ความคิดเห็นที่ 1 ต่อมา รายการก็เล่าว่า ก่อนที่การ์ดจะโทรไปขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าหมอที่รักษาไมเคิลได้โทรออกทั้งหมด 3 สาย (แต่ไม่ได้โทรไปหาเจ้าหน้าที่) หลังจากนำไมเคิลส่งโรงพยาบาล ก็ปรากฎว่าไมเคิลเสียชีวิตตามข่าว ซึ่งผลการชันสูตร พบว่าในเลือดนอกจากจะมียาแก้ปวดแล้ว ยังมียานอนหลับอยู่ด้วย ส่วนตามร่างกายของไมเคิลก็ปกติ ไม่มีร่องรอยของการทำร้าย สุดท้ายก็สรุปว่าไมเคิลเสียชีวิตจากการฆาตกรรม (ตามที่พวกเราทราบๆกันแล้ว) ต่อมาก็เล่าย้อนไปถึงช่วงวัยเด็กของไมเคิล เรื่องส่วนใหญ่พวกเราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่มีอะไรบางอย่างที่วันเพิ่งทราบเหมือนกัน ก็ขอเอามาเล่าเพื่อนๆอีกรอบแล้วกันนะคะ ตอนที่ไมเคิลยังเด็ก และอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ เพื่อนทำงานของโจ เล่าว่าครอบครัวไมเคิลยากจนมากๆ โจไปทำงานโดยสวมรองเท้าที่ไม่มีส้นเท้าแล้ว ส่วนอาหารกลางวัน บางครั้งก็ไม่ได้กิน เพื่อนๆที่ทำงานต้องแบ่งให้กินบ้าง ครูที่โรงเรียนของไมเคิลเล่าว่า ไมเคิลขอร้องเพลงในวันคริสมาตร์ที่โรงเรียน ซึ่งครูบอกว่าเด็กคนนี้เป็นคนขอร้องเพลงด้วยตัวเอง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของไมเคิลเกี่ยวกับเพลง (วันจำไม่ได้ว่าตอนนั้นไมเคิลอายุเท่าไหร่ แต่ยังเด็กมาก) โจมีความทะเยอทยานมาก ต้องการจะพาครอบครัวไปให้พ้นจากความยากลำบากตรงนี้ ก็เลยพาลูกๆตระเวณแสดงดนตรีตามที่ต่างๆ เล่าว่าเด็กๆได้รับความเครียดกันมาก เมื่อพ่อกลับบ้าน เด็กจะวิ่งเข้าห้องและปิดประตูเงียบ ในส่วนของไมเคิลจะมีพรสวรรค์มากที่สุด ก็เลยโดนพ่อตำหนิมากสุด โดยโจจะแยกไมเคิลออกมาฝึกเฉพาะ อีกห้อง และพอคนอื่นๆทำได้ไม่ดี ก็จะตำหนิและบอกว่าให้ทำให้เหมือนไมเคิลๆ ทำให้ไมเคิลเครียดมาก (โดยโจปฏิเสธว่าเขาไม่เคยทุบตีเด็กๆ) แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 11:44:51 จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:23:36

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อมาเมื่อไมเคิลและพี่ๆ ได้เข้ามาอยู่ในโมทาวน์ และเริ่มออกอัลบั้มเพลงแรก ปรากฏว่าทางโมทาวน์มีแผนที่จะดึงไมเคิลออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว ซึ่งตรงนี้ทำให้โจไม่พอใจอย่างมาก เพราะคิดว่ากำลังทำให้ครอบครัวของเขาแตกแยก (แต่พิธีกรบอกว่า นี่เป็นสไตล์การทำงานของโมทาวน์ คือถ้ามีศิลปินกลุ่ม เขาก็จะมองหาคนที่เด่นที่สุดในกลุ่ม เพื่อผลักดันเป็นศิลปินเดี่ยว) ช่วงที่ไมเคิลออกอัลบั้มเดี่ยว Got to be there เป็นช่วงที่ไมเคิลย้ายมาอยู่กับไดน่ารอส ส่วนพ่อกับพี่ๆคนอื่นๆก็อาศัยอยู่อีกแห่ง และแม่ก็อยู่บ้าน พิธีกรเล่าว่าไมเคิลชื่มชนไดน่ารอสมาก ถึงกับคิดอยากจะเป็นแบบเธอ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง ความคิด หรือแม้แต่ท่าเดิน ที่บ้านของไดน่ารอสจะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตลอด จึงเป็นสาเหตุให้ไมเคิลได้รู้จักดารานักร้องที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นไปด้วย หลังจากนั้นไมเคิลก็ได้ไปแสดงหนัง แต่หนังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และจุดนี้เองที่ทำให้ไมเคิลได้รู้จักกับควินซี่ โดยควินซี่เล่าว่า เขายังจำได้ว่าไมเคิลได้เข้ามาปรึกษากับเขาว่าอยากจะทำอัลบั้มเดี่ยว ต้องการจะหาคนมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และอยากให้ควินซี่แนะนำให้ โดยควินซี่ได้ตอบกลับไปว่า ทำไมไม่ใช้ฉันล่ะ?? (ควินซี่บอกว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวไมเคิล) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:31:30

ความคิดเห็นที่ 3 ปาดขวาค่ะ T^T จากคุณ : NattMJ (jian1975) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:33:10

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากนั้นก็ได้มีการออกอัลบั้มเพลงชุดแรกของไมเคิลคือ Off the wall ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องจากตอนนั้นไมเคิลต้องการหลุดออกจากภาพลักษณ์ของการเป็นนักร้องนำของวง The jackson และต้องการแสดงความสามารถที่ตัวเองมีออกมา และมีเพลงที่ได้รับรางวัลในอัลบั้มนี้คือเพลง "Don't Stop 'til You Get Enough"   ช่วงนั้นไมเคิลจะเริ่มมีเดทกับสาวๆ คนแรกคือ ทาทั่มโอนีล แต่พิธีกรบอกว่าไมเคิลมักจะมีปัญหาในการคบกับสาวๆในวัยเดียวกัน เนื่องจากฝ่ายหญิงต้องการสานความสัมพันธ์ไปมากกว่านั้น แต่เหมือนไมเคิลจะหยุดไว้ตรงที่ เพื่อนหญิงที่สนิท สุดท้ายก็เลยต้องแยกย้ายกันไป ต่อมาก็กับบรู๊คชีล (ตอนนั้นบรู๊คอายุ 18) พิธีกรก็บอกว่าไมเคิลชวนไปงานแกรมมี่ แต่ดั๊นพา เอ็มมานูเอลไปด้วย (ใช่ชื่อนี้รึเปล่าคะ วันจำไม่ได้ คนที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ) เขาก็เลยแซวไมเคิลกันว่า ไมเคิลไม่ได้ไปเดทกับบรู๊ค แต่ไปเดทกับเอ็มมานูเอลมากกว่า (เฮียอุ้มตลอด) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:41:27

ความคิดเห็นที่ 5 ช่วงอัลบั้ม Off the wall ไมเคิลได้ประสบอุบัติเหตุล้มลงบนเวที ทำให้ดั้งจมูกหัก เลยต้องมีการศัลยกรรม และได้ถือโอกาสทำจมูกให้ดูเล็กลงด้วย ต่อมา ไมเคิลได้ออกอัลบั้มประวัติศาสตร์ คืออัลบั้ม Thriller เรียกว่าประสบความสำเร็จทั้งยอดขาย และรางวัล รวมถึงมิวสิควีดีโอ ทำให้ไมเคิลได้รับรางวัลแกรมมี่ 8 รางวัลจากอัลบั้มนี้ เล่าถึงมิวสิควีดีโอ Thriller ซึ่งมีปัญหาเนื่องจากว่าไมเคิลนับถือศาสนาคริสต์ นิกายพยานพระเยโฮวาห์ ซึ่งมีข้อห้ามว่า ห้ามไม่ให้พูดถึงสิ่งที่เหนือธรรมชาติอื่นๆ เช่นพวกปีศาจ การทำมิวสิควีดีโอนี้ทำให้ทางนิกายไม่พอใจ และส่งหนังสือถึงไมเคิล บอกว่าถ้ายังทำมิวสิควีดีโอนี้ต่อ จะขับไมเคิลออกจากนิกาย ทำให้ไมเคิลตัดสินใจหยุดทำมิวสิควีดีโอนี้ (ทั้งๆที่ลงทุนไปมากแล้ว) ทางค่ายเทปก็เลยมีการเรียกทีมงาน รวมทั้งทนายมาพูดคุย และได้ข้อสรุปว่า ก่อนเริ่มมิวสิควีดีโอให้ขึ้นข้อความว่า ไมเคิลไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องนี้ (เพื่อลดการขัดแย้งกับทางนิกาย) ส่วนความเห็นวัน เดาว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ไมเคิลออกจากนิกาย ช่วงนั้นไมเคิลได้เซ็นต์สัญญากับเป๊ปซี่มูลค่าหลายล้าน ซึ่งเป็นการเซ็นต์สัญญาที่เป็นประวัติศาสตร์ เนื่องจากมูลค่าสัญญา และเป็นครั้งแรกที่ทางเป๊ปซี่ตัดสินใจผูกยอดขายสินค้าของตัวเองกับนักร้องเพลงป๊อป ไมเคิลได้รับอุบัติเหตุในระหว่างการถ่ายทำโฆษณา โดนไฟคลอก และช่วงนั้นก็เริ่มมีข่าวลือต่างๆเกิดขึ้นมา (เช่นข่าวลือที่ว่าไมเคิลนอนใน Oxegen chamber) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:55:53

ความคิดเห็นที่ 6 ค่อยมาเล่าต่อนะคะ เรื่องมันยาวมาก แต่ถ้าเพื่อนๆเป็นสมาชิกทรู ก็อย่าลืมดูนะคะ รายการจะมีฉายซ้ำตามนี้ค่ะ Michael Jackson THS 1/01/2010 17.50 ช่อง 36 ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:59:08

ความคิดเห็นที่ 7 โหหหหหหหหหห พี่วันเล่าระเอียดมากๆๆๆเลยค่ะ   ข้อมูลนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่รู้จักไมเคิลมากด้วยนะคะ เป็นเรื่องเล่าย่อๆ ที่เข้าใจง่ายด้วย เสียดายที่บ้านไม่มีเคเบิลค่ะพี่....หวังว่ามันจะมีคลิปซักวันนะคะ ปล. มานั่ง จิบชา รอ พี่วันเล่า ตอนต่อไปนะค้าาาาาาาาา จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:08:15

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อจ้า  เล่าข้ามไปหน่อยนึง ตอนที่วง Jackson5 ยังอยู่กับโมทาวน์ ระยะหลังผลงานไม่เป็นที่นิยมเหมือนเดิม โจก็เลยขอเข้าไปคุยกับผู้บริหารว่า ต้องการให้เด็กๆได้แสดงความสามารถด้วยการแต่งเพลงบ้าง แต่เกิดความขัดแย้ง โจก็เลยพาลูกๆออกมาสังกัดค่ายใหม่ คือค่าย Epic (ถ้าจำไม่ผิดนะ ต่อมา Sony ก็เข้ามาเทคโอเวอร์) เมื่อออกจากค่ายโมทาวน์ วงไม่สามารถใช้ชื่อ Jackson5 ได้เพราะติดสัญญากับค่ายเก่า ก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อวงใหม่เป็น The Jacksons ช่วงก่อนหน้าที่ไมเคิลออกอัลบั้ม Off the wall (หรือ Thriller วันจำไม่ได้แล้ว) เขาบอกว่าไมเคิลประสบความสำเร็จในความตั้งใจที่จะทำงานด้วยตัวเอง เรื่องแรกก็คือ การไล่พ่อ (โจ) ออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัว (แต่พิธีกรบอกว่า จริงๆแล้วทุกอย่างที่โจตัดสินใจไป สุดท้ายล้วนส่งผลทำให้ไมเคิลประสบความสำเร็จทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนัก การพาเข้าสังกัดโมทาวน์ และการพาออกมาจากค่ายโมทาวน์) หลังจากออกอัลบั้ม Thriller แล้ว ไมเคิลไม่ต้องการกลับไปแสดงคอนเสิรต์ร่วมกับพี่ๆอีก แต่หลังจากนั้นแม่ของไมเคิลได้มาขอร้อง โดยบอกว่าพี่ๆของลูกกำลังต้องการงาน และเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำให้ไมเคิลตัดสินใจออกทัวร์คอนเสิรต์ร่วมกับพี่ๆอีกครั้ง ชื่อคอนเสริต์ Victory tour (เล่าว่าเป็นทัวร์ที่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเพลงที่ร้องส่วนมากจะเป็นเพลงเก่า ในขณะที่แฟนๆต้องการฟังเพลงใหม่ของไมเคิล อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการขัดแย้งต่างๆระหว่างไมเคิลกับพี่ๆ) แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 15:37:15 จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:33:27

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากนั้นไมเคิลออกอัลบั้ม Bad ซึ่งโดนวิจารณ์มากเรื่องยอดขายที่ไม่สามารถทำสถิติเหนือ Thriller ได้ และพูดกันว่าไมเคิลมาถึงจุดตกต่ำของอาชีพแล้ว นอกจากนั้นยังมีเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาของไมเคิลที่เปลี่ยนไปมาก จนหลายคนออกมาพูดว่าไมเคิลไม่อยากเป็นคนดำ (ซึ่งตรงนี้ทางรายการให้ข้อมูลในภายหลังว่า ไมเคิลได้บอกว่าเขาเป็นโรคด่างขาว ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ Oparh) ตอนนี้เริ่มมีข่าวลือต่างๆออกมามากขึ้น เช่นเรื่องไมเคิลสวมหน้ากาก ได้มีคนถามเขาว่าทำไม ไมเคิลตอบว่า ก็แค่ให้เป็นที่สนใจ หรือว่าเรื่องไมเคิลสนใจโครงกระดูกมนุษย์ช้าง (ตอนนี้รายการเริ่มปูพื้นว่าไมเคิลค่อนข่างจะเป็นคนแปลกๆ วันดูไปก็หงุดหงิดไป) พิธีกรบอกว่าเรื่องนี้มาจากไมเคิลต้องการเป็นข่าวลงในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งทุกวัน (เพราะว่าเพื่อนรักอลิซาเบทก็ได้ลงข่าวในนั้นด้วย) บรรณาธิการข่าวเล่าว่า ข่าวที่ได้เกี่ยวกับไมเคิลส่วนมากจะมาจากคนที่อยู่รอบตัวเขาทั้งนั้น มีทั้งโทรมาให้ข่าวด้วยตัวเอง ซึ่งเขาบอกว่า มันมาจากความเชื่อของไมเคิลที่คิดว่า เขาจะต้องทำตัวให้แปลกและแตกต่างจากคนอื่น (ตอนนี้เริ่มอยากปิด TV แล้ว ) สื่อจะเริ่มเรียกไมเคิลต่างๆนาๆ (ตามที่เรารู้ๆกัน ขอไม่เอ่ยถึงนะคะ) หลังออกอัลบั้ม Bad ไมเคิลก็เริ่มทัวร์คอนเสิรต์ ซึ่งถือว่าเป็นคอนเสิรต์ที่ประสบความสำเร็จมาก (Bad tour) แต่ช่วงสุดท้ายไมเคิลต้องระงับการแสดงคอนเสริต์ไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ (ข่าวว่าต้องส่งเข้าโรงพยาบาล แต่หมอบอกว่าเป็นเพราะความเครียด ทำงานหนักและไม่ได้พักผ่อน) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:45:33

ความคิดเห็นที่ 10 พิพม์ไปตั้งเยอะ IE เดี้ยงซะงั้น เบรคก่อนแล้วกันจ้า หลังจากนี้จะเป็นเรื่องคดีแล้ว ไม่รู้ว่าจะเล่าดีไม๊ รายละเอียดมันเยอะ กลัวเพื่อนๆอ่านแล้วเสียความรู้สึกอ่ะ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 13:06:33

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณคุณ wanvisa มากๆ ค่ะที่มาเล่าให้ฟัง :D จากคุณ : zeasky เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:16:19

ความคิดเห็นที่ 12 ต่อนะคะ หลังจากนั้นไมเคิลก็ประกาศว่าเขาจะไม่ทัวร์คอนเสริต์อีก เพราะทำให้น้ำหนักของเขาลดลงทุกๆ 5 ปอนด์หลังจากทัวร์คอนเสริต์เสร็จในแต่ละประเทศ ต่อมาไมเคิลออกอัลบั้ม Dangerous ซึ่งอัลบั้มนี้ก็เหมือนอัลบั้มก่อนหน้านั้น ถูกวิจารณ์เรื่องสถิติยอดขายที่ไม่เท่า Thriller (ยิ่งสูงยิ่งหนาวจริงๆ) แล้วไมเคิลก็กลับมาทัวร์คอนเสิรต์ต่อ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะหยุด เนื่องจากต้องการหาเงินเข้ากองทุน Heal the world ของเขา ช่วงนี้เป็นช่วงที่ไมเคิลโดนคดีเรื่องเด็ก ในรายการเล่าว่า ไมเคิลถึงกับล้มลงหลังจากแสดงคอนเสริต์ที่สิงคโปร์เสร็จ และหลังจากนั้นต้องประกาศยกเลิกคอนเสริต์ เข้ารับบำบัดอาการติดยา คนที่พาไมเคิลไปบำบัดคืออลิซาเบท เธอออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไมเคิลต้องเข้ารับการบำบัดอาการติดยา(แก้ปวด) ณ คลีนิคแห่งหนึ่ง (นอกอเมริกา) เธอเป็นคนจัดแจงพาไมเคิลไป เพราะเธอเคยติดยามากก่อน ต่อมามีข่าวว่าตำรวจขอหมายศาลเพื่อเข้าไปค้นบ้านไมเคิลที่เนเวอร์แลนด์ (ตอนนั้นไมเคิลไม่ได้อยู่ในอเมริกา) โดยตำรวจได้นำหลักฐานกลับไปโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ (ทั้งๆที่ก่อนหน้าจะค้น บอกว่าจะแจ้งให้ทราบ) หลังจากนั้นไมเคิลก็เผยแพร่คลิปที่เขาออกมากล่าวว่าเขาบริสุทธิ์ (คิดว่าเพื่อนๆคงเคยดู ที่ไมเคิลสวมเสื้อเชิ๊ตสีแดงอ่ะค่ะ) เขาบอกว่าเขาโดนกล่าวหา เขาบอกให้แฟนๆเชื่อเขา ต่อมาไมเคิลยิมจ่ายเงินเพื่อยอมความนอกศาล ซึ่งจุดนี้เป็นประเด็นที่พูดกันว่าจะทำให้ไมเคิลดูไม่น่าเชื่อถือและผิดตามข้อกล่าวหา เมื่อมีคนถามไมเคิล ว่าทำไม? เขาบอกว่า เขาต้องการให้เรื่องนี้มันจบ และเขาจำเป็นต้องก้าวต่อไป แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 15:03:11 จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:47:17

ความคิดเห็นที่ 13   เราเปิดมาเจอรายการนี้ตอนมันใกล้จะจบแล้ว ดูแล้วน้ำตาร่วงเลย เศร้า คิดถึงไมเคิลมากๆๆๆๆ ขอบคุณ คุณwanvisa มากๆนะค่ะที่มาเล่าให้ฟังนะค่ะ ปล. ขอถามหน่อยนะค่ะว่ารายการมันมีรีรันวันอื่นอีกมั้ยค่ะ นอกจากวันที่1อะค่ะ (วันที่1ไม่อยู่บ้าน--) จากคุณ : catky เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:47:38

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อมาพิธีกรบอกว่าไมเคิลได้ปล่อยหมัดเด็ดออกมานั่นคือ ประกาศแต่งงานกับลิซ่าแบบช็อคโลก (ในช่วงที่มีคดี) พิธีกรบอกว่าลิซ่าหลงรักไมเคิลเอามากๆ และหลังจากไปฮันนีมูนด้วยกันแล้ว ลิซ่าก็กลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ ส่วนไมเคิลกลับไปอยู่เนเวอร์แลนด์ ทำให้ทุกคนสงสัยว่าเป็นการแต่งงานเพื่อจัดฉาก เพราะทั้งสองคนไม่ได้อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน หลังจากแต่งงานได้ 20 เดือน ลิซ่าก็ขอหย่า หลังจากนั้นไมเคิลก็ออกมาประกาศว่าเขากำลังจะมีลูกคนแรกกับเด็บบี้ และตั้งชื่อลูกว่า Prince เพราะ Prince เป็นชื่อของปู่ไมเคิล (ถ้าจำไม่ผิดนะ) หลังจากนั้นอีกไม่นาน ไมเคิลก็ประกาศว่ากำลังมีลูกคนที่สอง โดยพิธีกรเล่าว่า ขณะที่ไมเคิลกำลังแสดงคอนเสริต์ที่ออสเตรเลีย เด็บบี้ก็นั่งเครื่องบินไปที่นั่น และแต่งงานกับไมเคิลที่ออสเตรเลีย แต่ทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไมเคิลอยู่ที่เนเวอร์แลนด์ ส่วนเด็บบี้ก็อยู่ที่อพาธเมนต์ของเธอ ซึ่งตรงนี้พิธีกรบอกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดมาก หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็หย่ากัน ต่อมามีข่าวรั่วออกมาว่าไมเคิลกำลังมีลูกคนที่สาม ซึ่งเกิดจากไมเคิลเอารูปของน้องให้ (ใครซักคนที่วันจำไม่ได้แล้ว) ดู หลังจากนั้นภาพนั้นก็หลุดออกมาและกลายเป็นข่าว ไมเคิลให้ข้อมูลว่าแม่ของน้อง คือแม่อุ้มบุญ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:55:03

ความคิดเห็นที่ 15 มีฉายอีกรอบตามนี้จ้า 1/01/2010, 17.50 16/01/2010, 02.15 20/01/2010, 20.10 แล้วก็มีอีกรายการหนึ่งชื่อ Last days of Michael Jackson รายการนี้จะเน้นเจาะลึกเรื่องของไมเคิลก่อนเสียชีวิตอ่ะค่ะ มีฉาย 05/01/2010, 06.45 16/01/2010, 00.30 วันได้ดูรายการนี้แต่เกี่ยวกับเอลวิส สรุปแล้วเอลวิสเสียชีวิตเพราะเสพติดยาเกินขนาดอ่ะค่ะ เห็นว่าทานเข้าไปวันละเกือบๆ 100 เม็ด ระยะหลังใช้ยามากขึ้นและแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นประเภทเดียวกับยาที่เขาให้คนไข้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่น่าสงสาร วันที่เอลวิลเสียชีวิต ลิซ่าก็อยู่ที่นั่นด้วย (พ่อแม่หย่ากันแล้ว แล้วเอลวิสก็รับลูกมาที่บ้าน แล้วเขาก็เสียชีวิตวันนั้นในห้องน้ำ) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:02:04

ความคิดเห็นที่ 16 เดี๋ยวมาต่อนะคะ อีกยาว จะเล่าหมดไม๊เนี่ย ข้ามๆไปบ้างแล้วกันนะคะ อยากจะเล่าถึงตอนที่ไมเคิลโดนคดีครั้งที่สองอ่ะค่ะ เพราะสาเหตุมาจากวีดีโอของไอ้เชี่ยศักดิ์อ่ะแหละ (Living with Michael Jackson) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:05:54

ความคิดเห็นที่ 17 ช่อง 36 package gold มีป่าวคะ คุณวัน ไม่แน่ใจ เหมือนไม่เคยดูไปไกลขนาดนั้นอ่ะค่ะ เด๋ววันนี้กลับไปหาช่องดูก่อนดีกว่า เตรียมพร้อมสำหรับรีรัน ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ^_________^ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:11:39

ความคิดเห็นที่ 18 ช่วงนี้ Gold มีค่ะ แต่หลังปีใหม่ จะมีแต่ Platinum จ้า เพราะช่วงนี้ทรูจะให้ดูฟรีทุกแพคเกจ เป็นของขวัญปีใหม่ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:15:44

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณคุณวันมากๆๆค่ะ เล่าได้ละเอียดมากลย มารอฟังต่อนะคะ จากคุณ : ซาจา เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:20:30

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณพี่วันมากๆ เลย เล่าได้เห็นภาพเลยละเอียดยิ๊บๆ แต่ก็อยากดูด้วยตาตัวเองเหมือนกันอ่ะ สงสัยจะได้ดูรอบ ตี2 คราวนี้ ture เอาฉายเวลาได้เหมาะดีเหมือนกัน เวลาว่างก็มีแค่ช่วงนี้แหละ อ่านไปคิดถึงไป T-T จากคุณ : popoking เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:49:21

ความคิดเห็นที่ 21 หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวว่าไมเคิลพาลูก (น้องผ้าห่ม) ออกมาอุ้มนอกระเบียงโรมแรม และกลายเป็นข่าวไปทั่วโลก ซึ่งบางคนกล่าวหาไมเคิลว่าเป็นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบ บ้างก็ว่าไมเคิลมีวิธีเลี้ยงลูกที่แปลกประหลาด ด้วยการเอาผ้าคลุมหน้าเด็กๆ โดยไมเคิลให้เหตุผลว่าเขาต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นคนธรรมดามากที่สุด เรื่องไมเคิลพาลูกมาอุ้มนอกระเบียงโรงแรมที่เยอรมันนั้น กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก มากกว่าจุดประสงค์ที่ไมเคิลต้องไปเยอรมันซะอีก ทั้งๆที่เขาไปเยอรมันเพื่อรับรางวัล (เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเด็ก) ไม่มีสื่อไหนให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ต่อมามีการให้สัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเคยเจอลูกของไมเคิลยืนหลงอยู่คนเดียว กลางห้าง และกำลังร้องให้ ตะโกนว่าจะหาพ่อๆ เธอบอกว่าเธอเข้าไปปลอบเด็กและบอกว่าจะพาไปหาพ่อ หลังจากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาเจอเธอและพาเธอไปร้านแห่งหนึ่ง เธอบอกว่าคนที่โผล่ออกมาคลุมตัวด้วยผ้าสีขาวทั้งตัว และคนๆนั้นคือไมเคิล ถามเธอว่า เจอเด็กที่ไหน เธอเล่าว่าเธอยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีคนตอบคำถามนี้แทนเธอ และไมเคิลก็พาคนที่ตอบคำถามเข้าไปในห้อง มีการเล่าว่าเด็กๆติดไมเคิลมากๆ เมื่อตื่นนอนตอนเช้าก็จะวิ่งไปหาพ่อ และบอกรักพ่อ ส่วนไมเคิลก็จะตอบกลับมาว่า พ่อรักหนูมากกว่า (พิมพ์ไป น้ำตาจะไหล) มีการนำคลิปที่ Prince กับ ปารีสบอกรักไมเคิลมาฉายด้วย แล้วพิธีกรก็เล่าว่า ไมเคิลรักลูกของเขามาก และทุ่มเทเวลาเพื่อเลี้ยงลูกของเขา ต่อมาไมเคิลได้ให้สัมภาษณ์กับพิธีกรที่ชื่อ เชี่ยศักดิ์ (ขอตั้งชื่อนี้นะคะ) ในรายการ Living with Michael Jackson โดยเขายอมให้กล้องติดตามถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเขานานถึง 8 เดือน หลังจากคลิปนี้ได้เผยแพร่ไป ปรากฏว่าในคลิปได้มีภาพที่เด็กคนหนึ่ง (ที่เป็นมะเร็งและอาศัยอยู่กับไมเคิลที่เนเวอร์แลนด์ขณะนั้น) ได้คุยกับพิธีกรว่าเขาได้อาศัยอยู่กับไมเคิลในเวลานี้ และเขาได้นอนห้องเดียวกับไมเคิลด้วย โดยไมเคิลนอนที่พื้นห้อง หลังจากคลิปนี้เผยแพร่ไม่นาน ได้เกิดเสียงวิจารณ์ในแง่ลบมากขึ้น ทำให้ไมเคิลได้ตัดสินใจนำคลิป take 2 มาฉาย เพื่อบอกกับทุกคนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปแรกนั้น เป็นเพียงการบิดเบือน (ใครที่ยังไม่ได้ดู เหลือบไปดูตรงกระทู้แนะนำของคลับเลยค่ะ) เมื่อคลิปแรกได้เผยแพร่ออกไป ทำให้ทีมอัยการของรัฐได้ตัดสินใจฟ้องไมเคิลในคดีล่วงละเมิดเด็กอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้มีการออกหมายจับ และไมเคิลต้องโดนจับใส่กุญแจมือเพื่อไปที่สถานีตำรวจ (แล้วก็มีการจับไปขังไว้ในห้องขัง ถอดเสื้อผ้า ถ่ายภาพอย่างทีเราทราบๆกันแล้ว) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:58:48

ความคิดเห็นที่ 22 ตำรวจก็ขอหมายศาลเข้าไปค้นบ้านของไมเคิลที่เนเวอร์แลนด์ เข้าไปค้นทั้งหมด 3 ครั้ง (ครั้งนี้นำทีมโดยอัยการชื่อดังในเพลง D.S ของไมเคิลอ่ะแหละ) ต่อมาไมเคิลได้ตัดสินใจสู้คดี และไม่ยอมความอีก โดยในการสู้คดีก็จะมีการเบิกพยานทั้งฝ่ายโจทย์และผู้ถูกกล่าวหา ทางด้านทนายฝ่ายไมเคิลได้แจ้งว่าเหตุจูงใจก็คือ อีกฝ่ายต้องการเรียกร้องเงินจากไมเคิลนั่นเอง โดยตัวเด็กเอง (คนที่เป็นมะเร็งและเคยอาศัยอยู่กับไมเคิล) ได้เล่าว่าไมเคิลได้ล่วงละเมิดทางเพศกับเขา และได้ให้เขาทานไวน์ รวมถึงการที่ให้ทีมงานมาบังคับให้เขาและครอบครัวกล่าวยอมรับผิดว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ทำให้ไมเคิลโดนไปอีกข้อหาคือ กักขังหน่วงเหนี่ยวและมอมเมาเยาวชน (จำข้อหาไม่ค่อยได้แล้ว ดูไปโกรธไป) โดยช่วงแรกทนายความของไมเคิลที่รับผิดชอบคดียังเป็นอีกทีม แต่เมื่อไมเคิลทราบว่าทนายความของเขาได้รับทำคดีอื่นด้วย ทำให้เขาหยุดจ้างและเปลี่ยนทนาย ซึ่งสื่อมวลชนบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของไมเคิลเลยล่ะ (เพราะทนายความคนใหม่เก่งมาก และสุดท้ายก็ช่วยให้ไมเคิลหลุดพ้นข้อกล่าวหาจริงๆ) ตอนที่มีการสืบพยานก็เริ่มจากฝ่ายเด็กที่กล่าวหาก่อน หลังจากนั้นก็จะเป็นพยานฝ่ายไมเคิลบ้าง เท่าที่วันจำได้ จะมีหนู Home alone ขึ้นให้การว่าไมเคิลไม่เคยทำหรือแสดงอะไรที่ส่อไปในแนวล่วงละเมิดทางเพศกับเขาเลย มีคริส ทักเกอร์ด้วย และมีคนอื่นๆที่อยู่ภายในบ้านของไมเคิล โดยมีการบอกว่าเด็กคนนี้ต้องการเงินของไมเคิล และเด็กคนนี้เคยเอ่ยปากของเงินจากเพื่อนไมเคิลด้วย แต่ทั้งหมดไมเคิลไม่ได้ขึ้นให้การ แต่นั่งอยู่ในศาลตลอด จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 16:20:37

ความคิดเห็นที่ 23 วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวว่างๆมาต่อให้จบจ้า ใกล้จบแล้ว ยาวมากๆ จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 16:23:27

ความคิดเห็นที่ 24 เอ่อ หลังปีใหม่ รีรันก็เป็นหลังปีใหม่หมดเลยนี่นา เจี๊ยกกกกกกกก จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 16:55:48

ความคิดเห็นที่ 25 กำลังมันส์เลยค่ะ อยากดูบ้างจัง แต่ไม่มีให้ดู T_T อ่านถึงเรื่องคดีทีไร นึกแล้วจี๊ดทุกทีเลยค่ะ เคืองจริงๆ จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 17:52:40

ความคิดเห็นที่ 26 พี่วันคะ  มันยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พิมได้ขนาดนี้ โอวววววววว  พี่ สุดยอดมากมายเลยนะคะ   อยากมอบรางวัล สว กทท ดีเด่นประจำปีให้ จิงๆค่ะ ขอไปอ่านก่อนนะค้า จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 19:32:04

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณ คุณวันมากๆเลยค่ะ จะติดตามตอนต่อไปค่ะ จากคุณ : mr.roof miss you MJ. (MR.ROOF) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 19:43:48

ความคิดเห็นที่ 28   อ่านเพลินรวดเดียวเลยค่ะคุณวัน ขอบคุณมากๆ จะรออ่านตอนต่อไปค่า ขอบคุณล่วงหน้านะคะ น่าเสียดาย ที่บ้านช่อง 36 เป็นกีฬา อดดูเลย จากคุณ : ployphon เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 20:25:44

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากค่ะ คุณวัน อยากดูมากเลย ทำไงดี ๆ >_< จากคุณ : nangyoon เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 21:03:17

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากเลยค้า   คุณวันหายไปนาน ไม่ค่อยมาโพสเลยอ่ะ คิดเถิงง จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:16:38

ความคิดเห็นที่ 31 ก่อนอื่นอยากทราบว่า... กินอะไรเป็นอาหารหลัก!!!!!!  และอาหารเสริมล่ะ!!!!! ทำไมความจำดีเยี่ยมเช่นนี้ เป็นฉากๆกันเลยทีเดียว!! ขอบคุณดำดำอีร่ามากนะค้าา จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:21:29

ความคิดเห็นที่ 32   ขอขอบคุณด้วยคน สำหรับความพยายามเล่า และเขียน จากคุณ : Stationary เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:34:58

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาให้กำลังใจอ่ะค่ะ ความจำเป็นเลิศ ขยันพิมพ์อีก สู้ๆ จากคุณ : i can't do it !! เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 00:32:14

ความคิดเห็นที่ 34 สุดยอดเลยค่ะ สามารถจำได้ละเอียดดีจัง ขอบคุณนะคะ.... ไม่มีโอกาสได้ดู เพราะไม่มีช่องนี้ (คนบ้านนอกง่ะ) จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 13:32:27

ความคิดเห็นที่ 35 ต่อนะคะ ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อลูกขุน (ระบบศาลในอเมริกา เข้าใจว่าคนที่ตัดสินคือคณะลูกขุน ไม่ใช่ศาล) ไมเคิลได้ปล่อยเทปออกมาอีกรอบ ซึ่งว่ากันว่าไมเคิลได้ปล่อยออกมาในช่วงที่เหมาะสมที่สุด (คือก่อนการประกาศรายชื่อลูกขุน) ในเทปไมเคิลกล่าวว่า เขาบริสุทธิ์ และเขาเชื่อมั่นในระบบศาลและความยุติธรรม ขอให้เขาได้รับสิทธิในการตัดสินที่เป็นธรรมเช่นเดียวกับชาวอเมริกันคนอื่นๆ (วันเข้าใจว่าเทปนี้คงมีผลต่อคำตัดสินของลูกขุนบ้าง ไม่มากก็น้อย) วันนัดฟังคำตัดสิน ไมเคิลมาสาย (จำไม่ได้แล้วว่าสายไปเท่าไหร่ คุ้นๆว่าสายไปเป็นชั่วโมง) สุดท้ายคณะลูกขุนอ่านคำตัดสินว่าไมเคิลบริสุทธิ์ไม่มีความผิด ทุกข้อกล่าวหา (มีคำสัมภาษณ์อัยการฝ่ายโจทย์ด้วย แต่วันจำรายละเอียดไม่ได้มาก คร่าวๆเขาก็ออกมาพูดว่า ศาลตัดสินยังไง ก็ต้องว่าตามนั้น) ส่วนไมเคิลหลังศาลตัดสินพ้นผิด ไมเคิลก็ตัดสินใจออกนอกประเทศ และไปใช้ชีวิตอยู่ที่...... (จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน คุ้นๆว่าบาร์เรนรึเปล่าคะ???) จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 19:49:51

ความคิดเห็นที่ 36 ขอเล่าย้อนไปตอนที่ไมเคิลออกเทป Invincible หน่อย คือทางรายการเขานำเสนอว่า เทปชุดนี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และไมเคิลได้พยายามหาคนรับผิดชอบเรื่องยอดขายไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลยโยนความผิดให้ทางโซนี่ กล่าวหาว่าทางโซนี่ไม่ยอมโปรโมทอัลบั้มของเขา ส่วนฝ่ายโซนี่ก็อ้างว่า ไม่โปรโมทได้ยังไง ทางบริษัทได้ทุ่มงบกับอัลบั้มนี้ไปเกือบ 20 ล้านดอลลาร์แล้ว ... ส่วนวันมองว่า ตรงนี้ทางรายการนำเสนอเหมือนกับว่าไมเคิลโยนความผิดให้โซนี่ บอกตรงๆดูไป ก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ จริงๆเพื่อนๆคงทราบแล้วว่า ประเด็นมันมาจาก ไมเคิลต้องการลิขสิทธิ์เพลงของตัวเองคืน แต่กลายเป็นว่าคนที่เจรจาให้ไมเคิลดั๊นสองหน้า คือเจรจาให้ทางโซนี่ด้วย ทำไมไมเคิลไม่พอใจ ทางโซนี่เลยตอบโต้ด้วยการไม่โปรโมทอัลบั้ม (ข้อมูลตรงนี้ทางรายการไม่ได้นำเสนอค่ะ) ส่วนเรื่องอื่นๆ เท่าที่วันดูจนจบ คิดว่าทางรายการนำเสนอได้เป็นกลางพอสมควร ทุกเรื่องที่ยกมาพูดในรายการ ก็จะมีคำสัมภาษณ์มาอ้างอิงตลอด ยกเว้นเรื่องเดียว ที่วันว่าเอียงไปหน่อย นั่นคือ การที่สรุปว่าตั้งแต่ Thriller มา ไมเคิลไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพ และการที่พยายามนำเสนอว่าไมเคิลโยนความผิดให้ทางโซนี่ (จะมีภาพไมเคิลเดินสายประท้วง และคลิปตอนที่ไมเคิลบอกว่าประธานโซนี่เหยียดผิว) จบแค่นี้จ้า จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 19:57:35

ความคิดเห็นที่ 37 ตามทู้นี้ของคุณวันมาจนจบเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ทำให้คนที่เราไม่มีโอกาสดูรายการนี้ สามารถรับรู้เรื่องราวของ MJ ที่รักได้ จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 22:35:42

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมากๆค่ะ โหวตและจะแนะนำให้นะคะ พี่วันสุดยอดขยันพิมพ์มากปลื้มมากๆค่ะ^^ จากคุณ : มีน ธันวา เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 01:59:07

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณคุณวันมากๆคะ พิมพ์เยอะมาก ละเอียดยิบ เป็นฉากๆเลย จะติดทรู แต่อยากดูไม่เกิน 6 ช่อง ต้องเป็น Platinum อีกแหนะ คุ้มไหมนั่น ชิส์ อ่านเรื่องคดีกับอีตาบ้าเชรี่ยแล้วฉุนกึก  เชอะ นิสัยเลวมาก จากคุณ : JP-Plenty Melody~* เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 17:41:09