ความคิดเห็นที่ 1 |
คมชัดลึก :เมื่อ อาทิตย์ก่อนผมได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่อง This Is It ที่นำเอาภาพการเตรียมงานและการฝึกซ้อมของ ไมเคิล แจ็กสัน เพื่อจะไปแสดงที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่บัตรล่วงหน้า 50 รอบ ขายหมดเกลี้ยงไปแล้ว และก็เป็นช่วงก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเพียงไม่กี่วัน
หลังจากที่ชมภาพยนตร์จบแล้ว ความรู้สึกหลายอย่างก็ได้เกิดขึ้นกับตัวผม อย่าง แรกคือ ผมสงสารไมเคิลอย่างจับใจ เขาเป็นมนุษย์ผู้วิเศษที่โดดเดี่ยวเดียวดาย จะหาใครที่มีความเป็นอัจฉริยะที่ใกล้เคียงและใกล้ตัวเขานั้น เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากๆ เขาต้องทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ที่ต้องคอยพึ่งพาและฟังคำแนะนำจากเขาเสมอ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทำอะไรๆ ทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าเรื่องกำกับดนตรี กำกับท่าเต้น กำกับไฟ กำกับมุมกล้อง ทุกคนรอคำสั่งจากเขา รวมไปถึงผู้กำกับ Kenny Ortega เอง ก็ยังต้องรอให้ไมเคิลเห็นด้วย ก่อนการทำงานของผู้กำกับเป็นไปในลักษณะขอความเห็นมากกว่าออกคำสั่ง ขณะที่ชมอยู่นั้น ผมก็คอยคิดอยู่เสมอว่าเขากำลังไม่สบาย ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง เขาผอมมากและก็พักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะนอนไม่หลับ แต่ต้องมาทำงานที่หนักมากๆ ที่ต้องใช้ทั้งสมอง ร่างกายและเสียงร้อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนดที่ได้วางไว้ พวกที่ทำงานด้านโปรดักชั่นในวงการบันเทิงทุกคนรู้ดีว่า เวลาต้องอดนอนเพื่อต้องทำงานให้เสร็จทันเวลาตามกำหนดที่วางไว้นั้น มันทรมานแค่ไหน ผมเองก็เคยน็อกรอบ 48 ชั่วโมงมาแล้ว ตอนที่ทำเพลงประกอบภาพยนตร์
อย่างที่สอง ผมรู้สึกเคารพและชื่นชมในความเป็นเพอร์เฟกชั่นนิสต์ ที่การทำงานทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบไม่ให้มีตำหนิหรือที่ติได้ ฟังเขาให้คำแนะนำมือเบสด้วยการร้องแนวเบส ให้ฟังแบบสดๆ เสียงที่เขาร้องออกมานั้น เรียกว่าชัดเจนทั้งระดับเสียงและจังหวะ เขาให้คำแนะนำกับมือคีย์บอร์ดที่เป็นผู้กำกับดนตรี ว่าต้องเล่นจังหวะให้หน่วงช้ากว่าปกติยังไง เป็นลักษณะที่คุณไม่สามารถเขียนออกมาเป็นตัวโน้ตได้ นอกจากจะต้องเข้าใจเพลงของเขาอย่างถ่องแท้
เขาเรียกเสียงกรีดร้องของกีตาร์จาก Orianthi Panagaris มือกีตาร์ผมบลอนด์แสนสวยของเขาให้ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างสุดฝีมือ เขาส่งพลังการร้องให้แก่ Judith Hill เพื่อตอบรับอารมณ์กับเขาในเพลง “I Just Can’t Stop Loving You” ให้ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ เขาไปคัดเลือกนักเต้นด้วยตัวเอง ออกแบบและกำกับท่าเต้นเอง ให้ไอเดียเกี่ยวกับมุมกล้อง แสง เครื่องแต่งกาย การตัดต่อคอมพิวเตอร์กราฟฟิก และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแออย่างนั้น
อย่างที่สาม ภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะช่วยลบภาพลักษณ์ที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อม เสียในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี ผมพบแต่ความสวยงามในจิตใจของเขาที่ทุ่มเทการทำงานเพื่อที่จะกอบกู้โลกใบนี้ ไว้ ความสุภาพอ่อนโยนและความไร้เดียงสาของความเป็นเด็ก พลังสร้างสรรค์ที่หลั่งไหลมาอย่างไม่มีวันหมด อาจเป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับของเขาได้ น่าเสียดายที่ถ้าเขาได้เรียนการทำสมาธิและฝึกฝนการปล่อยวางบ้าง ก็น่าจะทำให้เขามีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ การจากไปของเขาเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงจริงๆ
ผมเชื่อว่าผลงานของเขาจะยังคงอยู่ไปอีกนานแสนนาน ไม่น่าเชื่อว่าเด็กๆ อายุ 8 ขวบ ได้แก่ ลูกสาว และหลานสาวผม สามารถรับเพลงของไมเคิลได้ทันทีที่ได้ฟังเป็นครั้งแรก และก็คงเป็นเช่นเดียวกันกับเด็กๆ อีกมากมายทั่วโลก เขาทำงานหนักมาทั้งชีวิต อุทิศทั้งหมดให้แก่ดนตรีตั้งแต่เกิดจนตาย
ใครที่มองเขาไว้เป็นอย่างอื่น อยากให้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เผื่อว่าจะเข้าใจเขาได้มากขึ้น และนี่คือไมเคิล แจ็กสัน ที่จะอยู่ในจิตใจของคนทั้งโลกไปอีกนาน
"จิรพรรณ อังศวานนท์"
จากคุณ |
:
ลาช่า
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ย. 52 11:04:26
|
|
|
|