 |
ความคิดเห็นที่ 18 |
ตอนแรกกะว่าจะรอให้ได้ CD มา rip เอง หรือรอไฟล์ 320 kbps ก่อน เพราะเวอร์ชั่นที่หลุดออกมาเป็น 128 kbps แล้วพอไปฟังเครื่องใหญ่รู้เลยว่าเสียงเปียโนมันใสกิ๊งได้มากกว่านี้ ไลน์ประสานมันแน่นได้มากกว่านี้อีก (เมื่อเช้าฟัง W แล้วตกใจมาก เพราะตอนท่อน Aitakute เสียงจุนซูกับแจจุงจมหายไปซะอย่างนั้น)
แต่ไหนๆแล้วก็เอาสักหน่อยแล้วกัน (เอ่อ...กลับมาดูอีกรอบมันยาวมากกกกกก ถ้าใครไม่ชอบอ่านยาวๆข้ามไปเลยก็ได้นะคะ ^^")
いつだって君に (Itsudatte Kimi Ni) ตอนแรกที่ฟังพรีวิวเพลงนี้แล้วสารภาพว่าไม่ชอบขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะรู้สึกว่าแจจุงออกเสียงร้องแปลกๆยังไงไม่รู้ เหมือนดัดเสียงมากเกินไป แถมคาดหวังกับเพลงนี้ไว้เยอะมาก จากการไปฟังสดในคอนมา...แต่พอได้มาฟังแบบเต็มๆเพลงแล้ว เจอเสียงแจร้องคลอกับเปียโนเข้าไป 3 วินาทีน้ำตาก็คลอแล้ว (รู้สึกตัวเองเว่อร์มาก...แบบว่าซึ้งอ่ะ) แบบนี่แหล่ะ...เสียงดิบๆ ไม่ต้องแต่ง แหบนิดๆ แต่ก็ยังรู้สึกได้ทั้งความสุข เศร้า เหงา ปนกันไป พอมาถึงเสียงป๊าคแหบๆทุ้มๆต่ำๆให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าปลอบใจเราอยู่ แล้วตามมาด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์สุดๆของจุนซูที่ทำให้อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้ยินเสียงประสานรองอยู่อีกชั้นแล้วยิ่งอบอุ่นจัง...ไม่ต้องดูความหมายก็รู้ว่าร้องให้แฟนๆเลยหล่ะ จบเพลงแล้วยิ้มแก้มปริ แบบว่าเพลงเพราะจริงๆ แล้วก็เสียงดิบๆอย่างนี้แหล่ะที่อยากได้ยิน (ภาคดนตรีแอบรู้สึกว่าตอนช่วงท่อนฮุคมันรกไปนิด แบบว่ามีเสียงเครื่องดนตรี กับเสียงสังเคราะห์หลายชั้นไปหน่อย พอบวกเสียงน้องแล้วรู้สึกว่าเกินไปนิด...แต่พอลองไปฟัง instumental แล้วภาคดนตรีมันจะลงตัวพอดี)
Get Ready เพลงนี้ในคอนสนุกเพราะมีท่าให้ทำตามด้วย แล้วก็ทั้งคนร้อง ทั้งแดนเซอร์ก็บิ้วท์กันสุดฤทธิ์ จริงๆเวลาร้องสดแล้วจะเด่นที่คำว่า OK! แต่พอมาถึงแบบ studio version ก็สนุกมากไปอีกแบบเพราะภาคดนตรีที่มีกลิ่นดนตรีดิสโก้นิดๆ บวกเสียงปรบมือตั้งแต่เริ่มต้นเป็นจังหวะให้โยกได้ เปิดเพลงมาด้วยเสียงจุนซูที่สำเนียงอังกฤษดีขึ้นอย่างผิดหู กร๊ากกกกก (แม่โลมาอย่าตีเค้าน้าาา) แต่เพลงนี้เสียงป๊าคเซกซี่ชนะเลิศมาก ถึงตอนแรกจะโผล่มาแจมๆกับจุนและแจนิดๆหน่อยๆ แต่ไอ้ที่แจมๆนี่แหล่ะคือตรงที่ทำให้ท่อน A + pre chorus ดูมีสีสันขึ้นมาเลยทีเดียว เช่นเดียวกับการแจมของน้องจุนตอนหลังฮุคแรก...ยิ่งมีเสียงโลมาก่อนฮุคสองนี่มันทำให้มันส์เข้าไปใหญ่ เพลงนี้ชอบที่น้องๆดีไซน์การใช้เสียงได้น่าสนใจ แปลกจากเพลงอื่นๆไปเยอะเลย ชอบการมิกซ์เสียงคนดูปรบมือไปพร้อมกับแจตะโกนเย้วๆ (แต่เค้าแอบฮาตอน baby clap, one clap, two clap, three clap มีคนฟังเป็น crap ด้วย )
Long Way เป็นเพลงที่หวังไว้น้อยสุด เพราะมันเหมือนเป็นเพลงที่ถูกลืมตอนอยู่ในคอนเสิร์ต แฟนแอคเค้าท์หลายอันลืมเพลงนี้ไปเลย - -" แต่พอได้ฟังแล้วชอบตั้งแต่ได้ยินเสียงเปียโนกรุ๊งกริ๊งขึ้นมา บวกกับเสียงกลองที่ต่อมาเป็นจังหวะคล้ายๆมาร์ชคลอไปทั้งเพลงเลย เพลงนี้ทั้งสามคนดีไซน์เสียงร้องให้รวมเข้าหากันมากกว่าเพลงอื่นๆ บวกกับการอัดเสียงเพิ่มคอรัสเข้าไปเยอะกว่าเพลงอื่น ยิ่งท้ายท่อนฮุคที่จะมีเสียง long way long way ทำให้กลายเป็นเพลงที่น่ารักกว่าที่คิดเยอะมาก และเป็นเพลงที่ฟังสบายที่สุดในอัลบั้มเลย (ชอบเสียงมิกกี้เวลาร้อง I promise not to forget...always I believe myself...long way แล้วก็ไถโน้ตจบสวย...) ฟังแล้วอยากจะเดินๆก้าวไปกับหนุ่มๆด้วย ถ้าอารมณ์ไม่ดีหรือเครียดๆอยู่ แนะนำให้ฟังเพลงนี้เลยค่ะ ^^
W สารภาพว่าฟังครั้งแรกไม่ชอบ studio version เลยค่ะ คือยังติดกับความรู้สึกของการฟัง live แล้วมันเลยทำให้รู้สึกว่าเวอร์ชั่นนี้จืดไปหน่อย ตอนฟังสดๆก็คิดอยู่ว่าทำไมเพลงมันมีกลิ่นความอลังการแบบคุ้นๆ พอมาเห็นเครดิตคนแต่งเพลงแล้วก็เลยเข้าใจ คุณ Daisuke Suzuki ที่แต่งเพลง Love in the Ice กับ Bolero ของโทโฮชินกินี่เอง...แถมคนแต่งเนื้อร้องก็บอกว่าคุยกับทั้งสามคนแล้วแต่งเพลงนี้ออกมาจากความรู้สึกของสามคน แต่ละคนถึงได้ร้องกันแบบถวายชีวิตขนาดนั้น
เพลงนี้มีคนบอกว่าทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า "Music is half heard and half felt"
จริงๆแล้วเพลงนี้ขนลุกมาตั้งแต่เสียงจุนซูที่ได้ร้องในคีย์ที่ต่ำกว่าปกติ แต่เป็นคีย์ที่ทำให้เสียงน้องนุ่มมากๆ ต่อด้วยเสียงยูชอน ประสานต่อด้วยแจจุง ผลัดกันประสานกันไปมาทั้ง 3 คน บางช่วงที่ยูชอนกับจุนซูสลับกันร้องไลน์ปกติ แจจุงก็ลงไปประสานต่ำ ทำให้เห็นไดนามิกของการประสานที่แปลกหูดูเป็นเอกลักษณ์ไปอีกแบบ อย่างช่วง bridge สุดท้ายก็ได้ยินเสียงจุนซูประสานเสียงสูงไลน์ต่ำให้กับเสียงกรีดร้องแหลมวีดของแจจุง บวกกับเสียงทุ้มต่ำร้องคำว่า Kitto ของยูชอน
เพลงนี้เรียบเรียงท่อนได้ประหลาดมาก เพลงพีคแล้วพีคอีก ไม่สิ้นสุด จาก A1, A2, pre-chorus, chorus, B2, pre-chorus, chorus, bridge1, chorus, C1, C2, pre-chorus แล้วกระโดดไป bridge2 ตรง Aitakute โหยหวนเจ็บปวด แล้วถึงตัดกลับมาที่ chorus สุดท้ายแล้วจบลงด้วยเสียงกีตาร์สวยๆ (ซึ่งคาดว่าจะเป็นเสียงกีตาร์จากคุณ Inoue คนแต่งเนื้อร้องเองนี่แหล่ะ)
ตอนฟังเวอร์ชั่นสด แต่ละคนจะรู้สึกว่าเหมือนน้ำเชี่ยวกรากตั้งแต่เริ่มต้น แต่ studio version จะเหมือนน้ำไหลเย็นที่ค่อยซึมเข้าไปในความรู้สึกทีละนิด แต่ที่ไม่ต่างกันคือยังคงให้ความรู้สึกโหยหา เศร้าลึก โดยไม่ต้องคิดถึงเนื้อเพลงที่จะยิ่งทำให้รู้สึกเลยว่าเพลงนี้แต่งเพื่อให้สามคนนี้ร้องจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามจะ cover เพลงนี้ แต่ความรู้สึกที่ฝังลึกในแต่ละประโยคนั้นคงจะไม่มีใครเข้าถึงได้เท่ากับทั้งสามคนอีกแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆในมินิอัลบั้มนี้คือความหมายของแต่ละเพลงที่ออกมาในแง่บวก ดนตรีโดยรวมแล้วสบายๆ ฟังแล้วทำให้นึกไปถึงเรื่องราวดีๆในอดีต มุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน และพร้อมจะก้าวต่อไปในอนาคต รวมไปถึงเสียงร้องน้องๆที่ดิบๆ เข้าถึงอารมณ์แต่ละเพลงได้มากกว่าที่เคย
ฟังแล้วก็รู้ว่ามินิอัลบั้มนี้ได้ฟังจนคุ้มแน่ๆ (ขายของได้อีก )
^___________________^
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 18:28:07
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 18:24:22
จากคุณ |
:
gibt
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ย. 53 18:19:46
|
|
|
|
 |