ความคิดเห็นที่ 1 *ชิ้นงานถูกออกเเบบ วางเเผนมาอย่างดี -การออกเเบบรูปร่าง ของคน สัตว์สิ่งของ สวยงาม เป็นลักษณะอุดมคติ เหนือความเป็นจริง มีลักษณะเด่นเฉพาะ ที่ไม่เหมือนกับ ศิลปะของประเทศอื่นๆ -เนื้อหารับใช้ศาสนาของตน รูปนี้บอกเรื่องราวตอนพระพุทธเจ้า บำเพ็ญเพียร จนใกล้สำเร็จ มารซึ่งก็คือกิเลส ก็กลับฟุ๊งขึ้นมา หลังจากสงบตัวอยู่หลายภพชาติ เเต่พระพุทธองคืก็ทรงชนะมารได้ โดยการนึกถึงการกระทำกุศล ที่ผ่านมาอย่างมากมาย พระเเม่ธรณีจึงปรากฎขึ้นบีบมวยผมทำให้น้ำที่กรวดไว้ในอดีตชาตินับมา มากมายยาวนาน ออกมา พัดมารพ่ายเเพ้ไปจนหมดสิ้น จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:00:39

ความคิดเห็นที่ 2 เข้าใจเปรียบกันนะ 2 ภาพนี้อ่ะ สวยงามทั้งคู่ จากคุณ : 23 Forever เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:06:12

ความคิดเห็นที่ 3 ศิลปะพวกนี้ฝรั่งเขายกย่องกันมานานครับ คนเอเชียดันไปยกย่องตามฝรั่งกันหมด ทำให้ฝรั่งกลายเป็นของดีไปทั่วโลก ต้องรอให้ฝรั่งบางคนมายกย่องเรา้บ้าง ไม่งั้นก็คงไม่มีปากมีเสียงในเวทีโลก ทั้งที่จริง ผลงานเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย จากคุณ : AW Milan เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:17:03

ความคิดเห็นที่ 4 *เป็นภาพโกลาหล ที่มีการเอามาเปรียบเทียบ กับ ภาพวันสุดท้ายของโลก หรือ lastjudgment ของ michelangelo ได้อย่างน่าดูชม -lastjudgment เป็นภาพวันสุดท้ายของโลก พระเจ้าจะตัดสินทำลายโลก ใครเชื่อพระเจ้าก็รอดไม่เชื่อก็ตาย (เรื่อ งราวประมาณนี้ผมเองก็ไม่เเม่น เรื่องศาสนา เเต่จะกล่าวในส่วนของศิลปะเท่านั้น) จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:24:04

ความคิดเห็นที่ 5 *วันสำคัญมากๆเเละวุ่นวายมากทั้งสองฝ่าย เนื้อหาลึกซึ๊งในเเบบศาสนาของตนเอง ต่างคนต่างก็ศรัทธาเเละทำตามความเชื่อของตน จึงได้งานศิลปะล้ำค่าที่เป็นอมตะ จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:35:01

ความคิดเห็นที่ 6 *ส่วนที่เป็นจุดเด่นของภาพทั้งสอง สวยงามไปคนละเเบบ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 53 19:17:19 จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:44:53

ความคิดเห็นที่ 7   โอ้โห เข้าใจหาภาพจังเลยค่ะ ปรบมือๆ จากคุณ : YokoOno เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:28:24

ความคิดเห็นที่ 8   อืมมมม ความเหมือนในความต่าง แต่ว่างามทั้งคู่ จากคุณ : helloJOJO เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:48:33

ความคิดเห็นที่ 9 เอาตรงๆนะครับ แสงเงา? อัตราส่วน? จากคุณ : เฮียมี่ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:53:20

ความคิดเห็นที่ 10   ^ ^ เอ่อ .. คุณเฮียมี่.. ครับ .. คือศิลปะแบบนี้เค้าไม่ได้เน้นเรื่องแสงเงา เรื่องอัตราส่วนหรอกนะครับ.. ศิลปะไม่จำเป็นต้องเป๊ะๆ นะครับ มันขึ้นอยู่กับความมีศิลปะของศิลปินผู้วาด และสุดท้าย มันอยู่ที่ผู้ชมศิลปะจะมองศิลปะไปในทิศทางใด .. แต่อย่างว่าครับ ถ้าคนคนนั้นมองภาพๆ นึง ไม่ใช่ศิลปะ ไ่ม่เข้าใจถึงตัวผู้เขียนภาพ ภาพๆ นั้นมันก็คงไร้ค่า.. ไปโดยปริยาย จากคุณ : ร็อค นี้เพื่อเธอ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 15:20:20 A:124.121.29.26 X: TicketID:239218

ความคิดเห็นที่ 11 โอ๊ย..ถูกใจอีกแล้วคุณ VALID คร๊าบบบบ ผมไม่ปฏิเสธว่างานของศิลปินชาวตะวันตกนั้นงดงามยิ่ง ฝรั่งทั้งหลายล้วนยกย่องกันทั้งโลก แต่ดูก่อน....ฝรั่งตาน้ำข้าวทั้งหลาย พวกท่านยังดูไม่ทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะดินแดนสยาม สุวรรณภูมิของเรานั้น ยิ่งใหญ่เกินความคิดของท่านจะคิดได้ถึง นี่เป็นภาพที่ท่านยกย่องกันเหลือเกิน แต่ก็เพียงรูปเหมือน  สรีระทั่วไปของปุถุชนธรรมดา ถ้าจะเปรียบกับผลงานที่ผมถือว่า เกินความสามรถของมนุษย์ด้วยซ้ำไป สร้างสรรค์จากจินตนาการแท้ๆ ด้วยแรงขับจากความศรัทธาของศาสนา ที่หยั่งลึกแน่นแฟ้น ไม่ว่าจะลีลา ท่าทางที่ วางองค์ประกอบได้เหมาะสม อ่อนช้อย สัมพันธ์กัน เส้นไหลลื่น เห็นแล้วเกิดความเลื่อมใสน่าศรัทธายิ่งนัก พวกเราลองพิจารณาเปรียบเทียบกันดูเอาเองแล้วกัน ว่าศิลปะชิ้นไหนที่ควรน่ายกย่องที่สุดของโลก จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 17:53:49

ความคิดเห็นที่ 12 *เฮียมี่ ขอบคุณที่เปิดประเด็น -ศิลปะ คนละรูปเเบบ งานไทยเป็นงาน ดีไซน์ เหนือจริง ไทยเป็น ชาวพุทธ เน้นความจริงที่มาจากด้านใน ภาษาพระ เขาเรียกว่ามองจากตาใน เป็นอุดมคติ เป็นงานเชิง สัญลักษณ์  เน้นความคิด เเทนค่า ศัพท์ช่างโบราณชอบพูดว่า "คดให้ได้ วง ตรงให้ได้ เส้น" -งาน ไมเคิ้ลฯ เป็นงานลัทธิ เเมนเนอร์ลิสม์  เน้นสัจนิยม ชาว ยุโรปยุคนั้นเป็นยุค ฟื้นฟูสติปํญญา เน้นเหตุผล ความจริง จะวาดคน ต้องศึกษากล้ามเนื้อ ผ่าศพดูเหมือนนักศึกษาเเพทย์ เป็นวิทยาศาสตร์ เน้นสิ่งที่เห็น เเละจับต้องได้ วัตถุนิยม -สรุปง่าย ตะวันตก มองสิ่งใดๆจากตานอก ชาวพุทธ มองทุกสิ่งจากตาในหรือทิพย์จักษุ (คำนี้ คนปฎิบัติ ธรรมจะเข้าใจดี) จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 18:48:30

ความคิดเห็นที่ 13 -ภาพเเม่พระธรณี ออกเเบบมาได้ใง คิดได้ใง ศิลปะไทยสร้างสรรค์เเละอัจฉริยะมาก แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 53 19:36:19 จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 19:11:12

ความคิดเห็นที่ 14 *เปรียบเทียบกันครับ จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 19:12:38

ความคิดเห็นที่ 15 *dansivilai สายคนละเเบบ มองคนละมุม ไทยมองจากตาใน ฝรั่งเขามองจากตานอก *อันนี้ภาพเทพชุมนุม จากวัดใหญ่สุวรรณรามเเละRaphael Sanzio จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 19:34:46

ความคิดเห็นที่ 16   สำหรับผม มันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้วครับ เพราะคนละสไตล์เลย แต่ถ้าจะวัดสกิลฝีมือกันจริงๆ ยังไงมิเกลลันเจโล่ก็กินขาดสำหรับผม มันไม่ใช่แค่ความใหญ่ของชิ้นงาน มันต้องแหงนเขียนเป็นปีๆ ผสมสีเอง แถมยังเขียนหลอกตาเป็นชั้นๆ ทั้งที่มีอุปสรรคคือความลึกตื้นของตัววิหารอีก อาจเห็นไม่ตรงก็ขอโทษไว้ณที่นี้ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 20:44:58 A:117.47.158.156 X: TicketID:139200

ความคิดเห็นที่ 17 ถามผม ผมไม่คิดว่าทั้งสองชิ้นจะมีคุณค่าในทางศิลปะแม้แต่น้อย อาจมีคุณค่าเพราะเป็นโบราณวัตถุนิดหน่อย ไมเคิลแองเจโล่ โดนหลอกให้เขียนภาพเหล่านั้น ศิลปินทำงานโดยไม่ได้รักในตัวงาน เช่นเดียวกับภาพในโบสถ์ของไทย ศิลปินโดนเจ้านายเหนือหัวสั่งให้ทำ ไม่ทำตาย ไม่ได้มีความรู้สึกรักในตัวงาน หรือความผูกพันธ์ใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เป็นแค่เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อโดยศาสนาเท่านั้น เทียบได้กับหนังโฆษณาชวนเชื่อของฮิตเลอร์ มีค่าแค่นั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 53 21:32:29 จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 21:31:55

ความคิดเห็นที่ 18   ผมว่าคห.17 คิดแคบไปไหม บางคนโดนสั่งให้ทำ แต่เค้าก็รักสิ่งที่ทำนะ มันถึงออกมาเป็นภาพดีๆ ได้ ดีไม่ดี ตอนเค้า วาดเค้าอาจลืมไปแล้วว่าวาดให้คนอื่น คิดว่าอารมณ์ศิลปินก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้นั้นมากนักหรอกนะ จากคุณ : - - เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 21:42:59 A:192.168.7.109 X:58.8.238.44 TicketID:192367

ความคิดเห็นที่ 19   โดนดักสินะเรา เฮ้อ...ม้อ ม้อ จากคุณ : เดธซิทีนี้ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 22:11:34

ความคิดเห็นที่ 20 ''''  ( ได้อ่านความเห็นจากข้างบน เลยคิดได้ว่า.......)    ...โครงสร้างทางอารมณ์หล่อหลอมจากชาติพันธุ์และแหล่งกำเนิด      การชื่นชมความงามในสิ่งรอบตัว ความงามในงานศิลปะ จึงเป็นความสุนทรีย์ที่มีแรงผลักจากความเชื่อ ความศรัทธา และแฝงเร้นด้วย อคติของแต่ละบุคคล ที่ต่างกันไป           ศาสนาอาจมีมากมายก็เพื่อให้เหมาะสม    ..กับสภาวะกาลแห่งสภาพแวดล้อม สภาวะภูมิ-ธรรมชาติของสังคม       จากพื้นฐานการเอาตัวรอดในความกลัวแต่ดึกดำบรรพ์ จนกลายเป็นคำ  ที่เรียกว่าความเชื่อ ความศรัทธาในปัจจุบัน.... จากคุณ : คนซ่อมเรือ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 23:40:41

ความคิดเห็นที่ 21 สวยงามไปคนละแบบ เข้าใจเอามาเปรียบน๊ะครับ ความเหมือน ในความแตกต่าง 5555 ชอบครับชอบ  เพิ่งกลับมาจากโรงหล่อ กะจะนอนแล้วเห็นกระทู้นี้อดจะเข้ามาคุยไม่ใด้ เห็นเพื่อนสมาชิกบางท่านใด้แสดงความคิดเห็นในมุมต่างก็น่าสนใจครับ ครับคุณค่างานมันอยู่ที่ตัวของงานครับจะมีที่มาที่ไปอย่างไร คุณค่ามันอยู่ที่เกิดจากสิ่งที่ศิลปินถ่ายทอดออกมา ซึ่งมันหมายถึงประสปการณ์ทั้งชีวิติที่เขาใด้เก็บเกี่ยวมา ผ่านการฝึกฝน ด้วยใจรัก และมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิติเขาไปแล้ว  ส่วนที่มาของวิธีคิด เราไม่ว่ากัน  สำคัญคือ ถ่ายทอดออกมาใด้บรรลุเป้าหมายมั๊ย งานศิลปะไม่จำเป็นต้องมาจากตัวเองเสมอไป แต่หากจะจับเอาประเด็นไหน มาเรียงร้อยมาถ่ายทอดบอกกล่าวก็ใด้ทั้งสิ้นครับ อย่างเช่นมีคนบอกให้ผมช่วยพรรณาความงามของดอกไม้ที่อยู่ข้างหน้า ผมก็ว่าไปเป็นบทกวีที่ไพเราะ แล้วเขียนจารึกใว้ให้คนรุ่นหลังใด้อ่าน และใด้รู้จักดอกไม้ชนิดนี้   ซึ่งในยุคนั้นดอกไม้นี้อาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว กับผมเจอดอกไม้ชนิดนี้ แล้วพรรณาจารึกใว้ให้คนรุ่นหลังใด้อ่าน แต่ยังไงก็เป็นลีลาการร่ายกลอนของผมที่เป็นเอกลักษณ์ของผมอยู่ดี ถึงจะสร้าจากแรงบัลดาลใจของตน หรือมาจากการกระตุ้นของผู้อื่น ศิลปินที่ดี ก็จะต้องใช้แรงบัลดาลใจก่อนจะสร้างงานอยู่ดีครับแม้จะถูกฝืน หรือขืนให้สร้าง เขาก็ขาดแรงบัลดาลใจไม่ใด้..... หากไม่มีแรงบัลดาลใจ งานก็จะออกมาไม่ดีแน่ มันขาดพลัง และวิญญาณอย่างเห็นใด้ชัด ผลงานที่ใด้กำลังและวิณญานขนาดนี้ มันไม่ฟลุ๊กครับ (เป็นมุมของผมครับ เอาใว้พิจารณา อาจจะไม่อิงหลักวิชาการแต่จากใจครับ) ผิดถูกอย่างไร อันนี้ผมไม่รู้ครับ  สุดแท้แต่ นิยามของคำว่าศิลปะของแต่ละคนครับ แต่อย่างน้อย ผลงานเหล่นี้ทำให้โลกมีสีสันขึ้นเยอะเลยครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 01:50:32 จากคุณ : ยุทธกิจART เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 01:42:05

ความคิดเห็นที่ 22 คห.17 ครับ ผมไม่ทราบได้ว่า แองเจโล่ถูกหลอกรึปล่าว แต่คนไทยเรานั้น ศิลปินที่ได้รับมอบหมายวาดผนังโบสถ์ จะทำงานด้วยความเต็มใจ อิ่มใจ เพราะถือว่าได้ทำงานบุญ เพื่อศาสนาอย่างแท้จริง มิฉะนั้น คนที่ถูกบังคับคงไม่สามารถสร้างสรรค์งานได้อย่าเลอเลิศขนาดนั้น และในสายเลือดของศิลปินแล้ว อยากแสดงความสามารถ ฝีมือ ให้ประจักษ์อยู่แล้วครับ .......ความมีคุณค่า..... คนที่มีศิลปะในหัวใจเท่านั้นที่รู้ดี จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:24:21

ความคิดเห็นที่ 23 #17 คนที่ได้ทำ เพราะเขามีโอกาสทำหรือเปล่าครับ คนที่ทำได้ ต้องมีใจรักในงาน จนมีฝีมือ จนเจ้านาย ให้โอกาสเข้ามาทำงานสำคัญ ผมคิดว่าแบบนั้นนะ จากคุณ : AW Milan เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:40:24

ความคิดเห็นที่ 24 มิเกล มาวาดภาพที่โบสถ์นี่ก็เพราะศาสนจักรแหกตาว่าจะซ่อมรูปปั้นดาวิดให้ มิเกลวาดรูปเสร็จแล้ว แต่ภาพพระเจ้าออกมาในรูปลักษณ์สวยงามใจดี อ่อนโยน พวกพระมาเห็นเข้าก็สั่งลบออกหมด แล้วก็ให้วาดรูปอาโนลด์ คนเหล็กนี่ขึ้นมาแทน คุณว่าความรู้สึกของ ศิลปินจะเป็นยังไงล่ะ ส่วนงานในโบสถ์ของไทย เราทำในยุคสมบูรณาญาฯ ไม่มีใครอิ่มเอมใจบ้าบออะไรกับยุคนี้ล่ะครับ แค่เอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ก็แย่แล้ว สังเกตุว่าภาพลายไทยส่วนใหญ่ไร้ความรู้สึก ไม่มีจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรเลย เน้นความเหมือน ใครทำอะไรต่างไปจากนี้ผิด ไม่ดี Graffiti ของพวกเด็กแร็ปยังมีคุณค่ากว่าเลย แต่อย่าง 2 ภาพตัวอย่างนี้ก็แค่คนมีฝีมือถูกบังคับ จ้างวาน ชี้นำให้ทำในสิ่งใดสิ่งนึงที่ตัวเองถนัดแต่ไม่ได้สนใจแค่นั้น ยกตัวอย่าง คน 2 คน เขียนกากบาทลงไปบนผ้าใบ เหมือนกันเป๊ะ คนนึงเขียนเพราะมีอารมณ์โกรธ เกลียดอะไรสักอย่าง ต้องการระบายออกมาให้คนรับรู้ กะอีกคนเขียนเพราะผมจ้างให้เขียน 20 บาท งานของคนแรกเป็นศิลปะ คนหลังแค่ผ้าใบเปื้อนสีที่ผมจ้างให้ทำแค่นั้นแหละ จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:44:31

ความคิดเห็นที่ 25 *เอาเหอะ จะคิดอย่างใรก็ไม่ผิดหรอก เคารพในความคิดเห็นครับ  คห.24 ไม่ชอบก็ไม่เป็นใร ศิลปะก็เเล้วเเต่ส่วนบุคคล รสนิยม ที่เเตกต่าง เหมือนกินอาหาร ก็ยังชอบรสชาติไม่เหมือนกันเลย ดีเเล้วที่ มาคุยกัน คนอ่านก็ได้คิดตาม ขอบคุณครับ -เพิ่มเติมอีกนิด ส่วนตัว เวลาดูงานศิลปะ ผมดูที่ชิ้นงานตรงหน้า ดูผลของงานที่ออกมากระทบอารมณ์ความรู้สึก ตรงนั้นๆเลย ไม่ได้สนใจเบื้องหลัง เบื้องลึก นิยายปรัมปรา อะใรเทือกนั้นหรอก "ดูงานศิลปะจิตรกรรม  ให้ดูด้วยตา อย่าดูด้วยหู(ฟังเขาเล่ามา)" แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 10:11:21 จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:04:27

ความคิดเห็นที่ 26   โอ๊ะโอ.. ใจเย็นๆกันนะคะ จากคุณ : YokoOno เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:18:02

ความคิดเห็นที่ 27 *เพิ่มเติมอีกภาพ รูปปั้นพระพุทธรูปองค์นี้ จนทุกวันนี้ยังไม่มีใครปั้น ได้สวยเท่า ฝีมือปานเทพยดา รังสรรค์ จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:18:17

ความคิดเห็นที่ 28 แวะมาชมครับ ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่มีความเห็นใด ๆ ...ก็ชื่นชอบสำหรับการเปรียบเทียบ ผลงาน เป็น สิ่งใหม่ ที่บางคนยังไม่รู้ครับ จากคุณ : nai-nu-19 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:22:41

ความคิดเห็นที่ 29 * สวยคนละเเบบ "ดูงานทัศนศิลป์  ให้ใช้ตาดู อย่าใช้หูดู" ซ้าย พระพุทธชินราช / ขวา the piata ของ michelangelo   แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 10:31:41 จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:27:15

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ Valid ครับของบางอย่างตามองไม่เห็นครับ ถ้าได้รับรู้เรื่องราวของมันบ้างก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ? และจริง ๆ แล้วมิเกลอันเจโล่ ไม่ได้ถนัดวาดภาพด้วย เค้าเก่งเรื่องประติมากรรมมากกว่า จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:27:34

ความคิดเห็นที่ 31 *ครับรู้เรื่องราวก็ดีกว่า ก็สนุกดี เเต่ จริงหรือเปล่า เรารู้หรือ เเต่ที่เป็นจริงมันอยู่ ตรงหน้า สิ่งที่เรากำลังดูอยู่ต่างหาก *ขอบคุณรูปภาพกำลังหาพอดี จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:34:36

ความคิดเห็นที่ 32 *อีกรูป สุดท้ายครับ ดูเอาเอง ช่างไทยสมัยสุโขทัย ศิลปะสูงสุดมาก หารูปมุมตรงไม่ได้ครับ ไม่อย่างนั้นสวยกว่านี้อีก จากคุณ : VALID เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:15:23

ความคิดเห็นที่ 33   ขออนุญาตนะคะ คห.24 ความอิ่มเอมใจของคนมันไม่เหมือนกันนะ ยิ่งคนสมัยก่อนทำงานศิลป์เกี่ยวกับพุทธศาสนาไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เป็นเรื่องความศรัทธาเสียมากกว่า ทำแล้วได้บุญมาก ส่งผลสูงสุดไปถึงชาติหน้า ความศรัทธาต่อศาสนาของคนสมัยก่อน คนสมัยนี้คงน้อยคนจะเข้าใจ เพราะเดี๋ยวนี้ก็อย่างที่เห็นๆอยู่  (ขนาดตัวเองลึกๆยังไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายเลย) สิ่งที่เคยสงสัยมานานก็คือ ศิลปินที่รับจ้างวาดรูปเนี่ย เขามีอารมณ์ความรู้สึกต่อรูปที่กำลังวาดอยู่ยังไง อย่างถ้าเราวาดสิ่งที่เรารัก แน่นอนว่า ทุกเส้นสายคือการถ่ายทอดอารมณ์ ทุกขณะเต็มไปด้วยความรู้สึก สิ่งที่ได้คืองานที่อาจไม่สวยในสายตาคนอื่น แต่ใครเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เงินก็ซื้อไม่ได้ แต่ผลงานของมืออาชีพ หลายท่าน ที่วาดรูปตามสั่งแลกเงิน ผลงานของท่านเหล่านี้ นอกจากความเหมือนแล้ว ก็ยังให้อารมณ์ที่แตกต่างจากรูปถ่ายอีกด้วย นั่นคือเขารักการวาดรูป ก็เลยรักในสิ่งที่วาด ไม่ใช่เพียงวาดในสิ่งที่รักเท่านั้น สำหรับเรา เชื่อว่า ฝีมืออย่างเดียว สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาไม่ได้นะ ใจต้องรักด้วย มิเกลอาจถูกบังคับให้รับงานนี้ แต่มิเกลไม่ได้ถูกบังคับให้ทำงานนี้แน่นอน ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบ ไม่มีความเห็นค่ะ สวยงามทั้งคู่ แต่ถ้าเทียบเรื่องจินตนาการอันล้ำลึก ไม่รู้เราลำเอียงหรือเปล่า เราว่าศิลปะไทยของเราเหนือกว่านะ แหะๆ ขอบคุณ คุณ VALID มากค่ะ กระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้แนะนำห้องเฉลิมกรุงอีกกระทู้หนึ่งนะคะ อยากโหวตได้จัง แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 13:26:01 จากคุณ : Better Off เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 13:21:30

ความคิดเห็นที่ 34 โดยธรรมชาติแล้ว คนปั้นงานเก่งๆ ต้องมีพื้นฐานการวาดหรือ Drawing เก่งด้วย สมัยเรียนอาจารย์ก็พยายามเน้นตรงนี้ตลอด ผมเป็นคนศิษฐ์มีอาจารย์ ก็เลยพยายามปฏิบัติตามที่อาจารย์สอน และก็เห็นเพื่อนที่แยกไปเรียนปั้นโดยตรงก็ล้วนแล้วแต่ Drawing เก่งๆทั้งนั้นครับ จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:03:41

ความคิดเห็นที่ 35 ในมุมมองของผม ความสวยงามของศิลปะมันเป็นเรื่องของมุมมอง คนมองงานชิ้นเดียวกันยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยๆก็ยังมีคนไทยที่มองเห็นศิลปะไทย ที่ทรงคุณค่า ในสายตาของคนไทยเอง ความสวยงามหรือฝึมือฝรั่งอาจจะไม่ได้ยกย่องศิลปะของไทย แต่สิ่งสำคัญ คนไทยควรจะยกย่องศิลปะของไทยมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 16:09:21 จากคุณ : จำใจต้องเลือกข้าง เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 16:08:03

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นรูป #30 แล้วอึ้งมากๆ... เหมือนรูปวาดที่มีมิติเลยอ่ะ จากคุณ : Dr.Pepper เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 20:20:02

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ ผ้าเป็นผ้าเลย จากคุณ : เมก้าซาวะหมายเลข154 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 22:44:19

ความคิดเห็นที่ 38 ขออนุญาตเห็นแย้งกับหลายๆ คห. นะครับ ผมรู้สึกว่าการนำภาพสองแบบนี้มาเปรียบเทียบกันว่าใครจะเหนือจะด้อยกว่า ใครนั้นเป็นแนวคิดที่ผิดมหันต์เลยครับ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะทัศนคติ กับจุดประสงค์ของแนวคิดของตัวศิลปินแทบจะไปกันคนละทางเลย ในยุโรปยุคของมิเกลันเจโลนั้น เริ่มมีแนวคิดถึงศักยภาพในตัวมนุษย์ ความ งามของร่างกายมนุษย์ถูกนำไปเทียบเคียงว่างามเหมือนเช่นร่างของพระเจ้า ในขณะที่งานจิตรกรรมของไทยยกศาสนาขึ้นไปสู่โลกเหนือมนุษย์ มันจึง ต้องงามแบบอรชรอ้อนแอ้นในลักษณะที่ไม่อาจเห็นจริงได้บนโลกนี้ (เช่นรูป ในคห.ที่ 11) พูดง่ายๆ ก็คือในขณะที่ของตะวันตกอยู่ในยุคเอาโลกสวรรค์ มาตีความให้งามเยี่ยงโลกมนุษย์ (รูป The Birth of Venus จึงต้องหนาตัน ไม่พริ้วเช่นนั้นแล) ฝ่ายไทยเรากลับยกศาสนาพุทธที่มีประวัติเป็นสัจนิยม มาก ให้ลอยสูงไปอยู่ชั้นฟ้า เป็นความงามแบบตัวอ่อนพริ้ว วิจิตรจนละเอียด เห็นได้ชัดอีกในรูปคห.ที่ 29 ที่คุณเอามาเปรียบเทียบนั่นแหละ พระพุทธรูป ของไทยมีความสงบสุขแบบอิ่มบุญในพระพักตร์ รูป pieta กลับถ่ายทอด ความรู้สึกเศร้าโศกสมจริงผ่านทางสัดส่วนแท้ของมนุษย์และรอยย่นของผ้า จนคนที่เห็นเกิดความรู้สึกร่วม ในเมื่อจุดประสงค์ของงานสองฝ่ายแยกกันไปคนละด้านโดยสิ้นเชิงขนาดนี้ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำมันมาเปรียบเทียบว่าฝ่ายไหน "เก่ง" กว่าฝ่าย ไหน จริงไหมครับ ต่อมา ผมขอแย้งคห.ของคุณ Mmmm ครับ ศิลปินในยุคก่อนเขามองงานออกมาเป็นทัศนะแบบ Art for art sake นะฮะ จะเรียกว่าเป็นช่างฝีมือก็อาจจะได้อยู่ เพราะศิลปินมีชีวิตได้ด้วยการสนับ สนุนของวัง, วัด หรือคฤหาสถ์ ไอ้การจะมารู้สึกว่าถูกบังคับอะไรเนี่ย มันคง ไม่หรอกมังฮะ ถ้าจะมีก็คงน้อยมากจนไม่มารบกวนงาน สิ่งที่เรามายึดถือว่า ศิลปินที่แท้ต้องแสดงตัวตนอันชัดเจนออกมาในงานนั้นล้วนแล้วแต่เป็น ทัศนคติที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในโลกยุคโมเดิร์นนี่เอง ฉะนั้น ผมว่าเราจะเอาแนวคิด ประเภทศิลปินต้องมี "เจตจำนงเสรี" "วิญญาณศิลปิน" หรือ "ปัจเจกชน" อย่างในยุคนี้ไปตัดสินคนยุคก่อนหน้าที่โลกจะรู้จักหรือเห็นคุณค่าของสิ่ง เหล่านี้ มันก็ออกจะไม่ยุติธรรมอยู่นะครับ สรุปตามความคิดของผมก็คือ มันก็ดีทั้งคู่แหละครับ งามกันคนละแบบ เหมือนถามว่านุ่นวรนุชกับโมนิกา เบลลุชชี่ใครสวยกว่ากัน ผมชอบทั้งคู่เลยครับ.... จากคุณ : CATHEXIS เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 23:28:33

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ได้มีความรู้เรื่องศิลปะเลย แต่ชอบดู ไม่ว่าจะศิลปะของชาติไหน หรือวัฒนธรรมไหน คิดว่ามันมีความงดงามในตัวเองอยู่แล้ว ตามวิถีของวัฒนธรรมนั้น คงเปรียบเทียบว่าใครสวยกว่า ดีกว่า คงไม่ได้ สรุป...ชอบทั้งคู่ จากคุณ : Patparatcha เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 23:33:54

ความคิดเห็นที่ 40   ถ้าพูดถึงความสวยงามยังไงก็รู้สึกว่า Michelangelo สวยกว่าหลายขุม จากคุณ : หึบ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 03:38:05

ความคิดเห็นที่ 41 มีแต่งานด้านศาสนานะครับทางไทย ไม่ค่อยเห็นงานเกี่ยวกับความงามของมนุษย์เองเท่าไหร่ เราเลยไม่ค่อยมองว่างานปั้นหรืองานวาดมันสวยหรือไม่สวยรึเปล่า เพราะเราไปติดกับความรู้สึกทางศาสนาเลยไม่วิจารณ์ ลองมองดูในแง่ศิลปะผมคิดว่ามันงดงามมากๆเลย เพิ่งมาเห็นก็วันนี้หละ จากคุณ : นักพเนจร เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 06:49:29

ความคิดเห็นที่ 42 ....ไม่แคร์ ว่าฝรั่ง จะชื่นชมศิลปะของเรา มากแค่ไหน ...............เพราะภูมิใจ  ในศิลปะโดยเฉพาะ จิตรกรรมฝาผนัง ของบ้านเราที่สุด ..ของเขา  อาจมีดีที่สีสัน  ที่เขาสามารถ ทำสีได้สวยในยุคสมัยนั้น ในขณะที่สีของเรา ทำได้แค่นั้น ........เลยไม่คิดจะเอามาเปรียบเทียบกัน  เพราะต่างกรรมต่างวาระและเรื่องราว ......เหมือนเอา แอปเปิ้ล  มาเปรียบเทียบกับ กล้วยหอม  ว่าอะไรอร่อยกว่ากัน จากคุณ : ตะวันกับดวงดาว เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 08:35:13

ความคิดเห็นที่ 43   สวยไปคนละแบบ แต่ถามว่าชอบอันไหนมากกว่า ก็จะบอกว่าของไมเคิล แองเจโล่ สวยกว่ามากๆ จากคุณ : yatiko เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 08:47:28

ความคิดเห็นที่ 44   คนละสไตล์วัดกันไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเอาตามความรู้สึกบ้านๆมองแบบไม่คิดไรมาก มิเกลันเจโลงานดูมีมิติ ดูสวย และน่าสนใจกว่า จากคุณ : helloJOJO เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:01:56

ความคิดเห็นที่ 45 งานไมเคิล แองเจโล "ทำได้ยังไง" ศิลปไทย "คิดได้ยังไง" เป็นงานศิลปที่ีงดงามทั้งคู่  อยู่ที่คนมองจะชื่นชมแบบไหนมากกว่ากัน แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 09:25:02 จากคุณ : น้องเงิน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:10:30

ความคิดเห็นที่ 46 งี้แหละคนไทย ชอบคิดว่าฝรั่งมันดีมันเลิศ ไอ้ชมกันเองอะไม่ยอมรับหรอก ต้องรอให้ฝรั่งมันมาบอกว่าของเราดี  อย่าไปเชื่อฝรั่งมันมากนัก จากคุณ : จูนอูยอง (june_ju) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:11:30

ความคิดเห็นที่ 47 เราไม่มีความรู้เรื่องศิลปะนอกจากสิ่งที่เรียนในชั้นประถม-มัธยมค่ะ ความคิดเห็นของเราจึงเป็นเสียงสะท้อนจากคนธรรมดาทั่วไป เรามักยกย่องความงามของงานศิลปะไทยเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับงานศิลปะในแถบเอเชียด้วยกัน ผลงานของบรรพบุรุษไทยไม่แพ้ชาติไหนในแถบนี้ งานมีรายละเอียดของภาพที่วิจิตรตระการตา แสดงให้เห็นถึงความมุมานะ พยายามของศิลปินผู้วาด แต่ครั้งนึง เรามีโอกาสไปวาติกัน สารภาพว่าปกติไม่ใช่คนมีความสนใจในศิลปะ แต่เมื่อได้เงยหน้าขึ้นสบกับภาพของ Michelangelo เรารู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดไปขณะหนึ่ง ตกตะลึงกับความงามที่ได้เห็น ก่อนจะรู้สึกอิ่มเอมกับความรู้สึก ส่วนผลงาน Pieta ในภาพ 30 ตอนยืนดูของจริง บรรยากาศรอบตัวหดหู่อย่างบอกไม่ถูก คงเพราะพระแม่มารีถ่ายทอดความรู้สึกเศร้าโศกที่เห็นสภาพพระเยซูผู้เป็นบุตรหลังถูกทรมานให้กับเรา เราว่าอารมณ์ที่คนธรรมดาอย่างเราสัมผัสได้จากผลงานอายุกว่า 400 ปีของ Michelangelo เป็นตัววัดได้ระดับนึงว่าทำไมคนทั่วโลกจึงยกย่องศิลปินผู้นี้ ผลงานของ Michelangelo ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ศิลปินทิ้งไว้แม้เวลาผ่านไปหลายร้อยปี **เพิ่มเติม** เราเป็นคนไทยที่ยกย่องศิลปะของชาติไทย หากแต่เสนอมุมมองของเราที่ยอมรับผลงานและความสามารถของ Michelangelo ค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 09:55:15 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 09:55:11 จากคุณ : Nusantara เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:50:53

ความคิดเห็นที่ 48 สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในงานทั้ง 2 คือ "การเก็บรักษา" น่าเสียดายงานดีดีนะครับ enjoy your day จากคุณ : Holden Caulfield เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:49:46

ความคิดเห็นที่ 49   จะบอกว่าใคร "เก่ง" กว่าใครนี้พูดยากค่ะ แม้กระทั่งผู้วาดเองก็คงตอบไม่ได้ว่าใครเก่งกว่า งานทั้งสองชิ้นสะท้อนแนวคิดออกมาคนละแบบ ถึงจะเป็นศาสนาเหมือนกันแต่ก็ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ ต่างสุนทรียอารมณ์ ของไทยเน้นประณีตอ่อนช้อย งดงาม การตวัดลายเส้น  ของมิเกลันเจโลเน้นทางความงามของสรีระและความสมจริงมากกว่า เหมือนจับผู้หญิงไทยหนึ่งคน ตะวันตกหนึ่งคนมายืนข้างกันแล้วถามผู้ชายไทยหนึ่งคน ตะวันตกหนึ่งคนว่าใครสวยกว่ากัน  คำตอบที่ได้ย่อมแตกต่างกันเพราะความชอบ ทัศนคติ และค่านิยมนั้นต่างกัน โดยส่วนตัวแล้วเราชอบลายเส้นไทยค่ะ แต่ในด้านของความจรรโลงใจเราชอบของมิเกลันเจโลมากกว่า จากคุณ : มะม๊าหนูชเว เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:53:40

ความคิดเห็นที่ 50 เราไม่เห็นด้วยกับคูหา 17 นะคะ อย่างที่หลายๆ คนบอก ทางของฝรั่งเราไม่รู้ แต่ทางคนไทย ช่างเขียนในสมัยก่อนเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่อง และน่าภาคภูมิใจ เพราะได้ทำงานด้วยศรัทธา เราไม่ได้ปฏิเสธเรื่อง... ศิลปะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งขแงชนชั้นปกครอง นะ เราว่าจริง แต่ในบริบทสังคมไทย เรื่องนี้ไม่ใช่ จากคุณ : วนัสนันท์ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 13:04:15

ความคิดเห็นที่ 51 เนื่องจากไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก แต่มีคำถามนึงเกิดขึ้นในใจคือ เรารู้ว่าภาพเขียนหรืองานประติมากรรมใดเป็นของช่างฝีมือผู้ใดในทางตะวันตก ซึ่งในที่นี้งานที่ยกตัวอย่างคืองานของมิเคลันเจโล แต่สำหรับงานของช่างไทย เราไม่สามารถทราบได้ว่าช่างฝีมือผู้นั้นมีนามใด นี่คือความแตกต่างของการ"ยกย่อง" ช่างฝีมือหรือเปล่าคะ และในสมัยก่อนนั้นเรา "ยกย่อง"ช่างฝีมือไทยจริงหรือ? จากคุณ : perfect blue เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 13:16:49

ความคิดเห็นที่ 52   ประเทศเราเลยได้แต่เป้นเมืองขึ้นคนอื่นเขา  ทั้งศาสตร์และศิลป์  เหอๆๆ อิฉันเป็นคนนึงที่ชื่นชอบ Michael Angelo    อาจจะเป้นเพราะภาพที่สื่อออกมา  มันเสมือนจริง .........ในขณะที่ของไทย เหมือนจะใช้จินตนาการมากไปหน่อยมั้ง จากคุณ : PaNok@WanDeRer เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 13:58:55

ความคิดเห็นที่ 53 ภาพแรกมาจากวัดไหน ช่วยบอกด้วยได้ไหมคะ เห็นหลายคนเถียงกัน เราเข้าใจว่ากระทู้นี้ไม่ได้ให้มาเปรียบเทียบ น่าจะเป็นให้รู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยมากกว่า ส่วนตัวแล้วชอบผลงานไมเคิลแอนเจโล ที่เป็นรูปแกะสลักมากกว่าภาพวาดแฮะ จากคุณ : weirdbird เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 14:16:59

ความคิดเห็นที่ 54 ผมชอบแองเจลโล่มากกว่าครับ จากคุณ : แฟน Muse เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 14:21:09

ความคิดเห็นที่ 55   ความคิดเห็นที่ 48     สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในงานทั้ง 2 คือ "การเก็บรักษา" น่าเสียดายงานดีดีนะครับ enjoy your day จากคุณ : Holden Caulfield     เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:49:46     โดนเต็มๆ อยากให้กิฟท์จังเลย จากคุณ : YokoOno เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 15:14:42

ความคิดเห็นที่ 56 งานศิลปะของไทยเราถ้าพูดกันในด้านความงานไม่แฟ้ของฝั่งตะวันตกแน่นอน แต่ถ้าในเรื่องของข้อมูลความเป็ฯมาเนื้อหาของภาพ มันเป็นอะไรที่เข้าถึงยากมากๆสำหรับคนทั่วไป เลยทำให้เราเสียเปรียบของต่างชาติเค้า จากคุณ : คินนิคุแมน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 15:59:27

ความคิดเห็นที่ 57   ติดตามกระทู้ที่คุณ VALID มาสองสามกระทู้ก่อนหน้านี้ มีสาระครับ เหมือนได้เปิดตำราเรียนตามเลย ถูกใจมากกับคำว่า ทิพย์จักษุ หรือ ตาใน นี่หล่ะครับ   ไม่รู้ฝรั่งตาน้ำข้าวสมัยนี้กับสมัยนู้นยังมีทัศนคติต่างกันมากน้อยเพียงใด แต่ที่แน่ๆ ผมเห็นความงามของศิลปะทั้งสองฝั่งครับ ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 16:22:11 จากคุณ : วอนเทวา เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:21:32

ความคิดเห็นที่ 58   ผมชอบงานของไมเคิลแองเจโล่มากกว่า จากคุณ : DGNblood เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:36:51

ความคิดเห็นที่ 59 ขึ้นกระท้แนะนำเฉยเลย แม่เจ้า มันจริงๆ จากคุณ : ทุ่งดุสิตาใต้ฟ้าคราม เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:57:25

ความคิดเห็นที่ 60 อคติกันหรือปล่าว... บ้าฝรั่งหรือปล่าว... ชาตินิยมหรือปล่าว... รู้กันจริงแค่ไหน... ความงามของศิลปะมันอยู่ที่ความพอใจของแต่ละบุคคล แต่ว่าจะชอบใครปลื้มใครก็แล้วแต่ ไม่เห็นจะต้องว่าที่เหลือว่าแย่กว่า สู้ไม่ได้ ไม่สวยเท่า ฯลฯ เถียงกันให้ตายก็ไม่จบหรอก เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า คิดดี พูดดี ทำดีกันเถอะพี่น้อง แล้วสังคมมันจะดีนะ จากคุณ : เอสเคป เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 18:19:51

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาดีใจ ว่ากระทู้จากห้องศิลปะ จะได้ขึ้นทู้แนะนำ กะเข้าบ้าง เย้ เย้ ทำให้นึกถึงคำพูดของ อ.ศิลป์ พีระศรี   ที่ยังอยู่จนทุกวันนี้ว่า ชีวิตสั้น  ศิลปะยืนยาว ซึ่งทำให้เราเข้าใจคำว่าศิลปะมากขึ้น  เพราะเคยได้รู้มาว่า ศิลปะที่ดีต้องไม่ตาย ต้องเป็นอำมตะ มีคนพูดถึงตลอด   ไม่ว่าจะเป็นแง่ดีหรือไม่ดี  แต่ศิลปะที่ดีที่สุดต้องสามารถทำให้คนดูแล้วเกิดปัญญา เมื่อเห็นแต่ละคอมเม็นต์ ที่มีความคิดเห็นต่างกัน ทำให้เห็นชัดขึ้นว่า ศิลปะที่ จขกท.  ยกมา ไม่มีวันตาย แม้ชีวิตของผู้ทำงานจะล่วงเลยไปแล้ว จากคุณ : Artagold เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 18:51:15

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อวานก็มาวางคอมเมนท์ทีนึงแล้ว  แต่เนทด๋อยไปก่อนเลยหายไปหมด วันนี้กลับมาดูอีกครั้งคุณCATHEXIS คหที่38 ตอบไว้ให้หมดแล้วอย่างที่คิด.. เราไม่ค่อยชอบการเปรียบเทียบศิลปะเท่าไหร่นะ  มันเป็นความพึงพอใจ และพื้นความรู้ความเข้าใจหรือประสบการณ์ที่สะสมในตัวคนดูก็มีผลอย่างมากต่อการชมภาพ อย่างภาพที่สะท้อนเรื่องราวของสงคราม ความเจ็บปวดในยุคสงคราม คงไม่มีใครเข้าใจดีเท่าคนที่เกิดยุคนั้น หรือ ภาพชนบทที่อาจเรียกน้ำตาหนุ่มสาวบ้านนอก ได้ แต่กลับเรียกความชื่นชม ตื่นตาตื่นใจในทัศนียภาพของท้องทุ่ง ในหมู่คนเมืองเป็นต้น ไม่ต้องไปถึงMichelangeloหรอก คุณว่า ภาพของคุณจ่าง  แซ่ตั้ง  อ.ถวัล ดัชนี กะอ.จักรพันธุ์   ใครวาดสวยกว่ากัน.. มันเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ..ศิลปินทุกท่านที่ยกมา  มีความสามารถในรูปแบบที่แตกต่างกัน  ก็เหมือนกันกับMichelangelo และศิลปินไร้นามที่จขกทยกมา ภาพจากอดีต  ผลงานที่ผ่านกาลเวลามาถึงมือเราในยุคปัจจุบัน  เราไม่ชอบแค่มองว่า ใครวาดสวยไม่สวย แต่เราพยายามที่จะศึกษาให้มากไปกว่านั้นถึงเรื่องราวของภาพ สภาพแวดล้อมในยุคสมัยนั้น  หรือ ประวัติศาสตร์ของภาพด้วย   มันยิ่งเพิ่มพูนโลกทัศน์ของเราให้มากขึ้น และไม่ตัดสินเพียงด้านเดียวของลูกเต๋าที่เห็น   เราชื่นชมศิลปินทุกคนหรือแม้กระทั่งมนุษย์ยุคหินที่ขีดเขียนภาพบนชะง่อนผาว่า..  เป็นครูชั้นดีของเรา ถ้าเขาไม่เริ่มเขียน  เราจะไม่ได้เรียนรู้ มีหลายเรื่องที่เห็นแย้งแต่จะออกไปทางศาสนา เราจึงขอละเว้นที่จะกล่าว   และดีใจที่กระทู้ห้องศิลปะ  ได้ขึ้นกระทู้แนะนำเสียที..^_^ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 20:11:00 จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:10:20

ความคิดเห็นที่ 63   ใช่เลย.......................... ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น จากคุณ : ม๊า เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:17:16 A:61.90.64.114 X: TicketID:247291

ความคิดเห็นที่ 64 ....เอ่อ.... ไม่อยากเม้นท์เลย.... จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:32:13

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่อ่ะ ขอไม่เห็นด้วยกับจขกท. เช่นกัน คนละแนวเลย แถมการวาดมัดกล้ามเนื้อแสดงดีเทลและสมส่วนอย่างนั้นไม่ง่ายเลย ของไทยดูมันเพื้ยนผิดส่วนไปหมด เคยมีคนอธิบายให้ฟังว่าพยายามวาดให้เป็นทิพย์ กล้ามเนื้อมีแต่เก็บปิดหมด แต่เราว่าไม่ใช่นะ เหมือนวาดเป็นการ์ตูนมากกว่า ไม่ได้ว่าของไทยไม่ดีนะ แล้วแต่คนชอบ จากคุณ : แสดงความคิดเห็นเฉยๆ นะ (อยากให้โลกนี้มีรอยยิ้ม) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:59:57

ความคิดเห็นที่ 66 โอ้ว ....pros and cons ในกระทู้นี้อ่านแล้วมันส์มากค่ะ เราเห็นด้วยกับคุณ CATHEXIS คห.ที่ 38 อย่างยิ่งเลย การเปรียบเทียบใดๆก็ตามควรจะมีฐานและจุดประสงค์เดียวกัน ไม่งั้นมันก็จะมีเหตุผลกันไปคนละทิศละทาง หาข้อสรุปไม่ได้ พูดไปพูดมามันก็เป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่ใช้อคติ(bias)นั่นเอง ในฐานะที่เราก็เป็น Humanist เราก็ว่างานของมิเกลฯดูดี อลังการ ในฐานะที่เราเกิดและเติบโตในประเทศไทย เราก็ว่างานไทยดูขลัง อลังการ ไม่ขอเปรียบเทียบและตัดสินจากตัวงานนะคะ มันพีคไปคนละแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างกันสุดขั้วเวลาดูงาน 2 ชิ้นนี้ คือบรรยากาศค่ะ งานของมิเกลฯ คุณต้องฝ่าฝูงชนครึ่งร้อย เพื่อจะเข้าไปถ่ายรูปหรือเข้าไปชื่นชม แต่งานไทยที่อยู่ในโบสถ์ อย่างมากก็มีแค่คนไม่กี่คนที่จะเข้าไปชื่นชม ดูงานเมืองนอก เห็นแล้วก็สะท้อนใจ เพราะเขามีการศึกษา มีทีมผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเข้าไปดูแลสมบัติชาติอย่างมีระบบ ในมือที่ไว้วางใจได้ ย้อนกลับมาดูบ้านเรา คนดูแลก็ไม่ชำนาญ งบประมาณกระปริบประปรอย คนมาทำก็มือไม่ถึง แล้วจะเหลืออะไร ตำแหน่งข้าราชการผู้ดูแลการบูรณะสมบัติชาติประจำกรมฯมี 2 ตำแหน่ง ต้องรับหน้าที่ดูแลโบราณสถานทั่วประเทศ แล้วที่ไหนจะพอเนี่ย!!!!! ขอนอกเรื่อง..... Ars longa, ศิลปะยืนยาว Vita brevis, ชีวิตสั้น Occasio praeceps, โอกาสมาไวไปไว Experimentum periculosum, การทดลองอันตราย Iudicium difficile. การตัดสินช่างยาก ข้อความด้านบนมีจุดเริ่มที่ไม่เกี่ยวกับวิจิตรศิลป์(fine art)เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นถ้อยสรุปใจความของการเป็นแพทย์ค่ะ เพราะคนที่พูดเป็นแพทย์กรีก อาจารย์ศิลป์เพียงแต่ยกส่วนหนึ่งมากล่าวเพื่อสื่อว่าชีวิตมนุษย์สั้น แต่สิ่งที่มนุษย์ทำ(ไม่ว่าจะเป็นการงานใดๆก็ตาม)จะอยู่ยาวและสืบต่อไปอีก เพราะ Ars-ศิลปะ หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากความพากเพียรของมนุษย์ค่ะ จะว่าไปใจความด้านบนก็ใช้ได้กับมนุษย์ทั่วไปนั่นแล จากคุณ : Rina (rinaswan) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 23:40:54

ความคิดเห็นที่ 67 อย่าว่าอะไรเลยนะ ผมชอบแบบปั้นตามอนาโตมี่มากกว่า มันดูสวยงามทางกายภาพที่แท้จริงอ่ะ จากคุณ : HamyLee เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 00:19:11

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาอีกรอบ ห้องศิลปะดังเสียแล้ว5555 แบบใหนก็มีคุณค่าไปคนละแบบ งามไปคนละแบบ ตามความชอบส่วนตัวครับ   แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน อย่างผม จบประติมากรรมมา  ผมก็มีแองเจโล เป็นต้นแบบ ต่อมาก็มาชอบ โรแดง  และชอบงานที่มีเส้นสายสวยงามของไทยเรา อย่างพระพุทธรูปในสมัยต่างๆ ยิ่งศึกษาสัมผัสก็ยิ่งทึ่งไปทั่ง ของทางยุโรปมีความสมจริงสมังทางอารมณ์ ของไทยมีความสงบและพลังแบบพุทธ(ซึ่งหากปฏิบัติธรรมแล้วจะเข้าใจถึงอารมณ์) ในงานจิตกรรมผมไม่ถึงกับชื่นชอบ ไมเคิ่ลมากนัก แต่ทึ่งในความสามารถ ของศิลปินท่านนี้   แต่ในดวงใจผมก็มี แรมบลัน นั่งเต็มหัวใจแล้ว แต่ผมก็หลงเสนห์ ในความอ่อนช้อยของเส้นสาย และ จินตนาการที่น่าทึ่ง ในจิตรกรรมไทย  มีกำลังและอำนาจในใบหน้าของยักษ์ ที่ดีไซน์ออกมาโดยศิลปิน การถ่ายทอดออกแบบใน ใบหน้าของเหล่าเทวดา ที่มีครบในอารมณ์ของ ผู้มีปิติในบุญ  ศิลปินใด้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภูมิปัญญา เทคนิค และวิถีของท้องถิ่น ม่าศึกษายิ่งนัก  มันไม่ต่างจากงานที่เป็น เซอร์เรียลลิสของฝรั่ง เหมือนงานที่ถูกตัดทอนสรรค์สร้างใด้ลงตัว เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค มีกลิ่นอายของความเป็น เอเซียเรา น่าศึกษาครับ สรุปมาทั้งหมดนี้ ผมชอบและหลงเสนห์ในงานทุกสไตล์ มันมีดีคนละแบบ ลองมองแบบกลางๆ แล้วจะเห็น แล้วจะสนุกกับมันครับ และผมก็ทดลองศึกษา และสร้างงานทุกแบบ เลยไม่เบื่อดีครับ และใด้อะไรจากการที่เราใด้ศึกษาและทดลองทำมากมาย เหมือนคนหลายใจ  แต่ก็หลงรักงานศิลปะไปแล้ว รักไปหมด ตัดใจไม่ใด้55555555 แต่เรื่องอื่น รักเดียวใจเดียวไม่โลเลครับ55555 จากคุณ : ยุทธกิจART เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 00:20:01

ความคิดเห็นที่ 69   ดูศิลปะไม่ค่อยเป็น แต่ขอบ่นหน่อยว่า "รูปซ้ายน่ะ ทำไมไม่ซ่อมเสียที" (ฮา) จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 04:06:46

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านเพลินเลยครับ หายไปหลายวันกลับมามีเรื่องราวดีๆออกมาเพียบเลย สำหรับผมอะไรก็ได้ครับ แต่รู้ว่างานทุกชื้นในโลกของศิลปินทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็น ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เขมร อินเดีย เวียดนาม หรือชาติทางตะวันตก ต่างทำด้วยทักษะที่ตนเชี่ยวชาญ ทั้งทักษะการคิดและการทำ ไม่ว่าจะถูกหลายๆอย่างกระทบหรือเป็นแรงบีบคั้นก็ตาม สำหรับคนทำงานศิลปะ เมื่อรังสรรค์แล้วเขาจะทำกันอย่างเต็มที่ โลกของคนสร้างงานจะมีแค่ งานกับคนสร้างเท่านั้นเองครับ ในขณะทำงาน ใจจะอยู่กับผลงานที่สร้างเท่านั้น วิญญานของคนสร้างงานศิลป์ ไม่ใช่นั่งลงแล้วสั่งปริ๊นได้เมื่อไหร่ล่ะครับ ดูอย่างสุสานของจักพรรค์ในเวียดนาม ศิลปินถูกบังคับให้วาด ตัวศิลปินเองก็ไม่พอใจ แต่ด้วยเป็นคนมีฝีมือดีในยุคนั้น จึงถูกบังคับมาให้วาด แต่ผลงานกลับดูสวยงามและมีชีวิตชีวา มังกร กับก้อนเมฆบนเพดานดูราวกับเคลื่อนไหวได้ ทั้งๆที่เขาเองวาดด้วยเท้าบนเพดานสุสาน(ไม่ยอมวาดด้วยมือ) และหลังจากวาดเสร็จเขาก็ถูกประหาร แต่ผลงานยังคงคุณค่าและอยู่ได้มาถึงปัจจุบัน ศิลปิน คือ ผู้สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะแบบไหนก็ตามครับ จากคุณ : ALPHA FO เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 08:42:51

ความคิดเห็นที่ 71 แหม...."อยากบอกคนทั้งลายในพันทิปว่า ห้องศิลปะของเราก็ไม่ได้ด้อยกว่าห้องอื่นๆเลยแม้แต่น้อย" ก็เป็นที่สรุปว่าใครใคร่ชอบรุปแบบอย่างไรก็ถือว่าไม่ผิดทั้งสิ้น จะมีที่มาที่ไปอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้คุณค่าของงานนั้นด้อยลงไปแม้แต่น้อย ถึงจะกัดก้อนเกลือกินเพื่องานชิ้นนั้นๆก็ตาม(ความรู้สึกกับคำว่าศิลปินใส้แห้ง ยังฝังอยู่ในสมองผม มันยังต่อสู้กันอยู่เลย) งานศิลปะมิได้วัดกันด้วยหลักคณิตศาสตร์ มันเป็นความรู้สึกทางทัศนคติ แต่เพียงว่า จขกท.ต้องการป่าวประกาศว่าให้ดูของไทยบ้างว่าเราก็มีดีเหมือนกัน การดูงานศิลปะ เราต้องแยกแยะประเภทหรือแนวงานนั้นๆออกมาก่อน ไม่ควรนำมาปะปนกัน จึงจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ ทุกความคิดเห็นเป็นอิสระ คงไม่ได้มีอัคติต่อกัน เพียงแต่ละความคิดก็พยายามอธิบาย ตามความรู้สึกและความเข้าใจของตนเอง ในโลกของศิลปะจำเป็นต้องมีขวนการเหล่านี้ประกอบกันอย่างแยกไม่ออกครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 53 09:17:25 จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 09:17:07

ความคิดเห็นที่ 72 รูปปั้นเดวิดคห.32 ปั้นบางอย่างผิดสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัด อิอิ  ^_^ ผมว่ามันเล็กไปนะเมื่อเทียบกะมาตรฐานฝรั่ง จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 10:01:20

ความคิดเห็นที่ 73 ความต่างของเวลาของภาพทั้งสองล่ะครับ? จขกท.พอจะรู้หรือเปล่า??? ว่าภาพไหนเขียนขึ้นเมื่อปีไหนบ้าง จากคุณ : monkydlufy เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 10:12:58

ความคิดเห็นที่ 74 ประเทสเราไม่ได้เป็นรองหรืออะไรใครด้านฝีมือหรอกครับ และทุกประเทศทั่วโลกก็ไม่มีใครเป็นรองเป็นต่อใครทั้งนั้นอ่ะครับ สิ่งเดียวที่เป็นรองคือทัศนคติครับ บ้านอื่นเมืองอื่นเขาไม่มานั่งเถียงกันให้เสียเวลาหรอกครับว่าของใครเหนือกว่า ผมเห็นแต่แค่พวกเราบางคนนั้นแหละครับ ทุกสิ่งมีความงามที่สร้างความสุขได้ทั้งนั้น แต่ก็ยังมีคนอุตส่าห์ไปหาว่าของคนนั้นคนนี้เจ๋งกว่า นานาจิตตังที่สุดครับของแบบนี้เถียงจนแองเจโล่กลับมาเกิดใหม่ก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : Doraemyung เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 10:35:34

ความคิดเห็นที่ 75 ถ้าจะเชิดชูพวกฝรั่งเรื่องใด ผมยกให้เรื่องการเก็บรักษาครับ เหมือนกับวาดเสร็จตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ภาพไม่ได้ด้อยไปเลย แต่ของเราดูแล้วเศร้า จากคุณ : ปวยพ้ง เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 11:33:54

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาเตือนหลายๆ คนนะครับ แยกแยะให้ออกนะครับ ระหว่างงานศิลป์ กับเรื่องชาตินิยม แล้วก็อยากจะบอกไว้ว่า ศิลปะ ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ไม่มีกฎเกณท์ เพราะฉะนั้น อย่าทำลายคุณค่าของความงาม ด้วยการเปรียบเทียบ จากคุณ : พี่ชายเจอร์ราร์ด เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 12:39:55

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่เห็นต้องเอามาเปรียบเทียบกันเลย เหมือนบังคับให้ผมเลือกระหว่าน้องพอลล่ากับน้องเต้ย ผมเลือกไม่ได้ อยากจะเก็บเธอไว้ทั้งสองคน จากคุณ : ว๊ากว๊ากจ๊าก เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 16:17:56

ความคิดเห็นที่ 78 ถูกครับ อย่าทำลายคุณค่าของความงามด้วยการเปรียบเทียบ น้ำปื้นใครน้ำปื้นมัน คำเมืองเหนือเน่อ จากคุณ : TagMyZky เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 17:37:38

ความคิดเห็นที่ 79 ผมชอบงานของแองโจโล่มากกว่าครับ   แต่ถ้าบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ ไทยเข้าชิงกับอิตาลีผมเชียร์ทีมไทยครับ ไทยแลนนนนนน ปู๊นปู๊น นนนนน นน แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 53 17:45:04 จากคุณ : ใส่พริกเม็ดเดียว เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 17:44:41

ความคิดเห็นที่ 80 ผลงานทุกรูปทุกชิ้นที่ดู ต่างก็งามแบบไม่มีใครเปรียบ งดงามในแบบจำเพาะของแต่ละงาน และความแตกต่างของแต่ละงาน ก็ยิ่งสร้างความหลากหลายให้ผู้รับรู้ ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นดูเป็นเอกลักษณ์นำเสนอความงามจำเพาะให้ยิ่งงดงามขึ้นไปอีก จากคุณ : zmen เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 18:08:37

ความคิดเห็นที่ 81 ความจริงด้วยความเป็นไทย อยากบอกว่าไทยสวยกว่านะ แต่เอาจริงๆ ชอบงานแองโจโล่มากกว่า แต่ใช่ว่าไทยจะไม่สวย ก็สวยฮะ จากคุณ : น้องอานาธิ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 18:24:55

ความคิดเห็นที่ 82 แอบมาอ่านอีกรอบ ขำคุณสตรีมีกล้าม 55555   รู้น๊ะวาคิดอะไรอยู่ 5555 (แซวครับ) เข้าใจลดความตึงเคลียด 55555 จากคุณ : ยุทธกิจART เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 19:56:20

ความคิดเห็นที่ 83   ตอนนี้บนสวรรค์ ครูช่างนิรนามอาจจะสอน ไมเคิล แองเจโล่เรื่องการเขียนรูปในมุมมองของทิพยจักษุอยู่ ในขณะไมเคิลแองเจโล่อาจจะสอนเรื่องกายวิภาคศาสต์ให้ครูช่างนิรนามอยู่ก็ได้ ผมคิดว่าคนที่สร้างสรรค์งานระดับนี้ขึ้นมาได้เขาไม่มาเถียงว่าใครเจ๋งกว่าใครหรอกครับ มีแต่คิดที่จะปรับปรุงผลงานของตัวเองใทางที่ดียิ่งขึ้น กินไวนน์นานๆก้เบื่ออยากกินสาโทเหมือนกันแหละ จากคุณ : นะ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 02:32:53 A:114.128.49.239 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 84 ศิลปะ ไม่ได้เจาะจงว่าใครจะสร้าง หรือ รังสรรค์ แต่ขึ้นอยู่ว่า ใคร จะเห็น คุณค่า และความงามนั้น ผลงานเยี่ยมทั้งคู่ ค่ะ จากคุณ : มิติเดิม เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 12:39:02

ความคิดเห็นที่ 85   มิเกลันเจโลกับงานศิลปะไทยเนี่ยมันออกจะแตกต่างกันมากโขอยู่นะคะ ในฐานะที่เคยเรียนและศึกษาประวัติศาสตร์ศิลป์มาพอสมควร แค่ช่วงระยะเวลา หรือปรัชญาก็แตกต่างกันแล้ว เราว่าอย่าเอามาเปรียบเทียบกันเลยดีกว่า ไม่สิ เปรียบเทียบกันไม่ได้เลยมากกว่า .. เพราะศิลปะแต่ละแขนงก็มีความพิเศษแตกต่างกันไป ไม่เคยมีชาติไหนกล่าวหาว่าศิลปินไทยไม่เก่ง หรือศิลปะไทยสู้เขาไม่ได้เลยน่ะ งานศิลปะไทยสวยงามและมีรูปแบบเฉพาะตัว ถ้าดูกันในเอเชียแล้วเรียกว่าโดดเด่นออกมาเลยด้วยซ้ำ เป็นที่นิยมกันมากในต่างแดน พูดแล้วอาจจะต้องกลับมาดูคนไทยด้วยกันเอง เราหรือปล่าว ที่ไม่ได้ใส่ใจพัฒนาและเก็บรักษาไว้ให้คงอยู่ จนมองกลายเป็นของเก่ากรุไป เราเคยทำรายงานพิเศษในมหาลัยฯเรื่องศิลปินมิเกลันเจโลคนนี้ อยากบอกเลยว่าเขาเป็นคนที่มีความพยายามสูงมาก จนได้ฝีมืออันน่าทึ่ง เป็นหนึ่งในแรงบัลดาลใจของศิลปินในยุคหลังมากมาย ในด้านความขยันและหมั่นเรียนรู้ ไม่เคยทำตัวหยิ่งทะนงในพรสวรรค์ที่ตัวเองมี ภาพวาดหลายชิ้นให้แง่คิดในมุมคริสตศาสนาที่ศึกษาดีๆแล้วไม่ได้เข้าถึงยากอะไรเลย ประกอบกับงานปฏิมากรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ นิสัยและสไตล์แบบนี้นี่แหละที่เราคิดว่าทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง มิเกลันเจโลเขียนบทกวีด้วยนะคะ เป็นคนอ่อนไหวนะ ไม่ได้ร้ายมากแบบที่ลือกัน มองงานศิลปะแล้วอย่าแบ่งแยกเหยียดเชื้อชาติเลยค่ะ ถ้าคิดแบบนี้แล้วจะไม่สนุก ทุกชาติมีดี ต่อให้จะเลยไปถึงศิลปะแอฟฟริกา อิสลาม ความเชื่อต่าง ปรัชญาต่าง เทคนิคก็ต่างกัน ไม่อย่างนั้นงานของมงเดรียล ก็ไร้ความหมายสิค่ะ จะบอกว่าวาดแค่สี่เหลี่ยมระบายสี่ต่อชั้นกันเท่านั้นเองหรือ จากคุณ : Kaetzchen เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 12:45:24

ความคิดเห็นที่ 86 ไม่ชอบที่เอามาดูคู่กันครับ เพราะมันจะอดเปรียบเทียบไม่ได้ ชอบที่จะดูทีละอย่างมากกว่า จากคุณ : โหน่ง side-N เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 14:23:33

ความคิดเห็นที่ 87   ไม่เคยคิดจะเอา งานศิลปะ มาเปรียบเทียบ     ในมุมมองคิดว่า  จะดอกบัว หรือ ดอกทิวลิป   มันก็สวยด้วยกันทั้งนั้น เราไม่เคยเปรียบเทียบ   จะแข่งกันทำไมว่าใครจะสวยกว่ากัน เก่งกว่ากัน   ไม่เคยคิดว่าของเราดีกว่า แต่คิดเสมอว่า ...   มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องแข่งกัน เปรียบเทียบกัน   เกิดมาเพื่อ ซึ่งกันและกัน จากคุณ : davish1980 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 15:32:50

ความคิดเห็นที่ 88 ในแง่ของความหมายนั้น ยอมรับครับ ว่าไปด้วยกันได้ แต่ในแง่ของเทคนิคแล้ว ส่วนหนึ่งที่ช่างศิลปะในอิตาลี่จะโด่งดังได้ ก็เนื่องด้วยการใช้เทคนิคต่างๆของตัวเองเข้ามาช่วยครับ จึงจะทำให้ผลงานออกมาเป็นที่ยอมรับได้ในสมัยนั้น เช่นรอยยับจากผ้าของรูปปั้นด้านบนเป็นต้นที่สมจริงมาก แต่ถ้ามองจากข้างใน ต่อให้เอาหินมาเรียงกัน ก็สวยได้ตามความหมายครับ จากคุณ : CaminoReal เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 15:42:01

ความคิดเห็นที่ 89 คุณ Mmmm อาจจะไปอ่านประวัติมิเกลันเจโลมา แล้วเชื่อตามประวัติศาสตร์ชุดนั้นร้อยเปอร์เซนต์ และตีความออกมาจากประวัติศาสตร์ได้เป็นแบบนี้ๆ อันนี้ก็เรื่องนึงครับ แต่ที่เหมารวมว่าศิลปิืนไทยยุคเก่าไม่มีใครทำงานเพื่อศิลปะ แต่เป็๋นนายจ้างสั่งมา งานศิลปะไม่มีคุณค่าเลย ฯลฯ นี้ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมนัก ในยุคสมัยก่อนที่คนใกล้ชิดกับศาสนามันจะไม่มีศิลปินที่ทำงานเพราะศรัทธาหรือทำเพราะมันเป็นศิลปะบ้างเลยหรือ หรือเพราะเขาอยู่ในยุคโบราณงานของเขาจึงไม่มีค่า คุณไปดูถูกเขาแบบเหมารวมหมดแบบนี้มันไม่มีคนที่เจริญแล้วที่ไหนเขาทำกันหรอกครับ มันก็เหมือนการเหยียดผิวดีๆนี่แหละ มันเป็นความคิดแบบฟาสซิสต์ที่ฮิตเลอร์คิดครับ ปกติคนที่ดูถูกคนอื่น ก็มักจะเริ่มมาจากการดูถูกตัวเองก่อน มันก็สะท้อนตัวเองนะครับ จากคุณ : เชษฐา เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 18:17:32

ความคิดเห็นที่ 90 #17 ในฐานะของคนที่ทำงานศิลปะ อยากจะบอกว่างานศิลป์น่ะ ถ้าคุณไม่รักในงานนั้นจริง คุณไม่สามารถจะสร้างมันออกมาดีได้หรอกค่ะ ลองเอาคนที่เกลียดศิลปะมาๆมาทำงานศิลป์สักชิ้นสิ มันจะไปได้สักกี่น้ำกัน งานจะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าคุณไม่มีใจกับมัน จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 23:14:20

ความคิดเห็นที่ 91 ความเห็นที่ 17 คนเรามันก็ต้องมีศรัทธานะค่ะ ถึงจะทำอะไรออกมาดี แล้วคุณรู้ได้ยังงัยว่าเค้าถูกบังคับ ดิฉันไปวัดก็ไม่มีใครบังคับไปด้วยใจ ได้บุญด้วย อย่าเอาความคิดตัวเองมาตัดสินเลยค่ะ ส่วนงาน2ชิ้นนี้ สวยจริงๆค่ะสื่อถึงวัฒนธรรมได้เป้นอย่างดี จากคุณ : Tears with Love เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 23:26:57

ความคิดเห็นที่ 92 ไม่ได้เข้าห้องนี้นาน ยอมรับศิลปะไทยค่ะ เรียนทีไร F ทุกที ต้องมีความอดทนสูงเพราะละเอียดยิบๆ จากคุณ : Rockabella เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 01:40:40

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่ทราบว่าล่อเป้าหรือเปล่ากระทู้นี้ 555 แต่ได้ผลน่าสนใจมาก ได้เห็นความคิดเห็นหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับ คห. 38 มากๆ การเอาศิลปะที่มีพื้นฐานต่างกันโดยสิ้นเชิงมาเปรียบเทียบก็ไม่บังควรอยู่แล้ว  ยิ่งแปลกใจที่มีความเห็นแบบด่วนสรุปแบบ คห.17 เอาเหอะ เราชื่นชมหมดแหละ มันบ่งบอกความมหัศจรรย์ของความเป็นมนุษย์  มิน่า UFO ถึงต้องบินมาชมบ่อยๆ จากคุณ : Bkkbear เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 11:03:30

ความคิดเห็นที่ 94 การจะเชิดชูความเป็นไทย โดยลดคุณค่าของคนอื่นนั้น ไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง จากคุณ : GSP1 เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 22:27:41

ความคิดเห็นที่ 95 อย่างงี้ล่ะไทยแท้ รูปของตัวเองสวยอยู่แล้วก็ยังไม่พอ อยากจะโม้ให้มันสวยกว่าฝรั่งด้วยอีก ถึงจะปลื้ม หรือยังไงกันครับ เรื่องเดียวกับพวก อยากมีธูปยักษ์อันใหญ่ที่สุดในโลกไม่มีผิด ถามจริงๆเถอะครับ ถ้าได้ไปเห็นรูปสองรูปนี้ ใจคุณตอนนั้น จะนึกออกแค่นี้จริงๆหรือ เป็นครูบาอาจารย์กันหรือเปล่าครับนี่ ผมว่าใจคุณมันยังไม่"นิ่ง"พอนะ จากคุณ : รถเล็ก เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 22:40:01

ความคิดเห็นที่ 96 เข้าห้องเรียนศิลปไทยทีไรก็เครียดทุกทีเหมือนกัน เล่นมีแบบแผนซะขนาดนั้น ไม่ชอบทำครับแต่นับถือช่างจากใจจริง จากคุณ : ท่านประธานบริษัท เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:24:44

ความคิดเห็นที่ 97 เอางานสองชิ้นนี้มาเปรียบเทียบกันว่าใครดีกว่าใครไม่ได้หรอกครับ เพราะว่างานทั้งสองตั้งอยู่บนบรรทัดฐานในเรื่องความงามที่ต่างกัน รูปผู้คนในอิริยาบทต่างๆในรูปของมิเคลันเจโลแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องสัดส่วนและกายวิภาคของมนุษย์ ความงามของรูปภาพนี้ยังอยู่ที่วิธีการนำเสนอ Biblical scene อันนี้ การจัดองค์ประกอบ รวมไปถึงการใช้สัญลักษณ์ที่แยบยลซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในศาสนาคริสต์ และเทววิทยา (theology) จะว่าไปนะครับศิลปินบางคนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องศาสนามากกว่าบาทหลวงซะอีก มิเคลันเจโลเองก็เคยเถียงกับโป๊ปในเรื่องเทววิทยามาแล้ว จากคุณ : Dominus เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 12:40:17

ความคิดเห็นที่ 98 อ่านคห. บางท่านแล้ว สะท้อนถึงตื้นลึกหนาบางทางด้านปัญญา และจิตวิญญาณ(ด้านศิลปะ)จริงๆ จากคุณ : still_wake_up เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 00:26:14