ความคิดเห็นที่ 1 บทความตอนนี้ขอกล่าวถึง เบื้องหลังการทำงานของอัลบั้มบอสซาโนว่าแห่งประวัติศาสตร์ชื่อ Jazz Samba งานดนตรีอันเกิดจากการสร้างสรรค์ร่วมกันของสองคนดนตรีแจ๊สชาวอเมริกัน คนหนึ่งคือมือกีต้าร์แจ๊สที่บรรเลงด้วยเทคนิคกีต้าร์คลาสสิคชื่อชาร์ลี เบิร์ด และอีกคนคือนักเทเนอร์แซ็กโซโฟน ผู้เป็นเจ้าของฉายา “เดอะ ซาวด์” ของวงการแจ๊ส งานดนตรีที่เป็นเสมือนการจุดประกายให้เกิดกระแสความนิยมอย่างล้นหลามในดนตรีบอสซาโนว่าบนทวีปอเมริกาเหนือในปีค.ศ.1962 จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:37:47

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนที่ 10: ชาร์ลี เบิร์ด และสแตน เกตซ์ กับอัลบั้มประวัติศาสตร์ของบอสซาโนว่า Jazz Samba ในช่วงเริ่มต้นคิดวางแผนทำอัลบั้มเพลงบรรเลงชื่อ Jazz Samba นั้น ชาร์ลี เบิร์ดและนักดนตรีในวงของเขาต้องพยายามค้นหาเสียงจากเครื่องดนตรี ที่จะใช้ทดแทนเสียงของนักร้องในบทเพลงบราซิลเลี่ยนต้นฉบับ โดยเสียงที่ว่านี้ต้องให้ความรู้สึกถึงชีพจรดนตรีแจ๊สไปด้วยพร้อมๆกัน เขาจึงต้องมองหานักดนตรีมาเสริมอีกคน ซึ่งนักดนตรีคนที่ว่านี้ต้องเป็นผู้ที่สามารถเล่นแจ๊สได้อยู่ก่อนแล้ว และควรจะมีเซ้นต์อย่างดีเยี่ยมในเรื่องท่วงทำนอง เพราะบทเพลงบอสซาโนว่านั้นมิเพียงรุ่มรวยด้วยจังหวะ แต่ยังมากด้วยท่วงทำนอง ซึ่งเบิร์ดค้นพบว่า สแตน เกตซ์ คือจิกซอร์ตัวสุดท้ายที่เขากำลังค้นหาอยู่ จากคำให้สัมภาษณ์ของเกตซ์ เขาเล่าว่า เขาและชาร์ลี เบิร์ดรู้จักกันก่อนหน้านั้นแล้วสัก 10 ปี หลังจากนั้นก็เคยเจอะเจอกันอีกเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามเขาและเบิร์ดไม่ถึงกับเป็นเพื่อนสนิทกันแต่อย่างใด เกตซ์เล่าต่อว่า หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อจากเบิร์ดแล้ว เขาก็เริ่มฟังงานบอสซาโนว่าที่เบิร์ดนำมาเปิดอย่างตั้งใจ เขาพยายามจับอรรถรสของเสียงดนตรีบราซิลเลี่ยนชนิดนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้เกตซ์ก็เคยร่วมบรรเลงกับนักเพอร์คัสชั่นชาวบราซิลเลี่ยนอย่าง มิเกลลิโต้ วัลเดส (Miguelito Valdes) และ มาชิโต้ (Machito) กันมาก่อน นั่นทำให้มันง่ายที่เขาจะเข้าถึงดนตรีบอสซาโนว่า เกตซ์เล่าในภายหลังว่า จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:41:34

ความคิดเห็นที่ 3 “ทันทีที่ชาร์ลี (เบิร์ด) เปิดเพลงจากงานดนตรีที่บรรเลงโดย (จาว) จิลแบร์โต้ให้ผมได้ฟังนั้น มันให้ความรู้สึกที่ดีมากครับ ผมรู้สึกทันทีเลยว่า ตนเองอยากบรรเลงจังหวะที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแบบนั้น และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสบรรเลงร่วมกับชาร์ลีครับ สิ่งที่เขาทำกับกีต้าร์และดนตรีนั้นประทับใจผมจริงๆครับ” “ชาร์ลีบรรเลงกีต้าร์ด้วยท่วงทำนองที่สื่ออารมณ์ได้ดี การเปลี่ยนคอร์ดต่างๆ ในบทเพลงก็เหมาะเจาะมากครับ เพราะมันเปิดโอกาสให้เราได้บรรเลงด้นสด (อิมโพรไวซ์) สอดแทรกเข้าไปได้ เรามีการปรับเปลี่ยนในส่วนของจังหวะบางส่วน เพื่อให้เบสสองตัวสามารถแทรกไลน์จังหวะของเขาเข้าไปในบทเพลงได้ครับ ผมรักเสียงดนตรีที่เราร่วมกันคิดและสร้างสรรค์กันขึ้นมาในงานชุดนี้จริงๆ” จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:43:43

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อสองนักดนตรีแจ๊สต่างก็มีความกระตือรือร้น และใจตรงกันที่จะร่วมสร้างสรรค์งานบอสซาโนว่าในอัลบั้ม Jazz Samba การเริ่มต้นงานดนตรีจึงเริ่มขึ้นจากการมองหาทีมแบ็กอัพ-ริธึ่มเซคชั่น แต่แค่เริ่มงานเบิร์ดก็พบปัญหาเสียแล้ว เพราะแม้แต่ในกรุงนิวยอร์คซึ่งอาจถือได้ว่าเป็น นครเมกกะแห่งดนตรีแจ๊สของอเมริกาในตอนนั้น ก็ยังไม่สามารถจะหาทีมริธึ่มมือดีมาเล่นจังหวะบราซิลเลี่ยนได้ ทั้งนี้เพราะจังหวะลาตินในตระกูลแซมบ้า (โดยเฉพาะบอสซาโนว่า) ยังไม่เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของนักดนตรีในอเมริกาเหนือในตอนนั้นแต่อย่างใด ในปีค.ศ. 1962 นั้น เบิร์ดมีอายุ 36 ปีแล้ว เขาแก่กว่าเกตซ์ 2 ปี เบิร์ดในฐานะคนต้นคิดโปรเจ็คนี้ เขาแก้ปัญหาเรื่องทีมริธึ่มเซคชั่นโดยการใช้คนใกล้ตัวอย่าง คีตเตอร์ เบตส์ (Keter Betts) มือเบสวัย 33 ปี และ บัดดี้ เดพเพนชมิดท์ (Buddy Deppenschmidt) มือกลองหนุ่มวัย 25 ปี สองนักดนตรีในวงชาร์ลี เบิร์ด ทริโอ้ของเขา ซึ่งมีประสบการณ์เคยเล่นดนตรีร่วมกับนักดนตรีท้องถิ่นในบราซิลด้วยกันมาก่อน ทั้งนี้เพราะวงของเบิร์ดเพิ่งเดินทางกลับจากการทัวร์แสดงดนตรีแจ๊สในอเมริกาใต้ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ในฐานะของทูตทางวัฒนธรรมที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:45:21

ความคิดเห็นที่ 5 การทำงานในอัลบั้ม Jazz Samba นั้น ค่อนข้างแตกต่างจากการบันทึกเสียงงานแจ๊สโดยทั่วไป เพราะเบิร์ดใช้เบสถึง 2 ตัว และกลองอีก 2 ชุด โดยเขาให้เหตุผลในเรื่องนี้ว่า “มันเป็นวิธีเดียวกับที่นักดนตรีบราซิลเลี่ยนใช้กันครับ คือใช้มือกลอง 2 คน คนหนึ่งจะเล่นกลองชุดสากล อีกคนหนึ่งตีกลองและเครื่องเคาะ-เพอร์คัสชั่น แล้วก็บรรเลงกันในจังหวะธรรมดาๆนี่แหละ แต่เมื่อเสียงกลองสองชุดนี้มารวมกันเข้า-มันก็ออกมาสวิง!” สำหรับภูมิหลังของคีตเตอร์ เบตส์นั้น เขาเป็นชาวนิวยอร์คที่เริ่มต้นจากการเป็นมือกลอง ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นเบสหลังจากเรียนจบไฮสคูล เขาเคยเล่นเป็นแบ็คอัพให้นักร้องแจ๊สคนดังอย่าง ดิน่า วอชิงตัน (Dinah Washington) และเคยร่วมเล่นในวงดังของ แคนนอนบอล แอดเดอลี่ (Cannonball Adderley) ก่อนจะมาร่วมวงชาร์ลี เบิร์ด ทริโอ้  ดังนั้นประสบการณ์ของเบตส์จึงหายห่วง จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:48:04

ความคิดเห็นที่ 6 แต่สำหรับมือเบสอีกคน เบิร์ดใช้น้องชายวัย 24 ปีของเขาเองชื่อ ยีน เบิร์ด (Gene Byrd) ซึ่งขณะนั้นยีนยังเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของวิทยาลัยดนตรีพีบอร์ดี้ในเมืองบัลติมอร์อยู่เลย และนี่ก็เป็นการบันทึกเสียงอัลบั้มแรกในชีวิตของเขาด้วย แต่อาศัยว่ายีนร่วมเล่นในวงของพี่ชายนายเบิร์ดมาระยะหนึ่งแล้ว จึงพอจะรู้ทางและแนะนำกันได้ ส่วนมือกลอง 2 คนประกอบด้วย บัดดี้ เดพเพนชมิดท์ หนุ่มวัย 25 ปีที่ร่วมเล่นอยู่ในวงทริโอ้ของเบิร์ดมาปีครึ่ง และเคยร่วมเล่นอัดแผ่นกับเบิร์ดมาแล้ว ความจริงบัดดี้เพิ่งขอออกจากวงไปร่วมงานกับบิลลี่ บัตเตอร์ฟิล (Billy Butterfield) แต่ก็กลับมาตีกลองในงานชุดนี้อีกครั้ง ส่วนมือกลองอีกคนที่เบิร์ดใช้ในงานชุดนี้ชื่อ บิล เรชเช่นบาช (Bill Reichenbach) ซึ่งเพิ่งเข้ามาร่วมเล่นกับวงของเบิร์ดสดๆร้อนๆ ในอัลบั้มนี้เอง แต่อย่างไรก็ตามบิลมีประสบการณ์เคยร่วมบรรเลงกับวงแจ๊สหลายวงด้วยกัน รวมถึงวงดังของทอมมี่ ดอร์ซี่ (Tommy Dorsey) ด้วย จึงไม่มีปัญหาด้านประสบการณ์ดนตรีแต่อย่างใด จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:49:35

ความคิดเห็นที่ 7 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1962 อัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์บอสซาโนว่าชุด Jazz Samba จึงได้รับบันทึกเสียงกันในห้องโถงเพียซ (Pierce Hall) ของโบสต์คริสต์ชื่อ ออลโซลส์ยูนิแตเรี่ยน (All Souls Unitarian Church) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยได้ ครีด เทเล่อร์ (Creed Taylor) มาเป็นโปรดิวเซอร์ ในเวลาต่อมาเทเล่อร์ได้กลายเป็นผู้ก่อตั้งค่ายแผ่นเสียงชื่อดังในแนวฟิวชั่นแจ๊ส ชื่อค่ายซีทีไอ (CTI) นั่นเอง เบิร์ดเล่าให้ฟังในภายหลังว่า “การทำงานในโบสต์ครั้งนั้นสนุกมากเลยครับ  แต่การเลือกเพลงมาเล่นในอัลบั้มนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ผมมีเพลงมากมายเป็นวัตถุดิบให้เลือกมาใช้  ผมชอบเพลงของโจบิมและเพื่อนๆของเขา แต่ความรู้สึกของผมแล้ว เพลงของโจบิมในช่วงเวลานั้นยังขาด’บางสิ่ง’ที่เขายังไปไม่ถึงมัน และเราก็ได้เติมเต็ม”บางสิ่ง”ที่ว่านี้ให้กับเพลงของเขาครับ”   แม้ว่าเบิร์ดมิได้เฉลยออกมาตรงๆว่าเจ้า’บางสิ่ง’ที่เขาอ้างถึงนั้นคืออะไร? และตามหลักฐานที่มีการบันทึกกันไว้ ก็ยังไม่มีผู้ใดยืนยันได้แน่ชัดว่า ’บางสิ่ง’ของเบิร์ดนั้น เขาหมายถึงอะไรกันแน่?  แต่โดยส่วนตัวของผู้เขียนเองแล้วเชื่อว่า เขาหมายถึง การนำดนตรีแจ๊สและดนตรี(คูล)แซมบ้ามาผสมผสานกันอย่างลงตัวที่สุดเท่าที่เคยมีมานั่นเอง จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:52:10

ความคิดเห็นที่ 8 การสรุปในเรื่องนี้นั้น ผู้เขียนประติดประต่อเรื่องราวเอาจาก บทสัมภาษณ์อีกตอนหนึ่งของตัวชาร์ลี เบิร์ดเองที่เล่าไว้ว่า “หลังจากเกตซ์ได้ฟังอัลบั้มบอสซาโนว่าหลายแผ่นที่ผมเปิดแล้ว เกตซ์มิได้รับเอาอิทธิพลในวิธีการบรรเลงแบบบราซิลเลี่ยนมามากนัก เมื่อได้เล่นจริงในอัลบั้มนี้ เขาก็ยังบรรเลงแบบด้นสด(อิมโพรไวซ์) ในแนวทางของแจ๊สได้อย่างอิสระ และมีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้อัลบั้ม Jazz Samba เป็นบอสซาโนว่าที่มีสัดส่วนของดนตรีแจ๊ส มากกว่าที่เราพบในงานต้นฉบับของจาว จิลแบร์โต้และทอม โจบิมครับ” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า Jazz Samba เป็นการต่อยอดให้กับปฏิสัมพันธ์ทางดนตรีของแจ๊สและบราซิลเลี่ยนมิวสิค ซึ่งจาวและโจบิมได้ช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้นมาก่อนหน้านี้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งนั่นเอง ซึ่งหากผู้อ่านได้มีโอกาสการฟังบทเพลงต่างๆในผลงานชุด Jazz Samba เปรียบเทียบกับผลงานของจาว จิลแบร์โต้ในช่วงก่อนปี 1962 (ซึ่งได้โจบิมช่วยเรียบเรียงดนตรีให้) แล้ว จะรู้สึกถึง’บางสิ่ง’ตามที่เบิร์ดพูดถึงนี้ได้จริงๆ งานเพลงในอัลบั้ม Jazz Samba นั้นเป็นบอสซาโนว่าที่เอนเอียงมาทางฝั่งแจ๊ส มากกว่าจะโอนอ่อนไปในฟากของบราซิลเลี่ยนมิวสิค สมชื่ออัลบั้มของเขาจริงๆ ทำให้กล่าวได้ว่า คู่หูแจ๊สอย่างชาร์ลี เบิร์ดและสแตน เกตซ์ ได้ช่วยต่อยอดนวัตกรรมทางดนตรีของคู่หูแซมบ้าอย่างจาว จิลแบร์โต้และอัลโตนิโอ้ คาร์ลอส “ทอม"”โจบิมได้อย่างยอดเยี่ยม จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:53:55

ความคิดเห็นที่ 9 ภายหลังการเปิดตัวอัลบั้ม Jazz Samba ออกมาในปี ค.ศ. 1962 แล้ว ไม่เพียงผลงานชุดนี้จะได้รับเสียงชื่มชมจากเหล่าบรรดานักวิจารณ์ทั่วอเมริกากันอย่างล้นหลามเท่านั้น  แต่มันยังได้สร้างความกระชุ่มกระชวยอย่างมากให้กับแวดวงแจ๊สอีกครั้ง เพราะนับจากทศวรรษที่ 50 เป็นต้นมา อันเป็นทศวรรษที่ดนตรีแจ๊สในสไตล์สวิงบิ๊กแบนด์สามารถสถาปนาตนเองเป็นพ็อพพูล่ามิวสิคของยุคสมัยนั้นได้แล้ว ความนิยมที่มีต่อแจ๊สในช่วงเวลาต่อมาก็หดหายลงไปเรื่อยๆอย่างน่าใจหาย สังเกตได้จากยอดจำหน่ายแผ่นเสียงแจ๊สที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ และไนต์คลับแจ๊สต่างต้องปิดตัวเองลง เพราะไม่ได้รับความนิยมเช่นในอดีตอีกแล้ว ดังนั้นการมาของบอสซาโนว่าและอัลบั้ม Jazz Samba จึงเปรียบเสมือนการจุดประกายแสงอันเจิดจรัสให้กับวงการแจ๊สได้ตื่นตัวขึ้นมาคึกคักอีกครั้ง สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันอย่างแจ่มชัดที่สุดคือ ภายหลังอัลบั้ม Jazz Samba ออกจำหน่ายในเดือนเมษายน ค.ศ. 1962 ได้ไม่นาน ผลงานชุดนี้ก็สามารถกระโจนขึ้นสู่ชาร์ตบัลลังก์ทอง ครองความเป็นเจ้าแห่งอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในบิลบอร์ดชาร์ตได้อย่างง่ายดาย ในประวัติศาสตร์ดนตรีแจ๊สนั้น ไม่ค่อยปรากฏผลงานที่จะได้รับความนิยมจนมียอดขายแผ่นเสียงในระดับล้านแผ่นขึ้นไปบ่อยนัก Jazz Samba จึงนับเป็นที่สุดแห่งแจ๊สยอดนิยมอีกหนึ่งอัลบั้มที่ดันตัวเองขึ้นมายืนอยู่เหนือกว่าผลงานทุกชุด จากทุกแนวดนตรีที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นได้อย่างองอาจ  แต่เราต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 1 ปีก่อนการบุกถล่มบิลบอร์ดชาร์ตจนราบคาบของวง เดอะบีทเทิ่ล (The Beatles) กับอัลบั้มเปิดตัวชุดแรกของพวกเขาอย่าง “Please Please Me” ซึ่งออกจำหน่ายในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1963 .. เรียกได้ว่า คู่แข่งสำคัญของบอสซาโนว่ายังไม่เกิดในปีนั้น จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:59:58

ความคิดเห็นที่ 10 ชาร์ลี เบิร์ดและสแตน เกตซ์ได้รับอานิสงส์เต็มๆจากนวัตกรรมที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นมา คู่หูทางดนตรีมีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งอเมริกา โดยเฉพาะสแตน เกตซ์ ทั้งนี้เพราะซิงเกิลดังของอัลบั้มอย่าง Desafinado ซึ่งเกตซ์เป่าเทเนอร์แซ็กโซโฟนไว้ได้อย่างรุ่มรวยและรื่นรมย์เอามากๆ จนสามารถสะกดอารมณ์ผู้ฟังได้อยู่หมัด สมกับฉายา เดอะซาวด์ (The Sound) ที่เขาได้รับจริงๆ แถมการบรรเลงของเขายังได้รับการประกันถึงความไพเราะด้วยการเข้ารับรางวัลแกรมมี่ในปีต่อมาด้วย อัลบั้มชุด Jazz Samba ประกอบด้วยเพลง 7 เพลง ด้วยกัน เปิดอัลบั้มด้วยเพลง Desafinado เปิดแทร็คแรกของอัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์ด้วยจังหวะเครื่องเคาะ ก่อนที่เสียงเทเนอร์แซ็กฯตัดพ้อต่อคนรักหวานไหวแต่ไม่เลี่ยนของเกตซ์จะเปิดตัวตามออกมา ในช่วงกลางของบทเพลงเบิร์ดบรรเลงอคูสติกกีต้าร์จังหวะบอสซาโนว่า แล้วปิดท้ายด้วยเสียงเทเนอร์แซ็กฯของเกตซ์อีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถสะกดอารมณ์ผู้ฟังทั่วอเมริกาให้โหยหาบอสซาโนว่าได้ทั้งประเทศ! จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 21:02:32

ความคิดเห็นที่ 11 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 53 17:28:42 จากคุณ : notyes jazz (กล้วยหอม กับ เนยแข็ง) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:22:43