ความคิดเห็นที่ 1 ความเห็นแฟน ๆ ไมเคิล ดุเดือดพอสมควร อันนี้ฮามากค่ะ ชอบมาก ....Originally Posted by SelinaS   I wonder why she said "no" to Michael when he wanted to have children, but goes and has more kids now. I know its her personal life.. but still.. its kinda messed up! มีคนมาตอบว่า ditto  I don't like her I'd have given him millons of children สาว ๆ ห้องนี้เห็นด้วยมั๊ยจ๊ะ จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:26:49

ความคิดเห็นที่ 2 สามีคนปัจจุบันค่ะ ปล. ความเห็นส่วนตัวนะคะ...สู้ MJ ไม่ได้เลยสักกะติ๊ด จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:40:07

ความคิดเห็นที่ 3 ลิซ่า  You Are "พลาด"  นะ เจ๊ นะ   เฮ้อ........ ขอบคุณคุณ Jeeupค่ะ   หยั่งเง้แหละค่ะ  สมเพลง...ผู้หญิงนั้นชอบคนเลว....ยิ่งเลวเท่ารายยิ่งดี...อะไรแถวๆนั้น แหะๆ จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:47:52

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับเรานะคะ เราไม่มีทางปล่อยคนที่เรารักไปเด็ดขาดถ้าเรารักเค้ามากพอ ต่างคนต่างความคิดนะคะ แล้วอีกอย่างลิซ่าก็พูดถึงการแต่งงานกับไมค์ในแง่ไม่ดีเสมอ ก็เคยคิดว่าเพราะเธอโมโหหรือเปล่าเลยพูดด้วยอารมณ์ แต่เมื่อปีที่แล้วเธอก็เพิ่งให้สัมภาษณ์พาดพิงไปถึงการแต่งงานครั้งนั้นอีกซึ่งก็ในแง่ไม่ค่อยดีนัก เราว่าตอนที่เค้าแต่งงานกันลิซ่าก็คงรักไมค์แหละ แต่มันไม่มากพอที่จะทนความยุ่งยากที่มากมายได้ จากคุณ : rpgqueenii เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:49:10

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคุณจีอัปสำหรับข่าวคราวค่ะ เรื่องลิซ่าไม่มีลูกให้ไมเคิล คงเป็นเหตุผลส่วนตัวหลายๆอย่างของเธอ ซึ่งเราๆคงไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าทำไม แต่เชื่อว่าตอนอยู่ด้วยกัน ลิซ่าต้องรักไมเคิลแน่นอน คงไม่มีใครรักเค้าไม่ลงหรอก จริงมั้ยจ๊ะ ^^ จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 18:54:17

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องความรัก มันเข้าใจยากนะค่ะ เราไม่รู้ว่าตอนที่เขาสองคนอยู่ด้วยกัน มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีหลายเหตุผลที่ได้ยินมา แล้วก็ไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง อาทิ - ไมเคิลอยากมีลูก แต่ลิซ่าไม่อยากมี และที่ว่ากันว่าลิซ่าทนไม่ได้ก็พอไมเคิลบอกว่า คุณไม่อยากมีไม่เป็นไร เพื่อนผม เด็บบี้ เธอพร้อมจะมีลูกให้ - ลิซ่า เคยพยายามจะขอคืนดีกับ ไมเคิล แต่เขาปฏิเสธ - ลิซ่า ทนคนรอบตัวไมเคิลไม่ได้ ทนเหลือบปลิง ไม่ไหว - บ้างก็ว่า เพราะแม่ลิซ่าอยู่เบื้องหลังการเลิกครั้งนี้ เพราะแม่เธอไม่ชอบไมเคิล อันนี้แฟนคลับลิซ่า-ไมค์ ว่ามาอย่างนั้น - บ้างก็ว่า พ่อโจ มีปัญหากับ ลิซ่า และแม่ บลา บลา โอ๊ย!!~ เยอะแยะไปหมด ถ้าเรามองว่า ไมเคิล กับ ลิซ่า ก็เป็นคนที่มีทั้งด้านดี ด้านไม่ดี เพราะเขาและเธอต่างก็เป็นมนุษย์ปุถุชน คนธรรมดา เหมือนอย่างพวกเราทุกคน ที่ย่อมมีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง แต่ผลที่สุดแล้ว สำหรับละครฉากนี้ เกมส์นี้ ผลสุดท้ายแล้ว คนที่พลาดและหลงติดอยู่ในเกมส์นั้นกับเป็นตัว ลิซ่า เอง เพราะจากที่เราวิเคราะห์มานาน ลิซ่ายังไม่โต และขาดความเป็นผู้ใหญ่ ใจคอไม่หนักแน่น พร้อมจะเชื่อคำพูดของคนโดยรวม โดยเนื้อแท้เธอมีความรัก และรัก MJ มาก เรารู้สึกอย่างนั้น แต่เพราะคนรอบข้าง และความไม่หนักแน่นของตัวเธอเอง ทำให้เธอพลาด เมื่อเธอพลาด แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือ ความผิดหวัง ความล้มเหลวที่ตอนนี้เธอเองคงได้มองเห็นแล้วว่า เธอพลาดในเรื่องอะไร?? ถ้าวันนั้นเธอหนักแน่นมากกว่านี้ เชื่อหัวใจตัวเอง เชื่อความรู้สึกตัวเองและมีความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักอดทนมากกว่านี้ และไม่เอาแต่ใจตัวเอง เธอจะไม่ต้องมาพบกับความล้มเหลวแบบนี้ เรายอมรับว่าเราค่อนข้างชอบเวลาที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน MJ&Lisa เพราะดูเขามีความสุขกัน และรักกันจริง ๆ ในตอนนั้น และตอนนี้ก็ยังรัก ณ ตอนนี้ สิ่งที่เรารู้สึกกับ LIsa คือ สงสาร และเห็นใจ เพราะเธอเองที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ผิดที่เลือกออกมาจากชีวิตเขา ผิดที่เชื่อแม่มากกว่าตัวเอง และหูเบาไหวเอนไปกับคำวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าเชื่อคนที่เธอรักและรักเธอ สำหรับตัว MJ เอง ตอนนี้เราเชื่อว่าเขาก็ยังคงมีความรักให้เธอ ส่วน LIsa ก็ยังรักเขามาก แม้เธอจะพยายามหลอกตัวเองมานานว่าไม่อยากสนใจ  แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่มันมาถึงจุดที่เกินเลย เรียกว่าเกินคาดหวังสำหรับความรู้สึกของเธอ นั่นคือ "คนที่เธอเคยรัก และคนที่เคยตำหนิตามอารมณ์ และความคิดของคนอื่น ได้ตายจากไป โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ร่ำลา ไม่ได้เจอกันอีกแล้วจริง ๆ และเมื่อเรื่องราวเป็นแบบนี้ คนที่จะต้องสะเทือนใจมากที่สุดก็คือตัวของเธอ เพราะเธอไม่มีทางหนีความผิดและความรู้สึกล้มเหลวในชีวิตไปได้ และความรู้สึกนั้นมันกำลังทำลาย ทำร้ายความรู้สึกและจิตใจของเธอเอง และมันจะเป็นบาปที่ติดกับตัวเธอจนวันตาย" มีประโยคนึงที่เราไปอ่านเจอ ว่ากันว่า Lisa พูดไว้หลังจากที่ Mj ตายแล้ว แต่ไม่ยืนยันว่าจริง 100% นะค่ะว่า "I'll be together another world" เห็นไหมว่า มันสายเกินไปจริง ๆ ลิซ่า ต้องรอแก้ตัวชาติหน้าเลยนะเนี่ย ฮือ!! แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 19:53:09 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 19:38:15 จากคุณ : ลูกโป่งสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 19:34:34

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมฝาละมีคนปัจจุบันต้องแต่งตัวคล้ายไมเคิลอ่ะ จากคุณ : AC.Mindfields เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:52:29

ความคิดเห็นที่ 8   ^ ^ เห็นด้วยๆๆๆ อยากหล่อเหมือนเค้าอ่ะดิ จากคุณ : เจ้าหญิงวาฟา เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:03:41

ความคิดเห็นที่ 9   *6 โอ้ ... มันต้องให้แฟนคลับ ลิซ-ไมค์ ตัวจริงอย่างคุณลูกโป่งสีน้ำเงินมาตอบนี่สิ ถึงจะลึกซึ้งไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ^^ ความเห็นเรา เราว่าเรื่องนี้มันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะมากมายที่เราไม่รู้ ... ไมเคิลเป็นคนดี มีเสน่ห์ น่ารัก แต่อาจจะมีนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ไม่เข้ากันกับลิซ่า ... ซึ่งทำให้อยู่ด้วยกันแล้วไม่สบายใจ แบบนี้ก็เลิกไปดีกว่า ... บางทีคนดี ๆ สองคนที่รักกัน มาอยู่ด้วยกัน แต่เข้ากันไม่ได้ ก็ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไปนี่เนอะ เราไม่รู้ลิซ่าเคยให้สัมภาษณ์อะไรมาบ้าง ... แต่ที่บอกว่า การแต่งงานกับไมเคิลเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเธอนี่ ... บางทีเธออาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดให้มันรุนแรงก็ได้น้า ... ในชีวิตของผู้หญิง คงไม่มีใครอยากแต่งงานแล้วต้องหย่า ... แต่เมื่อมันเกิดขึ้น มันก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดอย่างนึง ... ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตเค้าเหมือนมีปมเล็ก ๆ ติดตัวอยู่ตลอดเวลา เค้าเลยฝังใจอะไรงี้มั้งคะ แต่ถ้าสามีคนปัจจุบันของเธอเป็นคนดีจริง ๆ คอยให้กำลังใจและเข้าใจเธอได้ตลอด และไม่หาเรื่องวีนเมื่อเธอเศร้าโศกเรื่องไมเคิล ... เราก็ว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเธอนะจ๊ะ ^-^ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:18:58

ความคิดเห็นที่ 10   ว่าแล้วก็ขออนุญาตคุณ Jeeup อัญเชิญข้อความนี้ที่ลิซ่าเขียนไว้ใน blog ของเธอเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน มาแปะเผื่อเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยอ่านด้วยนะคะ ... ขออนุญาตคุณลูกโป่งฯ ผู้สนับสนุนหลักแฟนคลับลิซไมค์อย่างเป็นทางการ ด้วยนะจ๊ะ ^-^ http://www.myspace.com/lisamariepresley Friday, June 26, 2009 He Knew. Years ago Michael and I were having a deep conversation about life in general. I can't recall the exact subject matter but he may have been questioning me about the circumstances of my Fathers Death. At some point he paused, he stared at me very intensely and he stated with an almost calm certainty, "I am afraid that I am going to end up like him, the way he did." I promptly tried to deter him from the idea, at which point he just shrugged his shoulders and nodded almost matter of fact as if to let me know, he knew what he knew and that was kind of that. 14 years later   I am sitting here watching on the news an ambulance leaves the driveway of his home, the big gates, the crowds outside the gates, the coverage, the crowds outside the hospital, the Cause of death and what may have led up to it and the memory of this conversation hit me, as did the unstoppable tears. A predicted ending by him, by loved ones and by me, but what I didn't predict was how much it was going to hurt when it finally happened. The person I failed to help is being transferred right now to the LA County Coroners office for his Autopsy. All of my indifference and detachment that I worked so hard to achieve over the years has just gone into the bowels of hell and right now I am gutted. I am going to say now what I have never said before because I want the truth out there for once. Our relationship was not "a sham" as is being reported in the press. It was an unusual relationship yes, where two unusual people who did not live or know a "Normal life" found a connection, perhaps with some suspect timing on his part. Nonetheless, I do believe he loved me as much as he could love anyone and I loved him very much. I wanted to "save him" I wanted to save him from the inevitable which is what has just happened. His family and his loved ones also wanted to save him from this as well but didn't know how and this was 14 years ago. We all worried that this would be the outcome then. At that time, In trying to save him, I almost lost myself. He was an incredibly dynamic force and power that was not to be underestimated. When he used it for something good, It was the best and when he used it for something bad, It was really, REALLY bad. Mediocrity was not a concept that would even for a second enter Michael Jackson's being or actions. I became very ill and emotionally/ spiritually exhausted in my quest to save him from certain self-destructive behavior and from the awful vampires and leeches he would always manage to magnetize around him. I was in over my head while trying. I had my children to care for, I had to make a decision. The hardest decision I have ever had to make, which was to walk away and let his fate have him, even though I desperately loved him and tried to stop or reverse it somehow. After the Divorce, I spent a few years obsessing about him and what I could have done different, in regret. Then I spent some angry years at the whole situation. At some point, I truly became Indifferent, until now. As I sit here overwhelmed with sadness, reflection and confusion at what was my biggest failure to date, watching on the news almost play by play The exact Scenario I saw happen on August 16th, 1977 happening again right now with Michael (A sight I never wanted to see again) just as he predicted, I am truly, truly gutted. Any ill experience or words I have felt towards him in the past has just died inside of me along with him. He was an amazing person and I am lucky to have gotten as close to him as I did and to have had the many experiences and years that we had together. I desperately hope that he can be relieved from his pain, pressure and turmoil now. He deserves to be free from all of that and I hope he is in a better place or will be. I also hope that anyone else who feels they have failed to help him can be set free because he hopefully finally is. The World is in shock but somehow he knew exactly how his fate would be played out some day more than anyone else knew, and he was right. I really needed to say this right now, thanks for listening. ~LMP จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:30:54

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ P.S.T (Pretty Small Thing) ค่ะได้เลยค่ะ เราก็วิเคราะห์ในมุมของเรา และก็จากเรื่องราวของทั้งสอง และจากการอ่านจากพฤติกรรมการแสดงออกของแต่ละคน อ่ะ อิอิ แต่จะว่าไปเราก็สงสารสามีคนปัจจุบันของเธอเหมือนกันนะ เรารู้สึกว่า เขาก็ดีนะ ถ้ามีคนดูแลเธอได้ดีก็ยินดีด้วย แต่ความรู้สึกลึก ๆ ในใจของเธอละ ใครจะรักษาได้ นอกจาก "เวลา" ส่วนสามีคนนี้เรามองว่าเขาเป็นได้แค่เงาของ MJ คิดดูสิ ชื่อก็ ไมเคิล แต่งตัวยังคล้าย ๆ แนว MJ ด้วย โห!! หลอกหลอนบ้างไหมจ้ะ ML สงสารจัง แล้วยิ่งเจอคุณภรรยา โศกาขนาดนี้แบบโศกเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ กับอดีตสามีที่ชื่อ MJ 55555 อย่างว่าละน่ะ มาทีหลังก็ต้องทำใจ เอิ้ก!!~ เลวไปไหมเนี่ยเรา ก๊ากกกกก จากคุณ : ลูกโป่งสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:50:05

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องลิซ่าขอคืนดี แต่ MJ ปฏิเสธ เคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ บางครั้งคนที่รักกัน แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ มีถมเถไปค่ะ วันว่าทั้งสองคนก็ยังรักกันอยู่นะ ถึงแม้จะหย่าไปแล้วก็เถอะ การแยกกันอยู่ อาจจะดีกว่า เคยเห็นที่ปกอัลบั้ม History ไมเคิลยังเขียนถึงลิซ่าเลย ถ้าไม่รู้สึกดีๆต่อกัน จะเขียนถึงทำไมคะ อีกเรื่อง วันว่า MJ เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วย ยากมากๆเลยนะ ยอมรับว่าเขาน่ารัก มีเสน่ห์ สาวคนไหนเข้าใกล้เขา ก็ต้องตกหลุมรักเขาทุกรายน่ะ แต่ตัว MJ เอง เป็นคนที่เข้าถึงได้ยากมาก ผู้หญิงที่จะเป็นคู่ชีวิตและเดินเคียงข้างเขาได้ ต้องเข้มแข็งมากๆเลยนะ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 23:24:46

ความคิดเห็นที่ 13 เราเองไม่ค่อยจะให้ความใส่ใจกับคำสัมภาษณ์ในอดีตที่กล่าวถึงไมเคิลไม่ดีของลิซ่านักอ่ะ (เราเองก็ยังไม่เคยอ่านบทสัมภาษณ์หรือได้ยินบทสัมภาษณ์ที่ว่านี้เลย) ถ้าหากประเมินกับตอนนี้แล้วเราว่าลิซ่ารักไมเคิลมากๆ อ่ะ เราไม่คิดว่าที่ลิซ่าแสดงออกเป็นเรื่องหลอกลวง เรื่องต่างๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับปัญหาของทั้งสองคนคิดๆ ไปแล้วเราว่าอย่าพึ่งไปใส่ใจหรือเชื่อมากนัก แต่เราว่ามองถึงความรักที่เขายังมีให้แก่กันและกันดีกว่า เราว่าสิ่งนั้นยิ่งใหญ่กว่าเยอะ เราเชื่อว่าแม้เขาแยกจากกันแล้วแต่เขาก็ยังรักและผูกผันกันอยู่ แล้วเราก็เชื่อด้วยว่าลิซ่าเสียใจจริงๆ แล้วลิซ่ก็จะคิดถึงไมเคิลตลอดไป เราเชื่ออย่างนั้น (เราว่าล็อควู้ดนี่คงต้องใจกว้างมากๆ และคงต้องเข้าใจในตัวลิซ่าอย่างมากเลยอ่ะ) ดูจากภาพหลังจากที่เขาแยกจากกันไปนานแล้วก็ยังรับรู้ได้ว่าเขายังรักและผูกผันกันมากๆ เชื่อเราเตอะ ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย อันนี้เราไม่รุ้ว่าเรารู้สึกลำเอียงป่าวนะแต่ภาพข้างบนที่ลิซ่าจับมือกับไมเคิลตอนแต่งงานในอดีต กับภาพที่ลิซ่าจับมือกับล็อควู้ดสามีคนปัจจุบันเนี่ย เทียบกันแล้วเรารู้สึกว่าลิซ่ามีความสุขกว่าเยอะมากๆ และรู้สึกว่าเธอดูจะอ่อนโยนขึ้นเวลาอยู่กับไมเคิลของเราอ่ะ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะลำเอียงป่าวเนี่ยเรา แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 52 00:03:13 จากคุณ : แตมมี่ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 00:00:03

ความคิดเห็นที่ 14 เฮ้อ เสียดายคู่นี้ละเกิน  ขอให้ได้อยู่ด้วยกันอีกใน another world นะ T.T จากคุณ : peterpansbride (บานาน่าจัง) เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 00:05:25

ความคิดเห็นที่ 15 ไหนๆ ก็ another world แล้ว ขอเปลี่ยนจากลิซ่า เป็น วันวิสามั่งไม่ได้เหรอ ขอเถอะนะ ชาติหน้า อยากเจอเฮีย อยากรักเฮีย อยากดูแลเฮีย จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 00:48:07

ความคิดเห็นที่ 16   ^ ^ โอมเพี้ยง ... ได้เลยจ้ะ ... ชาติหน้าหนูวันจะได้เกิดเป็นหม่ามี๊ของเฮีย นามว่า "วันวิซ่า" ^^ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 01:23:22

ความคิดเห็นที่ 17   แค่รัก...คงยังไม่พอ (เน่าได้อีก) คนสองคนอยู่ด้วยกัน แค่รักมันคงไม่พอ และมันคงมีเรื่องราวซับซ้อนมากมายที่รู้กันอยู่แค่สองคน ว่าทำไมถึงเดินต่อไปด้วยกันไม่ได้ เราสงสารเธอนะ ขนาดเราไม่เคยเห็นเฮียตัวจริง ไม่เคยคุยกับเฮีย พอเฮียจากไป ยังเป็นไปได้ขนาดนี้ แล้วนี่เธอผูกพันกับเฮีย แถมเหมือนมีเรื่องราวค้างคาในใจ อาจมีบางอย่างที่เธออยากบอก อยากช่วย แต่มันไม่มีโอกาสนั้นแล้ว... จากคุณ : MyMike เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 01:41:09

ความคิดเห็นที่ 18   เห็นเค้าว่าเป็นเพราะแม่ของลิซ่าน่ะแหละ พูดกรอกหูทุกวันว่า MJ ไม่ได้รักเธอจริง เขาต้องต้องการสร้างเลือดเนื้อเชื้อไขของเขากับเอลวิส เป็น KING +KING เขาเลือกเธอเพียงเพราะเขาต้องการกลบกระแสข่าว และสร้างตำนาน สืบเชื้อสายของเขาเท่านั้น เห็นว่าลิซ่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอยากเอาชนะคำสบประมาทที่ว่า ด้วยการยืนยันว่า ยังไงฉันก็จะไม่มีลูก ถ้าเธอรักฉันจริงเธอต้องรักในตัวฉันเท่านั้น และก็อยู่กันไปแบบเนี้ย แต่การตัดสินใจแบบนี้(อาจแค่พูดลองใจ)  ผลของมันรุนแรงกว่าที่คิด ไมเคิลร้องไห้หนักมากและเริ่มมึนตึงกับเธอ ต่างฝ่ายต่างหมางเมินต่อกัน ลิซ่าก็งอนไม่กลับมานอนที่บ้าน จนฟางเส้นสุดท้ายขาดลงตรงที่ไมเคิลบอกเรื่อง เดบบี้... ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง ก็คิดว่า อย่างน้อย ไมเคิลก็มีช่วงดีๆอีกช่วงในชีวิตเพราะผู้หญิงคนนี้ โดยเฉพาะการที่เธอเพียรโทรไปให้คำปรึกษาและให้กำลังใจกับไมเคิลยามเผชิญมีปัญหาช่วงมรสุมชีวิต จากคุณ : Better Off เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 09:43:48

ความคิดเห็นที่ 19 เฮ้อ คุณ Better Off  ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็คงจะเป็นแบบพ่อแม่รังแกฉันมากเลยเนอะ เราว่าลิซ่าเองก็คงฝังอยู่กับความคิดที่แม่กรอกหูอยู่นานเลยอะ (หลังๆเพลงของเธอดูโกรธแค้นโลกพิกล แหะๆ) แล้วเป็นไงล่ะคุณแม่ 10 กว่าปีหลังจากนั้นก็ไม่มีใครทำให้ลูกสาวยิ้มได้เหมือนที่ MJ ทำอยู่ดี จากคุณ : peterpansbride (บานาน่าจัง) เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 10:54:51