ความคิดเห็นที่ 1 แม้ว่าศาลจะไม่เคยเรียกสืบพยานนายบาร์เชียอีกเลย แต่มัสเซอโรว์ก็ทำการส่งข้อความถึงคณะลูกขุนว่านายบาร์เชียมีความประพฤติที่มิชอบในการที่จะขอเข้าสัมภาษณ์ไมเคิล แจ๊คสัน แท้จริงแล้ว นายบาร์เชียไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบคำถามใด ๆ เป็นพิเศษ จากวิธีการถามคำถามที่พิถีพิถันของมัสเซอโรว์ ก็ทำให้คณะลูกขุนรับรู้ได้ว่านายบาร์เชีย พยายามทุกวิถีทาง เพื่อที่จะเอาชนะไมเคิลให้ได้ บาร์เชียแอบอ้างมิตรภาพของเขากับเจ้าหญิงไดอาน่า เขายกยอแจ๊คสันเกี่ยวกับความเป็นพ่อของเขา บาร์เชียเล่นละครทำเป็นสนใจในเพลงของแจ๊คสัน หยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงนั้นเพลงนี้ และปล่อยมุขตลกกับนักร้องดัง ที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ บาร์เชียยกยอปอปั้นแจ๊คสัน เกี่ยวกับงานการกุศลของเขา ทั้งในเรื่องของเวลา และเงินทองที่แจ๊คสันได้บริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ทั่วทั้งโลก จากเรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อทั้งหมดทั้งปวงที่มัสเซอโรว์ได้กล่าวถึงไปนั้น มีหลักฐานที่ท้ายสุดได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการต่อสู้คดี นั่นก็คือรายการบางส่วนที่ไม่ได้ออกอากาศจากรายการของนายบาร์เชีย   ในขณะที่นายบาร์เชียบันทึกภาพเพื่อถ่ายทำรายการของเขานั้น ไมเคิลเอง ก็ได้ให้ช่างภาพส่วนตัวของเขาบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้เช่นเดียวกัน จึงทำให้ยังคงมีภาพบางส่วนที่ไม่ได้รับการออกอากาศอยู่ และเมื่อศาลถือว่ารายการสารคดีของนายบาร์เชียเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งในการพิจารณาคดี ภาพบางส่วนที่ไม่ได้รับการออกอากาศนี้ ก็ได้กลายเป็นหลักฐานด้วยเช่นเดียวกัน จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:45:52

ความคิดเห็นที่ 2 เนื่องจากไมเคิลได้นำภาพทั้งหมดในรายการของนายบาร์เชียมาใช้ในการต่อสู้คดี เป็นโอกาสให้คณะลูกขุนได้มีโอกาสได้รับชมสิ่งที่แจ๊คสันพูดบอกกับนายบาร์เชียทั้งหมดโดยไม่ผ่านกระบวนการตัดต่อใด ๆ ทั้งสิ้น โดยในภายหลังทีมสู้คดีของแจ๊คสัน ได้พิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าไมเคิล แจ๊คสันนั้นเปราะบางและง่ายต่อการถูกล่อลวงเพียงใดในช่วงตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ทำการบันทึกรายการกับนายมาร์ติน บาร์เชีย บางส่วนของรายการที่ถูกนายบาร์เชียตัดออกไปนั้น ได้ทำให้คณะลูกขุนเห็นใน “อีกแง่มุมหนึ่ง” ของสารคดีลวงโลกที่นายบาร์เชียพยายามที่จะนำเสนอ ภาพถ่ายทีเผลอและภาพถ่ายส่วนตัวของไมเคิลได้แสดงความจริงให้คณะลูกขุนเห็นอย่างมากมายมหาศาล คำพูดจากใจของ คำพูดจากใจของไมเคิล แจ๊คสัน ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ช่วยให้ผู้ชมตัดสินเกี่ยวกับภาวะทางอารมณ์ของราชาเพลงป๊อป สมาชิกของคณะลูกขุนบางคนถึงกับสารภาพในภายหลังว่า พวกเขานั่งฟังไมเคิล แจ๊คสันพูด เพื่อที่จะหาคำตอบให้กับตัวเองว่า เพราะเหตุใด นักร้องชื่อดังจึงเลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับเด็ก ๆ หลังจากนายบาร์เชีย ผู้ช่วยอัยการเขต กอร์ดอน ออเชินคลอส ก็เรียกสืบพยาน แอนน์ แมรี ไคท์ ประชาสัมพันธ์สาว ผู้ที่เคยทำงานร่วมกับ “ทีมบริหารจัดการในภาวะวิกฤติ” ของแจ๊คสัน เธอเข้าทำงานเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่รายการของนายบาร์เชียได้รับการออกอากาศ ไคท์เข้ารับหน้าที่เพื่อช่วยในคดีที่ถูกตั้งโดยอัยการเขต ในข้อหาที่แจ๊คสันและพวกร่วมมือกันกักขังหน่วงเหนี่ยวครอบครัวอาวิโซ่ในบ้านไร่เนเวอร์แลนด์ โดยกล่าวหาว่าครอบครัวอาวิโซ่นั้นตกอยู่ในควบคุมของแจ๊คสันและลูกน้องของเขา กอร์ดอน ออเชินคลอสอ้างว่า ครอบครัวอาวิโซ่ถูกควบคุมตัวไว้ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้เต็มใจ และยังถูกบังคับให้ถ่ายทำวีดีโอเพื่อทำให้ภาพพจน์ของไมเคิลในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขาที่มีต่อกาวิน ดีขึ้น ปล ในภาพคือแอน ไคท์ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 01:52:42 จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:48:25

ความคิดเห็นที่ 3 แอนน์ ไคท์เป็นพยานสาวสวยผมสีบลอนด์ ที่มีท่วงท่าการพูดอ่อนหวาน เธอกล่าวว่าเธอได้รับการว่าจ้างจากคณะทำงานของแจ๊คสันเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2003 เป้าหมายของเธอในตอนแรกคือเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของไมเคิลหลังจากที่รายการ living with Michael Jackson ได้รับการออกอากาศ ความจริงก็คือ ไคท์ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานในสายงานประชาสัมพันธ์มาก่อน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าแปลก จากความพยายามในการบอกเล่าถึงสถานการณ์ในขณะนั้นของเธอ ทำให้คณะลูกขุนได้รู้ว่า ไคท์ถูกไล่ออกจากงานหลังจากเข้ารับงานเพียงหกวันเท่านั้น จากคำให้การของไคท์ กลายเป็นหลักฐานว่าในกรณีของนายบาร์เชีย ไมเคิล แจ๊คสันเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เกี่ยวกับประเด็นการประชาสัมพันธ์เพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงเลย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ไมเคิลทำ และดูเหมือนว่านักร้องชื่อดังไม่ได้กังวลมากมายเกี่ยวกับชื่อเสียงของตัวเองทั้งที่จริง ๆ แล้ว เขาควรจะกังวล แทนที่ตัวเขาเองจะรู้สึก ไมเคิล แจ๊คสันกลับปล่อยให้คนอื่นรอบ ๆ ตัวเขา ดำเนินการแก้ปัญหาในสิ่งที่คนพวกนั้นคิดเอาเองว่ามันคือปัญหา นั่นทำให้แอน ไคท์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแฟนสาวของทีมงานด้านกฎหมายคนหนึ่งของไมเคิล ได้มีโอกาสเข้ามีมีส่วนในคดีอันแสนจะโด่งดัง อย่างที่เธออยากจะให้เป็น คณะลูกขุนได้รับรู้ว่า แอน ไคท์ถูกว่างจ้างเมื่ออดีตแฟนของเธอ เดวิด เลอกรอง ได้ขอให้เธอเข้ามาช่วย “กอบกู้ภาพลักษณ์” ของไมเคิล โดยที่ไคท์ให้การว่า เธอตั้งใจจะแก้ปัญหาข่าวในแง่ลบที่ได้รับการเผยแพร่โดยบาร์เชีย โดยการประชาสัมพันธ์เรื่องดี ๆ ของแจ๊คสัน ไคท์อ้างว่าการทำงานของเธอนั้นขึ้นอยู่กับทีมงานของแจ๊คสัน อันได้แก่ โรนัลด์ โคนิทเซอร์  มาร์ค แชฟเฟิล  และมาร์ค เจรากอส โดยตรง โดยคนกลุ่มนี้เป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการประชาสัมพันธ์ของไมเคิล เธอให้การต่อคณะลูกขุนว่า เธอและ เลอกรอง อดีตเพื่อนชายของเธอ อาศัยอยู่ที่ลาส เวกัส และยอมรับว่า เลอกรอง เรียกเงิน 10,000 เหรียญล่วงหน้าจากเธอ อันเป็นส่วนหนึ่งจากค่าตอบแทนที่ตกลงในสัญญาจำนวน 20,000 เหรียญที่เธอจะได้รับจากการทำงานหนึ่งเดือน ปล ในภาพคือ มาร์ค แชฟเฟิล จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:51:59

ความคิดเห็นที่ 4 แอน ไคท์ให้การว่า เธอต้องการที่จะสร้าง “แผนการรุก” เพื่อที่จะสู้กับเนื้อหาข่าวที่ถูกนำเสนอในแง่ลบ เธอต้องการที่จะหยุดยั้ง “มรสุมร้าย” อันมีที่มาจากรายการของนายบาร์เชีย ไคท์ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เธอมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เนทที่มีการแต่งเติมเสริมภาพของไมเคิล ให้มีความเลวร้ายมากยิ่งขึ้น เป็นที่ชัดเจนว่านักข่าวที่ประจำอยู่บริเวณศาล และ thesmokinggun.com ได้นำเสนอข้อมูลที่เชื่อมโยงไปถึงกรณีของจอร์ดี้ แชนด์เลอร์ ซึ่งเป็นคดีที่ไมเคิลถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นในปี 1993 แอน ไคท์ให้การต่อศาลว่า เธอเองนั้นต้องการที่จะต่อสู้กับสื่อที่ให้ร้ายแจ๊คสัน โดยให้การเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีสื่อที่ให้ข้อมูลทางด้านลบอยู่มากเกินไป ส่วนตัวนั้นเธอคิดว่าพวกสื่อทำเกินไป ไคท์จำได้ว่าแม้แต่กุมารแพทย์ก็ถูกพามาออกรายการทีวีเกี่ยวกับสูตรอาหารที่ไมเคิลใช้เลี้ยงลูกของเขา หรือแม้แต่ถกกันเรื่องความสามารถทางการเป็นพ่อของไมเคิล ไคท์รู้สึกว่าไมเคิลควรจะดำเนินการเชิงรุกทางด้านการประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ เธอคิดว่าไมเคิลควรจะ “ประกาศความจริงให้โลกรู้” โดยการแถลงความจริงทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง แต่ก็เป็นที่เห็นเด่นชัดว่า ไมเคิล แจ๊คสันเอง ไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนั้น และในทางกลับกัน เขาขอความร่วมมือจากบริษัท Fire Mountain Corporation และผู้ผลิตรายการ มาร์ค แชฟเฟิล  เพื่อทำรายการอีกรายการขึ้นมาสำหรับตอบโต้ โดยกำหนดว่าจะให้รายการนี้ออกอากาศทางสถานี Fox จากคำให้การของไคท์ สถานีเครือข่าย Fox ตกลงที่จะให้ มาร์ค แชฟเฟิล  “เป็นผู้มีอำนาจ” ในการผลิตรายการดังกล่าว เธอให้การว่าสถานี Fox ชนะการประมูลสถานี ABC และได้รับสิทธิในการผลิตรายการ “สัมภาษณ์สดไมเคิล แจ๊คสัน  รายการที่ไม่ได้ตั้งใจให้คุณดู” (MJ interview: the footage you were never meant to see) โดยในรายการนี้จะรวมถึงบทสัมภาษณ์เพื่อโต้แย้งของหลายบุคคล อย่างเช่น เด๊บบี้ โรว์ ครอบครัวอาวิโซ่ หรือแม้แต่ต้นฉบับการสัมภาษณ์จริงของไมเคิล แจ๊คสันที่ให้สัมภาษณ์กับมาร์ติน บาร์เชีย ปล ในภาพคือ กาวิน อาวิโซ่ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:53:28

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับแอน ไคท์แล้ว รายการที่ไม่ได้ใช้เวลาออกอากาศเป็นเดือน หรือเป็นสัปดาห์นั้นไม่เพียงพอต่อรายการของมาร์ติน บาร์เชีย ที่ใช้เวลาออกอากาศเป็นเวลา 72 ชั่วโมง และเธอรู้ดีว่าแจ๊คสัน กำลังจะต้องเผชิญกับแรงต่อต้านจากสื่อในแง่ลบอีกมาก ดังนั้นเธอจึงไปบอกกับที่ปรึกษาของแจ๊คสันและบอกกับเขาว่า ปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไขแบบทันทีทันใด แอน ไคท์กล่าวว่า เธอเริ่มดำเนินการตามแผนการ “กอบกู้ชื่อเสียง” ของไมเคิล ในวันแห่งความรักที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2003 ก่อนหน้าวันดำเนินการ เธอให้การว่าเธอได้เห็นถ้อยแถลงที่เกี่ยวกับครอบครัวอาวิโซ่ จาก เบลล์ ยาร์ด ในประเทศอังกฤษ โดยถ้อยแถลงนี้จะได้รับการเผยแพร่โดยสื่อในอนาคต ผู้ช่วยอัยการเขต ออเชินคลอส ดำเนินการถามคำถามของเขาต่อไป นั่นทำให้คณะลูกขุนเข้าใจว่า แอน ไคท์เองกำลังให้การถึงข้อกล่าวหาไมเคิล แจ๊คสัน ในคดีสมรู้ร่วมคิด  นอกจากนี้ ไคท์ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่ มาร์ค แชฟเฟิล โทรถึงเธอ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2003 ไคท์ได้บอกกับคณะลูกขุนว่า มาร์ค แชฟเฟิลนั้น “ร้อนใจมาก” เมื่อครั้งที่เขาโทรมารายงานว่า เจเนท อาวิโซ่ได้พาลูก ๆ ของเธอ ออกจากไร่เนเวอร์แลนด์ไป เธอยังจำความได้ว่า แชฟเฟิลโทรกลับมาหาเธออีกครั้งหนึ่ง เพื่อบอกเล่าว่าสถานการณ์ทุกอย่าง “ควบคุม” ได้แล้ว โดยแชฟเฟิลบอกกับไคท์ว่า ครอบครัวอาวิโซ่นั้นถูกพากลับมาที่ไร่เนเวอร์แลนด์ภายใน 12 ชั่วโมง แอน ไคท์กล่าวกับผู้ช่วยอัยการเขตว่า การที่แชฟเฟิลใช้คำว่า “ควบคุมได้” นั้น ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ คำให้การของไคท์ดูจะไร้น้ำหนักเนื่องจากบางครั้งเธอก็หลงลืมชื่อบางชื่อ และไม่มีเอกสารใด ๆ เพื่อยืนยันคำให้การอย่างไรก็ดี คำให้การของเธอทำให้ภาพของสาเหตุ และที่มา ของข้อกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดที่มีต่อไมเคิล แจ๊คสัน มีความชัดเจนมากขึ้น ปล ในภาพคือ โรนัลด์ โคนิทเซอร์ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:54:24

ความคิดเห็นที่ 6 ไคท์ให้การว่า เมื่อครั้งที่เธอคุยกับเดวิด เลอกรอง เธอยืนยันว่าในตอนนั้น เจเนท อาวิโซ่ ได้เดินทางออกจากไร่เนเวอร์แลนด์ไปแล้ว แต่เธอก็กลับมาที่เนเวอร์แลนด์อีกครั้งจากลอสแองเจอลิส หากพิจารณาจากเสียงของไคท์ ดูเหมือนว่าเธอเอง จะกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกันนะ กับครอบครัวอาวิโซ่ “อย่าบอกฉันนะว่า คนพวกนั้นถูกไล่ล่าเหมือนกับหมูกับหมา ก่อนจะถูกลากคอกลับมาที่เนเวอร์แลนด์” ไคท์ถามกับเลอกรองในภายหลัง “ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ตอนนี้นะ” เลอกรองบอกกับเธอ จากการสนทนาอีกครั้งหนึ่งกับเลอกรอง ไคท์ให้การว่า เลอกรองนั้นได้พูดถึงแผนการที่จะทำลายชื่อเสียงแม่ของอาวิโซ่ “เขาบอกกับฉันว่า ทีมงานไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรกับเจเนท อาวิโซ่อีกแล้ว เนื่องจาก เขาได้บันทึกเสียงของเธอลงในเทปเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาพร้อมจะทำให้ภาพลักษณ์ของเธอกลายเป็นผู้หญิงไม่ดีในทันที” ไคท์ให้การต่อไปว่า หลังจากที่เธอคุยกับเลอกรอง เธอได้ถามโรนัลด์ คอนิทเซอร์ ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่รับผิดชอบในทีมที่มีหน้าที่ควบคุมความเสียหายให้กับแจ๊คสัน เมื่อเธอถามคอนิทเซอร์เกี่ยวกับครอบครัวอาวิโซ่ เขาบอกกับเธอว่า ทุกอย่างได้รับการจัดการหมดแล้ว และแน่นอนว่า คำตอบเช่นนั้นของคอนิทเซอร์ ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกอึดอัดของเธอ ไคท์ให้การต่อไปว่า เธอได้วางแผนที่จะออกรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อว่า Access Hollywood และจัดเตรียมถ้อยแถลงสำหรับแจ๊คสัน ในวันแห่งความรัก ไคท์ให้การต่อศาลว่าในวันนั้นเธอติดตั้งเครื่องขยายเสียง พร้อมทั้งแต่งหน้าเรียบร้อย เธอนั่งอยู่ในฉากกับแพท โอ เบรียน ทันใดนั้นเอง มาร์ค เจอรากอส โทรเข้ามาในรายการ และยืนยันว่าการสัมภาษณ์จะต้องยุติลง แอน ไคท์กล่าวว่า ในขณะที่นั่งอยู่ในฉากของรายการ Access Hollywood นั้น เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเจอรากอส บอกว่าเธอจะต้องค้างคืนที่ แอลเอ และจะต้องเดินทางไปยังสำนักงานเจอรากอส และ เจอรากอส ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อไคท์เดินทางไปถึงที่นั่น ทนายความมาร์ค เจอรากอสร้องขอให้เธอลงนามในข้อตกลงรักษาความลับ โดยเธอปฏิเสธที่จะลงนามดังกล่าว เธอแจ้งต่อศาลว่า “ฉันเชื่อเหลือเกินว่า หนังสือฉบับนั้น ถูกทำขึ้นมาเพื่อที่จะให้หยุดพูด” ไคท์ให้การต่อไปว่า หลังจากนั้น เธอถูกแจ้งเลิกการจ้างงานอย่างไม่มีสาเหตุ ปล ในภาพคือ มาร์ค เจอรากอส จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:56:04

ความคิดเห็นที่ 7 ในช่วงเวลาการซักค้าน มัสเซอโรว์โต้แย้งทันทีว่า หนังสือสัญญาของแอน ไคท์เพื่อทำการประชาสัมพันธ์นั้นไม่ได้ถูกทำขึ้นโดยไมเคิล แจ๊คสัน เนื่องจากเธอเองนั้นไม่เคยพบ หรือสนทนากับไมเคิล แจ๊คสัน รวมถึงไม่เคยสนทนากับครอบครัวอาวิโซ่ด้วย นอกจากนี้ เธอยังไม่เคยไปที่บ้านเนเวอร์แลนด์ เธอเพียงแต่เคยทำงานร่วมกับคณะทำงานของไมเคิล แจ๊คสันในเวลาเพียงไม่ถึงสัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้น คณะลูกขุนยังได้รับทราบว่าในระยะเวลาที่เธอทำงานให้กับไมเคิล แจ๊คสันนั้น เธอยังมีลูกค้าอีกหนึ่งราย ซึ่งลูกค้ารายนั้นก็คือบริษัทของเธอเอง ไคท์อธิบายถึงเรื่องหน้าที่การงานของเธอว่า เธอรับตำแหน่งเป็นประธานให้กับ Webcasters Alliance บริษัทของเธอได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้สามารถเล่นเพลงได้บนอินเตอร์เนท นอกจากจะทำงานให้กับบริษัทของตัวเองแล้ว ดูเหมือนว่าไคท์จะไม่มีประสบการณ์การทำงานอื่น ๆ เธอแทบจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ เลย รวมถึงไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรี จากคำถามที่มัสเซอโรว์ถามเธอ คณะลูกขุนจึงได้รับทราบว่า ไคท์ไม่น่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกในการจัดทำ “การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติ” ของราชาเพลงป๊อปเลย ชัดเจนว่า ไคท์เองไม่เคยทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์ให้กับศิลปินคนใดมาก่อน อย่างไรก็ดี นั่นก็ทำให้คณะลูกขุนฉุกคิดว่า ตัวแจ๊คสันนั้น รับรู้เกี่ยวกับ “ผู้รับผิดชอบ” ของเขา มากน้อยเพียงใด “ผมขอให้คุณตอบคำถามของผม” มัสเซอโรว์เอ่ยขึ้น “คุณเองนั้น ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรับมือและจัดการกับสื่อในช่วงเวลาวิกฤติให้กับศิลปินคนใดมาก่อน ใช่หรือไม่” “ดิฉันเชื่อว่า ดิฉันเคยค่ะ” ไคท์ให้การ “เพราะว่าคุณเคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนงั้นหรือ” “เพราะว่าดิฉันเห็นมานักต่อนักแล้วค่ะ” “ผมไม่ได้ถามว่า คุณเคยเห็นอะไร” มัสเซอโรว์กล่าว “ผมถามว่าคุณเคยทำอะไรมาบ้างต่างหากครับ” “ใช่ค่ะ ดิฉันเคยทำงานให้กับผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งค่ะ ใต้เท้า” จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:57:46

ความคิดเห็นที่ 8 “คนคนนั้น คือ ซิลเวอร์ (Sylver) ใช่หรือไม่” มัสเซอโรว์ต้องการยืนยันคำตอบ “มาร์แชล ซิลเวอร์ ใช่ค่ะ ซ – อิ – ล – เ – ว – อ – ร์” ไคท์ตอบคำถาม “จากความเข้าใจของคุณ เขาปรากฏตัวในโทรทัศน์บ่อยครั้ง ใช่หรือไม่” “เขาเคยออกโทรทัศน์บ่อย ๆ ค่ะ แต่ตอนนี้ น่าจะไม่แล้ว” “เขาทำอะไรในโทรทัศน์ครับ” “เขาเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาค่ะ” ถ้าจะบอกว่าเธอคือผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ หรือจะบอกว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งที่มีความสามารถจะทำงานให้กับไมเคิล แจ๊คสัน ไคท์คงจะไม่สามารถเป็นได้ทั้งสองอย่าง สำหรับผู้สังเกตการณ์ในศาล แค่เพียงมีความคิดว่าจะให้หญิงสาวผู้นี้ ทำงานเป็นตัวแทนในการแก้ปัญหาในช่วงเวลาวิกฤติให้กับไมเคิล แจ๊คสันแม้เพียงนาทีเดียว ก็ถือว่าเป็นความคิดที่บ้องตื้นสิ้นดี หลังจากนั้น มัสเซอโรว์ก็หยิบยกประเด็นเรื่องประวัติทางคดีของแอน ไคท์ขึ้นมา ซึ่งมีรายละเอียดโดยย่อของข้อความที่เธอบอกเล่ากับตำรวจที่ซานต้า บาบาร่า จากรายละเอียดที่ถูกเปิดเผย ยิ่งทำให้ประหลาดใจ เมื่อนึกถึงผู้คนที่พากันเข้ามา “จัดการ” ในช่วงเวลาวิกฤติของไมเคิล แจ๊คสัน จากรายงานของตำรวจ แอน ไคท์ บอกกับเจ้าหน้าที่แห่งซานตา บาบาร่าว่า มาร์ค เจอรากอส “จะเป็นคนพูดสรุปเสมอ” ถึงสิ่งที่จะต้องทำให้กับไมเคิล ในฐานะทนายความในคดีอาญาของไมเคิล ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ฟังดูมีน้ำหนักทีเดียว จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:59:09

ความคิดเห็นที่ 9 แต่การเปิดโปงแอน ไคท์ของมัสเซอโรว์ เหตุการณ์ต่าง ๆ จึงกลับตาลปัตรไปหมด ในการให้การช่วงหลัง อย่างหนึ่งก็คือ เธอให้การว่า เธอบอกกลับตำรวจว่า เธอนั้น “เชื่อ”ทุกสิ่งอย่างตามที่ เดวิด เดอลากรอง บอกกับเธอ ว่าโรนัลด์ โคนิทเซอร์ ได้รับมอบอำนาจจากไมเคิล แจ๊คสัน และได้ใช้อำนาจนั้น “กระทำการยักยอกเงิน 980,000 เหรียญ จากแจ๊คสัน” “เมื่อครั้งคุณให้การกับเจ้าหน้าที่แห่งซานตา บาบาร่า โดยการสอบสวนของเจ้าหน้าที่สืบสวนเซลิสว่า คุณทราบหรือไม่ว่า ไมเคิล แจ๊คสันเอง ได้ตระหนักหรือไม่ ว่าคณะทำงานของเขากำลังกระทำการใดอยู่ คุณจำคำถามนี้ได้ไหม” มัสเซอโรว์ซัก “ค่ะ จำได้ค่ะ” ไคท์ตอบ “และคุณก็ตอบกับเจ้าหน้าที่สืบสวนเซลิสว่า คุณเองก็ไม่รู้ว่าไมเคิล แจ๊คสันนั้น รู้หรือไม่ว่าคณะงานของเขากำลังทำอะไรอยู่ ถูกหรือไม่” “ถูกค่ะ เพราะว่าดิฉันไม่เคยคุยกับคุณแจ๊คสัน” คำให้การของไคท์นั้น “เป็นการชี้ทางสว่าง” ในช่วงเวลาซักค้าน โดยนักประชาสัมพันธ์สาวไร้ชื่อเสียงคนนี้ กำลังบอกกับคณะลูกขุนว่า ไมเคิล แจ๊คสันนั้น ไม่เคยรู้เลยว่า คนที่เขามอบหมาย “ให้รับผิดชอบ” อนาคต และความเป็นไปของเขานั้นเป็นใคร  ในตอนหนึ่ง ไคท์บอกกับคณะลูกขุนว่า เธอนั้นเริ่มกังวลใจเกี่ยวกับความเป็นไปรอบ ๆ ตัวของไมเคิล และนั่นทำให้เธอโทรศัพท์หาเจอร์เมน พี่ชายของแจ๊คสัน เธอให้การว่า หลังจากที่เธอไปพบกับเจอร์เมนที่บ้านของเขาใน เอ็นซิโน่ โรนัลด์ โคนิทเซอร์ก็ถูกเพิกถอนจากการมอบอำนาจในทันที จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:59:51

ความคิดเห็นที่ 10 แอน ไคท์บอกกับคณะลุกขุนว่า ที่จริงแล้ว เธอนั้นเคยเอ่ยปากกับเดวิด เลอกรอง เพื่อขอให้เขาทำการตรวจสอบนายโคนิทเซอร์ และนาย แชฟเฟิล เนื่องจากว่าเธอ “ไม่สามารถปล่อยให้ ชื่อเสียงของแจ๊คสันป่นปี้ในวงการสื่อมากไปกว่านี้” เธอยังอ้างอีกด้วยว่า นายแชฟเฟิลบอกกับเธอว่า เขามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า แม่ของอาวิโซ่ จะนำเรื่องของเธอไปขายให้กับหนังสือแทบลอยด์ และเมื่อเอ่ยถามถึงกรณีของแจ๊คสัน เธอกล่าวเป็นนัย ๆ ว่า เธอเองก็ไม่แน่ใจว่า จะมีใครบ้างที่จงรักภักดีกับแจ๊คสันอย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่า ไคท์เอง ไม่มีความเชื่อถือใครเลยใน “คณะทำงานของแจ๊คสัน” อย่างไรก็ตาม แฟนเก่าของเธออย่าง เดวิด เลอกรอง ก็ต้องตกอยู่ในภาวะเลวร้าย โดยการถูกไล่ออกจาก “ทีมควบคุมความเสียหาย” ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ มาร์ค แชฟเฟิล และรอน โคนิทเซอร์ พร้อมทั้งชายหนุ่มอีกสามคน อย่าง เดเทอร์ ไวส์เนอร์ แฟรงค์ คาสิโอ และวินนี่ เอเมน ทั้งห้าคน เป็นบุคคลที่เคยถูกกล่าวถึงว่าเป็น “เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด” กับไมเคิล แจ๊คสัน แต่น่าประหลาดใจตรงที่ ทั้งหมด ไม่มีใครถูกตั้งข้อหาดังกล่าวเลย อย่างน้อย ก็ในช่วงเวลาที่คดีต่าง ๆ ถูกพิจารณา ปล ในภาพคือ เดวิด เลอกรอง จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 02:01:05

ความคิดเห็นที่ 11 จบละค่ะ บทที่ห้า อ่านละก็ทำใจให้สบายนะคะทุกท่าน ภาพประกอบซึ่งเป็นรูปของบางคน ก็อัปมงคลนิดหน่อยที่จะมอง ขออนุญาตเอารูปท่านเจ้าสำนักปิดท้ายละกันค่ะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 02:02:09

ความคิดเห็นที่ 12 หล่อจริง ๆ ขออีกภาพนะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 02:02:42

ความคิดเห็นที่ 13 อีกภาพละกัน จะไปนอนละค่ะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 02:03:09

ความคิดเห็นที่ 14 ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ทุกท่าน จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 02:03:45

ความคิดเห็นที่ 15 ยาวเยอะมาก  ยังอ่านไม่จบ แต่ขอมาเม้นท์ก่อน จากคุณ : habibe เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 05:22:56

ความคิดเห็นที่ 16 ดูคร่าวๆก่อน เด๋วแอบมาอ่านอีกทีนะ ช่วงนี้จะเล่นเนตต้องหลบๆซ่อนๆ T-T โอ้..มีรูปภาพประกอบมาให้ได้ดูกันด้วย ขอบคุณมากจ้า นอนดึกจัง หิวไหม พี่อดข้าวเย็นมา 9 วันแล้ว อ่ะ..เอาข้าวเช้ามาส่งให้จ้ะ ^^ จากคุณ : Winter Wonderland เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:35:31

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณจ้า จากคุณ : zeasky เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:23:42

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะน้องแอร์ อยู่ที่ทำงานอ่านมิได้ แปะไว้ก่อนนะ กิ๊ฟหมดอีกต่างหาก T_T จากคุณ : MR.ROOFคุณแม่แคท (MR.ROOF) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:37:40

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วจ้ะ   เรื่องราวยุ่งเหยิงกลับตาลปัดจริงๆ   เข้าใจคนแปลเลยน่ะ  กว่าจะเรียบเรียงมาได้  สู้ๆจ้ะแอรี่  ซูซี่ จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 09:17:02

ความคิดเห็นที่ 20 ว้าว........ขอบคุณท่านหม่าฮั่นจ้า อ่านแล้วเครียดนิดๆ แต่ก็ดีใจที่ท่านแปลเรื่องที่มาตีแผ่ความจริง ว่าแล้วโกรธนายบาร์เชีย จากคุณ : AC.Mindfields เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:08:09

ความคิดเห็นที่ 21   โฮ่ ๆ ๆ ... แวะเข้ามาแต๊ะไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่านอีกเช่นเคย ^^ แต๊งกิ้วนะจ๊ะหม่าฮั่น ขยันจริง ๆ เลย ... เอาหัวใจไป 5 ดวง เย้~ ขอโกรธอีตาบาร์เชียร์ด้วยคนสิ (เลียนแบบท่านกงซุน) ... โกดมัน ( \ _ / ) ฮึ่ม แฮ่ ~ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:41:49

ความคิดเห็นที่ 22   ขอบคุณนะคะ แปลเก่งจังเลยอ่ะ สู้สู้ค่ะ จากคุณ : nokatow (nokatow) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 14:12:24

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณค่ะ อุตสาห์อดหลับอดนอนแปลบทความเพื่อชาวคลับ MJ เซฟไว้แล้วคะ เดี๋ยวมาอ่าน เข้ามาเม้นขอบคุณก่อนคร้า   จากคุณ : aor_mj เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 14:14:16

ความคิดเห็นที่ 24 แทบไม่ได้ดูรูปคนทั้งหลายที่ลงไว้เลย (มองแต่เจ้าสำนัก) จำชื่อไม่ได้ซักคน มึนงงมากมาย นี่แค่อ่านเฉยๆยังต้องสูดโป๊ยเซียน ไม่รู้คนแปลจะเป็นไงบ้าง (ยาหอมมั้ยจ๊ะ) ยิ่งไม่ต้องนึกถึงไมเคิลเลย ว่าตอนนั้นจะต้องทนกับความตึงเครียด วุ่นวาย เบื่อหน่ายกับเรื่องเหล่านี้มากมายมหาศาลแค่ไหน น่าสงสารไมเคิลเป็นที่สุด . ขอบคุณหม่าฮั่นมากจ้าา กิ้ฟหมดขอต๊ะไว้ก่อนนะ >/\< จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 14:40:13

ความคิดเห็นที่ 25 ช่วยกันกดเข้าคลังด้วยนะจ๊ะ ราษฎรเนเวอร์แลนด์ที่น่ารัก จากคุณ : จั่นเจาจ้าา (RockwithU) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 14:42:46

ความคิดเห็นที่ 26 ขนาดอ่านยังตามอ่านแทบไม่ทัน   ขอบคุณน้ำใจคนแปลจริง ๆ คะ จากคุณ : superturbo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:48:03

ความคิดเห็นที่ 27   ขอบคุณ คุณแอร์ค่ะ คิดว่าช่วงเวลานั้นไมเคิลคงแทบไม่อยากรับรู้อะไร ไม่สนว่าชื่อเสียงตัวเองจะเป็นแบบไหน ใครจะเข้าใจเขาว่ายังไงแล้ว เจอมาจนด้านชาแล้ว แค่รู้ว่าตัวเองไม่ผิด เชิดหน้าได้อย่างภูมิใจในศักดิ์ศรีของตน ใครทำอะไรไว้คงรู้ดีอยู่กับใจ แต่ที่เสียไปคือความไว้ใจผู้คน ที่ไม่รู้จะไว้ใจใครได้บ้าง.. ขอบคุณ T-Mez เหลือเกิน ยิ่งอ่านยิ่งรักคนคนนี้ มาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ (เหมือนเทพขาวในเรื่องแฮรี่ พ็ตเตอร์เลย)คุณคนนี้และแฟนๆทุกคนที่สนับสนุนเคียงข้างไมเคิลในเวลานั้น คงเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับเขานะ รักหนังสือเล่มนี้มากค่ะ แม้จะพาเครียดและเจ็บไปกับทุกตัวอักษร จากคุณ : Better Off เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 17:33:40

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากนะคะ อ่านไปเครียดไปจริงๆ เกลียดอีบาร์เชียกับครอบครัวเด็กเปรตนั่นจริงๆ จากคุณ : rpgqueenii เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 18:18:21

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก จากคุณ : habibe เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:14:14

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณพี่หม่าฮั่นจอมยุทธ์กระบี่แหลมเปี๊ยวคนเก่งที่แอบแปลบทนี้ให้นะคะ อ่าน ครบ จบแล้ว ค่ะ  บอกได้แค่ว่า หนังม้วนยาวนี้ ฉงนฉงายไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ใครมาว่าไมเคิล ประหลาด      ดูหน้าไว้เลย พวกนี้ซิที่ประหลาดตัวจริงยิ่งกว่า !!!!!!!! แค่อ่านยังดูสับสน อลหม่าน วุ่นวายใจแทนเลย... สงสารไมเคิลจัง ไม่รู้จะทำยังไงได้ T_T ส่วนนางบาเชียร์เตี้ยล่ำดำถึก ตกดึกกินไก่สด นั่น. ... ขอให้ตายช้าๆแต่ทรมานนานๆไปเลย กร๊อดดดดดดดดดด จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 04:30:05

ความคิดเห็นที่ 31   ^ ^ นางบาเชียร์เตี้ยล่ำดำถึก ตกดึกกินไก่สด . . . กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ยะน้องฮิป อย่างฮา จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 13:02:07

ความคิดเห็นที่ 32 chapter 6 ค่ะ จากคุณ : myriostigma เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 11:42:41