ความคิดเห็นที่ 1 ไมเคิล แจ๊คสัน: ชัยชนะ และ โศกนาฎกรรม Thursday, July 9, 2009 พวกเราทุกคนต่างอยู่ในภาวะโศกเศร้าและสูญเสียกับการจากไปของศิลปินที่มีพรสวรรค์ ผู้ที่เปรียบได้ดังของขวัญที่ถูกประทานมาจากพระเจ้า เขาเจิดจรัสในเส้นทางของดนตรีและการเต้น  ด้วยความสามารถของเขาที่อยู่เหนือกาลเวลา ไมเคิล ได้ทำให้พวกเราทุกคนอยากที่จะร้องและเต้นไปกับเขา บางที นี่อาจจะเป็นของขวัญล้ำค่าของเขาที่มอบให้กับพวกเรา ผลงานการแสดงต่าง ๆ บนถนนดนตรีของเขาถูกเก็บบันทึกไว้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ภาพยนตร์ และแผ่นเสียงแทบเรียกได้ว่ามากที่สุด ในประวัติศาสตร์วงการดนตรี เพราะเหตุนี้ เขาจะยังคงสรรสร้างความบันเทิง และความสุขให้กับโลกใบนี้ ในทุก ๆ ครั้งที่เรารับชม หรือรับฟังผลงานเพลงของเขา เช่นเดียวกันกับ เอลวิส หรือมาริลีน มอนโรว์ เขาเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของวัฒนธรรม ๆ หนึ่ง   พวกเรา ถือได้ว่าติดค้างคำขอบคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ในเรื่องของความสนุกสนาน และ เสียงหัวเราะ ที่เขาได้นำมาสู่ชีวิตของพวกเรา ชีวิตการทำงานของเขา ในแง่ของ ความเป็นคนใจบุญ ก็เป็นที่น่ายกย่อง นั่นได้รวมไปถึง การที่เขาให้การสนับสนุนองค์กรการกุศลมากกว่า 30 องค์กร รวมไปถึง the Make-a-Wish Foundation, USA for Africa, the Elizabeth Taylor AIDS Foundation, Heal the World Foundation, Wishes Granted Organization, Boys & Girls Clubs, the DARE program, YMCA, NAACP, United Negro College Fund, and the Michael Jackson UNCF Endowed Scholarship Fund เหล่านี้ด้วย มูลค่าเงินที่เขาได้บริจาคในการกุศล  นั้นรวมเป็นเงินมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ยิ่งไปกว่านั้น เขา ยังได้บริจาคเงินจากทรัพย์สินส่วนตัวของเขา มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ มาตลอดระยะเวลาหลายปี แต่นั่นก็ไม่มากเท่า ที่เขา ได้สละเวลาของเขา ไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้เคราะห์ร้าย จากกรณีไฟไหม้ที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วโลก  หากเขาได้ทราบว่า มีเด็กที่กำลังเจ็บป่วย หรือได้รับความทรมานไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม แล้วเขาสามารถช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นได้ เขาจะลงมือทำทันที  ในระหว่างการเยี่ยมเยียนโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงบูดาเปส เขาได้พบกับเด็กชายวัย 4 ขวบคนหนึ่งที่แสงแห่งชีวิตของเขาริบหรี่ลงทุกขณะ เด็กชายคนนี้จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนตับ  เด็กคนนี้ถูกแม่ของเขาทอดทิ้ง และมีชีวิตเติบโตอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอดช่วงชีวิตของเขา  หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวของเด็กชายคนนี้ ไมเคิลและภรรยาของเขา ลิซ่า มารี ได้ใช้เวลาในการเยี่ยมเด็กชายนานเป็นเวลาหลายชั่วโมง และ จากนั้น พวกเขาก็ได้ นำเงินจาก มูลนิธิ Heal the World Foundation มาสำรองใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนตับให้กับเด็กชายคนนี้ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:08:00

ความคิดเห็นที่ 2 ในปี 1985 เขาได้ร่วมกับ Lionel Richie แต่งเพลง We are the World  และได้ร่วมกับศิลปินอีก 44 คนในการบันทึกเสียง รวมทั้งยังได้ออกแนวความคิดในการทำมิวสิควีดีโอ เพื่อหาเงินช่วยเหลือเด็กน้อยผู้หิวโหยในทวีปแอฟริกา เพลงยอดนิยมอย่าง Heal the World และ การออกคอนเสิร์ต Heal the World Tour ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนมูลนิธิ เพียงโครงการนี้โครงการเดียว เขาก็สามารถหาเงินเพื่อบริจาคให้กับทวีปแอฟริกา เป็นจำนวนมากกว่า 100ล้านดอลลาร์  เขาได้กลายเป็นบุคคลที่เป็นสื่อกลางจาก ทวีปอเมริกา โดยมีผลต่อเนื่องไปถึงคน 7 ล้านคนที่ขยายวงกว้างออกไปข้ามผ่านประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2000 กินเนสบุ๊คได้บันทึกให้เขาเป็น ป๊อป สตาร์ ที่บริจาคเงินสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ มากที่สุด โดยในตอนนั้นเขามีอายุเพียง  42 ปีเท่านั้น ความสามารถในการลงมือทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จนั้นถือเป็นเยี่ยงอย่างที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของการแบ่งปัน ดังที่เราเห็นได้จากการทำงานของเขา นั่นถือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยภายนอกเท่านั้น เขาทำมันทุกอย่างด้วยหัวใจเพราะเขาเป็นคนจิตใจดี และ มีความรักให้กับให้กับเด็ก ๆ อย่างแท้จริง เขาได้เขียนเพลง Gone Too Soon ให้กับ Ryan White เด็กผู้ป่วยโรค AIDS ที่ได้รับความทรมาน เขาไม่เพียงต้องเผชิญกับความตื่นตระหนกในโรคภัยใหม่ ๆ (ในเวลานั้น) แต่เขายังต้องเผชิญกับความไม่เข้าใจและความหวาดกลัวโรคนี้จากสังคมอีกด้วย Ryan ติดเชื้อจากการถ่ายเลือด ไมเคิลได้เชื้อเชิญเขาให้ไปเที่ยวที่ Neverland หลังจากที่ Ryan ถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปโรงเรียน หลังจากที่ไมเคิล ต้องได้รับความทรมานจากอุบัติเหตไฟไหม้ระหว่างถ่ายทำโฆษณาให้กับ Pepsi เขาได้บริจาคเงินที่ได้รับจากบริษัทประกันจำนวน 1.5ล้านดอลลาร์  เพื่อสร้างศูนย์ให้ความช่วยเหลือเด็กที่ต้องทนทุกข์จากการถูกไฟไหม้ ในปี 1984 เขาได้ไปเยี่ยมเยียนเด็ก ๆ ที่หน่วยพักของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุเพลิงไหม้ ที่โรงพยาบาล Brotman-Memorial ในลอสแองเจลิส และ ยังได้บริจาคเงินสำหรับหนึ่งหน่วยที่มี 19 เตียง ให้กับ Mount Sinai New York Medical Center เพื่อใช้ในการวิจัยโรคลูคิเมีย และ มะเร็งอีกด้วย เขายินดีต้อนรับเด็กที่กำลังป่วย หรือใกล้จะเสียชีวิตไปยังบ้านของเขาใน Neverland Ranch ดินแดนแห่งเทพนิยาย เช่นเดียวกับในเรื่อง Peter Pan  เด็กชายวัย 14 ปี ผู้ซึ่งได้รับความทรมานจากโรค ได้ถูกเชื้อเชิญให้ไปยังบ้านของไมเคิล ดั่งที่เด็กชายผู้ซึ่งใกล้จะเสียชีวิตปรารถนา ไมเคิล ได้ใช้เวลากับเด็ก ๆ ที่ป่วยระยะสุดท้ายหลังเวที ในขณะที่เขากำลังออกทัวร์ และ ยังได้ไปเยี่ยมเด็กชายวัย 12 ปี ผู้ซึ่ง ถูกพ่อของตัวเองเผาอย่างน่าเวทนา พ่อของเขาทำไปเพื่อแก้แค้นภรรยาคนก่อนของเขา ความเต็มใจที่จะช่วยเหลือเด็ก ๆ เหล่านี้ ช่างเป็นภาพที่น่าอบอุ่นใจเหลือเกิน จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:08:32

ความคิดเห็นที่ 3 เขาจัดตั้งกองทุนการศึกษาไมเคิลแจ๊คสัน UNCF  ในปี 1985  เป็นกองทุนสำหรับนักเรียนที่ศึกษาด้านศิลปะการแสดงสดและด้านการสื่อสาร      จัดหาเงินในแต่ละปีให้กับเด็กๆที่เป็นสมาชิกของ UNCF < United Negro College Fund เป็นกองทุนการศึกษาสำหรับเด็กนิโกรค่ะ  credit : คุณตู้เพลงฯ > ที่ในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย    เดือนกุมภาพันธ์ในปี 1986  แฟนพันธ์แท้ของเขาคนนึง สาวน้อยอายุ 14 ปี ได้ประสบกับการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด  เขาจึงโทรหาเธอและชวนให้เธอมาที่เนเวอร์แลนด์เพื่อมาร่วมทานอาหารค่ำและชมภาพยนตร์เมื่อเธอหายดีแล้ว เธอได้เข้าไปพบตามคำเชิญในวันที่ 8 มีนาคมในปีนั้น.  มูลค่าของรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอนั้นไม่สามารถประเมิณค่าได้เลย   มันคือการกระทำอย่างง่ายๆของความมีเมตตาโดยผู้ชายจิตใจเอื้อเฟื้อผู้นี้ เขาสนับสนุนงานใน NAACP เป็นการเฉพาะเนื่องจากมันเกี่ยวโยงกับการทำให้  มีอคติต่อศิลปินผิวดำ  และบริจาคทรัพย์สินส่วยตัวหลายรายการให้กับการประมูลเพื่อการกุศลเพื่อหาเงินเข้ากองทุนให้กับเด็กๆในประเทศที่กำลังพัฒนา. รายได้จากยอดขายเพลง Man in the Mirror ถูกนำไปบริจาคให้กับแคมป์ Ronald McDonald เป็นแคมป์สำหรับเด็กๆที่ทรมานจากโรคมะเร็ง  ในปี 1988 เขาเสนอเช็คเงินจำนวน 600,000 ให้แก่กองทุนการศึกษาสำหรับเด็กนิโกรและบริจาคตั๋วคอนเสิร์ตที่ แอตแลนต้า ประเทศจอร์เจีย ให้มูลนิธิ Make-A-Wish Foundation. อย่างไรก็ตาม ในปีนั้นเขาหาเวลาและเรี่ยวแรงในการไปโรงพยาบาล Bambini-Gesu Children's Hospital ในกรุงโรมเพื่อแจกลายเซ็นต์และมอบลูกอมให้กับเด็กๆ ทั้งยังบริจาคเงิน 100,000 ปอนด์ให้แก่โรงพยาบาลนั้น.  ตอนท้ายเขาได้ไปเยี่ยมเด็กป่วยที่ โรงพยาบาล Great Ormond Street Hospital ในลอนดอนด้วยขณะที่กำลังเยี่ยมกลุ่มผู้ป่วยภาวะวิกฤตเขาอยู่นานกว่าปกติและเล่าเรื่องให้เด็กๆฟัง ในวันเกิดปีที่ 30 ของเขา เขาแสดงคอนเสิร์ตในเมือง ลีดส์ ประเทศอังกฤษ เพื่อเป็นการกุศลให้กับองค์กร Give for Life เพื่อช่วยหาเงินระดมทุนในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆและเสนอเช็คให้กับการกุศลมูลค่า 65,000 ปอนด์  ในปี 1989 เขาเดินทางไปเยี่ยมผู่ป่วยที่โรงเรียน Cleveland Elementary School ใน สต็อคต็อน แคลิฟอร์เนีย ที่ๆเมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน มีชายบ้า อายุ 25 ปี บุกไปเผาสนามเด็กเล่นโรงเรียน มีเด็กที่เสียชีวิตถึง 5 คนและมีผู้บาดเจ็บกว่า 39 ราย เขายังไปเยี่ยมเด็กๆที่ไม่ได้รับสิทธิเนื่องจากความยากไร้ 200 คนด้วย ที่มาจาก สถาบัน Vincent Institute สำหรับเด็กพิการและองค์กรไม่แสวงผลกำไร Big Brothers/Big Sisters ไปดูละครสัตว์ที่ Circus Vargas ใน ซานตา บาร์บาร่า และจากนั้นที่บ้านของเขาใน Santa Ynez Valley เพื่อไปดูสวนสัตว์ส่วนตัวของเขา ต่อมาในปีนั้น เขาทำงานกับองค์กร Wishes Granted organization เพื่อช่วยเหลือเด็กอายุ 4 ขวบ ที่ทรมานจาก ลูคิเมียให้สมหวังในการที่จะได้เจอกับไมเคิล แจ็คสัน และเชิญชวนเด็กน้อยคนนั้นให้ดูการแสดงของนักกายกรรมชาวแคนาดาด้วย ในการสนับสนุนองค์กรการช่วยเหลือเด็ก ทำให้ไมเคิลถูกกล่าวหาว่าร้ายถึง 82 ครั้ง และได้ละทิ้งการพาเด็กๆไปเล่นเกมส์ บาร์บีคิวและภาพยนตร์ในปี 1990ไปเลย   เขาทำโครงการ Project Dream Street, L.A ในแบบเดียวกันเพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่มีความเจ็บป่วยคุกคามชีวิตขั้นวิกฤต  เขายังเป็นเจ้าภาพในงานที่มีเด็กกว่า 130 คน ใน โปรแกรมฤดูร้อนของ YMCA ณ เมืองลองแองเจลลิส และ ซานตา บาบาร่า จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:10:37

ความคิดเห็นที่ 4 เขามักจะอ่อนไหวเสมอหากมันเป็นเรื่องปัญหาทางสังคม, ความยากจน ,ความหิวโหย และการไร้ที่อยู่อาศัย ในปี 1991 เขาไปเยี่ยมเยือนมูลนิธิ Youth Sports & Art Foundation ในลองแองเจลลิส ซึ่งเป็นที่ที่ช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัวแกงค์ค้ายาที่ต้องคดี. เขาคุยกับเด็กๆและเสนอ ทีวีจอแบบ wide-screen และมอบเงินกำนัลให้   ในเดือนธันวาคม ที่ออฟฟิสของเขา บริษัท MJJ Productions ได้นำมื้อค่ำเป็นไก่งวงถึง 200 ตัว ให้แก่ครอบครัวที่ยากไร้ต่างๆในเขตลองแองเจลลิส เขาใช้เวลา 11 วันใน แอฟริกาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 1992 ท่องเที่ยวไปกว่า 30,000 ไมล์ เพื่อตระเวนเยี่ยมตามโรงพยาบาล, สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า, โรงเรียน, โบสถ์, สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา   ต่อมาภายในปีเดียวกันนั้นเขาเตรียมการแถลงข่าวที่เวทีโรงภาพยนตร์ Radio City Music Hall ของนิวยอร์คเพื่อประกาศว่าเขาวางแผนที่จะออกทัวรในอเมริการเหนือและใต้เพื่อระดมทุนในมูลนิธิ Heal the World ของเขา  มูลนิธินี้จะช่วยเหลือการต่อสู้กับโรคเอดส์, เบาหวานในเด็ก, แคมป์ Ronald McDonald และมูลนิธิ Make-A-Wish Foundation เขารู้สึกเห็นใจและออกค่าใช้ทั้งหมดแบบเงียบๆในงานพิธีศพของ Ramon Sanchez ผู้ที่ถูกฆ่าเสียชีวิตในระหว่างการจราจลในลองแองเจลลิสและในปีถัดมาประกาศว่าเขาจะบริจาค 1.25 ล้านดอลล่าร์ให้แก่เด็กๆที่ทนทุกช์ทรมานกับผลพวงของการก่อการจราจลต่างๆ เขาทำการบริจาคครั้งใหญ่ให้กับผู้ยากจนและแร้งแค้นในมิวนิค ประเทศเยอรมนี และบริจาคเงินจากทัวร์ที่ได้มาทั้งสิ้น 400,000 ปอนด์ให้กับการกุศลในเมืองดับบลิน ประเทศไอร์แลนด์ เขาไปเยี่ยมเด็กๆที่โรงพยาบาล Sophia Children's Hospital ใน ร็อตเทอร์ดัม เพื่อเสนอเช็คเงินจำนวน 100,000 ปอนด์ให้  ด้วยความดีใจของเด็กๆที่โรงพยาบาล Queen Elizabeth Children's Hospital ณ กรุงลอนดอน เขาไปเยี่ยมพร้อมกับมิคกี้เม้าส์และมินนี่เม้าส์ที่มาจาก Euro-Disney ในเดือน พฤศจิกายน ปี 1992 ไมเคิลช่วยจัดการเรื่องเครื่องรักษาพยาบาลที่หนักกว่า 43 ตัน, ผ้าห่มและเสื้อกันหนาวที่เตรียมจะมุ่งหน้าไปเมืองซาราเจโว  ประเทศที่ทำสงคราม ที่ที่เด็กๆเป็นเป้าหมายของผู้ลอบยิง    งานการกุศลของเขา มูลนิธิ Heal the World Foundation ได้ร่วมมือกับองค์กร AmeriCares ในการส่งเสบียงและทรัพย์สินต่างๆมูลค่ากว่า 2.1 ล้านดอลล่าร์ไปยังเมืองซาราเจโว  โดยจะถูกแบ่งไปตามการจัดสรรขององค์กรสหประชาชาติ. เขาได้จัดแถลงข่าวที่โตเกียว ณ สถานฑูตอเมริกา และเสนอเช็คเงินจำนวน 100,000 ดอลล่าร์ จาก เป๊ปซี่ สปอนเซอร์ทัวร์ของเขาในมูลนิธิ Heal the World Foundation จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:11:39

ความคิดเห็นที่ 5 ตลอดช่วงปี 1990s ไมเคิลยังคงอุทิศเวลาและทุ่มเทพลังกายของเขาในการช่วยเหลือสนับสนุนองค์กรการกุศลเพื่อเด็ก ๆ ทั่วโลกต่อไป เขาทุ่มเงินจำนวนหลายล้านดอลล่าร์เพื่อสร้างสถานที่พักฟื้นสำหรับเด็ก ๆ และสวนสนุกที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นและสวนสัตว์อีกหนึ่งแห่งในบ้านไร่เนเวอร์แลนด์ของเขา ด้วยความพยายามที่จะ "นำความสุขมาให้กับผู้คนและย้ำเตือนเขาให้ระลึกถึงสิ่งดี ๆ ทั้งหลายในชีวิต" เขาให้การสนับสนุนแก่โครงการต่าง ๆ หลายสิบโครงการ ซึ่งรวมถึง Boys & Girls Clubs และรายการ DARE ด้วย เขาเป็นผู้ที่มีบทบาทในโครงการ Pepsi-Cola Internatioal บริจาครถพยาบาลใหม่ให้แก่ศูนย์เยาวชน Contacts One Independent Living Center for Children ในมอสโกว์ และโรงพยาบาล Hospital de Ninos ซึ่งดำเนินการโดย ดร. Ricardo Gutierrez ในบูเอโนส ไอเรส ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจต่อสภาพของประเทศยากไร้ต่าง ๆ เขาจึงบริจาคเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการออกทัวร์ History เพื่อใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา และไม่เก็บเงินค่าจ้างส่วนตัวของเขาในการปรากฏตัวที่บอมเบย์ เพื่อบริจาคเงินจำนวน 1.1 ล้านดอลล่าร์นั้นให้กับองค์กรการกุศลในท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษาของเด็ก ๆ ที่อยู่ในสลัม ภาพลับเฉพาะของปริ๊นซ์ ลูกชายของเขาถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร OK! ของอังกฤษ และเงินจำนวน 1 ล้านปอนด์ที่เขาได้รับจากนิตยสารฉบับดังกล่าว ได้ถูกบริจาคให้กับองค์กรการกุศลทั้งหมด ในปี 1998 ในขณะที่ไมเคิลอยู่ที่โรงแรมฮิลตันในลาสเวกัส เขาได้รับการแนะนำให้พบกับเด็กน้อยวัย 5 ขวบที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง เขาได้ใช้เวลาตลอดบ่ายกับเด็กชายคนนั้น และพาเขาไปดูหนังเรื่อง "Star Trek: The Experience" ในปี 1999 เขาได้มอบเช็คแก่เนลสัน แมนเดลา เป็นเงินจำนวน 1,000,000 ZAR (South Africa Rand = หน่วยค่าเงินของแอฟริกาใต้) เพื่อช่วยสมทบทุนแก่กองทุนเพื่อเด็ก ๆ ของเนลสัน แมนเดลา ไมเคิลได้แสดงความสนับสนุนต่อกองทหารของพวกเราในปี 2002 เมื่อเขาได้เชื้อเชิญสมาชิกทีมเวนเดอร์เบิร์กกว่า 200 คน ซึ่งเพิ่งกลับมาจากการประจำการในต่างประเทศ พร้อมทั้งครอบครัวของพวกเขา ให้มาที่บ้านไร่เนเวอร์แลนด์ เพื่อแสดงความชื่นชมต่อการเสียสละของเจ้าหน้าที่ทหารในชุมชนของเขา เขาได้ขึ้นแสดงในงานระดมทุนสำหรับ Democratic National Committee ที่โรงภาพยนตร์อพอลโลในฮาร์เล็ม และสามารถช่วยระดมเงินทุนได้ถึงเกือบ 3 ล้านดอลล่าร์เพื่อใช้ในการลงทะเบียนผู้ออกเสียง จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:12:28

ความคิดเห็นที่ 6 มันง่ายมากถ้าคุณจะพูดว่า ฉันนี่แหละจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ แต่ผู้ชายคนนี้เลือกที่จะลงมือทำ และเขาก็ทำมันอย่างจริงจังเสียด้วย เขาไม่เพียงแต่นำความสนุกสนานมาสู่เด็ก ๆ แต่เขายังช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ให้แก่คนอีกนับพันทั่วโลก และนี่ก็เป็นเรื่องจริงที่นำพาชีวิตของชายคนหนึ่งผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ที่เราทุกคนควรถือเป็นเยี่ยงอย่าง แต่กลับต้องพบจุดจบของชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจ คุณจินตนาการได้ไหม ว่าหัวใจของชายคนหนึ่งที่รักเด็กเป็นชีวิตจิตใจ จะเจ็บปวดเพียงใด จากการที่เขาถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเด็ก เป็นที่ประจักษ์กันดีว่า ชายคนนี้รัก และปฏิบัติต่อเด็กอย่างสัตย์ซื่อ และน่ายกย่องอยู่เสมอ การตราหน้าเขา ผู้ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือและนำความสุขมาสู่เด็ก ๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยว่าเป็นชายที่ชอบมีความสัมพันธ์กับเด็ก จึงเป็นคำโกหกที่แสนจะเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย เขาให้ความช่วยเหลือผู้คนนับพัน แต่จากการที่บังเอิญว่ามีคนชั่วร้ายเพียงสองสามคนออกมากล่าวหาเขาเพื่อหวังเงินทองของเขา นอกจากเจ้าหน้าที่ในรัฐซานต้าบาบาร่าจะไม่ปกป้องเขาแล้ว ซ้ำกลับยังตั้งข้อหาในคดีอาญาใน “ข้อหาทำร้ายเด็ก” ให้กับเขาอีกด้วย นั่นนับว่าเป็นการดูถูกและทำร้ายน้ำใจของเขาอย่างร้ายกาจ เดือนพฤศจิกายนปี 2003 เจ้าหน้าที่มากกว่า 60 นาย พร้อมกับรถอีก 19 คัน มุ่งหน้าไปยังบ้านไร่เนเวอร์แลนด์พร้อมหมายจับ มีการตั้งข้อกล่าวหาไมเคิลโดยบุคคลที่มีเจตนาอยากจะได้เงินของเขา คนพวกนี้พยายามเข้าหาเขา พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากเขา เมื่อเขาให้ความช่วยเหลือ คนพวกนี้กลับตอบแทนความมีน้ำใจของเขาด้วยการพยายามจะทำลายชีวิตและชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมา ฉันอ่านพบบนอินเตอร์เนทเมื่อวานนี้ว่า มีผู้ที่กล่าวหาเขาคนหนึ่ง ยอมที่จะเปิดเผยเรื่องจริงออกมาแล้ว และหากคนที่กล่าวหาเขาคนอื่น ๆ พอที่จะมีจิตสำนึกแห่งมโนธรรมอยู่บ้าง คนกลุ่มนั้นก็คงจะออกมาทำเช่นเดียวกัน การตั้งข้อหาโดยปราศจากความผิดให้แก่ไมเคิล แจ๊คสันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมของตำรวจ ที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในแคลิฟอร์เนีย มันช่างน่าเศร้าสลด ที่ประเทศมหาอำนาจของโลก พยายามจะทำให้เราเชื่อว่า เราจะ “เป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีการพิสูจน์ว่ามีมูลความผิด” แต่ความจริงที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็น “เราเป็นผู้กระทำผิด ตั้งแต่มีการตั้งข้อกล่าวหา คุณกลายเป็นคนผิด ตั้งแต่คุณถูกจับกุม คุณกลายเป็นผู้ผิดนับตั้งแต่คุณก้าวเข้าไปในคุก คุณเป็นคนผิด นับแต่คุณต้องขึ้นศาล คุณจะกลายเป็นคนผิด จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์ ในกรณีของไมเคิล เขาถูกตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยปราศจากมูลความผิดในชั้นศาลจากคดีอาญาทั้ง 9 คดี แต่เขาถูกตัดสินจากมวลชนให้ตกเป็นจำเลยของสังคม เขากลายเป็นคนดังที่มี “ชื่อเสีย” มากที่สุดแห่งยุค เขาถูกหัวเราะเยาะ ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม สังคมจ้องมองไปที่เขา บุคคลที่สงวนความเป็นส่วนตัวมากที่สุดผู้นี้ กลับต้องกลายเป็นจำเลยสาธารณะ สื่อพากันเรียกเขาต่าง ๆ นานา แม้กระทั่งในเวลานี้ เวลาที่คนทั้งโลกพากันร่ำไห้ให้กับการจากไปของชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ คำว่า “ล่วงละเมิด” ก็ยังปรากฎอยู่ในเกือบทุก ๆ หัวข้อข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับเขา ช่างไร้ยางอายอะไรเช่นนี้ เพียงเท่านี้ ก็เกินพอที่จะคร่าชีวิต ๆ หนึ่ง ของศิลปินผู้อ่อนไหว ชายผู้มีจิตใจที่แสนจะงดงามให้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเสียดาย -Linda Grasse, Santa Ynez จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:13:48

ความคิดเห็นที่ 7 จบแล้วค่า ขอฝากกระทู้นี้ ไว้ในอ้อมใจของเพื่อน ๆ ห้องรวมด้วยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:15:01

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นบทความดีดี  ทีแสนเศร้ามากๆกับความดีของเค้าซึ่งไม่ค่อยมีใครจะมองเห็นมันเลย จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:42:05

ความคิดเห็นที่ 9   Let the truth be told ... ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านกันนะคะ บางทีกว่าที่เราจะได้รับรู้ถึงความดีของใครสักคน ก็เมื่อเค้าได้จากไปซะแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ Rest in peace, MJ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:50:59

ความคิดเห็นที่ 10 บางทีเราก็คิดนะว่า ไมเคิลถูกทำร้ายเพราะความดีของเขาเอง ช่างน่าเศร้าและน่าขัน ที่คนหนึ่งพยายามทำความดี และให้คนอื่นตลอดชีวิต ต้องเจอกับความโหดร้ายของชีวิต... แต่เพราะความดีของเขา ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน จะมีคนยังคิดถึงเขาอย่างไม่มีวันลืมเลือน เราก็เป็นคนหนึ่งที่จะคิดถึงเขาเสมอ... จนกว่าจะได้พบกันอีก ในอาณาจักรสวรรค์ จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 12:54:04

ความคิดเห็นที่ 11   ขอบคุณพระเจ้าที่มอบไมเคิลให้โลกใบนี้ ขอบคุณไมเคิลที่มอบความรักให้โลกใบนี้ ขอบคุณไมเคิลที่ทำให้รู้ว่าความสุขจากการให้ช่างมีค่า ขอบคุณพระเจ้าที่จะดูแลไมเคิลต่อไปค่ะ ป.ล.และขอบคุณทีมงานให้เสียงภาษาไทยทุกท่านค่ะ จากคุณ : แม่น้ำนิรันดร์ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 13:21:33

ความคิดเห็นที่ 12 ขอให้กิ้ฟกับผู้แปลทุกท่าน ขอบคุณที่นำบทความดีๆนี้มาลงค่ะ ความดีของไมเคิล สมควรที่จะช่วยกันตีแผ่ เพราะยังมีหลายๆคนในโลก รับรู้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงจะบอกว่าสายไป แต่ก็ยังดีกว่าที่จะเข้าใจผิดแบบนี้ไปจนตาย จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 15:14:55

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณคร๊าบบบ จากคุณ : BuscompanyteR เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 21:15:17

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ พี่แอร์ริโกะนะคะที่นำบทความมาให้ผู้อื่นได้อ่านด้วย อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ผู้ที่ไม่รู้จักไมเคิล แจ็คสันดีและได้ยินแต่ข่าวแง่ลบของเค้า ควรได้รับรู้เป็รอย่างยิ่งว่าความจริงที่แท้แล้วมันเป็นยังไง ขออนุญาตก็อปคำพูดความรู้สึกตัวเองตอนที่อ่านทีแรกนะคะ สงสารไมเคิล จับใจ อยู่อ่าน ยิ่งเห็น ยิ่งตอกย้ำ ว่า คนดีที่สุดในโลกคนนึงตายไปต่อหน้า แต่ คนบางกลุ่มยังไม่สำนึก  ถึงแม้ว่าบางคนจะยังมีความดีติดตัวพอจะสารภาพได้ก็เถอะ  แต่ชีวิตนึงที่เสียไปมันชดใช้กันไม่ได้เลย ุ จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 23:41:08

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านเเล้วจะร้องไห้ โลก....หฤโหด อยุติธรรมหนัก          อยุติธรรมเสริมนำ บ่วางพัก                 อยุติธรรม...ชักนำ......พาหมองมัว เเต่ นรชาติวางวาย      มลายสิ้นทุกอินทรีย์            สถิตทั่วเเต่ชั่วดี                  ประดับไว้ในโลกา ลุงไมเคิล   ตอนนี้ไม่มีอะไรทำร้ายลุงได้อีกเเล้วนะคะ ดีใจ ที่วันหนึ่งพ่อเคยพาหนูไปดูลุง ได้มองดู ได้ฟัง ได้ใส่เสื้อที่มีรูปลุงเเละเชียร์ลุง นับเเต่วันนี้ไป..................ลุงจะมีความสุขตลอดกาลเเล้วคะ เศร้าเหลือเกิน ทำไมความจริง ความยุติธรรมไม่มาปกป้องลุงให้เร็วกว่านี้นะ ตอนนี้มันสายไป.....มากเหลือเกิน........... ปล. ขอบคุณบทกลอน(ที่ไม่น่าจะพิมพ์ถูกเท่าไหร่) ทั้งของป้าทมยันตีเเละบทกลอนในหนังสือเรียนนะคะ มันแว๊บเข้ามาในหัวพอดีเลย จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 52 00:14:48