคุณวงอินโนเซนต์ พี่โอมและทุกองค์ประกอบของค่ำคืนคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดที่วงการบ้านเราเคยทำมา กระทู้นี้อ่านไปน้ำตาไหลไปด้วยความปราบปิติ นอนตายตาหลับแล้วเรา จากคุณ : my heart will go on เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:50:56 A:110.164.18.157 X: TicketID:168509

ความคิดเห็นที่ 57 ขอคาราวะพี่โอม คุณสอง I-Works คุณเต้ย S2O ครับ จากคุณ : grow up เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:42:14

ความคิดเห็นที่ 58 ขอคารวะพี่ๆ วงดิอินโนเซนต์คนอื่นๆ และทุุกๆ คน ที่มีส่วนร่วมก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งความทรงจำ วันที่ 10 ตุลาคมค่ะ :) จากคุณ : แสนแสนแสด (แสนแสนแสด) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 14:50:14