ความคิดเห็นที่ 1 แฟนๆของไมเคิลที่ผลัดกันเฝ้าเวรยามตั้งแคมป์กันอยู่รอบๆ Neverland และที่ศาลรู้สึกเดือดดาลและคิดว่าไมเคิลกลายเป็นเป้าหมายของบรรดากลุ่มอาชญากรที่มีจิตใจโหดร้าย ที่นอกประตูรั้ว Neverland แฟนบางคนเปรียบไมเคิลกับเจ้าหญิงไดอาน่า อีกหนึ่งไอคอนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกสื่อบิดเบือนและต่อต้านเพื่อที่ให้ได้พาดหัวข่าวที่อื้อฉาว แฟนๆเหล่านี้รู้สึกว่าพวกสื่อใช้ไมเคิลเป็นเหมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เหมือนกับแมลงที่ถูกจับครอบไว้ในโถแก้วที่จะถูกเขี่ยถูกจิ้มหรือถูกยั่วกระตุ้นเมื่อใดก็ได้ โดยที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระเลย เจ้าหญิงไดอาน่าต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าสลดจากการถูกสื่อคุกคาม แต่ในกรณีของไมเคิลนั้น สื่อยังต้องการให้เขามีชีวิตเพื่อให้มีเรื่องสร้างเรตติ้งให้คงอยู่ตลอดไป แฟนๆยืนยันว่าไมเคิลตกเป็นเหยื่อของกลไกสื่อที่ปฏิเสธความจริง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่ถูกนำเสนอขึ้นในศาลสูงของแคลิฟอร์เนียแล้วก็ตาม เหล่าแฟนๆต่างพูดถึงความหิวโหยของสื่อทั่วโลกที่กำลังสร้างภาพให้ไมเคิล แจ๊คสันเป็นเหมือนบรรดาข่าวลือต่างๆ และให้เครดิตกับผู้สร้างข้อกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามที่มีอยู่ทั่วโลก แต่ท้ายที่สุด ทุกอย่างที่สเนดดอนและทีมของเขานำเสนอในศาลก็ถูกทำลายความน่าเชื่อถือโดย ธอมัส เมสเซอโรวและทีมทนายความของเขาไปจนสิ้น บุคคลที่น่าชื่นชมผู้นี้ไม่ได้ต้องการความสนใจจากสื่อ ไม่ได้ต้องการโปรโมตตัวเองใดๆทั้งสิ้น ทอม เมสเซอโรวกลายเป็นที่รู้จักในนาม ทนายความฝ่ายจำเลยผมขาวผู้เอาจริงเอาจัง ตัวเขาเองไม่ได้ต้องการเป็นศูนย์กลางของสื่อระหว่างการรายงานข่าวนี้ และไม่เหมือนทนายความที่มีชื่อเสียงบางคน ทอม เมสเซอโรวไม่ได้สนใจบรรดากล้องและแสงไฟ เขาสนใจแต่ความเป็นธรรมและเขาเชื่อในความบริสุทธิ์ของแจ๊คสันอย่างเต็มหัวใจ ในวันที่แจ๊คสันถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด ทอม สเนดดอนกลายเป็นเหมือนราชาขี้โอ่ผู้ต้องอับอาย ในขณะที่ ทอม เมสเซอโรวเดินออกจากหัองพิจารณาคดีอย่างกับคนที่ถ่อมตนและสง่างาม จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:15:27

ความคิดเห็นที่ 2 ขณะที่ความจริงเริ่มปรากฏ แฟนๆที่ใกล้ชิดกับแจ๊คสันสงสัยว่าทำไมสาธารณชนถึงไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงของคดีนี้เลย พวกเขาสงสัยว่าทำไมสื่อถึงได้เมินเฉยและมองข้ามพยานปากสำคัญๆไป หนังสือแทบลอยด์ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้แจ๊คสันดูเป็นคนหยาบคายหยาบกระด้าง พวกเขาทำให้แจ๊คสันเป็นเหมือนปิศาจร้ายโดยกล่าวหาว่าแจ๊คสันก่ออาชญากรรมอันเลวร้ายที่สุดที่มนุษย์เคยรู้จัก แต่ทว่าในศาลไม่มีใครพิสูจน์อะไรแบบนั้นเลย แทนที่จะรายงานข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดข้อตัดสินพ้นผิดของแจ๊คสัน แทนที่จะมุ่งประเด็นไปที่เด็กผู้ชายหลายต่อหลายคนที่ออกมาพูดว่าไม่เคยมีอะไรไม่เหมาะสมเกิดขึ้นเลยในช่วงเวลาที่พวกเขารู้จักและเป็นเพื่อนกับแจ๊คสัน พวกสื่อกลับไปมุ่งอยู่แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย กลับมีพาดหัวข่าวว่าแจ๊คสันใส่ชุดนอนมาศาล มีข่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างแจ๊คสันกับ บับเบิ้ล ลิงชิมแพนซีของเขา มีคลิปที่แสดงภาพแจ๊คสันยื่นลูกชายวัยทารกออกมาที่ระเบียงของโรงแรมในเบอร์ลินฉายอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แฟนๆรู้สึกโกรธที่สื่อไม่เคยตรวจสอบคำให้การของพยานกว่าร้อยปากในศาลอย่างเป็นจริงเป็นจังเลย คำให้การเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีหลักฐานใดๆที่จะบ่งชี้ว่ามีอะไรที่เลวร้ายในชีวิตส่วนตัวของแจ๊คสันเลย แฟนๆต่างเห็นว่าคำให้การต่างๆและบรรดาหลักฐานรูปถ่ายที่ถูกนำเสนอในศาลนั้น มีแต่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ไมเคิล แจ๊คสัน เป็นคนติดดิน มีนิสัยเหมือนเด็กและอ่อนโยนมากกว่าที่ใครจะคิดถึง แต่พวกสื่อก็พร้อมที่จะละเลยสิ่งเหล่านั้น จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:15:56

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากคดีนี้จบลง ทอม เมสเซอโรวยอมเปิดเผยว่า เขามีข้อมูลที่บอกว่าการที่แจ๊คสันพ้นผิดนั้นทำความเสียหายให้กับวงการสื่อเป็นพันๆล้านเหรียญ ถ้าไมเคิล แจ๊คสันเข้าคุก ธุรกิจแทบลอยด์ได้เตรียมตัวไว้แล้วที่จะตั้งแคมป์รายงานข่าวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของแจ๊คสันในคุก ชีวิตหลังลูกกรงของเขา เพื่อนร่วมห้องขังของเขา รวมไปถึงการนับถอยหลังการฆ่าตัวตายของแจ๊คสัน การนำเสนอข่าวอะไรทำนองนี้ก็คงจะดำเนินต่อไป เมสเซอโรวกล่าวว่านักข่าวบางคนเตรียมตัวที่จะติดตามตารางกิจวัตรประจำวันของแจ๊คสันในคุก คนที่มาเยี่ยมแจ๊คสันในแต่ละวันก็จะสามารถทำเป็นข่าวขึ้นมาได้ แล้วก็คงจะมีข่าวลือต่างๆออกมาอีกมากมายที่ทำให้คนคิดว่า ไมเคิลเพี้ยนมากกว่าที่คนเคยคิด สิ่งเหล่านี้จะทำให้หนังสือแทบลอยด์ขายได้ตลอดกาล ไม่กี่วันหลังจากคำตัดสิน นิตยสาร Star รายงานข่าวอย่างผิดๆว่าแจ๊คสันเตรียมจะจัดงานปาร์ตี้ที่โรงแรม Bellagio ในลาสเวกัส เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของเขากับแฟนๆ นี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระจนน่าหัวเราะ สื่อนั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองทั้งนั้น แทบลอยด์สัญชาติอังกฤษ Daily Mail พาดหัวข่าวว่าแจ๊คสันกำลังหลบซ่อนตัวอยู่กลางทะเลทรายในตะวันออกกลาง พร้อมทั้งยังรายงานต่อว่า “ตอนนี้เขากำลังเผชิญข้อกล่าวหาทางเพศอีกแล้ว” ในความเป็นจริงแล้ว ข้อกล่าวหานี้มาจากชายที่น่ารังเกียจคนหนึ่งในรัฐนิวออลีนส์ และก็เป็นข้อกล่าวหาที่ถูกทำลายความน่าเชื่อถือในทันที ชายคนนี้กล่าวว่าเขาเคยถูกแจ๊คสันทำร้ายร่างกายด้วยใบมีโกน และยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกแจ๊คสันวางยาอีกด้วย ถึงแม้ว่าผู้กล่าวหาจะมีประวัติการขู่กรรโชกและจดทะเบียนสมรสซ้อนอยู่แล้วก็ตาม ศาลในหลุยเซียน่าก็ยังต้องการให้ไมเคิล แจ๊คสันหรือตัวแทนของเขาไปปรากฏตัวในการสอบสวนผู้ต้องหาขั้นต้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2005 แต่ไม่นานหลังจากนั้น คดีนี้ก็ถูกยกเลิกไป นี่เป็นเพียงตัวอย่างของอีกหนึ่งคดีซึ่งไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย แต่มันหมายถึงความอับอาย และความเสียหายที่จะเกิดมากขึ้นอีกต่อภาพลักษณ์ของไมเคิล แจ๊คสัน อีกทั้งมันยังหมายถึงปัญหาในศาลที่เพิ่มมากขึ้นไปอีกของราชาเพลงป๊อปผู้นี้ เพราะความเป็นอยู่ที่ไม่ธรรมดาของเขา อีกทั้งทรัพย์สมบัติอันมากมายมหาศาล และธรรมชาติของธุรกิจที่เขาอยู่ ไมเคิล แจ๊คสันกลายเป็นเป้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเขาก็จะต้องพบตัวเองอยู่ในศาลอีกครั้งแล้วครั้งเล่า จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:16:22

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับคดีนี้ จริงๆแล้วการที่เรื่องบานปลายมาจนถึงการขึ้นโรงขึ้นศาลในครั้งนี้ เป็นผลมาจากความพยายามของไมเคิล ที่จะเยียวยารักษาเด็กผู้ชายวัย 10 ขวบคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรงมะเร็ง แจ๊คสันได้รู้จัก แกวิน อาร์วีโซ่ หลังจากที่เด็กคนนี้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 4 และทีมแพทย์ในลอสแอนเจิลลิสก็ได้ขีดเส้นตายเอาไว้ให้แล้วด้วย คำขอสุดท้ายของแกวินคือการได้พูดคุยกับ ไมเคิล แจ๊คสัน ไมเคิลจึงพยายามโทรหาแกวินที่โรงพยาบาลตลอดเวลา ไม่ว่าตอนนั้นเขาจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม บทสนทนาหลายชั่วโมงระหว่างไมเคิลกับแกวินล้วนเกี่ยวกับวีดิโอเกมส์ ของเล่นและความสวยงามของ Neverland แจ๊คสันนี่แหละ คือเหตุผลที่ทำให้เด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แจ๊คสันนี่แหละที่ช่วยให้เด็กคนนี้มีกำลังใจที่จะอดทนต่อไปถึงแม้ว่าโรคมะเร็งจะกัดกินอวัยวะของเด็กคนนี้ไปแล้วหลายส่วนรวมไปถึงม้ามและไตข้างหนึ่งไปแล้ว ในระหว่างรับการรักษาแบบคีโม เด็กคนนี้และครอบครัวได้ไปเยี่ยมเยือน Neverland หลายครั้ง ในครั้งแรกที่พวกเขาไปถึง Neverland นั้น แกวิน อาร์วีโซ่มีสภาพผ่ายผอม แทบไม่มีผมเลยและต้องนั่งรถเข็นอยู่ตลอดเวลา เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนั้นแกวินยังสูญเสียความเชื่อมั่นและขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่ก็เป็นเพราะไมเคิล แจ๊คสัน ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป นี่เป็นสิ่งที่แกวินเขียนด้วยลายมือของตัวเองลงใน Guest Book ของ Neverland หลังจากที่ได้มาที่นี่ในครั้งแรก: “ถึงไมเคิลที่รัก ขอบคุณที่ทำให้ผมกล้าถอดหมวกออกต่อหน้าผู้คน ผมรักคุณ ไมเคิล รัก แกวิน” ไมเคิลนี่แหละที่ให้ความรู้สึกมีความหวังแก่เด็กคนนี้และครอบครัว ไมเคิลนี่แหละที่ทำให้เด็กคนนี้มีกำลังลุกขึ้นมาจากเตียงได้ ไมเคิลนี่แหละที่เป็นผู้มอบความตื่นเต้นให้กับเด็กคนนี้และครอบครัวด้วยการส่งรถลิมูซีนไปรับพวกเขาถึงชุมชนทางฝั่งแอลเอ ตะวันออก เพื่อมาสู่ความสวยงาม โอ่อ่า ของ Neverland Valley Ranch แต่ความดีของไมเคิลทั้งหมด ก็ถูกพวกสื่อบิดเบือน และถูกใช้ทำร้ายเขาโดยครอบครัวหิวเงินครอบครัวนี้ จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:16:51

ความคิดเห็นที่ 5 ทอม เมสเซอโรว รู้สึกไม่พอใจที่สื่อใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อนำเสนอแต่ข้อกล่าวหาเสียๆหายๆ โดยไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะกล่าวถึงงานการกุศลมากมายที่ไมเคิลทำเพื่อเด็กๆ และตลอดระยะเวลาการสู้คดี เมสเซอโรวพยายามชี้ให้เห็นอยู่เสมอว่าไมเคิลเป็นนักมนุษยธรรมที่ช่วยเหลือเด็กเป็นหมื่นเป็นแสนทั่วโลก และไม่เคยขึ้นคอนเสิร์ตโดยไม่ได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลเด็กก่อน แต่ไม่มีสื่อสำนักไหนหยิบด้านนี้ขึ้นมานำเสนอ หลังจากคดีนี้จบลง เมสเซอโรว เริ่มพูดถึงการนำเสนอข่าวในคดีนี้อย่างไม่ยุติธรรมของสื่อ สำหรับเมสเซอโรวแล้ว การนำเสนอข่าวแต่ด้านร้ายนี้เป็นการกระทำที่โหดร้าย และไม่ปกติของสื่อที่ทำให้แจ๊คสันถูกมองแบบผิดๆ หลังจากที่คดีนี้จบลง เมสเซอโรว พูดถึง ข้อตกลงจ่ายเงิน 20ล้านเหรียญให้กับ กอร์ดี้ แชนด์เลอร์และครอบครัว ผลจากข้อตกลงอันนี้ทำให้คนอื่นที่ต้องการได้เงินมาอย่างง่ายๆเห็นวิธีขูดรีดเงินแบบสบายๆจากแจ๊คสัน ในกรณีของครอบครัวแชนด์เลอร์นั้น เมสเซอโรวเชื่อว่าไมเคิลตกเป็นเหยื่อของที่ปรึกษาที่ไม่ได้เป็นคนดี เขาเชื่อว่าแจ๊คสันเชื่อเพื่อนร่วมงานที่สนใจแต่จะให้แจ๊คสันทำงานหาเงินเพิ่มอยู่ตลอดเวลา ในช่วงปี 1993 นั้น บรรดาที่ปรึกษายังไม่ได้เป็นคนเซนต์เช็ค ไมเคิลเป็นผู้เซนต์เอง และเมื่อเทียบกับเงินที่แจ๊คสันทำได้ในขณะนั้น ข้อตกลง 20 ล้านดูเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับผู้เกี่ยวข้องที่กำลังมีผลประโยชน์อยู่ในขณะนั้นและต่อไปในอนาคต ผู้คนรอบๆตัวแจ๊คสันมีแผนที่จะสร้างสินค้าที่มาจากตัวแจ๊คสันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ มิวสิควีดิโอใหม่ และพวกเขาต้องการให้แจ๊คสันสามารถทำงานได้อย่างปกติ เหล่าที่ปรึกษาของแจ๊คสันดูจะไม่ได้คิด หรือเป็นกังวลเลยว่า การที่ยอมข้อตกลงจ่ายเงินมากมายขนาดนั้นให้กับครอบครัวแชนด์เลอร์ จะส่งผลกระทบต่อความคิดของสาธารณชนอย่างไร จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:17:31

ความคิดเห็นที่ 6 อีกด้านหนึ่ง แฟนๆของแจ๊คสันเชื่อมานานแล้วว่ามีการสมรู้ร่วมคิดในระดับองค์กรเพื่อที่จะทำลายแจ๊คสัน พวกแฟนๆมั่นใจว่าเหล่าผู้มีอิทธิพลที่โซนี่ เป็นผู้ช่วยกระพือข่าวลือต่างๆเพื่อทำลายอาชีพของแจ๊คสัน มีแฟนบางคนเชื่อว่าผู้บริหารของโซนี่ต้องการบังคับให้แจ๊คสันขาย Sony/ATV Catalogue ในส่วนของเขา แฟนๆเหล่านี้ยืนอยู่ที่หน้าศาลทุกวันพร้อมทั้งถือป้ายที่มีข้อความเกี่ยวกับโซนี่ พร้อมทั้งตะโกน “สู้ ไมเคิล สู้!” แฟนๆเชื่อว่าแคมเปญทำลายภาพลักษณ์ของไมเคิล มาจากความละโมบขององค์กรเอง มันไม่เพียงแต่ช่วยเติมเชื้อไฟให้กับคดีในซานต้า มาเรีย เท่านั้น แต่มันยังกลายเป็นที่มาของคำกล่าวหาจากเด็กผู้ชายอีกหลายๆคนรวมไปทั้งครอบครัวของเด็กพวกนี้ด้วย คำถอดเทปที่ถูกอัดไว้อย่างลับๆตั้งแต่ปี 1987 ชี้ให้เห็นถึงการกระทำที่น่าสงสัยต่างๆที่จะกลายมาเป็นข้อกล่าวหาที่แจ๊คสันต้องพบเจอในเวลาต่อมา เทปและรายงานเหล่านี้ขณะนี้อยู่ในครอบครองของรัฐบาลกลางสหรัฐในไฟล์คดีของ แอนโธนี เพลลิคาโน นักสืบอิสระที่ทีมของไมเคิล จ้างเพื่อให้หาข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครอบครัวแชนด์เลอร์ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 53 22:04:07 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:18:02

ความคิดเห็นที่ 7 ตัวไมเคิลเองยอมรับอย่างเปิดเผยถึงความเชื่อของเขาที่ว่า มีกระบวนการพยายามทำลายล้างตัวเขาเพื่อจะเข้าไปครอบครอง Sony/ATV Music Catalogue ในส่วนที่เขาเป็นเจ้าของ ที่มีทั้งเพลงจาก เอลวิส พรีสลี่ย์ และ เดอะบีทเทิ่ลส์ แจ๊คสันกล่าวถึงกระบวนการนี้ที่ปรากฏอยู่ในบทความในนิตยสาร Vanity Fair ที่ออกวางแผงเพียงไม่กี่วันก่อนคำตัดสินในซานต้า มาเรีย บทความชิ้นนี้กล่าวล้อความเชื่อของแจ๊คสันที่เชื่อว่าผู้กล่าวหาและครอบครัวได้รับเงินจาก “ศัตรู”ของแจ๊คสันที่ต้องการจะยึด Sony/ATV Music Catalogue พร้อมทั้งหัวเราะเยาะแจ๊คสันที่เชื่อว่า ทอมมี่ มอโทล่า อดีตประธานของโซนี่ เรคคอร์ดส์ และเหล่าผู้มีอิทธิพลทั้งหลายที่ โซนี่ เรคคอร์ดส์ รวมไปถึงตัว ทอม สเนดดอน เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันทำลายเขา ทอม เมสเซอโรว ทนายความของแจ๊คสัน วางตัวเป็นกลางต่อเรื่องเหล่านี้ ถึงเมสเซอโรวจะไม่มีหลักฐานใดๆชัดเจนที่พิสูจน์ได้ว่าไมเคิลตกเป็นเหยื่อของการสมรู้ร่วมคิดในระดับองค์กร แต่เขาก็เห็นด้วยว่ามันมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมีการ “สมรู้ร่วมคิดกันโดยไม่รู้ตัว” ระหว่างโซนี่และทีมอัยการของซานต้าบาบาร่า “สิ่งที่ไมเคิลพูดเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดนั้นมีเหตุผล แต่ผมไม่มีหลักฐานพิสูจน์” เมสเซอโรวยอมรับ “ถ้าไมเคิลต้องติดคุก เขาจะปกป้องหุ้นในส่วนของเขาได้อย่างไรล่ะ เขาจะปกป้องต้องเขาเองจากคดีเหล่านี้ได้อย่างไร โซนี่จะได้อะไรมากมายถ้าไมเคิลถูกตัดสินว่ามีความผิด ส่วนสเนดดอนนั้น เขาก็จะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงขึ้นมาทันที คนเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งและคิดวางแผนด้วยกันจริงๆหรอก แต่ลึกๆแล้วพวกเขาอาจจะช่วยกันอยู่โดยไม่ได้วางแผนเอาไว้ เพราะพวกเขาต้องการในสิ่งเดียวกัน” ถ้ามีการสมรู้ร่วมคิดกันจริง มันก็คงจะมาจากอดีตลูกจ้างของไมเคิลที่มีความต้องการอะไรบางอย่าง กอปรกับแขกผู้มาพักในบ้านของไมเคิลที่ต้องการหาเงินแบบง่ายๆ และก็ยังมีผู้ดูแลกฎหมายที่มีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องการจะทำลายไมเคิลอีก การที่ไมเคิล แจ๊คสันเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดที่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหา ทางการจึงต้องการชำแหละชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนใครของเขาให้สาธารณชนได้ตรวจสอบ อัยการของซานต้าบาบาร่าดูมีความสุขมากกับการสร้างความอับอายให้กับแจ๊คสัน จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:18:32

ความคิดเห็นที่ 8 จากเหตุผลที่เห็นๆกันอยู่ ราชาเพลงป๊อปผู้นี้จึงไม่ค่อยมีแถลงการณ์ใดๆออกมา และให้สัมภาษณ์น้อยมากเกี่ยวกับคดีนี้ ในช่วงแรก ไมเคิลแถลงการณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาผ่านทางอินเตอร์เนต พร้อมทั้งเชิญ โอรัลโด้ ริเวียร่าไปที่ Neverland เพื่อสัมภาษณ์อย่างสั้นๆ ก่อนที่บทสัมภาษณ์ขิ้นนี้จะถูกนำออกฉายทางช่อง Fox News และถึงแม้โอรัลโด้จะตั้งใจนำเสนอขอโต้เถียงในด้านที่แจ๊คสันเป็นผู้ถูกกระทำโดยอัยการของซานต้า บาบาร่า แต่สื่อก็ดูไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก ระหว่างที่คดียังดำเนินอยู่ แจ๊คสันพูดคุยกับแฟนๆผ่านทางสถานีวิทยุอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็หยุดพูดและหยุดให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นกับสาธุคุณ เจสซี่ แจ๊คสัน ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตวิญญาณของเขา “ผมบริสุทธิ์ และนี่คือสิ่งที่เจ็บปวดมาก” ไมเคิลบอกกับสาธุคุณแจ๊คสันระหว่างการออกอากาศทางวิทยุในวันอีสเตอร์ของปี 2005 ระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุนี้ ไมเคิลกล่าวเป็นนัยๆว่าเขาตกเป็นเหยื่อของการเหยียดสีผิว เขาพยายามบอกอย่างอ้อมๆว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงชาวผิวสีเพียงไม่กี่คนที่ตกเป็นเหยื่อ เขากล่าวว่าเขาได้กำลังใจจากการดูตัวอย่างในกรณีของ เนลสัน แมนเดลลา และ มูฮัมมัดอาลี ไมเคิลรู้สึกว่าเขาถูกแบ่งแยกทางสีผิว ตอนที่สาธุคุณแจ๊คสันถามถึงความเป็นไปได้ที่การสมรู้ร่วมคิดของโซนี่อยู่เบื้องหลังข้อกล่าวหาในคดีนี้ ไมเคิลไม่ค่อยตอบอะไร สาธุคุณแจ๊คสันถามต่อถึงรายละเอียดของสิ่งที่อยู่ใน Sony/ATV Music Catalogue แต่ไมเคิลก็พยายามเลี่ยงไม่ตอบเช่นกัน ในขณะที่สาธุคุณแจ๊คสันพยายามถามเกี่ยวกับปัญหาระหว่างไมเคิลกับโซนี่นั้น ไมเคิลดูหวาดกลัวที่จะเอ่ยถึงเรื่องนื้อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อถูกถามต่อถึงการต่อสู้ยื้อแย่ง Sony Catalog นั้น ไมเคิลก็ตอบอย่างระมัดระวังมากและนี่คือสิ่งที่เขาพูดออกมาเกี่ยวกับ Sony/ATV catalogue: “มันมีค่ามากมายมหาศาล และกำลังมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน ณ ขณะที่เรากำลังพูดกันอยู่นี้เลย มีการสมรู้ร่วมคิดมากมาย ผมจะพูดเพียงเท่านี้” จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:19:09

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ไม่ว่าในความเป็นจริงจะมีใครจากโซนี่กำลังสมรู้ร่วมคิดกันทำลายไมเคิลอยู่รึเปล่านั้น (ซึ่งก็ไม่ได้มีหลักฐานใดๆยืนยัน) นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลสำหรับ ทอม เมสเซอโรว สิ่งที่เมสเซอโรวมั่นใจตลอดระยะเวลาการทำคดีนี้ก็คือเขาต้องผจญกับกลุ่มคนหลายกลุ่มที่สมรู้ร่วมคิดกันทำลายภาพลักษณ์ของไมเคิล แจ๊คสัน บุคลลเหล่านี้เมสเซอโรวจะสามารถพิสูจน์ได้ในภายหลังว่าต้องการชื่อเสียงและเงินทอง โดยอาศัยไมเคิล แจ๊คสันเป็นเครื่องมือ เมสเซอโรวตัดสินใจต่อสู้กับทอม สเนดดอนและทีมอัยการ และเขาป็นคนแรกที่มองเห็นเบื้องหลังของเกมนี้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าคดีนี้ทั้งคดีเป็นการสมรู้ร่วมคิด ตั้งแต่ครอบครัวของผู้กล่าวหาที่ปฏิบัติตัวและแสดงออกไปในทางเดียวกันกับอัยการสเนดดอน ไปจนถึงสื่อบางคนที่วางแผนมาอย่างดีที่จะทำลายแจ๊คสัน ทนายความเมสเซอโรว ผู้ซึ่งมือชื่อเสียงด้านสิทธิพลเมืองในชุมชนของชาวอเมริกันผิวสีมานาน กล่าวว่าหลังจากที่เขาศึกษาหลักฐานและข้อมูลต่างๆของคดีนี้ เขาก็สามารถหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ในทันที “เอาง่ายๆเลยก็คือ พวกสื่อพยายามที่จะบอกว่า “พวกคุณไม่มีทางชนะคดีนี้หรอก ไม่มีหวัง” แต่จริงๆแล้วผมไม่สนใจ หรอกว่าพวกเขาจะพูดว่าอะไร ผมมุ่งไปที่หลักฐานอย่างที่ผมทำมาตลอด และผมก็ทำความรู้จักกับลูกความ ผมเชื่อเลยว่านี่เป็นคดีที่เราสามารถชนะได้ และผมก็เชื่อมั่นว่าเราจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมใน ซานต้า มาเรีย” เจ้าหน้าที่รัฐไม่เชื่อว่าจะผู้คนส่วนมากในซานต้า มาเรียจะมองไมเคิล แจ๊คสันในทางที่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีบางคนชุมชนนี้กล่าวกับเมสเซอโรวว่า พวกเขารู้สึกว่าทอม สเนดดอน มีความอาฆาตพยาบาทอย่างร้ายแรงต่อแจ๊คสันถึงแม้ว่าสเนดดอนจะปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาตลอดก็ตาม ผู้อยู่อาศัยในซานต้า มาเรียคิดว่าแจ๊คสันเป็นทรัพย์สินอันมีค่าต่อชุมชนและพวกเขาก็รู้สึกเห็นใจแจ๊คสัน แต่ตราบใดที่กล้องไม่ถูกอนุญาตในห้องพิจารณาคดี และการรายงานข่าวอย่างมีอคติเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สาธารณชนจะรับรู้ความเป็นไปในคดีนี้ได้นั้น การละเลงข่าวเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้นเลยจริงๆ จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:21:17

ความคิดเห็นที่ 10 คดีนี้มีพยานที่ขึ้นให้การทั้งหมด 135 ปาก พยานเหล่านี้มีตั้งแต่ เพื่อนเด็กๆไปจนถึงดาราหนัง ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน CSI ไปจนถึงผู้ตรวจสอบทุจริตบัญชี แค่จำนวนผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆและเหล่าลูกจ้างที่ขึ้นให้การก็น่าตกใจแล้ว มีการใช้เงินมากมายเพื่อตรวจสอบชีวิตของไมเคิล แจ๊คสันราวกับจับแมลงมาส่องดูโดยกล้องจุลทรรศน์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเป็นเจ้าของถูกตั้งคำถาม ไม่ว่าจะเป็นหนังสือทุกเล่ม งานศิลปะทุกชิ้น ทุกอย่างในเครื่องซักผ้าของเขา ทุกอย่างถูกเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ หลังจากที่หลักฐานทั้งหมดถูกเปิดเผย ผู้คนได้ข้อสรุปว่าไมเคิลนั้นแตกต่าง เขาใช้ชีวิตในแบบที่ไม่มีใครคาดฝันว่ามันจะเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น คนได้เห็นว่าแจ๊คสันอยู่ในโลกแห่งความฝันที่เขาสร้างขึ้นมา มันคือโลกที่การเป็นเด็กคือส่วนหนึ่งของการเป็นไมเคิล คณะลูกขุนได้เรียนรู้ว่าไมเคิลไว้ใจคนมากเกินไป เรื่องที่ทำให้เหล่าลูกขุนอึ้งไปตามๆกันก็คือ ไมเคิลเซนต์มอบอำนาจของเขาให้กับที่ปรึกษาชาวเยอรมัน โดยที่ไม่ได้เข้าใจผลกระทบของการตัดสินใจแบบเด็กๆของเขาที่จะตามมาเลย สำหรับโลกภายนอก การรายงานข่าวทำให้คนเชื่อว่า Neverland เต็มไปด้วยสิ่งมืดมนต่างๆที่จะหลอกล่อเด็กๆเข้า แต่ภายในห้องพิจารณาคดีซึ่งเป็นที่ที่ทุกอย่างมีความหมายอย่างแท้จริงนั้น บรรดาภาพนิ่งและวีดิโอต่างๆที่แจ๊คสันถ่ายเก็บไว้เป็นส่วนตัว สามารถทำให้คณะลูกขุนเชื่อได้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ จบ Chapter 2 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:21:54

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากๆค่ะ คุณ PK จากคุณ : Poy_Kun เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 15:48:05

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากๆครับ ลิ้งค์บทก่อนหน้านี้ครับ [กระทู้แปล] คำนำหนังสือ Michael Jackson Conspiracy โดยคุณ PK http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C8751266/C8751266.html (กระทู้คำแปล) บทนำจากหนังสือ MJ Conspiracy เขียนโดย ทอม เมสเซอโรว ทนายความของ MJ{แตกประเด็นจาก C8751266} http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C8759484/C8759484.html คำแปล Michael Jackson Conspiracy (MJC) - Chapter 1 "ABC...It's easy" http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C8766255/C8766255.html อย่าลืมกดเข้าคลังกระทู้และกดโหวตด้วยนะครับ บทความดีๆเยี่ยมๆแบบนี้ ^^ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 53 16:52:37 จากคุณ : hoobastank เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 16:50:36

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณคุณ PK มากค่ะ >>> ออร่าของไมเคิล แจ๊คสัน ราชาเพลงป๊อปคนนี้ดูเหมือนมีแสงสีขาวอยู่รอบๆตัวที่ห่อหุ้มปกป้องตัวเขาออกจากเสียงอึกทึกครึกโครมด้านนอกอยู่ตลอดเวลา ช่วยน้องเป้ย้ำอีกรอบ อย่าลืมเก็บเข้าคลังกระทู้ด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : Winter Wonderland เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 17:01:15

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจากคดีนี้จบลง ทอม เมสเซอโรวยอมเปิดเผยว่า เขามีข้อมูลที่บอกว่าการที่แจ๊คสันพ้นผิดนั้นทำความเสียหายให้กับวงการสื่อเป็นพันๆล้านเหรียญ ถ้าไมเคิล แจ๊คสันเข้าคุก >>> ธุรกิจแทบลอยด์ได้เตรียมตัวไว้แล้วที่จะตั้งแคมป์รายงานข่าวต่างๆ <<< ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของแจ๊คสันในคุก ชีวิตหลังลูกกรงของเขา เพื่อนร่วมห้องขังของเขา >>> รวมไปถึงการนับถอยหลังการฆ่าตัวตายของแจ๊คสัน <<< การนำเสนอข่าวอะไรทำนองนี้ก็คงจะดำเนินต่อไป เมสเซอโรวกล่าวว่านักข่าวบางคนเตรียมตัวที่จะติดตามตารางกิจวัตรประจำวันของแจ๊คสันในคุก คนที่มาเยี่ยมแจ๊คสันในแต่ละวันก็จะสามารถทำเป็นข่าวขึ้นมาได้ แล้วก็คงจะมีข่าวลือต่างๆออกมาอีกมากมายที่ทำให้คนคิดว่า ไมเคิลเพี้ยนมากกว่าที่คนเคยคิด >>> สิ่งเหล่านี้จะทำให้หนังสือแทบลอยด์ขายได้ตลอดกาล <<< โหดร้ายกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ T-T -*- จากคุณ : Winter Wonderland เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 17:06:02

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากค่ะ คุณpk จากคุณ : บรรณาลัย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 17:42:49

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณ PK มาก ๆ ค่ะ (ไม่สามารถอ่านได้จนจบในครั้งเดียว   มันปวดใจเหลือเกิน......) จากคุณ : SIMONBIRCH เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 17:48:27

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณนะคะ ยังอ่านไม่จบ เมนท์ก่อน ^^' แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 53 18:29:44 จากคุณ : nangyoon เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 18:27:45

ความคิดเห็นที่ 18 แปะไว้ก่อนพรุ่งนี้จะมาอ่านต่อ ขอบคุณคุณมากค่ะ จากคุณ : Kz เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 18:55:40

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อน อ่าน ดู คอมเม้นท์ก่อน...แล้ว เห็นแล้ว ... เ่อ่อ  ของไปทำใจแป็บนึงเดวกลับมาใหม่นะคะ ขอขอบคุณ คุณ PK ก่อน อันดับแรกเลยนะคะ  สำหรับความตั้งใจในการทำพากย์ไทยค๊า จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 19:37:10

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณ คุณ PK ค่ะ ^ ^ จากคุณ : AC.Mindfields เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 20:09:26

ความคิดเห็นที่ 21 จริง ๆ เราแปลไปสักเกือบครึ่งละค่ะ แต่พอดีงานเข้า ทำไม่ทันจริง ๆ ขอบคุณคุณ PK นะคะ สำหรับคำแปล ว่าแต่ในหนังสือดูยาว พอแปลออกมา เหมือนไม่ยาว แหะ ๆ ขอบคุณอีกครั้งค่า จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 21:01:29

ความคิดเห็นที่ 22 มาอึ้งที่เดียวกับมูชูตุ้ม โอย... โหดร้าย น่ากลัว ป่าเถื่อนเหลือเกิน พวกสื่อเหล่านี้ยังเป็นคนอีกรึเปล่า มีความคิดเหล่านี้ได้ไง เค้าทำสิ่งเหล่านี้กับไมเคิลได้ยังไงกัน อยากจะถามพวกนี้นัก ถ้าคนที่เค้าจ้องทำข่าว เป็นคนในครอบครัวเค้า จะรู้สึกยังไง ยังจะทำเพื่อเงินอีมั้ย จะมีความรู้สึกกันรึเปล่า T_T . ขอบคุณคุณ PK มากค่ะ จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 21:10:29

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าลืมเก็บเข้าคลังด้วยนะจ๊ะ ราษฎรเนเวอร์แลนด์ที่น่ารัก จากคุณ : จั่นเจาจ้าา (RockwithU) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 21:14:44

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ SIMONBIRCH เราเข้าความรู้สึกนี้มากๆค่ะ แต่ฝึกไว้ค่ะฝึกไว้ เพราะ chapter ต่อๆไปยิ่งกว่านี้อีกค่ะ -_-! คุณแอร์ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ เราเพิ่งกลับมาเมื่อวานแล้วเห็นว่าคุณแอร์ไม่ได้ตอบ comment เราในกระทู้ก่อน ก็เลยเริ่มแปล chapter 2 ไปเลยไม่ได้ถามก่อน ขอโทษค่ะ =( จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 21:36:49

ความคิดเห็นที่ 25 โอย ไม่ต้องขอโทษเลยค่า คุณ PK เราก็คิด ๆ ว่าเราควรจะบอกคุณ PK ทางไหนดี ว่าเราแปลไปหน่อยหนึ่งแล้ว anyway เราอ่านไปแปลไปจริง ๆ แหละค่ะ เพราะเราเพิ่งเริ่มเปิดหนังสือ แปลให้สละสลวยนี่แอบยากจริง ๆ ขอดูบทที่สี่ก่อนนะคะ เด๋วจะบอกว่า เราจะแปลได้ทันเวลามั้ย?? งึ่บ ๆ ปอลอ: ดีใจนะคะ ที่คุณ PK แปลมาให้อ่านกัน อิอิ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 22:08:56

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ PK .... บอกตรง ๆ ตอนอ่านนี่มัน ปวดหัวใจจริง ๆ เป็นอาการอย่างนั้นเลย ยังคิดเลยว่า ถ้าคุณ PK แปลต่อ เราจะอ่านไหวมั้ย อีกทั้งหนังสือที่สั่งซื้อกับ asia books ไว้ ว่าจะไม่อ่านดีกว่ามั้ย ถ้าไม่มีหัวใจที่เข้มแข็งพอ ใครก็ตามที่ต้องเผชิญเรื่องแบบนี้ อาจไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่นัก จากคุณ : SIMONBIRCH เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 22:09:47

ความคิดเห็นที่ 27 ตามสะดวกเลยค่ะ คุณแอร์ ^^ คุณ SIMONBIRCH บอกอีกครั้งว่าเข้าใจค่ะ คนแปลก็จิตตกไม่แพ้กัน แปลเสร็จ รีบมาแปะแล้วก็ต้องออกไปวิ่งเอาเหงื่อออกแก้เครียดกันเลยทีเดียว ว่าแต่ใครก็ได้ช่วยสอนทำกระทู้แตกประเด็นอะไรนั่นหน่อยได้ไม๊ค่ะ แล้วก็แปะรูปด้วย กระทู้ต่อๆไปจะได้เป็นระเบียบมากขึ้นแล้วก็ไม่แห้งงงงแบบนี้ หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ (อันนี้ทำเป็นนะเออ) จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 22:23:53

ความคิดเห็นที่ 28 แตกกระทู้ใช้มะคะ จากช่องใส่ข้อความที่คุณกำลังเขียนอยู่นี้ มองไปทางด้านซ้ายบน คุณจะพบกับคำว่า [ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] คลิกโลดจ้า ส่วนแปะรูป มองต่ำลงมาจากช่องเขียนข้อความเล็กน้อย จะพบกับคำว่า ไฟล์ประกอบ ถ้าจะแปะรูปให้ใช้คำว่า โพสไฟล์ประกอบ แต่ถ้าจะแปะคลิป ก็กดลูกศรลง ละเลือกเป็นโพสคลิปประกอบ เท่านี้เลยจ้า ถ้าหาไม่เจอ รบกวนบอกด้วยนะคะ เด๋วมาสอนอีกที อิอิ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 22:41:08

ความคิดเห็นที่ 29   แต๊ะไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวมาอ่าน ... ขอบคุณทั้งคุณ PK และแอร์รี่มาก ๆ นะคะ ที่สละเวลามาแปลให้อ่านกัน ^^ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 23:03:34

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณ คุณ PK มากๆเลยค่ะ (กิ๊ฟหมดแล้วง่ะ) อ่านแล้วปวดใจมาก โหดร้ายมากๆ สงสารไมเคิลจับใจ ท่านเปาคะ....รับคุณ PK ไปทำงานในศาลไคฟงอีกมั๊ยคะ มีตำแหน่งงานว่างไหม? จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 23:56:19

ความคิดเห็นที่ 31 เคยลองแปะรูปแบบที่คุณแอร์บอกแล้วแต่มันไม่เวิร์คอ่ะ ไหนลองใหม่ เย่ได้แล้ว ขอบคุณคุณแอร์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 53 00:46:09 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 00:45:30

ความคิดเห็นที่ 32 ลงชื่อไว้ก่อนเด้วมาอ่าน ขอบคุณค่า :) จากคุณ : บวรจ้า เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 08:46:44

ความคิดเห็นที่ 33 โหดร้ายเกินไปแล้ว ไม่ไหวจริง ๆ อ่านไป ปวดใจไป ในชีวิตของไมเคิล เคยเจอคนที่รักและหวังดี จริงใจกับเขาจริง ๆ สักกี่คนกันนะ ทำไมชีวิตของเขามันถึงน่าสงสารขนาดนี้ ขอบคุณ คุณ PK ด้วยนะค่ะ สำหรับคำแปล จากคุณ : ลูกโป่งสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 14:41:45