ความคิดเห็นที่ 1 คำแปล Robin: บอร์ดี้การ์ดสามคนที่ไมเคิลแจ๊คสันไว้วางใจให้ดูแลความปลอดภัยในชิวิตของเขา ออกมาพูดเป็นครั้งแรก Ashley Vanfield ใช้เวลาสามวันอยู่กับชายสามนี้ที่ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อทำหน้าที่ปกป้องราชาเพลงป๊อบ ไมว่าคุณจะเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับแจ๊คสันมาก็ตาม สิ่งที่คุณจะได้ฟังจากชายสามคนนี้จะเปลี่ยนความรู้สึกที่คุณมีต่อไมเคิล แจ๊คสัน แน่นอน Ashley เป็นยังไงคะ หลังจากที้เวลากับทั้งสามคนนี้ Ashley: ค่ะ ต้องเรียนตามตรงว่าตอนแรกฉันคิดว่าพวกเขาต้องพูดถึงไมเคิลในทางที่ไม่ดีแน่ๆเลยเพราะที่ผ่านๆมาคนที่ออกมาพูดจะออกมาในแนวนั้นกันหมด แต่มันกลับตรงกันข้ามเลยทีเดียวค่ะ บอร์ดี้การ์ดสามคนนี้อยากจะเขียนหนังสือขึ้นมาเพราะพวกเขาบอกว่าต้องมีใครซักคนออกมาปกป้องเคิล แจ๊คสัน พวกเขาจะตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “In Denfense of the King” หนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวของชายแสนเศร้าผู้โดดเดี่ยว ผุ้เป็นพ่อที่ดีเยี่ยม Narrator: เขาเป็นป๊อบสตาร์ที่ดังที่สุดในโลก แต่เบื้องหลังความบ้าคลั่งของสื่อและเมื่อพ้นเลนส์กล้องไปแล้ว ก็คือบอร์ดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ 3 คน Mike Gracia, Bill Whitfield และ Javon Beard ในสัมภาษณ์แบบ exclusive พวกเขาจะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวในเชิงลึกและชีวิตส่วนตัวของไมเคิล แจ๊คสัน ในบทบาทความเป็นพ่อ และผู้ที่ต้องถูกกักขังและจองจำด้วยความีชื่อเสียงของตัวเอง Bodyguards: มีบ้างเหมือนกันที่ไมเคิลระเบิดอารมณ์เสียงดังออกมา เช่น “ทำไมพวกเขาไม่เลิกยุ่งกับผมซักทีนะ!” Narrator: ไมเคิลไว้ใจ ฝากชีวิตของเขาและลูกๆ ไว้ในความดูแลของบอร์ดี้การ์ดสามคนนี้ Bodyguard: พวกเรากลายเป็นมากกว่าบอร์ดี้การ์ เราเป็นผู้ช่วยส่วนตัวด้วย ตอนแรกพวกเราคิดว่า “เฮ้ นี่มันไม่ใช่งานของเรานะ” แต่พอผ่านไปซักพัก พวกเราถึงได้เห็นว่าสถานการณ์เป็นยังไง และมันก็ไม่ได้มีใครอื่นอยู่ตรงนั้นอีก ก็มีแค่พวกเรานั่นแหละ Narrator: พวกเขาปฏิบัติหน้าที่กันตลอด 24 ชั่วโมง และเดินทางไปทั่วประเทศกับแจ๊คสันและลูกๆ เวลาที่พวกเขาไม่ได้เดินทาง ครอบครัวของแจ๊คสันเรียกแมนชั่นที่พวกเขาเช่าอยู่ใน ลาส เวกัส แห่งนี้ว่า บ้าน Ashley: แนวกำแพงที่แข็งแรงนี้โอบล้อมตัวบ้านตัวบ้านเอาไว้ สำหรับคุณหรือว่าตัวฉันเอง พวกเราคงมองว่านี่ช่างเป็นบ้านที่งดงามเหลือเกิน แต่พวกบอร์ดี้การ์ดบอกว่าไมเคิล เกลียดการอยู่ที่นี่ Bodyguards: สำหรับคุณหรือผม มันเป็นบ้านที่เยี่ยมมาก แต่ในแง่ของการรักษาความปลอดภัยสำหรับ ไมเคิล แจ๊คสัน และลูกๆ มันเป็นบ้านที่แย่มาก Narrator: บอร์ดี้การ์ดกล่าว่า ไมเคิลรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยได้รับความเป็นส่วนตัวนัก เพราะมีเพื่อนบ้านเยอะเกินไป มีปาปารัสซี่กระจุกตัวกันอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน บางคนถึงกับปีนขึ้นไปแอบอยู่บนต้นไม้ แต่ภายในบ้านหลังนี้นี่เอง ที่บอร์ดี้การ์ดทั้งสามได้เรียนรู้เกี่ยวกับไมเคิล แจ๊คสัน เรียกได้ว่ามากกว่าใครแทบจะทั้งหมด จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:07:45

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องลูกๆ Interviewer: ไมเคิลเป็นพ่อที่ดีไม๊คะ Bodyguards: เขาเป็นคุณพ่อที่เยี่ยมยอดมาก เด็กๆจะบอกเขาอยู่ตลอดเวลา “I love you, daddy,” พวกเขา 4 คนเหมือนเป็นเพื่อนเล่นกัน ไมเคิลคือโลกของเด็กๆพวกนี้เลย Narrator: และพวกเขาบอกว่า ไมเคิลทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อที่จะกันลูกๆเขาออกไปจากความบ้าคลั่งของสื่อ Interviewer: ไมเคิลเห็นบ้างรึเปล่าเวลาหนังสือพาดหัวเรียกเขาว่า “Wacko Jacko”? Bodyguards: ครับ พอไมเคิลเห็นปุ๊บ เขาก็จะรีบกลับหน้าหนังสือทันทีเพื่อไม่ให้ลูกๆของเขาเห็น Interviewer: แต่ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จในการกันลูกๆออกไปจากสื่อพวกนี้นะคะ Bodyguards: ใช่เลย Interviewer: แล้วเขารู้รึเปล่า ว่าสาเหตุที่คนอื่นคิดว่าเขาประหลาด มันมาจากพฤติกรรมบางอย่างที่แปลกๆของเขาน่ะ Bodyguards: ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ เขาไม่ได้คิดว่ามันแปลกประหลาดอะไร Interivewer: เขาไม่คิดว่ามันประหลาดงั้นหรอ Bodyguards: แตกต่าง ผมใช้คำว่าแตกต่าง แต่ถามว่าประหลาดไม๊ ไม่นะ Narrator: และเมื่อพูดถึงลูกๆของเขา... Bodyguards: ก็เป็นเด็กปกตินะ แต่อาจจะมีไอคิวพอๆกับคนอายุ 21 เลยทีเดียว พวกเด็กๆมารยาทดีมาก สุภาพมากๆ Narrator: สุภาพมาก ดูจากโน้ตแผ่นนี้ที่ Paris เขียนเกี่ยวกับแมวที่ครอบครัวเธอเลี้ยงเอาไว้ “บิล ช่วยกรุณาซื้อปลาทูน่ากระป๋องมาเพิ่มให้ Katie หน่อยได้ไม๊คะ ขอบคุณมากค่ะ หนูรู้สึกซาบซึ้งมาก” Interviewer: ส่วนมากแล้วพวกลูกๆของดาราฮอลลีวู้ด จะไม่สุภาพแบบนี้และก็ไม่ค่อยน่าอยู่ใกล้นะคะ Bodyguards: บางทีเด็กๆก็จะมาบอกว่าเรา “อืมมม...บิล คือว่าคุณพ่อบอกให้คุณไปซื้อคุกกี้มาให้พวกเราหน่อยน่ะ” แต่พวกเรารู้ว่าไมเคิลไม่ได้พูดแน่ๆ เราก็เลยไปถามไมเคิล “คุณอยากให้เราไปซื้อคุกกี้หรอครับ” “ไม่นะ เปล่านี่ Prince! ขึ้นมานี่เดี๋ยวนี้เลย ทำไมไปบอกเขาแบบนั้น!” Narrator: สิ่งที่ไมเคิลชอบมากที่สุดก็คือการพาลูกๆไปซื้ออาหารฟาสต์ฟู้ดจาก drive-through Bodyguards: ไมเคิลยืนยันว่าเขาจะสั่งอาหารด้วยตัวเอง Internviewer: ไมเคิล แจ๊คสัน น่ะหรอ “ผมขอ Big Mac” อย่างเงี้ยนะ Bodyguards: หลังจากนั้นเราก็จะขับไปที่ช่องจ่ายเงิน ไมเคิลพูดว่า “นี่ถ้าพนักงานพวกนี้รู้ว่าใครเป็นคนสั่งนะ...” พวกเราหัวเราะกันใหญ่ Interviewer: พวกเขาไม่เคยรู้เลยใช่มั้ย Bodyguards: ไม่เลย (เลียนเสียงไมเคิล) “ผมขอ double-cheese burger ที่นึงครับ” จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:15:20

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องข่าวลือ Interviewer: ไมเคิลเป็นพวกชอบล่วงละเมิดเด็กหรือเปล่า All 3 boydguards: ไม่เลย ไม่ใช่แน่นอน ผมก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน ผมเป็นผู้ชาย เราดูกันออกและรู้จักผู้ชายด้วยกันดี ไมเคิลก็มีความปราถนาในตัวผู้หญิงเหมือนที่พวกเรามีนั่นแหละ Narrator: ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าข่าวจะออกมาว่าอย่างไรก็ตาม บอร์ดีการ์พวกนี้บอกว่า ไมเคิลมีแฟนอย่างน้อย 2 คน (!!!!!! 10 คนก็ไม่ว่าค่ะ แต่คบพร้อมกันด้วยรึเปล่าคะ!!) Bodyguards: เรามีม่านปิดช่วงเบาะหลังรถ คุณจะมองไม่เห็นตรงนั้นเลย พวกเขาก็..นั่นแหละ..คุยกันอยู่ที่เบาะหลัง...แบบนั้นน่ะ... Interviewer: ไมเคิลกุ๊กกิ๊ก จู๋จี๋กับผู้หญิงที่เบาะหลัง อย่างนั้นหรอ Bodyguards: ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงเคี้ยวหมากฝรั่งดังมากอ่ะ Interviewer: ฟังดูเหมือนกับพวกคุณไปเฝ้าเด็กวัยรุ่นสองคนขณะออกเดทเลย Bodyguards: ครับ Narrator: ในเรื่องการแต่งกายอันแปลกประหลาดของไมเคิลในบางครั้งนั้น พวกเขากล่าวว่าพลาสเตอร์พวกนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดศัลยกรรมแต่อย่างใด Interviewer: เขาใช้พลาสเตอร์พวกนั้นเพื่อปกปิดร่องรอยบาดแผลอะไรหรือเปล่า Bodyguards: ไม่ครับ อันนั้นเป็นการปลอมตัวของเขา เขาพยายามแต่งตัวให้เหมือนกับคนไข้ที่ถูกไฟไหม้น่ะ Interivewer: นั่นคือการปลอมตัวหรอ Bodyguards: สำหรับไมเคิล มันคือการปลอมตัว Interviewer: ตอนที่พวกคุณเห็นเขาลงมาเพื่อขึ้นรถวันนั้นน่ะ คุณคิดยังไง Bodyguards: เขาต้องเป็นอะไรแน่ๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย Interviewer: แล้วคุณบอกเขาหรือเปล่า Bodyguards: จะบอกได้ยังไงล่ะครับ เขาลงมากับลูกๆน่ะ เราก็เลยทักเขาไม่ได้ว่า “เอ่อ ขอโทษนะครับ คุณแต่งตัวบ้าอะไรแบบนี้ครับ” จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:19:26

ความคิดเห็นที่ 4 Narrator: แต่ปริศนาที่ใหญ่ที่สุดของไมเคิล ก็คือสิ่งที่เขานำติดตัวไปด้วย: ทำไมเขาถึงเสียชีวิต และเขาเสียชีวิตอย่างไร Bodyguards: มีอยู่สองสามครั้งที่เห็นได้ชัดว่าเขาใช้อะไรบางอย่าง เขาแปลกไป พวกเราอยู่ใกล้ชิดเขามานานจนเรารู้ ช่วงนั้นเขาผิดปกติแน่นอน Ashley: พวกเขาอยู่กับเจ้านายคนนี้ถึง 2 ปี และฉันควรต้องบอกพวกคุณว่า บอร์ดี้การ์ดทั้ง 3 คนนี้ไมได้เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆจากสัมภาษณ์นี้เลย พวกเขาแค่ต้องการเขียนหนังสือ พรุ่งนี้ทางช่อง GMA เราจะมีสัมภาษณ์ต่อพร้อมด้วยเรื่องราวอีกมากมาย เราจะคุยกันถึงเรื่องการเงินของแจ๊คสัน เรื่องที่บัตรเครดิตของเขาถูกปฏิเสธ และเรื่องที่พวกเขาถูกของร้องให้ออกจากโรงแรม นอกจากนั้นยังมีเรื่องความสัมพันธ์อันกระท่อนกระแท่นระหว่างไมเคิลและครอบครัวของเขา Robin คุณเชื่อไม๊ว่าครอบครัวของไมเคิล ถ้าอยากพบไมเคิลนี่ถึงกับต้องนัดล่วงหน้าเลยนะ และที่สำคัญไปกว่านั้น คุณรู้มั้ยว่าสิ่งที่ไมเคิลต้องการมากที่สุด คือสิ่งที่พวกเรามีอยู่และทำได้ตลอดเวลาเลย Robin: อะไรคะ Ashley: เขาอยากไป Wal-Mart! บอร์ดี้การ์ดบอกว่า ไมเคิลอยากไปบาร์และสั่งเบียร์ แค่นั้นเอง เขาต้องการในสิ่งที่พวกเรามีอยุ่แต่ไม่ได้ใส่ใจมองข้ามอยู่ทุกวัน! Robin: ค่ะ แล้วตอนนั้นคุณบอกฉันว่ายังไงนะคะ ว่าคุณได้รู้เรื่องของไมเคิลในเชิงลึกที่พวกเราไม่เคยมีโอกาสได้รู้? Ashley: ค่ะ ก่อนหน้านั้นฉันไม่ได้รู้อะไรพวกนี้เลย อีกอย่าง ฉันทำข่าวคดีเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ฉะนั้นฉันเคยมีความคิดเห็นบางอย่างกับผู้ชายคนนนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราโหลดบางคลิปขึ้นเวบไซต์ไปแล้วเพราะเรามีข้อมูลเยอะมากเหลือเกิน จนฉันรอทำเป็น teaser ไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไมเคิลอ่านหนังสือตลอดเวลา เขาอ่านพวก “Wall Street Journal” และ “Robb Report” เป็นประจำ เขามีหนังสือเป็นพันๆเล่ม ซึ่งส่วนมาเป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ลูกๆเขาก็ชอบการอ่านเหมือนกัน ไหนจะเรื่องที่ไมเคิลอยากขโมยรูปปั้นหน้าร้านขายของอีก เรื่องนั้นตลกมาก แล้วก็มีอีกเรื่องที่เขาเห็นผู้หญิงหากิน แต่ไม่รู้ว่านี่เป็นผุ้หญิงหากินจนพวกบอร์ดี้การ์ดต้องบอกเขาว่านี่เป็นโสเภณีนะ Robin: ตอนแรกคุณบอกว่าคุณไม่ค่อยแน่ใจกับสัมภาษณ์นี้ Ashley: ค่ะ นั่นคือในตอนแรก Robin: และคุณบอกว่า ที่สำคัญคือมันไม่ได้อยู่ในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่เป็นลักษณะการพูดถึงเจ้านายของพวกเขา Ashley: ค่ะ คุณเห็นไม๊คะ ว่าพวกเขาพูดต่อคำต่อประโยคกันได้เลย ฉันรู้สึกดีกับพวกเขาและคิดว่าพวกเขาจริงใจนะค่ะ สัมภาษณ์นี้จบเท่านี้ค่ะ จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:23:27

ความคิดเห็นที่ 5 อันนี้เป็นคลิปที่ไมเคิลถามพวกการ์ดเกี่ยวกับโสเภณีค่ะ http://abcnews.go.com/GMA/video/bodyguards-king-pop-10048436 Bodyguards: ไมเคิลบอกว่า “ผู้หญิงคนนั้นออกมาทำอะไรมืดค่ำป่านนี้นะ มันอันตรายไม่ใช่หรอ” พวกเราบอกว่า “เธอทำงานอยู่น่ะครับ” ไมเคิลบอก “ทำงานหรอ เธอทำงานที่ไหน ไหนล่ะที่ทำงานของเธอ” ผมก็เลยต้องบอกไปแบบตรงๆเลย “คือเธอเป็นโสเภณีน่ะครับคุณ” Interviewer: เขาไม่รู้หรอ Bodyguards: ครับ คือยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้ว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในเกราะกำบังที่แน่นหนาเหลือเกิน มีอยู่ครั้งนึงเราขับรถผ่านหน้าร้านขายของเก่า แล้วมันมีรูปปั้นอินเดียนแดงขี่ม้าขนาดเท่าตัวจริงอยู่ข้างหน้า ไมเคิลมองไปที่หลังรถแล้วพูดว่า “เนี่ย ถ้าเราไม่ได้มีของพวกนี้อยู่ข้างหลังนี้นะ จะลงไปขโมยรูปปั้นนั้นมาเลย” ผมบอกกับตัวเอง “เฮ้ ไมเคิล แจ๊คสัน ก็อันธพาลเหมือนกันนี่หว่า” จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:26:03

ความคิดเห็นที่ 6   แปะไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านนะ   ขอบคุณคุณ PK มาก ๆ จร้า สำหรับคำแปล จากคุณ : aor_mj เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:30:12

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้เป็นคลิปพูดถึงไมเคิลกับการอ่านหนังสือค่ะ http://abcnews.go.com/GMA/video/michael-jacksons-love-reading-10048405 กรี๊ด ไม่มีเวลาแล้ว โดนเรียกออกไปข้างนอก แบบคร่าวๆ ก็คือว่า ไมเคิลซื้อหนังสือเยอะมากกกกกกกกกกก แบบซื้อหนังสือทีหมดไป สี่หัาพันดอลล่าร์เป็นอย่างต่ำอ่ะค่ะ แล้วพี่เบิ้มก็บอกว่าไมเคิลเป็นคนที่มีความรู้เยอะมากๆๆ คือพวกพี่เบิ้มมาทำงานแต่ละวันนี่ต้องได้ความรู้กลับบ้านไปด้วยทุกวัน ฮ่าๆๆ น่ารัก ไปแล้วค่าาา ฝากใครก็ได้เอาไปแปะที่ club ใน FB ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:34:54

ความคิดเห็นที่ 8   ผมคิดว่าคนพวกนี้ สมควรเก็บเรื่องราว"ส่วนตัว" ของเจ้านาย(นายจ้าง) เป็นความลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนพวกนี้ทำเพื่อเงินทั้งนั้น ฝากกระทู้นี้ด้วยครับ คิดเห็นเช่นไร กับพวกขายข่าวหลัง MJ จากไป http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8969258/A8969258.html จากคุณ : blue gourami เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:51:53

ความคิดเห็นที่ 9 น่ารักดีนะเออ...การ์ดพวกนี้... จากคุณ : Shogubutsu เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 19:01:17

ความคิดเห็นที่ 10 ว้าว ขอบคุณคุณ blue gourami สำหรับความคิดเห็นนะคะ ตามไปตอบกระทู้คุณแล้วล่ะค่ะ แต่เห็นว่าตั้งอยู่ในห้องเฉลิมไทยและกระทู้ของคุณก็เป็นลักษณะบอกเล่า ไม่ได้ตั้งคำถามแบบความเห็นของคุณในนี้ เราก็เลยตอบไปกลางๆ เผื่อคนคนที่เค้าไม่ใช่แฟนอ่านแล้วได้ไม่งง ขอตอบแบบจริงๆจังๆในนี้ละกันนะคะ เห็นด้วยค่ะ สิ่งที่คุณเขียนมาคือสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ในเมื่อความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น มีคนนำเรื่องของไมเคิลออกมาเปิดเผยมากมาย ทั้งที่ทำไปเพื่อเงินซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า และทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ เราในฐานะแฟนและคนรับข่าวสาร ก็ทำได้เพียงแค่ เลือกรับข้อมูลค่ะ เรื่องบางเรื่อง เช่น การเงินหรือสุขภาพร่างกายของไมเคิลในช่วงท้ายๆของชีวิต ที่แฟนเพลงที่ได้ใกล้ชิดกับไมเคิลบางคนนำมาเปิดเผยhttp://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C8832988/C8832988.html  ซึ่งแน่นอนว่าแฟนเพลงเหล่านี้ไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆเลย ถามว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม๊ ใช่ค่ะ แต่เมื่อมันถูกเปิดเผยออกมาก็ทำให้เราได้เห็นอีกด้านของคอนเสิร์ตที่คนส่วนมากชื่นชมและคิดว่าไมเคิลตั้งตารอ อย่างเรื่องที่บอร์ดี้การ์ดทั้งสามคนนี้นำออกมาพูด ถูกต้องว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เราว่าบางเรื่องก็ทำให้คนมองเห็นได้ว่าจริงๆแล้วไมเคิลก็เป็นแค่ “คนธรรมดาๆ” คนนึง เป็นปุถุชน ที่มีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ได้เป็นเกย์ หรือเป็นบุคคลประหลาดอะไรอย่างภาพที่สื่อหลักพยายามสร้างป้ายสีให้ตลอดมา ในเรื่องข่าวสาร เรื่องราวต่างๆของไมเคิลที่ออกมาหลังจากเค้าเสียชีวิต เราค่อนข้างมั่นใจว่า คนสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนๆที่ติดตามมาตลอด มีวิจารณญาณในการรับข่าวสาร สามารถคิดได้ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนถูกใส่ไข่ หรือเรื่องไหนควรเพียงแค่ “รับรู้และรับฟัง” เอาไว้เฉยๆ แต่ไม่เก็บมาคิดต่อ แต่ถ้าเป็นพวก haters คือพวกที่ anti ไมเคิล ไม่ว่าข่าวจะออกมาดีแค่ไหน พวกเขาก็หามุมร้ายมามองได้ตลอดเวลาค่ะ เราชอบนำบทความมาแปลและแชร์เพื่อนๆในนี้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี อย่างหนึ่งก็คือ ถึงเราไม่แปล ข่าวมันก็ออกมาแล้ว และอีกอย่างก็คือบอกตามตรงว่าเมืองไทยอยู่ไกล ข่าวที่มาถึงก็น้อยและช้าเหลือเกิน แล้วบางทีมาถึงแล้วก็ผิดๆถูกๆ และขออนุญาตพูดตามตรง ว่าเราไม่อยากให้เพื่อนๆแฟนคลับชาวไทยที่อาจจะไม่ชำนาญภาษาต่างประเทศ ได้รับรู้แต่ข่าวที่มาจาก mainstream media (ซึ่งก็ใช่ว่าจะ เสนอข่าวอย่างไม่มีอคติและใจดีกับไมเคิล เพราะก็แปลมาจากเมืองนอกเหมือนกัน บางทีหนักกว่าอีก เพราะแปลตรงมาจาก tabloids เลยด้วยซ้ำ) เพราะเรารู้ว่าแฟนๆคนไทยก็รับไมเคิลไปไม่น้อยกว่าแฟนคลับเมืองนอกเลยค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 19:21:09 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 19:17:36 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 19:09:11 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 19:05:01

ความคิดเห็นที่ 11   ขอบคุณ คุณ PK สำหรับบทความแปลค่ะ สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเค้าเล่าด้วยความเคารพ รักนะ แต่ถ้าถามว่าเหมาะมั้ยบางเรื่องไม่เหมาะที่จะเอามาพูด เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ (แถมเป็นการใช้ความเห็นส่วนตัวคาดเดา) อันนั้นไม่น่าพูด แถมสื่อมันจับเรื่องนั้นไปขยายซะน่าเกลียด บางสำนักมันพาดหัวอย่างกับเคิ่ลเล่นเซ็กหมู่อยู่หลังรถ -*- และสื่อไทยมันก็ชอบเอาพวกนี้มาแปลอีกที ดีแล้วที่คุณ PK แปลจากบทสัมภาษณ์ฉบับจริง เราจะได้ไม่ต้องรออ่านจากสื่อสวะพวกนั้น พอดีไปเจอรูปโน๊ตของน้องปารีส ขอแปะหน่อยนะคะ น่าร๊ากกก จากคุณ : Better Off เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 20:07:35

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ คุณ PK ที่แปลมาให้อ่านจ้า เห็นด้วยที่พวกการ์ดควรจะเก็บความลับเอาไว้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่จะมีหนังสืออีกเล่มที่จะพูดถึง ไมเคิลในแง่ดีๆบ้าง อย่างน้อยการ์ดก็ได้อยู่กับไมเคิลมา ช่วงหนึ่ง ไม่เหมือนพวกที่เขียนหนังสือบางคน ออกแนวนั่งเทียนเขียนมากกว่า บางเล่มก็มี แต่เรื่องแง่ลบ จากคุณ : Snow Crystal เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 20:34:18

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณ PKค่ะ อยู่บ้านแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านแปะไว้ก่อนค่ะ จากคุณ : mr.roof miss you MJ. (MR.ROOF) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 20:52:48

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณนะคะ สำหรับคำแปล... ไมเคิลน่ารักจัง...และน่าเห็นใจด้วย บุคคลที่ถูกจองจำจากความมีชื่อเสียงของเขา...เฮ้อ..เศร้าจัง จากคุณ : Jeeup เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:48:49

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากสำหรับคำแปลค่ะ จากลิงค์ไปกระทู้นั้นกระทู้นี้ เลยได้ไปอ่าน กระทู้ที่คุณ PK เคยแปลไว้ ของซาแมนต้า อ่านแล้วน้ำตาไหล .... >_< จากคุณ : nangyoon เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:51:35

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อดีอย่างน้อยที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ น่าอภิรมย์กว่า แท็บลอยด์ หลายเท่าค่ะ อันนี้คิดเอง   เพราะมันก็ยังทำให้มีรอยยิ้มได้บ้าง อ่านแท็บลอยด์แล้วหน้าเหี่ยวก่อนวัยทุกที แต่ยังไงก็ต้องเสพข่าวอย่างมีสติ ไม่งั้นไมเกรนแน่เลยค่ะ และไม่ว่ายังไงคนที่เป็นแฟนไมเคิลก็อยากรับรู้เรื่องราวของเค้าอยู่แล้ว แบบปฎิเสธไม่ได้......... จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:53:16

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณ คุณ PK มากเลยค่ะ อ่านไปอมยิ้มไป กับเรื่องน่ารักๆของไมเคิล จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:57:27

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากครับที่อดทน แปลมาให้อ่านง่ายๆ จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 08:54:41

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่ะ น้องปารีสน่ารักจัง คุณพ่อเลี้ยงและอบรมมาดีจริงๆ จากคุณ : ต้าปิ่ง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 08:58:26

ความคิดเห็นที่ 20 ดีใจมากนะที่รู้ว่าไมเคิลชอบอ่านหนังสือ และซึมซับไปจนถึงลูกๆ ไมเคิลเลี้ยงลูกๆได้ดีมากๆ ความสุภาพและมีมารยาทนี้แหละคือผลพวง ไม่เคยโกรธเลยนะถ้าไมเคิลมีข่าวเรื่องกุ๊กกิ๊ก(เชียร์อีกตะหากอิอิ) ขอบคุณคุณPKที่แปลให้ชาวคลับได้รับเรื่องราวของไมเคิลในหลายๆแง่มุม ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Kz เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 11:34:52

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากเลยค่ะ   อ่านไปอมยิ้มไปเหมือนทุกคนเลย   โดยส่วนตัวเราก็ชอบอ่านเรื่องราวจากคนใกล้ๆตัวเค้าแบบนี้มากกว่าไปอ่านจากข่าวแทปลอยบ้าๆนั่น   อย่างน้อยก็มีมูลความจริงอยู่บ้าง  ซึ่งมันต่างจากแทปลอย  ที่หาสารความจริงอะไรไม่เจอเลยน่ะ จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 11:46:36

ความคิดเห็นที่ 22   ขอบคุณ คุณPK สำหรับคำแปลค่ะ อ่านแล้วอมยิ้มไป และก็แอบกังวลเงียบๆกับคอมเม้นท์ของคุณบลู เพราะเราคงไม่สามารถไปห้ามคนพวกที่ทำเพื่อเงินได้หมดทุกคนหรอกค่ะ แต่อยู่ที่ตัวเราเอง ที่จะมั่นคงและเข็มแข็งแค่ไหนที่จะไม่หลงเชื่อไปกับคนพวกนี้ ตามโน๊ตที่น้องดรีมโพสเลยค่ะ ไมค์เขียนว่า มีไมค์เป็นแฟนต้องอดทน (แปลเข้าข้างตัวเองสุดริด) จากคุณ : พี่เปีย เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 18:48:33

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณ คุณPK สำหรับคำแปลมากๆค่ะ อ่านแล้วยิ้ม ไมเคิลน่ารัก จากคุณ : catky เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 22:02:12

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับคุณblue gourami เรื่องความเป็นส่วนตัวของไมเคิลค่ะ บางคนพูดเพื่อเงิน บางคนไม่ได้อะไรตอบแทน แต่ในเมื่อทุกวันนี้มีคนออกมาพูดมากมาย และเราเองก็คงไม่สามารถไปห้ามหรือแก้ไขตรงนั้นได้ สิ่งสำคัญมันจึงอยู่ที่ตัวพวกเราเองในฐานะคนรับข่าว ฟังแล้วใช้วิจารณญาณ(ซึ่งเราเชื่ออยู่แล้วว่าแฟนๆไมเคิลหนักแน่นแค่ไหน^^) และพวกเราสามารถต่อยอดไปได้อีกว่าจะส่งสารนี้ต่ออย่างไร  ข่าวแบบพวกแท็บลอยทั้งหลายที่เอาแต่นั่งเทียนเขียนให้คนเข้าใจผิดหรือข่าวจากคนรอบข้างไมเคิลที่ไม่ได้หวังดี พวกเราจะช่วยแก้ความเข้าใจผิดตรงนี้ ให้คนอื่นที่เค้าไม่ได้เป็นแฟนไมเคิลเหมือนพวกเราเข้าใจได้อย่างไร ตรงนี้เราว่ามันก็สำคัญ:) สำหรับข่าวนี้ บอดี้การ์ดพูดถึงไมเคิลในแง่ดี อ่านแล้วก็อมยิ้มไปตามๆกัน แม้จะรู้สึกว่าบางเรื่องก็ไม่ควรพูด แต่มองในแง่ดี ก็ช่วยทำให้คนอื่นๆมองไมเคิลในมุมมองใหม่ๆได้ ไม่ได้มีแต่ข่าวเสียบ้าบอจากพวกแท็บลอยเสมอไป ขอบคุณ คุณpk มากๆสำหรับคำแปลน่ารักๆค่ะ^^ ไมเคิลเลี้ยงลูกดีจัง ส่วนเรื่องสาวๆของเฮียไม่ขอพูดละกันเพราะอิจฉา55 จากคุณ : บวรจ้า เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 22:33:02

ความคิดเห็นที่ 25   ขอบคุณสำหรับบทความดีดี แปะไว้ก่อนนะคะ เด๋วมาอ่าน จากคุณ : nokatow (nokatow) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 53 08:03:16