ความคิดเห็นที่ 1 ไมเคิลติดยาหรือ? เขียนโดย Nikki Evans-Taylor และ Meghan Keeler Copyright 2010 Please do not reproduce this information without consent. แปลโดย MyMike และ PK ความสามารถในการทำให้เกิดการเสพติดของโพรโพฟอลนั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดในทางวิชาการ โพรโพฟอลไม่ได้มีโครงสร้างหรือคุณสมบัติทางเภสัชใดที่เกี่ยวข้องกับยานำสลบอื่นๆ เช่น กลุ่มโอปิออยด์ (ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดได้ ) กลุ่มบาร์บิทูเรตส์(เช่น ยาฟีโนบาร์บิทอล) หรือแม้กระทั่งกลุ่มเบนโซไดอะซีปีนส์ โพรโพฟอลไม่มีแรงเหนี่ยวนำที่จะทำปฏิกิริยาต่อตัวรับ (receptor)ที่อยู่ภายในสมอง ดังเช่นกลุ่มยาอื่นๆที่กล่าวแล้วข้างต้น (คือยาที่กล่าวก่อนหน้านี้มีปฏิกิริยาต่อตัวรับในสมอง ในขณะที่โพรโพฟอลไม่มี )นั่นหมายความว่า ศักยภาพในการก่อให้เกิดการใช้ยาในทางที่ผิดหรือเกิดการเสพติดนั้นน่าจะมีข้อจำกัด ที่จริงแล้วโพรโพฟอลก็มีคุณสมบัติทางเคมีคล้ายกับวิตามินอีและแอสไพริน มีเคสรายงานและมีการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการถึงอันตรายของการใช้โพรโพฟอล (ดิพริแวน) ด้วยตัวเอง  เกี่ยวกับเรื่องการติดยา ไม่พบหลักฐานของการดื้อยา ซึ่งอ้างอิงถึงความต้องการในการเพิ่มปริมาณของยาจนถึงระดับที่ยาจะให้ผล บทความที่เขียนโดยแซกนีกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่โพรโพฟอลอาจจะมีผลให้เกิดการติดยาทางด้านจิตใจ ในระดับยาที่ต่ำกว่าระดับยาปกติที่ยาจะให้ผล เมื่อทำการทดสอบในอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรง อย่างไรก็ตาม Dr. J. Robert Sneyd ได้ออกมาคัดค้านการศึกษาดังกล่าวเพราะเป็นการศึกษาโดยใช้อาสาสมัครที่มีประวัติของการดื่มแอลกอฮอล์ และใช้ยาอื่นๆมากบ้างน้อยบ้าง Sneyd ยังโต้เถียงถึงความไม่เที่ยงของการใช้สถิติในการศึกษา ยิ่งไปกว่านั้น แจ็คสันนั้นรู้สึกดีกับการใช้ระดับของยาที่ให้ผล และไม่ใช้ยาที่ระดับต่ำกว่าปกติเพื่อหวังผลให้เกิดการผ่อนคลาย  นอกจากนี้แจ็คสันยังไม่ได้เป็นผู้ใช้โพรโพฟอลเองอีกด้วย แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 13:36:11 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 13:35:29

ความคิดเห็นที่ 2 แวเลียม (ไดอะซีแพม) เป็นยากลุ่มของเบนโซไดอะซีพีนที่ออกฤทธิ์ระยะยาว อะติแวน(ลอราซีแพม) เป็นยาในกลุ่มของเบนโซไดอะซีพีนที่ออกฤทธิ์ระยะกลาง เวอร์เสด (ไมดาโซแลม) เป็นยากลุ่มของเบนโซไดอะซีพีนที่ออกฤทธิ์ระยะสั้น ยาในกลุ่มของเบนโซไดอะซีพีนทุกตัวที่ให้แก่แจ็คสันนั้นล้วนแล้วแต่เป็นที่ยอมรับได้สำหรับการรักษาอาการนอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มของเบนโซไดอะซีพีนตัวอื่นๆที่มักใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ ยกตัวอย่างเช่น เรสโทริล (เทมาซีแพม) ก็ถูกค้นพบอยู่ท่ามกลางบรรดายาต่างๆของแจ็คสัน แม้เขาจะไม่ได้ใช้ยานี้ในวันที่ 25 มิถุนา สำหรับเรื่องอาการนอนไม่หลับ ถึงแม้ว่าจะใช้ยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีนรักษาได้ แต่ไม่ควรให้เบนโซไดอะซีพีนทางหลอดเลือดดำแก่แจ็คสันอีกเพราะเขาได้ใช้ยาชนิดรับประทานแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้ยาเบนโซไดอะซีพีนชนิดเข้าทางหลอดเลือดดำแก่แจ็คสัน มีข่าวลือมากมายว่าแจ็คสันติดยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีนหลายชนิด แต่ข่าวลือก็คือข่าวลือ และก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดที่จะบอกได้ถึงการติดยานั้น แจ็คสันได้รับยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีนชนิดรับประทานหนึ่งชนิดที่สั่งให้เขาโดยนายแพทย์เมทซ์เจอร์เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ และแจ็คสันยังมียากลุ่มเบนโซไดอะซีพีนชนิดรับประทานอีก 3 ชนิดที่สั่งให้เขาโดยเมอเรย์  สองชนิดแรกเพื่อการรักษาอาการนอนไม่หลับ และอีกหนึ่งชนิดถูกสั่งให้ก่อนเขาเสียชีวิตไม่กี่วัน โดยสั่งให้กินยาตลอดทั้งวัน ข้อมูลจากตาราง 3A ในผลชันสูตรแสดงถึงว่าแจ็คสันไม่ใช่คนไข้ที่เชื่อฟังเท่าไรนัก เพราะเขามักจะไม่ค่อยกินยาครบตามที่แพทย์สั่ง รวมทั้งยาปฏิชีวนะที่จริงๆแล้วควรจะรับประทานให้หมดตามที่สั่ง เขาใช้ยาน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเกือบจะทุกตัวที่เขามีอยู่ ขวดยาเหล่านั้นน่าจะว่างเปล่า ถ้ายึดวันที่ยาเหล่านั้นได้รับการจ่ายจากที่ร้านขายยา ที่มันควรจะเป็นก็คือยาน่าจะถูกใช้ไปหมดแล้ว แต่ยาเบนโซไดอะซีพีนยังคงเหลืออยู่และระยะเวลาที่จ่ายจากร้านขายยาก็ไม่สัมพันธ์กับการติดยา อย่างไรก็ตาม ยาเบนโซไดอะซีพีนที่เมอเรย์สั่งนั้นส่งเสริมทำให้คนไข้ของเขาดื้อยา(แม้จะดื้อยาไม่ชัดเจน) มากกว่าจะพยายามป้องกันเขาจากการเกิดการดื้อยานั้น แม้ว่าเบนโซไดอะซีพีนจะมีความเสี่ยงในการทำให้เกิดการดื้อยาและเกิดการพึ่งพายา แต่ก็พบได้ไม่บ่อยนัก มีบทความที่ดีมากบทความหนึ่ง “การใช้เบนโซไดอะซีพีนม การติดยาและการพึ่งพายา) โดย Charles P. O'Brien M.D. Ph.D. A ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ http://www.psychiatrist.com/supplenet/v66s02/v66s0205.pdf จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 13:38:30

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนสำคัญของบทความนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างอาการดื้อยา (tolerance), อาการพึ่งพายา(dependence), และการใช้ยาในทางที่ผิด (abuse) โดยบทความนี้กล่าวไว้ว่ากลุ่มยาเบนโซไดอะซีพีนนั้นน้อยมากที่จะถูกนำไปใช้ทางที่ผิด โดยเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ใช้ยาประเภทนี้ในทางที่ผิดนั้นต่ำมาก มีความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างผู้ที่จงใจเลือกใช้ยาในทางที่ผิดกับผู้ที่เกิดอาการดื้อยาหรือพึ่งพายาโดยไม่ได้ตั้งใจจากการใช้ยาเหล่านี้เป็นประจำ  แจ็คสันไม่ได้มีทั้งอาการดื้อยาและอาการพึ่งพายาทางจิตใจในช่วงที่เขาเสียชีวิต ถึงแม้ว่าเมอเรย์จะสั่งยาในลักษณะที่ง่ายต่อการทำให้เกิดอาการดื้อยาหรือพึ่งพายาเบนโซไดอะซีพีน  แพทย์ควรระมัดระวังและป้องกันการเกิดอาการดื้อยา และ/หรือ อาการพึ่งพายา ผู้เป็นแพทย์ควรหมั่นเฝ้าดูสัญญาณหรืออาการดื้อยาหรือการใช้ยาเกินขนาดของคนไข้อยู่เป็นประจำ และคอยจำกัดปริมาณยาที่ตนสั่งให้กับคนไข้ --- เมอเรย์กล่าวว่าเขากังวลกับการติดยาโพรโพฟอล เท่านั้น  ในขณะที่ตามรายงาน แจ๊คสันหลับตลอดทั้งคืนในวันที่ 23 มิถุนายน โดยยา ไมดาโซแลมและ ลอราซีแพม เท่านั้น ไม่มีโพรโพฟอล  ซึ่งนี่คือสิ่งที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าแจ๊คสันไม่ได้มีอาการพึ่งพายาทางจิตใจ หรือ ติด เบนโซไดอะซีพีน (รวมทั้งไม่มีอาการพึ่งพายาโพรโพฟอล ด้วยเช่นกัน อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 20:23:37 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 13:42:00

ความคิดเห็นที่ 4 อวัยวะภายในของแจ๊คสันไม่ได้อยู่ในสภาพถูกทำลายอันเกิดมาจากการใช้ยาในทางที่ผิดมาเป็นเวลานาน ยกตัวอย่างเช่น การสูญเสียการได้ยินที่พบบ่อยจากการใช้ยาบรรเทาปวดเป็นเวลานาน (เช่นยาออกซีโทซิน) หรือภาวะตับถูกทำลายซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยในบรรดาผู้ที่ใช้ยาอย่างผิดวิธี เพราะตับคือตัวที่ทำการสลายและกำจัดยาเกือบทุกชนิด พบว่าผู้ที่ใช้ โพรโพฟอล เป็นเวลานานหลายปีอาจเกิดภาวะไขมันสะสมที่ตับซึ่งเกิดจากไตรกลีเซอร์ไรด์ที่เป็นส่วนประกอบในโพรฟอล อาการลิ้นหัวใจถูกทำลายจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และ/หรือ การถูกทำลายของผิวหนัง/รอยโรคของผิวหนัง สามารถพบได้บ่อยในผู้ที่ฉีดยาเข้าเส้นเลือดเป็นประจำ แจ๊คสันไม่ได้มีอาการเหล่านี้ เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าแจ๊คสันใช่ยาแก้ปวด  ในหลายๆช่วงเวลา ยาแก้ปวดบางประเภทสามารถทำให้เกิดอาการดื้อยาหรือพึ่งพายาโดยไม่ได้ตั้งใจได้ถึงแม้ว่าแจ๊คสันจะมีประวัติการดื้อยาในอดีตก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจะพึงตระหนักไว้ก็คือว่า ไม่มียาแก้ปวดชนิดใดถูกพบในบ้านของแจ๊คสัน หรือในร่างกายของแจ๊คสันเลย ยาทุกชนิดที่ตรวจพบในระบบของแจ๊คสัน ถูกให้โดยเมอเรย์ทั้งสิ้น และเมอเรย์ก็ยอมรับด้วยตัวเอง และถึงแม้ว่าจะมีการยกประเด็นการใช้ยาแก้ปวดของแจ๊คสันในปี 1993 ขึ้นมา อาการพึ่งพายาของแจ๊คสันในขณะนั้น ก็ดูเหมือนจะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและดีแล้ว เนื่องจากระบบอวัยวะภายในทั้งหมดของเขาอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม ยกเว้นปัญหาเกี่ยวกับปอด ซึ่งไม่ได้ร้ายแรงและไม่ได้เกิดจากการใช้ยาใดๆทั้งสิ้น แจ๊คสันป็นโรคหลอดลมอักเสบ และโรคปอดอักเสบเรื้อรัง รวมทั้งแผลเป็นที่ปอด ซึ่งอาการเหล่านี้น่าจะมาจากปัญหาระบบภูมิคุ้มกันต่อต้านตนเอง จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 13:43:59

ความคิดเห็นที่ 5 โปรดเข้าใจว่า จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้สามารถสรุปได้ว่า แจ๊คสัน ไม่ได้ติดยา เหมือนอย่างที่สื่อพยายามนำเสนอออกมาให้เขาเป็น – เขาจบลงด้วยการตกเป็นเหยื่อของการกระทำของคนอื่น ไม่ใช่จากการใช้ยาผิดพลาดด้วยตัวของเขาเอง ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต คนเราทุกคนเคยใช้ยาผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งยาให้คนอื่นทั้งที่ไม่ควรทำ หรือรับประทานยาที่ไม่มีความจำเป็นในการรักษาโรคของตน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นเป็นคนติดยา ในความเป็นจริงแล้ว แจ๊คสันต้องรับประทานยาเพรดนิโซโลน เป็นจำนวนมากในบางครั้ง เพื่อรักษาอาการป่วยของเขาที่เรียกว่าโรคดิสคอยด์ ลูปัส ซึ่งยาที่ใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันนี้  อาจทำให้แจ๊คสันดูมีความสุขมากผิดปกติ (unusually euphoric) หรือ “high” ในบางครั้ง สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์อาจไม่เข้าใจถึงผลข้างเคียงที่เกิดจากยาอย่างเช่นเพรดนิโซโลน หลายคนไม่เข้าใจพื้นฐานของการติดยา สาเหตุการนำไปสู่การติดยา หรือส่วนประกอบสำคัญของยาที่กระตุ้นให้เกิดการติดยา/การดื้อยา/การพึ่งพายาอย่างแท้จริง ผู้ป่วยหลายคนพบว่าตนเองต้องอาศัยยาเพื่อให้รู้สึกมีชีวิตชีวา ที่ผ่านมา ผู้ป่วยหลายคนที่รับประทานยาเป็นจำนวนมากมักจะเกิดอาการดื้อยาหรือพึ่งพายาโดยไม่รู้ตัวจากการใช้ยาด้วยตัวเองที่ไมเหมาะสม บางทีพวกเขาอาจมีอาการซึมเศร้าหรือทุกข์ทรมานจากอาการต่างๆ อย่างเช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและให้ยาอย่างถูกต้อง หลายคนใช้ยา และ/หรือ แอลกอฮอลล์ด้วยสาเหตุที่หมอไม่สามารถเห็นได้ ซึ่งก็คือความเจ็บป่วยทางจิตใจ คนทั่วไปควรมีความเห็นอกเห็นใจคนที่มีปัญหาในการใช้ยา แทนที่จะมองเหมารวมเป็นว่าพวกเขาเป็น “คนติดยา” แจ๊คสันอาจจะมี หรือไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้ยาในอดีต แต่สิ่งสำคัญที่เราควรจะจำไว้ก็คือ เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากการใช้ยาไปในทางที่ผิด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต สิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตของเขาก็คือการที่มีเมอเรย์เข้ามาเท่านั้นเอง จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 13:46:20

ความคิดเห็นที่ 6 บทความจบเท่านี้ค่ะ จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 13:49:05

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วทำไมเมอเรย์ต้องทำอย่างนี้ ??? ขอบคุณค่ะ คุณ PK คุณ MyMike เรื่องนี้สงสัยมานานแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆ จากคุณ : Poy_Kun เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 14:32:17

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ สิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตของเขาก็คือการที่มีเมอเรย์ เข้ามาเท่านั้นเอง ถ้า นายคนนี้ไม่เข้ามาคง  ได้ดู This is it.ทัวร์เมืองไทยแน่ T^T จากคุณ : AmAndMj เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 14:59:32

ความคิดเห็นที่ 9 ^ คห.8 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีเมอเรย์ ก็คงจะได้ดู This is it ที่เมืองไทย T-T จากคุณ : popoking เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 16:00:10

ความคิดเห็นที่ 10 ในคนเนี่ย เค้าใช้ propofol ทำอะไรกันบ้างอะคะ? (คือเราเป็นสัตวแพทย์ ใช้ propofol สำหรับเป็นยาสลบ (ในกรณีไม่มี isofuran ใช้) แต่ในคนเนี่ย เดาเอาว่าน่าจะใช้ดมกันหมดไม่ใช่เหรอ? หรือว่าใช้เป็นยานำสลบ?) แต่ propofol (เท่าที่ใช้) มันเป็นยาที่ขับออกเร็ว (ดูเหมือนจะขับทางลมหายใจ ไม่แน่ใจ ลืมรายละเอียดไปแล้ว) อย่างเวลาผ่าตัดแทบจะต้องเติมทุก 15 นาที ยิ่งยี่ห้อแพง ๆ ยิ่งต้องเติมบ่อย เลยสงสัยว่า ที่ว่าใช้ propofol เพื่อเป็นยานอนหลับนั้นไม่น่าจะจริง เพราะมันมีฤทธิ์อยู่แค่แป๊บเดียวเอง (แต่เราก็ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างสัตว์กับคนน่ะนะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าถ้าใช้เพียงให้อยู่ในภาวะหลับ ไม่ใช่ภาวะสลบเนี่ย มันจะกินเวลาในภาวะนั้นนานพอที่จะถือว่าเป็นยานอนหลับได้ไหม) บุคลากรทางการแพทย์ ช่วยแถลงไขหน่อยค่ะ จากคุณ : Beauty&Stupid เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 16:01:36

ความคิดเห็นที่ 11   ขอบคุณมากๆนะค่ะ.... ไมเคิลต้องใช้ยาเพรดนิโซโลนด้วย....อืมคงอาจจะมาจากอาการภูมิแพ้ทาง ผิวหนังแน่ๆเลย ซึ่งคงจำเป็นจริงๆในช่วงที่มีอาการ....ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ใช่ การติดยาของไมเคิลแต่อย่างใดค่ะ....แต่ถ้าเป็นมากๆคงต้องใช้อยู่บ้าง เพื่อกดภูมิ แต่ที่ทำใจไม่ได้จริงๆคือ ยาที่หมอมอเรย์ให้นี่แหละ ยอมไม่ได้จริงๆ จากคุณ : AUM MJ (AUM MJ) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 18:37:43

ความคิดเห็นที่ 12   ได้ข่าวว่าเมอร์เร่ย์ไม่ได้เป็นหมอนี่นา แค่เคยเป็นหรือเปล่าอ่ะคะ แล้วถูกดึงตัวมาเป็นหมอให้เฮียไมค์ หรือเปล่าๆ จากคุณ : LoveMJJ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 19:46:28

ความคิดเห็นที่ 13   รูปใน*1 เหมือนยาที่กินไว้สำหรับแก้ปวดท้องเลยอ่ะ แต่พอเลื่อนลงมาเจอหน้าหมดปลาไหล ฮึ่มโทสะเริ่มบังเกิดแต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะมีรูปไมเคิล แต่ยังก็ ไมเคิลเสมอนะค่ะ จุ๊ฟฟฟฟฟฟ จากคุณ : mint&mj เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 19:52:48

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณ PK และ คุณ My Mike มาก ๆ นะคะ..... อูยยยย อยากจะทำป้ายขนาดบิลบอร์ดข้างทางด่วน ด้วยข้อความนี้... "แจ๊คสัน ไม่ได้ติดยา เหมือนอย่างที่สื่อพยายามนำเสนอออกมาให้เขาเป็น – เขาจบลงด้วยการตกเป็นเหยื่อของการกระทำของคนอื่น ไม่ใช่จากการใช้ยาผิดพลาดด้วยตัวของเขาเอง" รู้ไว้ซะ!!! เจ้าพวกทีเร็กซ์ที่ชอบว่าไมเคิลเสียๆ หายๆ น่ะ โฮกกกก จากคุณ : Shogubutsu เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 20:07:00

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณ pkและน้องกิ๊ก มากๆค่ะ เพราะหมอคนนี้คนเดียวที่ทำให้ไมเคิลต้องจากไป ยังมีหน้ามาบอกว่าไมเคิลฉีดยาเอง ช่างกล้าพูดคงหมดหนทางไปแล้ว อ่านจากบทความไมเคิลกินยาน้อยกว่าที่หมอสั่งด้วย แล้วไมเคิลเนี่ยนะจะลุกขึ้นมาฉีดยาเอง โมโหวุ้ยยย จากคุณ : MR.ROOF (MR.ROOF) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 22:32:50

ความคิดเห็นที่ 16   เอามาฝากคุณBeauty&Stupid ค่ะ ดีจังเลย วันหลังขอ consult เรื่องแมวที่บ้านหน่อยนะคะ ^ ^ TABLE 3. INDICATIONS FOR Propofol INJECTABLE EMULSION Indication Approved Patient Population Initiation and maintenance of Monitored Anesthesia Care (MAC) sedation   -Adults only Combined sedation and regional anesthesia                                                    -Adults only (See PRECAUTIONS) Induction of General Anesthesia                                                                     -Patients ≥ 3 years of age Maintenance of General Anesthesia                                                               -Patients ≥ 2 months of age Intensive Care Unit (ICU) sedation of intubated, mechanically ventilated patients  -Adults only Pharmacodynamics Pharmacodynamic properties of Propofol are dependent upon the therapeutic blood Propofol concentrations. Steady-state Propofol blood concentrations are generally proportional to infusion rates. Undesirable side effects such as cardiorespiratory depression are likely to occur at higher blood concentrations which result from bolus dosing or rapid increases in infusion rates. An adequate interval (3 to 5 minutes) must be allowed between dosage adjustments in order to assess clinical effects Read more: http://www.drugs.com/pro/propofol.html#ixzz0mn8PMIKh เท่าที่อ่านข้อบ่งชี้ในการใช้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการทำให้สลบ โดยใช้ทั้งเป็นตัวนำสลบ ตัวmaintainการสลบ และมักใช้ร่วมกับการทำให้สลบด้วยตัวยาอื่นและวิธีอื่น ข้อบ่งใช้อื่นก็คือใช้ sedateกับผู้ป่วยที่อยู่ใน ICU แล้วใช้เครื่องช่วยหายใจ (ventilator) นั่นคือการทำให้ผู้ป่วยหลับเพื่อไม่ให้หายใจต้านกับเครื่องช่วยหายใจ สำหรับข้อบ่งชี้อื่นๆยังอ่านไม่เจอ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่สมัยเรียนอาจารย์สอนถึงยาตัวนี้ในภาควิสัญญีเท่านั้น และไม่ได้เน้นเท่าไหร่ด้วย จำได้แค่ว่ามันสีเหมือนนม หลับแป๊บเดียว ตื่นแล้ว bright ไม่งัวเงีย และก็เคยเห็นรุ่นพี่ให้คนไข้ก่อนใส่ท่อช่วยหายใจหลังจากให้ valium แล้วไม่ได้ผลคือคนไข้ไม่หลับ หลังได้ propofol ไปก็ป้อก แต่แป๊บเดียวก็ตื่น รายละเอียดอื่นๆตามลิ้งค์เลยค่ะ ของ FDA ยาวมาก อ่านแล้วงง 555 อย่างไรก็ตาม อยากให้เพื่อนๆที่อ่านบทความนี้ ทำความเข้าใจตาม และต้องระลึกด้วยว่าการรักษาแต่ละคนนั้นใช้ทั้งทฤษฎีและศิลปะในการรักษา แต่แพทย์ก็ต้องยึดถึงจรรยาบรรณเป็นสำคัญ ข้อความบางอย่างในบทความนี้เช่น แจ็คสันได้ยาเบนโซไดอะซีพีนชนิดกินแล้วไม่สมควรได้ยาชนิดฉีดอีก แต่ในความเป็นจริงก็มีการใช้ค่ะ แต่ต้องดูปริมาณ dose และmonitor คนไข้อย่างใกล้ชิด นั่นก็คือต้องให้ขณะที่อยู่ในรพ.ที่มีเครื่องมือ detect, monitor และเครื่องมือที่สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที บอกได้เพียงแต่ว่า เฮียโชคร้ายค่ะ propofol ไม่ใช่ยาที่ควรให้ที่บ้าน แม้แต่ในรพ.แพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญกับยานี้ก็ไม่กล้าให้ค่ะ Murrey เป็นหมอโรคหัวใจ เราเองก็ไม่เข้าใจว่าเค้าเบิกยาตัวนี้ออกมาได้ยังไง เพราะตามปกติน่าจะเฉพาะวิสัญญีแพทย์ที่ใช้ได้ เนื่องจากอเมริกาเป็นประเทศที่เคร่งครัดกับการเบิกจ่ายยามาก และสิ่งที่เค้าควรทำ แม้ว่าเฮียร้องขอก็ตาม นั่นคือการหยุด ไม่ตามใจคนไข้และยึดถือหลักการที่ถูกต้อง เพราะหน้าที่หมอคือการช่วยให้คนไข้หลุดพ้นจากโรคภัยทั้งทางกายและใจ มิใช่การทำให้ตกอยู่ในวังวนของการหลอกตัวเอง สรุปว่าเค้าผิดเต็มประตู ดิ้นไม่หลุด และไม่รอดแน่... ขอบคุณคุณ PK มากมายที่หาบทความดีๆ มาให้พวกเรา ^ ^ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 53 00:44:07 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 53 00:15:31 จากคุณ : MyMike เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 00:12:26

ความคิดเห็นที่ 17 หลายประเด็นที่คุณ MyMike กล่าวไว้ด้านบนเป็นประเด็นสำคัญ และมันยังเชื่อมโยงไปถึงข้อหาที่ถูกตั้งในคดีด้วย บทความนี้ตอบโจทย์และตั้งคำถามอะไรได้หลายอย่างกับการตั้งข้อหาในคดีนี้ เช่น "แต่ต้องดูปริมาณ dose และmonitor คนไข้อย่างใกล้ชิด นั่นก็คือต้องให้ขณะที่อยู่ในรพ.ที่มีเครื่องมือ detect, monitor และเครื่องมือที่สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที" ^ ^ ในบ้านไมเคิล ไม่ได้มีอะไรพวกนี้เลย และเป็นไปไม่ได้ที่คนเป็นแพทย์จะไม่รู้ และตามคำให้การของ Murray บอกว่าเขาออกจากห้องไปเพียงแค่ 2 นาที ก่อนจะกลับมาแล้วพบว่าไมเคิลเสียชีวิตแล้ว 1. มันไม่ใช่แค่ 2 นาทีแน่นอน อันนี้มีหลักฐานเป็น record การคุยโทรศัพท์ของตัว Murray เอง กับคนไข้คนอื่นและแฟนของเขา 2. แล้วกล้าออกจากห้องไปทั้งๆที่คนไข้อยู่ในภาวะแบบนั้น ไม่มีเครื่องมือคอย detect, คอย monitor ไม่มีเครื่องมือช่วยเหลือเนี่ยนะ คือใช้อะไรคิด หรือว่าไม่ได้คิด หรือคิดจะทำอะไรกันแน่ อีกประเด็นที่สำคัญเหมือนกัน "Murrey เป็นหมอโรคหัวใจ เราเองก็ไม่เข้าใจว่าเค้าเบิกยาตัวนี้ออกมาได้ยังไง เพราะตามปกติน่าจะเฉพาะวิสัญญีแพทย์ที่ใช้ได้" ^ ^ ถูกต้องที่สุด Murray ไม่ได้เป็นวิสัญญีแพทย์ ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีสิทธิ์ใช้ยานี้เลยด้วยซ้ำ ตัวเองก็เป็นหมอ ก็ต้องรู้ในข้อนี้ดี แล้วกล้าดียังไงให้ยาตัวนี้กับคนไข้ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์มอร์นิเตอร์และเครื่องมือช่วยเหลืออยู่ด้วย ทั้งๆที่รู้ถึงผลอาจจะตามมาได้   Murray รู้ดีทุกอย่างแต่ก็ยังทำ แล้วอย่างนี้ จะเรียกว่าเป็น Involuntary Manslaughter (ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา) ได้อย่างไร มีบางคนบอกว่าอัยการต้องการตั้งข้อหาที่คิดว่าเอาผิด Murray ได้แน่ๆ และกลัวว่าถ้าตั้งข้อหา Second-degree murder หลักฐานจะไม่พอเอาผิด และทำให้ Murray กลับพ้นผิดไปได้ ซึ่งแฟนๆก็กำลังพยายามตะโกนบอกพวกคุณอยู่นี่ไงว่าหลักฐานมีพอ แต่ทำไมดูเหมือนคุณละเลย "สรุปว่าเค้าผิดเต็มประตู ดิ้นไม่หลุด และไม่รอดแน่..." ^ ^ ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่เห็นๆกันอยู่ แต่ทำไมอัยการดูลังเลและไม่กล้าตั้งข้อหาหนัก ซึ่งในระหว่างนี้ยังสามารถgเปลี่ยนข้อหาได้อยู่ แต่ก็ดูเหมือนเงียบๆ จะมีก็แต่กลุ่มความเคลื่อนไหวของแฟนๆ เราก็ยังแอบหวังลึกๆๆๆๆๆว่าทางการอาจจะมีการดำเนินการเรื่องนี้แบบเงียบๆอยู่ สุดท้ายนี้ ก็อยากจะบอกว่า ถ้าข้อมูลแบบนี้สามารถมองเห็นและวิเคราะห์ได้โดยแฟนเพลงที่มีความรู้เรื่องการแพทย์ ก็หวังว่าในชั้นศาล ผู้เชี่ยวชาญของทางการก็จะมองเห็นเหมือนกัน และให้ความเป็นธรรมกับไมเคิลด้วย "All he wanted was just a good night sleep" แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 53 02:18:25 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 53 02:13:44 จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 02:06:46

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากเลยค่ะคุณพีเค   บทความนี้อย่างน้อยก็ทำให้พวกที่ชอบว่าไมเคิลติดยา   ได้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาบ้าง ว่ามันไม่จริง จากคุณ : เราอุ้มนะ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 05:59:24

ความคิดเห็นที่ 19   คห. 17 เคลียร์เลย ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คุณ MyMike  คุณ PK ตกลงไมเคิลเป็นโรคพุ่มพวง 'ลูปัส' จริงๆหรือนี่  ตอนนั้นก็สงสัยอยู่ว่า ไมเคิลเป็นโรคปอดได้ไง บุหรี่ก็ไม่ได้สูบ สำหรับเรื่องติดยา ในความคิดเรา ไมเคิลต้องการยา ในระดับหนึ่งค่ะ สำหรับการบรรเทาความเจ็บปวด และอาการนอนไม่หลับ แต่ยาตัวใดก็ตามที่จะเข้าสู่ร่างกายเค้า เป็นหน้าที่ของหมอที่จะ ใช้ความเป็นแพทย์ในการพิจารณา และยาที่หมอเลือกมาให้เค้า มันมีความปลอดภัยทั้งในด้านการใช้ และผลต่อร่างกายอย่างไร หมอที่ดีย่อมต้องรู้ต้องตระหนัก ยิ่งมาเห็นว่า หมอใช้ยาที่ไม่มีตนสิทธิใช้ ผิดที่ผิดทาง ผิดวิธี  แถมไม่ระมัดระวังอีก มันชัดเลย หมอนี่แหละ ตัวอันตราย โปรโพฟอล ถูกนำมาใช้กับไมเคิลได้ยังไง ใครเป็นคนมาใช้คนแรก เท่าที่เราจำได้จากข่าวเก่า หมอคนเก่า คือหมอไคลน์เป็นคนให้คำแนะนำ และให้คำปรึกษาเมอร์เลย์หนิคะ และเหมือนหมอไคลน์ตั้งแต่ไมเคิลเสีย ก็พยายามสร้างข่าวบ้าๆบอ เหมือนเบี่ยงเบนความสนใจยังไงก้ไม่รู้ จากคุณ : Better Off เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 10:30:59

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณ คุณ PK ค่ะ สำหรับบทความไม่รู้จะคอมเม้นท์ยังไงดี  เครียด !!!! จากคุณ : NattMJ (jian1975) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 14:33:59

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากๆๆค่ะ ได้รู้อะไรมากมายจากบทความเยอะเลย แต่ยิ่งรู้ยิ่งเศร้าใจจัง จากคุณ : ซาจา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 20:22:31

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคุณ My Mike มากค่ะ อ่านแล้วเลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่แฮะ ไม่รู้มีใครงงเหมือนเราไหม คือถ้าในคนก็ใช้ยา propofol เพื่อทำสลบ และมีฤทธิ์ในการสลบเพียงแค่แป๊บเดียวเหมือนกัน ไมเคิลใช้ยาตัวนี้เพื่ออะไร? เพื่อให้ตัวเองสลบไปสิบห้านาที? เพื่อ??? จากคุณ : Beauty&Stupid เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 20:27:25

ความคิดเห็นที่ 23   เราคิดว่าอาจใช้นำในการทำให้หลับนะคะ แต่มียาอื่นๆร่วมด้วยในคืนนั้น จำได้ไม่ถนัดว่าเหมือนมี Valium IV drip continuous ต้องดูในผลการสอบปากคำของศาลกับเมอร์เรย์ อีกทีเพื่อ confirm จ้า จากคุณ : MyMike เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 21:29:04

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณคุณพีเค และคุณกิ๊ก สำหรับบทความสำคัญอันนี้ เห็นแล้วทำให้นึกถึงกระทู้ที่คุณอ๊อฟเคยตั้ง เกี่ยวกับความเห็นของคุณหมอวิสัญญีท่านหนึ่งพูดถึงยา propofol ขอนำมาลงประกอบด้วยกันนะคะ http://topicstock.pantip.com/chalermkrung/topicstock/2009/08/C8254491/C8254491.html คุณหมอเค้าว่า คุณสมบัติโดดเด่นของpropofolคือ หลับง่าย ตื่นไว ตื่นปิ๊ง ไม่แฮงค์ ไม่เมา ไม่อ้วก... จากคุณ : RockwithU เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 21:36:33

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ MyMike คะ แล้วในกรณีปกติที่ใช้เป็นยานำสลบ ก็ใช้เพียงแค่ในตอนต้นใช่ไม๊คะ แล้วถ้าใช้เพื่อเป็นยานำสลบและใช้ในเพียงตอนต้นเท่านั้นอย่างที่เราเข้าใจ มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะทำให้เกิดการ overdose ขึ้นมา (หรือเปล่าคะ) เพราะที่เราเคยอ่านเจอจากในผลชันสูตร (รู้เรื่องบ้างไม่รุ้เรื่องบ้าง) หรือจากที่คนเขียนบทความนี้เองเค้าคุยกัน ก็ได้ความว่า ในร่างกายของไมเคิล เต็มไปด้วย propofol จนมันกลายเป็น toxic ที่ร่างกายไมเคิลตอนนั้นเองก็พยายามขับออกมา ในหลายๆทางเหมือนกัน ไม่มีอะไร make sense เลยค่ะ Y_Y จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 53 09:32:53

ความคิดเห็นที่ 26   บอกยากนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าเมอเรย์ทำอะไรกับเฮียบ้าง ให้ยามากน้อยแค่ไหน ให้อะไรบ้าง และก็ไม่รู้ว่าพูดความจริงกับตำรวจและศาลรึเปล่า เราเองก็จำผลชันสูตรไม่ค่อยได้แล้วค่ะ ก็อาจเป็นได้ที่ให้ propofol ไปเรื่อยๆจนเกิด toxic dose แม้ว่าเค้าเหมือนจะเคยบอกว่าเค้าให้ยาเฮียไม่เกิน dose แต่การเกิด toxic ของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันค่ะ dose ที่อยู่ในตำราเป็น dose ที่ศึกษามาแล้วว่า "ค่อนข้าง" ปลอดภัยกับคนส่วนใหญ่ แต่ก็อาจมีบางคนที่เกิดอันตรายได้แม้ใช้ dose ตามตำรา และอีกอย่างเฮียค่อนข้างอ่อนแอด้วยค่ะ เพราะขาดอาหาร ซ้อมหนัก เครียด ร่างกายอ่อนล้า มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิด toxic ได้ คุณ PK ใจเย็นๆนะคะ อย่าเครียดๆ เราค่อยๆดูกันไปเนอะ อาจต้องให้เวลากับศาลหน่อย เพราะถ้าจะเปลี่ยนรูปคดีมันต้องหาพยาน หลักฐานชนิดดิ้นไม่หลุด เพราะข้อหาSecond-degree murder มันซับซ้อนและโยงกับผู้มีอิทธิพลมากมาย มันค่อนข้างยากค่ะ และในชีวิตจริงเราก็ไม่ค่อยเห็นข้อหาลักษณะนี้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นคงต้องใช้เวลาหน่อย ที่เราพอทำได้ก็คงพวกการสนับสนุนจดหมายต่างๆ การลงชื่อเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมให้เฮีย และที่สำคัญก็คือการทำให้ความยิ่งใหญ่ของเฮียคงอยู่ตลอดกาล... จากคุณ : MyMike เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 53 12:26:37

ความคิดเห็นที่ 27 เข้าใจค่ะเรื่องความยากของคดี แล้วตอนนี้ก็มี จดหมายออกมาอีกเพียบบบบเลยค่ะคุณ MyMike เราตามอ่านตามลงชื่อไม่ทันเลย (Barack Obama, Mr. Villaraigosa (the mayor of LA), Barbara Boxer and Diane Feinstein (California senators), The Med boards of Nevada, California and Texas, CNN, Geraldo, NAACP) แฟนๆของไมเคิลนี่แรงใช้ได้เลยค่ะ ไม่มีศิลปินคนไหนมีแฟนที่รักเหนียวแน่นและพร้อมต่อสู้แบบนี้แน่นอน เริ่ดอ่ะ โดยส่วนตัวเราคิดว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร สุดท้ายจะมีแค่มอร์เรย์ที่ต้องรับผิดหรือจะมีคนอื่นด้วยก็ตาม เรารับได้ เพราะเรานับถือศาสนาพุทธและเชื่อในกฎแห่งกรรม แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จะมีก็แต่ถูกปกปิดหรือบิดเบือนไป และถ้าเราทำได้ เราก็อยากช่วยเปิดเผย และตีแผ่ในบางเรื่องให้เป็นที่รับรู้และเข้าใจกัน เท่านั้นเองค่ะ เพราะเราก็เห็นๆกันอยู่ว่าสื่อหลักทำอะไรกับไมเคิลเอาไว้บ้าง จนในกรณีนี้นี่ต้องขออนุญาตใช้คำว่า "ดิชั้นไม่แคร์สื่อ" จริงๆค่ะ จากคุณ : PK (myriostigma) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 53 13:23:39

ความคิดเห็นที่ 28 โอ่ะ ภาษาไทยก็เข้าใจยาก ภาษาอังกิด ไม่ต้องคิดเลย ขอบคุณทั้งคุณ PK และคุณ mymike มากนะคะ สำหรับคำแปล เกลียดอีหมอไคลน์ อีหมอเมอเรย์มาก ในชีิวิตของไมเคิล ผิดพลาดเรื่องการคบคนมามาก แต่หายนะในชีวิตของไมเคิล เหมือนจะเป็นปีศาจในคราบหมอทั้งสองคนนี้แหละค่ะ จากคุณ : แอร์ริโกะ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 17:25:28

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณคะคุณ PK มีบทความดีๆมาตลอดเลย ^^ จากคุณ : JP-Plenty Melody~* เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 53 14:50:46

ความคิดเห็นที่ 30   ขอบคุณทุกท่านค่ะ ^ ^ จากคุณ : Can U Feel It (Can U Feel It) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 13:25:07

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับการแปลมากจริงๆค่ะ ทั้งคุณPK และ พี่กิ๊ก พยายามอ่านเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นเช่นกัน   แต่ไม่ได้อยู่ในวงการไหนเลย โดยเฉพาะยา คงช่วยอะไรไม่ได้เลย..... นอกจาก  ยืนข้างไมเคิลต่อไป   ขอให้ซักวันความจริงถูกแฉ โดยเร็วด้วยเถอะ จากคุณ : NarzizuZ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 14:45:00

ความคิดเห็นที่ 32   ขอบคุณสำหรับบทความและำคำแปลนะคะ^^ ยังไงก็เชื่อมั่นในตัวไมเคิลเสมอ ิคิดถึงมาก.... จากคุณ : I 'm The River Jordan เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 13:03:00

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คุณ MyMike คุณ PK และเพื่อนๆ อีกหลายๆ คนที่ช่วยกันวิเคราะห์ อ่านแล้วน่าสงสาร และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมศาลถึงยังไม่ทำอะไรให้มันถูกต้อง กระบวนการยุติธรรมล่าช้ามาก จากคุณ : i can't do it !! เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 23:15:51

ความคิดเห็นที่ 34   wow ขอคารวะอีกค่ะ จากคุณ : MICHAELVISA เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 10:47:33