Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทำไมเพลงเกาหลีถึงเป็นตัวปลอม (1)?/ต่อพงษ์  

เห็นเป็นบทความอยู่ในเว็บ Manager เลยก๊อปปี้ มาให้อ่านกัน ไม่รู้ว่าทางฝั่ง เฉลิมกรุงเห็นแล้วจะคิดอย่างไรกับบทความนี้ เชิญชมครับ


v
v
v
เห็นข่าวบรรดาแฟนเน็ตเกาหลีลุกขึ้นโจมตีบรรดาเกิร์ลกรุ๊ปจากประเทศจีนก๊อ ปปี้ของเกาหลีจนเป็นข่าวดังในแถบเอเชียนี้นะครับก็อดจะขำไม่ได้ แต่ข่าวนี้ผ่านไปไม่ถึงสองวันก็มีเรื่องให้ขำมากกว่านั้น เพราะทีมงานที่ผลิตเกิร์ลกรุ๊ปจากจีนที่ถูกข้อกล่าวหานั้น ออกมาบอกว่ามันไม่จริง
     
       ย่ออย่างสั้นๆ ก็คือ เขาบอกว่า เขาโคลนนิ่งญี่ปุ่นมาต่างหาก...วงและรายการโชว์อย่าง มอร์นิ่ง มูซูเมะ คือต้นแบบ และจีนบอกว่าพวกเขาไม่ทำร้ายตัวเองขนาดนั้นด้วยการโคลนนิ่งเกาหลีแน่ๆ
     
       แต่จะว่ามันเป็นเรื่องเวรกรรมที่มันจำเพาะว่าจะต้องกลับมาเจอก็คงได้ เพราะในรอบ 40 ปีเอเชียของเรานี้ อุตสาหกรรมดนตรีป็อปนั้นมีผู้นำคือญี่ปุ่นซึ่งญี่ปุ่นก็ถอดรูปแบบความสำเร็จ ของอเมริกามา และส่งออกมาทั้งหนัง เพลง ละคร รวมถึงการ์ตูนญี่ปุ่น เมื่อญี่ปุ่นสำเร็จ เกาะฮ่องกงก็เดินหน้าทำในโมเดลเดียวกันนี้แล้วส่งออกมาพร้อมกับหนังฮ่องกง ละครฮ่องกง และเพลงฮ่องกง พี่ไทยเองในยุคปลาย 70 ยัน 80 ก็ก๊อปเพลงทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง มาใส่เนื้อไทยเยอะแยะ แม้กระทั่งมิวสิกวิดีโอก็ยังก๊อปปี้
     
       เกาหลีใต้นั้นมาท้ายสุดแต่ก็ก๊อปญี่ปุ่นในยุค 80 ทั้งการ์ตูนเอย ทั้งรายการทีวีเอย ทั้งเพลงเอย ก่อนจะค้นหาทางของตัวเองเจอแล้วส่งออกไปทั่วเอเชีย
     
       เมื่อเส้นทางมันเป็นเช่นนี้แล้ว มันจะแปลกอะไรถ้าวันนี้จีนจะโคลนนิ่งเกาหลีในรูปแบบเดียวกันกับที่เกาหลีเคยทำ?
     
       พูดตามตรงนะครับในยุคที่ไร้พรมแดนเพราะถูกเชื่อมด้วยเน็ตและข้อมูลผ่านดาว เทียม...มันพูดยากเหลือเกินว่าใครจะก๊อปใคร เพราะสินค้าทางวัฒนธรรมนั้นมันไหลไปสู่ที่ไหนต่อที่ไหนเร็วกว่าจรวด เถียงกันไปไม่มีจบหรอกครับ ยิ่งกองเชียร์แต่ละฝั่งมีมากพอๆ กันนั้นก็มักจะเป็นเรื่องที่ยาวเสมอๆ
     
       แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นคนเกาหลีกับญี่ปุ่นแล้วละก็ พวกเขาเกลียดกันแน่ๆ ซึ่งเหตุก็มาจากอดีตที่ญี่ปุ่นไปหฤโหดใส่เกาหลีไว้ก่อนตั้งแต่ยุค ฮิเดโยชิ โทโยโทมิ จนกระทั่งในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไปล้มระบอบกษัตริย์และทำเอาคนเกาหลีตายเป็นเบือในช่วงนั้น จนกลายเป็นแค้นฝังหุ่นในสายเลือดของเกาหลีเลย แต่ถึงยุคนี้ก็ไม่นึกว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะมาอยู่ในรูปแบบของวัฒนธรรมกัน ด้วย
     
       เรื่องความเกลียดกันระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่นนี่ก็มีอยู่เยอะเสียจนบางครั้ง ก็น่าขัน มีเรื่องตลกบรรดานักแปลข่าวกีฬาชาติอื่นที่ไปทำข่าวโอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซล เรื่องอื้อฉาวที่สุดในการแข่งขันปีนั้นมีอยู่สองเรื่องก็คือ เรื่องที่ รอย โจนส์ จูเนียร์ ไล่ถลุงนักมวยเกาหลีใต้จนตาปิดเละเทะ แต่ดันแพ้คะแนนหน้าตาเฉย กับอีกเรื่องคือ เมื่อคาร์ล ลูอิสได้เหรียญทองวิ่ง 100 เมตรเพราะ เบน จอห์นสัน โกงด้วยการโด๊ปยา พี่ๆ ที่ไปทำข่าวตอนโน้นบอกว่า นักข่าวเกาหลีที่กินโซจูด้วยกันบอกว่าคิงคาร์ลต้องมีบรรพบุรุษเป็นคนเกาหลี เพราะเก่ง แถมยังสอนลูกหลานเสียด้วยว่า บิ๊กเบนขี้โกงนั้นต้องมีเชื้อสายญี่ปุ่นอยู่บ้างแน่
     
       แต่พอมาถึงยุคนี้แล้วผมมองไม่ออกว่าทำไมเราจะต้องมาเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ว่าเพลงเกาหลีดีกว่าญี่ปุ่น ดังกว่าญี่ปุ่น ขึ้นชาร์ตมากกว่า เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับคนไทยเลย...จะเกี่ยวก็คือ เกาหลีขายได้มากโดยเฉพาะค่าย SM แกรมมี่ก็จะรวยขึ้นๆ ในฐานะผู้ถือหุ้นจำนวนมากในค่ายนี้!!
     
       ยุคนี้ผมทึ่งกับเกาหลีเรื่องเดียวคือ ท่าน ชาน คิม (W Chan Kim) ซึ่งคิดทฤษฎี Blue Ocean จนหลายค่ายธุรกิจเอาไปใช้และเปลี่ยนโฉมของธุรกิจโลกไปเลย...นี่สิสุดยอดจริง ส่วนที่เหลือที่คอเกาหลีชื่นชมและทึกทักว่าเป็นของตัวนั้น เราเคยเห็นมันมาก่อนแล้วทั้งสิ้น เราไม่เห็นอะไรที่เป็นนวัตกรรมใหม่หรือสิ่งที่คิดใหม่จริงๆ นอกจากอุตสาหกรรมเกาหลีเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ‘สิ่งประดิษฐ์’ หรือ ‘วัฒนธรรม’ และสุดท้ายก็คือเรื่องของ ‘คน’ นะครับ
     
       ใน ฐานะคนเอเชีย อะไรที่เพื่อนร่วมทวีปคิดและทำได้เหนือเราจะภูมิใจด้วย แต่พอนึกถึงเกาหลีในความทรงจำหลายต่อหลายเรื่องมันก็ชวนให้เชื่อว่าเกาหลี นั้นของปลอมครับ
     
       ยังจำเรื่องที่โลกตื่นเต้นกับการโคลนนิ่งแ:-)ลลี่ได้ไหมละครับ หลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์เกาหลีก็เกทับว่า สามารถเพาะเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนมนุษย์ที่มาจากการโคลนนิ่งได้สำเร็จเป็น ชาติแรกของโลก แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องลวงโลก...หรือเรื่องที่ชาตินี้โกงจนได้ที่ 4 บอลโลกนั่นก็ใช่
     
       ยิ่งตอนนี้ญี่ปุ่นถูกจับขึ้นมาเป็นคู่ชกกับบอยแบนด์เกาหลีอยู่บ่อยครั้ง ผมก็ยิ่งคิดว่ามันน่าขำ เพราะถ้าเอาความจริงและข้อมูลมาพูดกันในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นยังเหนือกว่าเกาหลีอีกเยอะ และสิ่งที่เหนือที่สุดก็คือแนวคิดของคนญี่ปุ่นที่มีความถ่อมตนเป็นสรณะนั่น เอง
     
       ตั้งแต่ยุค 70 ญี่ปุ่นก๊อปฝรั่งพร้อมกับประกาศว่าต้นเพลงของพวกเขามาจากฝรั่งแท้แน่นอนก็ คือ ท่อนร้องที่จะต้องมีคำภาษาอังกฤษเน้นย้ำอยู่ตลอดเวลาในเกือบทุกเพลง แต่ญี่ปุ่นก็ไม่เคยหน้าด้านและพยายามแถกจนสีข้างถลอกว่าตัวเองคิดเอง
     
       สิ่งที่แตกต่างก็คือ เมื่อเกาหลีก๊อปญี่ปุ่นเกาหลีดันบอกว่าสร้างสรรค์เอง เหมือนข้อพิพาทเรื่องหุ่นยนต์ที่ญี่ปุ่นบุกโลกในยุค 70 ด้วยหุ่นแซทและเกรทมาชินกา ปลายยุค 70 ญี่ปุ่นส่งกันดั้มออกสู่อวกาศ เกาหลีก๊อปหน้าตาเกือบหมดทั้งตัวละครในกันดั้มและหุ่นแซทแล้วอ้างว่าเป็นของ เกาหลีเฉยเลย
     
       สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้คนที่อายุราว 30 ปีขึ้นไปรู้สึกมีอคติกับผลงานชาวเกาหลี... ซึ่งในโลกยุคที่เปิดกว้าง เราก็พร้อมที่จะลืมมันถ้าเผื่อไม่เจอปรากฏการณ์หลอนจากเกาหลีในลักษณะเดิมๆ โดยเฉพาะประเด็นของการโอ้อวดหรือโฆษณาตนเองจนเกินความจริงไปมาก เมื่อเทียบกับคุณค่าหรือความสามารถที่แท้จริง...ยิ่งเทียบกับคนทำเพลงของ ไทยอย่างแกรมมี่หรืออาร์เอส ผมก็เชื่อว่าของไทยเก่งกว่า
     
       แต่เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าขอต่ออีกหน่อยแล้วกันครับ


ที่มา
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000155642

จากคุณ : bkkocmania
เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 52 18:42:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com