ความคิดเห็นที่ 1 Interview page 1 จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:27:47

ความคิดเห็นที่ 2 Interview page 2 จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:28:22

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ บทสัมภาษณ์ข้างบนที่ เพ่งแล้ว เพ่งอีก  จนแกะมาเป็นเนื้อความภาษาไทยได้แล้วดังนี้นะค้า (โชคดีที่สายตาแอบยาวนะคะ พออ่านได้อยู่ ) ------------------------------------------------------------------------------------------------- "Blues & Soul" Magazine Interview  on August , 1979 Michael Jackson's Peacock Music การสัมภาษณ์กับไมเคิล แจ็คสันนั้นน้อยมาก อย่างไรก็ดีหลังจากงานเลี้ยง Platinum Party ของครอบครัวแจ็คสัน ที่ทั้งครอบครัวได้ถูกเสนอให้ได้รับรางวัลทองคำขาวจากอัลบัม "destiny" และซิงเกิล "shake Your Body"   ไมเคิลมีเวลาพอสมควรที่ได้พักผ่อนอยู่บ้านสบายๆเพื่อจะได้คุยกับ Timako Jones และ John Abbey แห่งนิตยสาร B&S เกี่ยวกับบางสิ่งที่สำคัญกับเขา B&S: ไมเคิล คุณอธิบายได้รึไม่ว่าชื่อ พีค็อกซ์ (นกยูง) มีความหมายสำคัญอย่างไรต่อเพลงของคุณ? MJ: มันคือสัญลักษณ์ของอะไรที่เราพยายามจะพูดถึงผ่านบทเพลงของเราและมันเป็นบทสรุปของข้อเท็จจริงที่ว่า นกยูงเป็นนกชนิดเดียวที่รวมทุกเชดสีไว้ในตัวเดียวกัน  มันเพียงแต่สามารถสร้างประกายเจิดจ้าออร่าลุกโชนได้เมื่อมันกำลังมีความรักครับ  และนั่นเป็นอะไรที่เราพยายามอธิบายผ่านบทเพลงของเรา  เพื่อจะนำพาคนทุกเชื้อชาติมารวมกันด้วยความรัก อุบายทางการเมืองช่วยโลกไม่ได้ดังนั้นคนดนตรีก็น่าจะ อย่างน้อยพยายามดูครับ   ผู้คนมารวมตัวกันผ่านเสียงดนตรี   ด้วยเพลงของเรา  เราพยายามที่จะแสดงให้เข้าใจถึงความรู้สึกแห่งรัก  และ ดังนั้น เราจึงเชื่อมโยงมันผ่านคำว่า พีค็อกซ์ (นกยูง) น่ะครับ B&S:  คุณนำความคิดที่ได้อยู่ตอนนี้มาจากไหน? MJ:  ผมอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็เขียนลงบนกระดาษ   การตอบสนองจากทั่วโลกนั้นไม่น่าเชื่อเลย  มีผู้คนมากมายที่ไม่ได้เห็นมันที่ปกหลังของอัลบัม "destiny"   บางคนเห็นบ้าง บางคนไม่เห็นบ้าง บางคนเข้าใจข้อความที่เราสื่อสาร บางคนก็ไม่  แต่หากเมื่อเขาเข้าใจมัน  ทุกคนคิดว่ามันสวยงาม   การมีความหมายเป็นสิ่งสำคัญต่อผมและเป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก ที่ว่าทำไมผมทำสิ่งที่ผมทำอยู่นี้   หากผมไม่สามารถนำพาความสุขสันต์มาสู่ผู้คนผ่านบทเพลงของผม  ผมก็จะไม่ทำมันเลย   ผมจะไม่อัดเสียงให้คนซื้อๆกันไปเพื่อหวังรวยแน่ๆ มันไม่ใช่สิ่งดีสำหรับผม    มันต้องเป็นอะไรที่มากกว่านั้น   ผมแค่ปรารถนาให้คนจะคิดในแง่นั้นนะครับ B&S:  มันคงจะช่วยแก้ปัญหาได้มากเลยถ้าการเมืองจะไม่มาแทรกแซงด้านดนตรี  เว้นแต่ว่าเพลงนั่นจะเป็นวิธีในการสะท้อนถึงช่วงเวลานั้นๆตลอดไปนะครับ  ย้อนไปดูพวกเพลงโฟคซองค์เก่าๆ เป็นต้น และก็เพลงที่ถูกเขียนขึ้นมาที่เล่าถึงสงครามโดยคนที่ผ่านช่วงชีวิตนั้นมา. MJ:  จริงมากๆเลยครับ นั่นแปลว่าทำไมผมถึงชอบเพลงโฟค เพระามันบอกเล่าถึงปัญหาความจริงของคนเรา โฟคซองค์สามารถปลุกใจคนได้และเขาจะมีประโยคสื่อสารที่ดีเยี่ยม  ดังเช่นเรื่องของ นกยูง ที่อยู่กับเรา จริงๆนะ  ข้อความนั้นทำให้คนเป็นคนแท้จริงและพวกเขาควรยืนหยัดเพื่อสิทธิและไม่ยอมแพ้ B&S:  คุณรู้สึกว่าคุณสามารถที่จะให้สิ่งต่างๆให้ลุล่วงได้โดยผ่านเพลงของคุณเองแต่นักการเมืองทำไม่ได้งั้นหรือ? MJ:  แน่นอนที่เมื่อนักการเมืองขึ้นไปบนเวทีเค้าก็อยากจะชนะความไว้วางใจของผู้คน  เอนเตอเทนเนอร์ทำให้คนเชื่อใจง่ายกว่าการเป็นนักการเมือง มันคือการหลบหนีความเป็นจริงจากตัวเอง ก็เหมือนการเต้น เสียงเพลงก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:29:48

ความคิดเห็นที่ 4 B&S:  ไมเคิล ผมรู้ว่าคุณมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อเด็กๆ MJ:  ผมจะบ้าเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆมาตลอด  ผมรู้สึกว่าเขาเป็นมากกว่าเด็ก ที่ว่าเขาจะมีความอัจฉริยะเล็กๆ แล้วก็จะมีความลับของพวกเขาเอง  ความลับที่เขาไม่สามารถแสดงออกมาได้. B&S:  เขาจะเสียมันไปมั้ยเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่? MJ:  ผมว่าคงเสียนะครับ ผมศึกษาเรื่องจิตวิทยาเด็ก เพราะความรักของผมที่มีต่อเด็กๆ  จากทั่วทุกมุมโลก B&S:  ความลับนั่นจะเป็นแบบบริสุทธิ์ไร้เดียงสามั้ย? MJ:  อาจจะเป็นนะครับ ถ้าเด็กเขาไม่ชอบคุณ เขาจะบอกคุณ แต่ผู้ใหญ่ก็จำทำเป็นแสร้งโกหกไป ผมอยากให้ทั้งโลกมีแต่เด็กเลยล่ะครับ! B&S:  เด็กๆจะไม่สามารถยับยั้งตังเองได้และพวกเขาไม่ได้รับรู้ปัญหาของสังคมโลก ปัญหาของเด็ก 12 ปี คงจะไม่เท่ากับปัญหาของคนวัย 32 ปี ใช่มั้ยล่ะ? MJ:  นั่นจริงเลยครับ B&S:  ตามที่เข้าใจโดยปกติคุณก็ชอบคนชราด้วยน่ะซิ MJ:  แน่นอนเลยครับ คุณจะเรียนรู้อะไรได้มากมายจากคนที่มีอายุมาก ผมชอบไปถามคำถามต่างๆกับเขาครับ B&S:  ถ้างั้นมันผิดกันตรงไหนล่ะระหว่างการเป็นเด็กไร้เดียวสาบริสุทธิ์กับผู้สูงอายุที่เฉลียวฉลาด MJ:  ผู้คนกลายเป็นติดนิสัยสังคมและความรุนแรง และพวกเขาก็กลายเป็นว่าถูกครอบงำด้วยความคิดของคนอื่น และระบบแบบอเมริกัน.วิถีของเราไม่ใช้วิถีเดียวที่ไม่ให้ผู้คนเป็นตัวของตัวเอง   พวกเค้าถูกยัดเยียดด้วยวิธีทางของอเมริกันแบบเต็มที่เลย B&S:  คุณไม่รู้สึกหรือว่านี่เป็นความกดดันธรรมดาๆที่มีอยู่ทั่วโลกและพวกเขาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้? MJ:  ผมก็พยายามจะเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นั่นแหละเป็นอะไรที่ผมชอบมากที่สุดเกี่ยวกับการเดินทาง คุณจะได้เห็นระบบที่ประเทศอื่นเลือกนำมาใช้กับคุณและคุณก็จะตระหนักได้ว่าอเมริกาก็ไม่ได้ถูกเสมอไป เราพูดว่าเราถูก  พวกเขาพูดว่าพวกเขาถูก  คุณจะไม่ได้เห็นภาพที่ชัดเจนจนกว่าคุณจะได้ออกมาจากอเมริกา  คุณรู้สึกได้ว่ามีวัฒนธรรมอื่นๆอีก มากกว่าของคุณเอง ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองเล็กและไร้ความหมายไปเลย  อย่างเช่นในอินเดีย ผมแปลกใจที่รู้ว่าคนแก่แต่งงานกับเด็ก 10 ขวบได้  เราไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้นเราเลยเห็นว่ามันแปลกประหลาด  แต่ที่นั่น   เขาทำกันมาเป็น 100 ปี แล้ว  และบรรดาพ่อแม่ก็ยินดีที่จะยกลูกของเขาให้ไป   และที่นั่น เค้าเลี้ยงวัวเป็นสัตว์ที่เอาไว้บูชา อย่างกับเป็นพระเจ้าเลย  พวกเค้ายอมนั่งอดอาหารตายทั้งที่มีวัวอยู่ตรงหน้าแล้วไม่แตะต้องมันได้เลย จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:30:18

ความคิดเห็นที่ 5 B&S:   ในการสัมภาษณ์คุณอยากจะคุยเรื่องศาสนาและการเมืองมั้ยครับ? MJ:  ไม่ครับ เพราะว่าผู้คนนั้นฉลาดกว่าที่จะฟัง และมันเป็นหน้าที่อันใหญ่โตที่ต้องมีอำนาจมาก อะไรก็ตามที่เราพูดในเพลง เด็กๆจะฟัง มากกว่าในข่าวหรือหนังสือพิมพ์ เราสอนเขาผ่านเพลงได้ อย่างเช่นว่า Marvin Gaye ให้ความรู้กับคนมากมายในอัลบัม "What's Going On" ของเขา  เค้าเปิดใจคนหลายคนด้วยการ  ตั้งคำถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?" มันเยื่ยมมากครับ ตอนนี้ไม่ว่าวง Bee Gees จะบอกอะไรในเพลงของพวกเขา เด็กทั่วโลกก็จะฟังมันครับ B&S:  มันคือหน้าที่อันใหญ่โตที่มีอำนาจมากที่จะได้รับการบอกกล่าวอย่างถูกต้อง MJ:  มันเป็นแบบนั้นจริงๆครับ B&S:  ตั้งแต่อัลบัม  "What's Going On" เป็นชุดที่เกี่ยวกับการเมืองไป คุณก็ไม่สามารถนำเรื่องการเมืองออกจากเรื่องเพลงเลยใช่ไหม? MJ:  ผนว่านั้นคงจริงนะครับ B&S:  ถึงอย่างนั้น คุณไม่รู้สึกหรือว่า เนื้อหาในอัลบัม "What's Going On"  จะดำรงอยู่นานมากกว่า อะไรก็ตามที่ Bee Gees พูดในรายการ Saturday Night Fever ? MJ:  ไม่ได้มีเนื้อหาที่แท้จริงในรายการ Saturday Night Fever ใช่มั้ย  นั่นล่ะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงชอบ Paul Robinson เพราะเพลงโฟค ซอง ของเขาจะพูดถึงอะไรบางอย่าง  เพลงที่ว่าเช่น  "This Little Light Of Mine" B&S:  หาก Paul Robinson ยังคงอยู่อีก 20 ปี ให้หลังนี้ เขาคงจะไม่ถูกเนรเทศออกไป  เขาคงจะอยู่เป็น วีรบุรุษสำคัญทางลัทธิไปแล้ว (Cult Hero Figure) MJ:  ผมก็แค่ปรารถนาให้มีคนมากกว่านี้ได้รับการศึกษาจากเค้า B&S:(TJ)  มันอยู่ผิดที่ผิดทางนะ  คนอยากจะหนีไปจากสิ่งนั้น MJ:  ทั้งหมดมันคือการได้หนีออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริง เลยทำให้มีหนังเรื่อง Star Wars  แล้วก็หนังอื่นๆทำนองนั้นไงครับ B&S:  ไมเคิล ผมอยากให้คุณพูดถึงอัลบัม "Off The wall" ชุดใหม่ของคุณเองด้วยครับ MJ:  เอ่อ นั่นเป็นชื่อเพลงที่เขียนโดย Rod Tepmerton (แห่ง Heatwave) เขาแต่ง 3 เพลงในอัลบัมนี้ Stevie Wonder และ Paul Mcartney เขียนคนละเพลง  ผมเขียนเอง 1 เพลง และ Louis Johnson (แห่งวง Brothers Johnson) แต่งเพลงนึง และพวกเราก็สนุกกันมาก   มันเป็นอัลบัมที่ลื่นไหลที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ร่วมงานมา  มีความรักมากมาย มันไม่น่าเชื่อเลย  ทุกคนทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย   B&S:  คุณได้ใช้นักดนตรีที่มีชื่อเสียงมั้ยครับ? MJ:  มี David T. Walker, Wah-Wah Watson, James Gadsen เล่นกลอง  Rufus เป็นคนตีกลอง, คนเล่นกีต้าร์ของ Chanson, Louis Johnson  อีกอยางนึง มีแนวบัลลาดด้วยในอัลบัมนี้อย่าง She's Out Of My Life ที่ผมอยากจะกล่าวถึง มันเป็นเพลงที่ซึ้งใจมาก เขียนโดย Tom Bahler และทุกครั้งที่ผมต้องร้อง ผมเกือบจะต้องเสียน้ำตาตลอด มันเป็นเพลงที่ช่างสวยงาม และ Quincy ก็รู้สึกชอบเพลงนี้ด้วย B&S:  รู้สึกดีมั้ยครับที่ได้มาทำอัลบัมเดี่ยวอีกครั้ง? MJ:  ผมไม่ทำมันเพราะเหตุผลความดื้อรั้นอะไรต่างๆหรอกหรือว่าเพราะอีโก้ของผม  ผมทำมันเพราะว่ามีบางอย่างในอีกด้านนึงของผมบอกผมให้ทำ  ผมไม่ได้ทำอัลบัมเดี่ยวมานานแล้ว มันเกือบจะเหมือนว่าผมถูกผลักดันให้มาทำอัลบัมนี้เพราะด้วยแรงบังคับอะไรแบบนั้น  จริงๆนะ  มาในเวลาที่ใช่  และทุกอย่างมันก็มาลงตัว อย่างดีทีเดียว จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:30:52

ความคิดเห็นที่ 6 B&S:  เพลงของ Paul McCartney  มาได้อย่างไรครับ? MJ:  ตอนผมเจอเขาครั้งแรกเขาบอกว่าเค้ามีเพลงเก็บไว้ให้ผมและผมชอบการแต่งเพลงของเค้ามาเสมอ ยังไงก็เถอะ เขาบอกว่าเพลงชื่อว่า "Girlfriend" และเขาก็เริ่มร้องให้กับผม ดังนั้นเราเลยแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่เพื่อติดต่อกัน   ในอัลบัมนั้นด้วย เราตัดบางเพลงออกไปจริงๆแล้วทุกการบันทึกเสียงก็อัดมาเป็นชั้นๆ   แต่มี 2-3 เพลง เราอัดสดคู่กับวงดนตรีไปเลยเวลาร้องเราจะรู้สึกถึงกันกับคนเล่น แล้วมันก็เป็นการบันทึกไปเลย   ผมไม่เคยได้ทำแบบนั้นมาก่อนเลย   ความรู้สึกมันจะไปตามสัญชาติญาณและทำให้ผมนึกถึงเมื่อแนว R&B เริ่มขึ้นครั้งแรกทางตอนใต้ และคนดำจะมารวมตัวกันร้องเต้นไปด้วยกัน หลากความรู้สึก   นั้นคือสิ่งที่ตอนนี้ได้ขาดหายไป  ทุกอย่างเป็นการค้าการตลาดไปแล้ว   มีนักดนตรีมากมายทุกวันนี้ที่กลายเป็นแบบนั้น เค้าทำอะไรเพื่อตนเองไม่ใช่เพื่อกันและกัน B&S:  เพลงไหนในอัลบัมนั้นครับ? MJ:  เพลงนึงของผมชื่อว่า "Don't Stop Till You Get Enough"  ผมเขียนมันเมื่อปีก่อนแล้วมันก็ได้มาลงในอัลบัมนี้ครับ B&S:  มีอะไรที่คุณจะบอกเราเกี่ยวกับอัลบัมของ Jacksons ชุดต่อไปได้มั้ยครับ? MJ:  มันจะดีกว่าชุด "Destiny"  4 เท่าเลยล่ะ และเราก็กำลังตามอย่างแบบนกยูง เราจะเขียนเพลงและผลิตด้วยตัวของพวกเราเอง สิ่งนั้นทำให้เราได้ปรับปรุงเพื่อให้ดีขึ้นๆ ในแต่ละครั้งที่ทำ B&S:  คุณได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมั้ยจากการผลิตชุด "Destiny"? MJ:  เยอะเชียวครับ แต่เรากำลังง่วนอยู่กับอัลบัมใหม่แล้วทำให้เป็นในแบบที่เราต้องการ อย่างในอัลบัม "Like The Spirits Having Flown" วง Bee Gees ทำอัลบัมนี้อยู่นาน 10 เดือน  เราก็เร่งทำให้มันสมบูรณ์ในตอนชุด "Destiny" B&S:  คุณวางแผนจะทัวร์ไหมครับในปีนี้? MJ:  คงจะเป็นเดือนธันวาคมนะครับ ช่วงราวๆนั้น อัลบัมชุดใหม่จะพร้อมเปิดตัว. ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “กาลเวลาที่ผ่านมา นกยูง ได้รับเกียรติและคำยกย่องว่ามันมีเสน่ห์ดึงดูดใจ มีภาพที่สวยงาม จากสัตว์ในตระกูลนกทั้งสิ้น นกยูงเป็นนกชนิดเดียวที่รวมทุกเชดสีไว้ในตัวเดียวกัน   มันเพียงแต่สามารถสร้างประกายเจิดจ้าออร่าลุกโชนได้เมื่อมันกำลังมีความรักครับ เราก็เหมือนกับนกยูง  ที่พยายามจะนำพาคนทุกเชื้อชาติมารวมกันด้วยความรักแห่งเสียงดนตรี” --Michael and Jackie Jackson For Peacock Productions-- ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:31:27

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพจาก แคตตาลอค ใน Julien’s Auction         เป็นชุดที่ไม่ค่อยได้เห็นเลยจริงๆ   ชุดที่ไมเคิลและพี่ๆใส่เห็นแฟนเพลงเค้าว่า ไมเคิลคิดเองและอาจจะออกแบบเองด้วยนะคะ จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:32:20

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนอันนี้เป็นสัญญาบริษัท ค่ะ มีลายเซ็นต์ครบ  เนื้อความอธิบายสั้นๆมีว่า IN 1978, THE JACKSON FIVE TRANSFERS RIGHTS OF THE SONGS THEY WROTE FOR THE DESTINY ALBUM TO PEACOCK MUSIC PUBLISHING COMPANY; THIS WAS THE FIRST TIME THE JACKSONS WROTE AND PRODUCED THEIR OWN MATERIAL. THEIR FATHER, JOE JACKSON, SIGNS FOR THE PUBLISHING COMPANY! จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:35:05

ความคิดเห็นที่ 9 และทั้งหมดพอจะหามาได้ก็มีเพียงเท่านี้ บทนี้อาจจะดูไม่ยาว  แต่เป็นบทที่แปลนานที่สุดเท่าเคยแปลในศาลมาเลยเชียวนะขอแร็พ -*- ปล. เรื่องนกยูงเพิ่มเติมหาอ่านได้ในหนังสือ Moonwalk ค่ะ ภาคภาษาไทย – อยู่ในบทที่ 4  หน้า 108 ย่อหน้าแรก บรรทัดแรก :ข้อมูลโดย Popoking   ภาคภาษาอังกฤษ – Chapter Four - Me And Q ย่อหน้าที่ประมาณ  8 ค่ะ จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 15:37:17

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณนะคะ สำหรับข้อมูล ^^ จากคุณ : JP-Plenty Melody~* เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 16:11:53

ความคิดเห็นที่ 11 ชาบู อุราร่า ดรีมมากค่ะ อิอิ จากคุณ : มีน ธันวา เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 16:58:47

ความคิดเห็นที่ 12 เจิดดดดดดดดดดดดดดมากกกกกกกกกจ้าาากกกาาาาจ้าวววววววววหู่ หู่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (เอ็คโค่) . เคยสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมปกหลังของทั้ง Destiny และ Triumph จึงเป็นนกยุง (ทั้งที่ดูไม่เข้ากับคอนเซ็ปปกเลย) ในที่สุดความจริงก็กระจ่างแล้ววววววแว้วววววๆ ๆ..ๆ..ๆ.ๆ.. (เอคโค่) ขอบคุณเจ้าหู่มาเรยย ท่านเปาช๊อบชอบอ่านสัมภาษณ์ของไมเคิลสมัย70 ยิ่งเก่าเท่าไหร่ยิ่งชอบ ทำให้เห็นว่าไมเคิลมีความคิดความอ่านในการตอบคำถามเสมอ ไมว่าจะยุคไหน อายุเท่าไหร่ เค้าชอบที่จะใฝ่รู้ ศึกษาสิ่งต่างๆรอบตัวมาตั้งแต่วัยรุ่นจริงๆ น่าปลาบปลื้ม . ปล. อุตส่าห์แกะสัมภาษณ์ออกมาได้ แถมภาพประกอบก็ง๊ามงาม เยี่ยมยอดมากเลย ไว้ท่านเปาไปหาซื้อช๊อกโกแลตมาฝากนะ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 52 17:36:42 จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 17:32:50

ความคิดเห็นที่ 13 "นกยูงเป็นนกชนิดเดียวที่รวมทุกเชดสีไว้ในตัวเดียวกัน  มันเพียงแต่สามารถสร้างประกายเจิดจ้าออร่าลุกโชนได้เมื่อมันกำลังมีความรักครับ" ออร่าลุกโชน ออร่าลุกโชน คิดได้ยังไงน้องเจ้าหู่ มันเจ๋งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 18:27:06

ความคิดเห็นที่ 14 แหล่มยาวจริงๆ ขอติดไว้ก่อนเด๋วมาอ่านอีกรอบ ตอนนี้เซฟเก็บไว้ก่อน 5555 จากคุณ : popoking เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 21:27:07

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบใจจ้า วำหรับคำแปล ^^ จากคุณ : i can't do it !! เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 21:43:10

ความคิดเห็นที่ 16 ท่านเปาเหมือนเราเลย ชอบอ่านบทสัมภาษย์ไมเคิลมากๆเลยน่ะ มันแสดงถึงความฉลาดเฉลียวของเค้าในการให้สัมภาษย์   แบบว่าผู้ชายคนนี้มีกึ๋น   มีกึ๋น   ไม่ใช่แค่หล่อ อย่างเดียวนะเฟ๊ยย ขอบคุณเจ้าฮิปหู่มากๆเลย    สำหรับบทความแปลล้ำค่าอีกแล้วครับท่าน จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 21:55:00

ความคิดเห็นที่ 17 กลับมาอ่านอีกครั้ง หลายตอนคล้ายว่าจะซ้ำกะในมูนวอล์ค แต่ชุดนกยูงนี่เพิ่งเคยเห็น ช่างบรรเจิดอะไรเช่นนี้ สวยจริง ๆ ค่ะ ละเราก็ชอบความคิดของเฮียมาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 22:20:39

ความคิดเห็นที่ 18   เห็นชุดที่ MICHAEL ใส่อยู่แล้ว ทำให้คิดถึงวันตรุษจีนเลย อยาก ได้ชุดนี้จังจะได้เอาไว้ใส่ไปไหว้ อาม่า เท่มากๆเลย จากคุณ : ZOHANZ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:44:15

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณน้องฮิปที่แปลเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกันจ้า จากคุณ : NattMJ (jian1975) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:52:51

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณนู๋ฮิปสำหรับบทสัมภาษณ์ดีๆนะจ๊ะ อ่านแล้วอยากเป็น "นกยูง" ^_^ จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 17:48:01

ความคิดเห็นที่ 21   มิน่า แอบเห็นนกยูงบนปก Dangerous ด้วย ใน MV ด้วยแอบสงสัยมานานเหมือนกัน มีเรื่องให้ทึ่งอีกแล้ว พ่อยอดชาย... คิดได้ไงน้า เท่มากๆ จากคุณ : น้องเต้าหู้กับน้องเต้าฮวย เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 21:36:59

ความคิดเห็นที่ 22 โดนอ้างอิง เลยต้องเข้ามาดู เรียกรุ่นใหญ่ไก่แจ้เลยนะ -*- ผมเป็นหมีครับ ไม่ใช่ไก่แจ้ -*- โฮกกกกกกกกกกกกกกก (แต่บทความเจ๋งจริง ๆ นะ ให้ดิ้นตาย) จากคุณ : ด้วยจิตคารวะ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 23:14:43

ความคิดเห็นที่ 23 แอบปริ้นท์ ที่ทำงาน ลืมเปลี่ยนถาดกระดาษ เลยปรินท์ออกมาเป็นแผ่นใส ไป สี่แผ่น ฮ่า ๆ ^^' ขอบคุณสำหรับงานแปลนะจ้ะ จากคุณ : nangyoon เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 23:47:55

ความคิดเห็นที่ 24   สุดยิด !!! ทั้งเรื่อง ทั้งบทแปล ทั้งภาพประกอบ สรรหามาได้พร้อมสรรพจริง ๆ !!! เก่งมากเลยน้องฮิปจ้า ^_____^ เรื่องนี้คล้าย ๆ ที่เคยอ่านใน moonwalk จริง ๆ ด้วย แต่อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังซาบซึ้ง ขอบคุณน้องฮิปหู่สุดที่รักที่เอามาให้อ่านกันอีกรอบนะจ๊ะ อ่านแล้วมีประกายเจิดจ้าออร่าลุกโชนจริง ๆ จ้า ^^ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 00:15:55

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณน้องเจ้าหู่ศักดิ์ที่หาบทความดีๆและแปลให้เสร็จสรรพ พร้อมรูปประกอบงดงามอีก ขอคาระวาด้วยเหล้านารีแดงหลายๆจอกเลยจ้า เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามานั่งอ่านจ้า ชอบที่ไมเคิลเค้ามีความตั้งใจและให้ความหมาย ความสำคัญกับทุกเพลงที่ร้องและแต่ง ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อหาเงินเค้ากระเป๋าอย่างเดียวเหมือนนักร้องสมัยนี้เนอะ เพราะอย่างงั้นเพลงของเค้าก็เลยมีเนื้อหามากกว่าเรื่องรักๆอย่างเดียว ชอบคำจำกัดความของนกยูงที่ไมเคิลบอกไว้ด้วย มีความหมายดีจริงๆ จากคุณ : Snow Crystal เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 10:38:01