ความคิดเห็นที่ 1 ร้อยเนื้อทำนองเดียว จากคุณ : Love Nocchi & Mariko sama เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 12:15:32

ความคิดเห็นที่ 2 มันคือการใส่เสียงสังเคราะห์ หรือ ปรับแต่งเสียงร้องด้วยเครื่องมืออิเลคทรอนิคส์น่ะค่ะ  ทำให้เสียงในเพลงแปลกไปจากเสียงจริง  อาจจะทำให้เสียงนั้นออกสั่นๆแบบเวลาหุ่นยนต์พูด  อะไรเทือกนี้ล่ะค่ะ ข้อดีคือ  เพลงมันดูเก๋  ใส่พอดีๆมันก็สร้างสีสันให้กับเพลง  การทำซาวน์อิเลคทรนิคส์แปลกๆก้เป็นการแสดงความสามารถอย่างนึงนะคะ ที่บอกว่าไม่ดีถ้ามากเกินไป  เพราะมันกลบ มันเปลี่ยนเสียงจริงเสียจนไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว คนร้องร้องเสียงเป็นยังไง ถ้าคนเสียงเพราะๆ  โดนปรับแต่งเสียงมาก  ก็เสียดายเสียงเพราะๆของเข่ ถ้าคนเสียงไม่ดี  ก็จะผิดหวังเวลาร้องสดว่า  ห่วยได้อีก  ปรับเสียงซะเวอร์ อันนี้คือในความคิดเห็นของเรานะคะ ยกตัวอย่างเพลงที่มี  Autotune  มากๆหน่ยก็  เพลงนี้ค่ะ   เพลงมันเก๋นะคะ  ฟังแล้วคึกคักดี  แต่มันเปลี่ยนเสียงนักร้องเสียแบบว่า  ไม่รู้ว่าเสียงจริงๆเป็นไง  เสียดายเสียงเพราะๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 52 13:11:32 จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 13:05:58

ความคิดเห็นที่ 3 แถม  ดงบังชินกิก็เคยใช้  autotune  น้า  แต่นิดเดียว  เพลงน่ารักดี จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 13:10:33

ความคิดเห็นที่ 4 มันคือโปรแกรมแก้เสียงร้องครับ นอกจาก Autotune ยังมีโปรแกรมแก้เสียงร้องอีกตัวครับชื่อว่า Melodyne สมมตินักร้องร้องเพี้ยน ขี้เกียจลากนักร้องกลับมาอัดใหม่ให้ตรงโน๊ต ก็ใช้โปรแกรมนี้แหละครับจิ้มคำที่ต้องการ จะปรับไปโน๊ตไหนก็ตามสะดวกเลย แต่ก็ต้องเป็นโน๊ตที่ใกล้ๆกันนะครับ ไม่ใช่ีร้องต่ำจะปรับให้สูงปรี๊ดมันก็กระไรอยู่ หรือเว้นวรรคคำไม่ถูกต้องโปรแกรมนี้ก็แก้ได้ ไม่มีลูกคอ โปรแกรมนี้ก็ใส่ลูกคอให้ได้ จะเอาสักสิบชั้นก็ยังไหว  :P ก็เหมือน Photoshop แหละครับ ถ้าปรับนิดๆหน่อยๆ ลบสิวริ้วรอย คนทั่วไปก็ไม่รู้หรอกครับ  แต่ถ้าปรับซะหน้าเด้งเกินยังไงมันก็ดูเฟคๆ 555 แล้วทีนี้มีการทดลองใช้ Autotune  ไปในทางแปลกๆ คือตั้งค่าบางอย่างไว้เร็วมาก สมมติแก้เสียงร้องจากโดไปเป็นซอล  เสียงมันจะกระโดดจากโดไปเป็นซอลอย่างรวดเร็ว ไม่ Smooth  ผิดธรรมชาติ   แต่ผลที่ได้มันแปลกและเท่ดี เค้าเลยนิยมเอา Autotune มาใช้ทำอย่างงี้กัน ทั้งๆที่จุดประสงค์ดั้งเดิมของโปรแกรมมันไม่ใช่อย่างงี้หรอกครับ  ^^ เลยมีชื่้อเรียกเวลาปรับอย่างนี้ว่า T-Pain Effect บ้าง  Cher Effect  บ้าง (เอามาจากตอนป้าเค้าร้องเพลง Believe) ลองไปเสิร์จในเนตดูนะครับ แต่รายของ Cher นั้น Sound Engineer เค้าเคยเปิดเผยว่าไม่ได้ใช้ Autotune ครับ แต่จะเป็นลักษณะของ Effect อีกแบบที่เรียกว่า Vocoder   แต่หลายคนมักจะเข้าใจผิดมาตลอดว่าใช้ Autotune ครับ http://www.soundonsound.com/sos/feb99/articles/tracks661.htm จากคุณ : GZilla เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 14:26:04

ความคิดเห็นที่ 5   ู^ ^ ไปลองsearchใหม่มาด้วยkeywordที่บอก เข้าใจขึ้นมาเยอะ แต่ก็ยังงงว่าต่างจากvocoderยังไง ปรับเสียงแบบนี้บางทีเราก็ชอบนะ อย่างเพลงของน้องเมย์ sweet vacationบางเพลง ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันรึเปล่า จากคุณ : vorizella เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 14:37:22 A:10.7.6.247 X:202.28.180.220 TicketID:217154

ความคิดเห็นที่ 6 ให้กิฟท์คุณ  GZilla  ค่า ได้ความรุ้มากเลย  นึกว่าเป็นการทำเสียงจากคอมพิวเตอร์  .ให้ได้เป็นเสียงแปลกๆ  เป็นเสียงสังเคราะห์ ไม่นึกว่าเป็นโปรแกรมแต่งเสียงชนืดนึง ขอบคุณนะคะ  ^^ จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 15:04:37

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าว! ไม่ใช่ร้อยเนื้อทำนองเดียวอย่างที่เข้าใจหรอกหรือ แล้วเพลงนี้ Nakata ใช้เทคนิคอะไรครับเสียงยัย Toshiko ถึงได้เปลี่ยนไปซะขนาดนี้ จากคุณ : Love Nocchi & Mariko sama เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 16:26:44

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่อง Vocoder เดี๋ยวยังไงกลับห้องคืนนี้จะกลับมาตอบนะครับ แปะเอาไ้ว้ก่อน ^^ ส่วนเพลง More More More คห.7  นั่นผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่น่าจะใช้โปรแกรมพวก Harmony Engine (ค่ายเดียวกับ Autotune) ครับ Harmony Engine เป็นโปรแกรมสร้างเสียงคอรัสครับ เราใส่เสียงร้องของเราเข้าไป มันจะไปวิเคราะห์แล้วสร้างเป็นคอรัสขึ้นมาครับ   แต่หาคลิปโปรแกรมนี้ใน Youtube แล้วไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ เอาเป็นคลิปนี้แล้วกันครับ แต่ตัวนี้จะเป็น Hardware ไม่ใช่ Harmony Engine ที่พูดถึงนะครับ แต่หลักการจะคล้ายๆกัน จากคุณ : GZilla เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 19:30:53

ความคิดเห็นที่ 9 มาต่อกันที่ Vocoder บ้างครับ Vocoder มีหลักการคือเอาเสียงสองเสียงมาผสมกันครับ สองเสียงที่ว่าจะมีนิคเนมของมันก็คือ Carrier กับ Modulator ซึ่งเค้านิยมให้ Modulator เป็นเสียงร้องของคนเนี่ยแหละครับ ส่วน Carrier จะเป็นเสียงเครื่องดนตรี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงเครื่องดนตรี สังเคราะห์ครับ พอผสมกันแล้วเสียงที่ำได้ออกมานั้น โน๊ตของมันจะขึ้นอยู่กับตัว Carrier ครับ งงแน่ๆเลย ^^ สมมติว่าเรากดโน๊ตโดของเครื่องดนตรีค้างยาวเอาไว้ ไม่ว่าเราจะร้องเพลงเป็นทำนองไหนอย่างไร  เวลาเสียงเรา(Modulator) มันไปผสมกับเสียงเครื่องดนตรีแล้ว มันก็ปรับระดับเป็นโน๊ตโดทุกคำครับ เพราะฉะนั้้นตอนร้องไป มือที่เล่นเครื่องดนตรีก็ต้องกดให้ตรงโน๊ตของคำนั้นๆ ด้วยครับ มันถึงจะผสมกันสวยงาม ^^ แต่ๆๆ  ถ้าสมมติว่า่มือเราเล่นโน๊ตเปลี่ยนขึ้นๆลงๆ เสียงร้องของเรามันก็จะกระชากไปมาอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติของ Vocoder ซึ่งจุดนี้จะคล้ายกับหลักการเดียวกับ  Autotune นั่นเองครับ จากคุณ : GZilla เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 00:30:19

ความคิดเห็นที่ 10 Nakata Yasutaka โปรดิวเซอร์ Perfume จะใช้ Vocoder เป็นหลักครับ (More More More ข้างบนนั่นก็อาจจะเป็น Vocoder ผสมกับ Harmony Engine ก็เป็นได้ครับ อันนี้มั่วเอานะครับ แหะๆๆ ) จากคุณ : GZilla เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 00:38:12

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วน Sweet Vacation เสียงน้องเมย์บางเพลงน่าจะเป็น Autotune ครับ แต่เสียงของ Daichi เป็น Vocoder แน่นอน ตอนต้น PV ข้างล่างนี้ จะเห็น Daichi หอบคีย์บอร์ดตัวนึงไปด้วยร้องเพลงไปด้วย เจ้าคีย์บอร์ดตัวเล็กนี้คือ Microkorg ครับ มี Vocoder ในตัว (ตัวเดียวกับใน คห. 9 ครับ) Daichi ท่าทางจะชอบเจ้าตัวนี้เป็นพิเศษ  ^^ เห็นชอบเอามาออกโชว์บ่อยๆใน PV  หรือเอาไปใช้ตาม Live ต่างๆตลอด จากคุณ : GZilla เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 00:51:47

ความคิดเห็นที่ 12 แถมท้ายอีกตัวกับเอฟเฟคต์ในตระกูลนี้ เรียกว่า Talkbox ครับ หลักการก็คือเอาลำโพงไปไว้ในกล่อง ปิดฝาให้มิดชิด เจาะรูเล็กๆต่อสายยางออกมา - - ทีนี้เวลาเราเล่นเครื่้องดนตรี เสียงจะออกมาจากลำโพง ซึ่งตอนนี้ลำโพงอยู่ในกล่องปิดฝา  เสียงมันก็เลยออกจากกล่อง มาตามสายยางทีเราเสียบไว้ครับ (โอวว อย่างกับท่อประปา) พอเสียงเดินทางมาุถึงปลายสายยางแล้วทำไงต่อ   ก็เอาปากเราอมปลายสายยางไว้ครับ (แหวะ) ทีนี้ปากเราก็จะกลายเป็นลำโพงขนาดเล็กแทน 555 ตอนที่อมอยู่ เราก็ร้องเพลงไปด้วยเลยครับ เสียงดนตรีจากสายยาง + เสียงร้องจากคอเรา  จะเดินทางมาพบกันในปากเรา แล้วผสมกลมกลืนกลายเป็นเสียงร้องแบบมีเอฟเฟคต์อย่างดี  เหมือนวิธีอื่น ที่กล่าวมาแล้ว คำเตือน  : ไม่ควรใช้สายยางร่วมกับผู้อื่นนะครับ :P จากคุณ : GZilla เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 01:03:26

ความคิดเห็นที่ 13   ขอบคุณคุณGZillaมากมายค่ะ เด๋วกลับไปฟังเสียงคุณไดอิจิใหม่แบบตั้งใจสุดๆอีกที ชัดเจนแจ่มแจ้งจริงๆ แต่ไอ่อันสุดท้ายนี่แบบว่าโห...ช่างคิดประดิษฐ์กันมาได้เนอะ จากคุณ : vorizella เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 10:40:45 A:10.7.6.221 X:202.28.180.220 TicketID:217154

ความคิดเห็นที่ 14   ขอบคุณสำหรับความรู้มาก ๆ เลยค่ะ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะมีอะไรมากมายกว่าที่คิด (ไปเอง) แต่ชอบเพลงที่ใช้แค่พอดี ๆ ค่ะ เพลงจะเก๋มากเลย แต่ก็ยังชอบฟังเสียงจริงของนักร้องมากกว่า จากคุณ : arce เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 21:50:40