ความคิดเห็นที่ 1 Part 1: By คุณรัก MJ เหมือนกัน ฉันได้เห็นข้อความนี้มาจากบอร์ดอีกบอร์ดหนึ่ง  มันมีประเด็น (เรื่องจริง) ที่น่าสนใจ ที่อาจจุดประกายความคิดบางอย่างให้กับคนอ่านได้ล่ะ  โทษที ถ้าฉันโพสมันผิดห้อง สำหรับฉันแล้ว  เรื่องนี้มันบอกอะไรมากเลยล่ะ และ มันช่วยยืนยันสิ่งที่ปารีส (ลูกสาวของไมเคิล) พูดเกี่ยวกับการที่พ่อของเธอทำงานหนักมากเกินไป ฉันคิดว่าช่วงซ้อม this is it ก็ด้วย ไมเคิล คนที่เราเห็นกัน ดูเซื่องมากกว่าที่เคยเป็น เหมือนเขากำลังต้องทำงาน ไม่ใช่กำลังทำในสิ่งที่เขารัก http://www.mjj2005.com/kopboard/inde...=#entry1229658 เมื่อวาน ฉันได้มีโอกาสได้คุยกับคนที่ทำงาน This is it บุคคลคน ๆนี้ได้เคยร่วมงานกับไมเคิลเมื่อครั้งอดีต   ฉันเคยเห็นเขาในทีวีมาก่อน เขาใกล้ชิดกับไมเคิล และ ฉันก็เห็นเขาในหนังด้วย ชื่อของเขาปรากฏขึ้นในตอนท้ายด้วยนะ (End credits- รัก MJ เหมือนกัน) เขาอยู่ในไมอามี่ มาพักผ่อนกับครอบครัว และเพื่อนของฉันรู้จักเขา ฉันขอร้องเขาให้ฉันได้พบเขา และ เขาเป็นคนที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ  แล้วเขาก็รักไมเคิลด้วย ชายคนนั้นไม่ว่าอะไร ถ้าฉันจะแบ่งปันสิ่งที่เขาบอกฉันกับพวกคุณ  แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเงื่อนไขที่ว่า ชื่อของเขาจะไม่ได้รับการเปิดเผย เขายังอยู่ภายใต้สัญญากับAEG/Sony และ สามารถพูดอย่างเป็นทางการ ได้แค่เรื่องที่ดีเกี่ยวกับหนังและคอนเสิร์ต อย่างที่เขาบอกฉันนะ  “นี่ ผมยังต้องกินต้องใช้นะ เพราะงั้น ผมจำเป็นต้องทำตามที่พวกเขาบอก” อย่างไรก็ดี  ในเวลาเดียวกัน เขาก็บอกให้ฉัน “แบ่งปันสิ่งที่ผมพูดกับแฟน ๆ คนอื่น ๆ ด้วย เพราะว่า มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่แฟน ๆ ของไมเคิลควรได้รับรู้” ชายคนนี้ให้ความนับถือและชื่นชมไมเคิลมาก และพวกเขารู้จักกันมามากกว่า 20 ปีแล้ว   นี่คือ เรื่องสำคัญที่สุดที่เขาบอกฉัน; - ไมเคิลเป็น คนดี และอ่อนน้อมเสมอ ตั้งแต่พวกเขาพบกันครั้งแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาได้สังเกตว่า ระหว่างช่วงเวลาการซ้อม   ไมเคิล ดูเหมือนจะ ถ่อมตัวมากกว่าปกติ   จนถึงจุดที่ เขาคิดว่า ไมเคิลคงรู้สึก ไม่ปลอดภัยอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น   เขาเห็นว่า ไมเคิล ดูอ่อนแอ และ ทุกคนๆ พยายามทำให้เขารู้สึกดี โดยอัตโนมัติ ทุกคนอยากที่จะให้ เกิด แสงประกาย ในตัวเขา แบบเดียวกับที่ ไมเคิล คนเก่ามี    ตามข้อมูลจากชายคนนี้ ผลรวมของ การต้องขึ้นศาลในช่วงปี 2005 กับการที่เขาห่างหายจากสปอตไลท์ไปนาน ทำให้ไมเคิล รู้สึกไม่มั่นคง -ไมเคิลและ แรนดี้ ฟิลลิปส์ (CEO ของ AEG Live) เข้ากันได้ไม่ค่อยดีนัก ทุกคนรู้เรื่องนี้ แม้แต่ฟิลลิปส์ เองก็รู้ฟิลลิปส์ มีวิธีที่จองหองมากกับการต่อรองกับMJ  เขาอกสั่นขวัญแขวนว่าไมเคิล จะไม่พร้อมสำหรับการแสดง แล้ว AEG จะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก ตามที่ชายคนนี้บอก ฟิลลิปส์ แสดงอย่างชัดเจนต่อคนหลายๆคนเลยว่า คอนเสิร์ตเหล่านี้ จะต้องเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะว่า เขา “ต้อง (โดยส่วนตัว) ทำให้ทุกคนที่ AEG เชื่อว่า มันเป็นเรื่องดี” ดังนั้น งานของเขาจะอยู่บนความเสี่ยง ถ้ามีอะไรผิดพลาดไป     หลายครั้งเลย ที่ ฟิลลิปส์ จะไปหา ไมเคิลที่บ้าน กับออร์เทก้า (คนกำกับหนัง This is it และ คนคิดท่าเต้นในคอนเสิร์ตนี้) และ ทราวิส เพนย์ (คนคิดท่าเต้นอีกคนของคอนเสิร์ตเหมือนกัน)  เมื่อใดก็ตามที่ไมเคิลไม่มาซ้อม  บางครั้ง พวกเขาก็กลับมาพร้อมไมเคิลบางครั้งก็ไม่    คำอธิบายที่ใช้กับทีมงานก็คือ “ไมเคิลรู้สึกไม่ค่อยสบายวันนี้”  “ไมเคิลจะซ้อมที่บ้าน” หรือไม่ก็  “ ไมเคิลซ้อมกับโค้ชเสียงของเขาอยู่” ในตอนแรก ทีมงานก็เชื่อนะ แต่หลังจาก 2-3 สัปดาห์  ทุกคนก็เริ่มตระหนักว่า มีบางอย่างเกิดขึ้น เพราะ ถึงแม้ ออร์เทก้า กับ เพนย์ จะบอกว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็เหอะ มันก็เห็นได้ชัดว่า พวกเขาดูท้อแท้และกังวลอย่างมาก  และ มันก็มีการปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด ระหว่าง ออร์เทก้า ,ฟิลลิปส์ แล้วก็ เพนย์ แต่ เรื่องที่ว่า พวกเขาปรึกษาอะไรกันนั้น ก็ไม่เคยเปิดเผยอย่างแน่ชัด  เพราะ พวกเขามักดูให้แน่ใจเสมอว่า พวกเขาจะอยู่ในระยะที่ไกลมากพอที่คนอื่นจะได้ยิน   ระหว่างการสนทนาพวกนี้ หนึ่งในนั้น ก็มักจะคุยโทรศัพท์อยู่ตลอด แล้วก็ พวกเขาจะเวียนส่งโทรศัพท์กันไปมา    ชายคนนี้เชื่อว่า (ที่เล่าเรื่องให้ฟัง) เชื่อว่า พวกเขากำลังคุยกับไมเคิล จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:36:17

ความคิดเห็นที่ 2 Part 2: by แอร์ริโกะ ตามที่ได้เห็นไปแล้วในภาพยนตร์ ตัวไมเคิลเองก็ไม่ต้องการจะใส่เครื่องช่วยฟัง และตามที่บุคคลผู้นี้บอกกับฉัน “ถ้าคุณดูการแสดงคอนเสิร์ตต่าง ๆ ในอดีตของไมเคิล คุณจะไม่เคยเห็นไมเคิล แจ๊คสันใส่ไอ้เครื่องช่วยฟังนี่ เขาไม่ชอบใส่มัน และก็ไม่อยากจะใส่มันด้วย” ครั้งหนึ่ง ออร์เทก้าหัวเสียกับไมเคิลมาก เขาพูดต่อหน้าทีมงานทุกคนว่า “คุณต้องเข้าใจนะ ว่าคุณไม่มีสิทธิเลือก คุณต้องใส่มัน นี่มันจะเป็นการเล่นคอนเสิร์ตในที่ปิดนะ ไม่ใช่การเล่นคอนเสิร์ตกลางแจ้ง เพราะงั้น เสียงที่คุณได้ยินจะไม่เหมือนกันกับที่คุณเคยเล่นผ่าน ๆ มา” ออร์เทก้าพูดกับไมเคิลด้วยน้ำเสียงที่หยาบคาย ทุกคนในที่นั้นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นสีหน้าของไมเคิลเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สิ่งที่จะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ ชายคนนี้ยืนยันว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่การเตรียมคอนเสิร์ตจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเล่นในคืนวันเปิดตัววันที่ 13 กรกฎาคม ชายคนนี้ถามกับผมว่า ทุกคนก็รู้กันอยู่แก่ใจใช่ไหม “ว่าสิ่งที่คุณเห็นในหนัง จะต้องเป็นฉากที่เขาเลือกกันมาแล้วว่าดีที่สุด เป็นฉากที่การแสดงสมบูรณ์ที่สุด คุณรู้กันอย่างนั้นอยู่แล้วใช่ไหม” ฉันตอบไปว่า “ใช่ แน่นอนอยู่แล้ว” ชายคนนั้นจึงบอกต่อไปว่า “แล้วคุณรู้หรือเปล่า ว่าภาพที่คุณได้เห็นน่ะ ส่วนใหญ่ มันเป็นการซ้อมในวันที่ 22 – 24 มิถุนายน และจากภาพที่คุณเห็นน่ะ คุณคิดว่า ทุกอย่างจะพร้อมทันเล่นจริงในอีกสองอาทิตย์ไหมล่ะ” ชายคนนั้นบอกว่า เสื้อผ้าของไมเคิล ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี และบรรดาสไตล์ลิสต์ทั้งหลายก็ยังคงพยายามจะแสดงความคิดสร้างสรรค์กันอยู่ แต่กระนั้น ก็ยังไม่มีอะไรเสร็จเรียบร้อยอยู่ดี ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าของบรรดาแดนเซอร์ ไมเคิล แจ๊คสัน อยากให้ไมเคิล บุชเป็นคนออกแบบเสื้อผ้าให้ แต่ทราวิส เพนย์ อยากจะให้ แซลดี้ มาทำงานให้ แล้วบริษัท AEG ก็เห็นด้วยกับแซลดี้มากกว่า ไมเคิล บุช ในภาพที่ปรากฏส่วนใหญ่ ไมเคิลดูแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ยืนยันกับฉันว่า มันก็มีบางวัน ที่มีบางอย่างผิดปกติ เกิดขึ้นกับไมเคิล และทุกคนก็รู้ดี ชายคนนี้เคยทำงานกับไมเคิล ในอดีต และไมเคิล ไม่เคยใส่แว่นกันแดดตอนซ้อมคอนเสิร์ตในที่มืดแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไมเคิลในอดีต อยากจะเห็นว่าแสงที่ใช้จะออกมาเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนั้น เขาจึงไม่ต้องการให้มีอะไรบังแสง และชายคนนี้ก็พูดต่อไปว่า “อย่าคาดหวังว่าคนพวกนั้นจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกอากาศ ผมก็เหมือนกัน ผมจะไม่พูด และผมก็พูดไม่ได้ด้วย” เขาเล่าต่อว่า ตอนแรกทุกคนก็จะคิดว่าไมเคิลเป็นพวกแปลกประหลาด หรืออะไรทำนองนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาแดนเซอร์ พวกเขาตื่นเต้นกันมากที่ได้เจอไมเคิล แต่สำหรับคนที่ใกล้ชิดกับเขา และรู้จักเขามาเป็นเวลานาน ซึ่งก็รวมถึงชายคนนี้ด้วย เขาบอกได้เลยว่า เขารับรู้ได้ถึงสัญญาอันตรายที่เกิดขึ้น แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 00:46:23 จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:37:31

ความคิดเห็นที่ 3 Part 3: by P.S.T. อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าสิ่งนี้เพียงแค่แสดงให้เห็นว่าไมเคิลนั้นอ่อนแอเพียงใด และเขาไม่ชอบให้ผู้คนนำเรื่องพฤติกรรมเช่นนี้ของเขาไปพูดถึงในทางไม่ดี เขากล่าวว่า “เขาต้องผ่านเรื่องแย่ ๆ มามากแล้ว ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยล่ะว่าทำเรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้น” โอ้ และนอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่าทีมงานบางคนเริ่มจะทำการเช็คข้อมูลจาก TMZ ด้วยมือถือ IPHONE ของพวกเขา เพื่อดูว่าไมเคิลได้ไปพบ ดร.คลีนในช่วงระหว่างวันหรือไม่ มันจะได้ช่วยเตือนให้พวกเขารู้ ว่าพวกเขาควรจะคาดหวังอะไรเมื่อไมเคิลโผล่มา ไมเคิลสนุกสนานมากเมื่อเขาทำการซ้อมการแสดง จนกลายเป็นว่ามันคือสิ่งที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อลงจากเวทีแล้ว ไมเคิลกลับดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เขามีปฏิสัมพันธ์กับทีมงานน้อยมาก นอกเหนือจากคาเรน เฟย์และไมเคิล บุชเป็นบางครั้ง ชายคนนี้กล่าวว่า เมื่อไมเคิลไม่ได้อยู่บนเวที เขาจะพยายามอยู่ห่างจากออร์เทก้า เพย์น และฟิลลิปส์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเขารู้สึกอยู่เสมอว่า เขากำลังถูกคนพวกนี้ไล่ตามให้ทำโน่นทำนี่มากขึ้น แสดงให้มากขึ้น และทุ่มเทให้มากขึ้น เขากล่าวว่าพวกทีมงานต่างรู้สึกว่าออร์เทก้าเป็นคนจู้จี้และต้องการโน่นต้องการนี่มากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อมันเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำได้ทันเลยสักอย่าง แต่พวกเขาก็ค่อนข้างเข้าใจว่าออร์เทก้าเองก็กำลังถูกกดดันโดยฟิลลิปส์ และนายฟิลลิปส์นี่เองที่แทบจะคลั่งเพราะเขาอยู่ในฐานะของคนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างกับการแสดงเหล่านี้ หลังจากวันที่มีข่าวออกมาว่า แฟน ๆ บางคนกล่าวอ้างว่าไมเคิลบอกกับพวกเขาว่าเขาไม่ต้องการแสดงคอนเสิร์ตถึง 50 รอบ ทุก ๆ คนก็ถูกสั่งว่าห้ามพูดกับใครก็ตามที่มาจากสื่อ ห้ามปล่อยให้ใครก็ตามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมในการซ้อมการแสดง โดยเฉพาะพวกแฟน ๆ เมื่อไมเคิลเข้ามาในวันนั้น บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดและเขาดูไม่มีความสุขเลยสักนิด ก่อนที่จะเริ่มงานในวันนั้น ฟิลลิปส์และออร์เทก้าได้ประชุมกับไมเคิล และเป็นที่น่าสนใจว่า มีบอดี้การ์ดของไมเคิลเข้าร่วมด้วย พวกเขาคุยกันอยู่ประมาณ 20 นาที แต่ชายคนนี้ไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน อย่างไรก็ตามทุกคนต่างรู้สึกว่าไมเคิลไม่ต้องการจะแสดงคอนเสิร์ตถึง 50 รอบจริง ๆ และเชื่อว่าไมเคิลได้คุยถึงเรื่องนี้ให้พวกแฟน ๆ ฟังจริง   และนี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น ชายคนนี้กล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอดสูที่ไมเคิลต้องมาเสียชีวิตในระหว่างที่เขากำลังอยู่ในภาวะเครียดอย่างรุนแรงเช่นนี้ เขากล่าวว่า แรงกดดันมากมายมหาศาลถาโถมใส่ไมเคิล แต่ความเป็นจริงก็คือ คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่สามารถเตรียมความพร้อมได้ทันอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะไมเคิล แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลาพอที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้เตรียมแผนการณ์ไว้ให้เสร็จทันต่างหาก เขากล่าวว่า เขามั่นใจว่าไมเคิลจะพร้อมอย่างเต็มที่ 100% ภายในวันที่ 13 กรกฎาคม เพราะ “เขาร้องเพลงพวกนั้นมาเป็นร้อย ๆ รอบแล้วก่อนหน้าที่เขาจะมารับคอนเสิร์ตนี้ เขารู้ดีที่สุดว่าเขาจะต้องทำอะไรบ้าง” แต่สิ่งอื่น ๆ ที่เหลือนั้นกลับดูไม่พร้อมเอาเสียเลย เขายังกล่าวอีกด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้ว เขารู้สึกว่าบางครั้งไมเคิลก็ไม่โผล่มาซ้อม เพราะเขารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะเป็นไปยังอย่างเชื่องช้าและมันจะทำให้เขารู้สึกผิดหวัง เขาเป็นนักนิยมความสมบูรณ์แบบ และเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปในแนวทางที่มันควรจะเป็น เขาจะรู้สึกหงุดหงิดและเริ่มหมดความสนใจในสิ่งนั้น แทนที่เขาจะโกรธหรือหงุดหงิดใส่คนอื่น แต่พวกเขาก็ยังทำให้ไมเคิลเชื่อว่ามันเป็นเพราะเขา ที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า ทั้งหมดเป็นเพราะเขา แต่ชายคนนี้บอกกับฉันว่า ไมเคิลไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบอะไรกับงานทางเทคนิคต่าง ๆ เช่นเรื่องไฟ พลุ ฯลฯ ดังนั้น มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เขาเป็นเป้าหมายที่ใคร ๆ ต่างก็โบ้ยความผิดไปให้ได้ง่าย ๆ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:40:44

ความคิดเห็นที่ 4 อย่าลืมนะคะ ว่า ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือไม่จริง เพราะแหล่งข่าวก็ไม่สามารถระบุได้   ไม่อยากให้ทุกคนจิตตกเกินไป ขอบคุณทีมแปลเป็นที่สุด ขอบคุณมากกกกกกกก แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 00:44:54 จากคุณ : SIMONBIRCH เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:41:07

ความคิดเห็นที่ 5 แถมข้อความที่แปลจาก Facebook ของ คาเรน มาให้อ่านก่อนเข้าสู่ส่วนของบทความนะคะ แอบแปลข้อความของ คาเรน ในคห ที่ 13 (จากกระทู้ก่อนหน้านี้ค่ะ) สวัสดีตอนเช้า ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว และชั้นก็รู้สึกปวดหัวและปวดกรามเป็นอย่างมาก ฉันคิดว่า เคนนี่ ออร์เทก้า เป็นตัวจริงด้านการตัดต่อ คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ ถ้าคุณอยากจะดูหนังเรื่องนี้ มันเป็นเทพนิยายที่ดีเรื่องหนึ่งสำหรับใครก็ตามที่รักไมเคิล แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขา ฉันรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด และความกระอักกระอ่วนของเขา แต่ฉันก็อยู่ตรงนั้นตอนนั้นด้วย ฉันรู้สึกประหลาดใจที่พวกนั้นยอมปล่อยให้มีตอนที่เกี่ยวกับ “เครื่องช่วยฟัง (ear monitor) ออกมาในหนังด้วย มันเป็นช่วงจังหวะหนึ่งที่จริงมาก ๆ ฉันแอบเห็นพวกนั้นยินดีกันเล็ก ๆ เมื่อไมเคิลพยายามเอาชนะความเจ็บปวดต่าง ๆ ของเขา และถ่ายทอดการแสดงที่สุดแสนจะเหลือเชื่อออกมา คห 15 (จากกระทู้ก่อนหน้านี้ค่ะ) จากสายตาของคนธรรมดา จะมองไม่เห็นหรอกว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ใต้แว่นกันแดดอันนั้นของเขา จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:42:21

ความคิดเห็นที่ 6 ฮูเร่ๆๆๆๆๆ  มาเปิดฟลอร์ กิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   ขอบคุณ ทีมแปล 1. คุณรัก MJ เหมือนกัน (ต้อนรับเข้าสู่ศาลไคฟงค่ะ) 2. แอร์ริโกะ 3. คุณ P.S.T. ปล. เดวมาเม้นทค่า ฟิ้ววววววววววววววววววววววววว จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:46:22

ความคิดเห็นที่ 7   ขอบคุณทีมแปลครับ สำหรับผมนะ ฟังหูไว้หู ดีกว่า ฮะ เพราะยังไง MJ ในมุมมองผมก็ยังเป็น เยี่ยงนั้นตลอดไป จากคุณ : สิงโตฟ้า เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:50:44

ความคิดเห็นที่ 8   (แอร์ริโกะ เธอไวมาก - -" วิ่งตามมาแทบไม่ทัน) ขอบคุณคุณ SIMONBIRCH สำหรับข้อมูลมาก ๆ นะคะ และขอบคุณแอร์ริโกะผู้ริเริ่มและรวบรวม กับขอบคุณคุณรักMJเหมือนกันที่มาร่วมแปลด้วยค่ะ ... อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว ขนลุกที่สุดในรอบ 4 เดือน ... แม้จะพยายามย้ำเตือนกับตัวเองว่าให้ฟังหูไว้หู ให้ใช้วิจารณญาณให้รอบคอบ แต่ข้อมูลมากมายหลายอย่างมันชักจะไปในทางที่น่ากลัวมากขึ้นทุกวัน ๆ   อย่างที่คุณ SIMONBIRCH บอก ... หลายคนเชื่อว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำที่ไม่ธรรมดา และหลังจากอ่านเรื่องนี้จบ เราก็มี conspiracy theory ผุดแว่บเข้ามาในหัวด้วยเหมือนกันอย่างช่วยไม่ได้ ... และไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริงด้วย เพราะมันคงจะโหดร้ายเกินไป ... เรื่อง ear monitors เราดูในหนังเราก็ว่ามันเครียด ๆ แปลก ๆ ... รู้สึกว่าไมเคิลคงไม่ชอบใส่มันจริง ๆ และเขาพูดย้ำซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายหนมาก เหมือนเค้าหงุดหงิดและแอบประชดออร์เทก้านิดหน่อย ไม่รู้คิดไปเองรึป่าว ส่วนเรื่องฉากหนัง Smooth Criminal กับ Earth Song นี่ใช่เลย ... เราพยายามสังเกตฉากด้านหลังที่เวทีคอนเสิร์ตในเพลง Earth Song หลายหน ว่ามันตรงกับหนังสั้นที่เค้าถ่าย ๆ มาให้ดูไม๊ แต่ก็ไม่เห็นเหมือนเลย ... ส่วนเพลง Smooth Criminal นี่ เราก็งงเหมือนกันว่าเค้าจะเอาหนังสั้นไปยัดไว้ที่ส่วนไหนของการแสดง เพราะฉากมันก็อลังการงานสร้างเต็มพื้นที่อยู่แล้ว ที่จริงพยายามจะทำใจให้เป็นกลางนะ เพราะเรื่องของมนุษยธรรมกับธุรกิจบางทีมันก็ tune กันยาก พยายามจะเข้าใจ ... แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดจริง มันก็โหดร้ายเกินไปมาก ๆ ... ยังไงเราจะรออ่านหนังสือของ Karen ละกันค่ะ ... ขอบคุณคุณ SIMONBIRCH และคุณ Ritalin สำหรับข้อมูลเรื่องหนังสือด้วยนะคะ RIP, MJ T_T* จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:54:20

ความคิดเห็นที่ 9   ขอบคุณสำหรับข่าวและชาวแปลค่ะ จากคุณ : เล็กซ่า เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 00:56:49

ความคิดเห็นที่ 10 เราเคยเขียนไปแล้ว ในกระทู้หลายวันก่อน ว่าเราแอบรู้สึกตะหงิด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างไมเคิล และ ออร์เทก้า เวลาที่ไมเคิล กอดออร์เทก้า เราว่าเค้ากอดแบบ ยังไงไม่รู้อ่ะค่ะ ตบหลังแปะ ๆๆ แต่ก็ยังไงชอบกล และเวลาที่ไมเคิล พูดกะออร์เทก้า เวลาเรียกชื่อก็ดูแปลก ๆ ในน้ำเสียงด้วย แต่ก็ พยายามจะมองข้ามไป ข้ามไปให้ถึงความตั้งใจของไมเคิล ที่มีต่อคนดูของเขา ถึงจะรู้ว่าต้องฟังหูไว้หู แต่อ่านอีกกี่ที ก็ยังขนลุกอยู่ดี ขอบคุณ คุณ SIMONBIRCH มาก ๆ ที่สรรหาข่าวดี ๆ มาแบงปันค่ะ ขอบคุณ คุณรัก MJ เหมือนกัน และก็แม่นาง P.S.T. ที่มาช่วยแปล ไม่เช่นนั้น คงไม่เสร็จคืนนี้เป็นแน่แท้ May God bless U ค่ะ I LOVE U, MJ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 01:00:23

ความคิดเห็นที่ 11 ...เฮ้อ! ปล.ขอบคุณทุกๆท่านมากนะครับ  เฮ้อ! สงสารไมเคิล จากคุณ : Armenhotep เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 01:14:43

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วโมโหๆๆๆๆๆ บอกไม่ถูกค่ะ  ไม่เคนอ่านอะไรแล้วโมโหเลย ให้ตายซิ ยุ่งวุ่นวายมากอ่ะค่ะ เกิดอะไรขึ้น???   ครั้งก่อนที่แปล ซิลีเบร ก็บอกแล้วนี่คะว่า ชุด Thriller เสร็จแล้ว...ก็หยั่งว่าเสร็จเพลงเดียว..รึป่าว ทำไมคนพวกนี้ต้องทำกับเค้าขนาดนี้ด้วย............... ออย........เคียดแค้นผสมร้องไห้ผสมเศร้าปนกับความโมโหและอึดอัดใจ หายร่าเริงในทันที!! ปล.ขอบคุณคุณ SIMONBIRCH ,คุณRitalin สำหรับเรื่องนี้ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 01:23:44 จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 01:21:41

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณสำหรับข่าวและคำแปลด้วยค่ะ เฮ้อ...บอกไม่ถูก จากคุณ : ชาเขียวไม่ใส่นม เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 01:28:30

ความคิดเห็นที่ 14 เข้าใจเลยว่า ร้องไห้ในใจเป็นยังไง จากคุณ : พรรณราย-Jackson เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 01:29:23

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก มันแบบตื้อๆอยู่ข้างในอะค่ะ ไม่อยากให้เรื่องจริงเป็นเช่นนั้นเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง มันเป็นอะไรที่โหดร้ายมากๆ จากคุณ : Love Chocolate เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 01:35:59

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับข่าวและทีมแปลค่ะ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่ไม่ได้เป็นอะไรที่ประทับใจแน่ๆ จากคุณ : habibe เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 02:44:53

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านแล้วคิ้วผูกกัน ตอนนี้คิดไปเองเป็นเรื่องราวแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย - - . ขอบคุณSIMONBIRCHสำหรับเรื่องราวนี้ ขอบคุณหม่าฮั่นแอร์, หวังเฉาส่วง และ คุณคุณรัก MJ เหมือนกัน สำหรับคำแปลนะคะ . คิ้วยังผูกกันอยู่ -*- (มันอะไรกัน) จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 02:50:19

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทีมแปลมากๆเลยค่ะ หลังจากเราดูหนังจบรอบแรกมันหงุดหงิด แปลกๆ เศร้าๆ จบรอบสองเศร้าเลย อันนี้เราคิดเองนะคะ สังเกตว่าดูไมเคิลเหนื่อยและดูไม่ค่อยเอนจอยเหมือนในคอนเสิร์ต หรือสมัยก่อน อาจเพราะมันเป็นการซ้อม เค้าห่างไปนาน แล้วก็เป็นทีมงานใหม่ มันดูเกรงใจๆแปลกๆ  แล้วทีมงานเวลาพูดกับ mj ดูพยายามพูดยังไม่รู้ แต่ก็คิดว่าที่เป็นงั้นเพราะไม่มีคนดูรึเปล่า เลยไม่มันส์ในอารมณ์ แต่ก็มีหลายช่วงที่เค้าดูอินอ่ะค่ะ เวลาเค้าปล่อยใจไปกับเพลง  แต่เราดูโดยรวมแล้วงานดูไม่ค่อยพร้อมจริงๆ(เทียบกับระยะเวลานะคะ) ยังพูดกับคุณแม่อยู่เลยว่าอีกแปดวัน ทีมงานเค้าจะสามารถทำออกมาเพอร์เฟกได้นี่เจ๋งจิงๆ หลังจากอ่านกระทู้นี้แล้ว เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าไอ้ที่หงุดหงิดแปลกๆ หลังจากดูรอบแรกเพราะอะไร แต่ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไง เราก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ มันก็ทำให้รู้ว่าทีมงานและตัวไมเคิลทุ่มเทกับคอนเสิร์ตนี้มาก ทุกๆคนมีความฝัน แล้วก็มีไมเคิลเป็นแรงบัลดาลใจ  ทุกๆคนอยากให้งานนี้ออกมาดีที่สุด ขอบคุณทีมแปลอีกทีค่ะ ^^ รักไมเคิล แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 03:26:12 จากคุณ : โต๋เต๋ (โต๋เต๋อ๊ะงงงง) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 02:53:55

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วจิตตก เฮ้ออออ สงสารเคิ่ลจัง อะไรที่เกี่ยวกับ This is it เนี่ย ทำเราจิตตกทุกครั้งเลย ขอบคุณทีมแปลนะคะ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 07:45:35

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทีมงานแปลมากค่ะ อ่านแล้วเศร้าใจจริงๆ จากคุณ : zeasky เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 08:13:23

ความคิดเห็นที่ 21   คห5อ่านแล้วแอบสงสัย มิน่าล่ะดูหนังแล้วมีอะไรแปลกๆดูไมเคิลไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเค้าโดนบังคับ ตอนที่ไมเคิลบอกไม่อยากไส่หูฟังเค้าบอกเหมือนเอากำปั้นมาอุดที่หูเพราะผมโตมาพร้อมกับการฟังด้วยหูตัวเอง เพลง Beat it ที่ไมเคิลขึ้นไปยืนบนเครนและผู้กำกับพูดกับไมเคิล ฉากนี้บางคนดูแล็วฮาแต่เราว่ามันเป็นคำพูดที่เหน็บแนมมากกว่า เบื้องหน้ายังขนาดนี้เบืองหลังจะขนาดใหนT^Tสงสารไมเคิลนี่หรือผลประโยชน์ของธุระกิจมันน่ากลัวจริงๆ จากคุณ : TOON (IamLost) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 08:35:15

ความคิดเห็นที่ 22   แต่อ๊อฟว่ามันก็แปลก ที่ทีมงานคนนี้ อยู่ดีๆ มาเปิดเผยเรื่องนี้ให้กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ถึงจะออกตัวว่าบอกไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่จะมีซักกี่คนที่ร่วมงานกับไมเคิลมานานขนาดนั้น มีชื่อในเครดิตหนัและกำลังพักผ่อนในไมอามี่ แถมคนโพสเอง Mr.future (เป็นอะไรกับ Mr.Fusion หรือเปล่า)เคยมีประวัติชอบโพสแบบเมคเรื่องขึ้นมาทำให้เพื่อนร่วมบอร์ดตกใจมาหลายครั้งแล้ว (บอร์ด KOP ใช่ป่าวคะ)อันนี้ หลายคนเลยไม่ค่อยให้น้ำหนักกับเขาเท่าไหร่ หลายเรื่องมันก็เป็นข้อมูลที่เราเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เรื่องชุดที่ว่าไม่พร้อมนี่ ก็ได้เห็นแล้วนี่ว่ามันเสร็จหมดแล้ว แถมไมเคิลยังได้ลองแล้วบางส่วนด้วย ส่วน Lightman ก็เห็นว่าเสร็จวันที่ไมเคิลเสียพอดี(จากคำสัมภาษณ์ของแดนเซอร์คนหนึ่งก่อนหน้านี้) ส่วนบรรยากาศการทำงาน งานใหญ่ขนาดนี้ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องเครียดมาก และรู้สึกกดดัน แต่จะมีเงื่อนงำและความขัดแย้งแค่ไหน ก็ไม่อาจทราบได้... แต่รอบแสดงมันถี่มากเลย แม้ไมเคิลเค้าจะพร้อม แต่การจะต้องหักโหมแสดงถี่และมากรอบขนาดนั้นมันจะทำลายสุขภาพมาก และก่อให้เกิดความเครียดมากๆด้วย (ยังงงอยู่ว่าคิดกันได้ไง ที่ผ่านมามีศิลปินคนไหนต้องเจอแบบนี้มั่ง) ถ้าบทความนี้เป็นจริง นั้นคือ ในขณะที่ไมเคิลเขาพร้อมและเต็มที่อยู่แล้ว แต่ทาง AEG ด้วยความไม่เป็นมืออาชีพในการวางแผนเรื่องเวลา ไม่สามารถเตรียมความพร้อมให้กับการแสดงที่จะมีขึ้น ได้ทันการ และรู้ดีว่าผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร เขาเลยแก้ปัญหาด้วยการทำให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ซะเลย ด้วยการ..... เพราะอย่างน้อย เขาก็สามารถหากินกับข่าวใหญ่ที่จะตามมา และ posthumous ของ The King Of Pop จำนวนมหาศาล แต่นั่นหมายถึง..การฆาตกรรม ใช่เปล่าคะ ไม่อยากจะคิด ว่ามันเป็นอย่างนั้น มันทำใจรับไม่ได้จริงๆ ที่คนดีที่สุด จะต้องถูกกระทำแบบนั้น.... ขอให้เพื่อนๆดู This is it ด้วยความสุขเถอะนะ จดจำภาพสุดท้ายของเค้าไว้ ให้เค้าทำหน้าที่ของเค้าจนนาทีสุดท้ายเถอะค่ะ จากคุณ : Better Off เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 09:23:57

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่อยากจะคิดเลย ไม่อยากจะอ่านให้สะเทือนใจ ใครทำอะไรไว้ รอรับผลกรรมละกัน เพราะตอนนี้ MJ ก็ไม่ได้อยู่รับรู้อะไรอีกแล้ว จากคุณ : ลูกโป่งสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 09:48:15

ความคิดเห็นที่ 24 เราเชื่อคาเรนที่สุดแล้วล่ะตอนนี้ ตอนนี้เลยเศร้าๆ รู้สึกจริงๆว่าคอนเสิร์ทครั้งนี้นี่แหละที่เอาเค้าไปจากเรา.... เราก็อยากจะทำใจให้แค่มีความสุขกับหนังของเค้าก็พอนะคะ แต่เรารักคนคนนี้ เราก็ควรจะรู้ไว้ว่าใครที่ทำร้ายเค้าแบบนี้ เราไม่อยากสนับสนุนใครก็ตามที่ทำลายเค้าหรอกค่ะ จากคุณ : rpgqueenii เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 09:49:35

ความคิดเห็นที่ 25 นึกว่าเราอึดอัดไปคนเดียวซะอีก   เราว่าไมเคิลเค้ากดดันหลายๆอย่างนะ  ดูจากในหนัง  ก็พอๆเดาๆได้   แต่เค้าก็พยายามสู้เต็มที่   ไอเลิฟยู  ไมเคิล จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 10:35:18

ความคิดเห็นที่ 26 ยังอ่านไม่จบ ถึง part 2 แล้วขอมาร้องก่อน T^T T^T ตอนนี้อ่านจบแล้ว T^T T^T ขอบคุณมากๆ น๊าค่า แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 10:53:55 จากคุณ : สองเท้าก้าวเดิน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 10:49:21

ความคิดเห็นที่ 27 T^T เศร้าทีสุด เราเข้าใจนะว่าคอนเสริตนี้มันต้องมีเงื่อนงำอะไรซักอย่าง ต่อให้คนแข็งแรงยังไง ถ้ารอบการแสดงมันเยอะขนาดนั้นใครจะทนได้ ไมเคิลก็คงต้องมีป่วยบ้าง แต่ถึงยังไงขนาดป่วย ๆ ไมเคิลก็ยังทำได้สุดยอดอยู่ดี ถึงยังไงเราก็ต้องทำใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาแล้ว ยังไงมันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วแหละ ถามว่าเกลียด Sony กับ AEG หรือเปล่า ขอตอบว่าเกลียดแน่นอน แต่ถึงยังไงรายได้ของหนังเรื่องนี้ก้อแบ่งให้ครอบครัวของไมเคิลอยู่ดี เราก็คงทำเท่าที่ทำได้แหละ ตอนนี้จิตตกมากอ่ะ จากคุณ : NattMJ (jian1975) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 11:37:10

ความคิดเห็นที่ 28 conspiracy theory เหรอ ........ อืม ......น่าคิด ถูกของคุณ better off , และอย่างที่เราบอก เรื่องนี้จริง หรือจริง ก็ไม่รู้ แต่อดไม่ได้จริง ๆ หากมันเลวร้ายอย่างที่แอบคิด แม้ว่าคนพวกนี้จะไม่เดือดร้อน หรือไม่ถูกดำเนินการอะไรก็ตาม แต่โลกต้องได้รับรู้ว่า อะไรเกิดขึ้นกับไมเคิล และโดยใคร เราเองหลงลืมไมเคิลมานานหลายปี เพราะเหตุผลหลายอย่างในชีวิต จนเค้าจากไป ถึงได้มาติดตามว่าในช่วงหลายปีที่เลวร้ายของเค้า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้เห็นแฟนคลับที่ภักดีและอยู่เคียงข้างเค้าตลอดเวลาในช่วงเวลาเหล่านั้น บอกตรง ๆ ว่า เสียใจที่มันสายเกินไปที่ตัวเองไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในเวลาเหล่านั้น ดังนั้น แม้ว่าเค้าจะจากไปแล้ว แต่หากเบื้องหลังของการสูญเสียครั้งนี้ มันไม่ยุติธรรม หรือว่ามันมีความจริงที่น่าเจ็บปวด หรืออะไรก็ตามที่มันสกปรก เราก็จะไม่ยอมนิ่งเฉยเหมือนกัน (พูดอย่างกับว่าจะทำอะไรได้ แต่หมายความอย่างนั้นจริง ๆ) หากแฟนคลับทั่วโลกต้องการความยุติธรรมให้ไมเคิล เราเองก็จะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นเช่นกัน จากคุณ : . (SIMONBIRCH) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 11:51:25

ความคิดเห็นที่ 29 คห 28 "แม้ว่าเค้าจะจากไปแล้ว แต่หากเบื้องหลังของการสูญเสียครั้งนี้ มันไม่ยุติธรรม หรือว่ามันมีความจริงที่น่าเจ็บปวด หรืออะไรก็ตามที่มันสกปรก เราก็จะไม่ยอมนิ่งเฉยเหมือนกัน (พูดอย่างกับว่าจะทำอะไรได้ แต่หมายความอย่างนั้นจริง ๆ) หากแฟนคลับทั่วโลกต้องการความยุติธรรมให้ไมเคิล เราเองก็จะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นเช่นกัน" เรายกมือแจมด้วยคนนะคะคุณ SIMONBIRCH จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 12:28:42

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนดูเราก็สะดุดในช่วง หูช่วยฟังเหมือนกัน ดูไมเคิลกระอักกระอ่วนยังไงก็ไม่รู้ ขอบคุณสำหรับข่าวและทีมแปลทุกท่านนะคะ จากคุณ : ต้าปิ่ง เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 12:52:23

ความคิดเห็นที่ 31 พูดไม่ออก..น้ำตาตกในจริง ๆ เศร้ามาก เห็นด้วยค่ะ รอผลการตัดสินคดีอยู่นี่แหละ... แฟน ๆ คงไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไปแบบไม่กระจ่างแน่นอน ขอบคุณทีมแปลนะคะ... จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 13:48:52

ความคิดเห็นที่ 32   อ่านแล้วอึ้งค่ะ  ไม่อยากให้เป็นจริง ยิ่งมาอ่านความเห็นคุณอีอฟ ปวดหัวจี๊ดเลยที่นี้ ขอบคุณทีมแปลทุกท่านนะคะ จากคุณ : แม่น้ำนิรันดร์ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 14:04:41

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณทีมแปลมากๆ ค่ะ...ถ้าเรื่องนี้มันเป็นความจริง...เราคงได้เกลียดคนเพิ่มอีกเยอะแน่ๆ สงสารไมเคิลอ่ะ...เฮ้ออ...พยายามจะไม่เครียดแล้วนะ แต่พออ่านแล้วมันก็เครียดอ่ะ...กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง จากคุณ : แตมมี่ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 15:01:42

ความคิดเห็นที่ 34 โอ้อ่านแล้วฉุนแทนไมเคิล ทำไม ไมเคิลต้องมาทำงานกับพวกบ้า....... กดดันจนไมค์เครียด ใช่ข้อความคห1 "ไมเคิล คนที่เราเห็นกัน ดูเซื่องมากกว่าที่เคยเป็น เหมือนเขากำลังต้องทำงาน ไม่ใช่กำลังทำในสิ่งที่เขารัก"......อ่านแล้วเศร้า ขอบคุณทีมแปลทุกคนค่ะ จากคุณ : Kz เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 15:58:43

ความคิดเห็นที่ 35 รัก mj เสมอ  ..... จากคุณ : ความตายสีชมพู เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 16:33:27

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่เชื่อ เพราะ - ไม่รู้ว่าที่ลงมานี่จริงรึป่าว - ที่มายังไงก็เป็นเรื่องบอกเล่า - ส่วนตัวไม่ชอบเชื่อข่าวสารที่โพสแบบนี้แถมยังแปลข้ามโลกมาอีก  ใครเป็นใครก็ไม่รู้  เอะอะก็ เชื่ออย่างเดียวไม่ได้หรอก แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 16:34:20 จากคุณ : Diditjo เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 16:33:33

ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อคืนเราก็คิดแบบเดียวกับที่คุณอ๊อฟคิดเลย มันอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้น - - แถมเลยเถิดขนาดที่ว่า ภาพการซ้อมในหนังจะเป็นการเตรียมถ่ายไว้เพื่อการนี้... รึเปล่า (บร้าไปแล้ว) . วันนี้ไปเห็นข่าวในนี้มา ปกติไม่เชื่อข่าวในเวปนี้อยู่แล้ว ภาษาเขียนก็หยาบคาย แต่หลังจากอ่านกระทู้นี้ แล้วมาอ่านเจอแบบนี้ มันจึงอดฟุ้งซ่านไม่ได้ - - http://www.siamdara.com/Hollywood/091102_1085.html . ถ้าเบื้องหลังมันเป็นเรื่องเข้าข่ายแบบนั้นจริง เราก็ขอร่วมขบวนการกับคุณSIMONBIRCH, หม่าฮั่น และทุกคนด้วย แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 17:44:02 จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:28:20

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านแล้วจิตตก เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ แปลไปกลุ้มไป MJ  เราไม่รู้เรื่องว่าเขาต้องเผชิญกับ อะไรบ้าง แต่ถ้า อย่างที่ บทความด้านบนบอกมาล่ะก็ เรารู้สึกแบบ heart-broken อ่ะ ทำไมคนแบบเขา ต้องมาเจออะไรแบบนี้อ่ะ ไม่ไหวแล้ว จากคุณ : รักMJเหมือนกัน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:14:40

ความคิดเห็นที่ 39 ความคิดเห็นที่ 37 ภาษามันนี่กลัวจิงๆค่ะ................................................. แอบสะดุดเล็กน้อย แค่จั่วหัวข่าวก็.............. พูดเยอะเดวหนู  เขื่อนแตกอีก...T_T จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:45:42

ความคิดเห็นที่ 40 ปริ๊นเก็บไว้อ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณทีมแปลที่น่ารักประจำคลับเรา อ่านแล้วจิตตกค่ะ คลิปก่อนๆที่ไมเคิลฝีกซ้อมการแสดงของเค้า ไม่เคยเห็นเค้าใส่หูฟังอะไรนั่นเลย ดูในหนังไมเคิลเป็นคนที่น่ารักมากๆ จิตใจงดงามค่ะ คอนเสิร์ต50รอบ คนพวกนั้นเค้าคิดได้ไง จะเรียกว่ากระหายเงินจนไม่คำนึงคนที่ต้องทำงานหนักที่สุดนั่นก็คือไมเคิล นึกถึงทีไรมันแค้นค่ะ จากคุณ : mr.roof NOK MJ (MR.ROOF) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 20:06:19

ความคิดเห็นที่ 41 เอิ่มมขอบคุณทีมแปลค่ะ อิอิ เปิดเทอมแล้วง่ะ คงไม่ค่อยได้เข้ามาน่ะค่ะ คริๆ ง่าๆ อ่านแล้วรักเคิลจัง สงสาร ง่าๆ คิดถึงๆๆๆ เอิ่ม ยังไงดีล่ะ เคนนี่ ก็เคยจัดคอนฯให้ ไมเคิลน่ะ จำไม่ได้ว่า เป็นคอนฯไหน ง่ะ   แล้วเคนนี่กับไมเคิลก็สนิทกันมานานแย้วน่ะ แต่ก็น่ะ เอิ่มมมมมมม คอนฯ 50 รอบก็เว่อร์ไปแระ เปิดลอนดอนสัก 5 รอบ พอนอกนั้นมา world tour  ได้ม่ะๆๆ คริๆ แต่ยังไง ไมเคิลยังอยู่ในใจเราตลอดไป จากคุณ : Whisper_i-luvU เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 21:34:05

ความคิดเห็นที่ 42 เศร้ามากกว่าเดิมค่ะ สงสาร MJ จัง จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:11:30

ความคิดเห็นที่ 43 ทำไมคนๆนึงต้องเจอกับความทุกข์มากมายขนาดนั้นนะ (ทั้งๆที่เค้าสร้างความสุขใ้ห้คนมากมาย)  T,T จากคุณ : บานาน่าจัง เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:23:20

ความคิดเห็นที่ 44   ขอบคุณทีมแปลทุกคนค่ะ ไม่รู้เป็นยังไงนะ เราดูหนังแล้วร้องไห้ตลอดเลย รู้สึกเหมือน MJ เค้าพยายามฝืนตัวเองยังไงไม่รู้ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ลับหลังผู้คน เค้าคงเจ็บปวดทั้งกายและใจ รู้สึกเจ็บจัง น้ำตามันไหลออกมาเอง จากคุณ : เจ้าหญิงวาฟา เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:28:54

ความคิดเห็นที่ 45 จิตตก..จริงๆๆอ่ะ .. จะร้องไห้ :~ จากคุณ : ซาจา เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:34:25

ความคิดเห็นที่ 46   ... ขอทำใจแป๊บนึงก่อนโพส ... เราเองสับสนตั้งแต่ก่อนเข้าไปดูทั้งที่อยากดูมาก แต่เมื่อมีเรื่องราวจาก Karen และเรื่องของ FC ที่ใกล้ชิดคนหนึ่งของเฮียพูดถึง This is not it ก็ยิ่งทำให้ไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายก็เลือกจะไปเพราะอยากเห็นเฮียเหลือเกิน สิ่งที่จะพิมพ์ต่อไปนี้ อาจขัดกับความรู้สึกของใครหลายคน ก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ   เมื่อได้อ่านบทความนี้ แม้จะเป็นแหล่งข่าวที่ไม่ชัดเจน และดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ในใจลึกๆของเราเมื่อได้ดูหนังจบและได้อ่านบทความนี้ ยอมรับเลยว่าใจเอนเอียงที่จะเชื่ออยู่ไม่น้อย "ในบางส่วน" เพราะเราก็เชื่อ Karen มากค่ะ และบทความนี้ก็เหมือนจะมีแนวโน้มคล้ายกับเรื่องราวที่ Karen พยายามจะบอกพวกเรา ว่าสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ค่อนข้างเชื่อทีเดียวว่า AEG และซีโน่ ตัดและคัดเลือกมาแต่ส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดของการซ้อม ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเค้าคาดหวังให้ออกมาประทับใจแฟนเพลง พวกเค้าก็ไม่ผิดเลยที่เลือกส่วนการซ้อมดีๆออกมา แต่บางส่วนของหนังที่ทำให้เรารู้สึก...จนออกมาจากโรงก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้น และเท่าที่อ่านความรู้สึกของเพื่อนๆหลายๆคนที่ได้ไปดูจึงเข้าใจว่า ความรู้สึกไม่ต่างกัน หนังสนุกและดูเฮียมีความสุขมากเมื่ออยู่บนเวที เหมือนเฮียเป็นเจ้าของเวทีจริงๆ แต่หลายตอนที่เรารู้สึกถึง conflict ที่เกิดขึ้นระหว่างเฮียและทีมงาน เฮียกับ Dancer ดูกลมกลืน และเหมือนเป็นกำลังและแขนขาให้แก่กันและกัน ดูเหมือนกับว่าพวกเค้าสื่อถึงกันได้ นั่นคือส่วนดีที่เราเห็น แต่กับออร์เทก้า หลายครั้งที่เหมือนดูเค้าจะตามใจเฮียและถามความเห็นเฮีย เช่น แถวของทหารในเพลง They don't care about us ว่า 9/10 แถวหรืออะไร เฮียพูดเหมือนกับว่าอยากให้เป็น infinity เหมือนว่าจะทำเป็น infinity ไม่ได้ เพราะภาพจะแตก เฮียก็โอเค ตามนั้นแล้วแต่ U เราก็รู้สึกขัดใจแบบบอกไม่ถูก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยิ่งเรื่องตอน ear monitor เรารู้สึกว่าเหมือนเฮียจะร้องไห้แล้ว เฮียย้ำอยู่หลายรอบว่าเหมือนมีกำปั้นอัดเข้าไปในหู เฮียไม่ถนัดเลย ดูเฮียอึดอัดมากเราไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ที่ออร์เทก้าพูดรุนแรงต่อว่าเฮียแบบในบทความ แต่เท่าที่ดูเหตุการณ์จริงในหนังเรารู้สึกได้ถึงความอึดอัดอย่างรุนแรงของเฮีย และเหมือนจำใจที่จะตอบว่า ไม่เอาอะไรแล้ว หลังจากออร์เทก้าพูดว่าอยากได้อะไรอีกมั้ย ถ้าเป็นเรา เราคงร้องไห้ไปแล้วล่ะ -*- กับนักดนตรีในเพลง The way you make me feel เรารู้สึกถึงความมาคุค่ะ เฮียละเอียดมาก และพูดออกมาว่าอยากให้เสียงออกมาเหมือนที่เฮียแต่งไว้ อยากให้เหมือนในแผ่น อยากให้เป็นเสียงที่แฟนๆคุ้นหู ดูนักดนตรีคนนั้น เราว่าน่าจะไม่พอใจรุนแรงค่ะ เพราะเค้าเองก็คงเป็นมือเจ๋งๆ แต่เฮียเหมือนจะพยายามแก้สถานการณ์ด้วยการเต้นพลิ้วไปมา กลายเป็นขำไป แต่ก็พยายามจะเข้าใจว่าการทำงานเมื่อ pro กับ pro มาเจอกัน มันคงต้องมีการถกเถียงเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด เราเองไม่อยากคาดเดาว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้ทำไม ในจิตใจลึกๆของเรา ถึงมีความรู้สึกผิดปกติกับหนังเรื่องนี้หลังจากได้ดู รู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น หลังจากดูหนังกลับมาร้องไห้จนหลับไปเลย ตื่นมาไม่ได้เว่อร์ค่ะ เราปวดกรามเหมือนกัน แต่อาจเพราะเม้าท์กับเพื่อนมากไป -*-ไม่ได้เครียดมากอย่างที่คาเรนเป็น ต่อให้พวกเราจะยกย่องเฮีย เทินทูนมากเพียงใด แต่ยังไงก็ห้ามไม่ให้เหลือบไรมาแทะเล็มเฮียไม่ได้ พวกนั้นยังคงมองเฮียเพียงเป็นแค่สินค้าทุนนิยม, Dancing Machine สุดท้ายทุกอย่างจึงจบลงเช่นนี้ เสียใจเหลือเกินที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วัย 50 รูปร่างที่ผอมบาง การห่างหายจากเวทีไปนาน จิตใจที่เปราะบางและพร้อมจะแตกสลายทุกเมื่อ ลองคิดดูว่า เฮียเกิดมาเพื่อ entertain ทำให้ทุกคนมีความสุขในตลอดชีวิตของเฮีย แต่เบื้องหลังของความสุขนั้น เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจากการซ้อม การเจ็บปวดทั้งทางกายและใจตั้งแต่เด็กจนแม้วันก่อนสิ้นลม แม้ทำความดีเท่าใด ช่วยเหลือผู้คนมากแค่ไหน แต่สุดท้ายต้องมาพบกับการถูกหักหลังครั้งใหญ่ จากการถูกกล่าวหาเรื่อง Molestation บ้าๆ ถูกข่าว Tabloid ใส่ไข่เน่ามากมาย จนรู้สึกหวาดกลัว ไม่มั่นคง ต้องเปลี่ยนที่พักกายใจไปเรื่อยๆ แม้สุดท้ายความจริงปรากฏ ว่าเฮียบริสุทธิ์ทุกอย่างที่ถูกกล่าวหา จบไปแล้ว เฮียค่อยๆลุกยืนอย่างหวาดหวั่นแต่ก็เริ่มตั้งหลักได้ และพร้อมจะขึ้นเวทีอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าความตั้งใจและพยายามของเฮียนั้นสวยงามเพียงใด แต่แล้วการหักหลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเฮีย ก็เกิดขึ้น จริงหรือไม่เราไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็คงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เฮียจากไป  คราวนี้เฮียไม่ได้หนีไปอยู่เยอรมัน ไม่ได้หนีไปอยู่บาร์เรน แต่เฮียจากไปและไม่กลับมาอีกแล้ว... อย่างไรก็ตามแม้ความพยายามนั้นจะไม่สำเร็จ...แต่เราทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่ามันงดงามเพียงใด และเราคนหนึ่งที่จะจดจำภาพสุดท้ายของเฮียตลอดไป T T ขอบคุณทีมงานมากค่ะ คุณแอร์ คุณส่วง คุณรัก mj เหมือนกัน จริงๆเราอ่านตั้งแต่กลางวันแล้ว แต่โพสไม่ได้เพราะเล่นผ่านมือถือ อ่านขณะกินส้มตำไข่เค็ม อ่านแล้วน้ำตาพรากเลย จนเพื่อนด่าว่า E สำออย ใส่พริกแค่เม็ดเดียว - -" ที่สำคัญ ขอบคุณคุณ Simonbirch มากๆค่ะ ที่ตั้งกระทู้ดีๆแบบนี้ ถ้าคุณไม่ตั้ง เราคงอึดอัดมากเลย ^^ อยากขอบคุณคุณ Simonbirch จริงๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 00:01:07 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 22:39:05 จากคุณ : MyMike เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:35:03

ความคิดเห็นที่ 47 ^^ อ่าน ความเห็นของคุณ MyMike แล้วอยากโฮอีกรอบง่ะ พระเจ้า เราแค่ตะหงิดๆนะ แต่พออ่านที่คุณโพสแล้ว เห็นภาพอ่ะ Poor Michael ... จากคุณ : รักMJเหมือนกัน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:55:43

ความคิดเห็นที่ 48   ขอบคุณเจ้าของกระทู้ และทีมแปลทุกคนค่ะ ยังไงเรา ... ก็แค่คนที่ห่างไกลกับ Michael Jackson เหลือเกิน ไม่ว่าจะมีข่าว เรื่องราว หรืออะไรออกมาตีแผ่อีก  เราก็คงเพียงแค่ฟัง รับรู้ ติดตามเรื่องราว    ที่สำคัญต้องฟังแบบฟังหูไว้หู เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ   ฟังแล้วก็สะท้อนใจกับชีวิตของศิลปินคนดัง ที่มีเรื่องราวในชีวิตมากมายตลอดชีวิตของเขา ไม่เว้นแม้เขาได้ลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว แต่ไอ้เรื่องear monitors  สำหรับเราเราก็รู้สึกบางอย่างกับมัน   เหมือนอย่างที่เราเคยโพสต์ไว้ในกระทู้เก่าเมื่อวันก่อนแล้ว (29ตค.) เพียงแค่เรารู้สึกสะท้อนใจ   เพราะเราคิดไปเองว่า ... ตอนที่ Michael ร้องแล้วอยู่ดีๆก็หยุดปล่อยคอรัสร้องจนจบ แล้ว Michael ก็พูดประมาณว่าไม่ชินกับ ไอ้ ear ที่ใส่ในหู Michael บอกว่าไม่ชินเลย  เขาชินแบบเก่าคือฟังด้วยหูเปล่าของตัวเอง คือว่าเราสะท้อนใจ... เพราะเราคิดไปเองว่า พี่ไมค์ของพวกเราห่างหายไปจากเวทีคอนเสิร์ตนานหลายปี จนไม่ชินกับ ear monitor อะไรประมาณนั้น จากคุณ : paeonia เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:01:22

ความคิดเห็นที่ 49   ไปดูมาวันนี้ค่ะ น้ำตาซึมตั้งแต่ต้น จนจบ   ทั้งเสียใจ เสียดาย  หลายๆอย่างค่ะ ดูบางตอน ไมเคิล ผอมมาก โทรมมาก ไม่คิดว่าเขาจะเล่นได้ถึง 50รอบไหว บางตอน ที่เขายิ้ม แทบจะร้องไห้ออกมา  เพราะยิ้มของเค้า มัน .... เศร้ามากๆค่ะ ขอบคุณทีมงานที่มาแปลให้อ่านนะคะ จากคุณ : Eternally เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:19:54

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณที่นำมาฝาก+แปลด้วยครับ ^^ จากคุณ : hoobastank เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:21:36

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณทีมงานแปลทุกท่านเลยค่ะ วันนี้นั่งซึมทั้งวัน..จะว่าเชื่อข่าวก็ไม่เชิง แต่เพราะเราเองรู้สึกบางอย่างตั้งแต่ดูหนังแล้วเหมือนกัน แต่พยายามบอกตัวเองว่าอาจจะคิดมากไปเอง บอกตัวเองให้เลือกเก็บแต่ความทรงจำดีๆไว้ เห็นไมเคิลเต้น ไมเคิลยิ้มมีความสุขแค่นี้ก็สุดยอดแล้วสำหรับเรา หัวเราะให้ได้มากกว่าร้องไห้เวลาดูหนัง มีความสุขมากกว่ามานั่งเศร้า นี่คงเป็นสิ่งที่ไมเคิลอยากมอบให้แฟนเพลง แม้ในช่วงเวลาที่เครียดและกดดัน ไมเคิลก็ยังมีศักยภาพอย่างล้นหลาม รู้ทั้งรู้ว่าเบื้องหลังมีอะรัยมากมาย ยิ่งรู้เยอะพวกเราเองก็ยิ่งเจ็บปวดที่เราช่วยอะรัยเค้าไม่ได้ เรื่องแว่นตากันแดดเราก็คิดอะ เพราะเราพยายามหาชอตที่เค้าถอดแว่นเพราะอยากดูนัตย์ตาไมเคิลอะ แต่มีน้อย เหมือนเค้าไม่อยากให้ใครมามองตาหรือสบตาเค้าอะ(อันนี้ขอให้คิดไปเอง T-T) ยิ่งได้อ่านของคุณ MyMike สิ่งที่คิดที่เก็บไว้ในใจ เหมือนมันค่อยๆพังทลายออกมา เราสับสนจริงๆวันนี้ ไม่รู้เป็นรัย... แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 23:28:46 จากคุณ : บวรจ้า เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:26:32

ความคิดเห็นที่ 52 เคยคิดแบบคุณ RockwithU นะคะ เหมือนกับเขาเตรียมการไว้... การถ่ายทำ การผลิตออกมาหลังจากไมเคิลจากไปแล้ว มันดูเหมือนการจัดการไว้ล่วงหน้า... พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ตอนดูหนัง พยายามมีความสุขกับหนังเรื่องนี้ให้มาก ๆ แต่อยากจะร้องไห้โฮ ตอนภาพสุดท้ายของ MJ และมีชื่อเขาขึ้น...พร้อมกับคำว่า "Love Live Forever" หรืออะไรประมาณนี้ แล้วก็ลายเซ็นของเขา หัวใจมันหล่นวูบไปเลย... รู้แต่ว่า คิดถึงเขาจับใจ ถ้าทำอะไรเพื่อให้เขากลับมาได้ ยินดีทำทุกอย่างเลย อ่านเบื้องหลังแล้วเศร้าจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:50:21

ความคิดเห็นที่ 53 กลับมาอ่านกระทู้อีกรอบ เห็นด้วยกับคุณ mymike เรื่องไมเคิลกับพี่นักดนตรีคนนั้น  เราดูสองรอบแล้ว รู้สึกซีนนั้น พี่นักดนตรีคนนั้นเหมือนไม่ค่อยพอใจไมเคิล ดูสีหน้าพี่มือกลองประกอบด้วยนะ บรรยากาศมันแนว ๆ นั้นเลย .......... เฮ้อ คิดมากไปเองมั้งเรา จากคุณ : . (SIMONBIRCH) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 00:08:57

ความคิดเห็นที่ 54 เราก็รู้สึกนะ เเต่ไม่กล้าถามเพื่อนๆ ตอนที่เค้าคุยกันเรื่องดนตรีกับตามือคีบอร์ดอะคะ ดูเหมือนพวกเค้านั้นจะไม่ค่อยพอใจเคิลสักเท่าไร เเต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังอยากเก็บภาพความทรงจำเกี่ยวกับเคิล ถ้าเป็นเเบบกล่าวมาทั้งหมด เศร้า สงสารเคิลมากมาย love u MJ จากคุณ : สวนสวย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 01:11:57

ความคิดเห็นที่ 55   ตอนอยู่ในโรงหนัง เราคิดเหมือนคุณ MyMike เกือบทุกฉากเลย เราถึงร้องไห้เกือบทั้งเรื่อง จนปวดหัวเลย จากคุณ : เจ้าหญิงวาฟา เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 06:39:21

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณ คุณ simonbirch ค่ะ และสาวสวยทีมแปลทุกท่าน ไม่ได้เข้ามาสองวัน เจอข่าวนี้อึ้งไปเลยอ่านจบหนักหัวอีก ไม่คิดว่ามันมีเบื้องหลังเบื้องลึกแบบนี้ด้วย สงสารไมเคิลมากๆๆๆๆ เฮ้อ จากคุณ : Snow Crystal เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:13:23

ความคิดเห็นที่ 57   บ้าตั้งแต่จะให้คนอายุ 50 เล่นคอนเสิร์ต 50 รอบแล้ว คิดได้ยังไง จากคุณ : Phagocyte เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 20:15:18

ความคิดเห็นที่ 58 "ในอดีต และไมเคิล ไม่เคยใส่แว่นกันแดดตอนซ้อมคอนเสิร์ตในที่มืดแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไมเคิลในอดีต อยากจะเห็นว่าแสงที่ใช้จะออกมาเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนั้น เขาจึงไม่ต้องการให้มีอะไรบังแสง" ไมเคิลของเรา...T T..  ประโยคนี้ก้องในหัวทั้งวันเลย... รู้สึกเลยว่า เขาชอบความสมบูรณ์แบบจริง ๆ จากคุณ : i_muay เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 22:39:15

ความคิดเห็นที่ 59 ตอนแรกคิดว่า คิดไปเองตอนดู This is it แอบคิดไปว่า ไมเคิลไม่ไหวแล้วตอนที่หยิบแว่นขึ้นมาสวมเพราะหน้าเขาแสดงถึงความเจ็บปวด แล้วก็อีกหลายๆ ฉากเลย บอกตรงๆ ว่าจะเห็นก็เพียงบางฉากที่เขาแสดงสีหน้าสดใสจริงๆ คะ T-T อย่างว่านะคะ ซ้อมหนักขนาดนั้น ><  สงสาร MJ จังเลยคะ จากคุณ : Twilight_Sailor_Moon เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 00:16:40

ความคิดเห็นที่ 60 สำหรับเราคิดบวกเข้าไว้ สำหรับเราการได้ดูหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นบุญตามากๆ กับการได้เห็นเบื้องหลังการทำงานในมุมที่ดีๆ แม้ว่ามันจะมีมุมอับบ้างก็ตาม แต่ก็คิดว่ามันคงไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆ ไปตลอดการทำงานหรอก มันก็ต้องมีแง่มุมที่ดี ที่ทำให้ MJ เค้ามีความสุข สนุกบ้างไม่มากก็น้อย ดนตรีทำให้ MJ มีความสุข และเราก็มีความสุขกับดนตรีของ MJ จากคุณ : detour เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 01:37:19

ความคิดเห็นที่ 61 This is not it จากคุณ : Bio Bas เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 02:25:14

ความคิดเห็นที่ 62   ฉาก ear phone เป็นตอนที่เฮียซ้อมเพลงของ J5 เฮียร้องเพลงไม่ได้เลยนะ ตอนแรก ตะกุกตะกัก จากนั้นเฮียก็ดึงหูฟังออกทีละข้าง แล้วก็ร้องต่อได้จนจบ พอจบเพลง จะมีประโยคหนึ่งที่เจ๊ก็คาใจ ตั้งแต่ดูเก็บรายละเอียดรอบ 2 เฮียพูดว่า "อันนี้ทนไม่ไหวแล้ว ผมต้องพูดแล้วนะ" แล้วแกก็อธิบายเรื่องหูฟังว่ามันเหมือนกำปั้นยัดใส่ในหูแก เหมือนที่ทุกคนรู้นั่นแหละ หลังจากอ่านทู้นี้ถึงเข้าใจ การทำงานทุกอย่างมันต้องมีความเห็นหลากหลายอยู่แล้วอ่ะนะ จากที่แกพูด เฮียคงต้องทนกล้ำกลืนหลายเรื่องที่ฝ่ายจัดการแสดงยัดเยียดให้ พอเรื่องไหนทนไม่ได้จริง ๆ แกก็ขอบ่น อย่างน้อยก็ให้เสียงในหูฟังมันเบาลง ไม่อัดหูแก โธ่.....เจ็บปวด.......แทน........เหลือเกิน................................ จากคุณ : พีบี เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 10:14:07 A:111.84.1.201 X: TicketID:229494