ความคิดเห็นที่ 1 |
|
พิธีกร ตอนที่ชีวิตยุ่งวุ่นวายที่สุด ก็คือตอนที่คุณรู้สึกเหมือนชาไปหมด ดูเหมือนคุณจะเดินทางไปที่ต่าง ๆ มากมาย ที่จริงแล้วก็คือ การนั่งรถรับส่งไปโรงแรมต่าง ๆ หรือเปล่า จูเสี้ยวเทียน ห้องชุดที่แตกต่างกันไป
พิธีกร แม้แต่ lobby ของโรงแรมก็ไม่มีเวลาได้เห็น ต้องเข้าออกทางพิเศษ จูเสี้ยวเทียน ครับ
พิธีกร สิบปีผ่านไปแล้ว ลองทบทวนความทรงจำดู ตอนนั้นเรื่องไหนยากที่จะลืม บอกออกมาได้ไหม หรือว่ายังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ จูเสี้ยวเทียน ก็ไม่มีความทรงจำอะไร จริง ๆ แล้วตอนนี้พยายามจะนึกถึง ก็เกือบจำอะไรไม่ได้สักเรื่อง
พิธีกร นึกออกแต่ห้องชุด จูเสี้ยวเทียน เพราะชีวิตตอนนั้นวุ่นวายสับสนไปหมด
พิธีกร ไม่มีเวลาคิดพิจารณาอะไร จูเสี้ยวเทียน ใช่ ไม่มีเวลาคิดอะไร ถ้าตอนนี้จะจำอะไรได้ ก็จะเป็นสนามบิน เครื่องบิน นั่งรถ โรงแรม เพราะตอนนั้นทุกคนอยู่ ในสภาพที่ค่อนข้างบ้าคลั่ง จำได้แต่อะไรพวกนี้ ความรู้สึกก็คือหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา
พิธีกร ไม่ใช่เป็นความตื่นเต้น ปลาบปลื้มหรือ จูเสี้ยวเทียน ความรู้สึกเหมือนขาดหายอะไรไปค่อนข้างมาก เพราะก่อนหน้านี้ 5 นาทียังอยู่บนเวทีมีคนหลายพันเชียร์คุณอยู่ ลงจากเวที 5 นาทีกลับเข้าห้องพัก เป็นความแตกต่างกันที่เห็นได้อย่างชัดเจน
พิธีกร อีกทั้งสภาพแบบนั้น ถ้าเป็นคุณตอนนี้ที่อายุและจิตใจมีความพร้อมกว่าไปเจอก็จะดีกว่านั้น คุณอาจจะมีการเตรียมตัวพร้อมรับมือ ได้ ตอนนั้นคุณคงจะประมาณ 20 กว่า ๆ อีกทั้งจากที่พวกคุณเคยบอกไว้ พวกคุณทั้งสี่เป็นเด็กที่มาจากความยากจนลำบาก ใช่ไหม แล้วพอตอนที่รุ่งเรืองร่ำรวยมาถึง ก็ไม่มีโอกาสหาความสุขจากมัน จูเสี้ยวเทียน (ยิ้ม) ไม่ได้รุ่งเรืองร่ำรวย เพราะตอนนั้นเข้ามาใหม่ จริง ๆ แล้วเป็นการจัดการโดยบริษัทที่อยู่เบี้องหลัง ทุกเดือน พวกผมก็จะได้รับค่าตอบแทนในส่วนของพวกผม บริษัทจะจัดการอย่างไร พวกผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง จนถึงปัจจุบันยังมีคนเข้าใจผิดว่า ค่าตัวผมหลายร้อยล้าน ความจริงแล้วมันไม่ใช่
พิธีกร ไม่ใช่ว่าทำงานได้เงินเยอะมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตเมื่อก่อนของพวกคุณแล้วมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก จูเสี้ยวเทียน แน่นอนว่าดีขึ้นมาก สิ่งที่ผมมีอยู่ตอนนี้ก็คือสิ่งที่สะสมไว้จากตอนนั้น ปัจจุบันถึงมีทางได้หาความสุขจากชีวิตในปัจจุบัน สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมพอใจมาก ผมอยากไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหนก็ไปได้ อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้
พิธีกร ความจริงแล้วความปราถนาของคนเราไม่มีขอบเขต แต่ขอให้มีความสมดุล ก็มีความพอใจได้ ความปราถนาสองอย่างก็พอแล้ว อยากไปเที่ยวที่ไหนในโลกก็ได้ไปตามใจชอบ นอกจากนั้น ชอบอะไรก็ซื้อได้ คนแบบนี้ก็ถือว่ามีความสมดุลอยู่บ้าง จูเสี้ยวเทียน ถูกต้อง ที่จริงมีช่วงหนึ่งเป็นช่วงของการระบายอารมณ์ ไม่มีเวลาได้พักผ่อน และเวลาเครียดก็ไม่มีทางระบายออก ตอนนั้นมีช่วงหนึ่งอยากได้อะไรก็ซื้ออย่างนั้น บางทีแค่ภายในวันเดียว ชั่วโมงเดียวใช้เงินไปเยอะเลย
พิธีกร ความตั้งใจซื้อของ บางทีอาจช่วยในการระบายอารมณ์หรือช่วยให้ผ่อนคลายได้ จูเสี้ยวเทียน ครับ ต่อมาก็รู้สึกว่าสุขภาพดีสำคัญมาก
พิธีกร อย่างตอนนั้น พวกคุณแม้ว่ามีเงินไม่มากนักแต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนความคิดต้องเปลี่ยนไปแน่ ๆ มีบ้างไหมที่ไม่รู้ว่าจะใช้เงิน อย่างไรหรือจะเอาไปซื้ออะไร น่าจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จูเสี้ยวเทียน ก็มีบ้างนิดหน่อย ผมเป็นคนที่อยู่กับความจริง ตอนที่ผมใช้เงินก็ใช้ซื้อของใช้ในบ้าน เป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ เครื่องไฟฟ้า ตอนนั้นค่อนข้างบ้าซื้อ CD ซื้อไปประมาณ พันสองพันแผ่นไว้ที่บ้าน ที่จริงก็เป็นการระบายอารมณ์แบบหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี่ซื้อไม่ไหว ก่อนที่จะเข้าวงการ ไปเดินเที่ยวร้านขายแผ่นเสียง อาจมีสัก 5 แผ่นที่ชอบแต่ผมซื้อไหวเพียงแค่ 2 แผ่นเท่านั้น
พิธีกร ตอนนั้นคงตาลุกวาว จูเสี้ยวเทียน ต่อมามีช่วงหนึ่งไปร้านขายแผ่นเสียงเห็นเข้าก็ซื้อ เห็นก็ซื้อ
พิธีกร คราวนี้คงรู้สึกโล่งโปร่งมากเลยสิ จูเสี้ยวเทียน ต่อมาพบว่าสะสมมากขนาดนี้เชียว ฟังไม่หมด ซื้อไม่ไหวแล้ว
พิธีกร เป็นปัญหาว่าจะวางไว้ที่ไหนในบ้าน จูเสี้ยวเทียน ตอนนั้นใช้ไปกับเครื่องเสียงมีสามเครื่อง ในห้องน้ำหนึ่ง ห้องรับแขกหนึ่ง ห้องนอนอีกหนึ่ง อยากฟังเพลงที่ไหนตอนไหน ก็ต้องได้ฟัง
พิธีกร คุณซื้อกีต้าร์ด้วยหรือเปล่า จูเสี้ยวเทียน ซื้อ แต่ค่อนข้างมีสติ ผมซื้อก็เพราะใช้ในการแสดงจึงซื้อ ขึ้นเวทีก็ใช้ของที่ดูสมฐานะหน่อย พิธีกร ใช่
จูเสี้ยวเทียน แล้วก็มีอุปกรณ์การถ่ายรูป กล้องถ่ายรูป ซื้อไปประมาณ 1 ล้านกว่าเหรียญไต้หวันแล้ว พิธีกร จริงหรือ ซื้อในช่วงนั้นน่ะหรือ จูเสี้ยวเทียน ใช่ครับ
พิธีกร กล้องถ่ายรูปเปลี่ยนรุ่นใหม่ ๆ เร็วมาก จูเสี้ยวเทียน ไม่ครับ ผมเลือกของที่ค่อนข้างคลาสลิก เก็บไว้จะได้ราคา
พิธีกร เป็นคนที่มองการณ์ไกล จูเสี้ยวเทียน โซฟาที่ใช้ในบ้านตอนนี้ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดก็เป็นของที่ซื้อตั้งแต่ตอนนั้น
พิธีกร ฉันว่าคราวที่แล้วที่คุณไป fan jia yuan 潘家園 เดินเล่น ไปเพราะสนใจพวกเครื่องลายครามหรือเปล่า คุณรู้จักว่าอะไรเก็บ แล้วมีราคา จูเสี้ยวเทียน ครับ ผมสนใจทางนี้ แต่ผมจับของพวกนี้น้อยมาก เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าจับแล้วหยุดไม่ได้ หลายปีมานี้ ค่อนข้างมุ่งไปทางหยก อัญมณี ผมว่ามันค่อนข้างใช้ได้จริง
พิธีกร นิสัยชอบสิ่งที่ใช้ได้จริง จูเสี้ยวเทียน ต้องการของที่เก็บไว้แล้วมีราคาเพิ่มขึ้น
พิธีกร เสี้ยวเทียนถ้าตอนนั้นคุณพึงพอใจในความต้องการและความสนใจของตัวเองแบบนี้ ตั้งแต่เด็กคุณก็รับภาระของครอบครัว อย่างน้องชายและน้องสาว สุขภาพคุณแม่ก็ไม่ค่อยดี กลับไปไทเป เมื่อสภาพเศรษฐกิจของทางบ้านเปลี่ยนในทางดีขึ้น คุณจะให้ ความช่วยเหลือครอบครัวมากไหม จูเสี้ยวเทียน ตั้งแต่อายุ 17 ผมก็แยกมาอยู่เอง ไม่ได้รับเงินทางบ้านอีก อายุ 22 เริ่มอุดหนุนครอบครัว พ่อผมจากไปแล้ว แต่บ้าน ยังอยู่ พ่อมีหลังหนึ่ง แม่มีหลังหนึ่ง แต่ละคนมีรถคนละคัน น้องสาวมีคันหนึ่ง ตัวเองมีคันหนึ่ง ตอนนั้นผมยังอยู่บ้านเช่า ยังไม่ได้ ซื้อบ้านอยู่ ต่อมาน้องสาวไปเรียนต่อที่ปารีส ผมก็ออกเงินให้
พิธีกร ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นลูกที่ดี และทำหน้าที่สมกับเป็นพี่ชาย จูเสี้ยวเทียน ก็บอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี พูดง่าย ๆ ก็คือ ผมมีความสามารถทำได้ ผมก็ทำ
พิธีกร อาจเพราะว่าคุณเองเคยลำบากมาก่อน ดังนั้นเมื่อมีชื่อเสียงแบบนี้จึงอยากเปลี่ยนตัวเองและก็ครอบครัว จูเสี้ยวเทียน ความจริงแล้ว เมื่อเข้ามาทำงานในวงการนี้ความต้องการหลักนั้นก็ง่าย ๆ คือ ก็เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้น จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ ยังเป็นเช่นนั้น คุณอยากทำเพื่ออุดมคติอะไร มุ่งมั่นอะไร ไม่มี ความจริงเรียบง่ายมากคือแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าเดิม
พิธีกร ใช่ แต่จากความจริงข้อนี้ ก็แสดงให้เห็นชัดว่าเสี้ยวเทียนเป็นคนเปิดเผยมาก ตอนเริ่มเข้าวงการไม่นานนัก คุณเคยทำงานเป็น ผู้นำคนดูอยู่เบื้องหลังในรายการ ใช่ไหม จูเสี้ยวเทียน ตอนนั้นเซ็นสัญญาแล้ว แต่เป็นคนใหม่ก็ไม่ง่ายนักที่จะได้รับงาน ตอนนั้นก็เป็นเหมือนการฝีกฝนแบบหนึ่ง ทำงานเบื้องหลัง คอยนำคนดูในรายการ ก็ไม่ได้ลำบากอะไร
พิธีกร มีคนทายว่าคุณจะไม่ดัง ตอนรักใส ๆ F4 ดังแล้ว คุณพบเขาหรือเปล่า มีท่าทางอย่างไร จูเสี้ยวเทียน ตัวผมเองก็คิดว่าจะไม่ดัง
พิธีกร จริงหรือ งั้นคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไหม จูเสี้ยวเทียน โชคชะตา
พิธีกร ดูเหมือนว่าจะมีบางเรื่องที่ไม่ใช่อาศัยแค่ความมุ่งมั่นของตัวเองทำให้มันเป็นไป จูเสี้ยวเทียน ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ผมเพียงแต่รู้สึกว่าไม่ว่าจะเปรียบเทียบยังไงที่นั่นก็ดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้ทำงานที่ภัตตาคาร ก็เลยมาลองทำดู ผมไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้ ถ้าหากไม่ได้เจอพวกเขาอีก 3 คน ก็ไม่มีละครเรื่องนี้ และอาจไม่ได้ก้าวมา จนถึงจุดที่อยู่ในวันนี้ ดังนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตา
พิธีกร แม้ว่าจะต้องพบกับความยากลำบากมากมาย แต่ก็เป็นเรื่องที่โชคดีเช่นกัน จูเสี้ยวเทียน ผมรู้สึกสำนึกบุญคุณมาตลอด ผมคิดว่าในแต่ละวันที่ผ่านมาดีหรือไม่ดี ชีวิตหนึ่งในโลกนี้ ข้อแรกไม่พิการ นี่ก็เป็นเรื่อง ที่ยากแล้ว ข้อสอง ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทุกวันตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองไม่เจ็บไข้ ดังนั้น ทุกวันผมลุกจากเตียงจะรู้สึกขอบคุณ อย่างมาก
พิธีกร ความสุขได้จากการรู้จักพอ แม้ว่าเซ็นสัญญาแล้ว แต่ก็ยังคงทำหน้าที่เบื้องหลัง คุณไม่เคยรู้สึกไม่พอใจเลยหรือ จูเสี้ยวเทียน ไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าวันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อาจตกต่ำจนต้องกลับไปล้างจานที่ภัตตาคาร ผมว่าผมก็ยังคงมีความสุขอย่างนี้
พิธีกร งั้นหรือ นี่มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากนะ คนทั่วไปบอกว่าเวลาเดินลงจากที่สูงสุด ต้องการความนิ่งมากจริง ๆ จูเสี้ยวเทียน ที่บ้านผมขึ้น ๆ ลง ๆมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก พ่อมีเงินมากมาย แต่ก็หมดไปภายในคืนเดียว พอโตขึ้นมา แม่ก็หาเงินได้มาก แล้วก็หมดไปภายในคืนเดียว ดังนั้น ผมคุ้นเคยกับสภาพอย่างนี้ดี กับเรื่องแบบนี้ก็จะไม่เป็นไร จากประหยัดไป ฟุ่มเฟือยหรือจากฟุ่มเฟือยมาประหยัด ผมก็ผ่านมาแล้วหลายครั้ง สำหรับผมมันก็ไม่ยากเกินไป อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ตัวเอง ไม่ใช่โลกภายนอกที่จะมาตีค่าตัวคุณ คุณอาจเป็นคนที่ได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในบางสถานการณ์คุณจะเป็นอิสระได้ ดังนั้น ขอเพียงให้ตัวเองมองโลกในแง่ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นคุณก็ไม่เป็นไร
พิธีกร ดังนั้นประสบการณ์ที่พบด้วยตัวเองในระหว่างเติบโตขึ้นมานี่เป็นความโหดร้ายอย่างหนึ่ง จูเสี้ยวเทียน อืมม์
จากคุณ |
:
r-ning
|
เขียนเมื่อ |
:
1 มี.ค. 53 12:28:57
|
|
|
|