|
ความคิดเห็นที่ 1 |
ย่อหน้าแรกนี้ อาจจะดูไม่เข้าเรื่องนัก แต่จำเป็นต้องพูดไว้ก่อนนะครับ...
20 Hz ถึง 20000 Hz นั้นเป็นค่าเฉลี่ยที่รับรู้ได้ด้วยเซนเซอร์หรือกลุ่มโครงข่ายประสาทภายในหูชั้นในน่ะครับ ทีนี้เค้าก็มาวัดแบนด์วิดท์ (Bandwidth) หรือแถบความถี่นั้นด้วยวิธีการพล็อตกราฟทีละจุดในแบบลดทอนลงจากค่าสูงสุดลงประมาณ 0.5-3dB นี่แหละ กราฟทีละจุดนั้นหมายความว่าปล่อยคลื่นไซน์ที่มีความถี่เดียวทีละบีตทีละบีต แล้วใช้เครื่องมือวัดที่ละเอียดดูผลตอบสนองทางความถี่ของเซนเซอร์ด้วยมอนิเตอร์อีกที ซึ่งเวลากลุ่มโครงข่ายประสาทตอบสนองนั้น อาจจะเป็นไปในลักษณะเป็น Impulse ที่มีขนาดไม่มาก และเมื่อเรายึดติดว่าอิมพัลซ์ที่ได้นั้นหมายถึงการได้ยิน เราก็จะได้ค่าเฉลี่ยของแบนด์วิดท์อยู่ที่ประมาณ 20 Hz - 20000 Hz บวกลบไม่มาก อย่างที่ทราบๆ กัน...
แต่ความเป็นจริงของหูคนนั้น ไม่ได้มีแค่โครงข่ายประสาทที่ตอบสนองต่อเสียงในหูชั้นในเท่านั้น เพราะโครงข่ายประสาทนั้นยังเชื่อมโยงไปยัง "โสตประสาท" ที่เชื่อมต่อกับสมองหรือพูดภาษาง่ายๆ คือ ยังมีการรับรู้ด้วยความรู้สึก ซึ่งเราต้องเข้าใจก่อนว่า โครงข่ายประสาทภายในหูชั้นใน เป็นคนละเรื่องกับคำว่าโสตประสาท เพราะโครงข่ายประสาทรับรู้แค่การได้ยิน แต่โสตประสาทมันหมายถึงความรู้สึกด้วย เนื่องจากเป็นส่วนที่ไปสัมพันธ์กับสมองโดยตรง ซึ่งมีปัจจัยอย่างอื่นที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถรับรองผลได้ด้วยเครื่องมือวัด...
คุณ HM เคยได้ยินเรื่องของ ขันธ์ห้า มั้ยครับ ซึ่งมีรูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร และวิญญาณ เวลาเราเรียกขันธ์ 5 ในแบบสั้นๆ เรามักจะพูดว่า เป็นเรื่องของ "รูปนาม" ถึงกระนั้น คนมือถือสากฯ อย่างผม คงไม่กล้าจะอธิบายเรื่องเหล่านี้ให้ละเอียดลึกซึ้งนัก (HA HA) แต่ถ้าไม่พูดถึงก็เห็นจะอธิบายเรื่องของ 20-2000 Hz ไม่ได้เสียทีเดียว เอาเป็นว่า ถ้าเราพิจารณาเฉพาะแต่ 20-20000Hz ซึ่งมาจากเครื่องมือวัดฯ เราต้องบอกว่า มาจากค่าของแบนด์วิดท์ของโครงข่ายประสาทของหูชั้นใน ซึ่งผมฟันไปตรงๆ ว่า คือผลของ "รูป" ซึ่งคุณ HM อย่าลืมพิจารณาปัจจัยของอุณหภูมิ, ความดันเลือด, ปริมาณแร่ธาตุในร่างกาย, ความดันลม ฯลฯ ด้วยนะครับ
คุณ HM คงนึกออกแล้วว่า โสตประสาทหรือความรู้สึกที่ผมพูดถึงนั้น ก็หมายความถึง "นาม" นั่นเอง และนามนั้นก็หมายรวมทั้ง 4 อย่างหลังของขันธ์ห้าวนเวียนสัมพันธ์กับรูปอย่างนั้น เราเรียกผลของนามรูปดังกล่าวว่า โสตะ (การได้ยินเสียง + รับรู้ความรู้สึกด้วยปัจจัยของเสียง) และคุณ HM คงนึกออกแล้วล่ะนะครับว่า อันเรื่องของนามทั้งสี่ในขันธ์ห้านั้น คุณไม่สามารถวัดได้เลยว่ามีแบนด์วิดท์เท่าใด? และตรงนามที่ว่านี้ ไม่ได้บอกผลของการฟังว่า "ได้ยิน" แต่จะบอกผลของการฟังว่า "ไพเราะหรือไม่ไพเราะ" ต่างหาก!
เรื่องที่พูดไป เป็นเรื่องของ "หู" ล้วนๆ ยังไม่มีเรื่องของ "เครื่องดนตรี" เลยน๊า
เรื่องเหล่านี้ อธิบายได้ด้วยคำๆ เดียว คือ คำว่า Harmonic ซึ่งคำนี้นั้น มาจากวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ซึ่งถ้าเรามองเครื่องดนตรี สมมติว่าเป็นเปียโนเทียบกับคลาริเน็ต คุณ HM ลองกดคีย์ A1 ดูก็จะได้ 440Hz และลองเล่นโน้ต A1 ของคลาริเน็ตดู ก็จะได้ 440Hz ใช่มั้ยครับ? แต่เรารู้กันว่า เสียงของคลาริเน็ตกับเปียโนน่ะไม่เหมือนกัน เปียโนออกจะก๊องๆ แต่คลาริเน็ตออกจะบีบๆ ทั้งๆ ที่อยู่ที่ 440Hz เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะกลไกของเปียโนใช้ค้อนไปเคาะลวดโลหะ ในขณะที่คลาริเน็ตใช้ลมไปกำทอนในท่อ และเราสามารถพูดได้ทันทีใช่มั้ยครับว่า ฮาร์มอนิกของเปียโนกับคลาริเน็ตนั้น แตกต่างกัน ส่งผลให้รูปการพล็อตของสัญญาณในแบบเทียบกับเวลาและเทียบกับความถี่ของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดนั้น ไม่เหมือนกัน นี่แหละครับ เรื่องของฮาร์มอนิก...
ทีนี้ฮาร์มอนิกสัมพันธ์ยังไงกับ 20-20000Hz ?
คุณบอกว่าเปียโนมาตรฐานมี 88 คีย์ ซึ่งเท่าที่ผมดูในรูปที่โหลดมาจากกูเกิล เรารู้ว่าคีย์ซ้ายสุดให้ความถี่ได้ประมาณ 33 Hz ในขณะที่ทางขวาสุดให้ได้ประมาณ 3520 Hz! ห่างจาก 20000 ไปไกลอย่างที่คุณบอกมาจริงๆ และถ้าอ้างอิงจากที่คุณ HM บอกมาว่า "โน้ตตัวซ้ายสุดนั้นแทบไม่มีปรากฎความสุนทรีย์ ส่วนโน้ตตัวขวาสุดก็แทบไม่มีแรงส่งเสียง" ซึ่งสมมติว่าผมเชื่อคุณ ผมก็ต้องแก้ตัวแทนหูของเราทั้งคู่ว่า เราฟังเฉพาะแต่ "หัวโน้ต" แต่ไม่ได้ฟังเสียงประสาน (Harmony) และยังไม่ได้พิจารณาถึงฮาร์มอนิกเลย!
ผมกำลังจะบอกว่า ดนตรี มีความไพเราะ (หรือสุนทรีย์) ได้ก็ต้องมีองค์ประกอบของทำนอง, จังหวะ และเสียงประสาน ขาดอะไรไปไม่ได้ ปัญหาคือ เราฟังโน้ตเดี่ยวของเครื่องดนตรีใดๆ แล้ว เราคงไม่ควรเสียเวลาคิดเลยว่า "นักประพันธ์จะใช้ช่วงโน้ตกว้างขนาดไหน จะบ้าพลังรีดเค้นความสามารถของเครื่องดนตรีให้ทำเสียงสูงหรือต่ำกว่าที่เปียโนทำได้มั้ย หรือพอใจกับเสียงในระดับที่เล่นได้โดยเปียโนแล้วไพเราะ ใช้เสียงน้อยกว่านั้น" เหตุผลเพราะว่า นักประพันธ์สร้างดนตรีครบองค์ประกอบทั้งสาม และโน้ตเดี่ยวของนักประพันธ์ก็มักจะสอดประสานกับรูปคอร์ดที่ Consonance อยู่เสมอ และมิได้หลุดออกจากช่วง 33-3520Hz เลย (ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ใช้ออร์แกนท่อประพันธ์ดนตรี) แต่ถึงกระนั้น หากเขาใช้โน้ตเดี่ยวแล้วนั้น ผมมั่นใจว่า คงไม่ใช่โน้ตเดี่ยวในความหมายที่คุณกดคีย์ทางขวาสุดแบบเปลือยๆ ดังที่ทดลองอย่างแน่นอนน๊า!
ทีนี้ ฮาร์มอนิกนั้นสำคัญมากครับสำหรับตอบคำถาม 20-2000Hz โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความถี่สูง (และอย่างที่บอก หากพิจารณาเรื่องของโสตะ จะมีค่ามากกว่านั้น) สำคัญตรงที่ เราไม่ได้ฟังดนตรีแค่หัวโน้ต แต่เราฟังฮาร์มอนิกด้วย! คุณ HM คงนึกออกแล้วนะครับว่า ฮาร์มอนิกก็คือปลายเสียงหรือหางเสียงนั่นเอง!! ดนตรีที่ไม่มีหางเสียง ก็เหมือนดนตรีที่หดห้วน ขาดความไพเราะและขาดการโหยหาทางอารมณ์อย่างแน่นอน! ทีนี้ฮาร์มอนิกที่ไพเราะนั้น มักจะเป็นเลขคู่ เช่น พอเรากดคีย์เปียโนที่ 440Hz ฮาร์มอนิกที่มีความไพเราะจะไล่ไปตั้งแต่ 2 คูณ 440, 4 คูณ 440, 8 คูณ 440 เรื่อยๆ ไปจนกระทั่งขนาดของหัวโน้ตที่ 440Hz ลดทอนแมกนิจูดลง ซึ่งโสตะเราอาจจะรับรู้ได้ถึง 20-30 ฮาร์มอนิกเลยก็ได้ คุณ HM ลองคูณดูนะครับว่า แค่สิบฮาร์มอนิก ความถี่ที่โสตะเราต้องได้รับรู้นั้น จะมีค่ากี่เฮิร์ตซ์? นี่เฉพาะที่ความถี่สูง
ส่วนที่ความถี่ต่ำมากๆ ต่ำกว่า 32 Hz ฮาร์มอนิกจะไม่มีความสำคัญเท่า "จังหวะ" หรือ Rythmic ครับ และริทึมที่ว่านั้น มองในแง่ความเป็นจริง มันจะสัมพันธ์กับความถี่ของชีพจรของคนโดยตรง! และสิ่งที่เรารับรู้เสียยิ่งกว่าหูก็คือ ความรู้สึก ครับ ซึ่งภาษาชาวบ้านเรียกว่า คลื่นความถี่ หรือ Vibration ที่เกิดขึ้นบนพื้นนั่นเอง...และถ้าเรามองแค่ 20Hz ก็คงไม่พอแน่สำหรับ Vibration บนพื้น!
ผมว่าจะโยงไปในเรื่อง Audio amplifier ด้วย แต่คิดว่าเท่านี้ ผมก็เพ้อเจ้อมากพอแล้วล่ะเนาะ แหะ แหะ
^___________^
จากคุณ |
:
St@rGazer
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มี.ค. 53 00:10:12
|
|
|
|
|