 |
ความคิดเห็นที่ 44 |
|
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากดีกว่าสำหรับทั้งห้าคนนี้ บอกได้คำเดียวว่าเป็น "ของจริง" ที่ต่อให้จะก็อปเกรดไหนๆ ก็ไม่มีทางเหมือน เพราะว่าองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ความพยายาม และเสน่ห์บนเวที (คาริสซึม่าของจุนที่ใครๆ ก็หาจากจุนไม่เจอ :P) ทำให้โทโฮชินกิเป็นอย่างที่โทโฮชินกิเป็นและทำให้ใครๆ ตกหลุมรักกันมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนตัวผมฟังงานญี่ปุ่นมากกว่าเพราะชอบความหลากหลายของซิงเกิ้ลและตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นชื่อซิงเกิ้ลต่อๆ ไป เพราะเสน่ห์ของโทโฮชินกิ (ในแง่ของการตัดซิงเกิ้ล) ก็คือการเดาไม่ได้ว่าจะมาแนวไหนนี่แหละ อย่าง Doushite และ Stand by U ถือได้ว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์เหมือนกัน
รักกันมาก็หลายปี แต่จุดเริ่มต้นคือ Choosey Lover (ถึงมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มานิ) เพราะดนตรีดิสโก้ป๊อปที่ช่วงนั้นเริ่มกลับมาฮิตอีกครั้งทำให้หันมาฟังงานของโทโฮชินกิอย่างจริงๆ จัง และพอได้ดู FITB Live ก็ทำให้รู้สึกเข้าใจว่าทำไมแฟนคลับถึงได้มากมายขนาดนี้ ของเค้าดีจริงๆ เลยต้องไปตามหาอัลบั้มแรกมาฟัง พบว่าชอบอยู่หลายแทรค (ประเภทแทรคหลืบๆ อย่าง Aisenai Aishitai, Eternal เป็นต้น) แล้วก็มาฟัง T ต่อ พบว่าเป็นอัลบั้มที่มีดนตรีหลากหลายมาก และดนตรีขายมากๆ คือแทรคเกือบทุกแทรคแข็งพอจะตัดซิงเกิ้ล ก็เลยผูกพันกันมาจนถึงวันนี้
พัฒนาการของโทโฮในด้านดนตรีผมว่าชัดเจนนะ จาก H,M&S ที่เป็นเจป๊อปมาตรฐานเน้นงานขายเสียงเพื่อสร้างตัวตนของวงในฐานะเป็นวงขายเสียงร้องผสมกับเพลงเต้นที่โชว์ความเป็น entertainer หยอดความเป็น world music อย่างละตินป๊อปใน Stay with me tonight, หรือดนตรีแบบอินเดียใน Break Up the Shell ขั้นแรกนี้ (แอบเหมือนรายการวิทยาศาสตร์เลย 55) เหมือนเป็นการทดลอง ส่วนผสมต่างๆ ก็เลยยังไม่ค่อยเข้าที่ แต่ผลที่ออกมาก็น่าพึงพอใจอยู่เหมือนกัน
FITB มีรากเจป๊อปแบบเดิม แต่คราวนี้ขยายขอบเขตไปเป็นร็อค (Dead End, Zion) ดิสโก้ (Choosey Lover) แล้วก็มีซาวนด์ดนตรีแบบการ์ตูนนิดๆ อย่าง Go Senshi ที่เบิกทางให้แทรคคล้ายๆ กันอย่าง Together หรือ We are! หรือแอบมีงานป๊อปกลิ่นชิลล์เอ้าท์นิดๆ อย่าง Yakusoku (มิกซ์ใหม่ยิ่งชิววววไปกันใหญ่) ผสมๆ เข้ามาด้วย ระยะนี้การทดลองดนตรีของโทโฮกำลังจะเข้าที่ เพราะหลายๆ แทรคทำให้ค้นพบศักยภาพที่ยังคงเผยให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ "ร้องได้ เต้นได้" แต่ "ร้องเป็น เต้นเป็น" ต่างหาก
T อาจจะถือได้ว่าเป็นงานที่แข็งแกร่งที่สุดชุดหนึ่งเพราะส่วนผสมของเจป๊อปที่ทำออกมาค่อนข้างจะหลากหลายและเอื้อให้กับความสามารถของสมาชิกทุกคน บัลลาดอลังการอย่าง Lovin' you, Love in the ice, Forever Love ทำให้สามารถโชว์พลังเสียงได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ก็ยังคงมีแทรคที่โชว์การเต้นอย่าง Shine, Ride on, Summer Dream, CLAP! หรือแม้กระทั่ง Last Angel ในขณะเดียวกันดนตรีแบบอาร์แอนด์บีก็เริ่มมาให้เห็นกันในแทรคอย่าง No? หรือจะมาแบบจางๆ อย่าง DARKNESS EYES จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็จะชอบอัลบั้มนี้ เพราะความหลากหลายทำให้คนที่ชอบดนตรีแบบต่างๆ สามารถหาแทรคโปรดของตัวเองได้ไม่ยาก
มาถึง The Secret Code ชุดนี้ไม่ทิ้งเจป็อปซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำมาตลอด บัลลาดโชว์เสียงก้าวไปอีกระดับ (Bolero, Wasurenaide, TAXI) งานหลั่นล้าจากชุดก่อนๆ ก็ยังมีให้เห็น (Kiss the Baby Sky, Box in the ship) แต่งานชุดนี้เพิ่มความเป็นดนตรีผิวสีอย่าง swing (Secret Game, Nobody Knows) อาร์แอนด์บี (Doushite, Stand up! และอาจจะนับ FORCE รวมด้วย) แถมยังเอาซาวนด์อิเล็คโทรที่มาแรงในช่วงนี้มาใส่ด้วย (Mirotic, Survivor, Take your hand) ผสมรวมกันกลายเป็นงานที่โตขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เป็นงานแบบ grower คือยิ่งฟังนานๆ ยิ่งได้ยินรายละเอียดมากก็จะยิ่งชอบ
เม้นต์มายาวมากกกกกก เอาเป็นว่าไม่ว่าอนาคตจะเป็นไปในทิศทางใด แต่คุณได้สร้างประวัติศาสตร์ของวงการเพลงญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งมีห้าหนุ่มจากเกาหลีมีเพลงติดอันดับหนึ่งโอริกอนชาร์ตหลายเพลงนะครับ และถ้ามีผลงานอีก เราก็คงจะติดตามกันต่อไปอย่างแน่นอน
Not only do we have faith, but we also trust.
จากคุณ |
:
northstar_polaris (northstar_polaris)
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ม.ค. 53 07:01:21
|
|
|
|
 |