ความคิดเห็นที่ 1 รศ.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยกระบวนการเอเชียภิวัฒน์ของวัฒนธรรมป๊อปเกาหลี (เคป๊อป) : การผลิต การบริโภค และการสร้างอัตลักษณ์ของวัยรุ่นไทย พบว่าสินค้าวัฒนธรรมป๊อปเอเชียกำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ บริโภควัยรุ่นตามมหานครของเอเชีย เป็นผลมาจากการที่เกาหลีได้ศึกษาวิจัยด้านการตลาดของภูมิภาคเอเชีย และวัฒนธรรมเฉพาะของแต่ละประเทศว่าสินค้าวัฒนธรรมประเภทใดที่เป็นที่นิยม รศ.อุบลรัตน์กล่าวว่า ที่สำคัญคือรัฐบาลเกาหลีเป็นผู้ลงทุนและวางนโยบายเรื่องการส่งสินค้าทาง วัฒนธรรมในตลาดเอเชีย โดยจัดทำแผนปฏิบัติการและพัฒนาบุคลากรฝ่ายสร้างสรรค์เนื้อหาสาระด้านเพลง ละคร ภาพยนตร์ ด้วยนโยบายของภาครัฐ และความพร้อมของภาคเอกชน ทำให้สินค้าทางวัฒนธรรมของเกาหลีประสบความสำเร็จด้านการตลาดในประเทศต่างๆ นอกจากนั้น รศ.อุบลรัตน์ยังชี้ด้วยว่า กระแสนิยมของสินค้าทางวัฒนธรรมจากเกาหลีส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมวัยรุ่นไทย ทำให้เกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับกระแสนิยมของวัยรุ่นในภูมิภาคเอเชีย เปรียบเทียบกับอัตลักษณ์ของตนเองในฐานะวัยรุ่นไทย และวัฒนธรรมป๊อปของสังคมในบ้านเรา ผลกระทบอีกด้านคือเศรษฐกิจ โดยวัยรุ่นไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนไม่น้อยสำหรับซื้อสินค้าทาง วัฒนธรรม นอกจากนี้ยังเกิดความสนใจเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้น เพื่อให้รู้เนื้อหาในภาพยนตร์ ละคร เพลงของเกาหลี และแบ่งปันความรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยวัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งใช้เวลาว่างเรียนร้องเพลงและการแสดงต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้วัยรุ่นไทยได้เรียนรู้กระบวนการทางนิเทศศาสตร์ และเทคโนโลยีต่างๆ ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ ( http://www.thaihealth.or.th/node/7073 ) กระแสนิยมเคป๊อปกระทบวัยรุ่นไทย http://www.mumuu.com/news-show-กระแสนิยมเคป๊อปกระทบวัยรุ่นไทย-7-2863 http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=21094 จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:52:22

ความคิดเห็นที่ 2 ด้วยกระแสคลั่งไคล้เกาหลี (Korean Wave) ที่พัดไปไกลจากเอเชีย สู่แอฟริกา ไปถึงประเทศตะวันตก อุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ (Copyright Industry) ของเกาหลีกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด อุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ซึ่งประกอบด้วยเพลง ภาพยนตร์ เกมส์ แอนิเมชั่น ฯลฯ คืออุตสาหกรรมที่สร้างตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุดอยู่ในขณะนี้  โดยสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนของขนาดเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมนี้อยู่ถึง 40% ตามมาด้วยญี่ปุ่น 9% และอังกฤษ 7% ถึงแม้ว่าขนาดของอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ของเกาหลีจะยังมีตัวเลขอยู่เพียง 2.23% (อันดับที่ 9 ของโลก) แต่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 21% (จากปี 2000-2005) โดยในปี 2005 มีขนาดของตลาดที่โตถึง 61 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการทำงานอย่างจริงจังของรัฐบาลเกาหลีที่พยายามผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยเนื้อหาทางความคิดสร้างสรรค์ (Creative Content) ภาพยนตร์เรื่อง “The Host” ในปี 2006 เรื่องเดียวมียอดจำหน่ายทั่วโลก 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับตัวเลขจากการส่งออกรถยนต์ฮุนไดรุ่นท็อปถึง 5,600 คัน นักร้องสาวโบอา วัยเพียง 22 ปี มีผลงานเพลงถึง 27 อัลบั้ม และขายได้ถึง 10 ล้านชุดเฉพาะในญี่ปุ่น ในขณะที่เรน ในวัย 26 ปี กำลังจะไปได้ดีในฮอลลีวู้ด และได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Time’s 100 Most Influential People เกมออนไลน์ “Maple Story” มีจำนวนผู้เล่นถึง 75 ล้านคนใน 58 ประเทศทั่วโลก ที่สำคัญการส่งเสริมอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ยังก่อให้เกิดรายได้ในอุตสาหกรรม อื่นๆ ตามมา มีการประมาณการว่า มีนักท่องเที่ยวถึงหนึ่งล้านคนที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีในปี 2004 เพียงเพราะต้องการตามรอยกระแสคลั่งไคล้เกาหลี (ride the Korean Wave) ด้วยการเยี่ยมชมโรงถ่ายภาพยนตร์และเข้าชมงานด้านบันเทิงต่างๆ นี่ยังไม่นับรวมว่ากระแสคลั่งไคล้เกาหลียังก่อให้เกิดกระแสนิยมในสินค้า ‘Made in Korea’ อาหารเกาหลี ตลอดจนภาษาเกาหลีอีกด้วย การออกมาตรฐานสำหรับการจำแนกอุตสาหกรรม (Industry Classification) ใหม่ โดยมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประกอบด้วย สิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ การแพร่ภาพและสื่อออนไลน์ ที่รัฐบาลมีโครงการที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนการจัดตั้งคลัสเตอร์ 11 แห่งทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมทั้งให้สิทธิพิเศษทางภาษี และแก้กฎหมายเพื่อส่งเสริมให้มีการควบรวมบริษัทเล็กๆ เข้าเป็นบริษัทใหญ่ ตลอดจนให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับ Creative R&D Center อีกด้วย ความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลเกาหลี เห็นได้จากการจัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว พร้อมกับสโลแกนว่า ‘เนื้อหาทางวัฒนธรรมจะเป็นพลังสำคัญของประเทศ’ (The culture contents, the future power of Korea) รวมทั้งได้ตั้งหน่วยงานส่งเสริมวัฒนธรรมเกาหลี (KOCCA-The Korea Culture & Content Agency) ขึ้นในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่ใช้เนื้อหาจากวัฒนธรรมเกาหลี จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:56:08

ความคิดเห็นที่ 3 “Hallyu” คลื่นความมั่งคั่งของเกาหลี จนกระทั่งกระแส “Hallyu” จากประเทศเล็กๆ ที่ UNESCO เคยจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศยากจนเมื่อหลายสิบปีก่อน ประเทศที่มีผ่านสงครามซ้ำแล้วซ้ำอีกจนต้องจมอยู่กับประวัติศาสตร์อันขื่นขม มานานหลายสิบปี แต่ทว่าวันนี้ “Hallyu” หรือ Korean Wave คลื่นวัฒนธรรมเกาหลีที่ถูกส่งออกไปผงาดอยู่ทั่วโลก ทำให้ “พี่ใหญ่” หลายประเทศต้องหันมามองประเทศเล็กๆ อย่าง “เกาหลี” ในมุมใหม่ Rebirth of “Hallyu” “Hallyu” หรือ Korean Wave หรือก็คือ วัฒนธรรม K-pop ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยเฉพาะละครและหนังเกาหลีที่ได้รับการยอมรับจากคนดูได้ทุกชาติทุกภาษา และสร้าง “ดีมานด์สูง” อยู่ในตลาดโลก โดยเริ่มต้นจากชนชาติเอเชียด้วยกัน ข้ามฝั่งไประบาดยังฝั่งตะวันตกทั้งยุโรป และอเมริกา และไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศ “มุสลิม” อย่างตะวันออกกลาง Korean Wave เกิดขึ้นครั้งแรกในปลายยุค 90 โดยจีนเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Hallyu” ที่ใช้หมายถึง ปรากฏการณ์ความนิยมวัฒนธรรมเกาหลีที่มาจากอิทธิพลของสินค้าวัฒนธรรม K-pop ซึ่งได้แก่ เพลง ละคร หนัง เกม นิยาย การ์ตูน แอนิเมชั่น ฯลฯ โดยเริ่มมาจากกิจกรรมของภาคเอกชนในการค้าขายทางวัฒนธรรมไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะหนัง ละคร และเพลงเกาหลี แต่กระแสที่เกิดขึ้นและรายได้มหาศาลที่กลับเข้าสู่ประทศ ทำให้รัฐบาลเกาหลีต้องกลับมาพิจารณานโยบายเสียใหม่ สำหรับจุดขายของสินค้า Hallyu หรือสินค้าวัฒนธรรมเกาหลี โดยเฉพาะหนังละคร และเพลงเกาหลีมาจากความสดใหม่ที่เป็นทางเลือกของตลาดโลก ในยามที่กระแส J-pop เริ่มน่าเบื่อ และลัทธิ Anti-American ขยายไปทั่วโลก “Hallyu” VS. Economic Effect มูลค่าการส่งออกละครของเกาหลีในปี 2547 อยู่ที่ประมาณ $ 71.46 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ถึง 69.6% และในปีเดียวกันนี้เอง ราคาขายลิขสิทธิ์ละครเกาหลีต่อ 1 ยูนิต (1 ยูนิต = ตอนละ 50 นาที) ทะยานจาก $ 2198 เหรียญ ขึ้นไปถึง $ 4046 เหรียญ คิดเป็น 84% ทั้งนี้เพราะ “ดีมานด์” ที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก ภาพลักษณ์คุณภาพที่ดีของละครเกาหลี และกระแสนิยมในตัวนักแสดงเกาหลี ...เหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มมูลค่าให้กับละครเกาหลี สำหรับมูลค่าการส่งออกหนังเกาหลีในปี 2547 มียอดขายเพิ่มขึ้นจาก $ 31 ล้านเหรียญ ไปอยู่ที่ระดับ $ 75 ล้านเหรียญ คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 141% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้ทั่วโลก หรือแม้แต่รัฐบาลเกาหลีต้องกลับมาพิจารณาทบทวนนโยบายการโปรโมตสินค้า Hallyu เสียใหม่ ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจของสินค้า Hallyu โดย Korea Interantional Trade Association’s Trade Research Institute บอกว่า ปีที่ผ่านมา สินค้า Hallyu ทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในเกาหลีถึง $ 1 พันล้านเหรียญ ขณะเดียวกัน สินค้าเหล่านี้ยังนำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่เกาหลีได้สูงถึง $ 1.87 พันล้านเหรียญ นอกจากรายได้จากการส่งออกสินค้า Hallyu พูดได้ว่า กระแส Hallyu ตอนนี้ที่กระจายอยู่ทั่วโลก โดยมีละคร หนัง และเพลงเป็นสื่อการตลาดในการโปรโมตวัฒนธรรม โดยมีนักร้องและนักแสดงเป็นทูตทางวัฒนธรรมคนสำคัญ เหล่านี้ล้วนแต่มีส่วนช่วย “เปิดประตู” ทางการค้าในประเทศต่างๆ ที่กระแส K-pop ได้เข้าไปกรุยทางไว้ก่อนแล้ว จากนี้ก็รอเพียงแต่ว่า สินค้าใดของเกาหลีที่จะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ ดังเช่น LG และ Samsung ที่มียอดขายสินค้าในประเทศจีนเพิ่มขึ้นถึง 40% ในปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่ “Winter Sonata” หรือ Winter Love Song ยังอยู่ในความประทับสาวใหญ่ชาวจีนหลายล้านคน หรืออีกกรณีที่ “กระแสแดจังกึม” กำลังนำเอาสินค้า Food Products และสินค้าเกษตรจากเกาหลี เข้าไปทะลักตลาดอาหารในญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นกำลังคลั่งไคล้แดจังกึมและอาหารเกาหลีอย่างมาก ทั้งนี้ สินค้าหลักๆ ที่จะได้รับอานิสงส์จากกระแส Hallyu ที่ร้อนแรงในตลาดต่างประเทศมีหลากหลายประเภท เช่น สินค้าอาหาร – จากแดจังกึม การท่องเที่ยว – Drama Tour ธุรกิจศัลยกรรม เครื่องสำอาง แฟชั่น รถ ฯลฯ รวมถึง สินค้าอื่นๆ ที่จะบุกตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะภาพลักษณ์ประเทศเกาหลีที่ดีขึ้นและความเข้าใจในวัฒนธรรมเกาหลีของผู้ บริโภค From “Winter Sonata” … to “Daejanggeum” Fever อิทธิพลของกระแส Hallyu เริ่มต้นเห็นได้ชัดเมื่อ Winter Sonata สร้างรายได้และปรากฏการณ์ Korea Fever ในประเทศญี่ปุ่นขนาดที่ไม่มีใครจะนึกถึง เช่น - NHK สามารถทำรายได้กว่า $ 100 ล้านเหรียญ ในปี 2546 จากการออกอากาศละครเรื่องนี้ - DVD ราคาชุดละแสนกว่าบาท ขายหมดทั้ง 3 แสนชุด ภายในปี 2545 ที่ละครเรื่องนี้เริ่มฉาย - อัลบั้มเพลง Soundtrack ประกอบละครเรื่องนี้ราคา 750 บาท ขายได้ถึง 6 แสนแผ่นในช่วงนั้น - สิ่งพิมพ์เกี่ยวกับ Winter Sonata ขายได้ถึง 13 ล้านก๊อบปี้ - สถานี RTHK ของญี่ปุ่นถอดรายการสอนภาษาญี่ปุ่นออก เพื่อใส่รายการสอนภาษาเกาหลีแทน เรียกว่า แค่ละครเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำให้เงินไหลจากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่เกาหลี ได้มากถึง $ 83 ล้านเหรียญ และทำให้แบ ยอง-จุน กลายเป็น Superstar ขวัญใจชาวญี่ปุ่น จนทำให้สื่อญี่ปุ่นให้ความสนใจกับข่าว แบ ยอง-จุน กับการแสดงนำในหนังเรื่อง April Snow มากกว่าข่าวพายุแคทรีน่าถล่มอเมริกา สื่อเกาหลีและญี่ปุ่นลงความเห็นว่า Winter Sonata สามารถส่งเสริมความเข้าใจและสัมพันธ์อันดีระหว่างคนเกาหลีและคนญี่ปุ่น ได้มากกว่าการที่ญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นเจ้าภาพร่วมกันในงานฟุตบอลโลกปี 2545 เสียอีก... ถ้า Winter Sonata เป็นเหมือนรากฐานกระแส Hallyu ที่ปักธงแน่นหนักโบกสะบัดไปทั่วโลก “แดจังกึม” ก็คือคลื่นระลอกสองที่กำลังมีอิทธิพลมากในการนำเอาวัฒนธรรมเกาหลีกลับเข้ามา ถาโถมตอกย้ำอยู่ในประเทศแถบเอเชียและทั่วโลกอีกครั้ง จากคำให้การของผู้บริหาร MBC ในปี 2546 แดจังกึมสามารถสร้างกำไรจากการส่งออกลิขสิทธิ์ไปประเทศไต้หวันประเทศเดียว ได้มากถึง $ 37.5 ล้านเหรียญ ในปี 2547 MBC ได้กำไรจากการส่งออกแดจังกึมไปยังประเทศต่างๆ สูงถึง $ 70 ล้านเหรียญ และในปี 2548 ก็คาดว่าจะสูงกว่า $ 100 ล้านเหรียญ แน่นอน ทั้งนี้ สินค้า Hallyu กลายเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้กับเกาหลีได้มากถึง 10% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมดของเกาหลี ซึ่งอาจจะดูไม่มากมาย แต่ทว่า Director Genral ของ KOTRA ประจำประเทศไทยให้ความเห็นว่า สินค้า Hallyu นี้ถือเป็นสินค้าที่เรียกได้ว่า “มีมูลค่าเพิ่ม” สูงสุด Hallyu Policy ..Todays ปรากฏการณ์ Hallyu ซึ่งส่งผลกระทบดังที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้รัฐบาลเกาหลีเริ่มมองเห็นถึงโอกาสมากมายที่จะตามมา หากกระแส “เกาหลีฟีเวอร์” นี้ได้รับการดูแลและจัดการอย่างดีและมีระบบ รวมถึง สามารถทำให้อยู่นานและกว้างขวางมากขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับ Cultural Industry Academy ที่รัฐบาลเกาหลีจัดตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาทักษะและความชำนาญในการส่งออกสินค้า วัฒนธรรม รวมถึงการจัดตั้งฐานข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับ Hallyu Star ในเว็บไซต์ HelloHallyu ( http://english.tour2korea.com/hellohallyu/ ) ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัย Chung-Ang ก็เริ่มเปิดหลักสูตรปริญญาโทในโปรแกรม Hallyu Studies ซึ่งเป็นการวิเคราะห์วัฒนธรรมเกาหลีในคอนเทนต์ของวัฒนธรรมอื่นๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมเกาหลีและชนชาติอื่นๆ อันจะนำไปสู่การพัฒนาเนื้อหาของหนัง ละคร และเพลง นอกจากนี้ รัฐบาลจังหวัด Gyeonggi ซึ่งเป็นจังหวัดศูนย์กลางของเกาหลี ก็วางแผนจะทุ่มเงินกว่า $ 375 ล้านเหรียญ ในการสร้าง “Hallyuwood” ให้เป็น Entertainment Theme Park ซึ่งมีคอนเซ็ปต์คล้ายกับ Hollywood ในอเมริกา แต่เพิ่มพื้นที่ของ International Business Center และพิพิธภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมหนังเกาหลีเอาไว้ด้วย จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:59:10

ความคิดเห็นที่ 4 รัฐบาลเกาหลีทุ่ม 2 แสนล้าน รัฐบาลจะอัดฉีดเงินจำนวนนับแสนล้านวอน เพื่อสนับสนุนวงการอุตสาหกรรมบันเทิง หวังกระจายไปทั่วโลก รวมถึงการจัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในการผลิตละคร ความนิยมในศิลปินเกาหลีไม่ว่าจะเป็นนักร้อง หรือนักแสดง ได้ขยายตัว ไปทั่วเอเชีย โดยมีจุดเริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และเป็นที่มาของ คำว่า "Korean Wave" ปรากฎการณ์นี้ทำให้ประเทศเกาหลีได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลกับการส่งออกซีรียส์ เกาหลี หรือรายการโทรทัศน์ ไปยังประเทศญี่ปุ่น, จีน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ไทย และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ซึ่งเท่ากับเป็นการยกระดับวัฒนธรรมเกาหลีให้แพร่หลายไปทั่วโลก และศิลปินเกาหลีก็กลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปในพริบตา แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การส่งออกซีรียส์เกาหลีหดตัวลง สาเหตุหนึ่งก็เนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจ กระทรวงวัฒนธรรม, กีฬาและการท่องเที่ยวของเกาหลี มีแผนที่จะจัดสร้าง ตึกศูนย์กลางที่เค้าเรียกว่า 디지털방송콘텐츠 지원센터 Digital Broadcast Content Support Center ภายในปี 2012 ซึ่งต้องใช้เงินถึง 199,300 ล้านวอน หรือเกือบ 2 แสนล้านวอน โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2010 ตึกนี้มีทั้งหมด 13 ชั้น เนื้อที่ 55,952 ตารางเมตร จะอยู่ที่โกยาง จังหวัด คยองกี โดยจะประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการผลิตรายการ โทรทัศน์หรือละคร ไม่ว่าจะเป็นสตูดิโอ ซึ่งจะมีถึง 6 ห้อง , หรือห้องตัดต่อ ในการผลิตรายการแบบ High Definition (HD) นอกจากนั้นในปีหน้า กระทรวงวัฒนธรรม จะอัดฉีดเงิน 500 ล้านวอน เพื่อ เปิดโอกาสให้ผู้เขียนบทหน้าใหม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ รวมถึงผู้กำกับ และนักแสดง ด้วยการผลิตซีรียส์สั้นๆ จำนวน 10 เรื่อง ในโครงการ ‘TV단 막극’ และยังมีการเปิดโรงเรียนผลิตโปรดิวเซอร์ 드라마프로듀서스쿨 โดย เปิดสอนคอร์สละ 20 คน เป็นเวลา 8 เดือน ซึ่งเป็นหลักสูตรการผลิตโปร ดิวเซอร์หน้าใหม่ สอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เช่นเรื่องโปรดักชั่น, มาร์เก็ตติ้ง, การกำกับ, เรื่องการเงิน-การบัญชี, กฎหมาย นอกจากเรื่องหนังหรือละครแล้ว ยังรวมถึงเกมส์ด้วย และยังมีการจัดทำ computer graphics (CG), culture technology (CT) และ research and development (R & D) โดยในส่วนนี้จะใช้เงินลงทุน 77,100 ล้านวอน ในส่วนของเกมส์ก็จะมีการพัฒนาเทคโนโลยี และฟังก์ชั่นใหม่ๆ ของเกมส์ จะใช้เงิน 10,200 ล้านวอน จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 16:03:02

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านเรื่องหนักมา2วันแล้ว วันนี้มาอ่านเรื่องเบาบ้างดีกว่านะครับ สองวันก่อนผมเห็นหน้าหนึ่งไทยรัฐ ลงข่าวการมาเมืองไทยของ 5 นักร้องดังวัยรุ่นเกาหลีวง  ดง บัง ชิน กิที่วัยรุ่นไทยคลั่งไคล้ใหลหลง เพื่อแถลงข่าวการแสดงคอนเสิร์ตปลายปีนี้ที่เมืองไทย คงไม่ต้องบอกนะครับว่ามีแฟนเพลงวัยรุ่นไทยไปต้อนรับมากมายขนาดไหน   ผมไม่รู้จักนักร้องวงนี้หรอกครับ แต่ละคนอายุเพิ่งจะสิบกว่าขวบเท่านั้น แต่เพลงและ การแสดงของเด็กเกาหลีใต้ 5 คนนี้ กลับมีอิทธิพลอย่างยิ่งใหญ่ต่อเด็กไทยและเด็กทั่วโลก จนถึงขั้น คลั่งไคล้ อย่างเหลือเชื่อ เหมือนที่เด็กไทยคลั่งไคล้การ์ตูนและเกมส์ญี่ปุ่น สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าโชคช่วยหรือดวงดี ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระเจ้าช่วย แต่ทุกอย่างเกิดจาก 1 มันสมอง 2 มือ ของคนเกาหลีใต้ และรัฐบาลเกาหลีใต้ทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่ผมอยากให้คนไทยได้เรียนรู้  ให้นักการเมืองน้ำเน่าและไม่เน่าที่กำลังขันอาสามารับใช้บ้านเมืองได้เรียน รู้ ไม่ใช่สักแต่โฆษณานโยบายสวยหรูหลอกชาวบ้าน หรือทำแต่บวกผลประโยชน์ของตัวเองพวกพ้องตัวเองเข้าไปเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา จนทำให้โครงการดีๆหลายโครงการต้องล้มเหลว เพราะการบวกคอรัปชันส่วนเกินเข้าไป การนำ Cultural Content หรือ เนื้อหาวัฒนธรรม ซึ่งประกอบด้วยศิลปะการแสดง ภาพยนตร์ ดนตรี ละเพลงต่างๆ มาทำเป็น อุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่า หรือสร้าง Value Creation ด้วยข้องมูล ความรู้ ความคิด สร้างสรรค์ และจินตนาการ กำลังเป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่ทำเงินอย่างมหาศาล ยิ่งเทคโนโลยีดิจิตอล เทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือมีความก้าวหน้ามากเท่าไหร่ อุตสาหกรรมวัฒนธรรมก็ยิ่งเติบโตเร็วเท่านั้น ปัจจุบัน ประเทศที่ส่งออกอุตสาหกรรมวัฒนธรรมชั้นนำของโลก 5 อันดับแรก คือ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน ส่วนเกาหลีใต้อยู่ในอันดับที่ 10 ขนาดอยู่อันดับที่ 10 หนังเกาหลี เพลงเกาหลี อาหารเกาหลี ก็ยังตีกินเข้ามาในเมืองไทยอย่างที่คิดไม่ถึง ถ้าไม่เห็นอาการคลั่งนักร้องเกาหลีของเด็กไทย หลายปีก่อน รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศว่า ภายในปี 2553 จะนำเกาหลีใต้ก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 ผู้นำโลกอุตสาหกรรมวัฒนธรรมนี้ให้ได้ ประกาศเสร็จปี 2544 รัฐบาลเกาหลีใต้ก็จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาหน่วยหนึ่ง ชื่อ The Korea Culture and Content Agency หรือ KOCCA เพื่อวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเนื้อหาวัฒนธรรมอย่างครบวงจร หน้าที่หลักของหน่วยงานนี้คือ ออกกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมวัฒนธรรม สนับสนุนภาคเอกชนจัดตั้งธุรกิจด้านเนื้อหาวัฒนธรรม โดยเฉพาะ SMEs ทั้งร่วมลงทุนและให้กู้ สร้างบุคลากรระดับมืออาชีพป้อนให้ ช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆทั้งการส่งออกและการทำตลาด บริหารจัดการออกใบอนุญาตและการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ไปจนถึงการสร้างสตูดิโอให้เช่าในราคาถูกๆ เพื่อช่วยรายเล็กลดต้อนทุน ฯลฯ รัฐบาลเกาหลีใต้ทำให้คนของเขาขนาดนี้ ไม่ถึง 5 ปี วัฒนธรรมเกาหลีก็สามารถส่งออกไปอาละวาดทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น แดจังกึม หรือนักร้องวันรุ่นเกาหลีอย่าง เรน มาจนถึง ดง บัง ชิน กิ ต่อยอดไปถึงสินค้าเกาหลี อาหารเกาหลี เทคโนโลยีเกาหลี ทำเงินเข้าประเทศเกาหลีอย่างมหาศาล ผมอยากถามนักการเมืองไทย ไม่ว่าน้ำเน่าหรือไม่น้ำเน่าสักคำ มีนักการเมืองคนไหน รัฐบาลไหน เคยทำให้กับบ้านเมือง คนไทย และอุตสาหกรรมของชาติ เท่านี้บ้างไหม นอกจากเรื่องโกงกิน เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ทีก็ล้มโครงการรัฐบาลเก่าทั้งที่ดีและไม่ดีแล้วสร้าง โครงการใหม่เพื่อหากินกันต่อไป ทำอย่างนี้ อีกหลายชาติก็คงสู้ประเทศอื่นเขาไม่ได้ ที่มา : http://www.pingbook.com/news/view.php?id=3799 http://www.creativethailand.org/th/articles/article_detail.php?id=9 http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=45405 http://www.ห้ามโฆษณา.com/Forums/index.php?topic=1026.0 http://dek-d.com/board/view.php?id=964048 จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 16:08:25

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตปาดหน่อยนะครับ ยินดีต้อนรับครับ คุณ Mr.Terran ผู้โด่งดังจากห้องหว้ากอ (- -)b ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นกระทู้แนะนำที่ห้องหว้ากอเลย หายไปนานเลยนะครับ งั้นเชิญต่อตามสบายเลยครับ จะทยอยอ่าน มาห้องนี้ยังแน่นด้วยสาระเหมือนเดิมนะครับ ^ ^ จากคุณ : ผู้ชายกับสายฝน เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 16:56:01

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณ ผู้ชายกับสายฝน เผอิญว่าห้องหว้ากอมีการเปลี่ยนระบบห้องย่อยนิดหน่อย แต่ผมไม่ทิ้งเรื่องเอเลี่ยนแน่ครับ ขอบคุณนะครับ ปาดไม่ทันแล้วครับ กระทู้นี้จบเท่านี้แหละ จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 17:08:36

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ กำลังอยากศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ทราบว่า จะหาข้อมูลต่างๆได้จากไหนคะ จากคุณ : Gades เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 17:16:34

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมของเกาหลีนะคะ กับการปรับระบบ และนโยบายต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประเทศเค้าสามารถพัฒนาแบบก้าวกระโดดมาได้ระดับนี้ แต่ก่อนเค้าต้องมาดูงานบ้านเรา แต่เดี๋ยวนี้เรากลับต้องไปดูงานบ้านเค้า  เฮ้อ นี่ถ้ารัฐจริงจังกับการปรับโครงสร้างในระดับนโยบาย ก็น่าจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ อย่างเรื่องบันเทิงเนี่ย  เป็นสิ่งที่ส่งออกได้ง่าย และให้ผลตอบรับที่คุ้มค่าจริงๆ เพราะมันช่วยกระตุ้นอีกหลายธุรกิจในประเทศเค้าเลย  นโยบายนี้เค้าสุดยอด (เป็นรองแค่การปรับโครงสร้างการศึกษา  เรามองว่าการปรับของเกาหลี คือสุดยอดนโยบายของบ้านเค้าช่วยให้ประเทศเค้าพัฒนาได้ก้าวกระโดดมากๆ เลยค่ะ) ให้กิ๊ฟความเห็นสุดท้าย  เพราะนอกจากได้อ่านอะไรที่มีสาระแบบไม่หนักเกินไปแล้ว ยังถูกใจประโยคที่ว่า  ดงบังชินกิ ที่โด่งดัง ทำให้คนคลั่งไคล้ได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าโชคช่วย ดวงดี ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระเจ้าช่วย แต่ทุกอย่างเกิดจาก 1 มันสมอง 2 มือ ของคนเกาหลีใต้ และรัฐบาลเกาหลีใต้ทั้งสิ้นค่ะ  ^^ จากคุณ : piya-chan เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 17:25:40

ความคิดเห็นที่ 10 ไทยเมื่อไหร่จะทำได้แบบนั้นมั่ง T-T จากคุณ : Emo-cRazyZ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 17:29:03

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย เคยเห็นมาบ้างเหมือนกันว่าทางรัฐบาลเกาหลีใต้ เค้าวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นตอน วันนี้ได้ข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มอีกเยอะเลยค่ะ ส่วนบ้านเรา...ที่จริงแล้วศักยภาพไม่แพ้ใคร ถ้าพูดถึงเฉพาะวงการเพลง บริษัทของไทย(ยกตัวอย่าง GMM เนี่ยเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าค่ายใหญ่ของเกาหลีบางค่ายที่เคยอ่านงบการเงินมาเลย) นักแต่งเพลง นักร้อง โปรดิวเซอร์เก่งๆ เยอะมีศักยภาพสูงมาก ความหลากหลายของแนวเพลงก็เยอะ สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ และมีแนวทางของตัวเองออกมาได้ไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะสายร็อคของไทยที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัวสูงมาก พูดแล้วก็เสียดายสมัยก่อนที่แกรมมี่พยายามเข้าไปตลาดไต้หวัน ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีด้วย แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำไม่ต่อเนื่องก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ในไต้หวัน จีน ยังมีคนชื่นชอบนักร้องไทยกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว เชื่อมั่นว่าศักยภาพที่มีเราสามารถทำได้ค่ะ ถ้าตั้งใจและต่อเนื่อง เพราะทรัพยากรที่มีอยู่ไม่แพ้ใครแน่นอน ^^ ป.ล. สวัสดีค่ะป้า เข้ามาเจอพอดีเลย ^^ จากคุณ : AlwaysSmiles เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 18:03:30

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ จขกท.ที่แบ่งปันข้อมูลค่ะ เพราะเค้ามุ่งมั่นและต้องการความเติบโต พร้อมทั้งกำลังและแรงในการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่จึงเป็นเกาหลีใต้อย่างที่เห็นอย่างในทุกวันนี้ กระแสไทยในต่างแดนก็ไม่ใช่น้อยนะคะ อย่างบี้เดอะสตาร์ และอีกหลายๆคน รวมทั้งละครเป็นอะไรที่กำลังไปได้ดีค่ะ  เวป baidu ชื่อดังของจีนมีแฟนคลับให้ดาราไทย ละครไทยเยอะแยะ รอวันที่รัฐบาลบ้านเราใส่ใจจริงจังกับการพัฒนาศักยภาพค่ะ ไทยป๊อปของเราก็มีความสามารถสร้างชื่อได้ไม่แพ้กันค่ะ จากคุณ : สาวใช้ชายช้อย เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 18:21:56

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตไป ไม่แคร์สื่อ ... จากคุณ : ยอยศทศกัณฐ์ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 18:58:32

ความคิดเห็นที่ 16 suayhi ชื่อนี้ตลกจังเลยครับ ช่างสรรหาชื่อมาตั้งจริงๆเลย suayhi ตัวตลก ของชาวเฉลิมกรุง ดูจากลักษณะการตอบกระทู้ก็พอเดาออกเลยว่าเป็นใคร ถึงจะเปลี่ยนชื่อก็ตาม เป็นบัตรผ่านที่อยู่ในระดับล่าง แล้ว พยายาม อัพตนให้สูงน่ะครับ พิมพ์ภาษาไทยยังไม่ค่อยจะถูกเลย เอาครับเอาใจช่วยติ่งหูในกะลานะครับ ป.ล.บัตรผ่านดีๆมีเยอะครับ แต่นี่คือตัวอย่างของบัตรผ่านที่ไม่ค่อยดี แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 53 19:09:32 จากคุณ : MIKE-SCOFIELD เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:08:18

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจครับ ต้องยอมรับว่าเกาหลีไม่ธรรมดาจริงๆ แนวทางที่พูดถึงมาทั้งหมดนี่จะไม่ประสบความสำเร็จเลย  ถ้าไม่ได้มีการพัฒนานักร้องอย่างจริงๆจังๆ อย่าง RAIN , BOA , Tohoshinki ที่ผมถือว่าเป็นของจริง  ความสามารถสูงมากๆ ถ้าไทยจะทำให้ได้แบบนั้น  ผมว่าต้องเริ่มที่การพัฒนานักร้องก่อนเลย จากคุณ : CLK BRABUS เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:08:59

ความคิดเห็นที่ 18 เศร้าใจที่เห็นคนไทยบางคนเอาแต่หาเรื่องดูถูกคนเชื้อชาติอื่น โดยเฉพาะคนเอเชียด้วยกัน ..ถ้ามีคนเกาหลีที่สามารถอ่านภาษาไทยออก และได้อ่านกระทู้นี้ ผมขอโทษแทนด้วยนะครับ อย่าไปถือสาแกเลย จากคุณ : peepo_ac เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:23:04

ความคิดเห็นที่ 19 ยาวมาก อ่านผ่านๆและกัน ก็เป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้วที่รัฐบาลเกาหลีใต้วางแผนผลักดันการส่งออกวัฒนธรรมผ่านวงการบันเทิง แค่คนบันเทิงช่วยกันผลักดันกันเอง คงมาไม่ได้ขนาดนี้ รัฐบาลต้องช่วยหนุนด้วย ส่วนวงการบันเทิงไทย ถ้าอยากไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ ก็คงต้องช่วยผลักช่วยดันกันเองไปตามมีตามเกิด รัฐบาลเราเขายังไม่ว่าง หรือถึงว่างก็คงไม่สนใจด้วยมั่ง ไปทำโครงการสร้างนู้นสร้างนี่ แจกนั้นแจกนี่ ดีกว่ากันตั้งเยอะ ได้หน้าแถมได้.....ด้วย อิ่มกันถ้วนหน้า จากคุณ : เส้นใหญ่พิเศษ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:42:05

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดีค่ะ เป็นกรณีศึกษาถึงยุทธศาสตร์ในการวางแผนด้านเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ที่ใช้ภาคบันเทิงมานำ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล ทั้งๆที่ ประเทศเค้าไม่มีทรัพยากรอะไรมากมาย แหล่งท่องเที่ยวไม่สวยงาม เทคโนโลยียังไม่สูงมากเท่าญี่ปุ่น เค้าเลือกโจทย์ได้ดี และพัฒนาไปสู่ความเจริญ โหวตค่ะ จากคุณ : ผู้กอง เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:54:26

ความคิดเห็นที่ 21 กระทู้ดีๆ มาทำเสียหมด เฮ้ออออ -*- จากคุณ : ผู้ชายกับสายฝน เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:01:38

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่มีปัญหาเรื่องการปกครอง มันก็สบายที่จะจัดการโน่นนี่ แบบนี้แหละนะ จากคุณ : thoonly เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:01:58

ความคิดเห็นที่ 25 บ้านใครทำส้วมเต็ม รีบโทรเรียกสูบส้วมมาด่วนเลยนะครับ อีป้ามาลอยหน้าลอยตาชูคอสลอนเต็มโถอีกแล้ว... จากคุณ : patyawi เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:17:46

ความคิดเห็นที่ 26 แม้แต่กระทู้มีสาระก็ไม่เว้น วุ้ย! เข้าใจป่ะป้าว่ามันเป็นกระทู้ "เชิงวิเคราะห์" ไม่ใช่กระทู้ "อวย" อยากให้ท่านผู้นำทั้งหลายของบ้านเราเลิกวิ่งไล่จับเงาที่ไม่รู้ว่าจะจับได้ไหม แล้วก็หันมาพัฒนาประเทศสักที เงินคลังกี่แสนล้านบาทเอาไปใช้ทำอะไรหมดก็ไม่รู้ แทนที่จะเอามาพัฒนาประเทศ ตูละหน่าย = =' จากคุณ : ปิดกั้นการเมือง เปิดกว้างไอดอล (ตัว(Z)) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:38:39

ความคิดเห็นที่ 27 ทำไมรัฐบาลไทย ไม่เคยสนใจ อุตสาหกรรบันเทิงเลย ทั้งๆที่ผมว่า มันก็เจริญเติบโต เอา เติบเอานะ ??? จากคุณ : ข้างหลังบ้าน เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:46:01

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณจขกท.สำหรับกระทู้ดีๆมีสาระค่ะ ถึงแม้จะมีคห.ขยะในกระทู้อยู่บ้างอย่าถือสา ว่าแต่ใครช่วยพาป้าแกเอาออกไปทิ้งที่กองขยะทีเหอะ จากคุณ : หญิงนันlunla เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:49:07

ความคิดเห็นที่ 29 ของเค้าทำจริง ลงมือกันจริง แต่ของเราเอาแต่ขายฝันไปวันๆ จริงๆ #23 เป็นความคิดที่เป็นจริงนะ สองชาตินี้เข้าข่าย ก็อปสร้างชาติ เพราะก็อปมาตั้งแต่อดีต จนตอนนี้มีแบรนด์ระดับโลกเป็นของตัวเองทั้งคู่ไปแล้ว แต่ประเทศเรา...... -..- นอกจากผู้มีอำนาจไม่ช่วยสร้างแล้ว คนบางกลุ่มดันคิดว่าการที่นั่งด่าเค้ามากๆ จะทำให้เราเจริญขึ้น -*- จากคุณ : sleepless.cs เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:58:51

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ suayhi . . .ทำไม . . ทำไมไม่ไปสมัครอมยิ้มละคร้าบ จะได้ให้กิฟ โถ่ . . . _____________________________________________ เข้าประเด็น จริงๆคนไทยก็น่าจะเอาอย่างบ้างน้า เรื่องชาตินิยมเนี่ย ทั้งยุ่นเอย หลีเอย ก็เจริญได้เพราะชาตินิยมละน้า เงินทองไม่รั่วไหล ซื้อของเค้าเองใช้เอง คนไทยเรอะ . . . ขอภัยถ้าแรง จากคุณ : KeeperMan เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:11:09

ความคิดเห็นที่ 31   ส่วนตัวเชื่อว่า บุคลากรคนไทย ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง ศิลปินในแขนงต่างๆ หรือแม้กระทั่งทีมงานสร้างสรรค์งานเบื้องหลัง ถ้าตั้งใจพัฒนาจริงๆ เราไม่แพ้ชาติใดในเอเชียแน่นอน หลักๆตอนนี้ก็คือ ประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหา" การละเมิดลิขสิทธิ์ " ได้ดีพอหรือยัง ตราบใดถ้ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ กระบวนการในการพัฒนา มันก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน จากคุณ : double vodka เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:22:01

ความคิดเห็นที่ 32   ขอตอบเข้าข้างรัฐบาลหน่อย มันจากจุดอ่อนของเราด้วย 1.ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม ลองนึกถึงนักกีฬาฝึกฝนจนชนะได้รางวัล ก็จะมีคนมาสนับสนุนมากมาย ถึงแม้เราจะเคยมีดาราไปเล่นหนังต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียง เงินทองเข้าประเทศอะไรมากมาย จนอยากจะต่อยอด 2.ความคิดไม่ค่อยก้าวหน้า เกาหลีจะศึกษาัวัฒนธรรมประเทศนั้นๆแล้วมาปรับกับของตัวเอง แล้วส่งไปตีตลาด แต่ของเราทำเอาใจคนกลุ่มใหญ่ในประเทศ อย่างหนังตลกไทยเอาตลกอย่างเดียวก็ขายได้ ทำให้ไม่คิดจะพัฒนาบทให้ดี 3.ขาดความทะเยอทะยาน คนไทยไม่ค่อยมองอะไรเกินตัว ทำให้เราไม่มีเป้าหมายที่จะวิ่งตาม อย่างนักร้องสมัยก่อนก็ส่งไปต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้พัฒนา วางระบบ หรือต่อยอดใดๆ การผลิตหนัง ละคร เพลงของเกาหลีมักจะใส่วัฒนธรรมไปด้วย ทำให้มีรายได้จากด้านต่างๆเข้าประเทศ แล้วจึงต่อยอดเป็นนโยบายเหล่านี้ แต่ของเราไม่ค่อยได้ใส่วัฒนธรรมลงไป ทำให้เราไม่ค่อยได้รายได้จากส่วนนี้ จึงนำไปสู่การละเลย จากคุณ : เฉพาะกิจ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:25:30 A:58.9.225.211 X: TicketID:235369

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Mr.Terran มาแวะถึงห้องนี้เลย รออ่านเรื่องลึกลับอยู่นะคะ ^^ สรุปคือ 1. ศิลปินต้องมีความสามารถ มีศักยภาพในสาขานั้น ๆ สูง เช่น นักดนตรีต้องเล่นอุปกรณ์ที่ตนถนัดเก่ง, นักร้องต้องร้องเพลงเก่ง, นักร้องที่ทั้งร้องทั้งเต้น ก็ต้องเก่งทั้ง 2 อย่างด้วยเหมือนกัน 2. ศิลปินเองก็ต้องมีโอกาสร่วมงานกับบุคลากรที่มีคุณภาพ เช่น บริษัทที่มีแผนการตลาดดี รู้จักวางแผนยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ (ศึกษางานได้จากวัดชื่อดังฉาวโฉ่แห่งหนึ่ง), นักแต่งเพลงเก่ง ๆ , โปรดิวเซอร์ฉลาด ๆ ที่จริงใจต่อคนฟัง ฯลฯ 3. รัฐบาลให้ความช่วยหลือในระดับมหภาค ส่งเสริมศิลปินไทยให้ไปไกลเท่าที่ศักยภาพของเราจะไปถึง สุดท้าย ขาดไม่ได้เลยคือ เรา ๆ นี่แหละ ถ้าเราซึ่งเป็นเจ้าของประเทศยังไม่สนับสนุนศิลปินของเราเอง ยังคงดูถูกเหยียดหยาม แล้วแมวตปท.ที่ไหนจะมามองศิลปินของเราเล่า เพราะงั้นเราต้องช่วยกันก่อนถึงจะถูกนะ ถ้าเราช่วย ๆ กันอุดหนุนส่งเสริมศิลปินที่มีคุณภาพของไทย เชื่อว่า สักวันกระแส T-Pop ต้องมาแน่นอน (อย่าลืมหาจุดแข็ง ความเป็นอัตลักษณ์ของเราด้วยล่ะ จะได้ไม่ซ้ำกับชาวบ้าน) กราบสวัสดีคุณป้าค่ะ จากคุณ : Matriarch Miaw เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:26:49

ความคิดเห็นที่ 35 กระทู้ห้องเฉลิมกรุงมันควรจะเป็นแบบนี้ล่ะครับ...จริงๆนะ จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเพลงหรอกครับ แต่รัฐบาลเกาหลีกำลังส่งออก วัฒนธรรมบันเทิงสารพัดแขนงเลย อีกอันนึงที่เค้าพยายามทำก็เห็นจะเป็นอนิเมชั่น แต่งคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ จากคุณ : jetboat เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:35:19

ความคิดเห็นที่ 36 อย่าให้อาหารสัตว์ครับ บอกได้แค่นี้ พอมาคิดมุมกลับดู ผมคิดว่าบริษัทในไทยเก่งมากนะครับที่สามารถทำได้ขนาดนี้ด้วยตัวเอง โดยได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐน้อยมาก แถมบางครั้งภาครัฐเองเสียอีกที่มาเป็นตอทำให้การส่งออกเหล่านี้สะดุด กระทรวงวัฒนธรรมเองตั้งป้องแบนเพลง แบนสื่อที่ตัวเองเห็นว่าสุ่มเสี่ยงต่อวัฒนธรรมที่ดีของตน แต่กลับไม่สนับสนุนวัฒนธรรมดีๆ ให้ออกมาโลดแล่นให้ชาวโลกเห็น ไม่ว่าจะหนัง ละคร เพลง หรือ มหรสพไทยเอง ไปได้ไกลเป็นที่รู้จักก็เพราะปากกัดตีนถีบไปด้วยตัวเองทั้งนั้น จากคุณ : Dark Pigeon เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:37:01

ความคิดเห็นที่ 37 อยากบอกว่าคนไทยหน้าตาดีนะ เพราะความไม่ชาตินิยมจับผสมพันธุ์แบบเปิดกว้างนี้ละ จากคุณ : B-ranger เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:08:27

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นสิ่งที่ดีที่มันไม่ใช่แค่เนื้อหาข่าวหรือบทความถ้อยแถลงปากเปล่า แต่ยังมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและเห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนจริงๆค่ะ คิด วางแผน ลองผิดลองถูก และรู้จักริเริ่ม  และขยายต่อยอด สำหรับวงการอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยเราก็ว่าไม่ได้ด้อยนะคะ เพียงแค่บางอย่างมันขึ้นอยู่กับโอกาส การได้รับ และการกล้าเอาออกมาโชว์อ่ะ ทั้งนี้ก็นั่นแหล่ะคนที่มีอำนาจ มีส่วนเกี่ยวข้องก็น่าจะจริงจังกว่านี้อีกซักหน่อย ยังคงชื่นชอบและนิยมเพลงไทยแน่นอนค่ะ เราขออนุญาตไล่กดลบคห.ของป้า suayhi  นะ  ไม่ได้จะปิดกั้นการแสดงค.คิดเห็นค่ะ แค่รู้สึกว่า เนื้อความเหล่านั้นเป็นอะไรที่อยู่ในกะล๊า กะลา  เหมาะกับคนอย่างป้า แต่ไม่เหมาะกับกระทู้ดีดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 53 22:23:03 จากคุณ : Mama_lvlai เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:19:20

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณที่เอาสาระมาให้อ่านคะ นี่คือรูปธรรมที่เเท้จริง เฮ้อ......คนไทยบางคนยังฝักใฝ่นามธรรมอยู่ เอาเท้าราน้ำเเถมอีก ก็....นะ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:27:48

ความคิดเห็นที่ 40 แอบดู ป้า ในตำนาน จากคุณ : LittleSister เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:48:01

ความคิดเห็นที่ 41 สุดยอด ! จากคุณ : pasygon เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 23:29:56

ความคิดเห็นที่ 42 จะมีวันเห็น T-pop ไทยระบาดเอเชียมั้ยนะ เทียบกับ บอลไทยจะไปบอลโลกอะไรน่าจะได้เห็นก่อนกัน ประเทศไทยสู้ๆ ปล.ขอชื่นชมรัฐบาลเกาหลีใต้ในหลายๆด้าน ( ผมจำได้เลยที่กล้าเอาย่านสลัมกลางเมืองมาทำแม่น้ำสายสะอาดผ่ากลางเมืองทุ่มเงินไปมิใช่น้อยเหมือนกัน แต่ผลที่ตอบแทนคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ) จากคุณ : Kyo3 เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 00:05:31

ความคิดเห็นที่ 43   เกาหลีกล้านะที่จะทุ่มตรงนี้ แล้วออกมาได้ผลดีเสียด้วย ถ้า รัฐบาลไทยทำมั่ง  ก็จะโดนด่าว่า เอาเงินไปพัฒนาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนก่อนเหอะ ซึ่งน่าเสียดาย  แต่มันก็จริงนั่นแหละ = = จากคุณ : ลูกกระปุก เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 00:14:56

ความคิดเห็นที่ 44   สิ่งที่แตกต่างระหว่างไทยกับเกาหลีคือการทำงานที่มีเอกภาพมากกว่า เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับคนที่เคยไปดูงานเกี่ยวกับการส่งออกวัฒนธรรมของเกาหลีค่ะ อาจารย์ท่านนั้นบอกเลยว่าเกาหลีชนะขาดตรงที่ เขาทำแบบมองภาพเดียวกันนั่้นคือภาพใหญ่ที่กำหนดจากรัฐบาล องค์กรต่่างๆทั้งของรัฐและเอกชนเป็นเพียงแค่ผู้รับลูกไปปฎิบัติ ส่วนของไทย เรามีคนเก่งเยอะค่ะ แต่การทำงานเป็นแบบ รัฐบาลทำที เอกชนทำที ขาดความเป็นเอกภาพหรือ (ขอใช้คำอังกฤษ) ไม่ integrate หรือจะพูดได้อีกอย่างว่าเกาหลีเขาทำงานแบบรวมศูนย์ ไม่กระจัดกระจายในด้านคอนเส็ปต์ใหญ่ค่ะ พอคอนเส็ปต์ตรงกัน เวลาจะทำอะไร ก็ทำไปในแนวทางเดียวกัน ทุกอย่างจะสอดรับกันหมด และมีแต่จะส่งเสริม ไม่บ่อนทำลายกันเอง แถมคนเกาหลีเขาก็ยังสนับสนุนของที่เขาทำเองอย่างมากด้วย อุตสาหกรรมบันเทิงก็เหมือนกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะเติบโตไปต่างประเทศได้ ต้องอาศัยการบริโภคภายในประเทศให้แข็งแกร่งก่อน คนในประเทศต้องอุดหนุนศิลปินของตัวเองอย่างยั่งยืนก่อน พอมาดูของไทย ไม่ต้องอะไรมาก แค่เรื่องที่คนไทยไปทำชื่อเสียงในต่างแดนก็ยังมีคนสงสัยในความสามารถ หรือแม้กระทั่งการถกเถียงกันในเว็บบอร์ดสาธารณะที่ควรจะเป็นไปเพื่อการประเทืองปัญญาก็กลับกลายเป็นเวทีสำหรับการโต้เถียงเพื่อเอาชนะกันเท่านั้น คนไทยถ้่าไม่เลิกขี้อิจฉา อยากได้หน้าโดยไม่ต้องลงแรง ก็ไม่ต้องหวังหรอกชาตินี้ แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 53 00:44:12 จากคุณ : For You I Will เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 00:31:46

ความคิดเห็นที่ 45 ถึงผมจะเป็นแฟนคลับป้า แต่ขอกาลเทศะหน่อยเหอะป้า อย่าโชว์ง่าว จากคุณ : PreviousMorning เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 01:27:24

ความคิดเห็นที่ 46   เราว่าถ้าเกาหลีอยากจะคงกระแส kpop คงจะต้องรีบผลิตนักร้องคุณภาพออกมาบ้างล่ะ เพราะวงเก่าๆก็แยกกันไป ที่เหลือหลายวงก็ไปโปรโมตที่ญี่ปุนกัน (ถ้าฐานแฟนคลับไม่ดีจริงๆ การไปโปรโมตในต่างประเทศก็ทำให้แฟนคลับในประเทศ รวมถึง internation แฟน เปลี่ยนใจไปรักวงอื่นก็ได้นะ เพราะว่าไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตากัน) ตอนนี้มีแต่วงน้องใหม่ออกและใกล้จะออกเต็มไปหมด แต่ดูเหมือนจะเอามาแค่หน้าตา ความสามารถเป็นเรื่องรอง ถ้าจะตีตลาดโลกจริงๆหน้าตาอย่างเดียวก็ไม่พอแล้ว ถ้าเกาหลีสามารถผลิตวงอย่าง big bang หรือ tvxq ได้อีก อย่างงั้นเราว่าถึงจะมีหวัง จากคุณ : pang เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 05:15:47 A:70.176.174.238 X: TicketID:183009

ความคิดเห็นที่ 47 korean wave เป็นวาระแห่งชาติของเกาหลีใต้มานานเกือบๆ 10 ปีได้แล้วมั้งครับ ตอนผมเริ่มทำงาน ประมาณปี 44-45 ก็เห็นข่าวพวกนี้แล้วอะ จากคุณ : น้องลูกหมู เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 07:34:30

ความคิดเห็นที่ 48 มะ..Mr.Terran หลังจากการล่มสลายของห้องลึกลับ ก็มาอยู่ที่เฉลิมกรุงนี่เอง นึกว่าหายไปซะแล้ว จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 08:50:54

ความคิดเห็นที่ 49 . . . เข้ามาอ่าน KPOP แนวลึกลับ จากคุณ : ชื่นอุราพารื่นรมย์ (Dojo-mAn) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 09:20:26

ความคิดเห็นที่ 50 กระทู้นี้ดีมากเลยค่ะ....อ่านแล้วได้รุ้ข้อมูลอะไรดีๆอีกเยอะเลย ส่วนตัวเราตอนสมัยเรียน(เมื่อ 2 ปีที่แล้ว) เคยทำบทความเพื่อวิเคราะห์กระแส K-POP ที่กำลังเข้ามาแทนที่กระแส POP อื่นๆที่เคยเป็นเจ้าตลาดในตอนนั้น จากกการวิเคราะห์จะเห็นว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสเกาหลีมาแรง เป็นเพราะรัฐบาลเกาหลีเค้าให้การสนับสนุนธุรกิจบันเทิงแบบเต็มที โดยหวังใช้เป็นสินค้าส่งออกและใช้เป็นตัวช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในทางอื่นด้วย ซึ่งก็ได้ผลมากเพราะนอกจากธุรกิจบันเทิงของเกาหลีจะประสบความสำเร็จแล้ว ก็ยังช่วยสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้ทั้งในทางท่องเที่ยว และสินค้าส่งออกอีกด้วย และเมื่อเรากลับมามองว่า T-POP ของเรามีโอกาสจะทำได้แบบ K-POP มั๊ย เราคิดว่ามีโอกาสนะค่ะ แต่เราต้องพัฒนาระบบและพัฒนาค่านิยมในการสร้างศิลปินใหม่ ถ้าเราพัฒนาตรงได้เชื่อว่า T-POP ก็ไม่น่าจะแพ้ชาติใดในโลก เพราะทรัพยากรมนุษย์ของไทยก็มีความสามารถไม่แพ้ชาติใดเหมือนกัน ^^ จากคุณ : ตามติดชีวิตหนอน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 09:39:10

ความคิดเห็นที่ 51 เราคงต้องผลักดันคนที่มีศักยภาพให้สู่ตลาดนอกประเทศให้ได้ เอาง่าย ๆ เลยคือดูจากญี่ปุ่น นักร้องอย่าง Utada ไม่จำเป็นต้องขายภาพ sexy ขายเนื้องานล้วน ๆ อาจจะต้องปั้นกันตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าเด็กมีแววก็ส่งออกนอกไปเรียนรู้ด้านดนตรีอย่างเดียวเลย เราไม่จำเป็นต้องไปเต้นตามเกาหลีกันหมดหรอกครับ จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 11:43:06

ความคิดเห็นที่ 52   โดยส่วนตัวผมมองว่าก่อนที่จะให้ภาครัฐสนับสนุนเนี่ย คนของเราต้องมีศักยภาพก่อนจะดีไหมไม่ใช่อะไรก็เอะอะว่ารัฐบาลไม่สนับสนุน(พูดถึงทุกๆรัฐบาลนะตัว) คือแบบPOPของเราเนี่ยมีศิลปินที่มีคุณภาพพอที่จะส่งออกไหม นับหัวได้เลยมีน้อยมากส่วนใหญ่จะออกแนวหน้าตาดีร้องเพลงแย่(ผมพูดความจริงอย่าหาว่าผมดูถูกคนไทยด้วยกันล่ะ) ร้องสดไม่ได้ ดีแต่ขายเซ็กซี่ไปวันๆ(จริงป่ะ) ถ้าคิดจะทำจริงๆนะอย่างแรกพัฒนาศิลปินคนของเราให้เก่งให้เจ๋งร้องเพลงได้(หมายถึงร้องสดๆได้อ่ะ)แล้วทุกอย่างมันจะตามมาเอง นิชคุณเคยให้สัมภาษณ์ในรายการที่นี่หมอชิต(น่าจะใช่นะ)ว่า"ที่เกาหลีเขาฝึกศิลปินให้เป็นนักร้องไม่ได้ฝึกศิลปินให้เป็นดารา ถ้าคุณคิดจะเป็นนักร้องคุณต้องร้องเพลงได้"อันนี้ผมว่าน่าสนใจและค่ายเพลงบ้านเราน่าจะเอาแบบอย่างนะ คิดดูเหอะ ดูโอ สาววัยใสเข้าวงการเพลงมาก็นานนะออกก็หลายอัลบั้มอยู่แต่ทำไมคอนเสิร์ตล่าสุดยัง "ลิปซิงค์" อยู่เลย ถ้าพูดถึงละคร ช่องยักษ์ใหญ่ช่องนั้นยังถ่ายไปออกไป ทำงานลวกๆ ชุ่ยๆ อยู่เลยจะไปขายเขาได้ยังไงล่ะ จากคุณ : คนทำงานเบื้องหลัง (เล็กหมูตับ) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 11:49:55

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านแล้วเป็นข้อมุลที่ดีมากเลย อยากให้รัฐบาลไทยทำงานให้ได้แบบนี้บ้าง ประเทศเค้าเก่งที่เลือกจุดแข็งของเค้าแล้ววางแผนว่าจะขายยังไง แต่ประเทสเราสร้างแผนบนความฝัน อะไรมันเลยฉาบฉวย แผนทุกอย่างมันก็เลยไม่ประสบความเร็จเท่าที่ควรและไม่ยั่งยืน เห็นความสำเร็จของเค้าแล้วก็อยากให้เราเป็นแบบนั้นบ้าง ประเทศเรามีจุดแข็งหลายอย่างนะ ถ้าสินค้าทางวัฒนธรรมเราก้สามารถขาย เพลงร็อคของเรา ที่ถ้าเอาไปเทียบกับชาติอื่นๆในเอเชียของเราถือว่าเก่งมาก ทางค่ายเพลงตอนนี้กลับไม่ค่อยโปรโมทเท่าไหร่ กลับสนใจที่จะตามคนอื่นทั้งที่ เราไม่มีความชำนาญเท่าไหร่ ทำให้ทรัพยากรที่มีอยุ่เสียปล่าว แล้วไปโทษว่า เหล่าแฟนคลับของศิลปินต่างชาติไม่รักของไทย เราควรกลับมามองได้แล้วว่าเราควรทำอย่างไรถึงจะได้แบบเค้า จากคุณ : โลกหยุดหมุน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 14:44:47

ความคิดเห็นที่ 54 พูดตรงๆนะคะ ผู้ใหญ่ระดับสูงๆและมีอำนาจบ้านเราเค้าคงไม่คิดว่าการส่งออกดารานักร้องแบบเกาหลีจำเป็นสำหรับบ้านเราค่ะ ในขณะที่บ้านเรามีปัญหาต่างๆมากมายให้ต้องแก้กันอีกเยอะ ปากท้องของคนในประเทศย่อมมาก่อนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องบันเทิงมันก็เป็นเหมือนปัจจัยเสริมในชีวิต ที่ถ้าภาคเอกชนแข็งแกร่งพอ ก็ต้องพยายามด้วยตัวใครตัวมัน เกาหลีเก่งค่ะ ที่ใช้โคเรียนเวฟทำให้คนทั่วโลกหันมามองเกาหลี แต่ส่วนตัวเรามองว่ามันไม่ยั่งยืน ผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป เพราะทุกวันนี้กระแสเกาหลีมันก็ซามากแล้วแม้เราจะถูกยัดเยียดแทบทุกวันก็เถอะ นักร้องรุ่นใหม่ๆที่ออกมา ยิ่งฐานแฟนคลับไม่มาก ก็จะแผ่วและหายตายจากไป ในขณะที่วงที่อยู่ช่วงเกาหลีบูมก็กำลังจะแยกวงบ้าง โตขึ้นและไปตามทางของตัวเองบ้าง บลาๆ แฟนคลับเองก็โตตามศิลปิน มีงานมีการที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าสมัยวัยรุ่นที่ตามมันยิกๆ สำหรับไทย เรามีอะไรมากมายในการดึงดูดคนต่างชาติให้หันมามอง มากกว่าจะเอาดารานักร้องชูโรงแล้วเกี่ยวให้เค้ามาสนใจในความเป็นเรา เราคิดแบบนี้นะ ^^ แต่ก็ยอมรับเลยค่ะว่า โคเรียนเวฟทำให้เกาหลีพัฒนาไปไกลมาก เพียงแต่ในอนาคตความอิ่มตัวมันก็มี แล้วเค้าจะรับมือกับจุดที่อิ่มตัวได้รึปล่าวหนอ.... จากคุณ : ชอนซาเลดี้ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 16:10:13

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านแล้วได้ข้อมูลดีครับ ที่สำคัญอยากเห็นบทความแบบนี้แต่เปลี่ยนจาก K-POP เป็น T-POP บ้างจัง จะมีวันนั้นไหม ??? หวังว่าต้องมีวันนั้น คนไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใด ^^ จากคุณ : u_ka_ponk เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 16:15:25

ความคิดเห็นที่ 56   อยากเห็นเหมือนกันคะ คนไทยสู้ๆ จากคุณ : MooMango เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 16:59:32

ความคิดเห็นที่ 57 น้ำตาไหลพรากกกกก กระทู้แนะนำดีๆมันต้องแบบนี้สิคร๊าบบบ  สุดยอดดด จขกท  ขอบคุณมากๆครับที่เอาสาระดีๆมาเปิดโลกให้ชาวเฉลิมกรุงครับ จากคุณ : หัตถาครองพิภพ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 21:41:35

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้าเราเป็นนายกเมื่อไหร่นะ...คอยดูล่ะกันค่ะ !!! 555+ (ตอนนี้เอนท์ให้ติดก่อนๆ 55+) จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 21:51:25

ความคิดเห็นที่ 59 เราอ่านกระทู้นี้นี่ ไม่ได้คิดถึง korean wave เลย อ่านจบ คิดถึงแต่การทำงานของรัฐบาลเรา กับรัฐบาลเกาหลีที่ต่างกันอย่างมาก จริงๆ แล้วเราเฉยๆ นะจะเกิด t-pop หรือไม่เกิดนี่ก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะไทยกับเกาหลีไม่เหมือนกัน เค้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม   เราเป็นประเทศเกษตรกรรม มีรายได้หลักจากท่องเที่ยว และสินค้าเกษตร แต่ของเค้ามีรายได้จากส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และธุรกิจบันเทิง -..- นักร้องเราอาจจะสู้เ้ค้าไม่ได้ แต่เรามั่นใจ ว่าทะเลไทยเนี่ยสวยติดอันดับต้นๆ ของโลกนะเธอ... อิอิ ^^ เหมือนที่คนอื่นเค้าบอกไว้ แทนที่จะไปวิ่งตามคนอื่นเค้า เรามาพัฒนาจุดเด่นของเราให้ดีขึ้นมาดีกว่ามั้ย แต่ที่เห็นคือ รัฐบาลเราไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่เลย ผิดกับของเค้า วางนโยบาย ทำตามแผน จนสำเร็จ แต่ของเรานี่ดิ -*- บอกจะไปบอลโลกมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ -..- ทรัพยากรดีๆ ก็ให้นายทุนไปหมด -*- งบประมาณก็หมดกับการซื้อกล่องเปล่ามาตรวจระเบิด -*- โลกเค้าไม่ได้สนใจเกาหลีที่นักร้องหรอกเน้อ เครื่องใช้ไฟฟ้าเค้าก็ติดอันดับโลกมานานพอสมควรแล้ว จอ lcd นี่ก็ยอดขายอันดับต้นๆ ของโลก แม้แต่มือถือ ก็เข้ามาเป็นคู่แข่งกับค่ายจากยุโรปเรียบร้อยแล้ว ช่วงหลังๆ ก็ใช้ธุรกิจบันเทิงนำเงินเข้าประเทศอีก แล้วเท่าที่ทราบ ตอนนี้ก็ผลิตเครื่องบินรบเองได้แล้ว รู้สึกจะซื้อลิขสิทธิ์จากอเมริกา แล้วเอามาผลิตเอง ถึงจะยังออกแบบเองไม่ได้ แต่ผลิตขึ้นเองได้นี่นับว่าเทคโนโลยีเค้าไม่กระจอกแล้วนะ ชื่อเครื่องบินก็เท่มาก samsung F-16 fighting falcon(ซัมซุงนี่ผลิตตั้งแต่กาต้มน้ำยันเครื่องบินรบเลยเหรอ -*-) เห็นการพัฒนาชาติของเค้าแล้วตูเสียดายประเทศตัวเอง -*- เห็นแค่รถไฟไทย ก็ซาบซึ้งแล้ว -*- จากคุณ : sleepless.cs เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 00:18:11

ความคิดเห็นที่ 60 กระแสเกาหลีไม่ได้มีแต่ในไทย(กรุณาอย่านึกว่าพอจบที่บ้านเราเขาจะไม่ไปเข้าบ้านหลังอื่น) มีแพร่หลายเลยนอกเอเชียไปแล้วอีกต่างหาก -*- เพื่อนฝรั่งต่างแดนยังว่ากันเลยว่าJ-popในกระแสโลกแผ่วไปเยอะ คนก็ค่อยๆเริ่มให้ความสนใจK-popกันมากขึ้นด้วย โดยรวม เราว่าน่าสนใจในแง่ส่งออก"วัฒนธรรมในอุดมคติ"สู่โลกภายนอกนะ เพราะดูรวมๆ+ผ่านๆ เกาหลีดูน่าสนใจขึ้นเยอะทั้งๆที่ในความเป็นจริงสังคมแท้จริงของเขามันไม่ได้เสี้ยวนึงของภาพที่เราได้เห็นจากสื่อสักนิด จากคุณ : แค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า... เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 02:31:15

ความคิดเห็นที่ 61 60 เห็นด้วยกับคำว่า วัฒนธรรมในอุดมคตินะครรับ บ้านเรา ไปหวังพึ่งรัฐ คงยากครับ ผมไม่พูดดีกว่า เอาแค่ในบริษัทค่ายเพลง ก็ยังใช้ระบบอุปถัมภ์กันอยู่ครับ เรื่องศิลปินคนไหนเป็นคู่เกย์ หรือผัวน้อย หรือลูกหลาน ของผู้มีอำนาจในค่ายแล้วได้โปรโมทเยอะเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น คนไทยเรามีคนที่เก่ง หน้าตาดี เหมาะสมเยอะ (บางคนหน้าตาไม่ผ่าน ความสามารถดี ก็ยังน่าจะจับไปศัลยกรรมแล้วมาปั้นก็ยังได้) เพียงแต่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสในวงการส่วนหนึ่ง ก็เพราะไอ้ "ระบบอุปถัมภ์" นี่แหละ การ audition ของวงการบันเทิงเรามันน้อย หรือมีเยอะแต่ไม่ได้มีการกระจายข่าว หรือมีเส้นสายกันอยู่แล้ว คนที่อยู่วงการที่ดัง ๆ บางคนก็ไม่ได้มีคุณภาพไปสู้เขาได้ เอาไปโปรโมทก็อายเขาเปล่า ๆ อีกส่วนก็ คนไทย ไม่ซื้อของจริง ๆ T-Pop แบบเต้นกระจาย มิวสิควิดีโอสวย ๆ อย่าหวังว่าจะได้มี เพราะมันเป็นสินค้าแฟชั่น ต้องอาศัยคนซื้อตอนกำลังฮิต เพราะมันลงทุนเยอะ concept costume chronograph อะไรต่าง ๆ เราถึงเจอเพลงไทยแต่ร๊อค ป๊อบช้า ๆ ขายได้ไปเรื่อย ส่วนพวกที่ออกมาเต้น ๆ กันได้นี่ เป็นพวกมีป๋าดันจริง ๆ เท่านั้นแหละครับ พูดไปก็ .... เห้อ จากคุณ : Guynes เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 08:34:58

ความคิดเห็นที่ 62 ใช่ค่ะ อ่านแล้วปวดใจ และคิดว่าเมื่อไหร่นะ บ้านเราจะสนับสนุนอย่างจริงจังกันเสียที มัวแต่ทะเลาะอะไรกันก็ไม่รู้ ............. จากคุณ : skrnotp_1975 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 10:13:33

ความคิดเห็นที่ 63 ผมไม่หวัง T-Pop จะก้าวสู่ระดับอินเตอร์เท่าไหร่ ขั้นแรกๆ เอาให้รอดในประเทศก็พอแล้ว  ประมาณว่าขายแผ่นแท้ได้เรื่อยๆ ศิลปินมีเพลงดีๆ ออกมาเรื่อยๆ (ไม่ต้อง อาร์ตจ๋า หรือ แปลกประหลาดจนขายไม่ออก เพราะคนเรามันมีความถนัดจำกัด ยังไม่เคยเห็นใครเก่งจนเอาดีได้ ทุกทางเลย (ยกเว้นคุณเอกราช))  ไม่จับพวกหน้าตาดีมาร้องเพลงโดยไม่มีการฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ส่วนเพลงหลายๆเพลงก็ไม่มีสัมผัส (สังเกตว่าในเนื้อเพลงของทุกชาติส่วนใหญ่จะมีสัมผัส อันนี้ในแง่ของเพลง เพลงลูกทุ่งหลายๆเพลงยังทำได้ดีกว่าลูกกรุง แม้จะติดความอุบาทว์ในความหมาย เช่น เห็นหมีหนูมั้ย?) จริงๆไม่ต้องมีสมผัสเข้มงวดอะไรก็ได้ แต่แค่มีให้ตัวเพลงมันดูสวยงามขึ้น เพราะเพลงของหลายๆชาติ ก็อิงกับผังกลอนในประเทศตัวเอง ส่วนค่ายเพลง ก็เหมือนดูถูกผู้บริโภคจะซื้อแผ่นแท้ แต่ค่ายเพลง หรือ ค่ายผลิต กลับทำแพ็คเกจสินค้าแบบแย่ๆ มาขาย  แต่มันเหมือนฝันไปหน่อย เพราะทุกวันนี้ คนจนก็ยังลำบากที่จะเจียดเงินมาซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างซีดีเพลง ต้องแก้ที่พื้นฐานเลยอะ ชาวบ้านควรขยันทำงานและคิดก่อนเชื่อมากกว่าไหว้ ต้นไม้ หรือ สัตว์พิการ ส่วนรัฐบาลก็หัดแต่งตัวธรรมดาๆ ไม่หวีผม มานั่งรถเมล์ กินข้าวแกงข้างถนน หรือขับรถเอง(มอไซด์ก็ดี ให้เจอด่านตำรวจซักด่านมั่ง) เผื่อเข้าใจสังคมจริงๆ แล้วจะเปลี่ยนทัศนคติบ้าง แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 12:21:25 จากคุณ : Stress เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 12:13:51

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าเราคิดจะสู้กับเค้า เราต้องมองสิ่งที่เรามี และพัฒนาสิ่งที่เรามี มากกว่าจะไปตามก้นเค้าแล้วเอาชนะเค้าให้ได้ อย่าลืมว่า จา พนม ของเราก็เคยเอามวยไทยไปผงาดทั่วโลกมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่เรามี ดี เด่น ดัง แต่เรากลับขาดศักยภาพที่จะต่อยอด คนไทยมีความอิสระ ไม่เป็นระเบียบอย่างเค้า แต่มีความสุขกับชีวิตมากกว่าคนเกาหลี (เคยมีสำรวจความสุข คนเกาหลีไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี คนไทยมีความสุขกว่า) มองในทางหนึ่ง ไทยจึงมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า สังเกตว่าครีเอทีฟบ้านเรา งานโฆษณาดังๆ ก็มักมีไอเดียจากประเทศไทยทั้งนั้น โลกแฟชั่น ก็นับว่าล้ำ เพราะเกาหลีได้แต่ตามฝรั่ง ดังนั้น ถ้าจะแข่ง ต้องเอาสิ่งที่เราทำได้ดี อย่างหนัง ละคร งานด้านไอเดีย ส่วนเรื่องเพลง ถ้าจะให้เต้นพร้อมกันเป๊ะๆ ร้องเป๊ะๆ มันไม่ใช่แบบไทย ของไทยที่เราทำได้ดี มักเป็นแนวร็อค หรือแนวอื่นที่ครีเอทขึ้นเอง จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 14:26:12

ความคิดเห็นที่ 65   คห.64 อืมนั่นดิ ทำไมใครๆถึงว่าไทยต้องเน้นแต่เกษตรกรรม ทั้งๆที่เรามีความคิดครีเอทีฟมากกว่าใคร มากกว่าเกาหลีด้วยม้าง ดังนั้นไอ้เรื่องของความคิดสร้างสรรค์(ละคร โฆษณา หนัง เพลง)เนี่ยเราจึงน่าจะถนัดนะ อย่างเพลงของบอดีแสลมที่กำลังโปรโมทอ่ะ มีใครเคยทำบ้างเปล่าเอาลูกทุ่งกะร็อคมาผสมผสานกันน่ะ เกาหลีเคยทำมั้ย แล้วทำออกมาดี เด็กๆวัยรุ่นก็ชอบด้วย นี่น่าคิดนะว่าพื้นเพคนไทยน่าจะชอบและถนัดด้านบันเทิง จากคุณ : บี เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:05:25 A:125.26.177.31 X: TicketID:212402

ความคิดเห็นที่ 66   ไทยเราไม่ค่อยจะต่อยอดหรือทำอะไรจริงจังให้สำเร็จเป็นอย่าง ๆ ไป กระแสอันไหนมาแรงเราก็จะทำๆ ยกตัวอย่างเช่น จะเป็นศูนย์กลางแฟชั่น จัดงานภาพยนตร์ระดับนานาชาติ จัดรายการแข่งเทนนิส นำนักเทนนิสระดับโลกมาพบกัน แว่ว ๆ ว่าอยากจะเป็นเ้จ้าภาพงานเวิล์ดเอ็กโปรเหมือนที่จีนจัดอีก อยากจะเป็นอยากจะทำทุกอย่างแต่ไม่จริงจัง ผู้ใหญ่ ๆ ก็เอาแต่ทะเลาะกัน จากคุณ : fanyfany เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:09:05

ความคิดเห็นที่ 67 เรื่อง creativity ของไทยไม่ด้อยกว่าประเทศไหนนะครับ สังเกตจากการประกวดพวกโฆษณาระดับโลกสิครับ ผมว่าเราดีกว่าหลายประเทศในเอเชียด้วยกันนะ จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:14:21

ความคิดเห็นที่ 68 เอาจริงๆหลายๆคนก็คงไม่ได้อยากให้ไปตามเค้าเป๊ะๆหรอกค่ะ ดูไว้เป็นกรณีศึกษา เราอ่านแล้วก็นึกถึงการทำงานของรัฐบาลมากกว่าเหมือนกัน แน่นอนว่าอยากให้วงการเพลงไทยได้เผยแพร่ไปต่างประเทศบ้าง แต่ตอนนี้ ขอแค่ทำอะไรก็ได้เป็นรูปธรรมหน่อย ทำแล้วก็ใช้เวลาในพัฒนาและจริงจังกับมัน ไม่ใช่ว่าจัดงานนึงเสร็จจบ หันไปทำอย่างอื่นต่อ -*- จากคุณ : No Sense of Humor เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 21:50:35

ความคิดเห็นที่ 69 ไม่ว่า Mr.Terran จะนำเสนอสิ่งไหนก็มีความรู้ทั้งนั้นเลยคะ ไม่ว่าจะเรื่องบันเทิงหรือเรื่องต่างดาว จากคุณ : ตามมาให้กิ๊ฟ (หนูคิ M.T.U.) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 00:05:56

ความคิดเห็นที่ 70 เมืองไทยเขายังเน้นขายแต่ การท่องเที่ยว และ บริการ เขาไม่สนับสนุนหรอกครับเรื่องบันเทิง เขาไปสนับสนุน นวด ก่อนแล้วหละตอนนี้  โร้ดโชว์ต่างประเทศ นวดและ ลด แลก แจก แถม จองตั๋ว จองโรงแรม เที่ยวทะเล เกาะ ภูเขา จะอยู่เด่นตลอด เขาคิดว่าใช่สำหรับเขา ทั้งที่  บ้านเรามีสถานที่ท่้องเที่ยววัฒนธรรมดีๆที่น่าสนใจอยู่มากมาย แต่ก็นะ คิดได้แต่ จะจัดนู้นจัดนี้ในกรุงเทพ ทำข่าวใหญ่ๆให้ดังทั่วโลก แต่ การจารจรแย่ คมนาคมไม่สะดวก แถมตอนนี้ พรก ระเบิดอีก เขาไม่เข้ากรุงเทพให้เสียวเล่นหรอก เขาก็ลงใต้ไปเที่ยวทะเล ภูเขาหรือขึ้นเหนือกันไปเลย ชักเป็นห่วงลูกหลานเหมือนกัน มีอย่างเดียวคือรอให้การท่องเที่ยวตกต่ำแบบสุดๆเขาอาจจะเริ่มมองอย่างอื่นเพื่อมาสนับสนุนแทนบ้าง ทำไมนะ ไม่สนับสนุนให้มันหลายๆด้านหน่อย ไม่เผื่อว่ามันจะพลาดบ้างรึไงก็ไม่รู้ แต่อย่างว่าแหละ เขาผักชีโรยหน้าเก่งจะตาย ขนาด หุ่นเชิดที่โดนเชิญไปประกวดที่เยอรมันนั้นอะ เป็นไงหละ เคสตัวอย่างเลยจริงๆ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 02:33:24 จากคุณ : Nabi_oppa เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 02:31:46

ความคิดเห็นที่ 71 อยากให้วงการเพลงไทยได้อย่างเค้ามั่ง แต่เราเห็นใจนะ คือเพื่อนเราเป็นเด็กในค่าย....อยู่ แล้วมันก้อบอกว่า ถ้าหน้าตาไม่ดี หุ่นไม่ดี แต่เสียงเพราะ จะได้ออกอัลบั้มยาก เด่วนี้เน้นหน้าตามากกว่า เสียงเอาแค่พอไปวัดไปวาได้ แล้วจะมาว่านักร้องไทยไร้คุณภาพ ก้อทีนักร้องเสียงดีๆ หน้าตาธรรมดา ก้อไปว่าเค้าว่าหน้าตาไม่สวย เข้ามาได้ยังไง พอเค้าศัลยกรรม ก้อว่าเค้าอีก สุดท้ายก้อเหลือแต่หน้าตาดี ตีตลาดวัยรุ่น แต่เสียงห่วย เต้นยึกยัก เพลงก็ไปก๊อปไอเดียเค้ามาทำ จากคุณ : คุโรดะรุ่นที่4 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 08:20:36

ความคิดเห็นที่ 72 ได้จากบ้านเราไปก็มากครับ เงินน่ะ แต่ทำไงได้ในเมื่อบ้านเราไม่มีพัฒนาการนิ จากคุณ : dragon alone เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:56:22

ความคิดเห็นที่ 73 กระทู้นี้ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณ จขกท. และ คนที่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทุกคนเลยนะคะ ได้อะไรกลับไปคิดหลายอย่างเลย จากที่อ่านๆมา เหมือนว่าปัญหาจะติดที่รัฐบาล (ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยเป็นอย่างยิ่งค่ะ) ยังไม่อัดงบมาให้อุตสาหกรรมบันเทิงซักเท่าไหร่นะคะ เหมือนกับตอนนี้จะเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องปากท้องประชาชนมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรามองว่า ปัญหาที่มันฝังลึกอยู่คู่สังคมไทยมาช้านานก็คือเรื่อง "คอรัปชั่น"  สมมติว่า รัฐบาลมีนโยบายอัดงบมาให้อุตสาหกรรมบันเทิงซักพันล้านอ่ะ แล้วการดำเนินงานก็จะผ่านหน่วย ผ่านกรม ผ่านอะไรมากมาย กล้าพูดมั้ยล่ะ ว่าเงินพันล้านที่ให้มา ตกถึงเป้าหมายจริงๆซักกี่บาท ดำเนินการพัฒนาได้แป๊บๆ เอ้า...งบหมด ต่อยอดไม่ได้ (หรือไม่ยอมต่อยอดเองหว่า...) ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ปัญหาทุกอย่างในประเทศก็แก้ได้นะ เราว่า พอปัญหาพื้นฐานมันหมดไป ก็จะได้เริ่มมองอะไรที่มันกว้างไกลขึ้น แต่ทุกวันนี้ยังวนอยู่ที่เก่าอยู่เลย ปัญหาปากท้องประชาชนเมื่อสิบกว่าปีก่อนเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม... พูดไปพูดมาเริ่มออกทะเล 555+ ยังไงก็เอาใจช่วยอุตสาหกรรมบันเทิงไทยนะคะ ของๆเรามีเอกลักษณ์ดีแล้ว พัฒนาได้ แต่อย่าไปเลียนเขานะคะ ^^ จากคุณ : Andie_Lovely เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 02:25:22

ความคิดเห็นที่ 74 ผู้ใหญ่บ้านเราก็จะพูดคำเดียวว่า ไร้สาระ จากคุณ : MlCHAEL เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 05:54:19

ความคิดเห็นที่ 75 ก็ว่าอยู่ว่าเด็กไทยที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการหายไปไหนกันหมด เราต่อยอดไม่เป็นกันนี่เอง จากคุณ : usdank เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 09:40:45

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณนะคะ ข้อมูลแน่นปึก แถมยังมีหลายคนมารวมให้ความเห็นอีก แต่มีเรื่องที่เราสงสัยมานาน จริงๆแล้ว JPOP นี่เข้ามาในบ้านเมืองเรามานานก่อน KPOP มากๆๆๆ แต่ทำไมดูเหมือนเขาไม่ค่อยสนใจจะเข้ามาโปรโมทบ้านเราเท่าไหร่เลย(อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะ) มันเพราะอะไรใครวานบอก หรือเจ้าของกระทู้เห็นว่าน่าวิเคราะห์อีกเรื่องก็จะดีใจมากเลยค่ะ ^^ จากคุณ : ChoCojunk เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 11:45:02

ความคิดเห็นที่ 77 76# เท่าที่ทราบมาเป็นเพราะผู้บริโภคทางญี่ปุ่นเสพสินค้าที่เป็นของจริงกันส่วนใหญ่ค่ะ และค่าครองชีพเขาก็สูงด้วย สามารถทำ CD แพ็กเกจสวยๆ ขายในราคาแพงๆ ได้ หรือแม้แต่ซิงเกิลอัลบั้มก็ยังขายได้ (เกาหลีขายดีเฉพาะอัลบั้มเต็มกับมินิอัลบั้ม) ยอดบริโภคภายในประเทศเขาสูง เพราะมีประชากรเยอะอยู่แล้ว เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ค่อยสนใจตลาดต่างประเทศค่ะ (ถ้ามองทีหนึ่งก็คือยุโีรป+อเมริกาเลย) หลายครั้งเราเลยได้ยินว่าค่ายเพลงทางญี่ปุ่นค่อนข้างเล่นตัว แต่จริงๆแล้วเขามองว่ามันได้ไม่คุ้มเสียน่ะ ลงทุนมาโปรโมตตปท.ทั้งที แต่คนกลับซื้อ+ดาวน์โหลดเถื่อน สู่มุ่งแต่ตลาดในบ้านชิลล์ๆ แต่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำดีกว่า และนี่ก็เป็นสาเหตุให้ศลป.เกาหลีมองตลาดญี่ปุ่นไว้เช่นกันค่ะ อย่างทงบังชินกิ (จำตัวเลขแม่นๆไม่ได้ไม่ขอระบุตัวเลขละกันนะคะ) ยอดขายซีดีในเกาหลีเท่ากับจำนวนแฟนคลับหารสอง ส่วนโทโฮชินกิ ยอดขายซีดีในญี่ปุ่นเท่ากับจำนวนแฟนคลับคูณสอง ประมาณนั้นนะที่ได้ยินมา ส่วนเหตุผลที่ทำให้เกาหลีมาเจาะตลาดเล็กๆอย่างบ้านเราก็เพราะที่บ้านเขาประสบวิกฤตของเถื่อนนั่นแหละ มาโปรโมตประเทศเล็กๆเยอะๆ จะไำด้มียอดซีดีเพิ่มบ้าง หรือไม่ก็จัดโชว์เคสได้ แต่ถามว่าเกาหลีอยากลงหลักปักฐานในบ้านเรามั้ย เราเชื่อว่าแม้ฐานแฟนคลับจะเหนียวแน่นเพียงใด เขาก็คงไม่เสี่ยงหรอกค่ะ จากคุณ : bluesherbet เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 18:49:29

ความคิดเห็นที่ 78   เกาหลีมันจะยังไงก็ตาม เราคนนึงล่ะ ที่รักเพลงไทย ^^ จากคุณ : aloha023 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 21:55:55

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นด้วยมากๆ โหวตเลย ให้กิ๊ฟจนหมดหน้าตัก เพลงไทยดีๆก็มีเยอะแยะ ศิลปินมีคุณภาพก็มี แต่เจอปัญหาของเถื่อนเข้าไปก็หงายเงิบเหมือนกัน เพราะอะไร ? ทำไมทั้งเทป ซีดี วีซีดีคาราโอเกะของศิลปินไทยถึงขายไม่ออก แต่ทำไมถึงไม่ค่อยมีคนซื้อ มีแต่คนรอโหลด เพราะเค้าไม่มั่นใจในคุณภาพรึป่าว จากประสบการณ์ของเรานะคะ เราซื้อเทป ซื้อวีซีดีมา เพราะชื่นชอบตัวศิลปิน ปรากฏว่า ทั้งอัลบัม มีเพลงเพราะๆ ให้ฟังแค่ 2 3 เพลง นอกนั้น.... ไม่อยากจะบรรยาย วีซีดีคาราโอเกะ อยากจะซื้อมาดูเอมวีสวยๆ แต่ก็ต้องเจอกับ เอมวีห่วยๆ ที่สักแต่ว่าจะถ่ายๆ ไปงั้นแหละ มายืนร้องๆ เล่นๆดนตรีให้จบไป ไม่มีการครีเอท หรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้างเลย แล้วมันจะไปน่าดูมั๊ยเนี่ย เจอแต่อะไรเดิมๆ เข้าใจว่างานมันไม่ได้ง่าย และเราก็ไม่สามารถจะทำได้แบบเค้า แต่ไหนๆ คุณก็ทำงานตรงนี้ ลงทุนการเงินไม่ได้มาก ก็ช่วยลงทุนทางความคิดมากๆหน่อยก็ยังดี เปรียบเทียบให้เห็น music show ของเกาหลีมี่เค้าจัดกันทุกสัปดาห์เนี่ย เวที ไฟ เอฟเฟคต่างๆ ทุกอย่างอลังการมากๆ ที่สำคัญคือเปลี่ยนกันทุกอาทิตย์ เค้าลงทุนทำให้งานออกมาดี พองานอออกมาดี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนสนับสนุนผลงานของเค้า ส่วนเมืองไทยหรอค่ะ คอนเสิร์ตรายสัปดาห์เป็นไง เวทีเบสิคๆ ไฟนิดหน่อย ไร้ซึ่งการประดับประดาใดๆให้สนใจ แถมบางที ไล่ตีกันหัวแตกอีกต่างหาก นักร้องบางคน ออกมาร้อง เสียงเพี้ยนเสียงหลง จนต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นนักลิปซิ้งค์ เพราะร้องจริงๆ ไม่ได้เรื่องก็มีให้เห็นเยอะแยะ ร้องไม่ได้แต่หน้าตาไปไหว ทางค่ายก็ให้ออกมาขายหน้าตา เซ็งซิคะงานนี้ อ่านแล้วก็มองไปถึงรัฐบาล ที่รัฐบาลต้องในหารสนับสนุนด้วย จะให้ภาคเอกชนเป็นคนผลักดันฝ่ายเดียวก็คงจะไปไม่ถึงดวงดาว ไม่ว่าจะชุดนี้ ชุดก่อนนี้ หรือชุดในอนาคต ช่วยพัฒนาบ้านเมืองก่อนจะพัฒนาเงินในกระเป๋าพวกพ้องของท่านๆ ไม่รู้ว่าชาติไหน นักการเมืองไทยทั้งหลายถึงจะหยุดคอรัปชั่น ซักที รถไฟฟ้า แค่ทั่วกรุงเทพยังทำไม่ได้เล๊ย ก็แหม๋ มัวแต่เอาเงินไปซื้อ GT200 รถถังมั่ง เครื่องบินรบมั่ง จะเอางบที่ไหนมาพัฒนาด้านอื่นละคะ อุ๊ป...!!! ยาวซะงั้น จากคุณ : Hebihime เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 01:26:50