|
ความคิดเห็นที่ 9 |
Rachmaninoff: Concerto for Piano and Orchestra No. 2 in C minor, Op. 18 (1900-01) --
Sek Thongsuwan with Emilsson (Live Concert in 2010 Jul, 24th)/ Thailand PO/ MACM Hall, College of Music, Mahidol University, Salaya, Nakhonpathom, Thailand
ผู้เขียนต้องขอออกตัวกับคุณผู้อ่าน (ซึ่งผู้เขียนทำบ่อยมาก แฮ่!) ว่า ผู้เขียนนำอัตตวิสัยหรือความคิดเห็นส่วนตัวเจือปนเข้าไปในดนตรีวิจักขณ์สำหรับงาน PC No. 2 ของรัคมานินอฟไว้มาก แต่ในกรณีของการไปชมการแสดงการบรรเลงของหนุ่มเสกข์ของเรากับ TPO ของอิมิลสันนั้น ผู้เขียนกลับเป็นเสียยิ่งกว่า นั่นคือ ผู้เขียนจะขอสารภาพว่า ผู้เขียนนำตัวตนแลความรู้สึกของผู้เขียนอันว่าด้วยความวาดหวังแกมหวาดหวั่นแบกขึ้นไปบนรถประจำทางสาย 515 ด้วย... ความวาดหวังดังกล่าว ก็คือ การที่จะได้ชมและฟังการบรรเลง PC อันเป็นที่รักยิ่งในลักษณะการบรรเลงสดตรงหน้า แต่ในความหวาดหวั่นก็คือ สภาพจิตใจอันเศร้าหมองหดหู่อันดำรงอยู่ของผู้เขียนนั่นเอง ดังนั้น ผู้เขียนจึงเตรียมรองรับความประหม่าอันอาจจะมีต่อซีไมเนอร์ของรัคมานินอฟ ด้วยการเตรียมกระดาษซับของเหลวบางชนิดวางไว้บนกระเป๋าสะพายของผู้เขียนล่วงหน้า ประหนึ่งว่าไม่อยากให้เสียงรูดซิปกระเป๋าไปรบกวนสมาธิของมหาชนรอบๆ น่ะซี (แหะ แหะ น่าอายแท้...)
ผู้เขียนพบว่า การเริ่มต้นการบรรเลงกลุ่มคอร์ดซ้ำอย่างช้าๆ แปดครั้งในแปดห้องของเสกข์ ไม่ได้เป็นลักษณาการดังที่รัคมานินอฟบรรเลงกับ Stokowski/ Philadelphia O ในปี 1929 นั่นคือ "จะเน้นช้าแลกระแทกกระทั้นเป็นห้วงๆ อย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ " นั่นเอง ดังนั้น ผู้เขียนอาจจะอนุมานได้ว่า การตีความของเสกข์และอิมิลสันจะเป็นไปในแบบ Traditional mold ซึ่งเป็นมาในงานบันทึกฯ โดยทั่วไปอันดกดื่นในอดีตหลังจากรัคมานินอฟในปี 1929 ซึ่งผู้เขียนระลึกได้ถึง Richter กับ Warsaw PO ของ Wislocki ในปี 1959 อันมีชื่อเสียง แลก่อน Moderato ในกระบวนแรกของทั้งคู่ คล้ายจะเป็นไปในแบบที่ริคเตอร์ได้บรรเลงวิสลอกกิในครั้งปี 1959 นั้น...
ผู้เขียนชอบ Approach ที่เสกข์มีต่อ PC ชิ้นนี้อย่างแน่นอน เพราะผู้เขียนคุ้นชินกับทางของการบรรเลงในลักษณะดังกล่าวจากงานบันทึกฯ มากมายมาก่อนแล้ว (แม้ว่าในใจส่วนหนึ่ง อาจจะอยากให้เป็นเฉกเช่นใน "ทาง" แบบที่ Stephen Hough บรรเลงร่วมกับ Litton/ Dallas SO ในปี 2004 อันตรงกับตัวดุริยกวีกับสโตกีในปี 1929 อยู่ก็ตาม) ถึงกระนั้นก็ดี อาจจะเป็น "ทาง" ที่เสกข์อาจจะต้องถูกเปรียบเทียบกับงานอันมีชื่อเสียงหลายๆ งานบันทึกอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้ หากคุณผู้ฟังใน MACM Hall ต้องการอย่างนั้น แต่ก่อนอื่น เราจะต้องระลึกไว้ก่อนว่า ขณะที่หนุ่มเสกข์ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าพวกเรานั้น เขามีอายุเพียง 24 ปี, กำลังเป็น "เสกขะ" อยู่ และสิ่งที่เขาจะกระทำอยู่นั้นเป็นการบรรเลงสดในสถานที่ที่ไม่มีวิศวกรด้านสัทศาสตร์มายืนรายรอบเขาให้อุ่นอกอุ่นใจเลย... เขากระทำในสิ่งที่ผู้เขียนอาจจะเรียกว่า "Braveheart" โดยแท้...
ก่อนอื่น ผู้เขียนพบว่า Touching ของเสกข์ไม่ได้ให้การขึ้นรูปของเสียงเปียโนของเขาคง Tone quality อย่างสม่ำเสมออยู่ได้โดยตลอด ในกระบวนช้าหรือในการบรรเลงเดี่ยวที่แสดงการนำของเสียงเดี่ยวเปียโนอันเป็นส่วนของการเดินเมโลดี ทัชชิงของเขาอาจจะให้คุณภาพสีเสียงที่ชัดใส พริ้งพราว แลนุ่มนวล ประหนึ่งหยดน้ำขนาดย่อมหลายขนาด ดิ่งตรงลงด้วยน้ำหนัก แลทิ้งตัวลงบนผืนน้ำที่มี "ความลึก" ภายในสถานที่ที่มีอุโฆษวิทยาอันวิเศษ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ-ไม่ได้เป็นไปโดยตลอด (อาจจะพูดได้ว่า นานๆ ครั้ง จึงได้รับฟังเสียงเฉกที่กล่าวมาข้างต้น ระบัดเข้ามาบ้างเท่านั้น) เพราะเมื่อถึงคราการบรรเลงคาเดนซาทั้งในกระบวนช้าและในกระบวนจบ, Dazzling อันต้องกอปรด้วย Virtuoso technique สำหรับการกระจายคอร์ดแบบ Arpeggio อันว่อง ประเปรียว แลหรูหรา สำหรับรัคทู เสกข์กลับให้เสียงเปียโนที่สับสน บอบแบน แตกพร่า ประหนึ่งหยดน้ำอันทิ้งตัวลงอย่างสะเปะสะปะไปยังผืนน้ำอันตื้นเขินหรือเพียงเจิ่งนองบนพื้นแข็งเท่านั้น ผู้เขียนอาจจะกล่าวได้ว่า ผู้เขียนไม่ชอบ Sound ของเสียงเปียโนจากเสกข์เลยวำหรับงานรัคทูชิ้นนี้...
ผู้เขียนอาจจะต้องกล่าวว่า เสกข์สำหรับ PC No. 2 ในวันนั้น เขาพร่องไปทั้งความเที่ยงตรงและความแม่นยำในการบรรเลง โดยเฉพาะน้ำหนักของเสียง + ความละเอียดมั่นคง + Dynamic (หรือพลวัตความดัง/เบา) ในห้วงของอาเปจโจ ซึ่งว่ากันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ผู้เขียนไม่อาจกล่าวว่า เสกข์เล่นผิด! ผู้เขียนเห็นทั้งสิบนิ้วของสองมือของเสกข์ไขว้ข้ามแลระริกไปบนคีย์จากซ้ายไปขวาอย่างปราดเปรียว ละลาน แลเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ... ครั้งหนึ่งในคาเดนซาหลัง Pause ของกลางกระบวนที่ II แลหลายครั้งในทำนอง A ของกระบวนที่ III... เรื่องชวนให้ผู้เขียนขมวดคิ้วไปด้วยความแปลกใจก็คือ นอกกว่าที่ซาวนด์ของแต่ละโน้ตจะแตกพร่า บอบแบนแล้ว ผู้เขียนยังพบว่า เสียงในบางโน้ตได้หายไปจากนิ้วของเสกข์ด้วย?!... ผู้เขียนอาจจะต้องกล่าวถึงลักษณาการดังกล่าวสั้นๆ ว่า "Dazzling in Fingers, but Drat-ing in Sound"...
ผู้เขียนหันกลับมาพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างทัชชิงอันเป็นต้นกำเนิดของซาวนด์ กับ เทคนิคของเสกข์ อีกครั้ง แลนึกถึง Incisive rhythm ในแบบ Rachmaninian อันเข้มหนาหนักแน่นแต่ทว่าแจ่มกระจ่างชัดเจนของรัคมานินอฟ พร้อมกับนึกถึงความเป็นไตรภาคีของตัวเขา (นั่นคือ เขาเป็นทั้งดุริยกวีผู้ประพันธ์ดุริยางคนิพนธ์สำหรับเปียโนที่ยิ่งยง + เฟอชิวโอโซผู้ปฏิบัติเปียโนที่มีเทคนิคในระดับอัศจรรย์แต่ให้ความเป็นดนตรีในเวลาเดียวกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกในยุคของเรา + วาทยกร) แลผู้เขียนขอยอมรับว่า เสกข์ในกระบวนที่ I ตลอดทั้งกระบวนได้ให้ริทึมอันคมคายเฉกเช่นที่ผู้เขียนได้ฟังจากรัคมานินอฟอย่างน่าอัศจรรย์! เขาเหยียบ Pedal ของเปียโน ให้พลวัตสอดคล้องไปกับเสียงจากนิ้วได้นุ่มลึกน่าชมเชย... ห้วงหนึ่งที่เสกข์บรรเลงเปียโนด้วยความดุดันมั่นใจนำ TPO ของอิมิลสันโหมบรรเลงอย่างนินนาทในทำนองหลักแรกของกระบวนที่ I แลบรรเลงทำนองอันงามหม่นสะพรึงนั้นอย่างหนักหน่วง ผู้เขียนเองถึงกับขนลุก (ขณะพิมพ์ยังขนลุกไม่หายเลยน๊า...) , ขยับมือตามจังหวะ แลแทบจะฮัมตามช่วงดังกล่าวอย่างลืมตัว (แต่ยังมีสติอันมีอยู่นิสนึงเบรคไว้ทัน HA HA)... ผู้เขียนแทบจะน้ำตารื้นเลยทีเดียวในความอบอุ่นแต่ชวนสยอนในเวลาเดียวกันจากกลุ่มเครื่องสายของ TPO ในขณะดังกล่าว... เป็นประสบการณ์อันชวนให้ผู้เขียนจดจำไม่ลืมเลยในห้วงเกือบหนึ่งนาทีนั้น... ขอบคุณมากๆ น๊า เสกข์/ อิมิลสัน/ TPO...
ผู้เขียนไม่อาจจะล่วงรู้ไปถึง Sense หรือ Vision หรือเจตคติที่หนุ่มเสกข์ของเรามีต่อรัคทูนี้เลย (เป็นเรื่องอันตรายที่จะพิจารณาเรื่องต่างๆ ดังกล่าวนั้นกับนักดนตรีที่เดินอยู่บนถนนทุกๆ วันเหมือนกับเราๆ HA HA) หากแต่เมื่อเราฟังการบรรเลงจนจบนั่นเอง ที่อาจจะเดาได้ถึง Interpretation ของผู้บรรเลง ซึ่งผู้เขียนอาจจะต้องกล่าวว่า เสกข์กับ TPO ของอิมิลสัน เดินตามรอยเท้าช้างของ Traditional mold อย่างอบอุ่น แม้จะไม่เข้มข้น เต็มเปี่ยมไปด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเทียบเท่ามาตรหลักอันเลิศของผู้มาก่อนกาลอยู่ก็ตาม (ว่าเข้าไปนั่น HA HA)... เสกข์กับอิมิลสันอาจจะไม่อุกอาจพอที่จะกระทำกับรัคทูในลักษณะของ challenger... พวกเขาเปี่ยมไปด้วย Integrity แม้อาจจะขาดไปบ้างสำหรับความสม่ำเสมอของผู้บรรเลงเดี่ยว, เพลย์เซฟ แต่ก็มีมาตรฐานสูงตามสมควร... อย่างน้อยผู้เขียนต้องขอบคุณเสกข์ในกระบวนที่ II อยู่ด้วยที่ไม่ทำให้ผู้เขียนต้องอับอายคนแปลกหน้าข้างๆ ที่เห็นชายพร่องเกศาคนหนึ่งถอดแว่นตาแล้วนั่งก้มหน้าซบลงกับกระดาษเช็ดของเหลวเบื้องแก้มของเขา เพราะกระบวนที่ II ในอีเมเจอร์ของเสกข์ที่ผู้เขียนหวาดหวั่นอยู่ในใจของตนเองอยู่เสมอในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีอำนาจพอที่จะทลายทำนบชลเนตรของผู้เขียนในวันนั้นได้ ทั้งๆ ที่ผู้เขียนไม่ได้สนใจอะไรกับการตีความของเสกข์เลย... ผู้เขียนบอกตรงๆ ก็ได้ว่า ผู้เขียนในวันเสาร์นั้นเตรียมตัวจะไปอ่อนแอในความมืดของ MACM Hall อย่างเต็มใจ... หากแต่ทำนองหลักอันงามหม่นสะพรึงในซีไมเนอร์ของกระบวนแรกเท่านั้นเอง ที่ผู้เขียนขนลุกแลน้ำตารื้นอย่างเป็นไปเอง...
หนุ่มเสกข์กับ TPO อิมิลสัน ได้รับเสียงปรบมืออย่างหนักแน่นและยาวนานจากมหาชนใน MACM Hall... เสกข์กลับออกมาบรรเลง Encore ครั้งแรกด้วยงาน Transcription บทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงในเพลง Oh I Say แลครั้งที่สองด้วยงานเดี่ยวเปียโนที่มีกลิ่น Jazz อันเป็นการประพันธ์โดยตัวเขาเองแลยังไม่ได้ตั้งชื่อ (เสกข์บอกกับผู้เขียนตอนผู้เขียนไปขอลายเซ็น) ในตอนอองกอร์ ผู้เขียนคิดในใจว่า เสกข์มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เทคนิคของเขาสำหรับสองงานนั้นอาจจะเรียกได้ว่า ชวนให้อัศจรรย์ใจ แลเปี่ยมไปด้วยความเป็นดนตรี อาจจะมีลักษณาการอิสระอยู่อีกด้วย (ไม่น่าเชื่อว่าเขาเรียนที่รัสเซีย)
เสกข์ ทองสุวรรณ เป็นนักเปียโนที่อนาคตไกลมาก และเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนวัยดรุณศึกษาทั้งหญิงชายมากมายในวันนั้น (และต่อๆ ไป) อย่างมากมาย... ท่าทีอันนุ่มนวล ร่าเริง แลเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแกมมั่นใจของเขาทำให้ผู้เขียนเชื่อว่า เขาเป็นผู้ที่รักที่จะเรียนรู้ต่อไปไม่มีสิ้นสุด สมดังชื่อของเขาอันแปรมาจาก เสกขะ อันแปลว่า "ผู้ยังต้องศึกษา" แลวันหนึ่ง เขาจะต้องอยู่ในระดับเฟอชิวโอโซผู้เป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างแน่นอน... แน่ละ ผู้เขียนก็ยังรอคอยให้เสกข์ได้มาบรรเลงคอนแชร์โตหรือเดี่ยวเปียโนให้พวกเราฟังกันอีก ทั้งนี้ ผู้เขียนเองก็ยังคงเป็น เสขะชน ผู้ที่ยังต้องศึกษาหาความรู้ต่อไปเช่นเดียวกันด้วย มากเสียยิ่งกว่านั้น ความเห็นส่วนตัวอันผู้เขียนมีต่อการบรรเลงของเสกข์และผู้ร่วมงานของเขา ก็เป็นเพียงความคิดเห็นอันต่ำต้อยของคนฟังคนหนึ่งที่รัก Piano Cocerto No. 2 in C minor ของรัคมานินอฟเท่านั้นเอง...
.
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 53 09:40:54
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 53 08:17:35
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 53 04:14:40
จากคุณ |
:
St@rGazer
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 53 03:13:10
|
|
|
|
|