ความคิดเห็นที่ 1   Men In The Mirror มือเบสของ Michael Jackson โดย Chris Jisi แปลโดย Akekanek บทความจากนิตยสาร Bass Player มีภาพการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นความยาวห้านาทีที่สำคัญอยู่ตอนหนึ่งใน This Is It ภาพยนตร์สารคดีการเดินสายรอบโลกที่ Michael Jackson ผู้ล่วงลับได้วางแผนออกแบบไว้ โดย MJ ได้บอกมือคีย์บอร์ดของเขาให้เล่น riff ที่ฟังดู funk มากกว่าที่เล่นอยู่ตอบรับกับการเล่นเบสที่มีพลังของเพลง “Wanna Be Startin’ Something” “มันยัง funk ไม่ถึงนะ” เขาพูดอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะร้อง groove เบสทั้งสองห้องอย่างสมบูรณ์แบบในจังหวะสัดส่วนของเพลงพร้อมทำท่าเล่นเบสไปด้วย ดูเหมือนว่าเบสนั้นจะมีความสำคัญกับดนตรีของ Jackson อยู่เสมอ ไม่ว่าการเล่นเหล่านั้นจะมาจากนักดนตรีห้องบันทึกเสียงที่มีความเชี่ยวชาญในเมือง Detroit, Los Angeles, Philadelphia และ New York หรือจะเป็นเอกลักษณ์ในการใช้เบสซินธิไซเซอร์ (synth bass) ของ MJ ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ Alex Al ซึ่งเป็นมือเบสของ Jackson มานับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) และเป็นสมาชิกของวงดนตรีเจ็ดชิ้นซึ่งเล่นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเห็นด้วยในเรื่องนี้ “เบสนั้นเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา เขาอาจจะอ้างถึงการเล่นที่มีเมโลดี้ของ Paul McCartney กับวง the Beatles การเล่นที่ตรงไปตรงมาและเป็นจุดศูนย์กลางของ James Jamerson กับค่าย Motown หรือการเล่นเบสที่มือซ้ายของ Stevie Wonder” จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:09:25

ความคิดเห็นที่ 2   ด้วยความพยายามที่จะค้นหาเรื่องความชอบในเสียงเบสของราชาเพลงป็อปและความรู้สึกในการที่ได้เล่นเบสกับเขาให้มากขึ้น เราจึงได้นั่งคุยเรื่องการทำงานช่วงซ้อมสามเดือนสำหรับการเดินสาย This Is It ในเชิงลึกกับ Al เรายังได้พูดถึงเรื่องความทรงจำและความเข้าใจในตัวของ Jackson กับมือเบสมากประสบการณ์ที่เคยเล่นกับเขาอีกหกคน เช่นเดียวกับการพูดถึงมือเบสคนอื่นๆที่เคยเล่นกับเขา Al ซึ่งเกิดที่เมือง Detroit นั้นมีจุดเริ่มต้นอาชีพที่คล้ายกับวง Jackson 5 เขาได้เบสทรงเลียนแบบ P-Bass (ผู้แปล เบสรุ่น Precision ของ Fender) มาตอนอายุเก้าขวบและเขาก็ได้เข้าไปเล่นเบสในวงดนตรีแนว funk rock 12 ชิ้นที่มีเครื่องเป่าตอนอายุเพียงแค่ 12 ปี โดยพี่ชายของเขาเป็นผู้นำของวงดนตรีวงนี้ ตอนอายุ 17 หลังจากที่เคยได้เล่นเป็นวงเปิดให้กับ Gap Band และ Cameo ในช่วงที่สองวงนี้เดินสายช่วงฤดูร้อนกับ Carl Carlton แล้ว Al ก็มุ่งหน้าสู่เมือง LA และได้ไปสมัครเรียนที่ B.I.T. (ผู้แปล Bass Institute of Technology) ของ Musicians Institute (ผู้แปล MI) การเดินสายเล่น (ที่ได้มาจากการแนะนำของ Rickey Minor และ Nathan East) กับ El Debarge, Bobby Brown, Diana Ross และ Spice Girls ในปี 1997 ของเขานั้นได้ทำให้ Terri Lynne Carrington มือกลองของวงดนตรีประจำรายการ Vibe พูดคุยชักชวน Al ให้เข้าร่วมวง โดย Vibe นั้นเป็นรายการทีวีวาไรตี้ที่มี Quincy Jones และ Sinbad อยู่ในส่วนหนึ่งของการผลิต  ด้วยชื่อเสียงของรายการที่มีมากตามลักษณะปกติของธรรมชาติใน “เมือง LA” นี่จึงทำให้งานในห้องบันทึกเสียงของ Al มีการพัฒนาและประสบความสำเร็จ ทักษะบน upright bass และ keyboard bass ที่พัฒนาขึ้นของเขาได้ทำให้ Al เป็นมือเบสที่มีความสามารถรอบตัวมากขึ้น ซึ่งนี่ก็ได้นำไปสู่การบันทึกเสียงกับนักดนตรีอาวุโสมากประสบการณ์อย่าง Herbie Hancock, George Benson, Paul Simon, Sting, Smokey Robinson และศิลปินที่ได้รับความนิยมในตารางอันดับเพลงอย่าง Janet Jackson, Tupac Shakur, the Pussycat Dolls, Uncle Kracker และ Jordin Sparks ถึงแม้การเดินสายของ Jackson จะยกเลิกไปแล้ว แต่ Al ก็ยังคงยุ่งอยู่เหมือนเดิม เขาเล่นเบสใน Memoirs of an Imperfect Angel ผลงานชุดใหม่ของ Mariah Carey เล่น upright bass ในวงบิ๊กแบนด์ของ Quincy Jones และเล่นในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Burlesque ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าโรงของ Christina Aguilera คุณยังสามารถดูเขาแสดงได้อีกในตอนกลางคืนซึ่งเขาเล่นอยู่ในวงดนตรีประจำรายการ Lopez Tonight รายการทอล์คโชว์ของ George Lopez แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ประสบการณ์ที่เขามีและการสูญเสียชายที่เขารู้จักในชื่อว่า Michael นั้นก็ยังคงอยู่ จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:12:57

ความคิดเห็นที่ 3   อะไรคือสิ่งที่นำไปสู่การเรียกตัวคุณมาเล่นใน This Is It? ที่มาของมันนั้นมาจากการพูดคุยและทำงานกับ Greg Phillinganes ในรายการ Vibe นี่ได้ทำให้เขาเรียกผมไปเล่นในรายการ 30th Anniversary Special ของ Michael ทางช่อง CBS ในปี 2001 จากนั้น ผมก็ได้ทำงานต่างๆในห้องบันทึกเสียงให้กับ Michael ซึ่งงานบางชิ้นมี John Barnes จาก Westlake เป็นคนควบคุมการผลิต Westlake นั้นเป็นห้องบันทึกเสียงที่พวกเขาบันทึกผลงานชุด Thriller ผมคิดว่า วันหนึ่ง พวกเขาน่าจะเอาวัตถุดิบเหล่านั้นออกมาขายนะ ในตอนนั้น Michael Beardon มือคีย์บอร์ดซึ่งถูกจ้างมาเป็นคนคุมดนตรี (music director) ได้โทรมาหาผม ผมเคยทำงานกับเขามาก่อนหน้านี้ เขาบอกว่า Michael อยากให้ผมไปเล่น ผมคว้าโอกาสนี้ไว้เพราะแน่นอน เขากำลังจะทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาที่โลกต้องหันมาฟังอีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:17:00

ความคิดเห็นที่ 4   ใครเป็นคนเรียบเรียงเพลงที่เล่นในการแสดง? Michael เลือกเพลงมาทั้งหมดเกือบ 50 เพลง จากนั้นเราก็ทำเพลงครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่เลือกมาให้พร้อมสำหรับการแสดงที่ลอนดอน Michael และ Beardon ต่างช่วยกันเรียบเรียงเพลง แต่ส่วนประกอบที่สำคัญลำดับที่สามก็คือ นักเต้น สิ่งที่ Michael คิดกับทีมเต้นในช่วงกลางวันจะถูกนำมาทำกับวงในตอนกลางคืน เพราะฉะนั้น ท่อนอินโทรแปดห้องก็อาจจะยืดออกไปเป็น 11 ห้องเพื่อให้เหมาะสมกับการออกแบบท่าเต้น และ Michael ก็มั่นใจว่าพวกเราจะจำท่อนการเล่นต่างๆได้ โดยจะไม่มีการอนุญาตให้เอาโน้ตใดๆก็ตามขึ้นไปบนเวที (ปล. รูปหน้าปก Bass Player ฉบับที่พูดถึงครับ) จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:24:50

ความคิดเห็นที่ 5   คุณเล่นท่อนเบสต่างๆยังไง? และคุณมีอิสระในการเล่นมากขนาดไหน? ก็อย่างที่ผมพูดในหนังนะ คุณต้องรู้จักเพลงเหล่านั้นทุกซอกทุกมุมเพราะ Michael รู้ทุกอย่าง เขารู้เสียง, โน้ต ขเบ็ตสองชั้น (16th-note) ความดังที่เปลี่ยนแปลงในเพลง และเขาเป็นคนที่ยึดอยู่กับการมีท่อนการเล่นเดิมๆในตอนเริ่มต้น จากนั้น ก็จะเป็นการหาวิธีที่จะทำให้ท่อนต่างๆฟังดูทันสมัยขึ้นในแบบที่ Michael ชอบ แน่นอน เขาต้องการที่จะให้พวกมันมีความแปลกใหม่ มันเป็นเรื่องที่ชัดเจนนะว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนไลน์เบสหลักๆของเพลงอย่าง “billie Jean” ซะจนมากเกินไป แต่คุณก็มีที่ว่างที่จะขยายมันออกไปได้ในท่อน bridge ของเพลงนี้ซึ่งโน้ตจะมีการเชื่อม (legato) ค้างยาวมากขึ้น ผมอาจจะใช้อิสระในการเล่นมากหรือน้อยจนเกินไปในช่วงแรกของการทำงานชิ้นนี้ แต่เมื่อผ่านไปหลายสัปดาห์ ผมก็พบสิ่งที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ ผมใช้อิสระในการเล่นมากที่สุดกับเพลงเมดเลย์ของวง Jackson 5 [“I Want You Back”/ “The Love You Save”/ “I’II Be There”] มันเป็นวิธีการเล่นแบบ Jamerson ที่ออกจะทันสมัย และจากการที่ผมได้เล่นดนตรีหลายๆแนว ผมก็พบว่ารูปแบบการเล่นของผมนั้นมีลักษณะเหมือนกับการเล่นของ Jamerson มากที่สุด จากการที่ผมเคยได้ทำงานกับ Jonathan Moffett (มือกลอง) มานาน พวกเราเลยสนุกกับการเพิ่มความรู้สึกแบบ “modern old-school” เข้าไปในเพลงเป็นอย่างมาก จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:30:35

ความคิดเห็นที่ 6   ทิศทางรูปแบบการเล่นเบสที่ Michael บอกกับคุณนั้นเป็นยังไงบ้าง?   โดยปกติแล้ว มันจะเป็นการปรับให้เข้ากับการแสดงมากกว่าที่จะบอกเจาะจงไปเลยนะ ดังนั้น แม้แต่การเล่นที่มั่นคง ซ้ำไปมาอย่าง “Billie Jean” เขาก็อาจจะพูดว่า “คือ Alex มันไม่จำเป็นนะที่ท่อนจบของมันจะต้องรู้สึกแบบเดียวกันกับท่อนอินโทร” ในการแสดงที่ใหญ่อย่างนี้ ซึ่งเป็นการแสดงที่มีนักดนตรีเจ็ดคน นักร้องสนับสนุนสี่คน นักเต้นจำนวนมากกว่าสิบคนและภาพทั้งหมดบนเวทีนั้น คุณไม่สามารถเล่นจนล้นได้นะ อารมณ์และความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าของคุณคือทุกสิ่งทุกอย่าง คุณต้องใส่พลังงานและจิตวิญญาณใหม่ๆทั้งหมดลงไปในท่อนการเล่นต่างๆเหล่านั้น เราอาจจะคิดว่าเรากำลังเล่นมันอย่างยอดเยี่ยมแล้ว แต่ Michael ก็อาจจะพูดว่าเราสามารถทำให้มันดีขึ้นไปอีก (ปล. รูปที่ MJ ทำท่าเล่นเบส ร้องลูกฟีลให้ Beardon ฟังครับ) จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:34:08

ความคิดเห็นที่ 7   ใครเป็นคนตัดสินใจว่าคุณต้องใช้เบสหรือคีย์บอร์ดตัวไหนกับเพลงแต่ละเพลง? นั้นเป็นงานของผมนะ การหาว่าอะไรคือสิ่งที่ใช้ได้ดีที่สุด อีกครั้งนะ วิธีของผมก็คือ เก็บสิ่งเดิมๆที่อยู่ในเพลงไว้และทำให้มันดีขึ้น ผมฟังเพลงของ Jackson 5 และก็ได้เตรียมเบส Fender ไว้ ผมโทรหา Greg Phillinganes เพื่อถามว่าเขาใช้เสียง synth อะไรในเพลง “Thriller” เขาบอกว่าเขาใช้ “Minimoog ที่มี oscillator (วงจรผลิตความถี่) สองตัวแทนที่จะเป็นสามตัว” และอุปกรณ์อย่างนั้นอย่างนี้ ผมจะนั่งออกแบบเสียงคีย์บอร์ดที่ถูกต้องอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงทุกคืนที่บ้าน เช่นเดียวกันนะ เพราะเบสและ synth bass ที่เล่นพร้อมกันคือส่วนที่สำคัญในเสียงดนตรีของ Michael มันเลยมีแม้แต่ท่อนการเล่นในเพลง “Wanna Be Startin’ Something” และ “Billie Jean” ที่ผมเล่นเบสและ Minimoog ไปพร้อมๆกัน! ผมจะเปิดเสียงที่ตัวเบสขึ้น เริ่มเล่นด้วยมือซ้ายแรงๆ hammer โน้ตบนคอเหมือนเวลาเล่นเบส upright ซึ่งในขณะเดียวกันผมก็จะเล่นคีย์บอร์ดด้วยมือข้างขวา จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:40:50

ความคิดเห็นที่ 8   คุณจะพูดถึงประสบการณ์ครั้งนี้ยังไงบ้าง? ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่มีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ ในเรื่องดนตรีแล้ว ผมเรียนรู้เป็นอย่างมากจากความละเอียดอ่อนในความรู้และการเตรียมตัวของ Michael ผมรู้สึกพร้อมที่จะแสดงงานไหนก็ได้บนโลกนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่เขาเรียกให้ผมไปช่วยในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา มือเบสที่ผมชื่นชอบจำนวนมากทำงานกับเขา ดังนั้น มันจึงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และมือเบสเหล่านั้น โดยส่วนตัวแล้ว เรากำลังพูดถึงชายคนที่มาซ้อมและถามผมในแต่ละวันว่าขอวางผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ชั้นคีย์บอร์ดของผมได้รึเปล่า! ผมเป็นหนึ่งในคนท้ายๆที่ออกจากสถานที่ซ้อมในคืนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และเขาก็ขอบคุณผมสำหรับความรักและการสนับสนุน วันต่อมา ผมเริ่มได้รับข้อความระหว่างทางไป Staples Center ผมอยู่ที่นั้นและรอพร้อมกับทุกคน และเมื่อการเสียชีวิตของเขาถูกยืนยัน เราทุกคนต่างอึ้ง เราได้เล่นคอนเสิร์ตไว้อาลัยด้วยอุปกรณ์ชุดเดิมในอีกหนึ่งเดือนต่อมา มันเป็นสิ่งที่เศร้ามากๆ สิ่งเดียวที่ผมสามารถอธิบายได้ก็คือเราได้สูญเสียจิตวิญญาณที่อยู่บนโลกใบนี้ไป - จิตวิญญาณทางดนตรีที่พิเศษและสุภาพ จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:46:09

ความคิดเห็นที่ 9   REMEMBER THEIR TIME เมื่อมือเบสนึกถึงการทำงานกับ MJ James Jamerson Jr. (และ James Jamerson Sr.) Jamerson Sr. บันทึกเพลงต่างๆของวง Jackson 5, Jamerson Jr. บันทึกผลงานชุด Triumph ค่าย Epic ปี 1980 เมื่อวง the Jackson 5 มาที่ค่าย Motown เป็นครั้งแรก พ่อผมได้บันทึกเสียงกับพวกเขาและเขาก็รู้สึกประทับใจในตัววงมากๆ เขาเอาเพลงของทางวงกลับมาที่บ้านและพูดว่า “พ่อมีอะไรบางอย่างให้กับพวกลูกนะ” มันเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมากๆสำหรับพวกเรานะ เพราะพวกเขามีอายุเท่ากับเรา พวกเขาเป็นดารา และพ่อก็เล่นในเพลงของพวกเขา จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:49:05

ความคิดเห็นที่ 10   ประสบการณ์ของผมกับ Michael และ the Jacksons นั้นเกิดขึ้นในช่วงผลงานชุด Triumph ของพวกเขา Marlon พาผมเข้าไปบันทึกเสียงกับ Tito, Ricky Lawson, Greg Philinganes และ David E. Williams เราบันทึกเสียงเพลงหลายเพลงกันทั้งวัน และเราก็พักกินอาหารกัน ในระหว่างนั้น Michael ก็ได้เข้ามาฟังเพลงที่บันทึก และเมื่อเรากลับมาที่ห้อง ก็มีคนบอกไม่ให้พวกเราเข้าไปในห้องบันทึกเสียงเพราะ Michael มีปฏิกิริยากับเพลงเป็นอย่างมาก พวกเราก็คิดว่า โอ๊ะโอ ดนตรีที่บันทึกไปจะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ แต่ Marlon ก็อธิบายว่า Michael จะมีปฏิกิริยาอยู่เสมอเวลาที่เขาชอบเพลงไหนมากๆ ทางวงได้ฟังเพลงกันทุกคนและเห็นด้วยที่จะเก็บเพลงทั้งหมดที่บันทึกไว้ ผมไม่ได้มีรายชื่อเป็นผู้ร่วมงานของผลงานชุดนั้น แต่มันก็เป็นเกียรติจริงๆที่ได้ทำงานกับหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์และเป็นดาราคนสำคัญในช่วงเวลาของเราอย่างแท้จริง จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:52:05

ความคิดเห็นที่ 11   Chuck Rainey “Ben” เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Ben ค่าย Motown ปี 1972, “Dancing Machine”, “It’s Too Late to Change the Time” เพลงตัดของค่าย Motown ปี 1974 Michael เป็นหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา เขามีความรู้สึกถึงเรื่องจังหวะที่ยอดเยี่ยม ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ได้ช่วยให้เขาเป็นนักร้อง นักเต้น และนักแสดงในอันดับต้นๆ เพลง “Don’t Stop ’Til You Get Enough” และ “Billie Jean” นั้นเป็นสองเพลงโปรดตลอดกาลของผม ถึงแม้ผมจะหวังให้พวกคุณได้ยินเสียงเบสของ Louis Johnson ในสองเพลงนี้ชัดกว่านี้ก็ตามนะ ผมเคยพบ Michael เพียงแค่ครั้งเดียว บนเที่ยวบินข้ามฝาก (ประเทศอเมริกา) Jermaine จำผมได้ เขาขอบคุณผมสำหรับเพลง “Dance Machine” และได้พาผมไปพบกับครอบครัวตระกูล Jackson ทั้งหมด จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:54:53

ความคิดเห็นที่ 12   Nathan Watts Destiny [ค่าย Epic ปี 1978] Triumph [ค่าย Epic ปี 1980] “Say, Say, Say” Paul McCartney [ผลงานชุด Pipes of Peace ค่าย Capitol ปี 1983] “Muscles” Diana Ross [Endless Love, ค่าย RCA ปี 1981] Michael เป็นหนึ่งในผู้ให้ความบันเทิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาและเขาเป็นคนที่สุภาพที่สุดเท่าที่คุณเคยอยากพบเลยทีเดียว ตอนที่เรากำลังทำ Destiny อยู่นั้น ผมเผลอหลับยาวไปในเช้าวันหนึ่ง และเขาก็มาที่บ้านผมเพื่อรับผมขึ้นรถ Rolls Royce ของเขา เขาพึ่งได้ใบขับขี่เองนะ! ในเรื่องของเบส ส่วนใหญ่แล้ว เขาจะบอกให้ผมเล่นแบบตัวเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับเพลง “Heartbreak Hotel” [หรือที่รู้จักกันในชื่อ “This Place Hotel” จากผลงานชุด Triumph] แล้ว เขาก็เริ่มเต้นและร้องจังหวะออกมาเพื่อให้ผมเห็นว่าเขาต้องการอะไร เขาเป็นปรมาจารย์ในเรื่อง groove เขาพาผมไปบันทึกเพลง “Say, Say, Say” และผมก็บันทึกมันเหมือนกับว่ามันเป็นเพลงเดโมที่ Paul McCartney เล่นเบสไว้ Michael เอาเพลงไปให้ Paul ฟังและ Paul ก็ชอบความรู้สึกของเพลง ดังนั้น เขาเลยเก็บเบสที่ผมเล่นไว้ และหลังจากนั้น เขาก็ส่งผลงานชุดนี้พร้อมลายเซ็นมาให้ผม เบสของผมที่เป็นเดโมใน “Muscles” เพลงของ Michael ที่แต่งให้ Diana Ross นั้นก็ยังอยู่ในเพลงด้วยเช่นเดียวกัน ความสำเร็จมากมายในอาชีพของผมมาจากเขาและผมคิดถึงเขาทุกวัน จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:56:22

ความคิดเห็นที่ 13   Louis Johnson Off the Wall [ค่าย Epic ปี 1979], Thriller [ค่าย Epic ปี 1982], “We Are the World” ค่าย Columbia ปี 1985, Dangerous [ค่าย Epic ปี 1991], HIStory [ค่าย Epic ปี 1995] Michael นั้นเป็นคนที่สุภาพอย่างสุดๆ และผมก็เสียใจกับการจากไปของเขาเป็นอย่างมาก ผมโชคดีที่ได้ทำงานในผลงานเดี่ยวของเขา และเขาก็ปล่อยให้ผมได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่อยู่เสมอ งานของผมก็คือการสร้างท่อนเบสและ Michael ก็เชื่อมั่นในตัวผมอย่างหมดใจ บางครั้ง เขาจะฮัมสิ่งที่ผมเล่นในรูปแบบต่างๆหรือเขาอาจจะขอให้ผมเล่นแบบนี้ แบบนั้น หรือเขาอาจจะพูดว่า “ท่อนนี้ควรจะแรงมากๆ เล่นตรงนี้ให้แรงกว่าปกตินะ” Quincy Jones และ Bruce Swedien คนคุมเสียง ต่างก็เปิดรับความคิดเห็นของผมในทุกเรื่องตั้งแต่การปรับย่านความถี่เบสของผมไปจนถึงการใช้เบสและ synth bass ด้วยกัน ผมได้ทำงานกับ Michael ในผลงานสองชุดหลังจากที่เขาไม่ได้ร่วมงานกับ Quincy แล้ว แต่มันก็ไม่เหมือนเดิม ผมจะเข้าไปเล่นกับ track, drum machine หรือแม้แต่ให้เขาเอาโน้ตที่ผมเล่นไปทำ sample ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอ Michael คือ ที่ห้องบันทึกเสียงในบ้านของเขาตอนทำเพลง “Come Together” [จากผลงานชุด HIStory] สิ่งที่ผมชอบอยู่เสมอก็คือ ความสนุกและความตื่นเต้นของการบันทึกเสียงสดๆพร้อมกันในการทำ Off the Wall Michael และทุกคนต่างหัวเราะ พวกเรารู้ว่าเรากำลังร่ายเวทมนตร์อยู่ หลังจากบันทึกเสียงไปครั้งหนึ่งแล้ว เราต่างวิ่งแข่งกันไปที่ห้องควบคุม ผลักกันไปมาระหว่างทางเพื่อแย่งที่นั่งที่ดีที่สุดและตะโกนว่า เปิดมัน! จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:00:09

ความคิดเห็นที่ 14   Nathan East Victory [ค่าย Epic ปี 1984], Bad [ค่าย Epic ปี 1987], HIStory [Epic ปี 1995], Invincible [Epic ปี 2001] Michael นั้นเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่ทำงานในห้องบันทึกเสียงเลยนะ เขาเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นน่ะ เขาจะเล่าเรื่องตลก แบ่งอาหารให้ทาน ผมจำได้ว่ามีร้าน 7-11 ที่ถนนใกล้ๆนั้น และเพื่อความสนุก เขาก็จะปลอมตัวและลองดูว่าเขาจะสามารถเข้าไปที่ร้านโดยที่ไม่มีใครจำได้หรือเปล่า มันเป็นสิ่งที่น่าจดจำที่สุดในวันนั้นของเขาเลยนะ! เขามีพรสวรรค์มากและเขารู้ว่าเขาจะทำอะไรในช่วงบันทึกเสียง เราไม่เคยได้พูดคุยเรื่องเบสกันมากเท่าไร แต่ก็มีบางครั้งที่ Quincy Jones จะออกมาจากห้องควบคุมและร้องท่อน turnaround หรือวลีเชื่อมสั้นๆที่เยี่ยมที่สุดซึ่ง Michael ฮัมให้เขาฟังกับผม โดยที่ผมเองก็ขอบคุณเขา (MJ) อยู่เสมอ แค่ได้รับการโทรเรียกเนี่ย คุณก็รู้แล้วว่าคุณจะได้เจอกับการรวมกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์ในแบบที่เยี่ยมที่สุด และคุณก็จะมีความรู้สึกว่าคุณกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ ผมจำได้ถึงตอนที่นึกในระหว่างที่บันทึกเพลง “I Just Can’t Stop Loving You” ว่ามันจะถูกเปิดในสถานีวิทยุต่างๆทั่วโลกยังไง Michael เป็นหนึ่งในศิลปินที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล เขาเป็นนักร้อง นักเต้น นักแต่งเพลง ผู้ควบคุมการผลิตที่น่าทึ่ง เขามีทุกอย่างเลย จะไม่มีใครที่มีลักษณะคล้ายเขาอีกแล้ว มันเป็นการสูญเสียที่ใหญ่มากๆสำหรับเราทุกคน จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:02:25

ความคิดเห็นที่ 15   “Ready” Freddie Washington Motown 25 TV special, ช่อง NBC ปี 1983, HIStory world tour ปี 1996-1997, บันทึกเบสในเพลงที่ไม่ได้นำออกมาจำหน่ายในช่วงปี 2000 ในฐานะของผู้ให้ความบันเทิงและนักแสดง ผมคิดว่า Michael นั้นอยู่ในระดับเดียวกับตำนานอย่าง Sinatra, Sammy Davis, Fred Astaire และ James Brown ในตอนที่เดินสายรอบโลกนั้น เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากๆ เขาติดดิน ชอบสนุกและหัวเราะ ผมจำได้ว่าเขาบอกพวกเรา (วงดนตรี) ว่าเวลาที่เราเล่นเพลงของเขานั้น เรามี groove อย่างที่เขาชอบ สิ่งที่ชัดเจนสำหรับผมก็คือ ความรู้สึกเรื่องจังหวะและอารมณ์ที่เหลือเชื่อของเขา ผมเคยมองเขาในระหว่างการแสดงนะ คุณจะสามารถมองเห็น groove และโครงของจังหวะทั้งหมดในการเคลื่อนไหวร่างกายของเขา มันเหมือนกับการฟังสัดส่วนที่ซอยย่อยและการเน้นจังหวะของมือกลองน่ะ เขารู้ทุกซอกทุกมุมในเพลงทุกเพลงของตัวเองจริงๆ ผมสามารถเข้าใจ groove สิ่งที่ควรเล่น และได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวและพลังงานที่น่ามหัศจรรย์ของเขา จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:04:56

ความคิดเห็นที่ 16   มือเบสคนอื่นๆที่เล่นกับ MJ Jermaine Jackson ในตอนที่พี่น้องของเขาย้ายไปอยู่กับค่าย Epic พี่ชายที่เล่นเบสของ Michael (เราเคยเห็นเขาเล่นเบส Gibson รุ่น EB-3 ในคลิปช่วงแรกๆของวง Jackson 5) ซึ่งยังคงอยู่กับค่าย Motown คนนี้ก็ได้กลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จ คุณสามารถดูเขาตบเบสและร้องเพลง “Let’s Get Serious” เพลงฮิตในปี 1979 ของเขาในรายการ Arsenio Hall Show ได้ในเว็บ YouTube จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:08:49

ความคิดเห็นที่ 17   Wilton Felder มือแซ็กโซโฟน หัวหน้าวงที่มีชื่อเสียงในระดับตำนานอีกคนหนึ่งของ Crusaders และมือเบสห้องบันทึกเสียงของเมือง LA ที่มีงานมากมายในยุค 70 นั้นได้บันทึกงานของวง Jackson 5 จำนวนมาก ซึ่งก็รวมไปถึงเพลง “I Want You Back” [จาก Diana Ross Presents the Jackson 5 ค่าย Motown ปี 1969] ซึ่ง Wilton ได้มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับโน้ตเพลงนี้แบบเต็มเพลงที่ลงใน Bass Player (BP) ฉบับเดือนกรกฏาคม ปี 1998 Wilton นึกย้อนไป “ในส่วนของเบสซึ่งโดยพื้นฐานจะตอบโต้และวิ่งคู่กับเมโลดี้นั้น ส่วนใหญ่ถูกเขียนไว้แล้ว ผมเพียงแค่เพิ่มการเล่นของตัวเองเข้าไปเล็กน้อย ด้วยการที่ผมเป็นมือแซ็กโซโฟนเนี่ย ผมเลยเอาการเล่นโครแมติคแบบทันสมัยมาใช้ แต่จากการที่ผมเรียนรู้เบสด้วยตัวเอง ผมเลยพบว่าทางนิ้วที่ผมใช้เล่นนั้นอาจจะเก้ๆกังๆไปซะหน่อยน่ะ” จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:13:10

ความคิดเห็นที่ 18   Ron Brown มือเบสห้องบันทึกเสียงเมือง LA ยุค 70 (Marvin Gaye, Beach Boys, Barry White) และผู้เชี่ยวชาญเรื่อง James Jamerson (คุณสามารถดูโน้ตเบสของ James Jamerson ในเพลง “I Can’t Get Next to You” แบบเต็มเพลงที่เขาแกะไว้ใน BP เดือนกันยายน ปี 2004) เล่นในเพลงต่างๆของวง Jackson 5 โดยเพลงที่ยอดเยี่ยมมากๆก็คือ เพลง “Never Can Say Goodbye” [Maybe Tomorrow ค่าย Motown ปี 1971] จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:16:50

ความคิดเห็นที่ 19   Michael “Sugar Bear” Foreman ตอนที่พวกเขาย้ายมาอยู่ค่าย Epic วง the Jacksons ได้เคยบันทึกผลงานสองชุดกับค่าย Philly International โดยมี Gamble & Huff เป็นทีมควบคุมการผลิต (ในผลงานชุด The Jacksons ในปี 1977 และ Goin’ Places ในปี 1978) มือเบสที่เล่นในเพลงมากมายเหล่านั้นก็คือ Foreman ผู้ล่วงลับ ซึ่งมือเบสที่บันทึกเสียงเพลง TSOP (The Sound of Philadelphia) คนนี้เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากงานที่ทำกับ Teddy Pendergrass โดยเพลงที่มีเบสโดดเด่นในผลงานทั้งสองชุดนี้ คือ “Blues Away,” “Think Happy,” “Jump for Joy” และ “Music’s Takin’ Over” จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:19:39

ความคิดเห็นที่ 20   Anthony Jackson ปรมาจารย์ในการเล่น contrabass และการเล่นในห้องบันทึกเสียงคนนี้ได้เล่นในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Wiz [ค่าย Atlantic ปี 1978] โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเล่นให้กับ Michael ในเพลง “You Can’t Win” และ “Ease on Down the Road” (ซึ่งมี Diana Ross ร่วมร้องด้วย) จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:23:03

ความคิดเห็นที่ 21   Gary King มือเบสมากประสบการณ์ในห้องบันทึกเสียงเมือง New York ผู้ล่วงลับคนนี้ (เล่นกับ Bob James, Roberta Flack) ได้เล่นในผลงานชุด Destiny [ค่าย Epic ปี 1978] ของวง the Jacksons ซึ่งก็รวมไปถึงเพลง “Blame It on the Boogie” ที่ได้รับความนิยมด้วย จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:25:03

ความคิดเห็นที่ 22   Bobby Watson มือเบสซึ่งครั้งหนึ่งเคยเล่นกับวง Rufus คนนี้ ได้เล่นหนึ่งในไลน์เบสที่เยี่ยมที่สุดของ Michael ในเพลง “Rock With You” จากผลงานชุด Off the Wall [ค่าย Epic ปี 1979] Watson ได้บอกเราตอนที่ทำโน้ตเบสเพลงนี้แบบเต็มเพลงในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ว่าในช่วงที่บันทึกเบสชุด Off the Wall นั้น เขาได้บันทึกเพลงที่ Rod Temperton ทำไปสามเพลง โดยมีเพียงการเล่นใน “Rock With You” เท่านั้นที่ถูกนำไปใช้ในผลงานเต็ม โดย Louis Johnson เป็นคนบันทึกเพลงที่เหลือใหม่ทั้งหมด “Bruce Swedien คนควบคุมเสียง ได้บอกผมในตอนหลังว่า Louis นั้นเล่นท่อนเบสที่มีความแน่นมากกว่า แต่มันขาดมนต์สเน่ห์ของเพลงไป เขาพูดว่า ‘เฮ้ เราเปิดเพลง “Rock With You” นั้นใหม่และเรา ต้อง เก็บเบสนายไว้น่ะ นายเล่น groove ของมันได้ดี พอเราตัดเบสของนายออกไป เพลงทั้งเพลงก็แย่ไปเลย เบสของนายทำให้เพลงๆนี้ฟังดูดี’ นั้นทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ” จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:28:22

ความคิดเห็นที่ 23   Michael McKinney มือเบสซึ่งเล่นกับวง the Jacksons ตอนเดินสาย (Nate Watts เป็นคนแนะนำ) มีรายชื่อร่วมงานอยู่ใน Triumph [ค่าย Epic ปี 1980] และคุณจะได้ยินเขาเล่นอยู่ในผลงานชุด Jacksons: Live [ค่าย Epic ปี 1981] จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:31:02

ความคิดเห็นที่ 24   Clay Drayton มีรายชื่อร่วมงานใน Triumph ด้วยเช่นเดียวกัน จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:33:10

ความคิดเห็นที่ 25   Paul McCartney เป็นสมาชิกวงเต่าทองเพียงคนเดียวที่ได้ร่วมงานกับ Michael เขาได้ร่วมร้องเพลง “The Girl is Mine” ใน Thriller [ค่าย Epic ปี 1982] โดย Michael ได้ตอบแทนโดยการร่วมแต่งและร้องใน “Say, Say, Say” จากผลงานชุด Pipes of Peace [ค่าย Capitol ปี 1983] ของ Paul อย่างไรก็ตาม Louis Johnson และ Nate Watts คือคนที่เล่นเบสในสองเพลงนี้ (ตามลำดับ) จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:34:10

ความคิดเห็นที่ 26   Steve Lukather สมาชิกวง Toto และมือกีตาร์ห้องบันทึกเสียงระดับตำนานได้เล่น P-Bass และกีตาร์ rhythm ที่อยู่ข้างหลังการโซโล่กีตาร์ของ Eddie Van Halen ในเพลง Beat It จาก Thriller (ภาพ Steve (คนขวา) ตอนมาเล่นงาน Bangkok Jazz ที่บ้านเราเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครับ) จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:38:10

ความคิดเห็นที่ 27 ยาวมากค่ะ แวะมาขอบคุณก่อนค่ะ เด๋วตามมาอ่านค่ะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:39:19

ความคิดเห็นที่ 28   Michael Sembello มือกีตาร์เจ้าของเพลง “Maniac” เองก็มีรายชื่อร่วมงานในฐานะคนเล่นเบสในผลงานชุด Destiny ด้วยเช่นเดียวกัน จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:41:35

ความคิดเห็นที่ 29   Andrew Gouche มือเบสคนสำคัญในแนวเพลง gospel ที่ได้ขึ้นหน้าปก BP เดือนมกราคม ปี 2010 คนนี้เป็นนักร้องสนับสนุนในผลงานชุด Bad [ค่าย Epic ปี 1987] ในฐานะสมาชิกทีมร้องของ Andrae Crouch (Andrae Crouch’s singing section) ขอบคุณคุณแอร์ริโกะครับ จะทยอยแปะเรื่อยๆครับ จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:45:36

ความคิดเห็นที่ 30   Abraham Laboriel นักดนตรีบันทึกเสียงระดับตำนานของเมือง LA มีรายชื่อร่วมงานในผลงานชุด Dangerous [ค่าย Epic ปี 1991] จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:51:33

ความคิดเห็นที่ 31   Muzz Skillings Skillings ซึ่งเป็นมือเบสยุคก่อตั้งของวง Living Colour ได้เล่นเบสในมิวสิควิดิโอเพลง “Black or White” จากผลงานชุด Dangerous จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:05:02

ความคิดเห็นที่ 32   Don Boyette คุณสามารถชมมือเบสที่มีประสบการณ์การเดินสายอย่างโชกโชน (เล่นกับ Lionel Richie, Cher) คนนี้ในดีวีดี Live in Bucharest: The Dangerous Tour [ค่าย Epic ปี 2005] ที่บันทึกไว้ในปี 1992 จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:09:54

ความคิดเห็นที่ 33   Terry Jackson มีรายชื่อร่วมงานใน Dangerous และ HIStory จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:11:12

ความคิดเห็นที่ 34 โอโหหหหหหห ยาวมากๆเลย ขอบคุณ คุณ  kas.rm มากนะคะที่ ทั้ง แปะ และ แปล นำมาลงให้ แล้วเดี๋ยวจะมาอ่านอีกทีนึงนะคะแวะมาขอบคุณไว้ก่อน^^                     คลับไมเคิลยินดีต้อนรับค่า แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 53 02:20:15 จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 02:19:18

ความคิดเห็นที่ 35   กลับมาแปะต่อครับหลังจากที่พี่พันมีปัญหา แฮะๆ Wayne Pedzwater มือเบสห้องบันทึกเสียงเมือง New York ผู้ล่วงลับได้ร่วมบันทึกเสียงใน HIStory ที่ห้องบันทึกเสียง Hit Factory ซึ่งนั้นก็รวมไปถึงการบันทึกเสียงเพลง “Money” ที่ใช้เวลาสี่ชั่วโมงด้วย Wayne ได้แบ่งปันมุมมองวงในเล็กๆน้อยๆในบทวิจารณ์ผลงานชุดนี้ที่ลงใน BP เดือนพฤศจิกายนปี 1995 “Michael เอาสิ่งต่างๆมาอุดใต้สายผมอยู่ตลอดเพื่อให้ได้เสียงอุดสายที่ถูกต้อง จากนั้น เขาก็จะเอาลำโพงทุกแบบมาฟังว่าเสียงที่ออกมาเป็นยังไง มีอยู่ตอนหนึ่งที่เขาปรับปุ่มบนตัวเบสขณะที่ผมเล่นอยู่เลยนะ!” จากคุณ : Mr.Sak (kas.rm) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:05:04

ความคิดเห็นที่ 36   ลืมลงรูปพี่ wayne ครับ จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:06:02

ความคิดเห็นที่ 37   Guy Pratt มือเบสห้องบันทึกเสียงเมือง London (เล่นกับ Pink Floyd, Madonna) มีรายชื่อร่วมงานใน HIStory จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:07:15

ความคิดเห็นที่ 38   ปิดท้าย มือเบสไฟฟ้า ด้วย Collin Wolfe, Keith Rouster, Doug Grigsby ทั้งสามคนมีรายชื่อร่วมงานใน HIStory จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:09:39

ความคิดเห็นที่ 39   ท้ายสุดกับเบสคีย์บอร์ด (เบสที่เล่นด้วยคีย์บอร์ดนั้นเองครับ) Greg Phillinganes เป็นมือเบสคีย์บอร์ดของ Michael Jackson ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด โดยงานของเขานั้นก็เริ่มจากการเล่นเปียโนและ synth bass ที่ขับเคลื่อนในเพลง “Shake Your Body (Down to the Ground)” [จาก Destiny ของ the Jacksons] ไล่ไปถึงการร่วมงานของเขากับ Michael Boddicker ในเพลง “Don’t Stop ’Til You Get Enough” [จาก Off the Wall] และ “Wanna Be Startin’ Something,”  “P.Y.T. (Pretty Young Thing),” “Billie Jean,” และ “Thriller” [สี่เพลงหลังมาจาก Thriller] มือเบสคีย์บอร์ดคนอื่นที่ร่วมงานกับ Michael ก็ได้แก่ Steve Porcaro, David Paich, Brad Buxer, John Barnes, David Foster, Larry Williams, Jimmy Jam & Terry Lewis และ Teddy Riley รูป Greg ครับ จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:15:38

ความคิดเห็นที่ 40   หมดแล้วครับผม ก็เป็นข้อมูลอีกส่วนหนึ่งนะครับสำหรับผู้ที่สนใจ เผื่ออาจจะอยากลองไปฟังผลงานของนักดนตรีเหล่านี้ ซึ่งก็เรียกว่าเป็นระดับโลกทั้งนั้นครับ ถ้าพี่ๆน้องๆท่านไหน สงสัยอะไรที่อยู่ในบทความนี้ ก็ถามได้นะครับผม ผมก็งูๆปลาๆประมาณหนึ่ง แฮะๆ ไปล่ะครับผม จากคุณ : kas.rm เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:20:28

ความคิดเห็นที่ 41   ขอบคุณคุณkas.rm มากๆเลยคร่า อยากอ่านเล่มนี้ตั้งแต่เห็นปก แต่ตอนนั้นไม่มีตังค์ซื้อ T T ตอนนี้มีคนเอามาแปลให้อ่าน ซาบซึ้งใจมากๆค่ะ ขอให้หนังสือที่คุณkas.rmทำอยู่ขายดีเหมือนแจกฟรีนะคะ จากคุณ : Another Part Of Me เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 07:59:42

ความคิดเห็นที่ 42 โอ้โห......ยังไม่ได้อ่านละเอียด แต่มาปาดไว้ก่อน เป็นบทความที่ดีมากๆเลยค่ะ เสร็จงานแล้วจะกลับมาอ่านให้ได้เลย อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับนักดนตรีที่ร่วมงานกับไมเคิลอยู่แล้วด้วย ขอบคุณคุณ  kas.rm มากเลยค่ะ จากคุณ : AC.Mindfields เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:15:21

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณคุณ Mr.Sak มากๆเลยค่ะ แปะไว้ก่อนนะคะ ยังไม่ได้อ่านค่ะ กลับไปอ่านที่บ้านจ้า จากคุณ : MR.ROOF (MR.ROOF) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:47:01

ความคิดเห็นที่ 44 แปะด้วยจ้า เดี๋ยวกลับมาอ่าน งานกำลังเข้า จากคุณ : NattMJ (jian1975) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:37:02

ความคิดเห็นที่ 45   ขอบคุณมากค่าาา เดี๋ยวว่างๆ มาอ่านนะ วีซ่าก็เพิ่งปิดกระทู้แปลไปเหมือนกัน จากคุณ : MICHAELVISA เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:40:39

ความคิดเห็นที่ 46   ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วยิ่งทำให้รู้ว่า MJ และทีมงานประณีตมากในการทำผลงานออกมาให้พวกเราฟัง MJ พวกเรารักคุณค่ะ จากคุณ : nokatow (nokatow) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:56:13

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : บรรณาลัย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 10:09:48

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : zeasky เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 11:25:50

ความคิดเห็นที่ 49   ขอบคุณมากๆนะคะ เค้าเหล่ามันมีแรงบันดาลใจจากคนที่เก่งๆ มันทำให้จินนี่มีกำลังใจในการเล่นขึ้นเยอะเลยค่ะ ^^ จากคุณ : jinnypk เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 12:06:05

ความคิดเห็นที่ 50 ใช้เวลาพักเที่ยงอ่านจนจบเลย ช้อบ ชอบ  ชอบที่จะฟังผู้คนที่เคยได้สัมผัสกับ MJ ในทุกๆ ด้าน และทุกทาง ขำตอนที่ มือเบสคนหนึ่งบอกว่า ไมเคิล ขับรถมารับ และเพิ่งได้ใบขับขี่  ทำให้นั่งอมยิ้มนึกถึงเรื่องที่ทีมแปล แปลเกี่ยวกับเรื่องที่ไมเคิลพยายามที่ขับรถด้วยตัวเอง แล้วเกิดเหตุการณ์ขำๆ น่าเอ็นดูของ MJ (^^) ขอบคุณจ่ะ อ่านแล้วคันมือ  อยากเล่งเบสมั่ง (บึ่ม บึ่ม บึ่ม) จากคุณ : ลาช่า เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 12:29:44

ความคิดเห็นที่ 51   ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะสำหรับคำแปล ^-^ จากคุณ : P.S.T. (Pretty Small Thing) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 13:17:02

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากเลยค่ะ  เดวถ้าว่างมากๆจะเข้ามาอ่านแบบละเอียดอีกครั้งนึง จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 14:20:51

ความคิดเห็นที่ 53 จำบทความครั้งก่อนๆได้ค่ะ เคยมาลงเรื่องมือกีตาร์ด้วยใช่มั้ยคะ บทความดีๆทั้งนั้นเลย อ่านแล้วเพลินด้วย ขอบคุณคุณ kas.rm มากนะคะ จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 14:27:18

ความคิดเห็นที่ 1 แหะแหะ อ่านแล้วก็อารมณ์ดี ขอบคุณมากนะคะ (ยาวจริง ๆ เหนื่อยแย่เลย) จากคุณ : Shogubutsu เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 10:14:48

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  กระทู้ดีๆแบบนี้อย่าลืมเซฟลงคลังกระทู้ด้วยนะจ๊ะ จากคุณ : ต้าปิ่ง เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 10:31:16

ความคิดเห็นที่ 3   เยี่ยมครับ อ่านจบบอกได้คำเดียว MJ คืออัจฉริยะจริงๆ มีหลายเพลงที่ผมคิดว่า เสียงเบสโดดเด่นเอามากๆ แล้วจะติดตามดูครับ ขอบคุณ คุณkas.rm จากคุณ : blue gourami เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 10:33:32

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากค่ะ ไมเคิลช่างอัจฉริยะจริงๆเลยค่ะ ^^ แถมสุภาพ น่ารัก ถ่อมตัวอีกด้วย ได้อ่านบทความแบบนี้แล้วคงแฮปปี้ไปทั้งวันค่ะ จากคุณ : Poy_Kun เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 10:35:35

ความคิดเห็นที่ 5 กระทู้นี้ทำให้ต้องอู้งานเซฟแต่เช้าเลยคะ ขอบคุณสำหรับคำแปลคะ จากคุณ : superturbo เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 08:59:16

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากๆค่ะ เค้ามาเซฟๆ กระทู้ดีๆแบบนี้ต้องกดเก็บเข้าคลัง จากคุณ : Snow Crystal เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 14:09:53