ความคิดเห็นที่ 1   ช่วงตั้งวง ประวัติของ Dir en grey เริ่มที่ Osaka ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์  1997 ก่อนหน้านั้นประมาณ 1 เดือน สมาชิกทุกคนของ Dir en grey เว้น Toshiya สังกัดอยู่ในวงที่มีชื่อว่า La:Sadies ซึ่งเป็นวงอินดี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดวงหนึ่งในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม วงดังกล่าวนี้ได้ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ โดยไม่บอกกล่าวสาเหตุ ท่ามกลางอาการช็อคค้างของแฟนๆ สมาชิกของ La:Sadies อีกคนหนึ่งก็คือ Kisaki ในตำแหน่งเบส ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าวง La:Sadies  ในเวลาต่อมาเขาคือหัวหน้าวง Phantasmagoria ซึ่งเป็นวงที่มีชื่อเสียงมากวงหนึ่ง ก่อนจะยุบวงไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ วงนี้เคยรับเชิญให้ขึ้น Hide memorial summit day 1 ทุกท่านสามารถไปหาดูได้ค่ะ หลังจากยุบวง die kyo และ shinya ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาก่อน จากวงก่อนๆหน้านี้ (ไม่ใช่ชนิดเพื่อนสมัยเด็ก บ้านใกล้ แต่เป็นเพื่อนในวงการเดียวกัน) กลับต้องการอยู่วงเดียวกันต่อไป และวงเดียวกับ Kaoru ซึ่งก็เป็นสมาชิกอีกคนของ La:Sadies หลายปีต่อมา คาโอรุจึงยอมเล่าว่า 3 คนนั้นมาขะยั้นขะยอเขา ให้ตั้งวงกันใหม่ แต่เขาก็ปฏิเสธตลอด เพราะเขาไม่ชอบแนวเพลงของวงเก่า ถ้าทุกคนมาอยู่รวมกัน เพลงก็จะเป็นเหมือนเดิมอีก อยู่ๆวันหนึ่ง เขาก็ถูกลากเข้าไปในไลฟ์อินดี้งานหนึ่ง และได้ดู 3 คนนั้นเล่นดนตรี เขาตกใจมาก เพราะมันไม่เหมือนเดิมเลย และมันก็เหมือนที่เขาฝันไว้ คอนเสิร์ตดังกล่าวนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจัดที่ไหนเมื่อไหร่ (และ จขกท อยากรู้มาก ใครรู้ช่วยบอกที) จากนั้น ทั้ง4 คน เดินทางไปที่นางาโน่ เพื่อลักพาตัวโทชิยะ ทางด้าน Toshiya นั้น มาจากวง D+L และได้พบกับสมาชิกคนอื่นๆของวง ในขณะที La:Sadies และ D+L ทัวร์คอนเสิร์ต แล้วบังเอิญมาเจอกัน นัยว่าคงถูกชะตากันมาก เพราะบ้า X-Japan กันหมด (และเหตุผลลึกๆคือ เพราะแนวเพลงที่ฝัน เป็นแนวเดียวกัน) พอ 4 คนแรกนึกถึงมือเบส ก็จะนึกถึงToshiya คนแรก แม้ว่านักวิจารณ์หลายคนจะมองว่า ฝีมือToshiyaนั้นห่างไกลจาก kisaki มากก็ตาม ในเวลานั้น D+L ยุบวงไปแล้ว และโทชิยะอยู่ในช่วงสับสน ระหว่างเรียนต่อกับเล่นดนตรีต่อ ก่อนจะตั้ง Dir en grey โทชิยะให้สัญญากับคุณแม่ว่า หากวงนี้ดับอีก จะเลิกเล่นดนตรี 24 มกราคม 1997 Nagano Live House J คอนเสิร์ตแรกของ Dir en grey แต่ในขณะนั้น ทั้งห้าคนยังไม่ได้คิดชื่ออย่างเป็นทางการ เลยใช้ชื่อ "Deathmask" เป็นชื่อวงแก้ขัดไปก่อน 2 กุมภาพันธ์ 1997 ตั้งวง Dir en grey จบช่วงตั้งวง อาจจะเขียนยืดยาวไปนิด เพราะจุดนี้อยากเน้นให้เห็นว่า La:Sadies กับ Dir en grey นั้น แม้ช่วงเวลาแทบจะต่อกัน และสมาชิกก็แทบจะยกทีมกันมา แต่ 2 วงนี้ ไม่ใช่วงเดียวกันอย่างแน่นอน นิตยสาร หรือแหล่งข่าวบางแห่ง ชอบพูดถึงเหตุการณ์ช่วงตั้งวงว่า La:Sadise เปลี่ยนตัวมือเบส และเปลี่ยนชื่อวง ซึ่งค่อนข้างจะผิดเพี้ยนไปมาก จากวันนั้นถึงวันนี้ Dir en grey ไม่เคยเปลี่ยนสมาชิกในวง จุดนี้มีผลต่อแนวเพลง เอกลักษณ์ และความเป็นตัวตนของ Dir en grey ในเวลาต่อมามาก ทำให้ในอนาคต หากต้องเลือก Dir en grey มีเพียง 2 ทางเลือกเท่านั้น คืออยู่ครบห้า ไม่ก็ยุบวง จากคุณ : aey_omu เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 22:50:48

ความคิดเห็นที่ 2   ช่วงแรกๆ ก็ตามประสาเด็กอินดี้ Dir en grey เล่นไลฟ์ได้สักครึ่งปี ก็เริ่มดังเป็นพลุแตก ปล่อยทั้ง mini album missa, singles และ vdo อีกหลายตัว ไม่นาน หลังจากนั้น พวกเขาก็เกิดไปเข้าตากรรมการ อย่างป๋าYoshiki แห่ง X-Japan (ในขณะนั้น X ยุบวงไปแล้ว และเข้าใจว่า เป็นช่วงหลังจากที่ฮิเดะเสียแล้ว) ช่วงเวลาไม่นานหลังจากนั้น Dir en grey บอกลาชีวิตอินดี้ไส้แห้ง(รึเปล่า) ที่Nippon Budokan 15,000 ที่นั่ง .... ไม่ได้อ่านผิด มัน 15,000 ที่นั่งจริงๆ เป็นอินดี้ที่ปิดตัวได้น่าตบที่สุดในประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์นี้ยังถูกนำมาพูดซ้ำทุกครั้ง ที่มีการพูดถึงประวัติของวงนี้ หลังจากนั้นไม่นาน Dir en grey พร้อม producer Yoshiki เปิดตัว single 3 ตัวภายในวันเดียว ได้แก่ yurameki, akuro no oka และ zan ตามมาด้วย Yokan และ cage เพลงซึ่งยังคงติดหูสาวกวิช่วลทุกเพศทุกวัย มาจนถึงวันนี้ และในปี 1999 Dir en grey ก็คลอดอัลบัมเต็มตัวแรกของพวกเขามา Gauze (produced by Yoshiki) ในด้านของแนวเพลง ช่วงก่อนจะพบกับโยชิกิ หากฟังจากรูหูชาวบ้านๆ ระดับผู้บริโภค(เยี่ยงคนเขียน) แนวเพลงของ Dir en grey ต่างจากที่อยู่ใน album gauze ซึ่งเป็นอัลบัมแรกมาก เพลงของพวกเขา ออกแนวแรงๆดิบๆ และแปลกๆ บางเพลงชวนให้นึกถึงHide บางทีพวกเขาคงได้รับอิทธิพล จากฮีโรในดวงใจของเขามา อย่างไรก็ตาม เพลงในยุคนี้มีความพิเศษอยู่ 2-3 อย่าง หนึ่งคือ ฟังแล้วให้ความรู้สึก วิช้วลลลล วิช่วลลลลล ฟังปุ๊บรู้เลย ว่าแต่งตัวแรงชัวร์ ซึ่งหาได้ยากแล้ว กับเพลงในยุคปัจจุบันของทุกๆวง และน่าแปลกที่เพลงเหล่านี้ สามารถนำกลับมาฟังได้อย่างไม่รู้เบื่อ เพลงที่อยากแนะนำให้ทุกท่านฟัง คือ karma, aoi tsuki, ash, garden (แต่ความจริงแล้ว เพลงในช่วงนี้น่าสนใจมาก มันแปลกๆดี ถ้าทุกท่านมีโอกาส ก็อยากให้ลองฟังทุกเพลงค่ะ จะได้กลิ่นวิช่วลอินดี้ออกมาหึ่งเชียว) สำหรับอัลบัม Gauze เดอได้ป๋าโยชิกิ พ่อมดแห่งวงการเจร็อค มาเป็น producer ให้ ในก้าวแรกของชีวิตศิลปินเมเจอร์ เพลงในอัลบัมนี้ ค่อนข้างจะแปลกแยกออกจากอัลบัมทั้งหมดที่พวกเขามี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า โยชิกิมีอิทธิพลต่อเดอในช่วงนี้มาก สำหรับเรื่อง Oricon chart นั้น Dir en grey ติด 1 ใน 10 ของ oricon chart หลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงอินดี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก อย่างไรก็ตาม ขอไม่กล่าวถึงในรายละเอียด เพลงที่แนะนำ akuro no oka, zan, yokan, cage, 304 goshitsu hakushi no sakura ปลายปี 1999 Dir en grey ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ ครั้งแรกในชีวิต ทัวร์ครั้งนั้นจบลงที่ Osaka jo hall ซึ่งได้ทำเป็นDVDออกมาในภายหลังด้วย ในที่นี้ คงมีหลายท่าน เคยดู หรือเคยผ่านตา คอนเสิร์ตครั้งนี้มาบ้างแล้ว หลังจากนั้น คาโอรุได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่อยากจะเชื่อว่าเราได้ทัวร์ทั่วประเทศแล้วจริงๆ มันมาไกลเกินกว่าที่ฝันไว้แล้ว จากนี้ไปผมก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป" (อ่านแล้วอิจฉาเป็นบ้า คนที่สามารถไปไกลกว่าฝันได้ เราเองยังได้แต่กลัวๆ ไม่กล้าฝันสักที) ก็จบช่วงแรกของชีวิต Dir en grey ค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 23:11:08 แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 22:58:57 จากคุณ : aey_omu เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 22:52:51

ความคิดเห็นที่ 3   ต่อไปในจะ run เป็นปี อ้างอิงจาก timeline official site http://www.direngrey.co.jp ค่ะ >>>>2000 ในที่สุดลูกนกก็ออกจากรัง ช่วงหลังจากนี้เป็นต้นไป Dir en grey จะ produce เพลงของตนเอง ด้วยตนเอง ในปีนี้ พวกเขาปล่อย 3 singles ได้แก่ myaku, KR[cube] และ taiyo no ao    3 เพลงที่ทำให้พวกเขาเริ่มเป็นที่รู้จัก และคลั่งไคล้ในหมู่สาวกชาวไทย ตามด้วย 1 album เต็ม MACABRE ช่วงนี้ พวกเขาเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพลงของ Dir en grey ทั้ง 3 เพลงที่เลือกออกมาเป็นซิงเกิ้ลนั้น หากลองฟังดูจะได้อารมณ์วิช่วล ที่อยู่ระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่ แต่ค่อนไปทางยุคเก่ามากกว่า แต่ละเพลงมีเอกลักษณ์โดดเด่น ได้คนละอารมณ์ มาถึงอัลบัม เพลงในชุดนี้ดูมืดหม่น แต่น่าแปลก ที่เรากลับรู้สึกว่ามันจริงใจใสซื่อ(ไม่ได้พูดเอาฮานะเนี่ย) เพลงของ Dir en grey เข้าใกล้ยุคปัจจุบันมากขึ้น ความเป็นเอกลักษณ์เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ คอนเสิร์ตก็มันขึ้นด้วย นักวิจารณ์บางคนให้ความเห็นว่า Uroboros อัลบัมล่าสุดของเดอที่ออกตอนปี 2008 ซึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามนั้น คล้ายกับเป็น Macabre ในฉบับที่เติบโตแล้ว ในความเห็นของผู้เขียน เพลงในอัลบัมนี้ Dir en grey เริ่มส่อเค้าความพยศ กลิ่นวิช่วลยุคเก่าที่เคยเข้มข้นเริ่มจางลง ก่อนจะออกนอกขนบของJ-rock อย่างเต็มตัวในหลายปีต่อมา อัลบัมนี้ยังมีข้อเสียอยู่เล็กน้อย เนื่องจากอัลบัมเดิม แต่ละเพลงค่อนข้างฉูดฉาด เทียบกับอัลบัมนี้ เพลงค่อนข้างไปในทางเดียวกัน คือให้อารมณ์หม่นๆ เทาๆ อาจทำให้คนที่ไม่คุ้น หรือเริ่มฟังเพลงแนวนี้เบื่อได้ อย่างไรก็ตาม พอฟังไปได้สักพัก จะสัมผัสได้ถึงความใสซื่ออย่างน่าตกใจของเพลง แล้วจะอยากฟังมันอีก ถ้าจะให้แนะนำเพลงในอัลบัมนี้ ก็ขอแนะนำซิงเกิ้ลทั้งสามนั่นล่ะค่ะ โดยเฉพาะ KR[cube] (อันนี้ชอบส่วนตัวน่ะ และหลายท่านให้ความเห็นว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำให้เดอระบาดเมื่อหลายปีก่อน) แต่ขอแถม deity, macabre, rasetsu koku , audrey เข้าไปด้วย (จะหมดอัลบัมแล้วเนี่ย) ---------- >>>> ปลายปี 2000 ก่อนอัลบัม macabre    kyo นักร้องนำ สูญเสียการได้ยินของหูซ้ายไป จนปัจจุบัน การรักษา ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน กับสภาพหลังจากนี้ไป ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ในตอนนั้น kyo จึงขอลาออกจากวง กับทุกคนในวง แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เขาตกใจมาก Dir en grey ตัดสินใจอยู่ด้วยกันต่อไป แม้ต้องพักวงอย่างไม่รู้ระยะเวลา แต่อาการของ Kyo ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เขากลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง แม้หูซ้ายของเขาจะใช้การไม่ได้แล้วก็ตาม Dir en grey แต่ละคนให้สัมภาษณ์ในภายหลัง ถึงเหตุการณ์นี้อย่างน่าประทับใจ เสียดายที่เราทำบทสัมภาษณ์เหล่านั้นหายไปแล้วค่ะ แต่ใจความหลักๆ พูดถึงเรื่องการตัดสินใจ ในตอนนั้นเคียวต้องการจะลาออกจากวงจริงๆ แต่ทุกคนไม่ต้องการนักร้องคนใหม่ พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องความฝัน แนวเพลงที่อยากจะไป แต่ที่สำคัญ การทำงานร่วมกัน การทัวร์คอนเสิร์ต ทำให้พวกเขากลายเป็นเพื่อนกันรักกันไปเสียแล้ว เราเองก็รู้สึกเหมือนหลายท่าน ว่ามันน้ำเน่าโค่ดๆ แต่นั่นล่ะ หลายปีผ่านไป เราชักจะเชื่อว่า ในตอนนั้นพวกเขาพูดด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ (ไม่ได้อวย) เหตุการณ์นี้มีความสำคัญกับ Dir en grey มาก ทั้งในด้านความสัมพันธ์ เชื่อว่าเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาเชื่อใจกัน มั่นใจกัน ซึ่งมีผลต่องานเพลงในยุคต่อๆมามาก ที่สำคัญมันเปลี่ยนความคิดของคนในวงไป kyo เคยพูดทำนองว่า เหตุการณ์นี้ ทำให้เขาค้นพบความจริง และกล้ายอมรับ เขาไม่ได้ทำเพลงเพื่อใคร ไม่ได้ทำเพื่อแฟนเพลงหรืออะไร เขาทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น ทำเพราะอยากทำ และคนฟังก็ควรฟังเพราะอยากฟัง เวลาฟังก็ไม่ควรจะมานั่งคิดว่า เพลงนี้ เดออยากให้เป็นอารมณ์ไหนนะ เพราะแต่ละคนฟังแล้วก็รู้สึก และคิดไม่เหมือนกัน ฟังยังไงก็ควรจะได้อย่างนั้น ไม่ต้องมาสนใจเดอหรอก ---->>> นี่เป็นประโยคพิฆาตมาร อ่านจบเราก็หลงรักเคียวเป็นบ้าเป็นหลังทันที ฮ่าๆๆๆๆ จะว่าหนูเคียวแกคิดของแกคนเดียวก็คงไม่ใช่ หลังจากนั้นเป็นต้นมา Dir en grey ก็กลายเป็นวงเอาแต่ใจ อยากทำอะไรก็ทำ เพราะชีวิตมันเกิดมาแค่ครั้งเดียว...ใช่ไหมล่ะ ซึ่งในความเห็นของเราแล้ว เห็นว่า การอยากทำอะไรก็ทำ  ทำให้พวกเขาเป็นวงที่ซื่อตรงต่อๆแฟนๆที่สุด จากคุณ : aey_omu เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:01:25

ความคิดเห็นที่ 4   >>>>>2001 Ain't afraid to die ซิงเกิ้ลที่ไม่มีในอัลบัมไหน ออกมาเป็นประจักษ์พยาน ความไว้เนื้อเชื่อใจของคนทั้งห้า และDir en grey ก็เอาแต่ใจตัวเองจริงๆด้วย สามซิลเกิ้ลต่อมา Filth, jessica, embryo ตามด้วย อัลบัม kisou (ต้นปี 2002) Dir en grey   เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เพลงของพวกเขาในช่วงนี้ เริ่มผิดแผกไปจากวงศาคณาญาติในตระกูลเดียวกัน เรารู้สึกถึงกลิ่นอายของตะวันตกมากขึ้น   อัลบัมนี้แตกต่างจากอัลบัมที่แล้วตรงที เพลงของมันดูฉูดฉาด ตัดกันไปมา คล้ายว่ากำลังทำการทดลอง ผลิตเพลงหลากหลาย เพื่อค้นหาจุดที่สมดุลสำหรับพวกเขา อัลบัมนี้น่าจะเป็นอัลบัมโปรดของหลายๆคน อย่างไรก็ตาม สาวกบางท่านให้ความเห็นว่า อัลบัมนี้ ไม่ได้มีกลิ่นตะวันตกอะไรมากมาย กลับออกจะญี่ปุ่นเว่อร์ซะด้วยซ้ำ ผิดก็แต่ เดอนำเสนอญี่ปุ่น ในแนวทางที่ต่างจาก J-rock ทั่วไป แล้วคนฟังก็เขว เพราะไม่คุ้นเคยก็เท่านั้น เพลงที่แนะนำ ขอแนะนำซิงเกิ้ลทั้งสามด้านบนค่ะ บวกกับ Kigan, gyakujou tanno keloid milk, mushi, bottom of the death valley >>>>>>2002 หลังออกอัลบัม kisou เหตุการณ์สำคัญมาก ที่เกิดขึ้นในปีนี้ คือ Dir en grey ไปเปิดการแสดงยังต่างแดนเป็นครั้งแรก ได้แก่ ไต้หวัน, เซี่ยงไฮ้, ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ พวกเขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากกกกกกกกกก ช่วงปลายปี ออกซิงเกิ้ล child prey และ mini album six ugly ซึ่งสร้างความแตกตื่นให้แก่สาวกบางกลุ่มอย่างหนัก ข้อแรก เพราะDir en grey เริ่มจะแต่งตัวน้อยลงเรื่อยๆ!! นั่นกลายเป็นเรืองสำคัญและปัญหาระดับชาติของสาวกบางคน ข้อสอง เพราะแนวเพลงมันช่างหักหาญน้ำใจสาวกเอาซะเหลือเกิน Dir en grey กลายเป็นวงที่ทำเพลงหนักหน่วง มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เพลงของพวกเขา มีกลิ่นอายตะวันตก เข้ามาวนเวียน ถ้าหากท่านผู้อ่านเป็นคนหนึ่ง ที่มีเพื่อนมาบ่น ว่าเดอมันเปลี่ยนไป (ซึ่งก็เปลี่ยนไปจริง = =;;) อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น ขอให้ลองมาฟังมินิอัลบัมนี้ดู ผลงานชิ้นนี้เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้เหล่าสาวกเตรียมตัว และเตรียมใจให้ดี เพลงที่แนะนำ คือ umbrella ค่ะ >>>>>>2003 ต้นปี พวกเขาเล่นคอนเสิร์ตที่ yokohama arena (ความจุ 17000 คน แต่เราละแอบคิดว่า เดออัดคนเข้าไปเยอะกว่าน้้น) ตามมาด้วยซิงเกิ้ลอีกสองตัว drain away และ kazumi สองซิงเกิ้ลนี้ พลิกไปจากเพลงที่ปล่อยออกมาในช่วงปลายปีที่แล้วมาก ปลายปีก่อน เพลงของพวกเขา ค่อนข้างจะเร็ว และมีกลิ่นอายตะวันตกมาก แต่กับสองเพลงนี้ จังหวะเป็นแบบปานกลาง เน้นฟังแล้วได้อารมณ์ลึกลับ ในความเห็นคนเขียน สองซิงเกิ้ลนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ที่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง และปลายปี Dir en grey ก็ปล่อยอัลบัมประวัติศาสตร์ Vulgar ออกมา ช่วงเดือนสิงหาคม ก่อนปล่อยอัลบัมตัวใหม่ Dir en grey เล่นไลฟ์ห้าวันรวด ที่ Akasaka blitz "Blitz 5 days" แต่ละวัน คือพวกเขาในแต่ละยุค นี่เป็นไลฟ์ที่น่าสนใจมาก พวกเขาย่อประวัติศาสตร์ของตัวเอง ลงมาอยู่ในห้าวัน มันจึงน่าศึกษา ทั้งในแง่ของการพัฒนาของพวกเขาเอง และการตลาด!!! Vulgar เป็นอัลบัมที่มีความเสี่ยงสูง เพราะแนวเพลง พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออีกข้าง เพลงหนักหน่วงรุนแรง กลิ่นอายตะวันตกฉุนกึก (แต่ฝรั่งหลายๆคนกลับบอกว่า ไม่เห็นตะวันตกตรงไหน ก็เอาเหอะ = =;; แล้วแต่คนค่ะ) หลังอัลบัมนี้ออกมา สาวกเดอในไทย ก็แทบจะสุญพันธุ์ จบยุคDir en grey ระบาดในไทยอย่าง(เกือบ)สมบูรณ์ เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาหนัก เพลงแนวใหม่ คงไม่สามารถฟังคุ้นหูได้ในเวลาอันสั้น แต่เพลงพวกนี้ หากเล่นในไลฟ์ จะกลายเป็นคนละเรื่องกัน เล่นสดในไลฟ์ ความมันมันไม่เข้าใครออกใคร และ...บางทีเดออาจต้องการบอกลาหลายๆเพลง ที่เขาอาจไม่เล่นมันอีกแล้ว นั่งดู Blitz 5 days แล้ว เพลงแต่ละวันๆ แสดงถึงพัฒนาการความแรงของเหล่าเฮียๆแก ดูแล้ว เราก็เพิ่งนึกออกว่า พวกเราทุกคน โดนเดอมอมเมา ให้ชอบของแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว เวรกรรมจริงๆ คอนนี้สนุกมากจริงๆค่ะ หรือจะเอามานั่งดูเล่น วิเคราะห์การตลาดขั้นเทพของเดอก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้ว Dir en grey ก็ไม่สามารถรักษาความดัง ฐานเสียง ที่เข้มแข็งเหมือนแต่ก่อนไว้ได้ ในอีกแง่หนึ่ง Dir en grey ก็เปิดตลาดใหม่ ที่อาจใหญ่กว่า ให้ตัวเองแล้ว เพลงที่แนะนำ Kazumi, drain away, audience killer loop, sajou no uta, the lll D empire และ Obscure (เพลงนี้ขอให้ฟัง album version ต่อด้วย live version ใน hide memorial summit เทียบกันแล้วน่าสนใจมาก) 2 เพลงสุดท้าย เป็นเพลงที่เดอยังใช้เล่นต่อมาแทบจะทุกคอน จนทุกวันนี้ -------------- พรุ่งนี้มาต่อนะคะ ว่าแต่ รู้สึกว่าตัวเองเขียนเยอะไปป่าวหว่า = =;;; โฮๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : aey_omu เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:08:45

ความคิดเห็นที่ 5   รีเฟรสรอ สรุปว่าจบของวันนี้พรุ่งนี้มีต่อใช่ไหมคะ อ่านเพลินเชียว เพื่อนเป็นสาวก J-ROCK คะ เลยมผ่านหูผ่านตามาบ้าง เพิ่งรู้รายละเอียดก็วันนี้เอง ขอบคุณนะคะ จะรอตามวันพรุ่งนี้คะ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:39:19 A:202.28.27.5 X: TicketID:228916

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านรวดเดียวเลยค่ะ เพลินจัง เป็นคนชอบแนวJrockเหมือนกัน (ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าสาวก กลัวบางเรื่องไม่รู้จริง แหะๆ) ส่วนตัวชอบอัลบั้มที่คุณโยโปรให้ที่สุด สงสัยเพราะชอบXด้วยมั้งคะ แหะๆ แต่อัลบั้มอื่นก้อฟังนร้าาา ชื่นชมเดอในเรื่องความสัมพันธ์ภายในวงมากๆค่ะ รู้สึกว่าเค้าก่อตั้งวงขึ้นมานานพอควร แต่ไม่มีสมาชิกคนไหนออกงานเดี่ยวเลย ทำให้เรารู้สึกว่าเค้ามีจุดมุ่งหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง สมารถเรียกชื่อสมาชิกแต่ละคนแล้วต่อด้วยนามสกุลDir en greyได้เต็มปากเต็มคำดีจัง **แต่ไม่ได้หมายความว่าวงอื่นมีสมาชิกออกโซโล่แล้วไม่ดีนะคะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวว่าวงนี้รักกันดี^^** P.s.รัก Shinya >x< จากคุณ : Daughter of papa เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 00:14:24

ความคิดเห็นที่ 7 แวะเข้ามาให้กำลังใจก่อนครับ รอจนคุณ aey_mou โพสจบทั้งหมดก่อนแล้วผมจะช่วยแจมด้วยเล็กน้อยครับ ได้ข้อมูลของเดอเพิ่มอีกมากเลยจริงๆ ถ้าผมโพสเองไม่ได้ข้อมูลลึกๆพวกนี้แน่ 55+ เนื่องจากล๊อคอินของ จขกท.ให้กิ๊ฟไม่ได้ เอาเป็นว่า ช่วยกันแสดงคห.เล็กๆน้อยๆ เพื่อให้จขกท.รู้ว่ามีคนติดตามอ่านเป็นกำลังใจอยู่นะครับ จากคุณ : LL cool P เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 02:35:01

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านๆๆ ฟังเดอร์อยู่บ้าง ไม่ได้ตามติด อ่านแล้วเพลินดี แล้วมาต่อด้วยนะค่ะ จากคุณ : shiro_niji เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 03:03:49

ความคิดเห็นที่ 9 เสียดายอ่ะให้กิฟไ่ม่ได้ จากคุณ : แฟน Muse เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 04:45:22

ความคิดเห็นที่ 10 ติดตามกระทู้ต่อไปจ้า ทำของ luna sea บ้างนะคะ จากคุณ : hikaruki เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 05:07:12

ความคิดเห็นที่ 11 อยากให้กิฟคุณ aey_omu ใจจะขาด เพราะเราก็เป็นแฟนเดอมาตั้งกะสมัยเด็กๆ ประมาณเกือบ10ปีที่แล้วได้(แต่ตอนนี้ต้องทำงานไปเรียนไปด้วยมันเลยไม่ค่อยมีเวลาไปตามซักเท่าไหร ฮ่ะๆๆ) จำได้ว่าตอนนั้นเดอบูมแบบสุดๆอ่ะ ทั้งคอสเพล ทั้งโคฟเวอร์ และเพราะอัลบั้มvulgarตามที่คุณ aey_omu บอกมานั่นแหละที่ทำให้แฟนในไทยยุบฮวบไปเลย จนตอนนี้คงไปสามารถกู้คืนมาได้แล้วล่ะมั้งนั่น เพราะเฮียๆแกไปไกลแล้ว แนวเพลงมันไม่ใช่ที่คนที่ชอบแบบเจร็อคจ๋าฟัง(แต่เราฟังได้ทุกแนว) แต่เพลงของเฮียแกก็ยังคนมีกลิ่นอายของยุ่นอยู่ เราว่าเพลงร็อคของคนญี่ปุ่นมันก็มีความสวยงามแตกต่างไปจากเพลงร็อคของตะวันตก รออ่านต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ ปล. คุ้นๆชื่อคุณ aey_omu มากๆ เหมือนเคยเห็นในบอร์ดกอสรึปล่าว?? จากคุณ : Park Somami เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 08:35:50

ความคิดเห็นที่ 12 แหม่ อยากให้กิฟมากๆเลยจ้ะ รออ่านจนจบนะคะ ตอนช่วงเริ่มฟังเพลงแนวนี้นี่ เดอเป็นอีกวงที่ถือว่าใช่เลยทีเดียว เริ่มฟังตั้งแต่kisouนั่นแหละ กระแทกใจม้ากกกกมาก แล้วก็เริ่มหาฟังย้อนหลังๆเอา ดูนานเนอะ ปัจจุบัน...... ขอโทษนะคะที่รักทั้งห้า แต่เราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้ว สาเหตุก็ตั้งแต่หลังVulgarนั่นแล (ยังซื้ออยู่นะ อัลบั้มนี้ชอบมากเลย) จากคุณ : Kasuma เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 08:47:08

ความคิดเห็นที่ 13 เสียดายให้กีฟไม่ได้ งั้นก็โหวตแทนแล้วกัน วงนี้เป็นอีกวงที่ผมชอบเป็นอันดับ 2 รองจากลาร์คเลย กำลังคิดอยู่ว่า ต่อจากกระทู้ลาร์คก็อยากให้เป็นเดอนี่แหละ จากคุณ : กุ้งมังกรน้อย เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 09:07:21

ความคิดเห็นที่ 14 เขียนได้เยี่ยมมากครับ ผมติดตาม Dirมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก ซื้อ VDO ที่เล่นLIveเพลง Yurameki เพลงแรกป๋าเคียวยังร้องเพี้ยนช่วงแรกๆน่ารักดี จากคุณ : blizday เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 10:42:14

ความคิดเห็นที่ 15 อ๊ากกกกก เป็นบุญตาอีกครั้ง ที่ได้เห็น Dir en grey ขึ้นกระทู้แนะนำ ให้กิฟไม่ได้ จัดโวตไปให้ไว แปะรูปไว้ก่อน Kaoru กับ Kisaki ความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วของอดีตเพื่อนร่วมวงเดียวกัน รอคุณ aey_omu กลับมาเล่าต่อ แล้วค่อยแชร์ความชื่นชอบทีหลัง จากคุณ : six Ugly เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 11:55:50

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบวงนี้มากๆ เหมือนกันครับ ผมเพิ่งติดตามมาได้สามสี่ปีเองครับ ช่วง Withering to Death แนวเพลงหนักหน่วงดีครับ ชอบมากกกกกก >.< ยิ่งอัลบั้มล่าสุด Uroboros ภาคดนตรีจัดจ้านดีมากครับ ฟังไม่เบื่อเลย จากคุณ : Death_Sentence เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 13:29:29

ความคิดเห็นที่ 17 เรามี CD Missa ของแท้ด้วยค่ะ เป็นอะไรที่เราปลาบปลื้มมาก 555+ วงนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้เราฟังเพลงญี่ปุ่นแบบจริงจังเลยแหละ ขวนขวายหาไลฟ์มาดู แต่งคอสเพลย์ นั่งอ่านฟิค สมัยที่เดอออกทัวร์ฮ่องกง เราเคยหวังด้วยว่าซักวันจะมาทัวร์เมืองไทย T____T* ทุกวันนี้เรายังหยิบไลฟ์ 5 Ugly Kingdom มาดูเป็นบางครั้งเลยค่ะ คิดถึงเดอช่วงก่อนๆเหมือนกันนะ คิดถึงเพื่อนๆที่เคยรวมตัวกันเมื่อก่อนด้วย เดี๋ยวนี้แยกย้ายกันไปหมดเลย +++ จากคุณ : disordered เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 14:45:14

ความคิดเห็นที่ 18   คุณ aey_omu มาเขียนต่อด้วยนะครับ รออยู่ เขียนได้ซึ้งมาก แต่ว่าผมเริ่มตามงานของวงในยุคหลัง และก็ชอบยุคหลังมากกว่า (ผมชอบดนตรีหนักหน่วงในแบบ metal คับ) ตอนนี้ผมว่าแนวเพลงของวง คงประมาณ เมทัลในเมโลดี้แบบตะวันออกมั้งครับ ใครไม่ชอบดนตรีหนักหน่วงคงเซ็งอะนะ แต่พวกยุโรปชื่นชอบ งานยุคหลังของวงมากเลยนะครับ ติดตามๆ จากคุณ : runangel (runangel) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 15:54:26

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบยุคหลังๆ ครับ ที่จริงเพลงของ  dir en grey ไม้ต้องว๊ากขนาดนั้นก็ได้ มันน่าฟังอยู่แล้ว จากคุณ : Portillo เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 16:02:08

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงแก่แล้ว แต่ป๋าๆแกยังสดอยู่เลย จากคุณ : PinkSpiderZz เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 19:11:37

ความคิดเห็นที่ 21 วงนี้ เหอๆ พี่สาวเคย เอา โปสเตอร์วงนี้ มาติดในห้อง แบบ ต้องรีบบอก พี่สาว ว่า เอาออกได้ไหม ไม่งั้นก็ิติดที่อื่นที่ไ่ม่ใช่ ห้องนอน ตอนนั้น จำได้เลยว่า นอนไม่หลับอ่ะค่ะ ==' แต่ตอนนี้ เห็น ก็เฉยๆนะคะ ^^ ช่วยโหวตค่ะ ^____^ จากคุณ : ยอยศทศกัณฐ์ (palmpada) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 20:33:42

ความคิดเห็นที่ 22   ผมก็เป็นแฟนเพลงของวงนี้คนนึงครับ แต่หาเพื่อนต่างจังหวัดที่ชอบแนวนี้จริงๆยากเหมือนกัน ชอบที่ความซาดิสม์ และเพลงของวงนี่แหละ ตอนช่วงเดบิวต์ใหม่ๆ เพลงเบามาก ไม่สะใจ 5555 จากคุณ : ANuBiS_GaTE เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 20:58:54

ความคิดเห็นที่ 23 เขียนต่อนะครับบบ จากคุณ : Proximitron เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 21:21:30

ความคิดเห็นที่ 24 กะจะให้กิฟ แต่ให้ไม่ได้โหวตกระทู้แทนนะคร้า แหะๆ ^^ แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 52 21:25:30 จากคุณ : kori-chan เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 21:24:56

ความคิดเห็นที่ 25 ตาไม่ฝาดใช่มั้ย!! กระทู้เดอขึ้นกระทู้แนะนำ ปลาบปลื้มค่ะ555+ ชอบมากเลยค่ะพี่เอ้ เขียนออกมาได้ประทับใจจริงๆ เห็นด้วยอย่างแรงว่าเดอกล่อมเกลาใ้ห้ชอบเพลงหนักๆขึ้นเรื่อยๆ มันคือ Socialization? 555+ เดอเป็นวงที่ผลกระทบต่อการฟังเพลงของเรามากๆเลยนะ ถึงแม้ว่าที่จริงจะเป็นคนฟังเพลงได้แทบทุกแนว ความคิดที่ว่า ทำเพลงเพื่อตัวเอง ตามใจตัวเอง ชอบก็ฟังไม่ชอบก็ไม่ต้องฟัง มันส่งอิทธิพลต่อความคิดเรื่องดนตรีของเรามากทีเดียว มีอยู่ช่วงหนึ่งเราเคยติดตามวงๆหนึ่ง ค่อนข้างชอบทีเดียว แต่เมื่อพวกเขาให้สัมภาษณ์ว่าเพลงของเขาทำตามความต้องการของแฟนเพลง แค่นั้นล่ะ เรารู้สึกว่าเสียศรัทธา ถึงแม้ว่าเพลงจะเพราะก็เหอะ เรามีความรู้สึกว่าการทำเพลง ไม่ได้มีแค่ทำให้เพราะอย่างเดียว แต่มันต้องมีความเป็นตัวตนของตัวเอง แบบเดอเนี่ยแหละ(ซึ่งเฮียๆแกมีซะสู้งงสูงง) ยังไงก็ตาม จะติดตามเดอไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่เดอไม่ใช่แนวเราจริงๆ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่55+) โดยส่วนตัวแล้วเราชอบแนวใหม่ๆมากกว่าแนวเก่าๆนะ อาจจะเป็นเพราะตอนเริ่มชอบเดอ ก็ปาไปอัลบั้ม Withering to death แล้ว Dir en grey Sugoi!! รอฟังซิงเกิ้ลใหม่(ซึ่งคงไม่พลาดจะสอย...) แฮ่ๆ จากคุณ : -Phelony- เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:11:33

ความคิดเห็นที่ 26   ดีใจมากๆค่ะ ที่มีคนตอบ (ฮ่าๆๆๆ) เห็นหลายๆท่านที่เลิกชอบไปแล้ว กลับมาระลึกความหลัง แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ ที่สำคัญ เห็นบางท่านบอกว่าไม่ใช่สาวก J-rock แต่เข้ามาอ่าน นับว่าเป็นความสำเร็จของกระทู้นี้เลยนะเนี่ย โอ้ววววว   ไปอ่านต่อกัน >>>>>2004 หลายปีที่ผ่านมา เดอทำอะไรผลุบเข้าผลุบออกหลายอย่าง บางเพลงก็แรงซะ บางเพลงก็ฝรั่งจ๋า ในขณะที่บางเพลงออกแนวญี่ปุ่นเห็นๆ หลัง vulgar ออกไปได้ไม่นาน พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ล The final และ saku ออกมา อาการผลุบเข้าผลุบออก ก็สำแดงฤทธิ์อีกครั้ง สาวกหลายๆคน จัดสองซิงเกิ้ลนี้ เป็นหนึ่งในงานมาสเตอร์พีซของเดอ The final เป็นเพลง "ช้า" ที่ "หนัก" และ "หน่วง" เอามากๆ ในขณะที่ saku เป็นเพลง "เร็ว" ที่ "เบา" แต่ "เฉือน" อาจเป็นคำอธิบายที่อ่านเข้าใจยาก แต่ลองฟังดูค่ะ จะเข้าใจความหมายของ ช้าหนักหน่วง เร็วเบาเฉือน ทันที เป็นสองเพลงที่แตกต่าง แต่เข้าคู่ นี่เป็นซิงเกิ้ลที่คุ้มค่า เพราะในซิงเกิ้ล saku นั้น ยังมีเพลง machiavellism ที่เมามันอยู่ ทั้งสามเพลงที่กล่าวอยู่ในอัลบัม withering to death อัลบัมล้มกระดานของDir en grey (ซึ่งจะเล่าถึงในปีต่อไปค่ะ) ช่วงปลายปี Dir en grey ออก dvd [tour04 the code of vulgar[ism] ] ออกมา ความจริงเดอมีdvdหลายตัว แต่เราไม่ได้พูดถึง เพราะเห็นว่า หากทุกท่านสนใจ สามารถหาอ่านรวมผลงานเดอเองได้ แต่กับdvdแผ่นนี้มีความพิเศษออกไปเล็กน้อย หนึ่งคือ เป็นdvdที่มันมากกกกกกกกกก ในจำนวนคอนของเดอทั้งหมดนั้น พวกเขาตัดสินใจอัดออกdvd เพียงแค่ไม่กี่คอนเท่านั้น และนี่เป็นตัวแรกที่เราเห็นว่ามันได้ที่ ถึงขนาดนั่งดูไม่ได้เป็นอันขาด ต้องยืนดูเท่านั้น! แน่นอนค่ะว่า เทียบกับความมันในสมัยปัจจุบันไม่ได้เลยทีเดียว แต่ก็นับเป็นก้าวแรกของความมันระดับโลก ของ Dir en grey หากมีโอกาส ลองหาฟัง fukai version dvd ตัวนี้ดูนะคะ เพลงนี้เป็นเพลงแถมมา ของซิงเกิ้ลkasumi แต่ในคอนนี้ เคียวร้องออกไปอีกแบบหนึ่ง เป็นแบบหอนๆซึ้งๆ คร่ำครวญ เพราะมากทีเดียวค่ะ >>>>>2005 album [ W i t h e r i n g  t o  D e a t h ] ในตอนก่อนหน้านี้ เราพูดถึงอัลบัมนี้ว่า "ล้มกระดาน" สืบเนื่องมาจากช่วงก่อนๆหน้า กับอาการผลุบเข้าผลุบออกของเดอ จากอัลบัมVulgar ที่ช่างรุนแรงสมชื่อ Dir en grey หักหลังแฟนคลับอีกครั้ง ด้วยเพลง "สวยงาม อ่อนหวาน" ในอัลบัมนี้ ตอนที่ฟังอัลบัมนี้ครั้งแรก คนเขียนช็อคค้างไปอย่างไม่เชื่อหู กับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งของพวกเขา เราจึงเรียกมันว่า อัลบัม "ล้มกระดาน" ใช่แล้ว...withering to death เป็นอัลบัมที่ทำเพลงได้สมกับชื่อของมัน เพลงทุกเพลง ทั้งเร็วทั้งช้า ล้วนมีเมโลดี้ที่สวยงาม ชดช้อย (ขอใช้คำเน่าๆหน่อยเหอะ) แต่แน่นอนว่าเดอไม่เคยทำเพลงกุ๊กกิ๊กหลั่นล้า เพลงในอัลบัมนี้ จะแฝงไว้ด้วยความเปลี่ยวเหงา หม่นหมอง ค่อยๆโรยรา "แห้งเหี่ยวจนตายไป"  สมกับชื่ออัลบัมของมัน เพลงที่แนะนำ merciless cult, spilled milk พวกนี้เป็นเพลงเร็ว ที่"สวย"มาก dead tree เพลงดัง ที่ถูกทำเป็น mv ในภายหลัง(จะพูดถึงต่อไป) และ HIGEKI WA MABUTA WO OROSHITA YASASHIKI UTSU เพลงชื่อยาวๆ อะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้สาวกเดอ เลือกเพลงช้าระดับมาสเตอร์พีซมาสักเพลง มั่นใจว่าเพลงนี้ต้องติดอันดับอย่างแน่นอน พูดนานไปหน่อย เพราะส่วนตัวประทับใจอัลบัมนี้มากค่ะ เรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นในปีนี้ คือ คอนเสิร์ตครั้งแรกของ Dir en grey ในยุโรป 28 พฤษภาคม 2005 Dir en grey เปิดการแสดงที่เบอร์ลิน นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาในยุโรป และเป็น "ชัยชนะของ internet " ดังที่นักวิจารณ์เพลงชาวยุโรปหลายคนกล่าวถึง บัตรขายหมดอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ผู้จัดงานยังไม่ได้โฆษณาเลยสักแอะ ผู้เขียนมีเพื่อนชาวเยอรมันหลายคน พวกเขาเล่าให้ฟังว่า ทุกคนต่างรู้เรื่องคอนเสิร์ตนี้กันดี ผ่านทางinternet ด้วยวิธีปากต่อปาก และแม้ว่าฮอลล์แห่งนั้นจะจุคนได้ถึง 3500 คน ซึ่งนัยว่าเยอะสำหรับวงต่างประเทศ โดยเฉพาะจากตะวันออก ไร้ชื่อเสียง แต่สาวกเดอชาวเยอรมันหลายๆคนก็พลาดโอกาสนั้น บัตรเต็มเร็วมากจริงๆ จุดนี้น่าสนใจมาก สาวกเดอชาวเยอรมันรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนได้พักใหญ่แล้ว ในขณะที่สาวกในประเทศอื่นๆยังรวมกันได้ไม่มั่นคงนัก เพื่อนชาวอังกฤษของเราไม่เคยรู้เลยว่า มีคนอังกฤษคนอื่นๆชอบเดออยู่ ไม่นานหลังจากนั้น Dir en grey  ก็ได้รับเชิญให้ขึ้น Rock am ring และ Rock im park เทศกาลร็อคที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป (เป็นเทศกาลคู่แฝดซึ่งจัดต่อกันค่ะ) ในปีนี้ เวทีที่พวกเขาขึ้น คือ  alternastage เป็นเวทีเล็กๆไม่ใหญ่นัก แต่นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการร็อคญี่ปุ่นและเอเชีย 24 กรกฎาคม 2005 Dir en grey เปิดการแสดงที่ปารีส ประเทศในยุโรปประเทศที่สองของพวกเขา คราวนี้สถานการณ์ต่างออกไป ไม่ใช่บัตรขายไม่หมด แต่เกิดสงครามยื้อแย่งบัตรกันอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น ในหมู่สาวกในยุโรป ไม่ทราบว่า จริงๆแล้วบัตรขายหมดหรือไม่ เพราะในเว็บofficialไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ไว้ แต่จากเพื่อนๆชาวยุโรปหลายคน โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งสามารถข้ามไปฝรั่งเศสได้ไม่ยาก บัตรพวกนี้มีค่ามหาศาล เรื่องน่าตลกคือ เพื่อนชาวอังกฤษที่เราเคยกล่าวถึง เขานึกว่าเขาเป็นชาวอังกฤษคนเดียวที่ชอบเดอ แต่พอขึ้นรถไฟ ที่ข้ามไปฝรั่งเศส คนบนรถทุกคน คอสเพลย์เป็น Dir en grey !! ไม่แน่ใจนัก แต่นี่อาจเป็นก้าวแรกของสาวกชาวอังกฤษ ที่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน จนในภายหลังกลายเป็นประเทศที่ Dir ไปเปิดคอนเสิร์ตบ่อยอย่างน่าอิจฉา จากนั้น เดอเข้าร่วม Octopus festival ที่เบลเยี่ยม พร้อมเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศดังกล่าวอีกหนึ่งครั้ง นั่นทำให้สาวกชาวเบลเยี่ยม "ดีใจแทบบ้า" และโดยไม่คาดฝัน พวกเขาก็สร้างฐานแฟนคลับไว้ที่นั่นอีก หลังผ่านร้อนผ่านหนาว ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เปิดหูเปิดตากับยุโรปได้ไม่นาน ปลายปีนั้น พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ล Clever sleazoid ออกมา คงไม่ผิดถ้าเราจะบอกว่า มันคืออวสานของเผ่าพันธุ์ Dir en grey ยุคเก่าในไทยอย่างแท้จริง จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:12:24

ความคิดเห็นที่ 27   >>>>>2006 ปีนี้ พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลออกมาอีกสองตัว ryojoku no ame เพลงช้าสยดสยอง และ agitated scream of maggot เพลงเร็วที่น่าขยะแขยง(โดยเฉพาะเมื่อดู mv ไปด้วย) ซิงเกิ้ลทั้งสาม (รวมกับ clever sleazoid) นี้โหดและเหี้ยมมาก ทั้งในแง่ของเพลง ที่ดำมืดหนักหน่วง หลายคนบอกว่า "ในที่สุด เดอก็ทำสัญญากับปีศาจ" พวกเขาก้าวเข้าสู่วงการเมทัลอย่างแท้จริง และแง่ของการตลาด เดอกล้าได้กล้าเสีย ในระดับที่กล้าเปลี่ยนตัวเอง กล้าลองของใหม่ กล้าท้ากับฐานแฟนคลับที่(แน่นอนว่า)จะลดลงมาก และแฟนเพลงของพวกเขาที่เหลือไม่มาก ก็กล้าที่จะเลิกชอบอย่างเด็ดขาด ในขณะที่คนอีกจำนวนมาก ซึ่งบ้างก็เป็นคนที่ไม่เคยชอบ J-rock ก็กล้า...ที่จะก้าวเข้ามาเป็นสาวกรุ่นใหม่ของ Dir en grey ในเรื่องของสามเพลงที่ว่ามานี้ ถ้าจะให้คอมเมนต์ คงต้องบอกว่า แรกเริ่มเราก็ไม่ชอบค่ะ มันพลิกจาก withering to death มาก แต่ไม่พลิกไปจากที่คาดการณ์ไว้ clever sleazoid เป็นเพลงหนักรุนแรง "มาก" ในขณะที่ agitatedฯ หนัก "มากกว่า" สองเพลงนี้โดนเหล่าสาวกบางคนด่าเละ Dir en grey โดนตะวันตกครอบงำจนเสียรากเหง้าเอาเสียแล้ว ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควัน ในช่วงนี้ เห็นด้วยว่า Dir en grey เอาประสบการณ์ที่ได้จากยุโรปมาลงกับเพลงมาก จนคล้ายจะโดนครอบงำไป อย่างไรก็ตาม ทางด้านของชาวตะวันตก พวกเขากลับรู้สึกถึงรากแห่งตะวันออกจากเพลงพวกนี้ได้อย่างดี เป็นไปได้ว่า Dir อยู่ในช่วงปรับเพลงของตนเอง ให้เป็น "สากล" เพลงที่จะเป็นสื่อ เชื่อมกลางระหว่าง "สากล" กับ "ตะวันออก" ให้ทุกคนเข้าถึงได้ โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นชาติไหนก็ตาม แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 52 22:59:35 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:16:38

ความคิดเห็นที่ 28   แต่เรื่องเด็ดของปีนี้ไม่ใช่แนวเพลง แต่เป็น live show!! ช่วงต้นปี Dir en grey เปิดการแสดงครั้งแรกที่อเมริกา เป็นคลับเล็กๆที่จุคนได้ไม่มากนัก สมาชิกในวงคนหนึ่งเคยบอกว่า เขาตื่นเต้นมาก จะมีคนมาไหม? แต่...คิดว่าทุกท่านคงเดากันออก คืนนั้นชาวอเมริกันจำนวนมากกว่าที่คาดไว้หลายเท่า ต่างกลุ้มรุมกันมา หาทางดู Dir en grey แต่ก็นั่นล่ะ หลายเท่าที่ว่า คิดเป็นจำนวนไม่มากไม่มายค่ะ Dir en grey เดินหน้าโชว์ตัวอีก 2-3 live แล้วก็จากไป ท่ามกลางฐานแฟนเพลงที่ก่อตัวขึ้นใหม่เอี่ยมในอเมริกา หลายปีต่อมา เราลองถามชาวอเมริกันหลายคน ว่าพวกเขามีกันเท่าไหร่? เสียงส่วนใหญ่ที่ตอบมา คือ ไม่รู้สิ "but at least 5,000" ปัจจุบันนี้ สาวกอเมริกัน กำลังเรียกร้องคอนเสิร์ตใหญ่ระดับหมื่นคนของ Dir en grey กันอยู่ เราเองก็เป็นกำลังใจให้(ด้วยความริษยา) ช่วงกลางปี พวกเขาได้รับเชิญเข้าร่วม Rock am ring - Rock im park อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เวทีเล็กๆอย่างเคย แต่เป็น center stage เป็นวงญี่ปุ่นวงแรก ที่ได้ขึ้นเวทีใหญ่สุดดังกล่าวนี้ คิวการขึ้นเป็นดังนี้ GUNS N' ROSES / TOOL / KORN / DEFTONES /DIR EN GREY / ALICE IN CHAINS /STONE SOUR / BLOODSIMPLE (เช่นเดียวกัน ทั้ง rock am ring และ rock im park แต่เทศกาลหลัง Guns n' roses ไม่ขึ้นค่ะ) ดูคิววงแล้วไม่น่าแปลกใจที่  Dir en grey โดนignore ใช่ค่ะ เราตามดูจากในยูทูบ คอนเสิร์ตนั้นติดตาเรามาก เดอทั้งห้าเดินขึ้นไปอย่าง (เรารู้สึกเองว่า) ดูสั่นๆ  ขึ้นไปอยู่ต่อหน้าคนเหยียบแสน (ปริมาณผู้ชมทั้งหมดของเทศกาลนี้อยู่ที่ 150,000 คน) แล้วเคียวก็ร้องอย่างสั่นๆ วันนั้นเป็นครั้งแรก ที่ฟังแล้วรู้สึกว่า มันยังไงๆก็ไม่รู้ และสมาชิกคนอื่นๆในวง ก็ดูตื่นๆ แปลกๆ ยังไงๆก็ไม่รู้ มองลงไปข้างล่าง บริเวณหน้าเวทีชูมือชูไม้ขึ้นมา ท่าทางสนุกสนาน...แต่ ข้างหลังไปกว่านั้น   มัน "ยังไงๆก็ไม่รู้" ตอนแรกเราดูแล้ว ก็คิดว่า ตัวเองคงคิดไปเองมั้ง ด้วยความสงสัย เราเคยลองคุยกับฝรั่งสาวกเดอหลายๆคน น่าตลกมาก คนที่เราลองถาม ก็ด๊านนน เป็นหนึ่งในพวกโห่ไล่! ผู้เล่าประสบการณ์ เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยโห่ไล่เดอเอาเป็นเอาตายอยู่ในงานดังกล่าวนี้ ขำทุกครั้งที่ลิงเหลืองพวกนั้นเล่นเพลง ผ่านไปสักพัก....มารู้สึกตัวอีกที "ก็ตอนที่เลิกโห่ไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ยืนฟังเพลงอยู่" ในที่สุดก็กลายพันธุ์มาเป็นสาวกเจร็อค ฮ่าๆๆๆๆ (แอบสะใจ) ความจริง ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนในบอร์ดนี้ จะมีผู้อยู่ในเหตุการณ์เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม บางคนก็บอกว่า แถวๆตรงเขายืนนั้นไม่มีคนโห่ค่ะ มีแต่คนยืนนิ่ง ทำเป็นไม่สนใจ (หนักกว่าอีก) แต่บางคนก็บอกว่า เขายืนอยู่กับสาวกเดอด้วยกัน เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว ในช่วงเวลาหลังจากนั้น Dir en grey ถูกชักชวนจาก Korn ให้เข้าร่วมทัวร์ Family values tour 2006 (KORN / DEFTONES / STONE SOUR / FLYLEAF / DIR EN GREY / 10 Years / BURY YOUR DEAD / DEADSY /BULLETS AND OCTANE / WALLS OF JERICHO) ทัวร์ครั้งนี้  Kaoru พูดในภายหลังว่า พวกเขาไม่มั่นใจกับการทัวร์เอาซะเลย มันดูยากเกินไป แต่ในที่สุดก็รับจะไป เหตุการณ์ครั้งนี้มีผลต่องานของDir en grey ในช่วงต่อมา ประสบการณ์ทำให้พวกเขาลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น (รวมถึงได้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย) จบปี 2006 ------------------- เดี๋ยวขอพักแป๊บนึง เขียนใกล้เสร็จแล้วค่ะ แต่ยิ่งมา ยุคหลังๆเฮียๆแกมีอะไรให้เขียนถึงเยอะเชียว อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ >< ข้างล่างนี้ the lll D empire ค่ะ ลองเปิดเข้ายูทูบ ไปดูคอมเมนต์ก็ได้นะ ฮาๆดี จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:40:58

ความคิดเห็นที่ 29   >>>>>>2007 ช่วงต้นของปี พวกเขาออกอัลบัม [ The marrow of a bone ] อัลบัมที่หนัก ดำมืด และแรงที่สุด เพลงในอัลบัมนี้ ล้วนรุนแรง เมามัน สารภาพ ช่วงแรกเราเกลียดอัลบัมนี้มาก กระทั่งเลิกชอบเดอไปพักหนึ่งเลยค่ะ แต่ที่กลับมาชอบนั้น เพราะอยู่ๆเกิดเซ็งๆขึ้นมา เปิดยูทูบดู เราเปิดไลฟ์ของเดอ ที่ถูกสาวกในต่างประเทศ(ซึ่งแน่นอนล่ะ ว่าไม่เข้มงวดเท่าสาวกชาวญี่ปุ่น) ถ่ายเป็นแฟนแคมมา เท่านั้นล่ะ....ฮ่าๆๆๆๆๆ     เราเข้าใจแล้วค่ะ ของบางอย่างฟังครั้งแรกไม่เพราะ แต่ถ้าหลับตา นึกภาพว่าอยู่ในไลฟ์สุดมัน เพลงนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่..... แล้วเหงื่อก็ท่วมตัว หลังอัลบัมนี้ออก พวกเขาถูกจัดอยู่ใน genre metal แล้ว สำหรับอัลบัมนี้ คนเขียนไม่กล้าวิจารณ์ ว่าเป็นแนวไหนอย่างไรค่ะ รู้แค่ว่า มันคงไม่คุ้นหูชาวเจร็อคนัก และอาจจะฟังได้ยาก แต่ก็เป็นเพลงที่มีคุณภาพ และ "มัน" เอามากๆด้วย เพลงที่แนะนำ ทั้งหมด ขอแนะนำว่า หากเป็นไปได้ อยากให้ฟังเป็น live version ค่ะ repetition of hatred, grief  และ conceive sorrow สามเพลงที่หนักหน่วง-รุนแรง-โศกซึ้ง โดยเฉพาะเพลงสุดท้าย เป็นเพลงที่เล่นแทบทุกไลฟ์จริงๆ เป็นเพลงช้าๆเศร้าๆ ที่มันเข้าถึงอารมณ์เอามากๆ และทุกครั้ง เมื่อถึงท่อนที่เป็นจุดสูงสุด เคียวจะโยนไมค์ทิ้ง... แล้วใช้เสียงของตัวเอง .....ขับร้องให้ก้องไปทั้งฮอลล์ เราฟังมาแล้วครั้งหนึ่งที่ญี่ปุ่น อย่าถามเลยว่ารู้สึกยังไง เราคงตอบไม่ได้จริงๆ อยากให้ได้ฟัง live version จริงๆค่ะ จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:52:06

ความคิดเห็นที่ 30   หลังออกอัลบัม พวกเขาทัวร์ไปทั่วอเมริกา ทั้งทัวร์เดี่ยวๆ วงเดียว เป็น one-man live (18 show) และทัวร์ในฐานะวงเปิดของ Deftone จำได้ว่า พวกเขาโดนนักวิจารณ์บางคนโจมตี โดยเรียกพวกเขาว่า ลิงเหลืองจากเอเชีย ที่เราเคยเห็น และร่วมรับรู้ คือ เรื่องที่ "ลิงเหลืองพวกนั้น ในคอนเสิร์ตของ Deftone น่ารำคาญมาก พวกเขาไม่ทำอะไรนอกจากร้องเพลงอะนิเม" (แน่นอนว่าเราไม่เคยคิด ว่าเพลงอะนิเมมันแย่ แต่คำพูดนี้ฟังแล้วปรี๊ดแตกอ่ะ ) เนื่องจากเป็นบทวิจารณ์ของนิตยสารมีชื่อแห่งหนึ่ง และมีการตีพิมพ์ลงใน internet เราจึงมีโอกาสได้อ่าน (แต่เสียดาย มัวแต่โกรธ เซฟไม่ทัน เพราะไม่นาน หลังจากโดนโจมตีจนเว็บล่ม เขาก็ลบทิ้ง) คอมเมนต์ในช่วงแรก มาจากสาวก deftone ที่มาพร่ำบ่น รำคาญDir en grey จะเอามาเปิด deftone ทำไม น่าเบื่อชะมัด แต่คอมเมนต์ในช่วงหลัง กลับกลายเป็นว่า ครึ่งหนึ่งของคนในฮอลล์มาดู Dir และเมื่อเดอจบ พวกเขาก็ออกไป เรื่องเผ่าพันธุ์และสีผิว ยังคงเป็นเรื่องที่ร้อนแรงอยู่ทุกยุคทุกสมัย (แต่สุดท้าย Deftone วงร็อคชื่อดังจากอเมริกา และ Dir en grey จากตะวันออกไกล ก็เป็นที่รู้กันว่า พวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน) เรื่องเสียดสี เย้ยหยัน วงจากเอเชียยังคงดำเนินต่อไป และเหตุการณ์จาก rock am ring ปี2006 ยังคงฉายซ้ำไปซ้ำมา ผิดกันแต่ว่า สัดส่วนของผู้คน ที่มาเชียร์ Dir en grey นั้น มากขึ้นเรื่อยๆ ปลายปีนั้น Dir en grey ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเทศกาลหลายแห่ง Wacken open Air เทศกาลเมทัลชื่อดังแห่งเยอรมัน (ที่retrospectเพิ่งจะไปกลับมา) Ankkarock Festival M'era Luna Festival Metal Hammer Festival เราไม่สันทัดเทศกาลเหล่านี้นัก ใครใคร่จะเสริมเชิญได้เลยค่ะ ช่วงปลายปี พวกเขาเล่นเปิดให้กับ Linkin park ที่ญี่ปุ่น ท่าทางคาโอรุดูมีความสุขดี ในขณะที่เคียว (ซึ่งไม่ชอบ linkin park อย่างมาก) ดูจะแอบเซ็งเล้กๆ (อันนี้เล่าให้ฟังเอาฮาเฉยๆ รูปที่เคียวถ่ายกะสมาชิกในวง linkin park ด้วยใบหน้าปูแล่มๆ เป็นอะไรที่เขย่าต่อมฮาของสาวกเคียวอย่างเรามาก) ก่อนสิ้นปี พวกเขาออก Dozing green ซิงเกิ้ลแรกแห่ง Uroboros อัลบัมล่าสุดอันลื่อลั่น ตามด้วย "Decade" อัลบัมรวมเพลงฮิต (แต่จริงๆคือเพลงที่เดอชอบเอง และเออเองว่าแฟนๆก็คงชอบมั้ง) Decade 1998-2002 Decade 2002-2007 ท่านใดใคร่ลองฟังเดอ จะลองจากสองอัลบัมนี้ก็ได้ค่ะ --------------------- เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อตอนสุดท้ายนะคะ โอยยยย ยาวววมากกกกกก ขออภัยทุกท่านด้วย หลังๆเราชักมีอารมณ์ร่วม ฮ่าๆๆๆๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาาา เอ่อ ข้างล่างนี่ เราลืมไปว่า เคียวแกมีการกรีดเนื้อเถือหนังตัวเองด้วย ยังไงจุดไหนติดเรทก็ปิดๆตาไปก่อนนะคะ ถือว่าฟังเพลงละกัน v v แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 52 23:07:08 แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 52 23:05:13 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:54:01

ความคิดเห็นที่ 31 จองที่ไว้ก่อน จากคุณ : Sweet Broken Hearted Machine เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 03:13:17

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเองฟัง Dir en Grey อยู่ทุกวันครับ.. เมื่อก่อนเคยเอาเพลง clever sleazoid ตั้งเป็นริงโทน สลับกับ saku ทุกครั้งที่มีสายเข้า ถ้าอยู่บ้านจะโดนแม่ด่า ถ้าอยู่บนรถไฟฟ้าจะมีแต่คนมองเหมือนตัวประหลาด วงนี้ตอบโจทย์เรื่องของความ"หนัก" และ"ความสวยงาม" ได้ดีมากๆ ไม่ได้เน้นโยกมันส์เหมือนเอ็กส์ ไม่ได้เน้นเมโลดี้เหมือน"ลาร์ค" แต่กระชากอารมณ์ เน้นความโหดสะใจ ที่แฝงด้วยความสวยงามอยู่ลึกๆ ค้านนิดนึงที่ว่าพอเปลี่ยนแนวแล้วโดนสาวกไม่พอใจนะครับ.. คือแบบว่าพวกนั้นผมไม่เรียกว่า"สาวก" หรือ"แฟนเพลง".. เรียก"แฟนเก่า"หรืออะไรอย่างนั้นน่าจะเหมาะกว่า ต้องขออภัยถ้าัขัดใจใคร Dir en Grey จะไม่กลับไปสู่ยุค visual อีกแล้วครับ เลิกยึดติดเหอะ นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา.. จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 15:34:31

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบ GAUZE มากที่ซู้ดดด... ชุดหลังๆยิ่งฟัง ยิ่งไม่ชอบ ล่าสุด Uroboros บันทึกเสียงดีนะ แต่เข้าไม่ถึง ไม่ใช่แนวอ่ะ คือส่วนตัวไม่ชอบฟังเพลงที่ร้องแหกปาก ก็เลยชอบแต่ GAUZE ที่แหกปากแบบรับได้ เจ๋งดี ชอบทั้งอัลบัมเลย จากคุณ : Peporing เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:02:59

ความคิดเห็นที่ 34 ข้อมูลแ่น่นปึ๊กๆเลย ขอบคุณนะคะ เราเข้าบอร์ด Direngrey thailand fanclub บ่อยๆ จขกท. ก็คงสถิตย์ที่นั่นใช่มั๊ยคะ ... คุคุ จากคุณ : DeDoon เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 19:11:54

ความคิดเห็นที่ 35 ^ เข้าบ่อย แต่ไม่เคยแสดงตัวเลยน่อ แง่ง เป็นกำลังใจให้คุณเอ้ค่ะ ดีใจจัง เดอได้ขึ้นกระทู้แนะนำด้วย ช่วยโหวตอีกหนึ่งจึ๊ก จากคุณ : ป่ามป๊าม เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:53:13

ความคิดเห็นที่ 36 ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นกระทู้Dir en grey แนะนำในยุคสมัยเน้!!!! ปลื้มปิติยินดียิ่งกว่าหลินฮุยได้ลูกสาว T^T เข้ามายกมือหย๋อยๆ นั่งยัน นอนยันด้วยใจรักยิ่งชีพ ^0^/" ข้าพเจ้าก็สาวกไดรุเช่นกันจ้า  สวัสดีมิตรรักควนเพลงของเฮียๆที่ยังไม่ลืมกัน ในบ้านพันทิพย์ ถึงแม้ตอนนี้พี่ท๊อจ เฉพาะการแต่งกายและทรงผม (จะออกนอกระบบสุริยะจักรวาลไปแล้ว) ถึงแม้พี่ได๋ดายผมไม่แดงแจ๊ดแล้ว ถึงแม้เพลงเฮียจะเมทัลคอร์ ยุโรปจ๋ามันส์ค่อดๆไปแล้ว ยิ่งนานยิ่งรักเฮียๆมากมาย ****การรักคนที่ผลงานมันมีค่าและยาวนานจริงๆ T~T (เพราะไม่ว่าเฮียๆจะกลายสภาพเป็นยังไงก็รับได้หมดแล้วล่ะ อิยะฮ่าๆ)   สนับสนุนชาวร๊อกฝั่งญี่ปุ่นเต็มที่ เพราะเรามีครูเป็นX Japan ฮริ๊วววว์ ขออญุญาติแป่ะนิดนุง   (เหล่าลูกพี่สมัยปัจจุบัน เกือบๆล่าสุดเป็นเช่นนี้  ....สังเกตุมือเบสแฟชั่นจัดคนนั่นซิ เฮียกลับมาใส่กระโปรงอีกละ ซึโก๊ย!><) เครดิตจาก : www.direngreythailandfanclub.com นะจ๊ะๆ (ใครอยู่ในบ้านเดอยกมือขึ้น) จากคุณ : ale_j_del เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 23:27:24

ความคิดเห็นที่ 37   ^ ^ จิ้มทะลุไป คห.34 กรี๊ดดดดดดดดดด รูปนี้ไม่ไหวจริงๆ ขอโทษทุกท่านด้วยค่ะที่ทำให้รอ แต่จนแล้วจนรอด เราก็เขียนไม่เสร็จอ้ากกกกกกกกก แต่พรุ่งนี้จะเอาตอนสุดท้ายมาลงแน่นอนค่ะ รับรอง T.T แล้วศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นี้ อยากให้ทุกคน ทั้งสาวก แฟนคลับ เคยฟังเฉยๆ หรือแค่คนผ่านมาอ่าน ซักถามข้อสงสัย มาช่วยกันแชร์ความคิดเห็น วิจารณ์งานเพลง เล่าประสบการณ์ ระลึกความหลัง บลาๆๆๆๆ  กันในกระทู้นี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 23:58:18 แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 23:57:03 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 23:55:24

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ว๊ากกกกกกกก มัวแต่กรี๊ดตกใจที่เดอขึ้นแนะนำ   ไม่ทันมองชื่อจขกท.คนเก่ง ก่อนอื่นขอทักทาย อาคุณaey_omu (พี่คนกลางแห่งบ้านเดอนะค๊า ^^) - สารภาพก่อนว่าตอนญี่ปุ่นบูมๆ เราแอนตี้ค่ะ ยังเป็นเด็กไม่มีเหตุผล(เลวจริงๆ) แต่ที่คำโบราณว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น (แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง อรจิรา ทุกวันนี้หายใจดัง เดอออ ฮ่ะ เดอออ) - สารภาพอีก เราเป็นคนที่ชอบเดอในยุคกลางตอนปลาย ตอนกลายพันธ์เป็นเมทัล(หาคำจำกัดความยาก)แล้ว เถื่อนกระชากจิตและวิญญาณ ความสนใจทำให้ย้อนไปอดีตอันเป็นหลังมือของพวกเค้า อ่านบางประวัติ แอบเคืองๆพวกที่รักคำว่าVisualจ๋า แบบว่าพอชินยะไม่ใส่กระโปรง พี่ดายไม่ตีหัวฟูแล้วเลิกชอบ (กลับกลายเป็นแอนตี้ไปซะอีก ตกลงมันฟังเพลงป่ะเนี่ยะ?) แต่ก็นะ ใจคนยากแท้หยั่งถึง *ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเอง ก็เหมือนถ้าเดอไม่Dark ไม่เถื่อน ไม่ดิบ เราคงไม่หันมาสนใจ และก็ไม่อาจคลั่งขนาดนี้ มาชอบตรงเพลงเฮียมาโซคิสนี่หล่ะ สะใจทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะLIVEเลือดสาด(สะใจโรคจิตอย่างเดี๊ยน *q*) ตอนดูLIVE Conceive Sorrow ที่พี่เคียวทิ้งไมค์แหกปาก ทำเอาข้าพเจ้านั่งร้องไห้ เอาหัวโขกเหลี่ยมโต๊ะเหมือนคนบ้าไปเล้ย >< d เฮียเคียวสุดยอดดด! *ขอบคุณ คุณaey_omuมากๆนะคะ ที่นำบทความลึกซึ้งถึงเดอมาเผยแพร่ บางอันเราก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน ยิ่งรู้ยิ่งรัก ยากถักถอน(เน่าโอ่กกก ><) ถึงเราจะมาชอบเดอยุคหลัง(ด้วยความดิบส่วนตัว) แต่เรากลับรักเดอในทุกยุคที่เป็นมา มันคือการเริ่มต้น พัฒนา ตัวตน และจิตวิญาณที่รวมเป็นเดอในทุกวันนี้ ขอบคุณที่มีเดอในทุกยุค ขอบคุณที่มีเดอในวันนี้ (ถึงแม้ตาท๊อจจะแฟชั่นดาวเนปจูนไปนิด 55) แต่จะมั่นคงขอเป็นสาวกเดอด้วยความเต็มใจต่อไป วงนี้มันมีเซอร์ไพส์ตลอดๆตื่นเต้นที่ได้ลุ้นความคืบหน้าทุกครั้ง วิ๊วว์ ขอโทษที่ยาว แต่อยากบอกว่าคุณค่าของเดอจะมากหรือน้อย ไม่ใช่เพราะความนิยมจากแฟนเก่าชาตินิยมที่เสียไปมากมาย ในทางกลับกัน กาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ได้พิสูจน์คุณค่าอันแท้จริง(กว่าจะเป็นเพชรมันต้องใช้เวลา//อวยเข้าไป) ให้เดอได้ค้นพบแฟนเพลงตัวจริงที่ยังคงรักพวกเค้าจนถึงทุกวันนี้เช่นจขกท และแฟนกลุ่มใหม่ที่รักและชื่นชมคุณค่าผลงาน ฝีมือ ที่เป็นตัวตนของพวกเค้าอย่างแท้จริง (แลกมาได้คุ้มนะจ๊ะ อิอิ) อ่านแล้วชอบมากค่ะ แล้วมาต่ออีกนะค๊า  ซึโก๊ยยย! แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 23:26:40 จากคุณ : ale_j_del เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 02:49:27

ความคิดเห็นที่ 39 เราเพิ่งมาชอบเดอในยุคหลัง แต่ก็หาเพลงยุคเก่ามาฟังด้วย สำหรับเรา เราชอบยุคกลางๆที่ไม่หนักมากเกินไป (แถมช่วงนั้นแต่งตัวกันน่ารักทุกคน ฮา ยุคเคียวคิตตี้อ่ะค่ะ) สำหรับเดอในปัจจุบัน เราว่า Uroboros เป็นอะไรที่ลงตัวนะ ดนตรีแน่น ไม่กรี๊ดกระแทกหูคนฟังมากไป =w=" ถ้าอัลบั้มต่อไปยังคงคุณภาพนี้ได้ พอดีๆเน้นดนตรี เราคงจะตามต่อไปล่ะค่า จากคุณ : Catty Candy เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 03:28:07

ความคิดเห็นที่ 40 แวะเอารูปมาแปะ  ดีใจๆ สาวก Dir  ยังอยู่กันเพียบเลย จากคุณ : blizday เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:43:48

ความคิดเห็นที่ 41 อีกสักรูป  ยุค the final จากคุณ : blizday เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:44:41

ความคิดเห็นที่ 42 ยุค saku จากคุณ : blizday เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:45:39

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นการ์ตูน ซะหน่อย จากคุณ : blizday เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:47:39

ความคิดเห็นที่ 44 เครดิตรูปก็ตามภาพนะครับ  ส่วนที่ไม่มีเครดิตต้องขออภัย เพราะว่าโหลดมาเก็บไว้นานมากแล้ว  แล้วก็เก็บมาเรื่อยๆ จากคุณ : blizday เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:49:31

ความคิดเห็นที่ 45   มาต่อแล้วจ้า เฮ้อ กระทู้นี้มันยาวจริงๆเว้ย ก่อนอื่น ขอพูดเรื่องลิขสิทธิ์นิดหนึ่งนะคะ สำหรับDir en greyนั้น ตั้งแต่ปี 2006 ก็เริ่มมีลิขสิทธิ์ในอเมริกา อัลบัมแรกที่ออกคือ withering to death มีพิเศษตรงที่ จะมี mv dead tree แถมให้ด้วยค่ะ สำหรับลิขสิทธิ์ในยุโรปนั้น มีต้นสังกัดอยู่ที่เยอรมัน ครอบคลุมการซื้อขายทั้ง EU ค่ะ เว้นอังกฤษ ลิขสิทธิ์จะอยู่ใต้บริษัทของอังกฤษโดยเฉพาะ จนถึงปลายปี 2007 นั้น Dir en grey เดินทางไปเปิดการแสดงหลายประเทศทั่วยุโรป ทั้งในฐานะ one-man live และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล (ซึ่งก็จะต่อด้วย one-man live ทุกที) ขอlist มาให้ดูอย่างย่อๆโดยไม่บอกรายละเอียดนะคะ UK Sweden Denmark Germany Finland Poland Netherland Switzerland France นอกยุโรป ได้แก่ USA Canada ในช่วงปีดังกล่าวนี้ community ของสาวกเดอต่างๆในinternet คึกคักขึ้นมาก ประกอบด้วยมนุษย์ต่างชาติ หลากสายพันธุ์ จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:22:01

ความคิดเห็นที่ 46   >>>>2008 เริ่มต้นปีด้วย Hide memorial summit หลังรอมานานนับสิบปี เช่นเดียวกันกับสาวกชาวไทยหลายๆท่าน ในที่สุด Dir en grey ก็สมหวัง กับการรอคอยอันยาวนาน X-Japan reunion พร้อมๆกับที่...พวกเขา...ได้ขึ้นไปยืนบนเวทีเดียวกัน Dir en grey ได้รับเกียรติให้ขึ้น Hide memorial summit day 2 ได้ขึ้นเวทีเดียวกันกับ Lunasea และ X-Japan เราเชื่อว่า หลายท่านแถวนี้ คงนึกความรู้สึกของเดอในตอนนั้นออกได้ไม่ยาก วันนั้นเป็น live ที่ดีที่สุด liveหนึ่งของ Dir en grey จำได้ว่า ช่วงแรกๆที่มีข่าว X reunion มาพร้อมๆกับกระแสสมาชิกคนที่หกนั้น เกิดสงครามย่อมๆขึ้นในหลายเว็บไซต์  Dir en grey เป็นวงหนึ่งที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยว แน่นอนว่า หากติดตามเดอมาโดยตลอด คงพอนึกสภาพของเดออก ว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่เดอ ทั้งคาโอรุและดาย จะเข้าไปเป็นสมาชิกคนที่หกของX ทั้งเพราะเดอเอง ยึดหลักไปไหนไปด้วยกันทั้งวง ไม่แตกแถว และทั้งเพราะตารางคิวที่เต็มไปจนปีไหนๆ รวมถึง ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มวาดฝันที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาแล้วด้วย อย่าว่าแต่สมาชิกเลย ต่อให้เป็นguest ชั่วคราว ก็เรียกว่ายังปลีกตัวมายาก  แต่สภาพการถกเถียงในinternet กลับดุเดือดรุนแรง แม้แต่ที่ไทยเองก็ตาม จำได้ว่าเคยมีกรณีที่เถียงกันไปเถียงกันมา กระทั่งมีการด่า Dir en grey อย่างรุนแรง ตั้งประเด็นแปลกๆขึ้นมาพูดกัน เช่นว่า Dir เป็นวงที่ลอก X มา  เดอมีความบกพร่องมากมาย คาโอรุฝีมือไม่เอาไหนสุดๆ ฯลฯ ไอ้การถกเถียงกันแบบนี้ ส่วนตัวคนเขียนไม่ได้เห็นเป็นเรื่องซีเรียสอะไร แต่พอลองอ่านดู กลับพบความจริงข้อหนึ่งว่า ความจริงแล้วDir en grey เป็นวงที่คนไทยรู้จักกันมากวงหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คงไม่ได้ติดตาม อาจแค่ได้ยินชื่อจากการที่ป๋าโยชิกิ แกเคยproduceให้ในอดีต และแม้หลายท่านประเมินค่าเดอต่ำกว่าความเป็นจริง และออกตัวว่าไม่ชอบ แต่ถ้าเดอมา เราคิดว่า คงจะแห่กันไปดูแน่ๆ ส่วนตัวแล้ว จึงแอบวาดฝันเล็กๆว่า วันหนึ่ง Dir อาจจะมาไทยก็ได้นะ (นั่นเพราะหลายประเทศในยุโรปก็เช่นกัน แรกสุด เพียงเคยได้ยินชื่อจาก rock am ring แต่ไม่เคยฟัง สถานการณ์บางส่วนคล้ายกันอยู่) ช่วงกลางปี พวกเขาออก Glass skin ซิงเกิ้ลที่โทชิยะ พิสูจน์ว่า คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด ด้วยการปาดผมออกครึ่งหัว (ฮาๆนะคะ) ซิงเกิ้ลนี้ออกอารมณ์หม่นๆ ช้าๆ ได้อารมณ์ดี แต่คนเขียนสารภาพว่า ชอบ  Dozing green ซิงเกิ้ลก่อนหน้านี้มากกว่า Dozing green เป็นเพลงในจังหวะปานกลาง ที่เครื่องดนตรีทั้งห้า ประสานกันได้ลงตัวมากที่สุดเพลงหนึ่ง โดยเฉพาะกีต้าร์คู่ ที่เล่นล้อกันไปตลอดทั้งเพลง ฟังแล้วขนลุกทุกที ให้ตายเหอะ ในปีนี้ ก็เช่นเดียวกับปีก่อนๆ คือทัวร์ ทัวร์ ทัวร์ แล้วก็ ทัวร์คอนเสิร์ต แต่ครั้งนี้ การเดินทางของ Dir en grey ค่อนข้างจะเป็นรูปเป็นร่าง กล่าวคือ แต่เดิม พวกเขามักจะไปประเทศละนิด ละหน่อย คล้ายกับลองเชิง แต่ครั้งนี้ พวกเขากำลังปฏิบัติงานจริงอยู่ Dir en grey ทัวร์ USA และ Canada อย่างจริงจัง  one-man show ภายใต้ชื่อทัวร์ของ Dir en grey รวม 22 live และแล้ว Uroboros อันลือลั่น ก็ถูก releasedออกมากลางทัวร์ครั้งนั้น ไม่นานจากนั้น คอนเสิร์ตใหญ่ Uroboros -breath- ก็ถูกจัดขึ้นที่ Osaka jo hall ฮอลล์แห่งความหลังแห่งนั้น แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 21:26:24 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:25:20

ความคิดเห็นที่ 47   >>>>>2009 Uroboros คนเขียนคิดอยู่นานมาก ว่าจะเขียนถึงอัลบัมนี้อย่างไรดี ก่อนอัลบัมจะออก คาโอรุรีพีทประโยคเดิมที่เคยพูดทุกครั้งที่ออกอัลบัมใหม่ "นี่เป็นอัลบัมที่ดีที่สุดของเรา" เราขำก๊าก แน่ล่ะ วงคุณภาพ อัลบัมล่าสุดย่อมดีเสมอ แต่อัลบัมนี้ต่างออกไป... ทันทีที่ได้ฟังUroboros คำพูดของคาโอรุ ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ ที่พูดเป็นประจำดาดๆทั่วไป อัลบัมนี้พิเศษต่างออกไปจริงๆ ในขณะนั้นคนเขียนได้รับคำสั่งจาก JAMEworld thailand เว็บ J-rock ระหว่างประเทศชื่อดัง คาดว่าหลายๆท่านในนี้คงเคยใช้บริการ ให้ทำบทวิจารณ์อัลบัมนี้ในฉบับภาษาไทย นั่นเป็นจุดที่ยากที่สุด เรารับคำสั่งมาอย่างตื่นเต้น แต่ก็สบายใจ แต่พอฟังเพลงแล้วกลับร้อนใจไปหมดทุกอย่าง มันยากมาก ที่จะพูดออกมา ว่าอัลบัมนี้เป็นอย่างไร แต่ทั้งอย่างนั้น...เรากลับร้อนใจ อยากจะเขียนมันออกมาให้ได้ ในฐานะคนฟังเพลงคนหนึ่ง ยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะ Uroboros ใช้ดนตรีที่ค่อนข้างหนักหน่วงรุนแรง แต่กลับใช้เมโลดี้ที่สวยงามอ่อนหวาน เมื่อฟังแล้ว จะต้องมีสักเพลง ที่คนฟังรู้สึกถูกจี้จุด อารมณ์ถูกกระชาก คล้ายกับโดนเสียดแทงเข้าไปยังส่วนลึกของจิตใจ เป็นอัลบัมอันน่าสะพรึงกลัว ความจริงตั้งใจจะคัดบทวิจารณ์ของนักวิจารณ์มืออาชีพหลายๆท่าน ที่ได้พูดถึงอัลบัมนี้ไว้ แต่คิดไปคิดมา ส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษสำนวนศิลปิน ซึ่งอ่านเข้าใจยาก จะแปลก็กลัวผิด และอะไรก็คงไม่เท่าได้ฟังเอง ดังนั้น ขออย่างเดียว ให้ทุกท่านลองฟังเพลงในอัลบัมนี้ดู แล้วตามด้วยบทวิจารณ์ต่างๆนาๆ จากนั้นกลับไปฟังอีกสักครั้ง (ขอมากไปไหมนี่) เพลงที่แนะนำ Vinushka(แน่นอน), rakiketsu nariseba, Stuckman อันนึ้แบบว้ากหน่อย Toguro, Ware yami tote แบบไม่ค่อยว้าก และ Inconvenient Ideal เพลงซึ่งไม่มีว้าก (ว้าาากกก จริงเรอะ) หลังอัลบัมออกได้ไม่นาน Dir en grey เข้าร่วมKerrang tour 2009 ทัวร์ที่จัดโดยนิตยสารเมทัลชื่อดังของอังกฤษ บรรณาธิการของนิตยสารนี้ได้เคยกล่าวไว้ว่า เขาเลือก Dir en grey ไม่ใช่เพราะเดอเป็นวงต่างชาติจากตะวันออก แต่เป็นเพราะดนตรีของ Dir en grey อย่างแท้จริง ไลฟ์สุดท้ายของทัวร์นี้ เกิดเหตุการณ์ไฟดับโดยไม่คาดฝันขึ้น ทำให้ต้องยกเลิกไลฟ์นั้นไป ส่งผลให้บรรดาสาวกทั่วยุโรป ที่ต่างเดินทางมาที่อังกฤษเพื่อดู Dir en grey โดยเฉพาะ เดือดดาลมาก พวกเขาอัดวิดีโอด่าKerrang up ขึ้นยูทูบ จุดน่าสนใจไม่ได้อยู่ที่ไฟดับ แต่อยู่ที่ มันทำให้เราได้ทราบว่า เดอเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ในหลายประเทศทั่วยุโรป จากนั้น...ตามด้วยทัวร์ญี่ปุ่นอย่างบ้าระห่ำ ราวกับจะลองใจแฟนๆ ช่วงกลางปี (ซึ่งก็คือเมื่อไม่นานมานี้) พวกเขากลับไปทัวร์ยุโรปอีกครั้ง Holland France - co-headline : Killswitch Engage Germany Italy Switzerland Czech republic Poland ตามด้วย Rock am ring และ Rock im park เป็นปีที่ 3 (ครั้งนี้พวกเขาขึ้น club stage และ coca cola tent ตามลำดับ -> ชื่อน่ากินจัง) Download Festival (2nd stage) แห่งอังกฤษ (มีคนบอกเราว่า มันเป็นเทศกาลร็อคที่ใหญ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากกกกกกกกกก) Nova rock แห่ง Austria และ Metal town แห่ง Sweden ตารางในปีนี้หน้า ที่พอทราบคร่าวๆก็คือ เดอตั้งท่าจะกลับไปที่อังกฤษและอเมริกาอีกครั้ง โดยจะเปิดตลาดใหม่ในบราซิล และอเมริกาใต้อื่นๆ --- หมายเหตุ ความจริงแล้ว ทุกครั้งที่เดอกลับญีปุ่น ก็จะมีทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่น้อย ตามเวลาที่มี แต่เราไม่ได้แจกแจงไว้ในรายละเอียดนะคะ ---- ก็ขอจบการreviewไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอปิดท้ายด้วย Inconvenient Ideal เพลงที่อยากให้ทุกคนได้ฟังกัน และเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบัม Uroboros แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 21:42:19 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:33:52

ความคิดเห็นที่ 48   คนเขียนขอออกความเห็น โดยส่วนตัวแล้ว สำหรับ Dir en grey เรื่องที่น่าสนใจที่สุดก็คือ เรื่องการเปลี่ยนแนวเพลง การเปลี่ยนการแต่งกาย ซึ่งยังผลให้สาวกหายไปเป็นจำนวนมาก สำหรับเรื่องนี้ เป็น conflict หนึ่ง ที่เหล่าสาวก รวมถึงเพื่อนๆในกระทู้นี้ด้วย ก็ตั้งท่าจะพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ สำหรับเราแล้ว เราเป็นคนหนึ่งที่เคยเลิกชอบเดอไป เพราะเดอเลิกแต่งตัว.... 555+ จริงๆนา เป็นประสบการณ์ชนิดเรื่องจริงผ่านจอ สมัยหัวยังเกรียนค่ะ ขออนุญาตเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเข้าใจคนที่เลิกชอบเดอแบบเราบ้าง แรกสุดเราชอบเดอ เพราะเพลงฟังแล้วมันรุนแรง ทำให้หายเครียดได้ เราชอบเพลงจริงๆนะ แต่ไปๆมาๆ การที่เราคลั่งขนาดหนัก คงเป็นเพราะเดอแต่งตัวแปลก พอชอบวงนี้แล้วเท่ดี ด้วยความคิดตามประสาของเด็กม.x (ขอเซ็นเซอร์หน่อย) แต่พอเวลาผ่านไป เดอเกิดเลิกแต่งตัวขึ้นมา เราร้อนใจมากล่ะตอนนั้น จนในที่สุด แม้จะยังซื้อข้าวของของเดออยู่ และปากจะบอกว่าชอบเดอ (แถมยังไปว่าคนที่เลิกชอบด้วยนะ ว่าไม่แต่งตัวแล้วเลยไม่ชอบ) แต่จริงๆแล้ว เราก็เลิกสนใจเดอไป แต่น่าแปลก...ที่เราก็ไม่ได้ไปสนใจฟัง visual ที่แต่งตัวแรงวงอื่น ที่แปลกยิ่งกว่าคือ วันดีคืนดี เราก็เอาเดอยุคที่เราชอบขึ้นมานั่งฟังนอนฟังคลายเครียด หลายปีผ่านปายยยย มาคิดๆดูแล้ว ช่วงเวลาที่คนเลิกชอบกันเยอะๆนั้น มันผสมๆกันหลายอย่าง ทั้งเรื่องการแต่งกายและแนวเพลง เพียงแต่เรื่องแนวเพลงมันเรื้อรังมานาน ในขณะที่เรื่องการแต่งกาย มันค่อนข้างจะชัดเจนกว่า เรามั่นใจอยู่ลึกๆว่า สาวกที่เลิกชอบไปส่วนใหญ่ เขาเลิกชอบเพราะเพลงของเดอไม่ใช่แบบที่เขาชอบแล้ว ส่วนการแต่งกาย มันเป็นเหมือนชนวน ที่ช่วยเร่งระเบิดเวลาให้เร็วขึ้นก็เท่านั้น ย้อนกลับมาเรื่องของเรา มันไม่จบเท่านั้น......(แน่นอน เพราะไม่งั้นคงมานั่งพิมพ์กระทู้นี้ไม่ได้) เรายังคงซื้อของเดอทุกอัลบัมอย่างไร้เหตุผล และฟังอย่างซังกะตาย จนเลิกฟังไปในที่สุด เป็นเวลาสัก 2 ปีได้ เวลาผ่านไป อยู่ๆ เราก็เกิดไปฟัง Dir en grey ขึ้นมาอีก เวลาเปลี่ยน เพลงเปลี่บน วงเปลี่ยน แฟนเพลงก็เปลี่ยน เรารู้สึกแบบนั้น เพราะขณะที่เราได้ฟังเพลงเดออีกครั้ง ในเวลาที่วุฒิภาวะและจังหวะชีวิต เหมาะเจาะกับเพลงของ Dir en grey เรากลับฟังเพลงของวงเดิม ในความรู้สึกนึกคิดที่ต่างออกไป เรารู้สึกคล้ายๆกับว่า เราเคยฟังเพลงของวงวงหนึ่ง ชอบมาก แล้วเลิกชอบไป วันหนึ่งก็หันไปชอบวงใหม่ ที่ดันบังเอิญเป็นวงเดียวกัน! เราจึงเข้าใจความรู้สึก ของสาวกยุคเก่าที่เลิกชอบ พร้อมๆกับเข้าใจความรู้สึกของสาวกยุคใหม่ เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟังนะพี่น้อง แต่สรุปว่าตอนนี้ เนื่องจากชอบเดอแบบขาดออกเป็นสองท่อนที่ต่อกัน(เข้าใจไหม) เราจึงต้องตามเก็บของเดอให้ครบ เปลืองเงินจริงๆ! ---------------------- สุดท้ายขอปิดด้วย รูปด้านล่างนี้ (ซึ่งเป็นรูปเดียวกับรูปบนสุด) เป็นรูป Dir en grey ใน Rockmaykan คลับอินดี้เล็กๆ ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง X, L'arc en ciel, Lunasea, malice mizer, pennicillin ไปจนถึง Dir en gry เคยเล่นไลฟ์ในสมัยยังไม่ดัง แต่รูปนี้ถ่ายเมื่อต้นปีนี้ ที่ Dir en grey แอบไปเล่นไลฟ์ลับๆที่นี่ โดยไม่บอกใคร แต่สาวกก็จับได้ไล่ทัน ตามกันไปดูอีก ป.ล. sugizo เป็นหนึ่งในคนดูของไลฟ์นี้ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 22:44:00 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 21:45:28 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 21:40:43 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:40:14

ความคิดเห็นที่ 49   ขอเล่าที่มาที่ไปจัวเองบ้างดีกว่า ส่วนตัวผมเองแล้ว เคยฟัง Dir มาตั้งแต่สมัยแรกๆแล้วหล่ะครับ แต่ตอนนั้นยังแต่พวกเพลงป๊อป จนถึง เจร็อค จึงทำให้รู้จักผ่านๆเท่านั้น แต่พอตอนหลัง ซักประมาณ 6-7 ปีที่แล้วหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ ผมเริ่มหันไปฟังเพลง rock ฝั่งอเมริกา ไปจนถึง metal ก็บ้าไปพักนึง จนเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว (ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่) กำลังบ้าแนว post-rock ดนตรีแรงแบบ metal  ฟังน้อยลงมาก แต่ก็มีเพื่อนในเว็บ ที่คอยแนะนำวงแปลก จึงได้กลับมาฟัง Dir อีกครั้งในความรู้สึกที่เปลี่ยนไปแบบ จขกทเลย คือรู้สึกชอบงานยุคหลังมากๆเลย มันให้ความรู้สึกของคนที่เคยชอบดนตรีหนักๆ  แล้วมาฟังงาน Dir ยุคใหม่ ทำให้รู้เลยว่า Dir เป็นวง Rock/Metal/Visual Kei/J-Rock (ผมใช้การจำกัดแนวแบบมายสเปซแล้วกัน มันค่อนข้างเข้าใจง่ายดี) ที่มีเอกลักษณ์มากกว่าวง metal ฝั่งตะวันตก เป็นพันๆวง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อร้อง ทำนอง ความหนักหน่วง เมโลดี้ หรือวิธีการเล่นดนตรีเมทัลในแบบพวกเขาเอง ทำให้รู้สึกเลยว่า ต่อให้ Dir จะเลิกแต่งตัว แบบบ้านๆไปเลย ผมก็จะฟัง เพลงเมทัลอะไร นอกจากโหด ยังหลอน เศร้า หวาน  เยี่ยมไปเลย จากคุณ : runangel (runangel) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 22:34:45

ความคิดเห็นที่ 50 เราเคยถูกถามว่า ,,, ยังจะชอบวงนี้อยู่อีกเหรอ คำตอบคือ ,,, ยังไงก็รัก 5555+ ดีใจที่ได้เห็นแฟนเดอ ฯ ในบอร์ดนี้นะคะ :))))) จากคุณ : AnMai เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 00:44:12

ความคิดเห็นที่ 51   ถ้าวันนั้นรุ่นพี่ผมคนนึงบอกว่า นักร้องคนนี้เตี้ยเหมือนเอ็งเลยว่ะ ผมคงไม่ได้ฟัง เดอฯ จนถึงวันนี้ครับ T^T Under the name of justice , You can't Break my SOUL !!!! ชอบมากก >< จากคุณ : MAOU'z เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 01:42:11

ความคิดเห็นที่ 52 อ่าา คุณ aey_mou โพสจบแล้วสินะครับ คราวนี้ผมขอแจม ๆๆ 55+ สำหรับเดอ ผมเองเพิ่งจะเปิดใจฟังเมื่อ 2-3 ปีมานี่เองครับ เพราะพี่ในวงเค้าบอกว่าวงนี้น่ะเจ๋งมากๆ แต่ผมเดิมทีเกลียดวิช่วลครับ เกลียดพวกแต่งตัวแรงๆ แต่เพลงไม่แรงเท่า เลยจะพาลไม่ชอบวิช่วลวงอื่นๆไปด้วย (อีกอย่างผมชอบลุคนักดนตรีแบบเท่ๆ ร๊อคๆ ครับ ไม่ได้เป็นลุควิช่วลจัดจ้านนัก) มันเริ่มที่งานประกวดคัพเวอร์งานนึง ผมเองก็ไปเล่นลาร์คตามปกติ แล้วก็ลงมาฟังวงอื่นๆ พอเพลงๆนึงขึ้นมา ผมหยุดกึกเลยครับ "โอ้ เจ๋งว่ะ" ผมอุทานในใจ ผมเลยหันไปถามพี่ในวงว่า นี่เพลงอะไร พี่เค้าก็บอกว่า " The Final " อ๋อ นี่เหรอ เดอ ออง เกรย์ .. ผมกลับมาฟังแบบต้นฉบับที่บ้าน.ในยูทูปอีกที พระเจ้า !! มือเบสมันชื่ออะไร ทำไมเท่ได้ขนาดนั้นวะ กลองมันตีได้เท่มาก จังหวะสวิงสวยงามชดช้อย กีต้าร์สีแดงสวยเว้ย กีต้าร์อีกคนเท่จังวะ .. แต่ที่สำคัญที่สุด เพลงมันกระชากใจมาก มันทั้งเกรี้ยวกราด เจ็บปวด แต่ก็เศร้า เท่ รู้สึกมันพลุ่งพล่านไปหมด ผมมักจะฟัง หรือเล่นเพลงนี้ เวลาที่ผมรู้สึกอยากระบายความอัดอั้นครับ เคยโดนสายเบสบาดนิ้วเลือดไหลเพราะเพลงนี้มาแล้ว ใส่อารมณ์มากไปหน่อย 55+ แบบต้นฉบับหาดูได้จากยูทูปนะครับ ส่วนเวอร์ชั่นนี้ผมชอบมาก ตรงที่มันยังสื่อความรู้สึกของเพลงได้ครบถ้วน อยากให้ทุกคนลองฟังดูครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 04:30:58 จากคุณ : LL cool P เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 03:50:01

ความคิดเห็นที่ 53 หลังจากนั้น ผมก็เริ่มสัมผัสถึงดนตรีของเดอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมเริ่มที่ Withering to death. ก่อนครับ เลยไม่รู้สึกกับการแต่งตัวของเดอ แถมยิ่งหลังๆยิ่งรู้สึกว่าเท่มากด้วยซ้ำ (นับถือเฮียทช เป็นไอดอลเพิ่มอีก 1 คน ต่อจากป๋าเท๊ต และ ป๋าเจเลย) ยอมรับครับว่า ไม่ได้ฟังเดอครบทุกเพลง ทุกอัลบั้ม มีบางเพลงที่ผมชอบมากๆ กับบางเพลงที่ฟังจนจบไม่ได้ แต่ที่ผมชอบมันโดนใจจริงๆครับ จนล่าสุด UROBOROS นี่เป็นอัลบั้มที่ผมตั้งใจจะเปิดรับความเป็นเดอมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ผมมองว่า เดอ เข้ามามาสู่แนวทางที่ชัดเจนแล้ว จะเรียกว่าสุกงอมก็คงได้ ไม่รู้แฟนๆเดอจะคิดยังไงนะครับ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ UROBOROS เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดในสายตาผม ไม่มีเพลงไหนที่ผมทนฟังไม่จบ แต่กลับชอบเกือบทุกเพลงเลยด้วยซ้ำ มันเหมือนอัลบั้มที่บอกเรื่องราวของเดอที่ผ่านมาทั้งหมดได้ดีนะครับ เดอทำเพลงที่หนักหน่วงแบบเมทัล แต่ยังสัมผัสได้ว่ามีแต่ญี่ปุ่นเท่านั้นแหละที่มีวงแบบนี้ นี่แหละคือสิ่งที่โดดเด่นของเดอ เพราะแหวกกระแสเมทัลด้วยแนวทางตัวเอง ทำลายกำแพงเมทัลที่ฝั่งยุโรปลงได้  สิ่งนี้น่าชมเชยมากครับ ความชัดเจนในสไตล์การเล่น รวมถึงไอเดียในเพลงต่างๆที่ใส่เข้ามา มันทำให้อัลบั้มนี้ไม่น่าเบื่อครับ มีทั้งเพลงที่ช้าๆ เมโลดี้สวยๆ เพลงแปลกๆ เพลงมันส์ๆ เดอทำออกมาได้ชัดเจน และไม่หลุดจากภาพรวมของทั้งอัลบั้มเลยครับ เพลงนี้ผมชอบมากที่สุดในอัลบั้มครับ เฉือน Inconvenient Ideal ไปนิดเดียว เพราะเพลงนี้จัดจ้านกว่าในไอเดียครับ ทั้งเพลงคุณจะฟังไม่รู้เรื่องเลยจนถึงท่อนฮุค ท่อนฮุคก็เมโลดี้งดงาม หนักหน่วง มันส์มากๆ เสียงดนตรีแม้จะดูวุ่นวายแต่ก็มีระเบียบ และเสียงของเคียวมีกี่เสียงในเพลงนี้ลองนับดูครับ อยากรู้จิงๆครับ ว่าเดอทำเพลงนี้ออกมาได้ยังไงสุดยอดมาก ๆ จากคุณ : LL cool P เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 04:13:37

ความคิดเห็นที่ 54 สำหรับผมแล้ว แม้เดอจะไม่ใช่วงที่ผมเรียกตัวเองว่าเป็นสาวกได้ แต่ก็เป็นวงที่ผมคอยติดตามผลงานอยู่เรื่อยๆ มองจากมุมของผม เดอเป็นวงที่มีแนวทางของตัวเองชัดเจนมาก มีเอกลักษณ์สูง มีหลากหลายด้านให้เลือกมอง ถ้าสนใจดนตรีเมทัลอยู่แล้ว น่าจะลองฟังดูนะครับ ส่วนที่ชอบเดอตรงที่เป็นวิช่วล ก็คงต้องบอกว่าเดอตอนนี้ไม่ใช่วิช่วลแล้วครับ เป็นเมทัลอย่างชัดเจนในทุกแง่มุม แต่ผมเองก็อยากเห็นเดอเอาเพลงในสมัยวิช่วลมาเล่นในช่วงนี้ดูบ้างนะครับ คิดว่าคงแปลกใหม่ทีเดียว ขอบคุณ คุณ aey_mou มากนะครับที่รับหน้าที่รีวิวเดอให้ ของยังงี้ต้องให้แฟนพันธุ์แท้ทำ มันถึงจะสื่อได้อย่างที่ต้องการใช่ไม๊ครับ ปล. ขอแอบโปรโมทนิดนึง ตอนต่อไปของผม จะเป็นวงรุ่นใหม่ ที่เชื่อว่าแฟนๆลาร์คหลายคนน่าจะชอบครับ พรุ่งนี้ผมจะมาโพสให้อ่านกันครับ ปิดท้ายด้วยเพลงที่น่าจะติดหูได้ง่ายของเดอครับ (เพิ่งจะซ้อมไปก่อนโพสนี่เอง) สำหรับคนที่อยากลองฟังเดอ เริ่มจากเพลงนี้ก็ได้ครับ จากคุณ : LL cool P เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 04:30:14

ความคิดเห็นที่ 55   ขอแวะมาเพิ่มเติมนะคะ จริงๆเราล่ะอยากจะเขียนถึงเดอในทุกมุมมันซะจริงๆ แต่คงไม่ไหวล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ แวะมาแปะผลงานเก่าๆของตัวเอง เป็นการโฆษณา เอ้ยยยยย เป็นการเพิ่มเติมความรู้ให้ทุกท่าน หากบทความของเราพอจะมีประโยชน์บ้าง อันนี้เป็นบทวิจารณ์ Uroboros นะคะ เน้นวิจารณ์แบบไม่อิงหลักวิชาการ เพื่อนักฟังทั่วไปจะได้เข้าถึงได้ (แต่คนเขียนก็เพ้อเจ้อเหมือนเดิม) http://www.jame-world.com/th/articles-6295.html มีบทความอีก 3 ฉบับ แต่ตอนจะโพสท์ถึงรู้ว่า link พังซะแล้ว ติดไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวเอามาลงให้ ความหมายของ "uroboros" ในเชิงลึก อาการป่วยของ Kyo Dir en grey รายงานคอนเสิร์ต Dir en grey Live in Shiga   The final ข้างบนเพราะมากอ่ะ!! แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 12:26:49 จากคุณ : จขกท (aey_omu) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 12:26:29

ความคิดเห็นที่ 56 หลังจากชอบเดอมานานมาก ตั้งแต่ม.1 ปัจจุบันปี4แล้วค่ะ ^^ มายกมือถามอ่านกระทู้นี้ด้วยคนๆ อ่านแล้วรำลึกความหลังสุดๆ สงสัยต้องกลับมาเอาเพลงมาฟังใหม่ซะแล้ว ปล.ชอบcageมากค่ะ ชอบโซโล่ ทจจิ เว่อร์ จากคุณ : Conch เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 21:22:41

ความคิดเห็นที่ 57   ตกใจมากกกกกกกกกกกกกกก ไม่คิดว่า Dir จะ ขึ้นกระทู็้แนะนำ ดีใจสุดๆๆๆๆๆๆๆค่ะ ช่วงนี้เราก็ไม่ค่อยได้ติดตามงานวงนี้เลย แต่ก็ฟังเพลงเก่าๆอยู่บ้าง ส่วนอัลบั้มล่าสุดที่ตามก็The marrow of a bone แหะๆ เราชอบอัลบั้มนี้นะ ดูแรงๆดี 555+ แต่อัลบั้ม MACABRE นิคือสุดยอดในใจ   ขอบคุณจขกท.ด้วยนะคะ ที่ทำให้เราได้คิดถึงวันเก่าๆขึ้นมาได้ จากคุณ : MaTsu (db-pig) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 21:24:18

ความคิดเห็นที่ 58 แต่ก่อนชอบวงนี้มากเลย ชอบเป็นอันดับสองรองจากลาร์ค เพราะเป็นวงVisualวงแรกที่ฟังอย่างจริงจัง มาเจอเดอก็ในช่วงอัลบั้ม Withering to death. ส่วนมากคนที่มาเจอเดอในช่วงนี้ก็มักจะชอบเดอในยุคหลังๆมากกว่า เพราะเพลงมีความเป็นสากล มีความเป็นเมทัลอย่างเต็มตัว แต่เรากลับไม่เป็นอย่างนั้น กลับชอบช่วงVulgarมากที่สุด สำหรับเราอัลบั้มนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของเดอก็ว่าได้ เพราะส่วนผสมระหว่างความเป็นVisual Rockกับความเป็นร็อคแบบฝั่งตะวันตกมันกลมกลืนเข้ากันพอดี ไม่มีฝั่งไหนมากไปน้อยไป เพลงเร็วก็มันส์สะใจหนักแน่นสไตล์เดอ ส่วนเพลงช้าเมโลดี้ก็สวยแล้วก็มีเสน่ห์ แต่หลังๆมานี้พัฒนาการของเดอเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เอาใจตลาดฝั่งตะวันตกแบบเต็มตัว แต่เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่แนวทางที่เราชอบแล้วล่ะ แต่ก็ยังคงตามฟังเพลงอยู่ คือลดจากชอบมากๆ เป็นชอบธรรมดา แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่าเดอน่าจะไำปได้ไกลอีกมาก ถ้าปรับเป็นร้องภาษาอังกฤษร้อยเปอร์เซนต์เลยก็น่าจะเปิดตลาดได้มากกว่านี้อีกเยอะ จากคุณ : KikLaruku เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 22:43:19

ความคิดเห็นที่ 59 Dir en grey จะไม่กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ เพราะว่าตอนนี้พวกเขาขี่หลังเสือไปไกล แล้วครับ แล้วดูเหมือนจะไปได้ดีด้วย จับตลาดฝั่งยุโรป-อเมริกาได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นแล้วครับ กำเนิดจาก J-Visual จ๋า ที่เป็นส่วนผสมของ Melodic Punk ผสมกับอะไรอีก ก็ไม่รู้ซึ่งเป็นซาวด์แบบที่หาได้ในเกาะญี่ปุ่นเท่านั้น ออกมาเป็นเอกลักษณ์ ของนิยามคำว่า Visual แล้วก็ปรับดีกรีความแรงขึ้นไปเรื่อยๆกลิ่นอาย Nu Metal เริ่มเข้ามา แทนที่หนักขึ้นและหนักขึ้น ที่สุดแล้วตอนนี้สามารถพูดได้แล้วว่าวงนี้ก็ เป็น Metal วงหนึ่ง  ผมฟังบางเพลงของเขาในยุคหลังๆผมเข้าใจดีเลยว่า วงนี้มีคุณสมบัติครบเครื่องทางด้าน Metal มากๆ ริฟฟ์กีตาร์บางเพลง ทำให้ผมนึกไปถึง Thrash Metal ด้วยซ้ำ เสียงร้องของเคียว..เออต้องบอกว่าเสียงสำรอก(ว้าก) ของเขาสามารถไป ร้องแนว Death ได้เลย เกรี้ยวกราดและโหดถึงใจมาก แต่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนั้น คือพวกเขาก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็น ญี่ปุ่นอยู่ในลายเซ็น เมโลดี้ และอื่นๆ ผมยังเห็นว่าวงนี้เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยน มันมีบางพาร์ทของดนตรีที่ทำให้ยังได้กลิ่นความเป็นวิชวลอยู่ สำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากรสนิยมของพวกเขา และอีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องของการจับตลาดใหม่ เปิดโลกใหม่ ดนตรียุคหลังของวงนี้ขายได้ทางตะวันตก เพราะต้นกำเนิด Metal มันมาจากทางนั้น พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก โอกาสต่างๆจึง วิ่งเข้าหาพวกเขาอย่างที่เห็น เรื่องของพัฒนาการของวง ผมถือว่านำมาสู่จุดเปลี่ยนในทางที่ดี ไม่พูดถึงเรื่องแฟนคลับสาวกเดนตายของวิชวล แต่ผมพูดถึงพัฒนาการ ที่พึงจะมีของวงดนตรีวงหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถไปร่วมทัวร์กับ Nu Metal ที่เป็นตัวพ่อทั้งหลายในวงการตะวันตกได้ขนาดนั้น เพลงที่มันฝังอยู่ในหัวผมตลอดจนถึงทุกวันนี้ที่ทึกทักให้เป็นมาสเตอร์พีซ เอาเองก็มีแค่งานจากอัลบั้ม Withering to death อย่าง The Final, saku และ C    ส่วนยุคก่อนหน้านั้นที่ชอบก็มีแค่ Akuro no oka มีอารมณ์เพลง ดีมากจริงๆ ผมชอบการสื่อสารด้วยอารมณ์เพลงของวงนี้โดยเฉพาะเพลง saku ท่อนเวิร์สเริ่มมายังเฉยๆ แต่พอเข้าท่อนฮุคแล้วผมจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ เขาเรียบเรียงทางคอร์ดและเมโลดี้ได้น่ากลัวมาก ฟังแล้วจิตตก รู้สึกกดดัน ผมนั่งกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันตอนฟังฮุคเพลงนี้ทุกครั้งไม่รู้เป็นอะไร ๕๕๕+ ส่วนงานยุคล่าสุดสารภาพตามตรงว่าไม่ค่อยติดหูเลย ด้วยความ ก้ำกึ่งระหว่างเมทัลตะวันตกและตะวันออก มันทำให้ผมรู้สึกไม่สุด เมทัลตะวันตกมันจัดจ้านกว่ามาก ในขณะเดียวกันความสวยงาม แบบวิชวลมันลดลง เลยเกิดเป็นช่องว่างเล็กๆ แต่ยังยืนยันว่าวงพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีแล้วครับ ถ้าไม่ได้เป็นการ ขัดต่อความต้องการของทางวงเองจริงๆ ผมถือว่าสิ่งที่วงเป็นอยู่ตอนนี้ คือทางเลือกที่พวกเขาสมควรจะทำครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 04:00:35 จากคุณ : Norma Jump เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 04:00:02

ความคิดเห็นที่ 60 ชอบเพลงของ Dir en Grey ในอัลบั้ม Gauze ค่ะ เพราะทุกเพลงเลย จากคุณ : Nymph~* เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 13:57:27

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นสาวกที่แย่จิงตรู ตอนเคียวๆ เข้า รพ. เพราะหูซ้ายเหรอเนี่ย เฮ่อๆๆๆๆๆ เพิ่งรู้ๆๆ เดี๋ยวค่อยมาอ่าน ชักอยากไปนอนละ จากคุณ : + Musketeer ViVi + เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 04:12:15

ความคิดเห็นที่ 62 DIR EN GREY !! new looks จากคุณ : dizzy_love เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 08:35:41

ความคิดเห็นที่ 63 kyo ใสกว่าเพื่อนเลย ลุ้น single ใหม่ปลายปีนี้ ว่าเพลงจะแนวไหน จากคุณ : dizzy_love เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 08:39:13

ความคิดเห็นที่ 64 พี่เคียวหน้าเด้งกว่าตอนช่วง vulga อีกแฮะ - -* /โดนทจจี้ตบตี อยากจะบอกว่า... "รักเดอร์ที่สุดเลย" ถึงตอนนี้จะหนีไปมีกิ๊ก (วีดอลล์) ก็นะ - -* ตอนที่เคียวเสียหูซ้าย แล้วคิดจะลาออกจากวง เราคิดไม่ออกจริง ๆว่า ถ้านักร้องนำไม่ใช่เคียว ใครจะมาแทน ดีใจที่คนอื่นๆ ก็ไม่ยอมให้เคียวออก ดีใจที่พ่อบ้านทั้ง 5 รักกันมากกก TvT เราเริ่มมาชอบเดอร์ ยุคที่ vulgar ออกอ่ะ ตอนนั้น เห็นรูป แล้วรู้สึก เท่ห์มาก อารมณ์ในช่วงนั้น อยู่ในช่วงขาลงด้วย พอมาเจอ เลยเอาไปถามพี่ที่พอจะรู้จักพวก วงญี่ปุ่น ว่า วงนี้ชื่ออะไร แล้วก็ออกตามหา รูป + ประวัติ + เพลง อย่างบ้าคลั่ง อาทิตย์นึง หาไปได้ตั้ง 33 เพลง - -* ที่บ้านใช้เน็ตโลวสปีดด้วยเห๊อ - -* พยายามมาก เพื่อจะหามาฟัง ถึงตอนแรก จะฟังแนวแรงๆ ไม่ได้ ฟังได้แต่เพลงช่วงแรก ที่ยังวิช่วลลล ช่วง GAUZE นะคะ แต่พอฟังไปเรื่อยๆ ก็เริ่มฟังไอ้ที่แรงขึ้นจนได้ อันนี้เป็นเรื่องฮาๆ  แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเรานะ เราฟังเพลงเดอร์ที่แรงมาก ไม่ได้เลย ตามที่บอก แต่มีหนนึงที่เคยฟัง... แบบ แรงๆ  ตอนอ่านสอบวิชาชีวะ ตอนอยู่ ม.4 เพราะว่า มันจะมีควิซวันพรุ่ง เราก้อ อ่านไป ฟังเดอร์ไป เรื่องที่อ่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ระบบไหลเวียนเลือด" ซึ่งต้องท่องเส้นเลือดของหัวใจด้วย ฟังเพลงเดอ ท่องชีวะไปด้วย โอว... ซักพักนึง... ทำไมเพลงเดอที่ฟังมันมีคำว่า "โคโรนารี่ อาร์เตอร์รี่" วะ จริงๆ มันเป็น todokanai ashita o mite - -* จากเพลง Red...[em] หลังจากวันนั้น... ไปสอบชีวะ ไม่รู้ได้เต็มป่าว ลืมไปแล้ว แต่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง มันฮาก๊ากยกใหญ่ ฟังเดอร์จนหลอน ไปแล้ว 55555+ แต่หลังจากเหตุการเส้นเลือดแดงใหญ่สุดหลอนในวันนั้น ทำให้เราฟังเพลงแรงๆ ของเดอ ได้วันนี้ 55555+ จริงๆ มันเป็นเพียงการกรอกผ่านหูไปเฉยๆ เพื่อปรับให้ชินนะนั่น 5555+ เพราะว่าอยากฟังทุกเพลงของเดอจิงๆ เลยพยายามทำขนาดนี้ เพลง ที่เริ่มจะแหวกแนว ไม่ได้ทำให้เราเลิกชอบเดอร์หรอกนะ เรากลับยิ่งรักมากขึ้น ๆ พอ Withering to death ออก เท่านั้นละ ไปหามาฟังในบัดดล เป็นอัลบั้มที่เราเอง "ฟังกี่ทีก็ไม่รู้จักเบื่อ! " หลังจาก Wither ก็เป็นอัลบั้มที่ "จะมันส์ไปถึงไหนคะพี่ท่าน" เพลงช่วงหลังจากนั้น... ยอมรับว่าบางเพลง มันเหมือนไปสะกิดอะไรซักอย่างที่อยู่ใต้จิตสำนึกเรา อย่าง Dozind green ตามที่ว๊าก กรี๊ดๆ ตอนสุดท้าย ลองร้องตามพี่เคียวสิ มันจะเหมือนว่า ความรู้สึกอึดอัดใจทั้งหมดได้ถูกปลดปล่อยมาจริงๆ Glass skin... ฟังแล้วชวนเศร้าๆ หม่นๆ อย่างไรก้อไม่รู้... ดู PV ยิ่งแล้วใหญ่ ทุกอย่างมันแข็งไปเป็นแก้วคริสตัลหมดเลย... เฮ้อ Vishuka เขียนถูกมั้ยก็ไม่รู้  อันนี้ฟังแล้ว โดน 5555+ ถ้าให้เปรียบเทียบเหมือนอารมณ์ของคน มันเหมือนกับตอนแรก เราร้องไห้ ร้องแบบ เสียใจเวอร์ๆ แล้วมันก็กลับกลายเป็น... ร้องไห้ไม่ออก กลายเป็นว่า หัวเราะทั้งน้ำตา ราวกับคนบ้าแทน อะไรแบบนี้ แต่ที่ทึ่งอึ้งตะลึงเสียว ก็คือ Clever Slezoid จิกกัด ได้แสบมากค่ะ... ถ้าใครเคยลองอ่านคำแปลแบบคำหยาบพนึ่บพรั่บที่อยู่ในบ้าน โทโอรุ ณ เวบ Direngreythailandfanclub.com ดู...  ทึ่งไหมล่ะ เทพคิตตี้คะ คิดได้ไงเนี่ย... แรง แรง แรง แรงได้อีก  เจ้ชอบบบ >//////////< สำหรัึบเรา รวมระยะเวลาที่รักเดอ ก็ 5 ปีละจ้ะ ตอนนั้นยังอยู่ ม.3 เทอม 2 อยู่เลย ตอนนี้ขึ้นปีสองก็ยังรักอยู่ ยังคอยตามงานและฟังเพลง และตามไปร่วมโฮกฮาก cover ของวง ACID (และถ้าเป็นไปได้ เราไปได้จริงๆ เราตาม Lamentia ด้วย) ซึ่ง 2 วงนี้เป็นวง cover Dir ในประเทศไทย ที่เรารู้จักค่ะ Acid มีอยู่แล้ว มีมานาน จะบอกว่า อายุของวง เท่ากับระยะเวลาที่เราเริ่มชอบเดอร์เลย เพียงแค่ เรามาตามงานเอซิดช้าไป ส่วน Lamentia เีราเจอครั้งแรกที่งาน J-summer rock ปีนี้เอง เป็นวงใหม่มาก ซึ่งเราเองก็คอยเชียร์ และถ้าไปได้ก็จะไปเช่นกัน เสียดายจัีง ที่เผ่าพันธุ์เดอร์อองเกรย์ในไทย กลายเป็น สิ่งที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว (มันยังไม่สูญพันธุ์หรอกค่ะ เพราะทุกคนในที่นี้ก็ยังไม่ได้หายไปไหน จริงไหมคะ) ถ้าเรารวมตัวกันเหนียวแน่นเหมือน ฝั่งยุโรป เดอร์ก็คงจะมาไทยด้วยแน่ๆ T__T เราไม่รู้จะเลิกรักเดอร์ได้ยังไง เพื่อนเราเคยบอกว่า "เมิงบร้า เด๋วซักพักเมิงก็เลิก" มันพูดตั้งกะเราอยู่ ม.3 ตอนนี้ปีสองแล้วอะ เราก็ยังรักเดอร์ 555555555+ เราว่า เรารักวงนี้ โดยที่เราไม่ต้องให้ใครมาไซโค และก็ไม่ได้ตามใครเลย เราคุ้ยทุกอย่างที่อยากรู้เองในช่วงแรกๆ ปล. เคยไปดรีมเวิลด์กันมั้ย... อันนี้ขอนอกเรื่องหน่อย ตอนที่เราไปล่าสุด เราคุยกะเพื่อนซึ่งก็เป็นสาวกเจร๊อคเหมือนกันว่า  "รถไฟตะลุยอวกาศ" เนี่ย เหมือนเพลง cage นั่นละ เริ่มมาแบบ เนิบๆ แล้วมันก็จะกระชากจนต้องกรี๊ดดด กันทั้งหมด มันส์มากกก แล้วจึงค่อยผ่อนลงตอนท้ายๆ อิอิ ปล. 2 เค้าคือ vickiiz ในบอร์ด GAUZE เองจ้ะ 555555+ ปล. 3 ขอบคุณข้อมูล มาก ค่ะ จขกท. เพิ่งจะได้อ่านข้อมูลใหม่ๆ ที่รวมประวัติเดอร์เวอร์ชั่นไทย เพราะกระทู้นี้ เคยอ่านแต่แบบซ้ำๆ จนอยากรู้ว่า ทำไมมันต้องมีแค่นี้อะ 5555+ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 21:36:24 จากคุณ : + Musketeer ViVi + เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 21:32:45

ความคิดเห็นที่ 65 Review ยาวดีจังค่ะคุณ จขกท. ^0^ เคยติดตามฟังงานของ Dir ช่วงแรก ๆ อยู่บ้าง เราชอบ Ain't afraid to die กับ Yokan มากค่ะ ส่วนเพลงอื่น ๆ ฟังได้บ้างแต่ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ อาจเพราะเราจะชอบเพลงที่ค่อนไปทาง Melodic Rock หรือ Progressive Rock เสียส่วนใหญ่อ่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ นะคะ ได้ความรู้มากทีเดียวค่ะ ^^ จากคุณ : sugiichi เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 00:26:38

ความคิดเห็นที่ 66 ดีใจจัง ยังมีคนรักเดออยู่ นึกว่าไปเกาหลีกันหมดซะละ เราก็รักเดอ ถึงหลังๆจะไม่ค่อยได้ติดตามอะไรนักก็เหอะ รักชินยะ ตัวเล็กๆแต่ตีกลองหนักหน่วง รักโทชิยะ อย่าทำผมทรงนั้นอีก เราขอร้อง (ไม่ต้องบอกคงรู้กัน ทรงนั้นน่ะ) รักพี่ดาย ผู้ชายที่ใส่เสื้อบาสเล่นกีตาร์ได้เท่ห์ที่สุดในโลก(ในสายตาเรา) รักคาโอะ ถึงจะชอบเอาคิ้วมาผูกกัน แต่เรารู้ คุณทำเพื่อวงของคุณ รักเพ่เคียว ถึงพี่จะโหด แหก แว้ก ตะคอกใส่พวกเราแค่ไหน เราก็เห็นความน่ารักของพี่ อย่ามาทำแอ๊บโหด เราเห็นนะ เราชอบอดิดาสเพราะพี่ บ้าได้อีก จากคุณ : มนุษย์หมูป่า (มนุษย์หมูป่า) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 01:38:57

ความคิดเห็นที่ 67 เคยเห็นตอนทีเป็นวิชช่วล ตอนนั้นไม่ชอบเลยไม่ได้สนใจอะไร และเมือ่ไม่นานมานี้บังเอิญไปได้ฟังพอดี ตกใจเลยว่านี่มันวงเเดยวกันกับตอนนู้นเหรอวะ เลยเพิ่งได้มาติดตามช่วงที่ออกชุด best กับชุดล่าสุดนี้เอง จากคุณ : Jose Pasillas ll เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 12:06:37

ความคิดเห็นที่ 68   ผมเคยฟังของอัลบั้มแรกๆ เห็นแต่งตัวแรงมากเลย ตั้งเป้าไว้ว่าเพลงมันต้องแรงแหงๆ มีโยชิกิมาช่วยอีกตะหาก ซาวมันต้องหนักแน่นแบบ x แน่นอลล ไปๆมาๆ ลองฟังดู อ้าว จะแรงมันก็ไม่ใช่ จะเบามันก็ไม่เบา ก็เลยเลิกฟัง สาวๆคงจะชอบกันละมั้งนะ แต่เราคงไม่ใช่ง่ะ หลายปีผ่านไป ได้ฟังเพลงอัลบั้มหลังๆโดยบังเอิญ โห......นี่เหรอวะ วงสาวๆๆ ที่เคยฟังเมื่อก่อน โหนี่มันอะไรวะเนี่ย นี่มันสุดยอด นี่มันเมทัล นี่แหละแนวทางที่แท้จริงของพวกเอ็งโอววววว มันเป็นเมทัลที่ หนักหน่วง รุนแรง โหดเหี้ยม คั่งแค้น แต่ สวยงาม หลังจากนั้นก็เลยตามเก็บเพลงของวงนี้มาตลอด ทุกวันนี้ ถึงจะไม่ใช่สาวกตัวจริง แต่กล้าบอกว่าวงนี้คือ สุดยอดของเมทัลในใจผมที่ผมเคยฟังมา บูชา!!!!!!! จากคุณ : ScaldingTearZ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 23:37:33

ความคิดเห็นที่ 69 ฟัง dir en grey มานานนมแล้วครับ เริ่มฟังจาก yokan เพราะคิดว่ามันเป็นเพลงที่เบาสุดในตอนนั้นแล้ว เผลิญติด -*- ดูจากชื่อลอกอิน คงไม่ต้องบอกว่า ชื่นชอบเพลงนี้ขนาดไหน ตอนนี้ก็ยังฟังอยู่เด้อ จากคุณ : yokan เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 23:23:56