ความคิดเห็นที่ 1 จริงครับ ตอนเด็กๆผมฟังเพลงหนักมาก ริฟหนักๆโซโล่เจ็บๆ ยิ่งชอบ จนซอฟลงเริ่มๆตามกาลเวลา สรุปตอนนี้ฟังเพลงเกาหลี 2PM อะไรเถือกนี้ เพลงสากลก็กลายเป็น Lady GAGA ไปแล้ว เหอะๆ จากคุณ : HamyLee เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 20:00:54

ความคิดเห็นที่ 2   ผมก็ชอบครับเพลงหนักๆ ในความหมายของดนตรีเมทัล อย่างเช่น หินเหล็กไฟ ผมชอบมาเลยครับ ชุดแรก ของพวกเขา อย่างเพลงก่อนจะสาย ที่ได้พี่แอ๊ด บาว มาแจมนิดนึง ค้างควาไฟ หรือเพลงสู้ ผมว่าเมโลดี้ก็เจ๋งดีครับ แต่พอพี่โป่งไปทำกับวงอื่นผมกับรู้สึกเฉยๆเนือยๆกับพี่เขา แม้จะไปทำกับพี่โอ้ โอฬาล ที่เป็นนักกีตาร์สุดยอด ในบางชุด ก็ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับว่าไม่อยากจะคาดหวังกับหนังที่ทำต่อภาคสอง เหมือนการทำเพลงพอชุดสองก็เจออาถรรพ์แป๊ก อีกวงที่ชอบ แบล็กเฮดครับ ชุดหลังๆของพี่แก ร้องแหกๆยังไงไม่รู้ อย่างเช่น เหนือฟ้ายังมีฟ้า ผมว่าดนตรีก็หนักอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องแหกร้องไปทำไม จากคุณ : EMINEM แร็พ แอนโรล เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 20:06:45 A:192.168.0.240 X:115.67.92.76 TicketID:246109

ความคิดเห็นที่ 3   ตอนที่เริ่มฟังเพลงหนักๆ พวก thrash metal ขึ้นไป ตอนนั้นก็ฟังทั้งไทยและเทศ ของไทยก็มีพวก ดอนผีบิน Heretic Angels Dezember แต่ปัฌหาของวงไทยตอนนั้น คือ งานมีน้อย หาซื้อยากและไม่หลากหลาย พอไปฟังวงฝรั่งมากๆเข้า ยิ่งเห็นความใหฌ่โตของอาณาจักรเมทัลของฝรั่ง ทีนี้เลยกู่ไม่กลับเลย แต่ก็อุดหนุนวงไทยมั่งนานๆที จากคุณ : Galactic Explorers เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 20:35:18

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเริ่มจากพังค์ โมเดินร๊อคพวกนี้ ตอนนี้ หนักหน้าครับ พยายามหาฟังวงหลักๆซัก10 -20วงพอ มันออกมาเยอะเหลือเกิน แต่ผมก็ฟังได้ทุกแนวๆนะ เรียกได้ว่าชอบทุกแนวเลยก็ได้ แต่Hip ไม่ค่อยถนัดนัก ที่ชอบที่สุดก็ Metal เหมียนเดิม แต่ด้วย สังคม ครอบครัว ทำให้ผมเปิดดังๆ เหมือนตอนอยู่หอพักไม่ได้แล้ว จากคุณ : my-unearth เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 21:22:37

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนใหญ่ผมฟังทุกแนวครับ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา ผมเป็นคนนึงที่ชอบฟังเพลงเมทัลมาก จนรู้สึกว่ามันฟังแล้วไพเราะ - - แต่หลังๆข่าวคราวเริ่มเงียบ เลยเริ่มฟังแนวอื่นมากขึ้น ช่วงนี้เหมือนวนลูปกลับไปฟังเพลงสากลที่เพิ่มเริ่มฟังใหม่ๆ อย่าพวก hip hop หรือ r&b แต่ยังฟังเพลงเมทัลประปรายครับ เพราะมันขาดไม่ได้ จากคุณ : MC Muggle เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 22:22:09

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับผมไม่เกี่ยวน่ะ แต่แค่ว่าเราโตขึ้น ทำให้ฟังเพลงหลากหลายขึ้นเท่านั้นเอง เหมือนสมัยมัธยม ก็ออกแนว anti pop สุดๆ ส่วนตอนนี้ j-pop k-pop ฟังหมดแหละ แถมบ้าคลั่งโหลด clip จนเต็มเครื่องไปหมดแล้ว ผมเริ่มฟังเพลงหนักๆ จาก silly fools iq180 เข้ากระแส nu-metal พอดี แล้วก็ย้อนกลับไปฟังอัลบั้ม full flavor ของ black head อย่างคลั่งไคล่ ส่วนวงต่างประเทศก็ตามกระแสเค้าไปเรื่อยๆ จากคุณ : ละมุนภัณฑ์ เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 22:26:28

ความคิดเห็นที่ 7 อาจจะใช่ silly fools ตอนทำกับ เบเกอรี่ เพลงมันส์สะใจ ทั้งดนตรี เเละเสียงร้อง พอมาอยู่ เเกรมมี่ เปลี่ยนไปเลย อีโบล่า ก้อเช่นกัน กลายเป็น ป็อป ร็อกไปเเล้ว จากคุณ : meawmeao เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 23:02:47

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนแรกผมพิมพ์ซะยาวเลย ไม่รู้คิดยังไงไม่โพสดีกว่า ยาวเกิน 555 เอาสั้นๆ ผมฟังเพลงแนวหนักๆได้สักสองสามปีแล้วมันเบื่อ ตอนนี้กลายเป็นชอบ k-pop สุดๆไปแล้ว ผมไม่ใช่เป็นคนฟังเพลงตามกระแสนะ ผมฟังได้หลากหลายตะหาก ตัวผมฟังเพลงต่างประเทศมาตั้งนานแล้ว เบื่อๆเวลาคนบอกว่าผมชอบเกาหลีตามกระแส อยากจะบอกว่าฟังเพลงเกาหลีมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่โดน ยังไม่ชอบแนวนี้ พอเลิกฟังร็อคมาชอบฟังเพลง dance (ของไทย) เลยมีโอกาสได้รู้จักเพลงของเกาหลี จังหวะเพลง ท่าเต้น นักร้อง มันโดนใจผมจริงๆ ตกหลุมรักทันทีเลยครับ >< ไฟล์เกาหลีเต็มเครื่องเหมือนคุณ คห#6 เลยครับ จากคุณ : Kyo3 เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 53 23:09:29

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะึคนไทย ชอบอะไรที่ ติดหู ดุ อย่างวงเรทโทรสเป็ค หรือ อีโบล่า ยังต้องใส่เมโลดี้ ในเพลง ถ้าอยากให้คนไทยฟังกันมากจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละบุคคลอย่างเดียวหรอกครับ มันก็อาจจะอยู่ที่ความกล้าของค่ายและการโปรโมต อย่าง จริงๆจังๆ เพลง หนักๆ ก็อาจจะไปเข้าหู ของคนฟังแนวทั่วไป แล้วคนเหล่านั้นก็อาจจะค้นพบแนวเพลงที่ตัวเอง ชอบจริงๆก็ได้ แต่ทุกวันนนี้ก็ต้องทำใจอย่างหนึ่ง วงการเพลงในการลงทุน ไม่มีใครอยากจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ก็ต้องมีท่อนเมโลดี้ ผสมกล้มแกล้มไปกับ ความโหดร้ายของการสำรอกเสียงออกจากคอ อย่างที่หลายๆวง บนดิน นำเสนอกันอยู่ แต่ถ้าเป็น สมัย แนว เฮฟวี่เมทัล แบบ หิน เหล็ก ไฟ เป็นได้อย่างงั้น มันก็จะสุดยอดๆจริง เลย !!!!!!! จากคุณ : manoman เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 00:37:24

ความคิดเห็นที่ 10   กำลังจะมาบอกว่า ช่วงนี้ผิดหวังกับ Ebola ครับ ไม่เหลือเค้าเดิมเลย โคตรชอบเลย เพลงแสงสว่าง ตอนร้องคาราโอเกะแหกปากสะใจมากจนคนมามุงดูเลย 555+ แต่ช่วงหลังๆมา เพลงเบาไปมากๆ จนเป็นร็อคดาดๆไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวผมฟังเพลง Metal ตั้งแต่ ป.2 แล้วครับ (ฟังตามพี่) ช่วงนั้นก็เป็น Limp Bizkit ที่โด่งดังจาก OST. MI:2 (หรือเปล่า ลืมๆเหมือนกัน) แล้วก็มาต่อด้วย Slipknot , Static X,Cold Chamber, Fear Factory ฯลฯ อีักมากมายจนตอนนี้ได้ฟัง Metal ทุกแขนงแล้ว ปัจจุบันผมจะปี 2 ก็ยังคงฟังมาจนถึงทุกวันนี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะหันมาชอบ Brit Rock, Indie Rock มากขึ้นก็ตามแต่ก็ยังหลงไหลดนตรีแนว Metal อยู่ดี โอเค เกริ่นพอละ เข้าเรื่องดีกว่า ส่วนตัวผม ผมว่าแล้วแต่ยุคสมัยครับ ถ้าเป็นสมัยก่อนอย่าง หิน เหล็ก ไฟ เหมือนกับเป็นผู้เปิดโลกเมทัลให้คนไทยได้รับรู้ ได้สัมผัสอะครับ ดนตรีในช่วงแรกเลยเหมือนกับว่า มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน จะเป็นที่จดจำได้ดีกว่าน่ะครับ ดังนั้น ถ้าใครทันยุคหินเหล็กไฟ ผมคงไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาเองก็น่าจะมีฐานแฟนคลับแน่นพอสมควร เทียบกับปัจจุบันนี้ ที่วงดนตรีบ้านเราค่อนข้างที่จะได้รับอิทธิพลมาจากวงดนตรีต่างประเทศซะส่วนมาก สำหรับผมคงตอบว่า เห็นด้วย ถ้าหากฟังผ่านๆ เขาก็คงคิดว่า บ้านเราก็คงจะมีแต่ร็อคแบบนี้แหละ แล้วก็เบื่อไปในที่สุด แต่ถ้าเป็นคนที่ฟังแล้วสนใจก็อีกเรื่องนึง จากคุณ : สะกดไม่ถูก เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 00:39:46

ความคิดเห็นที่ 11 ประเด็นนี้ก็ยังไม่มีใครตอบได้แน่นอนร้อยเปอเซนต์นะผมว่า มันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วย บางคนอาจจะฟังหนักมานานเลยเริ่ม จะเบื่อ เลยหันไปหาแนวอื่นๆ มันก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่กับทุกคน ผมไม่รู้ว่าจะใช้เวลาสักกี่ปีเพื่อจะเลิกฟังเมทัล แต่ผมฟังมาได้ 7 ปีแล้ว ยังมีความรู้สึกว่าไม่เบื่อ ยังหาวงใหม่ๆ รออัลบั้มใหม่ๆ ฟังอยู่เรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็หาแนวอื่นๆฟังควบคู่ กันไปตลอด จนตอนนี้มันเกิดปัญหาอีกอย่างตามมาคือ ผมไม่สามารถ บอกใครๆได้ว่า ผมชอบเพลงแนวไหนกันแน่! เพราะเพลงไหนที่มัน ติดหูผม ผมชอบหมดเลย ผมคิดว่า เราไม่สามารถบอกได้เลยว่า คนจะเลิกฟัง หรือมีแนวโน้ม จะเลิกฟังเพลงหนักๆกันตอนไหน หรือมีโอกาสเลิกฟังหรือไม่ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลอยู่ดีครับ ปล.อันที่จริงก็บอกได้แหละว่าจริงๆผมชอบแนวไหน ผมชอบร็อค เมทัล แต่เวลามีคนถามเรื่องแนวที่ชอบผมมักจะลังเลจริงๆนะ ก่อนจะตอบไปว่า ชอบทุกแนว XD จากคุณ : Norma Jump เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 00:51:28

ความคิดเห็นที่ 12 ผมอาจไม่ใช่กรณีนี้ครับ เพราะผมหันมาชอบเพลงร๊อคตอนได้ฟัง Y not 7 ชุดแรก จากนั้นก็ตามด้วยพี่อ่ำ โลโซ ซิลลี่ฟูลส์ ช่วงนั้นไป แล้วก็ไปเก็บวงที่ไม่ทันฟังตอนดังๆอย่าง Nirvana แล้วต่อด้วยแรกระแส นูเมทัลไปในช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงที่เน้นพวกนี้อย่างหนัก ซื้อทุกเดือน เกือบทุกวงที่วางแผง โชคดีอาจเป็นเพราะผมเริ่มชอบเพลงร๊อคของไทย ช่วงยุคก่อนพีค ถึงพีคพอดี ก็เลยทำให้ไม่เบื่อไปกับกระแสร๊อคซะก่อน มีวงที่ทำผลงานออกมามาก ให้เลือกฟัง แทบจะทุกเดือนเลยมั้ง ก่อนกระแสร๊อคจะซาลงไป จะมีบ้างก็ช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่รู้สึกว่าเพลงมันไม่ไปถึงไหนเลย ประกอบกับผมเองไปเจอสิ่งที่โดนกว่าอย่าง J-rock เลยซาๆไปบ้าง แต่ผมว่ายังไงๆ ผมก็สายร๊อคโดยกำเนิดครับ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 01:13:59 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 01:13:41 จากคุณ : LL cool P เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 01:11:53

ความคิดเห็นที่ 13 ความรู้สึกต่อเพลงที่ชอบฟังของผมคงคล้ายๆ คุณ Norma Jump เลยครับ เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาผมหันไปฟังพวก บิ๊กบีท เล้านจ์ ดรับ เบรกบีท เรฟ อย่างบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้ก็กลับมาฟังพวก ฮารด์คอร์-พังก์ แธรช ผมว่าจะเลิกฟังแนวไหนแนวหนึ่งที่ผมชอบสำหรับผมคงยากอ่ะครับ ยกเว้นแนวนั้นๆจะไม่มีศิลปินทำเพลงออกมาอีกต่อไป .....เหมือนไม่ได้ตอบคำถามคุณ FxxkNoEvil เลยแฮะ ฮ่าๆ ถ้าตอบตามคำถามของคุณ FxxkNoEvil เป็นเพราะวงต่างประเทศเขามีแนวดนตรีแตกแยกย่อยออกไปให้เราลองไม่รู้จบรึป่าวครับเลยทำให้เราไม่เบื่อ ตามความคิดผมนะครับ จากคุณ : lossman เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 01:19:28

ความคิดเห็นที่ 14 555 ผมอ่านคำตอบท่านๆ แล้วงง แฮะ ผมอาจจะถามไม่ชัดมั้ง คือ ที่ผมสงสัยมันไม่ใช่เรื่อง ของคนที่ฟังเพลงหนักๆ ตอนรุ่นๆ และเลิกฟังหลังจากนั้นนะครับ แต่ ผมหมายถึงคนที่เริ่มฟังเพลงหนักๆ จากวงดนตรีของไทย ที่ไม่ได้ไปฟังเพลงหนักๆ ของนักดนตรีต่างประเทศต่อต่างหาก เป็นคนละประเด็นกันนะครับ คือ ผมนึกถึงกระแสดนตรีหนักๆ ของค่ายกระแสหลักของไทยที่มีเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังปี 2000 พวก Ultra Chuadz ไรเงี้ย มาจนถึง Retrospect ผมว่าเราปฏิเสธไม่ได้ไงว่าวงพวกนี้เปิดโลกการฟังเพลงหนักๆ ของคนบางคน (มักจะเป็นวัยรุ่นยุคนั้นๆ) แต่คำถามผมคิดชะตากรรมหลังจากการได้รับการเปิดโลกดังกล่าว ผมเดาว่าส่วนใหญ่ถึงจะชอบวงพวกนี้มาก แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ไม่ได้ตามไปฟังดนตรีหนักๆ ที่คล้ายๆ กันของวงต่างประเทศ และถึงวันหนึ่งก็มีแนวโน้มที่จะเลิกฟังเพลงหนักๆ โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ดีมันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เริ่มฟังเพลงหนักๆ มาจากการฟังงานของวงต่างประเทศแล้วค่อยมาวงไทย ผมว่าพวกหลังมีแนวโน้มที่จะฟังเพลงหนักได้ต่อเนื่องยาวนานกว่า พูดแบบเป็นรูปธรรมกว่านั้นก็คือ ผมว่าคนเริ่มฟังเพลง Metal จาก Korn มีแนวโน้มจะขยับไปฟัง Metal อื่นๆ มากกว่าคนที่เริ่มฟังเพลง Metal จาก Ebola ที่มักจะหยุดอยู่แค่นั้น (ตัวอย่างจากยุคผมนะ ถ้าเป็นยุคก่อนก็อาจต้องเป็น Skid Row กับ Hi-Rock อะไรเทือกนี้มั้ง) ถามว่ามันต่างกันไป แต่ละช่วงไหม? ผมว่าก็ต่างแน่ครับ เพราะสถานะของเพลงหนักๆ ในกระบวน "เพลงตลาด" ในแต่ละยุคมันก็ต่างๆ กันไป บางยุคก็ไม่มีวงเด่นๆ บางยุควงเด่นๆ มันก็ดู Cult มาก (ผมนึกถึงยุคต้น 1990's ดอนผีบิน, Heretic Angels, Dezember อะไรเทือกนี้) บางยุควงมันก็ดังอยู่แต่ก็ไม่ดังมาก (Silly Fools ชุดแรกกับแกรมมี่) และบางยุควงมันก็ดังมากๆ (ผมนึกถึงยุคนี้กับ Retrospect) (จริงๆ ที่เรียกยุคนี่ก็เป็นเวลาไม่กี่ปีเท่านั้นเองนะครับ) สุดท้าย ผมไม่โต้แย้งนะครับว่าสิ่งเหล่านี้มันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผมหาก็คือ Pattern น่ะครับ มันอาจอธิบายได้ไม่หมด แต่ผมว่า Pattern มันก็ไม่น่าจะเกิดอย่างหากฏเกณฑ์อะไรไม่ได้โดยสิ้นเชิงในทุกระดับ จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 01:43:00

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าแบ่งเป็น "ทศวรรษ" แบบสากลดู พวก "เพลงหนัก" แต่ละทศวรรษมันก็ให้บรรยากาศต่างๆ กันไปนะ... > 1961-1970 ก็อย่างนึง > 1971-1980 ก็อย่างนึง > 1981-1990 ก็อย่างนึง > 1991-2000 ก็อย่างนึง > 2001-2010 ก็อีกอย่างนึง ...พอลองมองๆ ดู ทั้งไทยทั้งเทศก็ต้องลองดูว่าใครโตมาช่วงไหน (ที่จะมีอะไรให้ฟังเยอะๆ บ่อยๆ) แล้วบรรยากาศมันนำไปสู่ความต่อเนื่องหรือซาลงจนเลิกฟัง เฉพาะกับผม ก็ฟังเพลงหนักๆ เริ่มในช่วง 1991มาจนถึงปัจจุบัน และก็ยังฟังไปเรื่อยๆ ...คือ "จุดเลิก" คงยังไม่มี เพราะตัวเองก็ทำเพลงด้วย แต่จะมี "จุดซาๆ..." ตามปัจจัยแวดล้อม คือระยะที่ทำให้ซา เพราะต้องไปทำกิจกรรมอื่นๆ บ้าง ประกอบกับเพลงหนักช่วงนั้น ดึงความสนใจตัวเองไม่ได้ (ก็เอาเพลงเก่ามาวนๆ ฟัง ทำเก็บไว้ฟังเองบ้าง) ผมเองก็ไม่ได้เริ่มจากวงของไทยนะ เพียงแต่มีงานไทยชิ้นนึงที่ทำให้เข้าใจดนตรีพวกนี้ชัดเจนขึ้น และทำให้ฟังเพลงหนักๆ นี้อย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งตัวเพลง เนื้อหา วิธีการสร้าง พร้อมๆกับยุค "เกือบท้าย" ของนิตยสาร Quiet Storm เล่มใหญ่ และการเริ่มต้นชีวิตนักดนตรี วงของไทยผมว่ายังไงๆ ก็ "เน้นขาย" เพราะข้อแม้การ "ได้ทุนมาทำ" มันก็ต้องฟังเสียงเจ้าของเม็ดเงินบ้าง พอไม่มีใครให้ทุน ก็ไม่มีงานใหม่ออกมาอีก (เลย) เพราะหลายวงแม้แต่ "ชื่อวง" ก็ไม่ใช่สิทธิ์ของวงเอง ถ้าวงดนตรีจดทะเบียนจัดตั้งเป็น "นิติบุคคล" ขึ้นมาหน่อยแบบสากลคงไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้ หรือไม่ก็จดลิขสิทธิ์เรื่องชื่อวง ไว้กับใครสักคนนึงก่อน สมาชิกวง หรือคนในครอบครัวก็ได้ ต่อให้ไม่ตั้งวงขึ้นเป็นนิติบุคคล ชื่อก็ยังถูกคุ้มครองอยู่.....ไม่โดนใครขโมยไปใช้ (บ้านเรา ยกตัวอย่างเรื่องวงฯ เป็นนิติบุคคล ล่าสุดก็โมเดิร์นด็อก...เก่าหน่อยก็ดอนผีบิน...คือไม่ต้อง "บริษัท" ก็ได้ แค่ "ห้างหุ้นส่วนสามัญ" หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดก็พอ) เพราะถ้าสังเกตจะเจอแบบ "วงเก่า-แต่ชื่อใหม่" แต่คนฟังเข้าใจว่าวงเก่ายุบวงไปแล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้ยุบ แค่เอาชื่อวงมาใช้ไม่ได้ เลยต้องตั้งชื่อใหม่ ก็เลยกลายเป็นเข้าใจว่า "เลิกไปแล้ว" นี่คนละวงกัน (แต่จริงๆ วงเดิม แล้วบางวงไม่ได้เปลี่ยนสมาชิกเลยก็มี) ส่วนวงฝรั่งที่เป็นนิติบุคคลแต่เริ่ม หรือถือลิขสิทธิ์ชื่อไว้เอง ก็ใช้ชื่อเดิมต่อเนื่องได้เลย ต่อให้เปลี่ยนสมาชิกซะจนจำใครไม่ได้ งานในชื่อก็ยังอยู่ ต่อให้เป็นงานใหม่ล่าสุด แต่ก็ยังเชื่อมโยงถึงฐานแฟนเพลงเก่าๆ ได้ จะ20-30 ปีหรือกว่านั้น ก็ยังโอเค มันดูต่อเนื่อง... #10 อย่างวง Ebola ถ้าเป็นแฟนวงนี้ ตามมาตลอด ก็จะถูก "เปลี่ยนความหนัก-เบาของเพลง" ให้เบาลงมาเอง ...โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนวงเลย คือบางคนก็ไม่ได้อยากจะเลิกฟังเพลงหนักๆ เพียงแต่วงที่เค้าตามอยู่ เล่นเบาลงมาเอง บางวงก็เบาไปหนัก อย่าง Potato, Bodyslam ซึ่งก็เป็นวง Pop ที่ไม่ค่อยจะออก Rock เท่าไรมาก่อน คงต้องลองสังเกตว่าคนที่ฟังเพลงหนักๆ ของไทย เค้าฟัง "หนัก-ตลาด" หรือ "หนัก-ใต้ตลาด" ถ้าหนัก-ตลาด ก็ "วาย" ไปตามตลาด ...แต่ถ้า "หนัก-ใต้ตลาด" ระยะนี้รู้สึกว่า.... "คนเล่นมีมากกว่า-คนฟัง" คือ คนฟังกลายมาเป็นคนเล่นเยอะขึ้น... จัดงานกันที ที่นั่งๆ ดูกลายเป็นพวกวงที่มาเล่นเหมือนกัน คนฟังที่ไม่ได้มาเล่นมีอยู่หน่อยนึง (ที่จัดกันเล็กๆ นะครับ) งานใหม่ๆ วงใหม่ๆ ก็ยังมีออกมาเรื่อยๆ จะมากบ้างน้อยบ้างก็เถอะ... ถ้าเป็น "ผู้ฟังเฉยๆ ที่ไม่ได้จะขยับมาเป็นผู้เล่น" ....ก็เป็นไปได้ครับว่าจะ "ขยับ" ไปทางเลิกฟัง...หรือไม่ก็ยังเป็นผู้ฟังต่อไป สม่ำเสมอหรือซาลง ก็ว่ากันไป... แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 21:19:03 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 02:33:58 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 02:31:29 จากคุณ : PASSION_WARFARE เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 02:14:51

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเห็น คุณ  FxxkNoEvil มองปรากฎการณ์แบบมานุษยวิทยาไปหน่อย มันเลยไม่เห็นมิติอื่นๆที่มีผลกระทบจนเป็นพลวัตรต่อการเลือกและเปลี่ยนแปลงวิถีการฟัง โดยเฉพาะมิติด้านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและชนชั้นในไทย มิติด้านเศรษฐกิจการเมือง หมายเหตุ ผมเข้าใจและเดาเองในบริบทว่า คุณ  FxxkNoEvil ต้องเรียนมานุษยวิทยาหรือกำลังเรียนอยู่แน่ๆ ....... ที่เดาอย่างนี้ เพราะเคยเรียนศาสตร์ด้านนี้มาก่อน ส่วนตัวเห็นว่า มโนทัศน์ประเทศไทยในภาพรวมเพิ่งจะยอมรับว่าเราเป็นสังคมอุตสาหกรรมได้ไม่นานมานี้เอง ลึกลึกคนในเมืองยังคิดเสมอว่า สังคมบ้านเรายังเป็นสังคมเกษตรอยู่เลย โดยเฉพาะมิติที่มองคนต่างจังหวัด(จากมุมมองคนกรุงเทพส่วนใหญ่) เพลงร็อคเป็นเพลงที่เติบโตในยุคของการสู่ความเป็นทันสมัยในบริบทอุตสาหกรรมในโลกเสรีนิยม ประกอบกับวิกฤติทางเศรษฐกิจระดับโลกอันเกิดจากพลวัตรของการแสวงกำไรส่วนเกินของระบบทุนนิยม และภาวะการสื่อสารข้ามโลกในการเข้าสู่กระบวนการโลกาภิวัฒน์ หลังหลัง ผมไม่ค่อยแปลกใจว่า ทำไมเพลงร็อคแบบหนักๆเริ่มได้รับความนิยมในหัวเมืองต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองมากขึ้น เมื่อพิจารณาว่า กลุ่มคนฟังนั้นคือนักเรียน นักศึกษาที่เรียนในระบบเพื่อเป็นฟันเฟืองในระบบอุตสาหกรรมแบบทุนนิยมเสรี........ คงยากมากที่จะเห็นชาวนา ฟังเพลงร็อคหนักกะโหลก เพราะมันไม่ใช่วิถีชีวิตของเขาเลย ถ้านึกเล่นๆ อย่างประเทศจีน ผมยังนึกไม่ออกว่า เพลงร็อคหนักๆของจีน มันจะเป็นอย่างไร หากนึกถึงยุโรปตะวันออก ก็ยังนึกไม่ออก(ถ้ามีก็ลองแนะนำหน่อยก็ดี) หรือในคิวบา หรือเวเนสุเอล่า จะมีเพลงร็อคหนักๆหรือเปล่า ลองนึกถึงประเทศฮ่องกงในอดีต ก็ยังนึกไม่ออกว่ามีเพลงร็อคหนักกะโหลกไหม เพราะฮ่องกงเติบโตด้วยเศรษฐกิจภาคบริการ เช่น ท่าเรือและไฟแนนซ์ อาจจะมีอุตสาหกรรมบ้าง แต่ก็ย้ายโรงงานไปประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า เช่น ไทย เวียดนาม จีน และที่อื่นๆที่ค่าแรงถูกกว่า เป็นต้น ผมกลับมองว่า เพลงร็อคที่อยู่และเป็นไปนั้น มีบริบทในปฎิสัมพันธ์เชิงอำนาจของแนวคิดแบบเสรีนิยมตะวันตก พลวัตรเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี และภาวะโลกาภิวัตน์เป็นปัจจัย ร่วมหนุน เกื้อกูลและแลกเปลี่ยนความหมายกัน ผมไม่แปลกใจว่า ทำไมเพลงร็อคในตอนนี้มันเงียบไปมาก ส่วนหนึ่งลองคิดเล่นเป็นสองประเด็น คือ 1.ที่อเมริกัน การยอมรับความเป็นผิวสีของรัฐอเมริกัน ทำให้เกิดดนตรีพื้นถิ่นของผิวสีได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ดนตรีผิวขาวหันไปบูชาเพลงคันทรีซึ่งเป็นเพลงพื้นถิ่นของผิวขาวเอง 2.ที่ยุโรปในปัจจุบัน(อันนี้อาจจะวิเคราะห์ยากกว่าที่อเมริกา) ผมเห็ฯว่า ยุโรปโดยถ้วนหน้าประสบภาวะฟุบตัวทางเศรษฐกิจประกอบกับเทคโนโลยี่ในการก็อปปี้ ดาวน์โหลดในโลกอินเตอร์เนตอย่างเสรี(อเมริกาก็โดน แต่ที่โน่น กฎหมายเขาเอาจริง ดูกรณ๊แนปสเตอร์) จึงทำให้ดนตรีในเชิงพาณิชย์ศิลป์ยังอยู่ในภาวะปรับตัว การเกื้อหนุนทุนเพื่อผลิต จัดจำหน่ายและโปรโมตนักร้องหน้าใหม่ จึงเป็นไปได้ยาก ครั้นมีโลกอินเตอร์เนต ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ง่ายที่จะหาวงเหล่านี้ฟัง เพราะ มันไม่มีการรวบรวมและสร้างช่องทางเสรีฟังกัน หรือหากจะเสียเงิน ก็ไม่อยากจะเสียเงิน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพก็ย่อมมีปัญหากับการบริโภคเพลงด้วย สุดท้าย ผมเคยคิดว่าไอ้ทฤษฎีพรรค์นี้น่าจะเขียนเป็นวิจัยนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ได้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าสาขาที่ผมเรียนและตัวผมเอง คิดอยากจะให้มันเกิดหรือเปล่า........... ถ้าคิดเอาไปใช้ ขอเครดิตด้วยนะครับ เผื่อจะได้มีกำลังใจไปคิดต่อ ข้อสังเกต เพลงร็อคหนักกะโหลกมักจะมีมิติสัมพันธ์หลักที่มโนทัศน์การอธิบายแบบอุตสาหกรรม เช่น เสียงตีเหล็ก ความดัง  เป็นต้น   ส่วนที่เหลืออาจจะถูกปรุงแต่งโดยมิติทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อสร้างการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนความหมายให้รู้สึกบริโภคได้ง่ายขึ้น ไม่ต่างอะไรกับการมีพิซซ่าหน้าใบกระเพราะ หรือแมคข้าวปุ้น เป็นต้น ส่วนการผลักดันกระบวนการสู่ความเป็นผลิตภัณฑ์ในฐานะสินค้า เป็นเรื่องของทุนนิยมร่วมมือกับระบบอุตสาหกรรมในการร่วมผลิตและหาส่วนเกินจากยอดขาย รอยัลตี้.........  ความจนกับรสนิยม ไม่ปราณีใคร จึงเกิดเทปผีซีดีเถื่อนเพื่อรองรับแรงงานปกน้ำเงินในระบบอุตสาหกรรม รวมไปถึงผู้ขาดกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง เช่น นักศึกษา นักเรียน เป็นต้น จบดีกว่า ผมว่า ผมนอกประเด็นแล้ว จากคุณ : นายกลางคืน เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 09:18:55

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเริ่มฟังตอนยุค Linkin Park, Limp Bizkit ก็ไล่ฟังมาเรื่อยๆ พอยุค Metalcoreก็ฟังพอมาช่วงนึงได้ฟังBig Four เป็นอะไรที่โดนมาก   ตอนนี้ก็กลายเป็นมาฟังทุกแนวไปแล้วทั้ง Pop,Classical,Boy Bandเหมือนตอนเด็ก จากคุณ : A7X Rulzzz เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 10:40:46

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าคนส่วนใหญ่ที่เริ่มฟังจากไทย ฟังเพราะมันใกล้ตัวหรือบางทีมันเป็นแฟชั่น เบื่อหน่ายตลาดเพลงไทย อยากแตกต่างไรเงี้ย เห็นเพื่อนฟัง ฟังตาม ชอบมากชอบน้อยก็แล้วแต่คน ถ้าชอบมากๆก็จะไปตามหาวงนอกต่อ จากคุณ : love mika เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 12:32:39

ความคิดเห็นที่ 19 ของผมแรกเริ่มฟัง Slipknot ก่อนเลยครับ แล้วก็หาฟังยุคเก่าๆพวก Metallica Antrax Pantera ตอนนี้ที่ฟังบ้างก็มีแค่ A7X กับ Trivium ส่วนใหญ่ตอนนี้ฟังแต่ John Mayer กับเพลงป็อปทั่วไป จากคุณ : blinded in chains เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 16:06:00

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าน้อยน่ะ คนที่ฟัง ebola ใต้ดิน  แล้วไม่ไปฟังวงต่างประเทศต่อ (ผมซื้อเทปอัลบั้ม in my hate ด้วยน่ะ 5555 จำได้ว่าตอนนั้นปี 2002 มั้ง ขึ้นกทม เพื่อนบอกมรึงไปร้าน jedi เลย สุดท้ายได้ dajim กับ ebola มา) แต่ถ้ายุค retrospect นี่ ผมว่าเยอะพอสมควรเลย ที่ฟังแต่ restro เพราะ retro ดังในวงกว้างมากกว่า ซึ่งรวมไปถึง rock ขาจร ส่วน silly fools iq 180 ก็ดังแค่กลุ่มเดียว ไม่ใช่วัยรุ่นขาโจ๋ทั่วไป จากคุณ : ละมุนภัณฑ์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 16:36:44

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่รู้จะโดนใครว่าหรือเปล่า ถ้าผมจะบอกว่า มีหลายคนที่ผมเห็น จบการฟัง Jrock ( หรือ บางทีก็เพลง rock ) ที่ xjapan หรือ วงอีก 2-3 วงในห้วงเวลานั้น แล้วไม่ได้ไปต่อ แบบเดียวกัน ถ้าอย่างนี้ผมจะบอกได้มั้ยว่า บางทีกลุ่มคนที่ FNE ถามเป็น กลุ่มที่ยึดติดกับ เพลง / ศิลปิน นั้นๆสูง และใช้เพลงนั้น ศิลปินนั้นเป็น boundary จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวไม่แน่ใจ ขอบเขตที่จะขวนขวายต่อยอด มักจะจบที่ scene ดนตรีวงนั้นๆ ในขณะที่กรณีอื่นๆ scene ของมันอาจจะไม่ได้จบอยู่แค่นั้น มันมีทางให้ไปต่อ ถ้าเค้าอยากต่อ บางทีมันก็ไปตาม family tree ของมัน ทั้งขึ้นบนและลงล่าง หรือบางทีก็ข้าม genre กันเป็นว่าเล่น จากคุณ : monomice เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 16:50:40

ความคิดเห็นที่ 22 เริ่มเพลง หนักๆจาก LP Slipknot Limb แล้วก็ Greenday( นับว่าหนักปะ 55) เมื่อราวๆปี 2002 ได้ครับ ต่อมาก็ มาฟังพวก อีโม สครีมโม ในยุคที่บ้านเรากำลังดังสุดขีด ราวๆ ปี 2004-2006 หลังจากนั้นก็ผันตัวเองมาฟังพวก เมทัล คอร์ เดธคอร์ ได้สัก สาม ปี ถึงปี 2009 ด้วยความ่ที่ว่า อายุเยอะขึ้น เห็นโลกมาเยอะ 555 ก็เปลี่ยนแนวเพลงฟัง จากเพลงหนักไปฟังพวก Alternative Britpop พวกยุค 90 อะไรเทือกนั้น ตอนนี้ก็ฟังได้เรื่อยๆแต่ก็ชอบฟังเพลง พวก อินดี อัลเตอร์เป็นหลัก ซะมากกกว่า แล้วคงคิดว่า ไม่น่าจะเปลี่ยนแนวเพลงร๊อคแล้วเพราะ ถือว่าที่ผ่านมา ฟังมาทุกแนว เริ่มโตขึ้น คงจะหาเพลงร๊อคที่ฟังได้อย่างกว้างขึ้นยากขึ้นแล้วอะครับ จากคุณ : [M]eenz เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 19:17:39

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นสมมติฐานที่ใกล้เคียงกับคนรอบตัวผมเลยครับ จากการตั้งข้อสังเกตของผมเอง คนที่จะต่อยอดการฟังเพลงสากลหนักๆได้นานๆ จะมีอคติหรือ ความคิดต่อต้านเพลงตลาดไทยอยู่ในใจไม่มากก็น้อย คือเมื่อถึงจุดนึงจะหักดิบเลิกสนใจเพลงไทยแล้วหันไปขวนขวายค้นหาเพลงสากลมาฟังเลย แล้วจะกลับมาเปิดใจรับเพลงไทยอีกครั้งเมื่อฟังเพลงสากล มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว จากคุณ : Armakusa Gin เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 21:34:15

ความคิดเห็นที่ 24 โอ ตอบกันเต็มเลย ขอบคุณมากครับขอบ Reply ดังนี้ # 16 ผมอ่าน คห. คุณนายกลางคืนแล้วอมยิ้มเลยครับ ผมเคยเรียนมานุษยวิทยาครับ แต่ผมแอนตี้วิธีการวิเคราะห์แบบนี้มากๆ เลย สิ่งที่ผมไปทะเลาะกับชาวบ้านคือ เรื่องพวกเงื่อนไขทางวัตถุกับเศรษฐศาสตร์การเมืองนี่แหละครับ ผมว่าหลังๆ มันขาดตรงนี้ไปเยอะ (ผมอธิบายได้ว่าทำไม แต่ขอไม่อธิบายในที่นี้ครับ เพราะจะยาวมากๆ) อย่างไรก็ดีไอ้คำถามพวกนี้ที่ผมพยายามยกมันก็ถูกตีมาครับว่าไม่ใช่ปัจจัยชีขาด คือมันคงจะต้องมีสภาวะความเป็นเมือง (แบบที่คุณนายกลางคืนเน้น) มีชนชั้นกลางที่มีรายได้พอ มีไฟฟ้าใช้ มีกีต้าร์ขาย มีห้องซ้อมดนตรีแพร่หลาย มีร้านขายงานดนตรีแพร่หลาย ฯลฯ ดนตรีที่มันแปลกๆ ออกมาถึงโผล่มาได้ แต่นี่มันไม่ได้อธิบายว่า คนเมืองจะฟังเพลงแบบไหน คำถามง่ายๆ คือว่า ทำไมคนที่เป็นชนชั้นกลางเหมือนกัน ได้รับการศึกษาใกล้เคียงกัน ทำไมคนหนึ่งฟังเพลงตลาดไทย อีกคนฟังเพลงร็อคอังกฤษ อีกคนฟังญี่ปุ่น อีกคนฟังเมทัล อีกคนฟังโปรเกรสซีฟ อีกคนฟังแจ๊ส ??? ทั้งหมดมันเกิดขึ้นใต้เงื่อนไขความเป็นเมืองหมดเลยครับ พวกนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมดนตรีคน "ต่างจังหวัด" แน่ๆ แต่ไอ้เงื่อนไขพื้นฐานนี้มันไม่บอกเราเลยว่า สุดท้ายจริงๆ ที่คนเลือกฟังเพลงอะไรเพราะเหตุอะไร และทำไมเขาถึงฟังหรือไม่ฟังต่อ ซึ่งผมในฐานะที่เป็นนักสังคมศาสตร์ ผมเชื่อว่ามีคำอธิบายบางอย่างที่มันมากไปกว่าที่ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคล ผมว่ามันต้องมีคำอธิบายที่มันรวมหมู่กว่านั้น มีลักษณะเป็นคำอธิบายเชิงสังคมวัฒนธรรมกว่านั้น คือไม่ใช่ผมไม่สนใจการวิเคราะห์แนวเศรษฐกิจการเมืองนะครับ ผมว่ามันสำคัญและเป็นฐานมากๆ แต่ผมว่ามันยังไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดครับ จริงๆ กระทู้นี้ที่ผมถามมาแบบนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของคำถามครับ ผมค่อยแกะไปเรื่อยๆ ดูเงื่อนไขทางวัตถุและปัจจัยเขิงโครงสร้างต่างๆ ควบคู่ไปกับปัจจัยส่วนบุคคล เวลาผมถามผมก็จะย่อยคำถามมาให้มันง่ายๆ หน่อย ไม่งั้นคนตอบก็คงงงกันและคำตอบก็จะออกมางงๆ ซึ่งผมก็ไม่ต้องการ ให้ผมโพล่งถามมาว่า "อะไรคือเงื่อนไขทางเศรษฐกิจการเมืองของเพลงเมทัลในไทย" นี่ ถ้ามีคนตอบและแลกเปลี่ยนผมคงยินดีมากๆ เลยครับ แต่บอกตรงๆ ว่าไม่กล้าตั้งเท่าไรกลัวแป้ก 555 อ้อ ทั้งจีน ยุโรปตะวันออก และอเมริกาใต้ ล้วนแต่มีร็อคหนักๆ นะครับ ผมว่าก็เริ่มมีมาช่วง 1980's กันละมั้ง อย่างช้าๆ ก็ 1990's นี่พูดถึงมีวงเป็นของตัวเองนะครับ พวกเทปอัดนี่ผมว่าหลายประเทศก็น่าจะแพร่หลาย เอาง่ายๆ น่ะครับ มันมีทฤษฎีว่าคอมมิวนิสต์ยุโรปตะวันออกล่มเพราะดนตรีร็อคด้วยซ้ำนะครับ ... แต่คนส่วนใหญ่ก็เห็นว่ามันเวอร์มากๆ และเป็นมุมมองที่โรแมนติคแบบไม่ไหวแล้ว จีนนี่หลังๆ มามีแน่ๆ เยอะด้วย มีงานศึกษาออกมาไม่น้อยเหมือนกัน (เคยอ่าน แต่หาฟังไม่ได้ 555) เมกาใต้ผมว่าน่าจะมีมานานละ แต่ผมไม่แน่ใจเงื่อนไขภายในต่างๆ เหมือนกัน ทางไทยนี่ ผมกลับมองว่าปัจจัยที่น่าสนใจมากๆ คือการที่เทปผีเพลงต่างประเทศมันโตจัดๆ ช่วง 1980's ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ธุรกิจดนตรีในไทยยุคใหม่มันก่อตัวภายใต้ พรบ ลิขสิทธิ์ 2522 พอดี พูดง่ายๆ คือความตลกคือ การเคารพลิขสิทธิ์เพลงไทย มันไปได้กับการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงต่างประเทศ จัดเป็นระบอบลิขสิทธิ์ที่ชาตินิยมมากๆ (อย่านึกว่าเป็นเรื่องแปลกนะครับ ในอเมริกาก็เคยเป็น ตอนแรกนี่กฏหมายลิขสิทธิ์ของอเมริกาไม่คุ้มครองประเทศยุโรปเป็น 100 ปีเลย ดังนั้นหนังสือนักเขียนยุโรปจึงถูกละเมิดลิขสิทธิ์อย่างชอบด้วยกฏหมายมาอย่างนาน - ส่วนจบไปยังไงเหตุผลซับซ้อนพอตัวครับ ไม่ขอเล่า) และผมว่าเราต้องเข้าใจตรงนี้บนบริบทของราคาของเครื่องเล่นเทป เครื่องอัดเทป ฯลฯ ที่ถูกมากในช่วง 1980's คือถ้าคนไม่มีปัญญาซื้อเครื่องเล่นพวกนี้ธุรกิจเทปเพลงมันก็มีไม่ได้น่ะครับ และถ้าจะหันมาอีกฝั่ง เราก็จะพบเลยว่ายุคนี้เสรีนิยมใหม่มันโต การย้ายฐานการผลิตมันเกิดขึ้นกับหลายๆ สินค้า และอย่างหนึ่งก็คิอ กีต้าร์ ไปดูได้เลยครับ ยุคนี้บริษัทกีต้าร์หลายๆ บริษัทได้ไปตั้งโรงงานในประเทศโลกที่สาม ทำให้กีต้าร์ Brand แพงๆ หลายๆ อันมีของถูกที่ไม่ได้ Made in USA มาขาย และยุคนี้พวก Brand เล็กๆ น้อยๆ ก็โผล่มากันเต็ม ซึ่งก็ทำให้ในตลาดมีการแข่งขันมากขึ้นจาก Brand ที่ราคาถูกกว่าเดิม และนี่ก็ไม่ใช่แค่เสรีนิยมใหม่ เราต้องไม่ลืมว่ายุคนี้กีต้าร์ฮีโร่และดนตรีเฮฟวี่เมทัล (หมายถึง แฮร์แบนด์) มันครองอเมริกาด้วย ซึ่งนี่ก็ยิ่งส่งเสริมการเล่นกีต้าร์ไปอีก สรุปคือ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้น 1990's มันมีกระแส Alternative มันไม่ใช่แค่คนเบื่อดนตรียุค 1980's ครับ แต่ประเด็นสำคัญที่คนไม่กล่าวถึงคือ ต้นทุนในการทำวงมันต่ำลงมากด้วย ไม่ต้องพูดถึงทุกวันนี้ครับที่มันต่ำลงไปอีก 555 เลยประเด็นไปเยอะเหมือนกัน เพลินไปหน่อย จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 01:01:28

ความคิดเห็นที่ 25 # 21 "มีหลายคนที่ผมเห็น จบการฟัง Jrock ( หรือ บางทีก็เพลง rock ) ที่ xjapan หรือ วงอีก 2-3 วงในห้วงเวลานั้น " นี่เป็นสิ่งที่ผมเห็นเหมือนกันครับ เหอะๆ จริงๆ ผมว่าคนจำนวนมากในรอบราวๆ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี่จบชีวิตการเล่นดนตรีหนักๆ ด้วย X-Japan ไม่ก็ Dream Theater น่ะครับ อันนี้รวมจากทั้งที่เห็นเองและได้ยินมาด้วย แต่ที่น่าสนใจคือ เท่าที่ผมเห็นคนฟัง DT จะไม่ได้จบแค่นั้นนะ แต่สำหรับ X ผมว่าหลายๆ คนที่ผมเจอเขาจบแค่นั้นจริงๆ บางคนก็ยังไม่เลิกฟังนะยังฟังอยู่ยังชอบอยู่แต่ไม่เคลื่อนไปไหน พยายามจะป้อนอะไรคล้ายๆ กันให้ฟังบ้างก็ไม่สนเลย แปลกดีเหมือนกัน เหอะๆ # 23 "เป็นสมมติฐานที่ใกล้เคียงกับคนรอบตัวผมเลยครับ จากการตั้งข้อสังเกตของผมเอง คนที่จะต่อยอดการฟังเพลงสากลหนักๆได้นานๆ จะมีอคติหรือ ความคิดต่อต้านเพลงตลาดไทยอยู่ในใจไม่มากก็น้อย คือเมื่อถึงจุดนึงจะหักดิบเลิกสนใจเพลงไทยแล้วหันไปขวนขวายค้นหาเพลงสากลมาฟังเลย แล้วจะกลับมาเปิดใจรับเพลงไทยอีกครั้งเมื่อฟังเพลงสากล มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว " อันนี้ตรงกับที่ผมคิดสุดๆ เลยครับ แต่เรียบเรียงออกมาได้ไม่ดีเท่าไร แต่อันนี้มันอธิบายผมได้เลย แต่ที่คุยๆ ปรากฏว่ามันก็ไม่ใช่กรณีปกติเท่าไร เพื่อนผมจำนวนมากฟังเพลงไทยมาก่อนและก็ไม่ค่อยได้เกลียดอะไร แต่ผมฟังเพลงต่างประเทศมาก่อน เพลงไทยผมมาฟังทีหลัง มานึกๆ ดูผมว่าความขัดแย้งอันหนึ่งที่เป็นส่วนกำหนดการฟังเพลงผมคือความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ ในโรงเรียนผม พวกผมนี่แทบจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มี Identity เป็นคน Metal เลยแหละ พวกแก๊งค์อื่นที่ฟังเพลงต่างประเทศก็จะมีพวกที่ฟัง X-Japan กะ Dream Theater (พวกแก๊งค์นักดนตรี) กับพวกฟังเพลงญี่ปุ่น คือ มันเหมือนแต่ละฝั่งก็ต้องรักษาเอกลักษณ์เอาไว้ด้วยน่ะครับ จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 01:27:26

ความคิดเห็นที่ 26   "คนที่เริ่มฟังเพลงหนักๆจากวงดนตรีของไทย" ประเด็นนี้เป็นการพูดถึงกลุ่มคนกลุ่มใหญ่มากๆ ไม่แปลกที่คนกลุ่มนี้จะฟังไม่นานและเลิกไป งานวงไทยหาง่าย จับต้องได้ แค่ซื้อมาฟังก็ถือว่าฟังแล้ว? และวงดนตรีไทยที่อ้างถึงก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นวงกลุ่มไหน ถึงแม้แต่วงต่างประเทศเองยังมีเกรดของมันเลย แต่ละประเภทก็มีตลาดคนฟังต่างกัน แทนที่จะถกประเด็นเรื่องวงไทย-วงต่างประเทศ น่าจะถกถึงเรื่องประเภทของวงที่คนเริ่มฟังแล้วส่งผลต่อการฟังในระยะสั้น-ยาวจะน่าสนใจกว่านิดนึง เพราะกลุ่มที่เริ่มฟังวงไทย แล้วชอบอย่างจริงจัง มันต้องขยับไปฟังวงที่ถึงแก่นกว่าอยู่ดี แล้ววงพวกนี้หากสาวยอดไปเรื่อยๆ มันคงไม่ใช่สุนทราภรณ์หรือสุรพล สมบัติเจริญหรอก มันต้องไปโดนพวกวงต่างประเทศแน่ๆ หรือแม้แต่พวกที่เริ่มฟังจากวงต่างประเทศหากเป็นคนที่ตามกระแสแฟชั่นไปเรื่อยแล้ววันนึงก็ต้องเลิกฟัง เผลอๆอาจจะมาฟังวงไทยวัยรุ่นตามยุคสมัยอย่างบ้าคลั่งก็ได้ ประเด็นเรื่องปัจจัยที่ส่งผลให้คนเลิกฟังเพลงก็น่าสนใจ เช่น หมดศรัทธากับวงที่ชอบ เปลี่ยนที่เรียน เปลี่ยนกลุ่มเพื่อน เปลี่ยนงานใหม่ ตกงาน มีครอบครัว มีแฟนใหม่ ไม่มีตังค์ หรือความยากง่ายของการหางานมาฟัง แม้กระทั่งอิทธิพลของสื่อต่างๆก็น่าจะมีผลไม่น้อย แต่จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นประเด็นไหนๆก็ตาม ท้ายสุดมันจะมาลงที่"รสนิยม"แน่นอน คนที่เริ่มฟังจากIron Maidenแล้วไปชอบSuffocationและขยับไปจนถึงNocturnalจนสุดท้ายเลิกฟังมีเยอะแยะ คนที่เริ่มฟังEbolaแล้วไปเจอDevourmentจนไปหยุดที่Black Witcheryก็มีไม่น้อย จากคุณ : Bastard เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 53 21:40:14 A:58.9.193.52 X: TicketID:261712

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนแรกผมติดพวกป๊อป...ตอนหลังๆเริ่มฟังเมทัล เพลงแรกรู้สึกว่ามาจากKamelot(ทุกวันนี้ก็ยังเป็นวNo.1ของผม) ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักแนวหรือชื่อเพลง ชื่อวงด้วยซ้ำ เอาอีกทีตอนเพื่อนให้ฟัง ตอนแรกๆก็ไม่ค่อยได้ฟัง พอมาเปิดฟังเอง ติดALL Shall Perish ขึ้นมา 55+ ตอนนี้ก็แสวงหาเพลงเพราะจากเพลงเมทัลนี่ล่ะครับ... จากคุณ : อะไรก็ได้ ง่ายๆ... เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 03:08:11

ความคิดเห็นที่ 28 ประเด็นของคุณ Bastard น่าสนใจครับ 1. ประเด็นเรื่องการสาวยอด อันนี้ผมเห็นด้วย แต่ผมว่าแนวคิดว่าเราจะสาวยอดไปไหนนี่ก็น่าสนใจนะ ผมว่าหลายๆ คนที่ฟัง X-Japan บางคนอาจจะมองว่ามันเป็น Metal และต้องสาวกลับไปที่ตะวันตก แต่เอาเข้าจริงคนฟัง X-Japan จำนวนมากกลับสาวกลับไปหาพวกเพลงญี่ปุ่น ทำไมล่ะ? อันนี้ฝากคิดกันเล่นๆ ครับ ถ้าถามผม ผมว่ามันเป็นเรื่องของการสร้างประวัติศาสตร์และสร้างวงศ์ตระกูลทางดนตรีด้วยนะ คือดนตรีบางชนิดมันอาจดูคล้ายๆ กันแต่เมื่อมันไม่นับญาติกันปุ๊ป คนที่ "สาวยอด" ไปก็จะสาวไม่เจอ เอาง่ายๆ ผมสมัยก่อนเนี่ยฟังสาย Underground Metal ยุค 1980's อยู่นานนม กว่าที่ผมจะรู้จัก Crust Punk ก็ไม่นานมานี้เอง ทั้งๆ ที่ในแง่ดนตรีมันคล้ายกันมาก แต่มันไม่นับญาติกัน หรืออย่างคนฟัง Napalm Death ยุคแรกๆ ฟัง Grindcore คนจำนวนมากก็ฟังมันเป็น Metal แต่มาดูรากจริงๆ มันเป็น Punk แน่ๆ ไม่ว่าจะทางดนตรีหรือตัววัฒนธรรมรายล้อม แต่ผมก็ว่าคนฟัง Metal ก็ไม่ "สาวยอด" ตรงนี้ ดังนั้นผมว่าปัจจัยที่น่าสนใจคือการที่อะไรเป็นสิ่งกำหนดให้คนสาวยอดยอดหรือไม่? และสาวไปทางไหน? ทำไมไม่ไปอีกทาง? 2. ปัจจัยที่ส่งผลให้คนเลิกฟังเพลง ผมว่าน่าสนใจมากๆ ผมไม่เคยวิเคราะห์จริงจังเหมือนกัน 3. เรื่อง "รสนิยม" ผมว่าถึงที่สุดในระดับปัจเจกก็คงต้องอธิบายแบบนั้น แต่ผมว่าวิเคราะห์มาอีกขั้น ผมว่ามันมีอะไรอื่นๆ กำหนดรสนิยมนี้อยู่ ผมว่าดนตรี Metal มันไม่ใช่ดนตรีของชนชั้นสูงและล่างแน่นอน (ผมพูดในภาพรวมนะ) มันเป็นดนตรีชนชั้นกลางแหละ คือ ผมว่าคุณต้องมีเงินและมีเวลาในระดับหนึ่งเลยนะที่คุณจะพัฒนาการฟังเพลง Metal ไปได้ ยิ่งสมัยก่อนถ้าจะหางานแปลกๆ มาก็ต้องใช้เงินใช้ทอง สมัยนี้ถึงหาโหลดได้ แต่คุณก็ต้องมีอินเตอร์เนตใช้อยู่ดี ซึ่งในไทยการมีอินเตอร์เน็ตใช้กับบ้านผมว่าเป็นเรื่องของชนชั้นกลางแน่ๆ (อย่างไรก็ดีในประเทศที่เน็ตฟรีกระฉูดมากๆ ผมว่ามันอธิบายแบบนี้ไม่ได้) ตอนนี้ที่ผมคิดอยู่อีกเรื่องก็คือ มันมีรูปอารมณ์แบบไหนกันแน่ที่ผลักดันให้คนฟัง Metal ความเกลียดชังที่ไม่มีทางออกหรือ? หรือเป็นอารมแบบอื่น? ผมไม่ทราบเหมือนกันกำลังขบคิดกับมันอยู่ครับ แต่ปัจจัยที่ผมว่าต้องเอามาคิดมากๆ เลยก็คือเรื่องรุ่นด้วยแหละ ซึ่งมันก็เชื่อมโยงกับ Metal ที่โดดเด่นในแต่ละยุค ซึ่งมี Character ทางอารมณ์ที่ต่างกัน จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 10:32:40

ความคิดเห็นที่ 29 ผมก็เริ่มจากฟังเพลงหน้กๆจากวงต่างประเทศครับพวก nu metal ตอนนี้ก้อยังฟังอยู่บ้างประปรายแต่จะหันไปฟังพวก power,brit-pop/rock,indy อะไรประมาณนี้ แต่ว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกันมันเริ่มจากฟังพวก ebola,โคคำราม,ultrachuaz ตอนนี้นี่เกาหลีกระจาย ดงบัง,wondergirls ผมว่าเหตุผลที่เลิกฟังไม่เลิกฟังมันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่านะครับไม่เกี่ยวกับอะไรหรอก ปล.ตอนอยู่เมืองไทยแผ่นหาซื้อยากนัก ตอนนี้อยู่ที่เมกาแผ่นหาโคตรง่ายเลยไม่ต้องสั่งด้วย จากคุณ : ป๊ะป๋าแป๊ะ!!! เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 09:12:38

ความคิดเห็นที่ 30   บ้าละ ใครฟังแนวเดิมทั้งปีนี่บ้าตายครับ ผมฟังพวก all shall perish สักพักก็ฟัง athlete บ้างอะไรบ้าง จากคุณ : นานๆ โพส (มีล็อกอินแล้วฮะ) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:38:05

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเริ่มที่ใต้ดินไทยครับ ตอนนี้ฟังทุกแขนงจริงๆเท่าที่จะหาฟังได้ จากคุณ : GD Doi เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 17:15:34

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเริ่มจาก Ebola อัลบัม Enlighten ครับ หลังจากนั้นก็ลึกๆลงมาเรื่อยๆครับ แต่ก็ฟังเพลงทุกแนวครับ ^^ จากคุณ : zaruns เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 22:47:43

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆแล้วเราว่าเราฟังทุกแนวนะ ตั้งแต่เบโธเฟ่นยันดาฟพังค์ แต่ถ้าพูดถึง Metal ไม่ค่อยจะเข้าหูเท่าไหร่ แหะๆ ส่วน Rock เริ่มมาฟังช่วงกะลังโต เริ่มด้วย Silly Fools แล้วก็สาวต่อไปช่วงที่เพลงต่างประเทศ เข้ามาเยอะๆอย่าง LP Limp แต่ก็ฟังป๊อบไปด้วย (รวมถึงพวก J-pop ด้วย) จากนั้นมา ก็หันไปฟังเพลงต่างประเทศมากขึ้นอย่าง Blink182 Greenday X-Japan เกี่ยวมะ? ก็ฟังอยู่เรื่อยๆหลังจากนั้นมา แต่ไม่ได้เป็นล่ำเป็นสัน ฟังแต่ rock อย่างเดียว พอถัดมาก็ฟัง Story of the Year, Fall out boy อะไรแถวๆนั้น ประจวบเหมาะกับช่วงนั้น Retrospect กับ Sweet mullet มาพอดี ก็ได้ฟังบ้าง แต่ไม่ได้ชอบมากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็มี Fall out boy, Paramore, The Gossip, Blink182 เป็นวงโปรดเหมือนเดิมค่ะ ส่วนวงไทย......เอา Silly Fools ของเดิมเค้าคืนมานะ >< จากคุณ : Mojo-Joey เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 53 14:02:54

ความคิดเห็นที่ 34 จาก สลิปน๊อต แลมออฟก๊อด เมทัลคอลตระกูลโรดรันเนอร์ แพนเทร่า นูโทเปีย และอีกหลายๆๆ ไปจนถึงดิมมูโบเกีย ตอนนี้ สิ้นสุดแล้ว ที่....ไหมไทย จากคุณ : HTK เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 53 00:22:40

ความคิดเห็นที่ 35 ของผมคิดว่าการลดจังหวะการฟังดนตรีนั้นไปตามอายุด้วย วัยรุ่นไทยช่วงแรก ๆ ก็สติงค์ พอทำงานก็ลูกทุ่ง ^^ ส่วนผมของ Silly Floos  มาจบที่ X-JAPAN ไม่เปลี่ยนแปลง ครับ จากคุณ : หนุมานเชิญธง เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 21:17:20