Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
น้ำใสใจจริง เดอะมิวสิคคัล: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในความทรงจำ  

นาน ๆ เข้ามาที แล้วเห็นว่ามีคนเอาบล็อคผมมาอ้างถึงอันก่อน แต่เหมือนข้อความไม่ครบ กลัวว่าอ่าน ๆ ไปแล้วจะงง ๆ เลยเอาตัวเต็มมาโพสอีกทีแล้วกันนะครับ (แต่ขอบคุณคุณ สรวลเสเรวล ที่อุตส่าห์แวะไปที่บล็อค)

----------------------------------------------------------------


เคยมีคนบ่นกับผมทำนองว่าทำไมละครที่ผมชื่นชอบบอกว่าเป็นละครที่ดีนั้นมักเป็นละครที่ดูเครียด เนื้อหาหนัก ๆ ไม่ก็เป็นแบบนอกกระแส ไม่มีละครเบาสมอง ดูแล้วผ่อนคลายบ้างเลยหรือ ซึ่งผมมักตอบไปว่าละครที่ดีไม่ใช่ว่าต้องมีเนื้อหาตีแผ่มนุษย์อะไรให้สลับซับซ้อนตลอดเวลาหรอกนะ ละครที่มีเนื้อหาง่าย ๆ สนุกเพลิดเพลิน ก็สามารถทำให้สนุกและทำให้ผู้ชมอิ่มอกอิ่มใจได้เหมือนกัน ไม่ต่างจากหนัง Feel Good ชั้นเยี่ยมหลาย ๆ เรื่อง เพียงแต่เราอาจจะไม่ค่อยเจอละครเวทีแบบนั้นบ่อย ๆ นัก เพราะแม้การทำละครเวทีดราม่าหนัก ๆ ว่ายากแล้ว แต่การทำละครให้สนุกและมีชีวิตชีวาตลอดโดยไม่ใช้วิธีที่ไร้รสนิยมในบทหรือการแสดงนั้นยากกว่ามากนัก

และละครเวทีเพลงเรื่องล่าสุดจาก DreamBox “น้ำใสใจจริง เดอะมิวสิคคัล” ก็กลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ผมคงยกเอาพูดถึงและแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ถึงตัวอย่างที่ดีของละครเพลงที่ทั้งสนุก อิ่มเอิ่บ แต่ยังคงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวและเก็บรายละเอียด รวมทั้งการตีความที่คงไว้ซึ่งแก่นคุณค่าของบทประพันธ์ดั้งเดิมได้อย่างครบถ้วนและงดงาม

เรื่องราวของ “น้ำใสใจจริง เดอะมิวสิคคัล” ซึ่งดัดแปลงจากบทประพันธ์อันลือชื่อของว. วินิจฉัยกุล ว่าด้วยเรื่องของหนุ่มสาวที่สอบติดมหาวิทยาลัยใหม่ในต่างจังหวัดซึ่งพวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกัน และเวลาที่ผ่านไปนั้นก็ค่อย ๆ หลอมพวกเขาด้วยไมตรีที่หยิบยื่นให้กันและกัน โดยแม้อาจจะมีปัญหาหรือความขัดแย้งกันบ้างแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ ก่อนที่ช่วงเวลาและประสบการณ์ที่ผ่านไปนั้นจะถูกยกให้เป็นช่วงเวลาในความทรงจำที่ดีที่สุด

หนึ่งในเอกลักษณ์ของ DreamBox  ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการเล่าเรื่องภายใต้การเขียนบทโดย ดารกา วงศ์ศิริ ซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถหยิบบทประพันธ์ดี ๆ มาถ่ายทอดเป็นบทละครที่ยังคงเนื้อหา บรรยากาศ และ “สาระ” ของเรื่องได้อย่างครบถ้วน ซึ่งคำว่า “ครบถ้วน” นี้ไม่ได้หมายความว่าถอดแบบจากหนังสือชนิดฉากต่อฉาก ตัวอักษรต่อตัวอักษร แต่คือการทำให้ชีวิตและความรู้สึกที่ถูกบรรยายอยู่ในบทประพันธ์กลับขึ้นมามีชีวิตให้เราได้สัมผัสผ่านการเล่าเรื่องในรูปแบบของละคร โดยใน “น้ำใสใจจริง เดอะมิวสิคคัล” ผู้เขียนบทก็ไม่ได้เลือกที่จะนำทุกอย่างของหนังสือมายัดลงบนเวที แต่หยิบวัตถุดิบที่บทประพันธ์มีให้นำมาปรุงแต่งให้ผู้ชมได้ “รู้สึก” จากละครโดยมีรสชาติไม่ได้บิดเพี้ยนจากการอ่านนวนิยายดั้งเดิม

เหตุการณ์สำคัญ ๆ ของเรื่องถูกนำมาเรียงร้อยและแสดงให้เห็น Coming of Age ของเหล่าบรรดาตัวละครที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นอันเป็นวัยที่เพิ่งจะหลุดพ้นคำว่า “เด็ก” แต่ก็ยังไม่ได้เป็น “ผู้ใหญ่” ซะทีเดียว การเริ่มประสบการณ์ชีวิตในถิ่นที่แปลกไป การเข้าไปอยู่ในกฏระเบียบของสังคมใหม่ อยู่ร่วมกับผู้อื่น การเติบโตของความรัก รวมไปถึงความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ ที่ต่างไปจากสมัยเรียนโรงเรียน ซึ่งไม่แปลกเลยที่หลาย ๆ คนจะยกว่าช่วงประสบการณ์เหล่านี้คือช่วงเวลาที่มหัศจรรย์และมีความสุขที่สุด ซึ่งหลังจากที่ละครพาเราเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เราก็จะได้สัมผัสความสุขนั้นพร้อม ๆ กับตัวละครโดยมิวายที่จะเผลอไปนึกถึงความทรงจำของผู้ชมเองไปพร้อม ๆ กัน

นอกจากการเล่าเรื่องที่ดีมากแล้ว บทเพลงที่นำมาใช้ในละครเพลงเรื่องนี้ก็มีเสน่ห์มากมายไม่แพ้กัน เพราะเลือกนำเพลงสไตล์ยุค 60 ซึ่งคล้องไปกับช่วงเวลาของเรื่องมาใช้เป็นแนวเพลงหลัก ผลที่ได้คือผู้ชมจะรู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอินกับบทเพลงไพเราะสมัยก่อน ๆ แถมพ่วงด้วยเนื้อร้องที่เลือกใช้คำได้สละสลวย มีความปราณีตไพเราะมากแต่ก็รวบรัดกระชับและคงอยู่ในกระบวนการเล่าเรื่อง ซ่ึ่งส่วนผสมที่ลงตัวนี้หาได้ยากอยู่กับวงการละครเพลงเมืองไทยที่ยังสับสนและเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับวิถีของเพลงในละครเวทีอยู่มาก

ขณะเดียวกัน จังหวะของการแสดงก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าละครเวทีที่จะให้สนุก และบันเทิงอารมณ์ได้ตลอดเวลานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ในขณะที่ละครเวทีหลาย ๆ เรื่องเลือกจะใช้มุกตลกหยาบ ๆ หรือวิธีแบบละครทีวีที่เอะอะตีหัวเข้าบ้านนั้น นำ้ใสใจจริงกลับเลือกจะเล่าเรื่องอย่างจริงใจและให้เราสนุกหัวเราะไปกับจังหวะและโทนในแต่ละฉาก มุกตลกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้นอาจจะคล้าย ๆ กับมุกตลกที่ผู้เขียนเคยประนามไว้อยู่บ่อย ๆ แต่เส้นแบ่งบาง ๆ ที่เรียกว่า “ความจริง” ของการแสดงที่ไม่ได้เกิดจากการยัดเยียดนั่นแหละที่ทำให้ผู้ชมพร้อมจะหัวเราะหรือร้องไห้ไปกับบรรดาตัวละครต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้นั่นแหละเป็นส่วนที่ยากมาก ๆ กับการที่จะควบคุมให้นักแสดงไม่ได้ “จงใจ” ทำให้สนุกแต่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเมื่อไรที่เรารู้สึกว่าการแสดงต่าง ๆ นั้นเป็นธรรมชาติแล้วนั้น เราก็จะไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้อินไปกับเรื่องราวโดยไม่ต้องเสแสร้งหัวเราะแต่อย่างใด

นักแสดงอย่างปุยฝ้าย ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล ดูจะเติบโตและพัฒนาฝีมือในการแสดงละครเพลงขึ้นมามากจากแม่นาค เดอะมิวสิคคัล โดยบทครีมที่เธอได้รับนั้นแม้ว่าจะไม่ได้เป็นบทเด่นประเภทที่ต้องออกทุกฉาก แต่แค่ไม่กี่ฉากที่เธอออกมาพร้อมกับบทเพลงหลัก ๆ ก็เพียงพอที่จะให้คนดูเทใจให้กับเธอได้ทันที และในขณะเดียวกันผู้ชมก็อาจจะทึ่งในเสน่ห์ของนักแสดงหลักหลาย ๆ คนที่ไม่คิดว่าจะทำผลงานการแสดงได้ดีขนาดนี้อย่าง ภพธร สุนทรญาณกิจ (โจม) มุรธา ปริญญาจารย์ (อ้อมพร) สิทธิชัย ผาบชมพู (ทัดภูมิ) ซึ่งแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นดาราแถวหน้าหรือขึ้นทำเนียบนักแสดงระดับพระกาฬ แต่กลับกลายเป็นว่านักแสดงทำให้ตัวละครแทบทุกตัวนั้นมีเสน่ห์และความน่ารักในตัวเองแถมเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดโดยไม่มีใครกระโดดออกมาประเภทเด่นคนเดียวที่เหลือเป็นดาวประดับ

จากประสบการณ์ของผู้เขียนแล้ว การแสดงและทิศทางของละครต่าง ๆ นั้นไม่ได้ฝากทุกอย่างไว้ที่ระดับชื่อเสียงและความสามารถของนักแสดงเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญกว่าคือความสามารถของผู้กำกับที่จะสามารถ “กำกับ” นักแสดงเหล่านั้นให้แสดงความสามารถได้ตามครรลองของละครหรือไม่ ซึ่งละครเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของสุวรรณี จักราวรวุธ ว่าเธอมีความสามารถอย่างโดดเด่นจริง ๆ

แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะดีไปไหม ในรอบสื่อมวลชนที่ผู้เขียนได้ชมนั้นยังมีหลาย ๆ อย่างที่ติด ๆ ขัด เช่นการแสดงที่ยังสามารถกระชับได้มากขึ้นไปอีก หรือการร้องเพลงในบางช่วงที่รวบคำฟังไม่ชัด ตลอดไปจนถึงระบบเทคนิคที่ยังติด ๆ ขัด ๆ ไม่ราบรื่นอยู่บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงเป็นเหมือนตำหนิที่ลดอรรถรสบางอย่างในการชมละครไปบ้างและควรถูกนำไปปรับปรุงต่อไป

โดยรวมแล้ว ความสุขอย่างมากของการดู “น้ำใสใจจริง เดอะมิวสิคคัล” คือการได้ร่วมมีความสุขไปกับความทรงจำของตัวละครต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่าผู้ชมหลาย ๆ คนก็ต่างมีประสบการณ์ร่วมที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพราะต่างคนก็ล้วนเคยผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดกันมาทั้งนั้น แม้ละครอาจจะไม่ได้ถ่ายทอดทุกรายละเอียดและทุกด้านของชีวิตที่เราหรือตัวละครเรียนรู้ในตลอดสี่ปีของมหาวิทยาลัย แต่แค่บางมุมที่ถูกหยิบเลือกมาก็เพียงพอที่เราจะได้อมยิ้มและนึกถึงวันเก่า ๆ เพื่อนเก่า ๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

และนั่นก็เป็นจุดหมายปลายทางที่ละครพาเราไปถึงตอนสุดท้ายพร้อมกับความประทับใจในความทรงจำบทใหม่ที่ถูกเติมเข้ามาในชีวิตของเรา

-----------------------------------------------------------------

ก๊อปปี้จาก http://www.barkandbite.net/2010/08/nsjj-musical/

หมายเหตุ. ไม่ได้เข้ามาพักใหญ่ ๆ ไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ ชาวห้องละครเวทีเป็นยังไงบ้าง อย่างคุณลำปาว คุณชีวารมย์  คุณ mie-mien

แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 53 22:06:38

จากคุณ : surviorx
เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 22:04:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com